● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 64 – ผู้หญิงที่เป็นแม่
ชีวิตสงบจริง.. บางทีคิมหันต์ก็อดรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาไม่ได้ สงบราบเรียบขนาดนี้ชวนให้เขากังวลบอกไม่ถูก
สองสัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งถ่อไปเยี่ยมสามภพที่บ้านพักโรงพยาบาล เซ้าซี้ให้พาไปหาเอกภพ ความรู้สึกหน่วง ๆ ยังคาใจอยู่หลายอย่างจนอึดอัดในบางครั้ง แต่อีกฝ่ายตอนอยู่ต่อหน้าเขาหรือกระทั่งทางโทรศัพท์ กลับทำเหมือนมั่นใจเหลือเกินว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เหลือเขากลับมานั่งระแวง วิตกจริต หลังสบายใจอยู่ได้พักเดียว เวลากินนอนผิดเพี้ยนไปนิดหน่อย แม้ไม่ถึงกับเสียศูนย์ แต่ยังอดไม่ได้จะงุ่นง่าน ทุกคนรอบกายใช้ชีวิตประหนึ่งว่าปัญหาทั้งหลายจะคลี่คลายได้เองโดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย นั่นยิ่งน่าสงสัย ในเมื่อแรกเริ่มเดิมที ไม่ใช่ทั้งวัสสานะ สามภพ หรือกระทั่งสิสิร (ซึ่งแสดงออกในแบบของเธอ) หรอกหรือ ที่ห่วงเสียจนออกหน้าออกตา
“นิ่งไป..”
เขาพึมพำ ไม่รู้จะโทษนิสัยอยู่ไม่สุขของตัวเองได้หรือเปล่า แต่คิมหันต์เชื่ออยู่ลึก ๆ ว่านิ่งไปมักไม่ดี ก่อนออกจากบ้านพักสามภพวันนั้น เขายังจำได้ถึงบรรยากาศอย่างกับคู่แต่งงานใหม่หยอกเย้ากันจนขนลุกทุกครั้งที่นึกถึง ท่าทางอีกฝ่ายใจดีจนเกือบจะเหมือนเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่ง
“จะกลับเองจริงหรือ?”
“จริงสิ” คิมหันต์หัวเราะ ทำหน้ายียวน พลางหาเรื่องลวนลามด้วยการเอามือตีก้นอีกฝ่ายแปะ ๆ “ไม่ต้องห่วงผมขนาดนั้น”
สามภพกลั้นขำ คว้ามือไม้ปลาหมึกมายึดไว้แทน “เดี๋ยวไปก่อเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน”
“เฮียเพี้ยนอ่า!”
“ความจริงพี่ไปส่งก็ได้นะ”
เขายักไหล่ “ไม่เป็นไร ถ้าไปส่งเดี๋ยวพี่ก็ต้องขับรถกลับมานี่อีก ผมกลับเองดีกว่—”
“...”
“เป็นไรไปอะ”
คิมหันต์เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เหลือบมองมือตัวเองในมืออีกฝ่ายที่คล้ายจะกุมแน่นกว่าเก่า ก่อนจะสังเกตเห็นแววตาเป็นประกายที่ปรากฏขึ้นอึดใจหนึ่ง อ่อนโยนจนมองได้เพียงนิดเดียวก็เกิดหน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“..เป็นอะไร?” เขาส่งเสียงงุบงิบถามซ้ำ “พักนี้เฮียเพี้ยนชอบทำตัวประหลาด”
พูดไม่ทันขาดคำ กลับรู้สึกได้ว่าใบหน้าสามภพขยับเข้ามาใกล้ ก่อนริมฝีปากที่ยักยิ้มบางเบาจะประทับลงกลางหน้าผาก
“อยากอยู่ด้วยนาน ๆ”
ตามด้วยเสียงหัวเราะทุ้มต่ำลอยอยู่ข้างหู แว่วเสียงกระซิบชวนให้อยากเอาหน้ามุดดินหนีแบบไม่รู้สาเหตุ
“...ไอ้ตี๋เกรียนโตแล้วน่ารักเชียว”
“..หา?”
“เปล่านี่”
อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก หันไปช่วยเขาเอาของยัดเข้ากระเป๋าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮียเพี้ยนบอกว่าผมน่ารัก”
“เออ ๆ”
“บอกว่าผมหล่อสิ” เขาบ่น
คราวนี้สามภพหันมาจ้องหน้าเขา วางมือลงบนศีรษะ ขยี้ผมเบา ๆ เหมือนเห็นเป็นลูกหมา พูดต่อหน้าช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ
“น่า-รัก”แล้วคนตรงหน้าก็หัวเราะอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงปานว่าจะไม่มีเรื่องร้าย ๆ เกินขึ้นอีกชั่วชีวิต
คิมหันต์อ้าปากหาว ยกมือขึ้นวางบนศีรษะตัวเอง ตรงที่สามภพมักเอามือมาลูบบ่อย ๆ จะฉีกยิ้มก็ไม่เต็มที่ มันคาใจอย่างไรชอบกล บางทีก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าไปทำงานจังหวัดเดียวกับบ้านเขาเลย ใกล้ไป อันตรายไป จะเกิดอะไรหากวันดีคืนดีเดินชนกับป๊าเขาที่ตลาดสักแห่ง
"..โอย..."เขาเหลือบมองนาฬิกา ดึกมากแล้ว หนังสือยังอ่านไม่จบ แต่รู้สึกว่าหากทู่ซี้ไปมากกว่านี้ สังขารคงได้แหลกสลายกันพอดี อีกอย่างสมาธิเขาก็ไม่เหลือแล้วด้วย ตั้งใจจะตื่นมาอ่านที่เหลือตอนเช้าก่อนไปเรียน ตรวจดูนาฬิกาปลุกในมือถือเสร็จก็ตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนแผ่ มือยังขยุ้มอยู่บนผมตัวเองเบา ๆ เหมือนคนสติไม่ดีแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
ความเงียบงันปกคลุมทั้งห้อง กระทั่งใกล้ตีสี่ ยังเป็นเวลาดีสำหรับการซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คิมหันต์เพิ่งผล็อยหลับไปได้ราวสองชั่วโมงเท่านั้นเอง ตอนที่โทรศัพท์มือถือแผดเสียงขึ้นจากโต๊ะข้างเตียง
เขาเอื้อมมือควานหาต้นตอเปะปะ ถูกกระชากจากห้วงนิทรากะทันหันด้วยภาวะงงงวย เข้าใจไปเองว่าเป็นเสียงตั้งปลุกจนเกือบตัดสายทิ้งแล้ว เพ่งดูให้ชัด ๆ จึงเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากพี่สาวคนรอง
“...เจ้สิ..?”
คิมหันต์ทำตาหยี หัวคิ้วขมวดมุ่น สิสิรไม่ใช่พี่สาวประเภทที่จะโทรเช็คความเป็นไปของน้องชายบ่อยนัก และยิ่งโดยเฉพาะในเวลาประหลาดเช่นนี้ จากประสบการณ์ของเขา โทรศัพท์ยามดึกอันนอกเหนือความคาดหมายมักไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์
“ครับ?”
ชายหนุ่มรับสายอย่างหวั่น ๆ แม้ยังสลัดความง่วงไม่หลุด คาดหวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แต่ยังอ้าปากไม่ทันเป็นถ้อยคำอื่น น้ำเสียงตื่นเต้นของพี่สาวก็พุ่งเข้าหู
“คีม! ลงมาข้างล่าง เจ้จอดรถรออยู่”
“หา?”
“เจ้ใหญ่จะคลอด”
“ห้ะ!?”“ลงมาเร็ว ไปโรง’บาลกัน”
“ไป!” เขาแทบตะโกน เด้งพรวดขึ้นจากเตียง ตาสว่างจากข่าวดีล่าสุด ตระหนักได้ว่าโทรศัพท์เข้ายามดึกอาจไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
ชายหนุ่มกระชากชุดนอนออกจากตัว ถลาไปคุ้ยกางเกงยีนส์ยังไม่ได้ซักในตะกร้าขึ้นมาสวม พยายามมุดตัวเข้าไปอยู่ในเสื้อยืดใกล้มือที่สุด คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วกระโจนแผล็วออกจากห้อง เวลาดียิ่งกว่าวันที่กำลังจะไปเข้าสอบสายแบบทำลายสถิติ
ด้านหน้าอาคารยามนี้แทบไม่มีผู้คน สิสิรยืนรออยู่ข้างรถ หันมายังทิศทางที่เขาวิ่งไปหา ผมเผ้าเธอยุ่งเหยิง หน้าสดไร้เครื่องสำอาง บอกให้รู้ว่าคงถูกปลุกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกัน เมื่อเห็นเขาถลาเข้าไปใกล้ เธอก็มุดกลับเข้าไปนั่งในรถที่สตาร์ทเครื่องรออยู่ สองพี่น้องไม่หยุดถามไถ่กันก่อนให้เสียเวลา รู้ดีว่ามีอะไรค่อยไปคุยระหว่างทาง คุณพี่สาวรีบบึ่งรถออกสู่ถนนตั้งแต่ก้นเขายังไม่ทันแนบเบาะดีด้วยซ้ำ
คิมหันต์เหลือบมองอีกฝ่าย เท่าที่ประเมินจากสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นของเธอแล้ว เชื่อว่าสิริรเองก็คงไม่ได้รู้มากไปกว่าที่เพิ่งบอกเขาผ่านโทรศัพท์เมื่อครู่เท่าไรเลย ท่าทีตื่นเต้นกว่าปกติของพี่สาวคนรองทำให้เขาอดกระหยิ่มอยู่ในใจไม่ได้ ในเมื่อเธอมักแสดงอารมณ์น้อยกว่าพี่น้องคนอื่นเสมอมา
“เจ้ก็เพิ่งตื่นเหรอ”
“ฮื่อ” เธอตอบรับ ตาจ้องอยู่กับถนน “เพิ่งนอนไปแป๊บเดียว พี่โรจน์โทรมาบอก”
คิมหันต์พยักหน้า เผลอยิ้มเผล่ไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่ “นาน ๆ เห็นเจ้สิตื่นเต้นที”
“....”
“ไม่ได้นั่งรถที่เจ้เป็นคนขับให้มานานละ”
เธอยักไหล่อย่างไว้เชิง “ก็นายมัวแต่ไปปั้นจิ้มปั้นเจ๋อบนรถอีตาสามภพ”
“โธ่ อย่าน้อยใจน่า” ชายหนุ่มหัวเราะ ตั้งท่าจะเกาะแกะพี่สาวก็นึกได้ว่าเธอยังตั้งอกตั้งใจขับรถอยู่ ตัดสินใจถอยมานั่งสงบเสงี่ยมบนที่นั่งโดยสาร “ผมใกล้จบละ เดี๋ยวเก็บตังค์ออกรถให้เจ้สินั่ง”
เธอส่ายหน้า พ่นลมออกจมูกเป็นเชิงว่ารำคาญใจ แต่เขายังเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ วาดผ่านเรียวปาก สิสิรก็เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย
ศิโรจน์เดินวนเวียนอยู่หน้าประตูห้องคลอดตอนที่พวกเขารุดไปถึง สีหน้าชายหนุ่มทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลจนเกือบเข้าขั้นวิตกจริต ลุ้นจะขาดใจ...คงเป็นความรู้สึกเทือกนั้นที่ฉายบนใบหน้าพี่เขยของเขา
“พี่โรจน์” คิมหันต์ร้องทักก่อน เรียกให้เจ้าของชื่อหันมาพยักหน้ากลับ เดินตรงเข้ามาทางเขาและพี่สาว
“หมอบอกว่าใกล้แล้ว” อีกฝ่ายกุมอกเสื้อตัวเอง “เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงข้างในด้วย”
“จะเป็นคุณพ่อแล้ว” สิริรเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
“คุณพ่อลูกสองอีกต่างหาก” เขาช่วยต่อ
“อา..นั่นสิ” คนฟังฉีกยิ้ม แต่ยังได้ไม่เต็มที่ด้วยกังวลอยู่ไม่หาย
คิมหันต์พอจะเข้าใจความวิตกนั้นของพี่เขย ท้องแรกของวัสสานะเคยแท้งไป ครั้งนี้ห่วงมากย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แล้วไหนจะเป็นครรภ์แฝดอีก
ถึงกระนั้น เมื่อเขาเห็นคนกำลังจะเป็นพ่อแล้วก็อดอิ่มใจตามไปด้วยไม่ได้ ศิโรจน์ประคบประหงมพี่สาวเขาสุดชีวิตตั้งแต่ได้รู้ว่ามีชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้อง ตอนภรรยาสาวแพ้ท้องหนักกว่าปกติ ว่าที่คุณพ่อยังพลอยทำตัวพะอืดพะอมตามไปด้วยพักใหญ่จนโดนแซวไม่หยุด มาถึงตอนนี้ ชายหนุ่มก็เดินวนไปมาจนแทบจะเต้น้อยู่หน้าห้องคลอดแล้ว
ผ่านไปเป็นชั่วโมงกับการรอคอยที่สิ้นสุดลงจนได้ คุณพ่อมือใหม่แทบบิน แฝดทั้งสองลืมตาดูโลกด้วยเวลาห่างกันหกนาที
พวกเขาล้อมวงรอบเตียง ชะโงกดูสิ่งมีชีวิตตัวน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าตัวเล็กทั้งสองทำตาหยี บนดวงหน้านั้นมีปากนิด จมูกหน่อย เหมือนใครเอาไปแปะ และถ้าไม่ได้คิดไปเอง..ใบหูกระจิ๋วหลิวก็คล้ายว่าจะกางน้อย ๆ อย่างน่าเอ็นดู แฝดพี่ขยับดุกดิกอยู่ในผ้าห่อ เมื่อคลี่ผ้าออกก็เอื้อมมือออกมาไขว่คว้าในอากาศ ก่อนน้องชายตัวน้อยจะคว้าได้นิ้วมือของคนพี่ แล้วจับไว้อย่างนั้นในมือตัวเอง
คิมหันต์ไม่ใช่พวกรักเด็กโดยกำเนิด ทว่าเมื่อเห็นไอ้ตัวเล็กทั้งสองผู้เป็นหลาน คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือน่ารักฉิบหายวายป่วง แต่ขืนพูดออกไปตามความคิด คงโดนคุณพี่สาวเขม่นเรื่องหยาบคายใส่หลานรักตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรกเป็นแน่ ประโยคเดิมจึงถูกเรียบเรียงใหม่เป็นรูปสุภาพก่อนออกจากปาก
“น่ารักอะ..เจ้ใหญ่สุดยอด”
วัสสานะยิ้มละมุน แม้จะยังดูเพลียอยู่บ้าง มีศิโรจน์คอยจับมือจับแก้มเด็กน้อยบ้าง เดี๋ยวก็หันไปกุมมือภรรยา ครู่หนึ่งก็หยิบคว้าข้าวของอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จนสาวเจ้าเผลอหัวเราะน้อย ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ่งเงอะงะเข้าไปใหญ่
“ทำอะไรเนี่ยพี่โรจน์”
ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เขิน แต่ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ สบตากับคนรักแล้วหัวเราะแผ่วเบา
เขาทันเห็นสิสิรลอบยิ้มจากหางตา ก่อนเธอจะเลี่ยงไปจากตรงนั้นเงียบ ๆ กระซิบกับเขาก่อนเดินไปทางระเบียงว่าจะโทรศัพท์หาสุชัยที่ราชบุรี แล้วเดี๋ยวค่อยขับรถกลับไปส่งเขาที่คอนโดฯ
คิมหันต์พยักหน้า มองฟ้าเริ่มสาง หันไปขออุ้มแฝดทีละคน ระวังเต็มที่จะไม่ทำหลานหล่น จ้องมองเด็กน้อยทั้งสองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะส่งคืนให้พี่สาวกับพี่เขย ตื้นตันใจกับครอบครัวที่ดูจะสมบูรณ์พร้อมมากขึ้นเมื่อมีสมาชิกใหม่ถึงสองคนพร้อมกัน
วัสสานะเหลือบมองมาทางเขา จากนั้นก็หันไปหาสามีตัวเอง
“พี่โรจน์คะ”
“หืม?”
“อยากดื่มน้ำผลไม้จังเลย”
“เพิ่งคลอดเอง ไม่เอาอะไรอ่อน ๆ หน่อยหรือ”
เธอยิ้มเผล่ สายตามีเลศนัย สรุปเอาเองเสร็จสรรพ “น้ำแอปเปิ้ลนะคะ” พลางสบตาเขาอย่างพยายามสื่อความหมาย ให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วงุนงงอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนใจ
“งั้นเดี๋ยวพี่มานะครับ”
เพียงศิโรจน์คล้อยหลังไปเท่านั้น วัสสานะก็หันมาทำหน้าพออกพอใจใส่เขา ชัดเจนว่าไม่ได้อยากดื่มน้ำผลไม้อะไรอย่างว่าสักนิด แค่ต้องการคุยกันแบบส่วนตัวพี่น้องกับเขาเท่านั้นเอง ซึ่งศิโรจน์ก็ดูจะเข้าใจข้อนั้นดีจึงได้ไม่ถามไถ่อะไรให้มากความ
“เจ้ใหญ่ร้ายกาจ” เขาให้ความเห็นต่อท้ายเสียงหัวเราะในลำคอ จับมือเด็กแฝดไว้ข้างละคน
“เจ๋งไหม” คุณแม่คนใหม่ยิ้มกว้าง เขายังไม่แน่ใจนักว่านั่นหมายถึงเรื่องอะไร จนกระทั่งเธอพูดต่อพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาอย่างได้ใจ “..ลูกชายสองคน”
คิมหันต์หัวเราะ
“สุดยอด!”
“คนนี้..." เธอลูบผมแฝดน้องแล้วพึมพำนามสกุลของสามีออกมา "...จะใช้
ชลิตชานนท์”
เขานึกแปลกใจว่าผู้หญิงที่เป็นแม่จะดูอ่อนโยนขึ้นขนาดนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
“อ่าฮะ”
“..ส่วนคนนี้...”
ชายหนุ่มมองตามมืออีกข้างของเธอที่คราวนี้เคลื่อนไปลูบผมแฝดพี่ ระบายรอยยิ้มละไม พร้อมกับขยับปากเป็นคำพูดช้า ๆ
“...จะใช้นามสกุลวานิชตระการกูล”“....”
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องเครียดไปนะ”
เธอเงยขึ้นมองเขาตรง ๆ และราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงความกังวลลึก ๆ ที่ยังกัดกินเขาอยู่เสมอมาเบื้องหลังใบหน้ายิ้มแย้ม
“...เจ้เคยบอกแล้วไงว่ามันจะไม่เป็นอะไร”
เขาเงียบ ใคร่ครวญหาคำพูดดี ๆ ทว่าไม่พบ ได้แต่ยืนมองเธอด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน แม้สิสิรเคยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ยังคิดว่าอาจเป็นเรื่องยากจะยอมรับสำหรับบางคนอยู่ดี เด็กแฝดที่ใช้คนละนามสกุล นอกจากความคิดที่ว่าครอบครัวของฝั่งศิโรจน์จะยอมให้เป็นเช่นนั้นง่ายดายเชียวหรือ แล้วยังจะเรื่องแฝดผู้พี่ที่จะใช้
วานิชตระการกูล เพียงคนเดียวในบ้านอีก ในเมื่อทั้งวัสสานะ ศิโรจน์ และแฝดน้อง ก็ล้วนแต่ใช้นามสกุลฝ่ายพ่อทั้งสิ้น โตมาจะรู้สึกอย่างไร หากเจ้าตัวรู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองต้องแปลกแยกจากคนอื่นในบ้าน
...อ้อ พอดีมีน้าเป็นเกย์น่ะ แล้วคุณตายอมไม่ได้ที่จะไร้คนสืบทอดนามสกุล ก็เลยต้องมาใช้นามสกุลนี้คนหนึ่ง... อะไรเทือกนั้นหรือ?
“...เจ้ใหญ่...ผม...”
“เลิกหงุงหงิงน่า” วัสสานะโบกมือไปมาตรงหน้าเขา ปั้นแต่งท่าทางรำคาญใจทีเล่นทีจริง “พี่โรจน์น่ารัก พ่อแม่เขาก็ใจดี ไม่มีปัญหาอะไรสักนิด”
“แล้วหลาน...”
“เขาจะเข้าใจ” เธอยิ้ม คล้ายรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ “...โตแล้วต้องเข้าใจแน่ ๆ”
“...”
“...ป๊าก็ป๊าเถอะ มาเห็นหลานแล้วต้องใจอ่อนชัวร์”
เมื่อเห็นเขามัวแต่อ้ำอึ้ง คุณพี่สาวก็กระเซ้าต่อ “เพราะงั้นเลิกทำหน้าเจื่อนได้แล้ว เสียชื่อไอ้เด็กแสบหมด ตี๋เกรียนใช่ไหมที่เพื่อนเรียก เหลือเชื่อจริง ๆ สามภพทำอะไรกับนายนะถึงเปลี่ยนเป็นเจี๋ยมเจี้ยมได้ขนาดนี้”
เขาควรต่อล้อต่อเถียงสักหน่อย ตามมาตรฐานดั้งเดิม แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกตื้ออยู่ลึก ๆ จนได้แค่เรียก
“..เจ้ใหญ่...” ออกมาเสียงอ่อนระโหย ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้เข้าไปสวมกอดพี่สาวดื้อ ๆ เหมือนอย่างที่มักทำเมื่อก่อน ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว เธอยังคงเป็นที่พึ่งให้เขาไม่เคยเปลี่ยน ขนาดโตจนจะเรียนจบก็ยังคอยตามปกป้อง
“..โธ่...น้องครีม” เธอทำเสียงล้อเลียน ลูบผมเขาป้อย ๆ “ลดความแสบลงแต่ยังขี้อ้อนเป็นลูกหมาไม่เปลี่ยนเลย”
“งือ ผมรักเจ้ใหญ่นะ”
“จ้ะ ๆ พ่อคุณ”
“อย่าขำดิ” เขาบ่นหงุงหงิง คลายอ้อมแขนแล้วมายืนเขินเองที่โตป่านนี้ยังต้องให้พี่สาวปลอบ “..ผมกำลังจะซึ้งเลย”
“ตี๋เล็กเอ๊ย..ฮ่า ๆ โอเคนะ?” เธอยิ้มกว้าง เห็นสิสิรเดินกลับเข้ามาจากระเบียงพอดี “บอกตาภพด้วยว่าหลานแฝดสุขสบายดี ทำอะไรระวังตัวหน่อย ทางนั้นเขาก็พยายามน่าดูเหมือนกัน”
“พยายาม?” คิมหันต์เลิกคิ้ว จ้องหน้าวัสสานะด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลังได้ยินถ้อยคำน่าสงสัย แต่เธอกลับหันไปสนใจลูกชายแฝดของเธอ ทำหูทวนลมใส่คำถามของเขาหน้าตาเฉย พอกำลังจะเซ้าซี้ต่อ ศิโรจน์ก็เดินตรงเข้ามาอย่างได้จังหวะอย่างกับเตรียมกันไว้ก่อน ในมือไม่ยักมีน้ำผลไม้อย่างที่รับคำว่าจะไปซื้อ
“คีม กลับกัน” สิสิรเอ่ยเสียงเรียบกับเขา เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วหันไปจับมือน้อย ๆ ลาแฝด “เดี๋ยวเจ้ไปส่งเราก่อน แล้วต้องรีบไปทำงานต่อ”
“..อา” เขาพยักหน้า คำพูดที่แพลมออกมานิดหน่อยของวัสสานะแม้ฟังดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย แต่ตระหนักดีถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่าเปล่าประโยชน์จะอิดออด ต่อให้สงสัยสุดฤทธิ์ว่าสามภพกำลัง
'พยายาม' เรื่องอะไรอยู่ก็เถอะ
เฮียหมาบ้าเป็นคนฉลาด คงไม่ทำอะไรงี่เง่าหรอก...เขาปลอบใจตัวเองว่าอย่างนั้น
แต่ฉลาดมากก็แอบทำอะไรลับหลังได้ง่าย ๆ น่ะสิ! จิตใจอีกฝ่ายส่งเสียงแย้งแข็งขัน
“งั้นสิกลับก่อนนะเจ้ กลับนะคะพี่โรจน์” พี่สาวคนรองบอกลาคู่พ่อแม่สด ๆ ร้อน ๆ “เดี๋ยวป๊ากับม้าคงจะมาถึงสักสาย ๆ หน่อย ตื่นเต้นกันใหญ่เลย เย็นนี้ถ้าเคลียร์งานได้เร็วสิจะรีบมาใหม่”
พูดจบก็กระตุกแขนเสื้อเขาเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าควรแก่เวลาแล้ว
เขาเอ่ยลาหลานแฝด ศิโรจน์ และวัสสานะ ไม่ลืมจะส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นใส่เธอจนถึงที่สุด ก่อนจะถูกสิสิระกึ่งจูงกึ่งลากออกมา ปากบ่นเรื่องกำลังจะไปทำงานสายหากเขายังมัวอ้อยอิ่งด้วยน้ำเสียงงึมงำ
เวลาที่เหลืออีกทั้งวัน คิมหันต์เอาแต่ครุ่นคิดเรื่องคำพูดของวัสสานะจนเกือบเข้าขั้นหมกมุ่น บอกใจให้สงบอยู่พักเดียวก็กลับมากระวนกระวายอีกแล้ว อยากรู้ใจจะขาดว่าสามภพกำลังพยายามอะไรกันแน่
เย็นวันนั้นเขาหยิบมือถือขึ้นมาดู เลื่อนรายชื่อไปจนถึง
'เฮียเพี้ยน' นิ้วชะงักอยู่ที่หน้าจอเตรียมโทรออก ลังเลว่าจะต่อสายหาตอนนี้เลยดีหรือไม่
คิมหันต์หรี่ตา มองมือถือประหนึ่งจะคาดคั้นเอาความจริงกับมัน ค้างอยู่นานจนหน้าจอดับไปเอง
“...เฮียเพี้ยนนี่นะ...”
ชายหนุ่มพ่นลมออกจมูก ตัดสินใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่สัญญากับตัวเองเป็นมั่นเหมาะว่าอีกไม่นานนักหรอก.. รอเขาสอบรอบนี้เสร็จก่อนเถอะ สามภพแอบทำอะไรอยู่ คิดว่าจะปิดเขาได้อย่างนั้นหรือ
คิมหันต์วางมือถือไว้บนโต๊ะ เกิดคิดถึงคืนวันเก่า ๆ ช่วงที่เคยตีกันบ้านแตก ส่วนลึกในใจนึกสนุกขึ้นมาเงียบ ๆ นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องกับตัวเองลำพัง
แล้วสามภพจะรู้ว่าเขาไม่ได้แสบน้อยลง เพียงแต่สุขุมมากขึ้นต่างหาก มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v