● เล่ห์รักฤดูร้อน ● ตอนพิเศษวันสงกรานต์ (หน้า 151) 13/04/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ● เล่ห์รักฤดูร้อน ● ตอนพิเศษวันสงกรานต์ (หน้า 151) 13/04/59  (อ่าน 1140759 ครั้ง)

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อ่านแล้วคิดถึงพี่เอก เป็นยังไงบ้างนะ

ยังทุกข์ใจ ยังเศร้าอยู่ไหม

ออฟไลน์ Ningg.Destiny

  • `` เหนียงจื่อ ♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • twitter
ฟังเรื่องเฮียใหญ่ทีไรน้ำตาไหลทุกที
แต่ตี๋เกรียนกับเฮียเพี้ยนก็ชอบทำให้หัวเราะได้ทั้งน้ำตา
หวังจะจะมีเรื่องดีดีเกิดขึ้น โดยไม่ต้องแลกกับอะไรนะ

รักน้องครีม รักเฮียเพี้ยน ♥
รักคนเขียนด้วยย

 :กอด1:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ขอโทษ ที่มาอ่าน มาเม้นท์ ช้ามาก ตั้งแต่ตอน 5.5 ถึงตอน 57 เลย พอดีมีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้ไม่ได้เข้าเล้าฯเกือบครึ่งเดือนเลย
ตอนนี้ ขอเม้นท์ชดเชยสามตอนรวดเลยนะคะ ไม่ว่ากันน้า  :m17: 
......................................................
ตอนพิเศษ 5.5 ที่เป็นการเล่าผ่านตัวน้องคิมและพี่ภพ มันก็ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบนะ มันอินกับความรู้สึกของทั้งคู่ดี ชอบจังเลย
ตอนเล่าผ่านทางน้องครีมเนี่ย โอย เขินจังเลยอ่ะ   แบบ เล่าว่าเฮียภพ กำลังทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วรู้สึกดีสุด ๆ เนี่ย โอย ๆ
อายยังไงก็ยังปากดีได้อยู่ แถมยังออดอ้อนเฮียไม่หยุด อย่างนี้จะไม่ให้พี่ภพทั้งหวง ทั้งรัก ทั้งหลง ได้ยังไงล่ะเนอะ
แหม่ พี่ภพรู้แล้ว ว่าตี๋น้อยไปล่วงรู้ความลับในตู้ของพี่ภพหมดแล้ว  นึกถึงทีไร ปลื้มใจไปกับน้องคิมด้วยทุกทีเลย
ในที่สุด ความอดทนของพี่ภพก็หมดลง แต่ยังไง ก็ยังคุมสติได้ ทนุถนอม อ่อนโยนกับครั้งแรกของน้องคิม เป็นคนรักที่น่ารักเหลือเกิน
น้องคิมหมั่นถาม พี่ภพก็ขยันตอบ ไม่ใช่แค่คำว่า "รัก" ที่อีกฝ่ายอยากได้ยินทุกเมื่อ แต่สำหรับพี่ภพ คือคำว่า "โคตรรัก"  โอ้ย ปลื้ม
ที่สำคัญ ครั้งแรกของเฮียกับตี๋น้อย ก็บน(หนึ่งใน)โซฟาสุดรักของน้องครีมซะด้วย ตี๋น้อยคงยิ่งหวงโซฟาตัวนี้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปแน่ ๆ
แบบ มานั่งทีไร ความทรงจำในช่วงเวลาแสนหวาน คงผุดขึ้นมาให้ได้อายม้วนตลอด ๆ แน่เลย ชอบจัง
................................................................................
เหตุผลที่อยากพาตี๋น้อยไปพบพ่อกับแม่  เพราะรัก จึงอยากคบแบบเปิดเผยเนี่ย ได้ใจมาก ๆ พี่ภพ
แต่ก็เพราะตี๋น้อย มีความทรงจำอันแสนเศร้ากับรื่องของเฮียใหญ่ ยังคงเป็นแผลในใจ  จะให้น้องไม่หวั่นเลยคงเป็นไปไม่ได้
พ่อแม่ของพี่ภพ น่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะคุณแม่ แล้วยังได้ พี่อัน ว่าที่สะใภ้ใหญ่ คอยสนับสนุน เรียกว่าเป็นพันธมิตรที่ดีเยี่ยม
ว่าที่สะใภ้เล็ก อย่างน้องคิมของเรา เลยสอบผ่านฉลุย ๆ ที่สำคัญ ความน่ารักของน้องคิม ยังถูกใจทั้งคุณพ่อและคุณแม่อีกด้วย
ครอบครัวพี่ภพไร้ปัญหา ตอนนี้ก็เหลือแต่ป๊าของน้องคิมเท่านั้นที่ถือเป็นอุปสรรค์ขั้นสำคัญ และใหญ่หลวงสินะ
.............................................................................................
น้องแบม งานเข้า แต่น้องแบม โชคดีกว่าเฮียใหญ่ของน้องคิมนัก แม้พ่อแม่น้องแบม จะยังไม่ยอมรับในทันที
แต่ก็พยายามที่จะยอมรับ เพราะยังไง ความสุขของลูกย่อมสำคัญที่สุด ถ้าป๊าน้องคิมคิดได้อย่างนี้ เฮียใหญ่คงไม่ต้องจากไปหรอก
ในที่สุด น้องคิม ก็ยอมเล่าเรื่องเฮียใหญ่ให้พี่ภพฟังซะที ฟังจากน้องคิมอีกครั้ง ก็ยังทำให้เศร้าตามไปด้วยอีกแล้ว  :monkeysad:
ชอบจัง ที่น้องคิมสั่งพี่ภพ ไม่ให้ปล่อยมือจากตัวเอง มันรู้สึก ว่าน้องคิม สามารถเอาบทเรียนจากเรื่องของเฮียใหญ่
มาทำให้ตัวเองเข้มแข็งได้ ดังนั้น ไม่ว่าป๊าน้องคิม จะยอมรับรึไม่ ดราม่าจะมาเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะเตรียมรับเหมือนกัน
เพราะมั่นใจ ว่ายังไงพี่ภพและน้องคิม ย่อมไม่ยอมให้ความรัก ต้องถูกทำลายลงเหมือนครั้งเฮียใหญ่แน่ ๆ
ความหนักแน่น และมั่นคงของทั้งคู่ ต้องสามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่าง แม้แต่ป๊าได้แน่นอน
รอตอนต่อไปนะคะ เอาใจช่วยตี๋น้อยและเฮียเพี้ยนต่อไป เม้นท์ยาวมากเลยอ่ะ แหะ ๆ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1: :L2:


ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
555 ขำการ์ตูนอะ ลูกเจี๊ยบนี่หื่นจริงๆ

ออฟไลน์ loverken

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ชีวิตรักสมหวังนะจ๊ะ คิมมี่

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
คิดถึงเฮียใหญ่

อยากให้กล่าวถึงอีกจังเลย

ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
 :mew6:  น่าสงสารจังหวังว่าป๋าจะเลิกความคิดนั้นแล้วนะ  และอาตี๋น่ารักมากเลยอยากฟัดจังแต่กลัวสามภพ   :z6:  เอา

รอตอนต่อไปจ้า

mooz

  • บุคคลทั่วไป
มารอ ไอ้ดุ๊กดิ๊กกกก   :katai5:

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
● เล่ห์รักฤดูร้อน ●

ยกที่ 58 – คนข้างหลัง



บัญชีรอบนี้เพิ่งถูกจัดการได้เสร็จสิ้น สุชัยปิดสมุดบันทึกยอดการชำระเงินของห้องแถวที่เขาเปิดให้เช่า ทอดสายตากับมันอยู่ครู่หนึ่ง แต่คล้ายว่าจิตใจไม่ได้จดจ่อไปตามการมองเห็น เมื่อนึกได้อีกครั้งว่าเหม่อลอยเช่นนี้เป็นการเสียเวลาเปล่าจึงเก็บมันเข้าลิ้นชัก รวมกับบัญชีอื่น ๆ ในกิจการที่บ้านวานิชตะการกูลเป็นเจ้าของ


กำไรจากการค้าขายยังคงสูงอย่างทุกที และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อย ๆ สมกับน้ำพักน้ำแรงที่ลงไปตลอดระยะเวลาหลายปี แต่น่าแปลกที่ตัวเลขในบัญชีเหล่านั้น กลับไม่ได้นำความพึงพอใจมาสู่ใบหน้านิ่งขึงเป็นนิจของชายผู้นี้เท่าไรนัก


เขารู้..มันยังขาดอะไรบางอย่าง มีบางสิ่งที่หายไป ช่องโหว่ซึ่งยังต้องการให้มีอะไรมาเติมเต็ม ทว่าเขาไม่รู้ต้องทำอย่างไรจึงจะถมที่ว่างเหล่านั้นได้เสียที ในเมื่อเป็นเพียงความรู้สึกคลุมเครืออันหาที่มาไม่ได้ สุชัยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้เขายังขาดอะไรไป มันดูคล้ายจะสมบูรณ์พร้อมหมดแล้ว...แต่ก็ยังไม่ใช่เสียทีเดียว


“...เฮ้อ...”


“ถอนใจอะไรป๊า”


เดือนเพ็ญผู้เป็นภรรยาร้องทักเสียงอ่อน ปกติเธอไม่ใคร่ไปก้าวก่ายกับอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ของสามีนัก แค่คนแก่ทอดถอนใจ จะมีเรื่องแปลกอะไรให้สงสัย และสุชัยก็ไม่ค่อยชอบให้เธอคิดเรื่องหยุมหยิมของเจ้าตัวเป็นทุนเดิม หากแต่ช่วงนี้ดูจะบ่อยครั้งจนผิดสังเกต ถึงกับอดเอ่ยปากออกไปไม่ได้


“ท่าทางไม่ค่อยสบายใจนะ”


“เปล่า”


คำปฏิเสธฟังดูเลื่อนลอย แต่มันก็ช่วยจบบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น


เธอโคลงศีรษะน้อย ๆ  หันหลังเดินออกจากจุดเดิม ตั้งใจจะไปชงชาจีนมาให้เขาสักกา แต่ยังไม่ทันได้พ้นประตูห้อง อีกฝ่ายก็พึมพำขึ้นมา แม้ไม่แน่ใจนักว่านั่นพูดกับเธอหรือเพียงแค่รำพึงกับตัวเอง


“ตี๋เล็กไม่ค่อยติดต่อมาเลยนะ”


เดือนเพ็ญชะงัก เหลียวกลับไปมองสามีซึ่งยังนั่งหันหลังให้ เธอมองไม่เห็นว่าสีหน้าเขาเป็นเช่นไร แต่กลับสัมผัสได้ถึงร่องรอยความหงอยเหงาที่แทรกซึมอยู่บางเบาในประโยคนั้น


“คิดถึงตี๋เล็กหรือ?” เธอกระซิบ ตอบตัวเองไม่ได้ว่าอยากให้เขาได้ยินหรือเปล่า


“...”


“..ป๊าก็โทรหาสิ” คราวนี้ชัดถ้อยชัดคำกว่าเก่านิดหน่อย เมื่อรู้ชัดจากแผ่นหลังที่ยืดขึ้นของสุชัยว่ากำลังตั้งใจฟังเธออยู่เป็นแน่ “โทรศัพท์ก็มี”


“สาบอกสบายดี” เขาพึมพำ “แต่เรียนยุ่ง”


“ยุ่งก็โทรได้” เธอค้าน แม้รู้ดีว่าความเห็นตัวเองคงไม่ส่งผลอะไรกับคนตรงหน้านัก เหมือนอย่างเคยผ่านมาสามสิบกว่าปี กับรูปแบบการใช้ชีวิตคู่ของคนทั้งสอง เดือนเพ็ญไม่ค่อยได้มีปากเสียงกับเขาเท่าไรนัก


ตามใจผัว หรืออย่างสุภาพก็ ช้างเท้าหลัง...ทุกคนเรียกกันว่าอย่างนั้น


“ป๊าก็ลองโทรไป ถ้าตี๋เล็กไม่ว่างก็วางสาย..เท่านั้นเอง”


“....”


“เอาเถอะ” เดือนเพ็ญยิ้มอ่อนใจ รู้ดีว่าต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว สุชัยหัวดื้อมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ยิ่งอายุมากเข้าก็ไม่รู้จะเข้าทำนองคนแก่หัวดื้อหนักเข้าไปอีก หรือว่าจะปลงชีวิตได้บ้างเสียที “เดี๋ยวม้าไปชงชา”


ทว่ากลับเป็นอีกครั้งที่เธอต้องชะงัก ถึงตอนนี้ก็ยังก้าวไม่พ้นประตูอยู่ดี ขาถูกตรึงอยู่ที่เดิมด้วยเสียงรำพึงของสามี


“ลูก ๆ ป่านนี้ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาสักคน”


กังวลเรื่องนั้นหรอกหรือ? คือสิ่งที่เธออยากถามสุชัย แต่ก็ตัดสินใจกลืนประโยคนั้นกลับไปเสียก่อน เรียบเรียงคำพูดใหม่พร้อมกับเดินกลับเข้าไปหาเขา


“ตาโรจน์แฟนเจ้าสาก็เคยเกริ่น ๆ ไว้บ้าง ป๊าจำไม่ได้หรือ”


“ก็ได้แต่เกริ่น” สุชัยตัดพ้อ ไม่รู้ตัวเลยว่าส่งสำเนียงน้อยใจเจืออยู่ในถ้อยคำ “ไม่แต่งสักที แถมยังเป็นลูกสาวเสียอีก มีลูกชายกับเขาก็...”


“....”


เสียงผ่อนลมหายใจยาวที่เธอได้ยินนั้นช่างอ่อนระโหย ริ้วรอยบนใบหน้าสามียิ่งชัดขึ้นเมื่อเจ้าตัวทำสายตาอมทุกข์


“...ป๊า...ตี๋เล็กยังเรียนไม่จบเลย” เธอปลอบเสียงเบา เลี่ยงจะเอ่ยถึงลูกชายอีกคนที่ไม่อยู่แล้ว “...หนูแบมแกก็...”


“เพราะงั้นสิ! มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะ!?”


เธอขยับริมฝีปาก ตั้งใจจะพูดอะไรต่อ ทว่าสุดท้ายแล้วกลับทำเพียงถอนใจยาวไปด้วยอีกคน จากนั้นก็ปิดปากเงียบ เป็นช้างเท้าหลังที่ไม่คิดเถียงเรื่อยมา ก่อนจะค่อย ๆ หลบออกมาจากห้องทั้งที่อีกฝ่ายยังหันหลังให้


สุชัยไม่สบายใจ เธอรู้ดี สามสิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันนั้นผ่านร้อนหนาวมาก็มาก มีทั้งเรื่องดีและร้ายเกิดขึ้นในครอบครัว ความคาดหวัง สิ่งที่เขาต้องการ เธอคิดว่าตัวเองรู้...ไม่ทั้งหมดก็เกือบหมด ครอบครัววานิชตระการกูลจะว่ามีพร้อมก็อาจเป็นได้ บ้าน เงินทองพอกินพอใช้ เรียกได้ว่าอยู่สบาย รุ่นแรกของนามสกุลนี้ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนเริ่มต้นได้สวยงาม


แต่หากมองดี ๆ แล้ว พ่อแม่ที่กำลังสูงวัยขึ้นไปทุกทีอยู่กันตามลำพังสองคนราวกับไม่มีลูกหลาน ก็ฟังดูออกจะเป็นชีวิตที่แห้งแล้งไปสักหน่อย


เดือนเพ็ญมุ่นคิ้ว มองใบชาในตะแกรงกรองค่อย ๆ ซับน้ำต้มสุกที่เทลงไป สีเหลืองอ่อนในกาน้ำชาใสบิดเป็นเกลียวเชื่องช้า ผสมกับน้ำร้อนจนกลายเป็นเนื้อเดียว พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นเตะจมูก ชาร้อนยามบ่ายสักหน่อยอาจช่วยให้เขาสงบใจและตรึกตรองถึงเรื่องราวต่าง ๆ ได้ทะลุปรุโปร่งขึ้นบ้าง


เธอรู้ว่าสุชัยอยากอุ้มหลาน อยากมีชีวิตน้อย ๆ สักคนที่ลืมตาดูโลกภายใต้นามสกุลของตัวเอง และได้เห็นเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นในขณะที่ตนยังมีชีวิตอยู่ แน่อยู่แล้ว..พ่อแม่โดยมากก็หวังเช่นนั้น แต่เมื่อผนวกเข้ากับความใจร้อนและหัวดื้อของเจ้าตัว จึงดูเหมือนยิ่งพยายามเร่งรัดลูกคนเล็กซึ่งเป็นลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว เพราะรู้ดีว่าลูกสาวทั้งสองนั้น ต่อให้ออกเรือนไปเป็นฝั่งเป็นฝา ครอบครัวฝ่ายชายส่วนใหญ่ก็มักอยากเห็นหลานได้ใช้นามสกุลตัวเอง เขาสรุปเช่นนั้นโดยเอาความคิดตนเป็นบรรทัดฐาน


แต่เชือกที่ตึงเกินไป ไร้การยืดหยุ่น ยิ่งดึงยิ่งเจ็บมือ..อย่างนี้จะดีแล้วหรือ


เดือนเพ็ญยกกาน้ำชาและถ้วยกระเบื้องใส่ถาด แล้วเดินกลับเข้าไปห้องเดิม ทุกประสาทสัมผัสผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้กลิ่นชาหอมกรุ่นกำลังดี ไอสีขาวจาง ๆ ลอยขึ้นเหนือปากแก้วเมื่อเธอรินมันลงไปเบามือ จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างสามีตัวเองที่เก้าอี้อีกตัวโดยไม่ปริปากพูดอะไร จนกระทั่งสุชัยเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน


“เมื่อไหร่จะเรียนจบกัน”


ขณะพูดนั้นเจ้าตัวไม่ได้สบตาคนข้างกาย สายตามองเลยออกไปผ่านบานหน้าต่าง หยุดลงตรงใบไม้ซึ่งไหวตามแรงลม อยู่บนกิ่งก้านของต้นมะม่วงที่เขาจำได้ว่าวสันต์เป็นคนปลูก ลูกชายคนโตที่เขาแสนรัก และยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เสมอเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น...มันมีอะไรผิดพลาดตั้งแต่ตรงไหนกัน

"หาคนดี ๆ แต่งด้วย จะได้หมดห่วงเสียที"

“ป๊าใจเย็นก่อน” เธอปลอบ “ของอย่างนี้ต้องให้ตี๋เลือกเอง”

“ผู้ใหญ่เลือกให้ก็ได้” สุชัยโคลงศีรษะคัดค้าน ด้วยเพราะเป็นสิ่งที่เจอมากับตัว ตนเองกับเดือนเพ็ญ ว่ากันตามจริงแล้วก็แต่งงานตามการตกลงกันของผู้ใหญ่ ไม่ได้เริ่มขึ้นจากความรักเสียทีเดียว แต่อยู่ด้วยกันไปจึงกลายเป็นความผูกพันมาถึงตอนนี้ “ขึ้นมหา’ลัยยังไม่เคยพาใครมาบ้านสักคน นอกจากไอ้รุ่นพี่นั่น”

เดือนเพ็ญยิ้มบาง “..สาก็บอกว่าตี๋เรียนยุ่ง..จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน ไม่งั้นจะมีเกรดดี ๆ มาให้เราดูทุกเทอมหรือ?”

เขาถอนหายใจเฮือก แม้จริงอย่างเธอว่า แต่ก็ยังอดขัดใจไม่ได้

“เจ้าสาก็เปิดร้านยา คงกะเอาดีทางนั้นไปแล้ว เจ้าสิทำงานบริษัท ตี๋เล็กเป็นหมอฟัน หลานก็ยังไม่มีให้อุ้ม วันหนึ่งวันใดเราสองคนเป็นอะไรไปแล้วใครจะดูแลเรื่องการค้าขายที่บ้าน”

เธอพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม พึมพำแต่เพียงเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน “อย่าบังคับอาตี๋เลย”

“ได้หรือ?” สุชัยย้อนถาม

ทว่าเดือนเพ็ญไม่พูดอะไรอีก ได้แต่นั่งอยู่กับความเงียบ มองใบชาหงิกงอซึ่งหลุดออกมาจากที่กรองจมลงสู่ก้นแก้ว


เธอไม่รู้หรอกว่าได้หรือไม่อย่างที่สุชัยถาม


รู้แต่ไม่อยากสูญเสียอะไรหรือใครที่เธอรักเสมือนแก้วตาดวงใจอีกแล้ว





.




.




.




.







วัสสานะมองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย


อย่างแรก...เธอดีใจ เสียงหัวใจซึ่งเต้นโครมครามจนหนวกหูกู่ร้องว่าอย่าริเถียงว่าไม่ได้คาดหวังจะได้ยินคำนี้สักครั้ง...จากปากผู้ชายที่เธอรัก..


อย่างที่สอง...ประหลาดใจ (และเขินอย่างถึงขีดสุด) เขากล้าทำอย่างนี้ในร้านขายยาต่อหน้าลูกจ้างได้อย่างไร....แต่เดี๋ยวนะ!...ลูกจ้างสองคนที่ยังอยู่จนถึงเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว!?
 

และอย่างที่สาม...วิตกกังวล สิ่งสุดท้ายที่วาบขึ้นมาในความคิด เมื่อตระหนักได้ถึงเหตุผลดั้งเดิมซึ่งทำให้เธอไม่เคยเอ่ยปากเรื่องนี้จริงจังกับเขาสักครั้ง ทั้งที่คบกันมาเนิ่นนาน


“...พี่โรจน์...สา....”


“แต่งงานกันนะครับ...” อีกฝ่ายย้ำ ชูกล่องใส่แหวนขึ้นสูงกว่าเดิมด้วยท่าทางสุดเสี่ยว เมื่อเห็นเธอยืนทำหน้าสับสนชีวิต เหมือนเด็กที่กำลังหลงทางในห้างและยังไม่รู้ว่าประชาสัมพันธ์ไปทางไหน  “...แต่งงานกับพี่”


เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามจะไม่ฉีกยิ้มแต่ก็ยากเหลือเกิน ทว่าแน่ละ...มันมีอะไรบางอย่างซึ่งยากกว่านั้นมากนัก


“พี่โรจน์คะ”


“...สา?” เขาเรียกเสียงนุ่ม


ให้ตายเถอะ เธอนึกตัดพ้ออยู่ในใจ ทั้งที่ปกติเอาแต่กวนประสาทใส่กันแท้ ๆ เชียว


นัยน์ตาละห้อยของศิโรจน์สื่ออารมณ์เว้าวอน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนขมับ พร้อมกับความตึงเครียดซึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ  เมื่อสาวเจ้าใช้เวลาอ้ำอึ้งนานกว่าที่เขาคาดไว้แต่แรก จะได้สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ หรือได้เก็บแหวนเข้ากล่องก็ยังน่าเป็นห่วง


วัสสานะยกมือกุมอก หายใจเข้าลึก ๆ  อายุเธอไม่ใช่น้อยแล้ว ตอนนี้ความรักมา ฐานะพร้อม จะมัวรออะไร...


แล้วคำตอบก็ตามมาทันควัน ว่าที่ประวิงการแต่งงานมาจนป่านนี้เพราะเป็นห่วงคิมหันต์ ถ้าแต่งไปแล้วใครจะดูแลเขา สิสิรคนเดียวจะไหวหรือ รายนั้นยิ่งเป็นพวกพูดน้อยไม่ค่อยถามไถ่อยู่ด้วย


แต่คิดสิวัสสานะ เธอบอกตัวเอง หากแต่งงาน มีหลานให้ป๊ากับม้าอุ้มสักที คิมหันต์ก็หมดห่วงไปได้อีกยาว


ขอแค่เงื่อนไขเดียวเท่านั้นเอง...


“พี่โรจน์” เธอเอ่ยปากเรียก ร่องรอยของความเจ้าเล่ห์อย่างคนในครอบครัวค้าขายฉาบขึ้นแวบหนึ่งบนดวงหน้าโดยไม่รู้ตัว “..สามีเรื่องจะขอข้อเดียว”


ประกายแห่งความหวังปรากฏขึ้นในแววตาชายหนุ่มซึ่งคุกเข่าอยู่นานจนเริ่มเมื่อย เงื่อนไขอย่างเดียวของวัสสานะจะเป็นอะไร? เกิดนึกอยากพิสูจน์รักแท้ด้วยวิธีประหลาดอะไรขึ้นมาตอนนี้หรือเปล่า นี่มันน่าเครียดสำหรับเขา พอกับที่หญิงสาวกำลังวิตกเรื่องเขาจะยอมให้เธอได้หรือไม่ในข้อนี้


“อะไรหรือ?” เขากลั้นใจถาม รักษาระดับเสียงของตัวเองให้คงเส้นคงวา ขณะที่วัสสานะทรุดร่างลงคุกเข่าเสมอเขา ดูประหลาดเมื่อคนที่เขาอยากได้เป็นเจ้าสาวกลับลงมาย่อตัวอยู่ในระดับเดียวกันเสียนี่


“...ลูกชายคนแรก...ขะ..ของเรา..”


เธอเริ่มออกปากด้วยเสียงงึมงำ พวงแก้มเป็นสีแดงระเรื่อ ท่าทางคล้ายลังเลอยู่แวบหนึ่ง แต่หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งก็กุมมือเขาไว้มั่น พร้อมกับเอ่ยหนักแน่นประหนึ่งกำลังเป็นฝ่ายขอเขาแต่งงานเสียเอง



“ให้เขาใช้นามสกุลวานิชตระการกูลได้ไหมคะ?”












"แต่งงาน!?"




คิมหันต์อ้าปากค้างไปเลย ตอนที่รู้เรื่องนี้จากปากพี่สาว


แน่ละ เขาเพิ่งค่อนขอดเธอไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง หลังกลับจากไปเยี่ยมเยือนบ้านสามภพเป็นครั้งแรก และได้รู้เรื่องอันนาจะแต่งงานกับพี่ชายของสามภพ เขายังกลับมาเปรยใส่วัสสานะ แถมด้วยกระแซะถามเธอด้วยซ้ำว่าจะโหนคานเล่นไปจนถึงเมื่อไร ขืนรอจนอายุมากค่อยแต่งงาน ลูกออกมาไม่สมประกอบกันพอดี ปากล้อไปเรื่อยด้วยเข้าใจว่าเธอมัวแต่ห่วงทำงานหาเงิน หารู้ไม่ว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุหลัก


“เบื่อคานแล้วหรือ โหนจนเมื่อแขนแล้วอะดิ”


วัสสานะส่ายหน้า พ่อน้องชายตัวแสบก็กวนเอาจริงจัง หน้าตาไม่ทันหายเหวอแท้ ๆ  ยังมีแก่ใจมาทำยียวนใส่


“เจ้าเด็กคนนี้”


“ไม่เด็กแล้ว..” คิมหันต์ยิ้มกริ่ม ลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เธอ เขาเพิ่งเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเป้ตัวเองเสร็จ พร้อมเต็มที่สำหรับการเดินทางกลับบ้านวันรุ่งขึ้น หลังสอบปลายภาคของชั้นปีที่สามจบลงคิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสุดแล้ว กลับบ้านมายังได้ยินข่าวดีจากพี่สาวอีกอย่าง “...แล้วเจ้คุยกับพี่โรจน์เขานานยัง”

“..สักระยะหนึ่งแล้ว”

“ป๊ากับม้าล่ะ?”

“รู้แล้ว”

“แล้วเจ้สิ?”

“รายนั้นก็รู้แล้วเหมือนกัน”

“นี่ผมรู้ช้าสุดเลยหรือ!?” คิมหันต์ทำเสียงผิดหวัง ส่งสายตาละห้อยใส่เธอเหมือนเจ้าหมาดุ๊กดิ๊กยามถูกสั่งห้ามเข้าบ้าน “ไหงงั้นล่ะ”

เธอหันมาคลี่ยิ้ม ลูบผมเขาแผ่วเบาเหมือนเคยทำตอนเด็ก ๆ  จ้องมองใบหน้าเขาให้ชัด และรับรู้ได้ถึงหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป..

แววตา น้ำเสียง รูปร่าง คิมหันต์โตแล้วจริง ๆ อย่างเจ้าตัวว่า เด็กน้อยที่ตามเรียกเจ้ใหญ่ ๆ มาแต่ไหนแต่ไรเป็นผู้ใหญ่ได้ถึงขนาดนี้เชียว เธออดภูมิใจกับเขาไปด้วยไม่ได้เลย

“เจ้?”

หญิงสาวหลุดจากภวังค์ แวบหนึ่งที่เธอมองเห็นภาพซ้อนของพี่ชายผู้ล่วงลับไปแล้ว น้องเล็กตรงหน้าแทบถอดแบบรูปลักษณ์ภายนอกมาจากพี่ชาย เหมือนกระทั่งคณะที่เรียน แต่เลยจุดที่วสันต์หยุดชะงักไว้แค่นั้นตลอดกาลมาสองปีกว่าแล้ว ต่างกันตรงคิมหันต์ร่าเริงกว่า ดูมั่นใจกว่า เจ้าเล่ห์กว่า ไม่มีภาระเรื่องน้อง ๆ และเงินทองของทางบ้าน แถมยังกวนประสาทกว่าเสียด้วย

"ไอ้ตัวแสบ"

เธอพึมพำ มองเขาเต็มตา และเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน


สามภพในชุดเสื้อยืดกางเกงบอลเดินตรงเข้ามาพอดี มีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนไหล่ ลากเก้าอี้อีกตัวมาไว้ข้างคิมหันต์ ขยี้ผมเขาเบา ๆ แล้วย่อตัวลงนั่งคู่กัน

“เฮียอาบน้ำเร็วไปละ” คนที่นั่งอยู่แต่แรกเอ่ยทักทันใด แต่ไม่ได้หลบฝ่ามือที่วางลงบนศีรษะ ตรงข้ามเลย เจ้าตัวยังดันสู้อีกต่างหาก “วิ่งผ่านน้ำเรอะ”

“ใครจะเอ้อระเหยอย่างเราล่ะ”

“ใครจะซกมกอย่างเฮียเพี้ยนล่ะ” คิมหันต์ย้อน ไม่ดูความจริงว่าตัวเองที่ยังไม่ยอมอาบน้ำสักทีนั่นแหละซกมกสุด

“ครับ ๆ” ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอ่อนใจ หันไปเอ่ยกับวัสสานะประหนึ่งเป็นสมาชิกร่วมบ้าน “พี่สายังไม่นอนอีกหรือ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขับรถ”

หญิงสาวผงกศีรษะ หันไปมองคิมหันต์ซึ่งเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข เกาะแขนเกาะไหล่คนข้างกายไปเรื่อย ขณะที่อีกฝ่ายก็ยอมให้หยิบจับเล่นเป็นสินค้าตั้งโชว์แต่โดยดี แบบที่ไม่เคยยอมกับใครอื่น คิมหันต์อาจไม่รู้ ขนาดกับพี่ชายแท้ ๆ สามภพยังไม่ค่อยชอบให้มาสัมผัสเนื้อตัวขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่ก็นั่นละ เรื่องกรณีพิเศษหรือพวกข้อยกเว้นทั้งหลาย มีให้สำหรับคนพิเศษแค่คนเดียว


วัสสานะมองทั้งสองคนยิ้ม ๆ  แม้จะหมั่นไส้ท่าทางน้องชายไม่ใช่น้อยแต่ก็พยักหน้า เอ่ยลาพวกเขา แล้วขอตัวไปนอนก่อน ปล่อยแขกที่มาขอค้างด้วยหนึ่งคืนใช้เวลาอยู่กับพ่อน้องชายตัวแสบที่เชิญมาเสียให้หนำใจ (เธอลอบค่อนขอดในใจว่าทำอย่างกับที่ผ่านมายังอยู่ด้วยกันไม่พอ) ปิดเทอมอีกแล้ว เขาต้องเตรียมตัวกลับบ้านต่างจังหวัด คงจะไม่ได้เจอกันอีกสักพักใหญ่ ๆ  เพราะดูท่าแล้วคิมหันต์ไม่อยากพาอีกฝ่ายกลับไปเจอหน้าบุพการีเป็นครั้งที่สองเท่าไรนัก


“เด็ก ๆ ก็อย่านอนดึกนักล่ะ”


เธอกำชับเป็นการทิ้งท้าย อ้าปากหาวหวอด ก่อนจะปลีกตัวออกมา







มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ

v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2013 20:49:50 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ยกที่ 58 (ต่อ)



งานแต่งงานถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ขณะคิมหันต์อยู่ระหว่างปิดภาคเรียนในชั้นปีสี่ ที่น่าตกใจคือแม้ตกลงกันทีหลัง แต่วัสสานะและศิโรจน์กลับจูงมือเข้าประตูวิวาห์ก่อนคู่อันนากับสามพลเสียอีก


“เจ้าสาวสายฟ้าแลบจริง ๆ”


คิมหันต์เอ่ยซ้ำซากโดยไม่รู้ตัว ใครถามปากก็บอกว่ายินดีด้วยกับพี่สาว แต่เอาเข้าจริงแล้ว ท่าทางเจ้าตัวคงยังอยู่ในภาวะงุนงงเรื้อรังจนเอาแต่ย้ำคิดย้ำทำอยู่จุดเดิม ได้คุยถึงเรื่องนี้ทีไรก็เผลอพูดวนเหมือนแผ่นเสียงตกร่องอยู่นั่น



สายลมยามค่ำคืนโชยอ่อนต้องผิวกาย ปลายฝนต้นหนาวอากาศเย็นและชื้นใช้ได้ สามภพยืนกอดอกรอเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งคิมหันต์เดินออกมาจากมุมสลัวอีกฟากหนึ่งของงานซึ่งไม่มีผู้คนเดินผ่าน

"ไง" เขาทัก

อีกฝ่ายเงยขึ้นมอง ไม่มีทีท่าตกใจที่เห็นเขาซุ่มอยู่ตรงนี้เท่าไรนัก แล้วยังต่อว่ากลับมาอีก "หายต๋อมไปเลย"

สามภพลอบยิ้ม เขาเองต่างหากที่ควรพูดว่าคิมหันต์นั้นหายต๋อมไปเลย


งานแต่งงานจัดขึ้นที่จังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของทั้งวัสสานะและศิโรจน์ผู้เป็นเจ้าบ่าว แน่นอนว่าคนในครอบครัวย่อมต้องวิ่งวุ่นจัดการธุระมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วไหนยังทุกครั้งที่มีปิดเทอมหรือวันหยุดยาว อีกฝ่ายเป็นต้องแจ้นไปรายงานตัวกับทางบ้านราวกับถูกคุมความประพฤติมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องนั้นเขาเข้าใจดี

แต่ไม่ได้เห็นหน้ากันนานอย่างนี้ แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าไม่คิดถึง

พอจะได้เจอกันในงานสักหน่อย สมกับที่รอคอยมาตั้งนาน เจ้าตัวก็ต้องนั่งรวมกับครอบครัวตัวเอง (ซึ่งแน่นอนว่าคิมหันต์ไม่อยากให้เขาไปโผล่ตรงนั้นนักหรอก) ได้แต่คอยจ้องไว้ไม่ให้คลาดสายตา

เวลาผ่านไปจนงานเกือบเลิก คิมหันต์จึงได้ปลีกตัวแล้วเดินออกมาทางห้องน้ำ ตอนแรกเขาตั้งใจดักรออยู่แถวทางออก รออีกฝ่ายเสร็จธุระก่อน คุยอะไรตอนยังไม่ได้ปลดทุกข์ก็เห็นจะไม่เข้าท่านัก ทว่าเมื่อเจ้าตัวเดินออกมา ยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักทายสักคำ คนที่เขารอกลับเดินออกอีกทาง จากนั้นเลี่ยงไปตั้งไกลยังอีกฟากหนึ่งซึ่งไม่มีแขกไปป้วนเปี้ยน

ตัวเขาสืบเท้าตามมาเงียบเชียบ จ้องอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัด ว่าอีกฝ่ายมายืนทอดสายตาออกไปกลางความเวิ้งว้างยามดึกอะไรตรงนี้

ชายหนุ่มยืนรออย่างใจเย็น และคิมหันต์ดูจะช่วยพิสูจน์ความพยายามนั้นโดยไม่รู้ตัว จึงได้เอาแต่นิ่งโดยไม่รู้ว่าเขายืนเฝ้าอยู่ จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ถอนหายใจ เดินกลับออกมาโดยเขายังไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้าตัวไปทำอะไรตรงนั้น ก่อนจะได้มาเจอกัน ณ จุดที่เขายืนซุ่มอยู่นี่เอง

“ออกไปเหม่ออะไรแถวมืด ๆ นั่นน่ะ?” เขาถามเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายกลับย้อนใส่

“เฮียเพี้ยนมายืนเฝ้าอะไรผม?”

เจ้าเด็กนี่รู้มาก...แม้ตอนนี้ไม่ใช่เด็กอย่างที่เขาเคยโดนสรัญกล่าวหาว่าเลี้ยงต้อยอีกต่อไป คำพูดคำจาฟังแล้วรู้เลยว่าตระหนักถึงตัวตนของเขาตรงนี้ตลอด มิน่าเล่าตอนเจอกันจึงไม่ตกใจสักนิด หนำซ้ำยังมาว่าเขาหายต๋อมไปเลยเสียอีก

“ถ้ารู้ว่าคนรักยืนรออยู่ตรงนี้ ทำไมไม่หันมาทักทายกันบ้าง?”

สามภพนึกเลี่ยนคำพูดตัวเองเอาการ แต่คิดว่าสีหน้าซึ่งพยายามซ่อนความเขินของคิมหันต์นั้นเกินคุ้ม จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะแยกเขี้ยวก็ไม่เชิงแบบนั้นดูน่าแกล้งพิลึก

“ผมแค่อยากรู้ว่าพี่จะอดทนยืนรอได้นานเท่าไร”

“แล้วทีนี้รู้หรือยัง”

คิมหันต์เอานิ้วเคาะหน้าปัดนาฬิกาข้อมือตัวเอง “สิบสองนาที”

สมกับเป็นคิมหันต์

“นานกว่านั้นก็รอได้”

อีกฝ่ายยักยิ้ม ดูพอใจคำพูดเขา หลังจากกวาดสายตามองรอบตัว เห็นไม่มีใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็จัดการกระตุกแขนเขาให้ไปอีกทางที่ค่อนข้างมิดชิดกว่าจุดเดิม จนอยู่ในระยะซึ่งคิดว่าปลอดภัยพอ จึงได้ผลักอกให้ถอยหลังไปจนมุมกับกำแพง

ทั้งหมดนั้นสามภพยินยอมแต่โดยดี ว่ากันตามจริงแล้วต้องเรียกว่าเขาช่วยดึงอีกฝ่ายตามมาประชิดตัวด้วยซ้ำ และคิมหันต์ก็ดูจะตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงนั้น ใบหน้าที่มั่นใจเต็มแก่ในคราวแรกจึงได้มีสีชมพูระเรื่อแต้มอยู่บนพวงแก้ม

..น่ารัก..

สามภพรวบเอวอีกฝ่ายไว้หลวม ๆ  และได้รับวงแขนยกขึ้นคล้องรอบคอเป็นการตอบสนอง

ริมฝีปากทาบทับ...บดเบียดลงหนักหน่วงในนาทีที่สิบสามพอดิบพอดี

“..คิดถึง...” คิมหันต์กระซิบเสียงแหบพร่า ใบหน้าแยกจากกันเพียงนิดเดียวแล้วกดจูบซ้ำ ๆ ลงไปอีก  “…คิดถึงเฮียเพี้ยนโคตรเลย”

เขาชอบอาการแบบนี้ของคนตรงหน้าเสียจริง ดูแล้วชวนให้อยากทำตัวใจร้ายปล่อยอีกฝ่ายคิดถึงบ่อย ๆ  หากไม่ติดว่าอาจเป็นเขาเองที่สติแตกไปก่อน

สามภพปล่อยคิมหันต์ลวนลามตามชอบใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าจูบเปะปะอย่างนั้นถึงแม้น่ารัก แต่ช่างไม่ได้อย่างใจเอาเสียเลย เหมือนกับว่ายังไม่ค่อยเต็มไม้เต็มมือแปลก ๆ จนอยากสัมผัสให้มาก..และให้ลึกซึ้งกว่านี้ เขาชอบเวลาคิมหันต์เริ่ม แต่ก็ชอบตอนที่ตัวเองทำให้อีกฝ่ายเขินจนไปต่อไม่ถูกได้เหมือนกัน

“ถ้าคิดถึงขนาดนั้น ปกติเขาไม่จูบแค่เล็ม ๆ แถวปากเหมือนลูกหมาเลียหรอกรู้ไหม”

คิมหันต์ทำหน้ายุ่งตรงถ้อยคำเปรียบเทียบตอนสุดท้าย ตั้งท่าจะเถียงอย่างทุกที แต่คราวนี้คิดหรือว่าเขาจะปล่อยเอาไว้

“…อือ...”

ในเมื่อเสียงแบบนี้น่าเอ็นดูกว่าตั้งเยอะ

“แล้วนี่ยังไง” เขาลูบผมอีกฝ่ายเบามือ ถอนริมฝีปากออกมานิดเดียวเวลาต้องการจะพูด จากนั้นก็แนบลงไปหนักกว่าเก่า หลังจากนี้ได้มีปากเจ่อแน่ ๆ  รู้สึกอยากรังแกพอกับอยากทะนุถนอม หรืออีกนัยหนึ่งจะเรียกว่าอยากทะนุถนอมไว้รังแกคนเดียวคงพอได้ “...จะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่?”

”....อาทิตย์....อะ...อืออ..อ.....หน้า.....”

คิมหันต์ว่าอย่างนั้น...ตะกุกตะกักด้วยปลายลิ้นยังเกาะเกี่ยวกันอยู่ ลมหายใจแรงและร้อนผ่าวเป่ารดบนใบหน้ากันและกัน ขณะที่นิ้วมืออีกฝ่ายแทรกเข้ามาตามไรผมบนท้ายทอยชายหนุ่ม ทิ้งน้ำหนักมาพิงอกเขาราวกับว่าเรี่ยวแรงที่ขาระเหยหายไปหมดแล้ว น่ารักจนไม่รู้จะว่าอย่างไรดี

สุดท้ายก็ท่าทางคิมหันต์จะสู้ไม่ไหว ถึงกับต้องรีบก้มหน้างุดเหมือนกลัวจะถูกตามไปงับปากอีก อาศัยซุกอยู่บนอกเสื้อเขาแล้วคลุกวงในแทน บ่นเสียงอู้อี้ว่าถ้าปากเจ่อขึ้นมาจะทำอย่างไร

“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร”

เขาเอ่ยขำ ๆ  กดจมูกลงกลางกระหม่อมคนในอ้อมแขนก่อนจะวางคางตัวเองพาดไว้แทน รอยยิ้มบางเบาด้วยความอิ่มเอมทอดผ่านริมฝีปาก

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเชื่องช้า พร้อมกับที่สายตามองยาวออกไปเบื้องหน้า รู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาเล็ก ๆ นี้จนราวกับว่าจะไม่ต้องการอะไรอย่างอื่นอีก..


..แต่แล้วกลับสะดุดเข้ากับร่างของคนคนหนึ่ง



คนที่เขาเชื่อว่าคิมหันต์ไม่คิดอยากให้มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ที่สุด



สุชัย วานิชตระการกูล



คิมหันต์ซึ่งซุกหน้าอยู่กับอกเขา แล้วยังหันหลังให้ผู้เป็นบิดา ท่าทางว่าคงไม่รู้ตัวจึงได้กอดเอวเขาแน่นอยู่เช่นนี้ ขณะที่ผู้มาใหม่จ้องเขม็งมายังเขา สายตาแข็งกร้าวสบกันใต้แสงไฟสลัวจากบริเวณงานห่างออกไป

สามภพนึกเสียใจในความประมาทของตัวเอง แม้เป็นที่ลับตา แต่อย่างไรเสียก็ยังอยู่ในบริเวณงาน ปล่อยความคิดถึงเอาชนะตัวเองจนทำอะไรไม่คิดว่าอาจมีใครมาเห็น และยิ่งไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อของคิมหันต์


“...เฮีย...?” 


คิมหันต์พึมพำ เงยขึ้นมองเขาเมื่อเห็นว่านิ่งไปนานผิดปกติ แต่สามภพตัดสินใจได้ทันก่อนอีกฝ่ายจะหันหลังกลับไป ด้วยการกอดไว้แน่นกว่าเดิม โอบท้ายทอยคนตรงหน้าเข้าหาตัว ให้แน่ใจเรื่องคิมหันต์จะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหลัง

เขาสบตากับสุชัยนิ่ง ริมฝีปากไม่ขยับเป็นคำพูดใด นัยน์ตาหนักแน่นมั่นคงและพยายามจะไม่ให้เหมือนว่ากำลังท้าทาย หากสุชัยจะเห็นความสัมพันธ์ที่ปกปิดมานานนี้...เขาก็อยากให้ได้เห็นสิ่งที่ถูกต้องและเกิดขึ้นจริง ความรู้สึกจริงที่เขามีต่อลูกชายคนเล็กของอีกฝ่าย


“คิมหันต์” 


เขาเรียกแผ่วเบา แต่มั่นใจว่ามากพอจะลอยผ่านอากาศไปถึงหูสุชัย


“...หือ..?”


“พี่รักนาย”


“....”


“...ไม่ว่าจะเป็นยังไง...” เขากระชับอ้อมแขน ก้มลงแล้วพูดเสียงดังกว่าเก่า เหลือบตามองสุชัยไปด้วยขณะเอ่ยปาก “...จำไว้ว่าพี่รักนาย”


“…ระ...รู้แล้วน่า...งี่เง่าว่ะ..” คิมหันต์ส่งเสียงตะกุกตะกัก คุดเข้าหาจนแทบจมหายไปในอ้อมกอด


สุชัยได้ยินถ้อยคำของเขาแน่นอน สีหน้าจึงได้ตื่นตะลึงเช่นนั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธขึ้ง ริ้วรอยยับย่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่เขายิ่งกอดคิมหันต์ไว้แน่น เตรียมใจกับอะไรก็ตามซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ อีกฝ่ายคงเดินมาต่อยเขาสักทีเป็นอย่างน้อย แต่สำหรับอย่างมาก...ตอนนี้เขายังไม่อยากคิด อย่างไรเสีย..นี่ก็เป็นงานมงคลของบุตรสาว คงไม่ถึงกับพกปืนมาด้วย


เขาและสุชัยจ้องตากันอีกอึดใจ คิมหันต์จะสงสัยหรือเปล่าในตอนที่ร่างกายแนบชิดกันเช่นนี้ ว่าเสียงหัวใจเขาเต้นเร็วรัวมากกว่าเดิมขนาดไหน มันแทบระเบิดออกมาให้ได้ โดยเฉพาะเมื่อชายวัยกลางคนตรงหน้าเริ่มสาวเท้าตรงเข้ามาหา


“คิม..ปล่อยก่อน”


เขากระซิบด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ และอาจเพราะทำได้ดีเกินไปจนอีกฝ่ายไม่ติดใจสงสัย จึงได้ทำตามนิสัยเดิมคือเกาะเขาไว้เช่นนั้นพร้อมกับต่อรอง “อีกแป๊บนึง”


“คิม”


“...คิดถึง...กอดอีกแป๊บเดียว...”



“....”



“ผมรักพี่จัง”



หลังจากนั้นคือความเงียบซึ่งนำพาบรรยากาศแปลกประหลาดห้อมล้อมพวกเขาทั้งสามไว้ สามภพที่ตั้งใจจะใช้กำลังดันคิมหันต์ออกกลับชะงักค้างอยู่ท่าเดิม


เช่นเดียวกับสุชัยที่หยุดฝีเท้าอยู่เพียงเท่านั้น


อารมณ์โกรธขึ้งซึ่งฉายอยู่เดิมถูกแทนด้วยสีหน้าอมทุกข์ แววตาที่ดูราวกับจะสะท้อนภาพหัวใจซึ่งแหลกเป็นเสี่ยงของสุชัยทำให้เขาประหลาดใจ จากนั้นจึงตามด้วยความรู้สึกหดหู่อันไม่ทราบที่มา หมุนวนอยู่ในหัวจนชวนให้คลื่นไส้


เขาไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับระบบความคิดอีกฝ่ายตอนนี้ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นพ่อจึงได้ชะงักฝีเท้า หัวคิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงบางเฉียบ กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วปูดโปน และนัยน์ตาวาววับด้วยของเหลวใส ๆ ที่เคลือบอยู่


ก่อนจะหันหลังกลับไปโดยไม่ได้เอ่ยปากอะไรกับพวกเขาสักคำ



“...คิม” 


พักใหญ่กว่าเขาจะส่งเสียงเรียก พร้อมกับที่คิมหันต์เอ่ยขึ้นพอดี


“..เขาไปหรือยัง?”


สามภพใจหายวาบเมื่อได้ยินคำถามนั้น


“...ไม่อยู่แล้ว...ใช่ไหม?”


เขามักประเมินคิมหันต์ต่ำไปอยู่เสมอจริง ๆ 


นั่นทำเพื่ออะไร? อีกฝ่ายรู้ว่ามีคนยืนอยู่ด้านหลัง ทั้งที่คอยปกปิดเรื่อยมาแต่ตอนนี้กลับกล้าพูดว่ารักเขาออกมาเต็มปากเต็มคำ แล้วยังกอดไว้ไม่ปล่อย ขวางอยู่ระหว่างตัวเขาและบุคคลที่สามราวกับ...เขาเพิ่งคิดได้...นั่นอย่างกับกำลังปกป้องมากกว่าจะแค่กอดเขาไว้เฉย ๆ


“ไปแล้ว” สามภพตอบสั้น ๆ  จุกขึ้นมาจนแทบพูดไม่ออก


“ป๊า?” อีกฝ่ายกระซิบ “..หรือว่าใคร?”


“ป๊าเรา”


“...เหรอ....”


คิมหันต์เพิ่งจะตัวสั่นตอนนี้ หรือว่าที่เขากอดอยู่ตั้งนานนั้นมัวแต่ตกใจ จนไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นกันนะ


“...ป๊า..ทำหน้ายังไง...”


“ดูโกรธ” ชายหนุ่มตอบไปตามตรง “...แต่หลังจากนั้น..เขาเหมือนจะร้องไห้”



“....เหรอ..”



ตอบเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงเบาหวิวจนเขาใจหาย...



“...คิม...”



...อกเสื้อเขาชื้นแฉะจากหยดน้ำอุ่น ๆ...




“...ผม...ควรทำไงดี..”




- หมดยกที่ 58 –






-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-


อา...เฮียเพี้ยน..... //โหยหวนอะไร


ก่อนอื่นขอขอบคุณงาม ๆ ที่ช่วยเสนอชื่อในเซ็งเป็ดด้วยนะคะ *กอดฟัดคนอ่านผู้น่ารัก* :กอด1: :man1: :L2: :pig4:
 ซาบซึ้ง ;////; จับฟัดคนละที เป็นกำลังใจมาก ๆ เลยค่ะ อะฮือ เราก็ไปใช้สิทธิโหวตคนอ่านมาเหมือนกันค่ะ (รู้สึกห้าตำแหน่งมันไม่พอจริงจัง อยากโหวตอีกเยอะ ๆ  :ling1: )

ของแถมรีพลายถัดไป ขอจองไว้ก่อน แต่ช้าหน่อยนะคะ เน็ตกากมากเลย  :sad4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2013 10:21:18 โดย RAINYDAY »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
จองไว้ให้ของแถมค่ะ


ตีเกรียนกับน้องหมาทอง




อยากลองเวอร์ชันเด็กน้อยกันบ้างค่ะ คุณน้องคงอ้อนแย่ /////



เล่นกับหมา หมาเลียปาก...
มือค่ะเฮีย...มืออออ...



ปิดท้าย ไม่มีคำอธิบายรูป เขินน... =,.=



ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือน พบกันยกหน้าค่า ^o^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2013 21:55:48 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
พี่สารักน้องมากจริงๆ ซึ้ง

แต่ตอนนี้ สงสารทุกคนเลย T T
อย่าค้างตรงนี้ได้ไหมครับ

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
ง่าาาาาาาาาาาาา

ป๊าจะว่ายังไง จะทำอะไรกับเฮียไหมเนี่ย

 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ไม่ได้เม้นหลายตอน แต่เห็นตอนจบแว๊บๆ หน่วงเหมือนกัน....เอาไว้เดี๋ยวอ่านเสร็จจะมาเม้นนะคะ

-----------------------------EDIT-------------------------------

อ่านจบเเล้ว รู้สึกสงสารทุกคน โดยเฉพาะคุณพ่อกับน้องคิมนี่ล่ะ
แต่เชื่อว่าคนบ้านนี้ไม่สามารถทนรับความรู้สึกสูญเสียอย่างนั้นได้อีกแล้ว อย่างที่เเม่น้องคิมพูดนั่นแหล่ะ
คงต้องค่อยๆเคลียร์กันไป อย่าวู่วามกันนะคะ
แต่ที่สำคัญตอนนี้ซาบซึ้งกับความรักน้องของพี่สาวคิมมากเลยค่ะที่ทำเพื่อน้องได้ขนาดนี้
และที่อยากขอบคุณอีกคนคือสามีของเธอที่ยอมให้ลูกชายใช้นามสกุลของเธอ
ขอบคุณคนทั้งสองมากเลยนะคะ  o1


ยังคงต้องเฝ้าติดตามตอนต่อไปอย่างกระชั้นชิดค่ะ
เป็นกำลังใจให้เรนนี่นะคะ  :กอด1: :L2:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2013 09:24:11 โดย narunarutoboyz »

AnimajuS

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ninghyuk

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
โอ๊ยยยยยยยยยย สงสารทุกคนเลยยยย T-T
ส่วนของแถมชอบมั่กกกกกกกกกก ปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยทีเดียว

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ป๊าขาาาาาาาา
ได้โปรดดดดดด เข้าใจลูกด้วยนะคะ
โฮ่วววววววว หนูไม่อยากกินมาม่าาาาาา

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ชอบบบบ  น่ารักอ่ะ

PoofuGirl

  • บุคคลทั่วไป
กรีดร้องสติแตก TvT แบบว่ามาม่ามาแล้ว
ดีใจกับเจ๊ใหญ่พี่สาคนสวยของนุ้งคิมด้วยยยย
แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว น่ายินดี
รักเจ๊ใหญ่มาก สิ่งที่เจ๊ใหญ่ทำให้นุ้งคิมนี่แบบว่า
ยิ่งใหญ่อ่ะ  :hao5:

คู่รักเฮียเพี้ยนกับนุ้งครีมนี่รักกันแบบเลิฟ ๆ มาก
เห็นแล้วอบอุ่นหัวใจสุด ๆ ทำไมคู่นี้น่ารักแบบนี้
น้องทำตัวน่ารักน่าฟัดเป็นที่สุด แต่ตอนป๊ามาเจอ
ไม่คิดว่าน้องจะกอดเฮียไว้แน่น ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า
ป๊าอยู่ข้างหลัง พูดว่ารักเต็มปากเต็มคำเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
น้องเข้มแข็ง อยากเข้าไปกอดเลยยยยยยยย
เฮียเพี้ยนรักนุ้งครีมมาก ๆ รักนาน ๆ >_<


สงสารป๊าอ่ะ ป๊าคงเจ็บปวดมาก จากความโกรธ
ถึงได้เปลี่ยนเป็นความเศร้า TvT โอ้ชีวิต....
ป๊ารอคุณหลานนะคะ ลูกชายเจ๊ใหญ่จะเป็นผู้สืบทอด
ตระกูลต่อไป ตระกูลนี้ไม่ไร้ผู้สืบสกุลกับกิจการแน่นอนค่าาาาา

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
ฮือ ๆๆๆ มันหน่วงจิต  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พาร์ทแรกเหมือนปัญหาจะเบาบางลงเพราะเจ๊ใหญ่จะแต่งงานและคำขอเรื่องลูกชายคนแรก
แต่พาร์ทสองนี่สิ หายใจไม่ทั่วท้อง ลุ้นระทึก กดดันมาก...
จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หวังว่าประวัติศาสตร์คงจะไม่ซำ้รอยนะ มันจะผ่านไปด้วยดีเอาใจช่วยคิมกับพี่ภพ :)

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
อาเจ้สุดยอดเลย เสียสละเพื่อน้องจริงๆ
สงสารทุกคนเลยนะ ป๊าด้วย ยังไงก็เหลือลูกชายคนเดียว
ขอให้ป๊าเข้าใจน้องด้วยนะ  :mew2:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เจ้ใหญ่เป็นพี่ที่เจ๋งมากๆๆ o13

เอาใจช่วยน้องครีมกับพี่ภพให้ป๊าเข้าใจ :hao5:



 :กอด1: :L2:


ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ชอบตอนนี้อะ อารมณ์มันกรุ่นๆ ดีใจ ปลื้มใจ ตกใจ สะเทือนใจ

รักพี่สาจัง พี่สาทุ่มเทให้พี่น้องเสมอเลย

รักคุณแม่จัง เชื่อว่าคุณแม่ต้องเป็นอีกตัวแปรที่เป็นกำลังสำคัญให้คิมครั้งนี้

รักพี่ภพจัง ไม่หวั่นไหวแม้วันมามาก เอ้ย วันที่ต้องเผชิญอุปสรรค

รักคิมจัง ผิดคาดที่รู้ว่าคิมรู้ตัว แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ข้างพี่ภพ

รักคุณพ่อจัง ขอบคุณที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีแม้จะตกใจ และสะเทือนใจ ยังไงก็ขอเชื่อใจคุณพ่อว่าจะรักน้องและเชื่อน้องคิมด้วยนะคะ

สุดท้าย รักคนเขียนจัง ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆ นะคะ

รอมาต่อตอนหน้าค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เปนกำลังใจให้เฮียเพี้ยนและหนูคิม

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
 :katai1:

ป๊าคิมเห็นแล้ว และคงได้รับบทเรียนมามากจากกรณีเฮียใหญ่ของอาตี๋

หวังว่า ป๊า จะเป็นผู้ใหญ่พอและมีเหตุผลนะ

เฮียเพี้ยน ตี๋คิม สู้ๆ

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
กรี๊ด ถึงเวลาไคลแมกซ์แล้ว สู้ๆ น้าอาเฮีย ไอ้ตี๋  :fire:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8

ออฟไลน์ ♥แมวจอมซน♥

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
แย้กกกก ป๊ารู้เรื่องแล้ว
จะเป็นยังไงต่อไปอ่า
ค้างมากๆ เลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด