● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 57 – เพื่อนสาว
“...คุณแม่จับได้ว่าฉันคบกับผู้หญิงว่ะ!”สาวแบมบูงานเข้าแล้วไง
ข่าวที่เพิ่งได้รับนับว่าเป็นเรื่องสั่นคลอนความมั่นคงในการคบกันระหว่างพวกเขาไม่น้อย ผลกระทบย่อมลามมาถึงบุคคลที่สอง..สาม...สี่...อย่างไม่ต้องสงสัย ไหนจะเรื่องที่สาวเจ้าร้องไห้เอาเป็นเอาตายนั่นอีก เป็นการช่วยยืนยันให้รู้ว่าคงเพิ่งทะเลาะกับมารดาตัวเองหนักจริง
เมื่อวางสายจากบงกช พวกเขาจึงสินใจขับรถเลยมาบ้านคิมหันต์และพี่สาว แทนที่จะกลับคอนโดฯ ตั้งใจว่ามาเล่าให้วัสสานะฟังกับตัวเลยน่าจะดีกว่า เดือดร้อนถึงเจ้าบ้านสาวซึ่งต้องวางมือจากงานตัวเองที่ร้านยา กลับมาดูความเป็นไปของเด็ก ๆ ในความปกครอง และฝากร้านไว้กับลูกจ้างอีกคนก่อนชั่วคราว
หลังทักทายกับไอ้ดุ๊กดิ๊ก และได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้มาเยือนในเบื้องต้น หญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือก..ทั้งยาว และหนักหน่วง จ้องมองสีหน้าเป็นกังวลของน้องชาย จะว่าประหลาดใจอาจไม่ถูกต้องนัก เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันต้องมาถึงเข้าจนได้วันใดวันหนึ่ง เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เธอคาดไว้จะปิดบังคนทางบ้านไปได้อีกสักหน่อย อย่างน้อยก็จนกว่าคิมหันต์เรียนจบ ทว่าตอนนี้ไอ้ตัวแสบเพิ่งปีสาม มาได้ครึ่งทางเท่านั้นเอง
“โดนรู้เข้าได้ยังไงล่ะ” เธอถาม
“ก็..เท่าที่ฟังดู....แบบไม่ค่อยรู้เรื่อง..” คิมหันต์ยักไหล่น้อย ๆ พยายามย้อนความทรงจำอันเต็มไปด้วยเสียงสะอื้นของบงกช “..ประมาณว่าแม่ระแคะระคายมาพักหนึ่งแล้ว...คือแบบแฟนมันก็เคยไปบ้าน แตะเนื้อต้องตัวกันเป็นปกติ ก็พวกผู้หญิงอะนะ..” เขาว่าอย่างไม่เจียมว่าตัวเองก็เป็นประเภทชอบเกาะแกะเพื่อนไม่ต่างกัน
“...ทีนี้จุดที่ชัดเจนคือตอนมันนั่งแช็ตกับแฟนมันในเฟซ แล้วโดนพ่อเรียก ออกจากห้องไปแต่เปิดหน้าจอค้างไว้ แล้วแม่เอาขนมมาให้ตอนมันไม่อยู่ เลยโดนรื้อประวัติยาวเลย...หายนะบังเกิด เพราะแม่ก็เอาไปจับต้นชนปลายกับอะไรที่เคยเห็นมาเมื่อก่อนตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา”
“แล้วแม่เขาว่าไง”
“เรียกไปซักไซ้อย่างละเอียด” คิมหันต์ยิ้มแหย “...แบบละเอียดมากถึงรูขุมขน..”
“โอย..” วัสสานะครวญเบา ๆ “เด็กเอ๊ย”
“จากนั้นก็มีปากเสียง แล้วก็ ตู้ม! ทะเลาะกันน้ำตาท่วมเลย...สงสารมันอะ..เห็นไอ้แบมอย่างนั้น ถ้าไม่นับเรื่องหนีไปเล่นฉิ่งฉับเรียบร้อยแล้ว นี่ถือว่าเป็นสาวเพอร์เฟ็คต์คนหนึ่งเชียวนะ มีหนุ่มรอเข้าคิวเพียบ”
“หยุดเลยไอ้ตี๋” สามภพรีบปราม
“หึงผมอะดิ๊” เขายิ้มเผล่ เอาศอกถองเอวชายหนุ่มข้างกายเบา ๆ อย่างขี้เล่น ก่อนจะโดนพี่สาวค้อนขวับมาหนึ่งที
“ยังจะมัวจีบกันอยู่อีก”
“อ่า..”
“แล้วทีนี้เป็นไงบ้าง พ่อแม่เขาจะเอายังไงต่อ ที่มาสัญญากับป๊าเราเสียดิบดีน่ะ”
“ผมก็ไม่รู้” ถึงตรงนี้ มาดอาตี๋ขี้เล่นดูเหมือนจะเจื่อนลงนิดหน่อย “แบมก็เตือนผม แต่มันบอกตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ทางโน้นจะไปบอกบ้านเราหรือเปล่า”
วัสสานะกอดอก เหลือบมองชายหนุ่มสองคนตรงหน้า “แต่แม่เขาไม่รู้ว่าทางฝั่งเราก็คบกับหนุ่มอยู่นี่นะ”
“อือ และแบมก็ไม่ได้บอกแหละ..เชื่อใจได้”
“น่าเป็นห่วงแบมจริง ๆ แม่เขาจะเข้าใจไหมนะ”
“ตอนนี้คงไม่...ร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้น” คิมหันต์งึมงำ “แต่อีกหน่อยอาจดีขึ้นก็ได้...อาจจะ..แบบว่าต้องใช้เวลาเยียวยา..”
หญิงสาวผงกศีรษะ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลางทำสีหน้าครุ่นคิด ความเงียบโรยตัวอยู่พักใหญ่ สิสิรซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเดินมาลูบผมน้องชายสองสามแปะแล้วก็เลี่ยงไปทางอื่น นั่นละ..เป็นวิธีแสดงความเป็นห่วงใยโดยไม่ต้องปริปากของพี่สาวคนรอง ปล่อยสามคนที่เหลือนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา จนกระทั่งเป็นสามภพที่ทำลายความเงียบในที่สุด
“แต่ถ้าแม่แบมยอมรับได้ เขาก็จะเลิกบังคับจับคู่กับคิม น่าจะเป็นเรื่องดีกันทุกฝ่ายนะครับ”
“นั่นสิ..” คิมหันต์เออออ แม้สายตาออกจะเหม่อลอยอยู่นิดหน่อย “แบมได้คบกับแฟนตัวเองต่อ ส่วนผมก็รอดเสียที...”
“จนกว่าป๊าจะไปหาคนอื่นมาจับคู่ใหม่” วัสสานะยักไหล่
“เจ้โคตรดับฝันกันเลย”
“ฝันกลางวันเหรอยะ” เธอส่ายหน้า “ตื่น ๆ จ้ะคุณน้อง”
“ไหนบอกจะช่วยผมไง”
“ช่วยก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงสิ”
เถียงกันไปก็เท่านั้นจริง ๆ
“งั้นเอาไงกันดี...” เขาเหลือบตามองพี่สาว หน้าสลดลงนิดหน่อยเมื่อนึกถึงความจริงอีกอย่างซึ่งค่อนข้างน่ากลัวหากเกิดขึ้น “เจ้ว่าแม่แบมจะไปบอกป๊าไหม?”
“ไม่รู้” เธอพรมนิ้วลงบนโต๊ะอยู่ครู่หนึ่ง “แต่เจ้ว่าเรานิ่งไว้ รอดูไปก่อนดีที่สุด”
นั่นเป็นสิ่งที่คิมหันต์ค่อนข้างเห็นด้วย เขามั่นใจว่าบงกชจะไม่ปริปากเรื่องเขากับสามภพให้แม่ของตัวเองฟังแน่นอน เพราะฉะนั้นต่อให้ป๊าเขารู้เรื่องจากปากแม่ของเธอจริง ก็รู้แค่เรื่องของฝั่งบงกชเองเท่านั้น
แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่เขายังนึกสงสัย
“นี่..เจ้ใหญ่”
“หือ?”
“ถ้าป๊ารู้แล้วป๊าจะเกลียดแบมปะ?”
“...”
“มันเป็นคนดีนะ”
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น
“เจ้ก็ไม่รู้เหมือนกัน”นับจากวันที่บงกชโทรมาปรับทุกข์กับเขา หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไปเลยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม โทรไปไม่รับ ทักแชตไม่ตอบ ได้แต่ส่งข้อความให้กำลังใจไปโดยไม่รู้สถานะเจ้าตัว ทั้งสัปดาห์นั้น เขายังต้องวุ่นวายกับงานและการสอบสารพัดซึ่งถาโถมเข้ามาจนชีวิตแทบพัง ขอบตาคล้ำเกือบกลายเป็นแพนด้า หมดอารมณ์ลวนลามสามภพไปพักใหญ่
ในเย็นย่ำวันอาทิตย์หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น งานชิ้นสุดท้ายถูกจัดการเรียบร้อย และคิมหันต์วอร์มมือเตรียมฟัดชายหนุ่มร่วมห้องอย่างสุดแสนจะมันเขี้ยว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ขัดจังหวะระหว่างที่เขากำลังจ้องตะครุบอีกฝ่ายจากข้างหลังราวกับจะสกัดดาวรุ่ง
“บร๊ะ!”
คิมหันต์พ่นลมหายใจเซ็ง ๆ ออกมาเฮือกใหญ่ แผนงาบสามภพเป็นอันล่มกะทันหัน ทว่าเมื่อหันไปมองโทรศัพท์และเห็นชื่อเจ้าของสายเรียกเข้า ก็ให้ใจหายวาบขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่
เขาเบิกตากว้าง บ่นพึมพำ “..ไอ้แบม..” แต่ไม่ได้เจาะจงนักว่ากำลังพูดกับสามภพที่หันมามองเข้าพอดี
“รีบรับสิ” อีกฝ่ายพยักพเยิด
“อ่า..”
มันน่าขัดใจนิดหน่อยที่สามภพสั่งอะไรซึ่งเขาตั้งใจจะทำอยู่แล้ว เลยกลายเป็นเหมือนตัวเองหัวอ่อนทำตามคำบอกอีกฝ่ายง่ายดาย น่าหมั่นไส้ไอ้รอยยิ้มบางเบาตรงมุมปากนั่นจริงเชียว คิมหันต์สาบานกับตัวเองว่าหากไม่มีเรื่องอะไรให้จิตตกตามมาหลังรับโทรศัพท์สายนี้ เขาจะตามไปงับปากช่างสั่งนั่นให้ยิ้มไม่ออกเลยเชียว
“...ไง..แบม..” เขารับสาย ลังเลแวบหนึ่ง จากนั้นก็ต่อชื่อเล่นของเธออย่างที่เคยทำประจำ “..บู”
“ไอ้ตี๋เกรียน” เพื่อนสาวสวนกลับมาอย่างทันท่วงทีก่อนเขาจะได้เอ่ยคำอื่น ฟังดูชื่นมื่นผิดจากแม่สาวน้ำตาแตกเมื่อสัปดาห์ก่อนราวกับเป็นคนละคน มิหนำซ้ำยังมีเสียงหัวเราะคิกตามมาให้เขางงเล่นอีก
“บ้าเปล่าวะ” เขาบ่น ทั้งที่รู้สึกโล่งใจไปด้วยกับความเริงร่าซึ่งแฝงมาในน้ำเสียง “อาทิตย์ก่อนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร วันนี้ลั้ลลาแล้ว อารมณ์แปรปรวนเป็นสตรีวัยทองเลยนะ”
“คิม! นั่นปากเรอะ!? สมแล้วที่พี่ภพเรียกไอ้ลูกหมา” บงกชย้อน หากเอื้อมมือมาฟาดผ่านสัญญาณโทรศัพท์ได้เธอคงไม่เอาเขาไว้ “ฉันมาบอกข่าวดีต่างหากล่ะ! หรือจะไม่ฟัง”
คิมหันต์อยากร้องแทรกเต็มแก่ว่า
‘ฟัง!’ แต่อดไม่ได้จะทำไว้เชิงนิดหน่อย ปั้นเสียงขรึมใส่เธอประหนึ่งว่าตัวเองสุขุมที่สุด แม้หูเตรียมเงี่ยฟังแบบไม่ให้ตกหล่นสักรายละเอียดไปแล้ว “อย่ามาทำอ้าง..ฉันรู้น่าว่าแกอยากเล่าจะแย่”
และแน่นอน บงกชอยากเล่า (และแน่นอนอีกเช่นกัน ว่าเขาอยากฟัง...
มาก)
คิมหันต์ได้ยินเสียงสูดลมหายใจจากปลายสาย ก่อนคู่สนทนาจะตอบกลับมาเสียงใส
“คุณแม่ฉันโอเคแล้วเว้ย”“แค่เนี้ย” เขาทำเสียงกวนประสาท ทว่าในใจลิงโลดจะแย่แล้ว
“อะไร!?” เธอโวยทันที “แกต้องบอกว่ายินดีกับฉันแล้วรีบถามรายละเอียดด้วยความตื่นเต้นต่างหาก”
ชายหนุ่มหัวเราะ ฟังเธอร่ายยาวอีกครู่ใหญ่ถึงที่มาที่ไป จนแทบไม่ต้องถามแล้วว่าเพราะเหตุใดจึงตกลงกับทางบ้านได้ในท้ายที่สุด ได้แต่ผงกศีรษะฟังเธอพ่นใส่ราวกับอัดอั้นจะแย่มาหนึ่งสัปดาห์เต็ม
“สรุปว่าแกงอนเขา มัวแต่ตรอมใจ ข้าวปลาไม่กิน โทรไปไม่รับจนพ่อแม่ต้องตามมาดูถึงหอ แล้วยังมีหน้ามาทำระรื่นอีกนะ”
“ฉันเสียน้ำตาไปเป็นลิตร แกไม่รู้หรอก”
คิมหันต์ยิ้มน้อย ๆ จริงอย่างเธอว่า เขาไม่รู้..แต่ก็ใช่ว่าไม่เข้าใจเอาเสียเลย ทำไมจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฮียใหญ่ของตัวเองบ้างหลังจากเหตุการณ์ที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ
“เออ ๆ น่าสงสารจริงเลย” เขาทำเสียงล้อเลียน อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายโชคดีเป็นบ้า
“อย่ามาทำพูดประชด” หญิงสาวกระฟัดกระเฟียด จับได้ถึงสำเนียงล้อเล่นในประโยคของเขา “ฉันฟังออกนะยะ”
“ฮ่า ๆ ๆ” คิมหันต์หัวเราะลั่น “แสนรู้”
“ไอ้นี่!”
“ยินดีด้วยครับ”
“....”
“ยินดีด้วยจริง ๆ นะ” เขาพึมพำ “..นี่มันดีมากเลย”
“..เอ้อ..” เธออ้อมแอ้ม “..ขอบใจนะ”
“..ทีนี้ก็คบเปิดเผยได้แล้วดิ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก..แบบ คุณพ่อคุณแม่ก็ยังทำสายตาแปลก ๆ ใส่เพลงบ้าง” เธอบ่น เอ่ยชื่อคนรักตัวเองขึ้นมาในบทสนทนา “..แต่ก็ดูพยายามปรับตัวกันอยู่นะ”
“อ้อ”
“แกก็สู้ ๆ นะเว้ย”
“เออน่า” เขารับคำส่ง ๆ ใบหูร้อนขึ้นมาอย่างประหลาด โดยเฉพาะเมื่อสามภพซึ่งยืนสังเกตอยู่ว่าทิศทางในบทสนทนาของพวกเขาเริ่มมีบรรยากาศดีขึ้น จึงได้เห็นช่องทางให้เริ่มเข้ามาโจมตีจากด้านหลัง
คิมหันต์ก้มตัวลงเพื่อลดพื้นที่ผิวของร่างกายโดยอัตโนมัติ โบกมือใส่ชายหนุ่มที่สอดมือเข้ามารวบเอวเขาไว้ก่อนจะดึงเข้าใกล้ หันไปทำปากจุ๊ ๆ โดยไม่มีเสียง ขณะที่หูคอยเงี่ยฟังบงกชไปด้วยโดยไม่เผลอกระโตกกระตากให้คนในสายได้ยิน
“แล้วก็นะ..คุณแม่ฉันไปคุยกับป๊าแกมาด้วยละ”
“..จริงดิ..” ถึงตรงนี้เริ่มใจเสียนิดหน่อย “แล้วเป็นไงบ้าง”
“ไม่ต้องห่วง คุณแม่ไม่รู้เรื่องแกกับพี่ภพ” เธอดูเหมือนจะเดาออกว่าเขากังวลเรื่องนั้นเป็นอันดับหนึ่ง (และเรื่องมือของสามภพซึ่งสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดเป็นอันดับสอง) “บอกแค่เรื่องของฉัน แล้วก็พูดประมาณว่าคงต้องยกเลิกเรื่องจะจับคู่แกกับฉันแล้วแหละ เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจลูกสาว..ประมาณนั้น ฉันไม่ได้อยู่ฟังด้วย อันนี้ฟังจากคุณแม่อีกที”
“..ระ..เหรอ...” เขาเผลอทำเสียงสั่นจนได้ หลังจากฟาดแขนสามภพแรง ๆ แล้วไม่ได้ผล แถมยังเหมือนไปกระตุ้นให้อีกฝ่ายรุกมากกว่าเก่าด้วยการก้มลงมางับบนต้นคออีก เน้นว่างับ..งับจริง ๆ ไม่ใช่แค่จูบ ตามด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวซึ่งเดิมควานอยู่บนหน้าท้อง เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยแล้วแทรกเข้าไปใต้ขอบกางเกงแทน
คิมหันต์กลั้นใจ เค้นเสียงคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ “...ละ...แล้วป๊า..ว่าไง...”
“คิม?”
“..หือ?”
“แกวิตกจริตไปปะ?”
เขานึกหน้ายุ่ง ๆ ของบงกชออกเลยเชียว
“พูดเรื่องอะไร..
ฮื่อ…!”
“คิม!?” คราวนี้เสียงเธอฟังดูคลางแคลงใจกว่าเก่า “...หอบ...ทำไม...”
“..เปล่า..ฉัน..”
“...แก...ทำอะไรอยู่น่ะ? ไม่ใช่ว่า...”
“เรื่องส่วนตัวน่า” เป็นสามภพที่ร้องแทรกขึ้น ตอบคำถามของคนในสายที่ดังจนได้ยินออกมาถึงหูเขาซึ่งคลอเคลียไอ้ตัวยุ่งอยู่จากด้านหลัง “คุยเสร็จหรือยัง?”
“พี่ทำอะไรวะ” คิมหันต์โวยด้วยเสียงกระซิบกระซาบ แต่อีกฝ่ายนอกจากไม่ตอบคำถามแล้วยังเลื่อนฝ่ามือมาหยุดที่ตำแหน่งอ่อนไหวอย่างจงใจแกล้ง
“...อื้อ!”และบงกชดูเหมือนจะเข้าใจได้จากแค่คำอุทานพยางค์เดียวของเขา...สมกับที่เพิ่งชมว่าแสนรู้
“โอเค! บอกอาเฮียขี้หึงของแกด้วยว่าไม่กวนแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย เอาเป็นว่าป๊าแกไม่รู้เรื่องทางนั้น แล้วเขาก็เลิกจับคู่แล้ว แถมยังดูไม่ค่อยชอบใจนิดหน่อยด้วย อย่างที่แกบอกเลยว่าเขาไม่ชอบคนที่รักเพศเดียวกัน โอเคนะ ข่าวดีนะ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ บายพวก!”
“....”
หมดสิทธิตอบโต้โดยสิ้นเชิง จากนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป พร้อมกับที่เขาตระหนักว่าโดนบงกชจับได้แน่แล้ว แถมยังทิ้งเขาเผชิญหน้ากับเฮียหมาบ้าที่เกิดจะคึกอะไรขึ้นมาตอนนี้เพียงลำพังเสียอีก
“เฮียเพี้ยนเล่นอะไรวะ!?”
เขาวางโทรศัพท์ ดิ้นดุกดิกก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เอาแต่ยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ พอเห็นเข้าอย่างนั้น ความคิดจะตามไปงับปากนั่นให้ยิ้มกวนไม่ออกก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง ตัดสินใจได้ก็กระโจนใส่เต็มตัวราวกับเสือตะครุบเหยื่อ เพียงแต่เหยื่อออกจะตัวใหญ่ไปสักหน่อย และไอ้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือก็คงลืมนึกไป ว่าในสายตาอีกฝ่ายแล้วเป็นได้แค่ลูกหมาน่าฟัดที่กระโดดเข้าหาเจ้าของ จึงได้อ้าแขนรอรับเต็มที่ โผเข้ากลางอกอย่างตรงเป้า คำรามด้วยเสียงแบบที่สามภพพอใจจะเรียกว่าร้องหงิงมากกว่า
“ฟัดแม่งเลย!” “ฟัดเลย” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ เผลอตัวหน่อยเดียวก็จัดการล็อคไว้ในอ้อมแขนจนไม่รู้ว่าใครฟัดใครกันแน่
“พูดมาก! เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา” คิมหันต์บ่นราวกับตัวเองอายุมากกว่า ดึงคอเสื้อคนที่ยังยิ้มน้อย ๆ อย่างเดิมให้ก้มหน้าลงมาใกล้แล้วโฉบเข้าไปงับริมฝีปากล่างเอาไว้ ร้องอู้อี้เพราะตัวเองก็ขยับปากไม่ถนัดว่า “นิสัย!”
และนั่นก็ได้พูดเป็นคำสุดท้าย ก่อนสามภพจะดันท้ายทอยเขาเข้าหาตัวจนกลีบปากพวกเขาแนบสนิท ฟันกระทบกันเบา ๆ ครั้งหนึ่ง จมูกถูกเบียดทำเอาหายใจลำบาก จากนั้นจึงเอียงใบหน้าจนได้องศา มีที่ระหว่างปลายจมูกให้ได้หายใจ (ซึ่งเขาก็มักเผลอกลั้นหายใจระหว่างจูบอยู่ดี) ก่อนปลายลิ้นอุ่น ๆ จะยื่นเข้ามาทักทาย..
กว่าจะได้เริ่มคุยกันจริงจัง ผ้าผ่อนก็หลุดจากตัวไปเสียครึ่งหนึ่ง โชคดีที่หลุดท่อนบน ส่วนท่อนล่างยังอยู่ดีมีสุข ไม่นับเรื่องมือที่พยายามยื่นเข้ามาอยู่ครั้งสองครั้ง และเกือบถอดกางเกงทิ้งได้แล้วหากเขาไม่โอดครวญอย่างน่าสงสารขึ้นมาว่ายังไม่หายปวดเอวจากครั้งก่อนเลย
“ปวดนานไปไหมหือ?”
เขาก็พอจะเข้าใจถึงสายตาของสามภพซึ่งมองตรงมาอย่างจ้องจับผิดนั่นหรอก แต่ความวิตกจริตมันห้ามกันได้ที่ไหน
“..ก็เฮียเพี้ยนตัวใหญ่อ้ะ”
“ใช่เหตุผลเรอะ”
“น่า ๆ” คิมหันต์งัดลูกอ้อน ก้มหน้าก้มตากอดเอวอีกฝ่ายแน่น “รอผมฟื้นตัวนิดนึง เฮียเพี้ยนอย่าหื่นดิ”
“คนที่เอาแต่จ้องจะลวนลามน่ะ ว่าคนอื่นหื่นได้ด้วยหรือ”
“ผมช่วยแชร์ไง” เขายิ้มกริ่ม “พี่จะได้ไม่รู้สึกว่าหื่นอยู่คนเดียว”
“ไอ้เด็กนี่..” สามภพส่ายหน้าอ่อนใจ โอบรอบไหล่เขาแน่นทีหนึ่งก่อนจะค่อยคลายวงแขนให้หลวม ๆ “แล้วคุยอะไรกับแบมบ้าง”
“นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว”
“รีบคายออกมา” อีกฝ่ายขู่ “อย่าให้ต้องใช้กำลัง”
“ทำผมลงเหรอ..” คิมหันต์ทำเสียงน่าสงสาร แบบที่สามภพรู้ดีที่สุดว่ากวนประสาทอีกแล้ว
“อยากรู้ก็ลองดู..”
สิ้นคำชายหนุ่ม ขอบกางเกงเขาก็โดนคว้าก่อนจะถูกดึงลงมาเกือบครึ่งสะโพก เดือดร้อนต้องรีบยื่นมือไปรั้งไว้ก่อน ปฏิญาณลั่นในใจว่าเสียเสื้ออย่าเสียกางเกง
“บอกแล้ว ๆ ใจร้อนจริงเว้ย! ไม่ใช่ว่าแอบฟังอยู่แต่แรกแล้วหรือไง”
“ฟัง” สามภพยักไหล่ ยอมยั้งมือไว้ก่อนเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนจนน่าเอ็นดู “แต่ไม่ชัด คราวนี้ไม่เปิดสปีกเกอร์โฟนนี่”
ดูเฮียหมาบ้าเข้าเถอะ!“แบมบอกว่าดีกับแม่แล้ว”
“อ่าฮะ”
“แล้วก็ข่าวดี..ป๊าเลิกจับคู่ผมกับแบมละ เพราะแม่มันไปคุยเองว่าลูกสาวเป็นงั้น แล้วก็จะตามใจลูก”
“แม่ก็ดูเข้าใจดีนะ” สามภพให้ความเห็น
“มันบอกเสียน้ำตาไปเป็นลิตร” คิมหันต์ช่วยเพิ่มรายละเอียดจากถ้อยคำของเพื่อน
อีกฝ่ายละมือจากขอบกางเกง (ถึงกับถอนหายใจโล่งอก) แล้วยกขึ้นขยี้ผมเขาเบา ๆ “มันก็ต้องเสียอะไรเพื่อแลกกันบ้าง”
“งั้นหรือ?”
คนตรงหน้าชะงักไปนิดหน่อย จ้องเขาเหมือนอยากมองให้ทะลุปรุโปร่ง “มีอะไร? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
คิมหันต์จ้องตอบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลุบตาลงต่ำ เอาศีรษะดันสู้มือสามภพพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงอ้อน
“ไม่รู้สิ..”
“ไอ้เด็กพิลึกนี่”
“...ผมแค่คิดว่า....” เขาพึมพำ นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยสูญเสีย “...แล้วเราจะต้องเสียอะไรบ้างไหมนะ?”
อีกฝ่ายนิ่งไป ก่อนจะถอนใจแผ่วเบา หยิบเสื้อเขาที่เจ้าตัวเป็นคนจับถอดกลับมาใส่ให้เงียบ ๆ “..ก็อาจมีบ้าง”
“แม้แต่เฮียก็คิดอย่างนั้นหรือ”
เป็นอีกครั้งที่สามภพเอาแต่จ้องมองเขาโดยเว้นช่วงคำพูดไปครู่ใหญ่ ก่อนจะกอดเขาไว้ในวงแขนพร้อมกับลูบไปมาอ่อนโยนบนแผ่นหลัง
“อยากได้ลูกชายเขาก็ต้องลงทุนนี่นะ”
“เฮียเพ้อว่ะ”
“ไอ้นี่ก็ขัดอารมณ์จริง”
แต่เขายังไม่หยุด “ตอนเจอใหม่ ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเวิ่นเว้อขนาดนี้เลย”
“เดี๋ยวก็โบกหัวหลุด!”
คิมหันต์หัวเราะชอบใจ ยกมือกอดรอบเอวอีกฝ่ายหนุบหนับ เอาหน้าถูไปมาแถวต้นคออีกฝ่ายอย่างรักใคร่ “อย่างนี้ค่อยสมเป็นเฮียเพี้ยนของผม”
สามภพพ่นลมออกจมูกอย่างอ่อนใจ ถ้าจะมีใครสักคนในโลกทำให้เขาเพ้อเจ้อได้อย่างที่ไอ้ตี๋ตรงหน้าเพิ่งกล่าวหา ก็คงจะเป็นคนพูดเองนั่นแหละตัวดีเลยเชียว
“โอเค ชอบเถื่อน ๆ” เขาสรุป
“ฮ่า ๆ ๆ ชอบหมดแหละ”
น่ารักฉิบหายวายป่วง สามภพคิดออกอยู่แค่นั้น ระหว่างกึ่งดันกึ่งลากคิมหันต์ไปถึงเตียง พลางสานต่อบทสนทนาอีกครั้ง
“บางที..ป๊าเราอาจจะเข้าใจเหมือนพ่อแม่แบมก็ได้..”
“...”
“เวลาก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ทัศนคติคนมีวันเปลี่ยน”
“ไม่รู้ดิ แต่เท่าที่ฟัง ป๊าก็ดูไม่ค่อยถูกใจเรื่องไอ้แบมหรอกนะ ผมไม่อยากเสี่ยงทำอะไรบุ่มบ่าม”
“เอาเถอะ ยังไงก็ได้” ชายหนุ่มยักไหล่ “เอาว่าทางบ้านพี่ไม่มีปัญหาแล้วกัน ถ้าโดนจับได้ถูกป๊าไล่ออกจากบ้านจะรับเลี้ยงเอง”
“พี่แม่ง..” คิมหันต์ค้อนขวับ ทิ้งตัวลงไปนอนกลิ้งบนเตียงพร้อมสีหน้ามู่ทู่ “แช่งกันเหรอวะ”
สามภพหัวเราะแผ่วเบา เดินไปปิดไฟทีละดวงขณะที่คิมหันต์กลิ้งไปเปิดไฟหัวเตียงทิ้งไว้
“พี่แค่ให้ข้อมูล จะได้มั่นใจว่าไม่อดตาย ยิ่งตะกละกินอยู่”
คิมหันต์เบ้ปากน้อย ๆ ใส่ ก่อนจะขยับที่ให้เขา เอามือตบเตียงแปะ ๆ แจ้งตำแหน่ง พอทิ้งตัวลงไปบนที่ว่างนั้นก็โดนอาตี๋พุ่งใส่ทันที ช่างหาเรื่องนัวเนียได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะตอนอารมณ์ดี หงุดหงิด ง่วง ตื่น หิว เครียด หรืออะไรก็ตามแต่
“อีกนานแหละ กว่าป๊าจะหาใครมาจับคู่ใหม่อีก” เจ้าตัวว่าเสียงอู้อี้ มือลูบคลำกล้ามเนื้อบนหน้าท้องเขาไปด้วยอย่างไม่กลัวคนถูกลูบจะมีอารมณ์เสียบ้าง “เผลอ ๆ อาจหาไม่ได้แล้วมั้ง เพราะงั้นเราก็อยู่อย่างนี้แหละ ป๊าไม่เข้ามาดูในกรุงหรอก”
“เอาเถอะ แบบไหนสบายใจก็ทำไป”
“งี้ไม่ต้องให้ป๊ารู้ตลอดไปเลยดีไหม”
“ก็ได้ ถ้าพอใจแบบนั้น”
“พี่ไม่ว่าอะไรนะ?” คิมหันต์ทำตาปริบ ๆ เอามือเกาท้องเขาไปด้วยอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์ “บางทีผมก็คิดว่ามันไม่แฟร์เท่าไร แบบ..บ้านพี่ดูต้อนรับดีมากเลย แต่ผมกลับไม่ยอมบอกคนบ้านตัวเองว่าคบกันอยู่”
“ก็แนะนำกับพี่สาวแล้วไง” เขาแก้ต่างให้แทน
“อ่า...จะว่าใช่ก็ใช่”
“ดึกแล้ว” สามภพกระซิบตัดบท กดจมูกลงบนแก้มอีกฝ่ายพลางเอื้อมมือข้ามไปปิดไฟหัวเตียง “นอนเถอะ พรุ่งนี้เรียนเช้า”
“ฮื่อ”
คิมหันต์ตอบรับในลำคอ ขยับตัวจนได้ท่าที่สบาย จากนั้นก็นิ่งไป
ทว่าชั่วขณะหนึ่งที่คิดว่าหลับไปแล้ว เจ้าตัวก็กลับพึมพำขึ้นมาอีกครั้งในความมืด
“...ที่ทุกคนกลัว เพราะว่าเคยเห็นมาจากเรื่องเฮียใหญ่แหละ”
“....”
“ผมรู้ว่าพี่สงสัย แต่ไม่เคยมีใครเล่าให้ฟังเลยใช่ไหม”
เขาดึงคิมหันต์เข้ามากอด “ถ้าพูดแล้วรู้สึกแย่...จะไม่พูดก็ได้” ทว่าอีกฝ่ายกลับยังกระซิบต่อไปเรื่อย ๆ ในความเงียบ
“แฟนเขา ชื่อพี่เอก เจ้ใหญ่บอกพวกเขารู้จักกันตั้งแต่ก่อนผมเกิดอีก รักกันเกือบสิบปี ทุกคนก็คิดว่าป๊าจะเข้าใจ แต่พอป๊ารู้เข้า ผลมันออกมาเลวร้ายมาก ยิ่งตอนนั้นป๊าก็ยังหนุ่มเลือดร้อนกว่าเดี๋ยวนี้เยอะ...”
“ตอนนั้นพาไปแนะนำกับที่บ้านด้วยสินะ” เขาเดา แล้วก็ถูกเสียด้วย
“..ใช่..เจ้ใหญ่คอยช่วย หวังว่ามันจะดี แต่เฮียใหญ่เป็นลูกชายคนโต ป๊าคาดหวังไว้มาก พอป๊ารู้ก็โกรธ ขังเฮียไว้ในห้องเกือบตลอดปิดเทอม ห้องที่ผมนอนอยู่ที่บ้านนั่นแหละ ตอนนั้นที่เฮียไปนอนค้าง...เห็นใช่ไหมว่ามีตู้เสื้อผ้าอยู่สองหลัง”
สามภพพยักหน้าช้า ๆ พอจับต้นชนปลายในรายละเอียดสิ่งของต่าง ๆ ในห้องนั้นซึ่งดูแล้วไม่น่าใช่ของคิมหันต์ขึ้นมาได้
“..แล้วคืนหนึ่ง เฮียก็หนีไปเจอกับพี่เอก คงกะว่าจะกลับมาให้ทันก่อนเช้า เพื่อที่ป๊าจะได้ไม่รู้ ..เจ้ใหญ่เป็นคนช่วยอีกนั่นแหละ เจ้รักและหวังดีกับเฮียมาตลอด แต่ถ้ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาคงไม่ทำอย่างนั้น..”
คิมหันต์เอ่ยเสียงสั่น ฟังดูก็รู้ได้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องยากเย็นกับการพูดออกมาแต่ละประโยค ทว่าก็ยังคงเล่าต่อทั้งน้ำเสียงเช่นนั้น
“...ป๊าจับได้ตอนรุ่งสางว่าเฮียไม่อยู่ เลยมาคาดคั้นกับทุกคนที่เหลือจนรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน ...เช้านั้นป๊าเอาปืนไปด้วย ม้าห้ามแล้วแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ตามไปเจอพวกเขาอยู่ด้วยกันบนดาดฟ้าโรงเรียนเก่า แล้วก็ขู่จะยิงพี่เอกทิ้ง ...แต่เฮียใหญ่รักพี่เอกมาก บอกว่าถ้าป๊ายิงพี่เอก ตัวเองจะโดดลงไปจากดาดฟ้า..”
เขากลั้นหายใจ กอดอีกฝ่ายจนแน่นโดยไม่รู้ตัว เดาได้ราง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น ขณะที่คิมหันต์สูดน้ำมูกเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ
“....เฮียร้องไห้หนักมาก สัญญาว่าจะไม่ขัดใจป๊าอีกแล้ว แค่ขอให้ปล่อยพี่เอกไป ...ป๊าเลยใจอ่อน ....แต่แทนทีเฮียจะลงมายืนบนพื้น ....เขากลับ......หล่..น......
ฮึก!”
“พอแล้ว...พอเถอะ...” เขากระซิบ กดจูบบนเปลือกตาชื้นแฉะ “พี่รู้แล้ว...ไม่ต้องพูดแล้ว...ตอนนี้ไม่เป็นอะไร...”
“...ไม่รู้ว่าตั้งใจ...ระ..หรืออุบัติ...เหตุ.....เจ้ใหญ่โทษตัวเอง...ไป...เป็นปี.......ผมเลยกลัว.....เลย...ไม่อยากให้เป็น....แบบตอนนั้น....”
อีกฝ่ายพูดจาตะกุกตะกักจนน่าสงสาร และเขาคิดว่าพอเข้าใจแล้วเรื่องที่คิมหันต์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปพบพ่อแม่เขามาตั้งนาน เป็นใครก็คงหวาดระแวงเป็นเรื่องธรรมดา
“ไม่หรอก..” เขาปลอบ “..มันจะไม่เหมือนเดิม จะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น”
“..เพราะงั้น...ผมสั่งเฮียเพี้ยนไว้...ตรงนี้เลย.....”
“...?”
“...ห้ามปล่อยมือจากผม ยังไงก็อย่าปล่อยเด็ดขาด...”
เขาอดหัวเราะออกมาแผ่วเบาไม่ได้ หัวเราะทั้งที่ไอ้ตัวแสบในอ้อมแขนยังน้ำตารื้นขณะปากพูดอะไรเอาแต่ใจนั่นละ ถึงตรงนี้กลับยิ่งมั่นใจว่ามันจะไม่เป็นเหมือนเก่า เพราะเขานึกภาพคนตรงหน้าจะชิงจากลาเขาไป เหมือนอย่างเคยเกิดขึ้นกับพี่ชายคนโตของอีกฝ่ายและคนรักไม่ได้เลย
ก็ในเมื่อติดหนึบเป็นไอ้ลูกหมาติดเจ้าของขนาดนี้นี่นะ- หมดยกที่ 57 –
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
แอบย่องมาอัพตอนดึก ๆ XD
ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารักค่าาา >w< *กอดดด*

วันนี้มีของแถม รีพลายถัดไปนะคะ