ยกที่ 56 (ต่อ)
สามภพโคลงศีรษะ ทำคิ้วย่นแต่ยังมีรอยยิ้มน้อย ๆ บังคับพวงมาลัยให้รถเลี้ยวเข้าไปในซอยตรงหน้า รถเคลื่อนตัวเข้าไปอีกเพียงนิดเดียวก็ชะลอก่อนจะจอดลงหน้าบ้านสองชั้นในรั้วรอบขอบชิดหลังหนึ่ง บรรยากาศดูค่อนข้างเก่าแก่แต่ไม่ได้ทรุดโทรม ต้นไม้ที่เติบโตอยู่ในอาณาบริเวณมากพอจะให้ความร่มรื่นในยามกลางวัน คิมหันต์มั่นใจว่าถึงจุดหมายแล้วตอนที่สามภพทำท่าจะเดินลงไปเปิดประตูรั้วด้วยตัวเอง แต่กลับมีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินออกมาช่วยเปิดให้ก่อน คนที่ทำให้เขาต้องร้อง “ว้าว” ออกมาเบา ๆ
หญิงสาวคนสวยที่เป็นลูกคุณหนู แต่ออกมาใช้ชีวิตติดดินอยู่นอกบ้านถึงสี่ปีในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจนจบจึงกลับบ้าน หญิงที่เป็นคนรักผู้เป็นพี่ชายของสามภพ ควบตำแหน่งพี่สาวสุดแสบของคุณชายอาทิตย์หน้ามึน และผู้หญิงต้นเรื่องที่ทำให้คิมหันต์มาเจอกับมนุษย์หมาบ้าสามภพด้วยวิธีการประหลาดของเธอ
อันนา วิจิตรนิรันดร์ กำลังเข็นประตูรั้วบ้านให้เปิดรับพวกเขา...
เชื่อเลย โลกเปลี่ยนไปแล้ว “พี่อันมาด้วยเหรอ” เขาหันไปถามสามภพที่เดินกลับมาขึ้นรถเตรียมขับเข้าบ้าน
“ยังไม่ได้บอกหรอกหรือ”
“ไม่เคยบอกเลยเว้ย!”
ชายหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะแผ่วเบา “นัดกินข้าวเที่ยงน่ะ รวมตัวว่าที่สะใภ้สองคน”
“สองคน?” อีกฝ่ายทวนคำ
“อันนา กับคิมหันต์”
“พี่แม่ง!”
เป็นอีกครั้งที่สามภพอดฉีกยิ้มกว้างกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของคนตรงหน้าไม่ได้ พอเครื่องยนต์รถดับสนิท ก็รีบคว้าไหล่อีกฝ่ายดึงเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอนตัวเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มฟอดใหญ่ ก่อนจะทำอย่างนี้ไม่ได้ไปอีกหลายชั่วโมงระหว่างอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ ถึงกระนั้นก็ยังอุตส่าห์ตกอยู่ในสายตาเหยี่ยวของอันนาที่กอดอกจ้องเขม็งเข้ามาจากนอกตัวรถ ขยับปากช้า ๆ ให้เขาอ่านคำพูดออกแม้ไม่ได้ยินเสียง
“พี่ – เห็น – นะ – ยะ”
จริงเลยผู้หญิงคนนี้จะมีก็แต่คิมหันต์ที่พักนี้ฟอร์มตก มัวแต่อ้าปากหวอโดยไม่รู้เรื่องว่าถูกเห็นเข้าแล้ว พอตั้งตัวติดก็จับเขาล็อคคอแล้วยื่นหน้ามาเอาจมูกถูไถอย่างน่ารัก เป็นทำนองว่าสู้ฟัดเต็มที่ ก่อนจะเขินเองจนต้องรีบผละออก เปิดประตูรถหนีแล้วลงไปเหวอต่อข้างนอกเมื่อเจอคุณพี่สาวคนสวยยืนกอดอกยิ้มกริ่ม สายตาบอกชัดว่ารู้เห็นเหตุการณ์สั้น ๆ นั้นตั้งแต่ต้นจนจบ
“อะแฮ่ม!”
เขาเดินตามลงมาได้ทันเห็นคิมหันต์ยืนอ้ำอึ้งต่อหน้าอันนา ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงแห้งกับเธอ
“อ่า..หวัดดีพี่อัน ไม่เจอกันนานเลย”
“เนอะ ไม่เจอกันนาน” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนมุมปาก กวาดตาสำรวจชายหนุ่มทั้งสองราวกับจะสแกนทั้งร่างก่อนเข้าบ้าน “..จำภาพสองคนที่จะตีกันตายก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย”
คิมหันต์ยักไหล่ พยายามทำเป็นเท่ “ตอนนี้ก็ยังตีกันอยู่”
“ตีเสร็จก็ขึ้นเตียง” สามภพช่วยต่อ เล่นเอาอันนาหลุดขำ
“เฮียเพี้ยน!”
“อยู่บ้านนี้ให้เรียกพี่ภพ” เขาแก้ให้
ทว่าคนฟังยังดื้อ “เฮียเพี้ยน”
“พี่ภพ”
“เฮีย—”
“อ้าว..ไม่เข้าบ้านกันล่ะลูก”“อุ้ย...” คิมหันต์อุทานเสียงเบาหวิว แก้ใหม่ให้โดยอัตโนมัติ “...เฮีย....พี่....ภพ”
“ไอ้เด็กบ้า” สามภพส่ายหน้าพร้อมกับกระซิบจากด้านหลัง วางมือบนไหล่คิมหันต์เบา ๆ ต่อหน้ามารดาซึ่งเดินออกมาตามถึงโรงจอดรถ ท่าทางคงเห็นว่ามาถึงตั้งนานแล้วทำไมยังไม่เข้าบ้านสักที ส่วนไอ้ตัวยุ่งที่มัวรั้นเถียงอยู่ได้ เจอแม่เขาเข้ากะทันหัน ถึงกับรีบปรับหน้าตาท่าทางเป็นเจี๋ยมเจี้ยมแทบไม่ทัน
“กำลังจะจะชวนเข้าบ้านอยู่พอดีเลยค่ะคุณแม่” อันนายิ้มแย้ม หันไปรับคำผู้มาใหม่ ถ้อยคำที่ใช้เรียกแสดงความสนิทสนมอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรด “อันเผลอชวนเด็ก ๆ คุยนานไปนิดนึง”
“แม่หวัดดีครับ” สามภพยกมือไหว้
ตามด้วยคิมหันต์ซึ่งแน่ใจในสถานะหญิงวัยกลางคนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วรีบยกมือตามมาติด ๆ “สวัสดีครับ”
จิตราภรณ์ พร้อมพิมาน รับไหว้ชายหนุ่มแปลกหน้า ทว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากบทสนทนาก่อนหน้านี้ระหว่างเธอกับอันนา หน้าตาและบุคลิกเขาใกล้เคียงกับที่เธอนึกภาพไว้ก่อนเจอกัน แต่ค่อนข้างเรียบร้อยกว่าคาดหากดูจากการแต่งตัวของเขา เสื้อเชิ้ตติดกระดุมขึ้นมาเสียครบทุกเม็ดเชียว ตามคำพูดอันนา เธอคิดว่าเขาจะเป็นเด็กช่างแต่งตัวกว่านี้เสียอีก เข้าใจเอาเองว่าอาจพิถีพิถันไปหน่อยด้วยเห็นว่าต้องเจอผู้หลักผู้ใหญ่ สายตาเธอเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงต้นคอซึ่งมีพลาสเตอร์ยาแปะอยู่ พยักหน้าเข้าใจอย่างผิด ๆ กับตัวเองอีกครั้งว่าคงเป็นบาดแผลเล็กน้อยทั่วไป
“..นี่คิมหันต์ใช่ไหม” เธอรับไหว้พร้อมเอ่ยทักทาย
“ครับ” คิมหันต์สบตาโดยพยายามไม่ให้ดูตื่นมากนัก คลี่ยิ้มบางอย่างเป็นธรรมชาติได้มากขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเป็นมิตรตอบกลับมา
“เจ้าอันเล่าให้แม่ฟังเยอะเชียว”
เขาเหลือบมองอันนาซึ่งยืนยิ้มหวานอยู่ไม่ไกล หากเป็นคนอื่นคงไม่หนักใจนัก แต่พอเป็นอันนาที่อาจเรียกได้ว่าเป็นทั้งคู่กรณีและหุ้นส่วนในแผนการแทรกแซงชีวิตรักระหว่างอาทิตย์และปิ่นหยกเพื่อนเขากันมาก่อนหน้านี้ ก็ค่อนข้างน่ากังวลว่าเธอให้ข้อมูลอะไรของเขากับหญิงสูงวัยตรงหน้าไปบ้าง
อันนาลอบยักคิ้วให้เขาจากด้านหลังจิตราภรณ์ ชูมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘OK’ ไปด้วยให้พออุ่นใจขึ้นมาได้นิดหน่อย เอาเข้าจริงหากเธออยากแกล้ง ด้วยสถานะในบ้านนี้แล้วย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น ได้แต่ฝากความหวังว่าเธอคงไม่งัดความร้ายกาจมาใช้เอาสนุกมากนัก
“มีก็แต่ตาภพนี่แหละ” จิตราภรณ์พูดต่อ เดินมาโอบเอวเขาไว้หลวม ๆ แล้วหันไปบ่นลูกชาย “อุบเงียบอยู่คนเดียว บอกให้พามาเที่ยวบ้านเราตั้งนาน”
“ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับ น้องก็เหมือนกัน” สามภพตอบเรียบ ๆ “คิมก็ปีสามเข้าไปแล้ว เวลาไม่ตรงกันเท่าไร”
คิมหันต์หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย สามภพไม่บอกเธอสักคำว่าเป็นเขาเองที่บ่ายเบี่ยงมาตลอด ส่วนไอ้ที่มาเรียกเขาว่า
‘น้อง’ อย่างเรียบร้อยต่อหน้าบุพการีนี่ก็จักจี้หูพิกล ปกติอยู่ด้วยกันสองคนมีแต่ไอ้ตี๋ ไอ้เด็กเวร ไอ้ตัวยุ่ง ไอ้นั่น ไอ้นี่ แท้ ๆ
“เอ้า ไปคุยกันต่อข้างใน พ่อกับตาพลป่านนี้งงแย่แล้ว มาตั้งนานไม่มีใครเข้าบ้านสักที” เธอว่าพลางหัวเราะเสียงนุ่ม เริ่มชวนคุยไปเรื่อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูใจดีและต้อนรับอบอุ่นผิดคาด อันนาไปบอกอะไรคนที่บ้านสามภพไว้บ้างก็ยังน่าสงสัย
“เห็นเจ้าอันบอกว่าจริง ๆ แล้วชื่อครีมหรือลูก?”
นั่นไง...คิมหันต์ก็คิดอยู่ว่าอันนาคงไม่ช่วยเหลือเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มันต้องมีทิ้งกับดักอะไรไว้บ้างสิน่า
“ชื่อคีมครับ” เขาออกเสียงชัด ๆ “คีมที่เป็นเครื่องมือช่าง ฟังดูแปลกนิดหน่อย”
คนฟังหัวเราะ “แม่ก็ว่า แล้วนี่เพื่อนไม่แซวแย่หรือ?”
“แซวครับ” คิมหันต์พยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มแห้งไปด้วย “ล้อตั้งแต่เด็กจนโต พอย้ายโรงเรียนผมเลยให้เพื่อนเรียกคิมจากชื่อจริงแทน”
“โถ ๆ ครีม..”
สามภพถึงกับหลุดหัวเราะ ไม่นึกว่ามารดาจะมีอารมณ์ขันหน้าตาย ในเมื่อเขาได้ยินเต็มสองหูว่าเธอจงใจออกเสียงควบกล้ำชัดมาเชียว เล่นเอาเจ้าของชื่อยืนทำหน้าไม่ถูก คงไม่คาดไว้ว่าจะโดนโจมตีไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ กะพริบตาปริบ ๆ อยู่สองสามทีจึงอ้อมแอ้มตอบผู้ใหญ่
“อ่า..แม้แต่คุณป้าก็แซวผมด้วยอีกคน”
จิตราภรณ์ยิ้มร่า ตอบอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องเหวออีกรอบ
“เรียกแม่ก็ได้จ้ะ”
ก่อนเธอจะเดินแยกออกไป เรียกผู้เป็นสามีที่ยังมัวง่วนกับผักสวนครัวที่ตัวเองปลูกไว้หลังบ้าน ส่วนอันนาหันมาส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างขบขันกับท่าทางงงโลกสุดชีวิตของชายหนุ่มซึ่งเพิ่งเคยโผล่มาที่นี่ครั้งแรกก็เจอกับการต้อนรับเหนือความคาดหมาย เรื่องนี้คิมหันต์ติดหนี้เธอครั้งใหญ่แล้ว
“เห็นหรือยังว่าไม่มีอะไรต้องกังวลสักหน่อย” สามภพตบไหล่คนข้างกายซึ่งกำลังเงยขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เดาได้เลยว่าสิ่งที่คิมหันต์คาดว่าจะได้รับต้องไม่ใช่อย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่แน่นอน
“ทำไมมัน..ง่ายดายงี้”
“ถามคนโน้นสิ” เขาพยักพเยิดไปทางว่าที่พี่สะใภ้คนสวย “ฝีมือพี่อันทั้งนั้น”
อันนาเลิกคิ้ว เอ่ยลอย ๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก “เห็นแก่ที่รู้จักกันมานาน”
“...”
“อีกหน่อยเราก็ญาติ ๆ กันแล้ว” เธอยักไหล่ พวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่ออย่างน่าแปลกใจ เดินแยกออกจากพวกเขาไปหาสามพลซึ่งอยู่หลังบ้านกับผู้เป็นบิดา
ความหมายในประโยคที่ว่าของอันนา ได้รับคำเฉลยในอีกไม่นานหลังจากนั้นเอง บนโต๊ะอาหารยามเที่ยง หลังจากทุกคนจัดการจนอิ่มแปล้หมดแล้ว สามพลผู้เป็นลูกชายคนโตของบ้านก็เริ่มเปรยเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างตัวเองและหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน
คิมหันต์ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจทีเดียว แม้นึกดูแล้วอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายนัก (เพียงแต่มัวแต่วุ่นวายกับอะไรอย่างอื่นจนลืมนึกไปหน่อย) อันนากับสามพลคบกันมาหลายปี ตั้งแต่ก่อนเขารู้จักกับสามภพด้วยซ้ำ ประวัติดี (เท่าที่ฟังจากบนโต๊ะอาหาร) มีงานการทำพึ่งพาตัวเองได้ทั้งคู่ และเขาก็ไม่เคยเห็นอันนาทำตัวน่ารักสมเป็นหญิงสาวกับคนอื่นเหมือนที่เป็นกับสามพลเท่าไร ดูไปแล้วจัดว่าพวกเขาเหมาะสมกันมากทีเดียว หากจะมีใครสักคนคอยดูแลแม่สาวมากเล่ห์คนนี้ไม่ให้แผลงฤทธิ์มากนัก เขาคิดว่าสามพลคงสามารถทำหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดี
“แต่คงยังไม่ใช่ปีนี้หรอกครับ” สามพลสรุป ท่าทางสุขุมและวางตัวเป็นผู้ใหญ่ เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นอีกฝ่ายไปปรากฏตัวตอนงานศพแม่ของปิ่นหยกเมื่อราวสามปีก่อน “คิดว่าคงอีกสักปีสองปี เอามาปรึกษาก่อนแต่เนิ่น ๆ”
บพิตร พร้อมพิมาน ผู้เป็นเจ้าบ้านพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางเบา สายตาฉายชัดว่าเห็นดีเห็นงามแม้ไม่ค่อยได้แสดงออกผ่านถ้อยคำเท่าไรนัก หากเปรียบเทียบบุคลิกของผู้เป็นพ่อและบุตรชายทั้งสอง บพิตรค่อนข้างเงียบขรึมแต่ดูรู้ว่าใจดี ขณะที่สามพลผู้เป็นพี่ชาย ให้ความรู้สึกเข้มงวดแผ่พุ่งออกมาทุกครั้งที่เอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง อาจยกเว้นตอนพูดกับอันนาไว้คนหนึ่งที่ดูเหมือนสายตาจะอ่อนโยนลงเยอะ (ตรงนี้คิมหันต์คิดว่าหวานน่าหมั่นไส้เอาจริง ๆ) ส่วนสามภพผู้เป็นน้องชาย ไปเอานิสัยใจร้อนขี้หงุดหงิดมากจากไหนก็เกิดคาดเดา
“คุณอานนท์ว่าอย่างไรบ้างล่ะ” บพิตรยิ้ม หันไปถามอันนาถึงพ่อของเธอ “จะยอมยกลูกสาวให้บ้านเราไหม”
เสียงหัวเราะดังขึ้น คนเริ่มน่าจะเป็นจิตราภรณ์ คิมหันต์แม้ยังวางตัวไม่ค่อยถูกนัก แต่ก็หัวเราะตามน้ำไปกับเขาด้วยจนได้ ขณะที่สามภพบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ยกมือขึ้นขยี้ผมเขาอ่อนโยนโดยไม่ได้พูดอะไร แม้แต่ตอนที่บพิตรหันมามอง รอยยิ้มยังค้างอยู่บนริมฝีปาก จ้องอยู่อึดใจหนึ่งจนแอบเสียวสันหลังวาบ สุดท้ายก็เพียงแต่พยักหน้าให้เขาน้อย ๆ แล้วหันไปสนใจแก้วน้ำชาของตัวเอง บทสนทนาระหว่างเขากับเจ้าบ้านหลังจากนั้นแทบนับประโยคได้ ผิดกับภรรยาของเจ้าตัวซึ่งชวนคุยเกือบตลอด ทว่าน่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกอึดอัดสักนิด ถึงไม่ได้พูดตรงไปตรงมาเรื่องคบกันอยู่เหมือนอย่างอันนาและสามพล แต่ทั้งสองท่านก็ไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจอย่างที่เขาตีตนไปก่อนไข้มาตั้งนานเลย
“พ่อเป็นอย่างนั้นแหละ..ไม่ค่อยพูด” สามภพกระซิบบอกเขาในภายหลังพลางยักไหล่ไปด้วย “แม่พูดหมด”
คิมหันต์ผงกศีรษะ เห็นทีจะจริงอย่างสามภพบอก จิตราภรณ์นั้นนอกจากคุยเก่งแล้วยังท่าทางจะช่างเอาใจเสียด้วย ชวนกินนั่นกินนี่ไม่ได้หยุด ก่อนออกมาในบ่ายวันนั้นยังพยายามบังคับให้เอาขนมติดไม้ติดมือกลับไปอีกถุงใหญ่
เขายกมือไหว้บพิตร จิตราภรณ์ สามพล รวมไปถึงอันนา (ซึ่งปกติไม่ทำหรอก) หญิงสาวยืนรวมกลุ่มกับคนอื่นที่เหลือราวกับเป็นคนจากครอบครัวเดียวกันไปแล้ว เนียนจริง ๆ
แต่อย่างว่า อีกไม่นานเธอคงแต่งงานกับสามพลแล้ว ไม่เหมือนวัสสานะผู้เป็นพี่สาวคนโตของเขา อายุอานามมากกว่าอันนาเสียอีก คบกับคนรักตัวเองมาตั้งนาน อะไรก็พร้อมหมดแล้ว ยังมัวแต่ห่วงน้อง ๆ จนไม่ยอมทิ้งความโสดสักที
“เอาไว้มาเที่ยวใหม่นะลูก ขนมนั่นรีบกินล่ะ เดี๋ยวจะหมดอายุเสียก่อน อ้อแล้ว...”
คำกำชับโน่นนี่ของจิตราภรณ์ไหลมาเรื่อยจนกระทั่งพวกเขากลับขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย คิมหันต์ยิ้มหน้าบานแฉ่งตอบเธอจนกระทั่งพาหนะเคลื่อนพ้นจากตัวบ้านในที่สุด
ครู่ใหญ่ผ่านไป สามภพจึงได้เอ่ยขึ้นแทรกเสียงเพลงที่ผู้โดยสารผูกขาดกำลังฟังเพลินในรถ
“เห็นไหมว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเลย”
“พ่อกับแม่พี่ใจดีอะ”
“บอกเป็นร้อยรอบแล้วไอ้เบื๊อก”
“ชิ! ไอ้เบื๊อก” อีกฝ่ายเลียนเสียงเขาอย่างกวนประสาท “ตอนอยู่ต่อหน้าแม่พี่ยังเรียกผมว่า
น้อง อยู่เลย”
“ชอบให้เรียกแบบนั้นหรือ”
“เปล่า!” รีบปฏิเสธมาเชียว “แค่คิดว่าสร้างภาพชะมัด!”
“ไม่เท่าไอ้ตี๋เกรียนบางคนตอนอยู่บ้านหรอก”
“ป๊าผมไม่ใจดีอย่างพ่อพี่นี่หว่า” คิมหันต์บ่นอุบ “แต่เขาดูไม่ค่อยพูดเลยนะ”
“พูดเยอะแล้ว”
“นั่นคือเยอะแล้วหรือ?”
“เขาไม่ได้ช่างจ้อเรื่อยเปื่อยอย่างเรานี่”
“อย่ามาหลอกด่ากันดิ”
สามภพหัวเราะ “นั่นแหละ พ่อเอ็นดูแล้ว ไม่ลองมาเห็นตอนพี่อันเข้ามาที่บ้านใหม่ ๆ บ้าง ตอนนั้นพี่พลแทบง้างปากพ่อยังไม่พูดอะไรเลย”
ไอ้ตัวแสบหูผึ่ง หันมาส่งสายตากรุ้มกริ่มใส่อย่างเปิดเผย “..แสดงว่าเขาชอบผม”
“งั้นมั้ง”
“โอ้ย เขาเตรียมยกเฮียให้ผมแล้วดิ!”
เท่านั้นเอง ชายหนุ่มถึงกับปล่อยก๊ากออกมาลั่นรถ คิมหันต์ยังเข้าใจสถานะระหว่างพวกเขาชนิดเข้าข้างตัวเองสุดโต่งไม่จบสิ้นจริง ๆ แม้คันปากอยากตอกกลับเต็มแก่ แต่ยังอดไม่ได้จะแกล้งเล่นด้วยสักหน่อย
“ถ้ายกให้แล้วเอาไหมล่ะ”
“เอา!” อีกฝ่ายตอบแทบไม่คิด “ผมจะจับเฮียฟัดเช้าเย็น เดี๋ยวทำกรงใหญ่ ๆ ให้อยู่ข้างไอ้ดุ๊กดิ๊ก”
“ไอ้เด็กนี่!”
คิมหันต์หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ทว่ายังไม่ได้ทันได้สวนอะไรกลับมา เสียงโทรศัพท์เจ้าตัวก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน อีกฝ่ายทิ้งท้ายด้วยการยักคิ้วข้างเดียวใส่เขา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูชื่อสายเรียกเข้า กระแอมเบา ๆ หนึ่งครั้งแล้วกดรับสาย
“โย่! แบมบู!”
ไอ้ตัวแสบทักทายเสียงยียวน แถมยังแปลงชื่อคู่สนทนาเอาตามชอบใจเสียอีก เจตนาคุยเสียงดังอย่างไม่ปิดบังต่อสามภพที่นั่งเงี่ยหูอยู่หลังพวงมาลัยแม้จะทำเหมือนไม่สน สามปีที่ผ่าน พวกเขายังติดต่อกันสม่ำเสมอ ในช่วงแรกนั้นทำสามภพหึงแทบลมออกหูอยู่บ่อย ๆ แม้จะรู้ว่าบงกชชอบผู้หญิง แต่เวลาผ่านไปก็เห็นชัดเจนว่าสองคนนี้เป็นได้มากสุดก็คงแค่เพื่อนหรือพี่น้องเท่านั้น
“คิม..บ้าเอ๊ย!”น้ำเสียงสะอึกสะอื้นถูกส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์ชัดเจน คร่ำครวญจนดังออกมาได้ยินถึงหูชายหนุ่ม
“เฮ่ยแบม ใจเย็น เป็นอะไรค่อย ๆ พูด”
คิมหันต์ปลอบอย่างงงสถานการณ์ ในเมื่อเริ่มมาสาวเจ้าก็สะอื้นไห้ใส่โทรศัพท์โดยไม่เกริ่นนำสักนิด ฟังเสียงสูดน้ำมูกปนสะอื้นฮัก ๆ อยู่เกือบนาที กว่าเธอจะพยายามเข้าเรื่องอย่างตะกุกตะกัก ขณะที่สามภพถึงกับปิดเพลงในรถลงก่อนเพื่อจะได้ฟังพวกเขาคุยกันชัด ๆ
“....คิม....แก...ฉัน...เพิ่ง....เพิ่งทะเลาะกับคุณแม่....”
คิมหันต์เลิกคิ้ว หันหน้าไปทางสามภพ กดสปีกเกอร์โฟนให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย พร้อมกับที่น้ำเสียงอู้อี้ของเธอดังขึ้นจากโทรศัพท์
“...คุณแม่จับได้ว่าฉันคบกับผู้หญิง..”- หมดยกที่ 56 –
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=
อา...ยังไม่ลืมหนูแบมกันใช่ไหมคะ (ฮา)
ตอนนี้ของแถมมีน้อย ติดงานเลยไม่ค่อยได้วาด แปะรูปนึงก่อนนะคะ
ไอ้เบื๊อกไซส์จิ๋ว /////

พบกันยกหน้า ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือนค่าาา *กอดฟัด*
