● เล่ห์รักฤดูร้อน ● ตอนพิเศษวันสงกรานต์ (หน้า 151) 13/04/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ● เล่ห์รักฤดูร้อน ● ตอนพิเศษวันสงกรานต์ (หน้า 151) 13/04/59  (อ่าน 1141325 ครั้ง)

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ชอบคุณแม่ทั้งสองคนเลย ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ดได้อีก
หวังว่าคงไม่เกินเรื่องแย่ๆอีกหรอกนะ เอาใจช่วยพี่ภพเต็มที่เลย พี่เอกก็พยายามเข้านะคะ  :hao7:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ขอให้กลับมาเป็นครอบครัวอบอุ่นไวๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
สุดยอดคุณแม่ o13

ขอให้ทุกอย่างอย่างผ่านไปด้วยดี


 :กอด1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ความรักของคนเป็นแม่ยิ่งใหญ่เสมอ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น(?)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ชอบคุนแม่ทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแม่ทุกคน

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
ความเป็นแม่ช่างยิ่งใหญ่

เข้าไปพร้อมกันสองคน ป๊าจะรับไหวมั๊ยเนี่ย

ออฟไลน์ broncho

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-1
เขยคนโต  ชื่อ   เอกภพ
เขยคนเล็ก ชื่อ  สามภพ
...เขยแฝด ชื่อ  ทวิภพ...

ฟ้าลิขิตมาแล้ว อิ อิ

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
อ่านตอนนี้น้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ
เจ้ใหญ่สุดยอดอ่ะ
แค่เราคิดว่าเด็กแฝดสองคนต้องโตมาโดยใช้คนละนามสกุล
ถ้าเลี้ยงไม่ดีมีโอกาสเป็นเด็กมีปัญหาได้
แต่ก็เชื่อใจเจ้อ่ะนะว่าจะเลี้ยงลูกให้รอดปลอดภัยจากอคติของสังคมได้

อีกนิดนึงป๋านุ้งคิมก็จะใจอ่อนล่ะ พี่ภพสู้ ๆ


ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
ครอบครัวนี้น่ารักจัง
เจ็ใหญ่  เจ๊รอง  รวมทั้งน้องคิมก็น่ารัก
ขอให้ทุกอย่่างผ่านไปได้ด้วยดี
อ่านตอนหลังๆมานี่ ฉากหวานน้อย แม้จะมีแต่เป็นความหวานที่มากับความทุกข์ข้างหลัง
อยากให้กลับมาหวานแบบบไร้กังวล  และทุกคนมีความสุขอีกครั้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ningg.Destiny

  • `` เหนียงจื่อ ♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • twitter
กรี๊ด ซึ้งใจจุง
น้ำตาปริ่มตอนเจ้ใหญ่ให้ลูกใช้คนละนามสกุล
ขอให้พี่เอกช่วยได้เถอะนะ อยากอ่านคู่พี่เอกต่อด้วย
ไม่อยากให้พี่เอกโดดเดี่ยว ทำให้ป๊าใจอ่อนให้ได้นะ

 :mew2:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
รวมพลังลูกเขย


เห็นพี่เอกแล้วก็นึกถึงน้องข้างบ้าน
อยากอ่านอีกจังค่ะ
 :กอด1:

benzxzxnb

  • บุคคลทั่วไป
รักเจ๊สิ รักเจ๊สา มากๆ ทำทุกอย่างจริงๆ

รอต่อไปเอกจะทำอย่างไรต่อไป

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่เอกมาช่วยแล้ว สู้ๆน่ะเฮียเพี้ยน

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
อ่านแล้วคิดถึงแม่ตัวเอง
แม่ด่าเยอะกว่าพ่อ ดุกว่าพ่อ
แต่พอมีปัญหาก็เป็นคนแรกที่เข้ามาช่วยและใจอ่อนกว่าพ่อ

สู้ ๆ นะ

ออฟไลน์ ploetkrai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านตอนนี้แล้วร้องไห้อะ จากที่ไม่ได้ร้องไห้มาหลายตอนแล้ว
ตอนที่เจ้ใหญ่บอกคิมว่าแฝดคนพี่จะใช้นามสกุลตัวเองอ่ะ
คือซึ้งอะ รักเจ้ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านแล้วบอกความรู้สึกไม่ถูกแต่ตื้นตันมากอะ

สมแล้วที่ชื่อตอนนี้ สงสารคุณแม่เหมือนกันนะ
T__________________________________T

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ชอบบรรดาเจ้ ๆ ของคิมมาก ๆ เลย

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแล้ว เ้ย้  :m11: ดีใจกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วย แฝดชายเชียวนะ
เรื่องที่คาดหวังไว้ สำเร็จไปแล้วหนึ่งอย่าง ต้องขอบคุณครอบครัวที่ใจกว้างของพี่โรจน์จริง ๆ
เข้าใจความกังวล ของคิม ต่อความรู้สึกของหลาน ๆ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมานะ
แต่นั่น ก็เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่คิม จะต้องเชื่อมั่นในตอนนี้ก็คือ เชื่อในตัวพี่สาวที่แสนดีคนนี้
เชื่อในความรักของเจ้ใหญ่และพี่โรจน์ ที่ต้องสามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ให้เติบโตอยู่ท่ามกลางความสุข
และเข้าใจทุก ๆ สิ่งได้ดีแน่ ๆ เชื่อที่เจ้ใหญ่บอกไว้สิ  ว่ามันจะไม่เป็นอะไร

อีกด้านหนึ่ง ความอดทนและพยายามของพี่ภพ ก็กำลังส่งผลไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
การแสดงออกของป๊า ต่อพี่ภพ รู้สึกได้เลยว่า ป๊าเริ่มค่อย ๆ เปิดใจให้ลูกเขยคนนี้มากขึ้นแล้ว
การได้คุยกันตรง ๆ เห็นได้ชัด ว่าป๊าเริ่มรับฟังสิ่งที่พี่ภพพูดมากขึ้นแล้ว และพูดในสิ่งที่ป๊าค้างคาใจ
ความรักที่มีให้น้องคิม เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พี่ภพพยายามได้ขนาดนี้ ซึ่งป๊าเองก็รู้ดีอยู่แล้ว
ความรักแบบนี้ ที่ป๊ายึดติดมาตลอดว่าเป็นเรื่องผิด แต่อะไรคือสิ่งตัดสิน ว่าที่ป๊าคิดนั้นถูก
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ีพี่ภพทำได้ ก็คือ แสดงความจริงใจและขอโอกาสที่จะพิสูจน์ ให้ป๊าได้เห็น
ว่าความรักที่แท้จริง ความรักที่ไม่มีใคร สามารถมาแทนที่คนรักของเราได้ ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเพศใด นั่นมีอยู่จริง ๆ
และคนที่จะช่วยยืนยันเรื่องนี้ให้พี่ภพก็มาถึงแล้ว พี่เอก ตัวช่วยคนสำคัญ อีกหนึ่งความหวังของพี่ภพ
การเจอกันอีกครั้งจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อคนในอดีตและปัจจุบัน มาอยู่ตรงหน้าป๊าพร้อมกันอย่างนี้
ปฏิกิริยาของป๊า จะเป็นยังไงบ้างนะ แต่ไม่ว่าจะเิกิดอะไรขึ้น เชื่อว่า ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า แสงสว่างของทางออก ที่เห็นอยู่ริบหรี่ไกล ๆ นั้น กำลังชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว
ความอดทนและพยายามของทุกคน กำลังจะนำพา ให้ทุกคนได้พบกับทางออก จากวังวนของความทุกข์แล้ว
อีกไม่นาน ความสุขต้องกลับมาอยู่กับทุกคนในครอบครัวได้ ดั่งที่ม๊าหวังไว้แน่ ๆ
..........................................................................
จะจบแล้วเหรอ แงงง อย่าเพิ่งจบเลยนะคะ หลังจากผ่านทุกข์ผ่านโศก ก็ขอตอนน่ารักงุ้งงิ้งของพี่ภพน้องครีม
ต่ออีกสักหน่อยเถอะน้า รอตอนต่อไปจ้ะ ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ watcharet

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-2
หลังจากไม่ได้อ่านมา 2 เดือน กลับมาครั้งนี้คืบหน้าไปเยอะเลย ชอบมากๆๆ จะติดตามต่อไปครับ

mooz

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
● เล่ห์รักฤดูร้อน ●

ยกที่ 65 – หลังประตูบานสุดท้าย



คิมหันต์ควรนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด ติวกับเพื่อน นอนกลิ้งอยู่คอนโดฯ แวบไปดูหนัง หรือไม่ก็สิงอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ กับสิสิร หากเขาทำตามถ้อยคำตัวเองซึ่งบอกไว้กับสามภพก่อนหน้านี้

แต่นั่นละ หากเริ่มมาอีหรอบนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่ตามสถานที่พวกนั้นหรอก

ชายหนุ่มกระชับเป้บนไหล่ ลงจากเบาะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างตรงปากซอย ตั้งใจว่าจะเดินต่อเข้าไปเองอีกหน่อย ไม่ให้ชัดเจนเกินไปนักว่าเขามาหาเจ้าของบ้านหลังไหน ระหว่างทางยังมีแก่ใจเดินเตร่เตะก้อนกรวดเล็ก ๆ เล่นไปเรื่อย คิดเข้าข้างตัวเองว่าแม้มันเป็นการตัดสินใจที่ออกจะฉุกละหุก แต่คงไม่ถึงกับเป็นการรบกวนเอกภพมากนัก

เขาฮัมเพลงเรียกกำลังใจขณะที่สาวเท้าเข้าไปในซอยเล็ก ๆ  จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านชั้นเดียวสีขาวซึ่งตอนนี้เงียบเชียบเหลือเกิน

คิมหันต์ชะเง้อเข้าไปในอาณาเขตของบ้าน เห็นแต่หมาแก่นอนพังพาบอยู่ใต้ร่มไม้ริมสวนหย่อม ส่วนประตูบ้านนั้นปิดสนิท เช่นเดียวกับรั้วที่คล้องแม่กุญแจไว้แน่นหนา นึกในใจว่าเอาแล้วไง..

ชายหนุ่มตั้งจะใจบอกล่วงหน้าอยู่หรอก แต่มันช่วยไม่ได้เลย เขาโทรหาอีกฝ่ายแล้วไม่มีคนรับสาย เลยส่งข้อความไปแทนว่าวันนี้จะมาหา ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวจะได้มาเปิดมันอ่านก่อนเขามาถึงหรือเปล่า ไอ้ครั้นจะเลื่อนไปวันอื่น ช่วงนี้ก็เหลือเวลาว่างเพียงน้อยนิด อย่างไรเสียราชบุรีก็บ้านเขาเหมือนกัน ไม่เสียหลายหากจะลองเสี่ยงดวงมาเยี่ยมหน้าดูสักหน่อย หวังว่าอาจได้เลียบเคียงถามว่ารู้เรื่องอะไรที่สามภพทำอยู่ช่วงนี้บ้างหรือเปล่า แต่สุดท้ายดูเหมือนจะมาเสียเที่ยวจนได้

“ดุ๊กดิ๊ก”

ชายหนุ่มร้องเรียกสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในลานสายตา ยื่นมือผ่านรั้วเข้าไปกวัก มืออีกข้างล้วงขนมในกระเป๋า นึกสงสัยว่าไอ้ดุ๊กดิ๊กตัวนี้จะปลาบปลื้มบิสกิตเหมือนไอ้ดุ๊กดิ๊กลูกชายเขาหรือเปล่า

“วู้! ทางนี้ลูกพ่อ”

เขาว่าพลางโบกถุงขนม หมาแก่เพียงแต่กระดิกหู เงยขึ้นมองเนือย ๆ  ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่แขกไม่ได้รับเชิญที่โผล่มารบกวนเวลานอนกลางวัน แถมยังอ้างตัวเป็นพ่อหน้าตาเฉย เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง ก็ฟุบลงเอาคางวางแหมะอยู่ที่เดิมอย่างเกียจคร้าน

“นี่อย่าเมินกันสิ”

คิมหันต์ทำหน้ายุ่ง พ่นลมออกจมูก นึกหมั่นไส้ในความขี้เกียจพอกันทั้งดุ๊กดิ๊กที่หนึ่งและสอง โกลเด้นรีทรีฟเวอร์มันควรต้องกระฉับกระเฉงไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วนี่นิ่งเป็นพะยูนเลย

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก หยิบขนมเข้าปากตัวเองแทน หันหลังพิงรั้วแล้วเงยขึ้นมองฟ้ากว้าง ถามลอย ๆ โดยที่สายตาไม่ได้จับอยู่กับสิ่งใด

“เจ้านายแกนี่นะ...ไม่รับสายพอว่า แต่ช่วยตอบข้อความหน่อยก็ไม่ได้”

เขายืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ปล่อยความคิดล่องลอยเรื่อยเปื่อย เชื่อมั่นว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงกลับ บ้านมีสัตว์เลี้ยงจะหนีไปไหนได้นาน อย่างช้าก็เย็น ๆ นั่นละ

จนเกือบยี่สิบนาทีที่เขารออย่างสงบ ระหว่างที่นั่ง ๆ ยืน ๆ มีเพียงรถจักรยานยนต์คันเดียววิ่งผ่านหน้าไป นอกนั้นไม่มีวี่แววของมนุษย์โลกสักคน เงียบอย่างนี้มั่นใจได้เลยว่าหากเขาปีนเข้าไปนั่งรอข้างในก็คงไม่มีใครสังเกตเห็น...

...หากเขาปีนเข้าไปนั่งรอข้างใน...

คิมหันต์หรี่ตาครุ่นคิด ยืนนาน ๆ ทำเอาเริ่มเมื่อย นั่งยองนานเข้าก็ไม่ดีต่อเข่า แดดเริ่มลามเลีย กินพื้นที่ในร่มซึ่งเขาอาศัยยืนอยู่เข้ามาเรื่อย ชายหนุ่มเหลือบมองซ้ายขวาไม่เห็นใคร ครั้นเหลียวกลับไปภายในรั้วบ้านอีกครั้งยังคงเงียบสงบ ตัดสินใจได้ในวินาทีนั้นเอง

“นิดนึงน่า...”

เขากระซิบกระซาบบอกอากาศ โยนเป้ข้ามประตูรั้ว จากนั้นคว้าโครงรั้วเหล็กร้อนจี๋ไว้ในมือ โหนตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมด้านบนอย่างง่ายดาย กระโจนแผล็วอีกครั้งก็ลงมาเหยียบพื้นด้านในอาณาเขตของบ้านอย่างสวยงาม


“พี่ทำอะไรน่ะ!?”


คิมหันต์สะดุ้งโหยง เป็นความรู้สึกเสียเส้นอย่างที่ไม่ได้สัมผัสมาหลายปี ยังดีที่กลั้นเสียงร้องอุทานไว้ได้ทันก่อนจะแหกปาก ประสบการณ์ที่ผ่านสอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งโวยวายมีแต่จะยิ่งน่าสงสัย ชายหนุ่มปั้นสีหน้าปกติได้ทันอย่างเหนือชั้น ก่อนจะหันไปหาต้นเสียง

“นายเป็นใคร”

เขาถามเสียงเรียบ โจมตีก่อนได้เปรียบ ประเมินอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในแวบแรก คนอีกฝั่งรั้วบ้านข้างเคียงที่เพิ่งส่งเสียงถามเขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายวัยรุ่น อายุคงราวสิบสี่ถึงสิบหกปีได้ หน้าตาซื่อ ๆ ท่าทางเซื่อง ๆ แบบนี้ เขาไม่ถือเป็นก้างชิ้นใหญ่ นั่นค่อยทำให้หายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย

“ผมเหรอ..” เจ้าตัวทำหน้าเหวอ ชี้ตัวเองอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ผิดคาด  “ผม...เอ้อ...เป็นเพื่อนบ้านกับพี่เอก...เอ๊ะ...แต่ผมไม่รู้ว่าเขาชื่อเอกรึเปล่า....อา...ไม่สิ จะไปชื่อนั้นได้ยังไง แบบ..ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นาน...แล้วคือ....แค่รู้สึกน่ะ....หมายถึงว่า....อ่า.....”

คิมหันต์เลิกคิ้ว ส่งรอยยิ้มแกน ๆ อย่างพยายามให้กำลังใจคนพูดซึ่งฟังดูเริ่มเลอะเทอะ เจ้าเด็กนี่นอกจากจะเป็นก้างอะไรเขาไม่ได้แล้ว ท่าทางยังดูเงอะงะจนน่าเอ็นดูเสียนี่

“แบบ...ความจริงผมไม่รู้จักเขาหรอก....เหมือนจะฝัน...อืม ตลกว่ะ” ประโยคหลังนั้นหันไปสบถกับตัวเอง “....คือผมคิดไปเองว่าเขาชื่อเอก...แต่ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า....”

“ใช่” ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่นเป็นการตัดบท ด้วยทนรอฟังคำพูดประหลาดของคนตรงหน้าไม่ไหว เห็นเด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงก็ถือโอกาสเอ่ยต่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง “พี่เขาชื่อเอกนั่นแหละ รู้จักกันมานานละ”

“...เห...พี่รู้จักพี่เอก...” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอยู่หลังรั้วอีกฝั่ง “...เอก....อ้อ...ตกลงเขาชื่อเอกจริง ๆ ด้วย....”

“อ้าว?”

“คือ...ผมแค่รู้สึกว่าเขาจะชื่อเอก....แบบผมเข้าใจว่าคิดไปเอง...เหมือนฝันเอา...ทำนองนั้น...”

“อะไรของนายเนี่ย”

“...อา..ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายยิ้มแหย เกาท้ายทอยแก้เก้อ “พี่เป็นญาติเขาเหรอ หรือว่าเป็นคนรู้จัก”

คิมหันต์ลอบยิ้มมุมปาก เด็กคนนี้ไว้ใจคนง่ายไปหน่อยจากที่เขาประเมินเบื้องต้น ในเมื่อเห็นต่อหน้าต่อตาว่าเขาปีนเข้าบ้านคนอื่น แต่กลับปล่อยตัวเองไหลกับบทสนทนาตามน้ำ จนเหมือนจะลืมไปเรียบร้อยว่าเขาเพิ่งทำตัวเป็นผู้บุกรุกเพื่อนบ้านตัวเอง แค่บอกรู้จักเจ้าของบ้านก็เออออไปด้วยแล้ว

แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องเอื้อประโยชน์ให้เขา หากถูกตะโกนใส่ว่าเป็นหัวขโมยคงไม่ค่อยเข้าท่านัก

“เป็น..ประมาณว่าน้องชายน่ะ มันซับซ้อนนิดหน่อย” คิมหันต์อธิบายเพิ่ม หัวเราะน้อย ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้ายุ่ง “แล้วเมื่อกี้ว่าไงนะ รู้จักว่าเขาชื่อเอกจากการฝันเอาหรือ?”

"...."

เขาหรี่ตาใส่อีกฝ่ายที่ยืนอ้ำอึ้ง พวงแก้มขึ้นสีชมพูน้อย ๆ  เป็นการตอบสนองที่เหนือความคาดหมายเอาการทีเดียว

"หืม?"

ก่อนเจ้าตัวจะอ้อมแอ้มทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา

“....ผมไม่น่าพูดเลย....อย่างกับเป็นคนบ้าแน่ะ...”

“..เฮ่ย ฮ่า ๆ ๆ ไม่ได้ว่างั้นสักคำ”

“แต่พี่ยังขำไม่หยุดเลย”

“ก็นายเล่าออกมาเองนี่”

“ถึงบอกไงว่าผมไม่น่าพูด..”

“อ๊ะ เด็กนี่” เขาส่ายหน้า เผลอเอื้อมมือไปลูบผมอีกฝ่ายผ่านรั้วอย่างถือวิสาสะ จะว่าลืมตัวด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่รู้สึกถูกชะตากับเจ้าเด็กคนนี้อย่างประหลาด ในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกับเอกภพ คิดว่าผูกมิตรไว้ก็ไม่เสียหาย “ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย อย่างคนรู้จักพี่ก็มีคนหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่มีเซนส์แปลก ๆ  ชอบทักเรื่องหมอกหรือควันสีเทา สีขาว สีชมพูโน่นนี่ฟังดูเพี้ยน ๆ ว่าคนนั้นคนนี้จะซวย ให้ระวังตัวบ้างละ บางทีก็บอกว่าเดี๋ยวจะโชคดีบ้างละ ดูเพ้อเจ้อแต่ก็เป็นจริงตามที่เจ้าเด็กคนนั้นทักเรื่อยเลย..”

อีกฝ่ายเงยขึ้นมองหน้าเขาหวั่น ๆ เกือบจะยิ้มแต่ยังดูแหยพิกล “...พี่ไม่คิดว่าผมบ้าใช่ไหม”

“ไม่นี่” คิมหันต์ยักไหล่ “แค่คิดว่าเปิดเผยตัวเองมากไปนะ”

“...หือ?”

“เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อกี้เอง...อืม...ไม่สิ ยังไม่รู้จักกันเลยต่างหาก แต่นายก็พูดเรื่องตัวเองนั่งทางในรู้ว่าพี่เอกชื่อเอกให้คนอื่นฟังแล้ว”

“ผมพูดว่าฝันต่างหากเล่า” คนฟังรีบขัด “ไม่ใช่นั่งทางใน”

“อา..นั่นแหละ ๆ”

“แล้วพี่เป็นใคร ปีนรั้วบ้านพี่เอกทำไม”

คิมหันต์พ่นลมหายใจพรืด คุยกันตั้งนานนึกว่าจะลืมเรื่องนี้ได้แล้วเสียอีก

“เอางี้นะ ไหน ๆ เพราะว่านายเล่าเรื่องนั่งทางใน..เอ้อ...” เขาชะงักเมื่อเห็นสายตาต่อว่าต่อขานของเด็กหนุ่ม “..หมายถึงเรื่องฝัน...เล่าเรื่องฝันให้พี่ฟัง เพราะงั้นแลกกันด้วยข้อมูลนิดหน่อย”

“...เรื่องอะไร”

“พี่เป็นน้องชายของแฟนพี่เอก”

“หา!?”

คิมหันต์อดหัวเราะไม่ได้อีกแล้ว

“ตกใจอะไรน่ะ”

“...เขา...” หนุ่มน้อยอ้าปากพะงาบ “...เขามีแฟนแล้วเหรอ..”

เขายิ้มน้อย ๆ “อายุก็ตั้งสามสิบห้าแล้วนี่”

“..แต่ผมไม่เคยเห็นเลย”

“บอกเองว่าเพิ่งย้ายมาอยู่ไม่ใช่เรอะ”

คนฟังทำหน้าคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ ผงกศีรษะด้วยหน้าเจื่อนไปนิดหน่อย พึมพำเสียงอ่อน “นั่นสิ”

“เฮ่ย..ทำไมหน้าจ๋อยล่ะ”

“เปล่า”

ชายหนุ่มหรี่ตา จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ระหว่างที่เจ้าตัวเอาแต่วางสายตาไว้กับพื้น บรรยากาศรอบตัวเด็กคนนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างไรพิกล คุยด้วยสนิทใจจนราวกับเป็นคนในครอบครัว...จนเขาถึงกับพูดเรื่องจริงอีกอย่าง

“...แต่แฟนเขาเสียไปนานแล้วละ”

“...เอ๋..?”

คิมหันต์ถอนใจ วางรอยยิ้มบางเบาไว้บนใบหน้า “...เพราะพี่ชอบใจนาย เลยบอกเพิ่มให้อีกอย่าง”

คนอีกฝั่งรั้วเอียงใบหน้าเล็กน้อย มองเขาด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อยอย่างประหลาด มันดูโหยหา และคล้ายจะก้ำกึ่งอยู่ในภวังค์ซึ่งเขาหยั่งไม่ถึง เขาอาจคิดไปเอง คิมหันต์เชื่ออย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินคำพูดจากปากเด็กหนุ่ม

“...พี่ชายของพี่...ไม่อยู่แล้วหรือ....”

คิมหันต์ชะงัก หัวคิ้วขมวดมุ่น เสี้ยววินาทีที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติในประโยคนั้น หัวใจก็ราวกับจะหล่นวูบไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม ทำไมเด็กคนนี้จึงถามถึงพี่ชายเขา ทั้งที่เขาไม่ได้พูดสักคำว่าพี่ที่เสียไปเป็นผู้ชาย มั่นใจว่าบอกไปแค่เขาเป็นน้องชายของคนรักเอกภพเท่านั้น หากเป็นคนปกติก็ควรเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือ

“...ทำไมถึงคิดว่าเป็นพี่ชายล่ะ?”

อีกฝ่ายกะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง อึดใจต่อมาก็ผงะไปข้างหลัง ยกมือขึ้นปิดปากด้วยท่าทางราวกับว่ากำลังตระหนกในคำพูดตัวเอง

“...ผะ..ผมไม่รู้....ผม....จริงสิ....ถ้าเป็นแฟนกับพี่เอกก็ต้องเป็นพี่สาวไม่ใช่หรือไง” เด็กหนุ่มละล่ำละลัก “...ผมแค่สับสนนิดหน่อย....อา...ผมขอโทษ”

“อา..ช่างเถอะ" เขาโบกมือเมื่อเห็นท่าทางลนลานของเด็กหนุ่ม "ว่าแต่ชื่ออะไรน่ะนาย”

“ผมหรือ?”

“ใช่”

“วสุ”

“ชื่อเล่นล่ะ?”

“..ไม่มี”

“ทำไมไม่มี”

“แม่ไม่ได้ตั้ง”

“หืม?” เขาเผลอยื่นหน้าไปใกล้จนเกือบกลายเป็นไล่ต้อนอีกฝ่ายอย่างไรชอบกล รู้ตัวจึงได้ถอยออกมาที่เก่า

“คือ...แม่ตั้งไว้แค่นี้ แล้วก็หอบผ้าผ่อนหนีไปแต่งงานใหม่แล้ว”

“วสุ”

“...อา...” คนตรงหน้าลังเล แต่ก็รับคำต่อจนได้ “..ครับ..?”

“...พี่เพิ่งบอกเองไม่ใช่หรือว่านายเปิดเผยตัวกับคนแปลกหน้ามากไปน่ะ”

“หา..”

“เกิดพี่ทำหาเรื่องคุย แล้วโปะยาสลบนาย จับไปขายงี้ทำไง”

“...อะ...เอ๋..?”

เขายิ้มมุมปากกับหน้าซีด ๆ ของอีกฝ่าย “ไม่กลัวเรอะ”

“...พี่ไม่ทำหรอก...” ถ้อยคำเถียงถูกส่งมาตะกุกตะกัก แต่ถึงพูดอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์ถอยไปครึ่งก้าว

“รู้ได้ไง”

“...ก็...”

“ก็?”

วสุเม้มปาก “..ก็...พี่เป็นน้องชายของแฟนพี่เอก”

“เหตุผลแค่นี้หรือ?”

“...ใช่”

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกจมูก “เด็กจริงเลย”

“...ผมแค่รู้สึกน่ะ”

“แค่ความรู้สึกมันไม่พอหรอก”

“แล้วต้องอะไรอีกล่ะ” อีกฝ่ายก้มลงไปบ่นงุบงิบ เบาจนเชื่อว่าคงไม่ได้อยากให้เขาได้ยิน แต่หูก็ดันได้ยินเข้าเสียนี่

“เอาเถอะ” คิมหันต์โบกมือไปมา “แค่จะบอกว่าให้ระวังตัวเท่านั้นเอง”

“พี่ปีนรั้วบ้านคนอื่น ยังจะบอกให้ระวังใครอีกหรือ”

“เด็กนี่”

“อ่า..ผมขอโทษ”

“...”

“.....ขอโทษไง...”

ว่าพลางเหลือบตามองเขาอย่างน่าเอ็นดู นั่นเล่นเอาคิมหันต์หัวเราะไปหนึ่งยกใหญ่
 
“ล้อเล่นน่า” เขาโคลงศีรษะ “เอางี้ แลกกันนะ พี่ชื่อคิมหันต์ เรียกคิมก็ได้ วันนี้ตั้งใจจะมาหาพี่เอก แต่โทรไปไม่มีคนรับ ส่งข้อความไม่ยอมตอบ รอข้างนอกมันร้อน เมื่อยด้วย เลยปีนเข้ามา ว่าจะขอนั่งตรงชานบ้าน แล้วก็เล่นกับหมาซะหน่อย”

“แค่นั้นหรือ”

“แค่นั้นแหละ”

“ผมควรต้องแจ้งตำรวจไหม”

“จะแจ้งทำไมเล่า” เขารีบแย้ง “แล้วมีอย่างที่ไหนมาถามคนที่ตัวเองสงสัยว่าจะเรียกตำรวจดีไหม”

“....”

“...เอาเถอะ ถ้าไม่ไว้ใจ จะนั่งเฝ้าก็ได้ พี่รออยู่ตรงชานนั่นแหละ แต่ไม่ต้องแจ้งตำรวจหรอก เสียเวลาทำงานเขาเปล่า เดี๋ยวเดือดร้อนพี่เอกด้วย”

คิมหันต์หยุดพัก เหลือบมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“ไม่อยากให้เขารำคาญใช่ไหมล่ะ”

เจ้าตัวไม่ตอบ แต่พยักหน้าเชื่องช้า ใบหูเป็นสีชมพูจาง ๆ แล้วก็ไม่ยอมเงยขึ้นมาเลย

กิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาคิมหันต์ ทว่าเขาเลือกจะไม่ทัก ทำเพียงแต่สังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ และคุยต่อเป็นปกติ

“พี่เคยมีประสบการณ์เรียกตำรวจมั่วซั่ว แทบจะโดนตำรวจแทะหัวแหว่ง” เขาว่าพลางหัวเราะ ยังจำได้ดีถึงวันที่ตัวเขากับพี่สาววุ่นวายเรื่องสามภพจนต้องเรียกตำรวจซ้ำ ๆ เมื่อหลายปีก่อน “ตอนนั้นน่าจะโตกว่านายนิดหนึ่ง ว่าแต่อายุเท่าไรนะนายน่ะ”

“สิบห้า”

“โอ้ ใกล้เคียงกับที่เดาไว้แฮะ”

“เหรอ” วสุพึมพำ แต่หลังจากนั้นก็เลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้น มองเลยไปด้านหลังเขา “พี่เอกมา!”

ชายหนุ่มหันขวับ จากที่เขายืนคุยกับวสุอยู่นี้เป็นจุดอับสายตาสำหรับคนที่เพิ่งมาใหม่ หากไม่สังเกตดี ๆ คงไม่เห็น เขาเตรียมกระโจนออกไปทักทายแล้ว หากไม่เห็นว่ามีรถคุ้นตาขับตามมาอีกคัน

“...เฮียเพี้ยน...” คิมหันต์กระซิบ ทุบกำปั้นลงกับฝ่ามือ นั่นปะไร เขาคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสามภพต้องแอบทำอะไรลับหลังแน่นอน โผล่มาพร้อมเอกภพอย่างนี้ ไม่รู้คุยเรื่องอะไรกันบ้างโดยที่เขาไม่รู้ไม่เห็น

เขาลังเลว่าควรแสดงตัวหรือไม่ จนกระทั่งรถคันที่สามซึ่งคุ้นยิ่งกว่าเก่าขับตามเข้ามา

คันที่ควรจะจอดอยู่ในโรงรถบ้านเขาเองที่ราชบุรี


“...ป๊า...”


คิมหันต์แทบล้มทั้งยืน ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ อึ้งอยู่วูบหนึ่งจนไอ้ดุ๊กดิ๊กขยับตัวแล้วส่ายก้นไปรับเจ้าของ จึงได้รู้ตัวว่าควรรีบตัดสินใจออกไปเจอหน้าหรือหลบรอดูสถานการณ์ก่อน


ซึ่งเขาเลือกอย่างหลัง


“พี่คิม?”

วสุทำสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นเขากระโจนแผล็วหลบไปอยู่ด้านข้างตัวบ้าน ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น กระซิบกระซาบโดยไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเชื่อหรือเปล่า

“รถที่ตามมานั่นป๊าพี่...ไม่อยากให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ ขอร้องล่ะ ช่วยทำไม่รู้เรื่องที หรือไม่จะหลบเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้”

“...ทำไมล่ะ”

“เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกัน...นะ?”

เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หันไปทำทีเหมือนว่าออกมาดูต้นไม้ในเขตรั้วบ้านตัวเอง ขณะที่สายตาคอยลอบมองเจ้าของบ้านเดินลงมาเปิดประตูรั้ว ไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของคิมหันต์ที่หลบอยู่ด้านข้าง


รถสามคันเข้ามาจอดเรียงกันด้านใน ไอ้ดุ๊กดิ๊กเดินไปรับเจ้านาย พลางมองผู้มาเยือนที่เหลือ จากนั้นหันมาคลอแข้งขาเอกภพอีกครั้ง ชายหนุ่มลูบหัวมันเบา ๆ แล้วหันไปเชื้อเชิญสามภพ สุชัย และเดือนเพ็ญให้เดินเข้าไปทางตัวบ้าน สีหน้าผู้เป็นบิดาของเขาไม่สู้ดีนัก

นั่นคือภาพที่คิมหันต์มองเห็นจากมุมนี้

หมาขนทองหันมาทางเขาแวบหนึ่ง และคิมหันต์แทบตัวแข็งเป็นหิน ภาวนาว่าอย่าให้มันนึกสนใจเขาขึ้นมาตอนนี้เลย ทีเรียกตั้งนานจากหน้าบ้านไม่เห็นจะเออออกันสักนิด
 
ดุ๊กดิ๊กทำท่าคล้ายจะฟ้องเจ้านายอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อไม่ได้รับความสนใจ มันก็เลิกพยายาม ละเลยตำแหน่งซ่อนตัวของเขาอย่างง่ายดาย โบกหางเป็นพวงแล้วเตร่กลับไปนอนพังพาบอยู่ที่เดิม

ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก จากหางตาเห็นว่าวสุก็ถอนใจเฮือกเช่นกัน ท่าทางจะลุ้นไปด้วยแม้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขา ชักถูกใจขึ้นมาแล้ว อีกหน่อยอาจต้องหาโอกาสคุยกันยาว ๆ  แต่ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ต้องให้ความสนใจก่อนเป็นอันดับหนึ่ง

เอกภพ สามภพ และป๊ากับม้าของเขาเดินมาถึงประตูด้านหน้า คิมหันต์พยายามชะเง้อ ยกมือขึ้นป้องหู ทว่าจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่สามารถประเมินอะไรได้มากนัก แม้แต่บทสนทนาของคนทั้งสี่ก็ไม่ได้ยิน

ร่างของคนเหล่านั้นเดินพ้นประตูเข้าไปทีละคน พร้อมกับที่ใจเขาเต้นระรัวหนักขึ้นเรื่อย ๆ

คิมหันต์รีรออยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าคงไม่มีใครกลับออกมาตอนนี้ ก่อนจะย่องตามเข้าไปใกล้ประตูหน้าบ้าน ยกมือกุมอกที่แทบระเบิดได้แล้ว

ชายหนุ่มบอกตัวเองให้หายใจเข้าออกช้า ๆ เท่าที่มองไม่เห็นอาวุธในมือสุชัย แต่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรซุกซ่อนไว้บ้างหรือเปล่า ก่อนจะติดตามเข้าไปมากกว่านั้น เขาตัดสินใจเดินกลับไปกวักมือเรียกวสุ

“วสุ..."

"หา?"

"พี่อยากให้ช่วยอะไรนิดนึง”

"ผมน่ะหรือ?”

“ช่วยป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ นี้ก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งเข้าบ้านหรือไปที่อื่น”

“ทำไมล่ะ?”

คิมหันต์เหลือบมองเข้าไปในบ้าน ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา แต่เขายังอดห่วงไม่ได้

“เมื่อกี้บอกอยากเรียกตำรวจใช่ไหม?”

“ไม่...” วสุส่ายหน้า “ผมไม่เรียกแล้ว พี่ไม่ต้องห่วง”

“เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปดูข้างใน แต่ถ้ามีเสียงอะไรประหลาด...” ชายหนุ่มกัดฟัน หวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้าย แต่อย่างไรก็ขอกันไว้ก่อน “...ถ้ามีเสียงอะไรประหลาดจากข้างใน ช่วยเรียกตำรวจให้หน่อยได้ไหม”

“ประหลาดยังไงหรือ?”

“เอ้อ...ก็อย่างเช่น...เสียงคนทะเลาะกัน เสียงขว้างปาข้าวของ...หรือเสียงปืน”

“เสียงปืน?”

“ไม่ ๆ” คิมหันต์ส่ายหน้า “ไม่มีเสียงปืนหรอก จะไปมีได้ไง ฮ่า ๆ หมายถึงถ้าดูเหมือนจะมีเรื่องกันน่ะ ช่วยตามคนมาที”

“พวกเขาทะเลาะกันหรือพี่คิม”

“....”

“แต่คนนั้นเป็นพ่อพี่ไม่ใช่เหรอ อีกคนใช่แม่หรือเปล่า แล้วพี่เอกก็เป็นแฟนของพี่สาวพี่นี่นา แล้วพี่ผู้ชายอีกคน..”

คิมหันต์ยิ้มเจื่อน มองวสุด้วยสายตาคาดหวัง บอกความจริงอย่างตรงไปตรงมาด้วยประโยคสั้น ๆ

“พี่เอกเป็นคนรักของ ‘พี่ชาย’ พี่ ผู้ชายคนที่เดินตามมาเป็นคนรักของพี่ อีกสองคนข้างหลังคือป๊ากับม้าของพี่”

วสุนิ่งไปอึดใจ เหมือนกับต้องใช้เวลาประมวลผลถ้อยคำเหล่านั้น กว่าจะคิดได้ก็ยืนอ้าปากค้างอยู่เป็นนาน

“คงไม่มีเรื่องอะไรน่ากลัวหรอก...ไม่มี...แค่พูดเผื่อไว้ เพราะงั้นช่วยหน่อยเถอะนะ?”

ใช้เวลาในการตัดสินใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่คิมหันต์กลับรู้สึกว่านานเหลือเกิน เขารอจนในที่สุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังดูงงงวย..


วสุพยักหน้าช้า ๆ แทนถ้อยคำรับปาก





คิมหันต์ย่องตามเข้าไปถึงชานหน้าบ้าน ยื่นหน้าชะเง้อมองด้านใน แต่ไม่เห็นเงาของใครสักคน ไร้กระทั่งเสียงพูดคุยมาเข้าหู คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ทะเลาะกันอยู่

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา ปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเปิดบันทึกเสียงไว้ก่อนจะหย่อนมันกลับเข้ากระเป๋า ถอดรองเท้ายัดใส่ไว้แล้วเหวี่ยงขึ้นคล้องไหล่ กระชับสายสะพายให้แนบตัว ก่อนจะสาวเท้าผ่านประตูบ้านเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

ห้องรับแขกยังเหมือนกับที่เคยเข้ามาครั้งก่อน รอบตัวเงียบงันราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต สีขาวซึ่งห้อมล้อมรอบกายทำให้เขารู้สึกสงบลง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเหงาหงอยลอยอ้อยอิ่งในอากาศ

ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่ ดูจนทั่วว่ามีมุมไหนให้หลบได้บ้างหากจำเป็น ข้างโซฟาตัวใหญ่นั่นคงพอไหว หรือถัดไปหลังโถงนั่น..


แกร๊ก!


เสียงเปิดประตู...?



มันดังขึ้นจากอีกฝั่ง ลึกเข้าไปในทางเดินเชื่อมสู่อีกส่วนของบ้าน พื้นที่ซึ่งเขาก็ยังไม่เคยเหยียบย่างไปถึง

ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ทำตัวราบไปกับผนัง สูดลมหายใจเข้าลึก สัมผัสได้ถึงกลิ่นคุ้นเคยอย่างน่าแปลกลอยเตะจมูก ค่อย ๆ ก้าวขาตัดผ่านส่วนรับแขกไปยังทางเชื่อมสู่โถงกว้างอีกด้าน ไม่มีร่างของใครปรากฏในลานสายตา

เขาหยุดนิ่งในมุมอับ ประเมินสถานการณ์ทั้งใจเต้นระรัวอยู่หลังตู้โชว์ขนาดใหญ่ ชะโงกออกไปยังพื้นที่ว่าง ประตูตรงหน้ามีสามบาน สองบานแรกปิดสนิท ส่วนบานที่สามตรงสุดทางเดินนั้นแง้มอยู่เพียงเล็กน้อย มองไม่เห็นว่าข้างในนั้นมีใครหรืออะไรอยู่บ้าง แต่ถ้าหูไม่ได้ฝาดไป เขาคิดว่าได้ยินเสียงพูดคุยเบา ๆ ดังมาจากหลังประตูบานนั้น

ลำคอเขาแห้งผาก กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ใคร่ครวญจุดยืนตัวเอง ขืนขยับเข้าไปใกล้กว่านี้คงเสี่ยงกับการถูกจับได้ จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกลับเสีย หรือตามไปดูให้ถึงที่สุด เขาอยากเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่หากโดนรู้ว่าซุ่มดูอยู่ สถานการณ์จะดีขึ้นหรือแย่ลง...ไม่มีอะไรรับประกันได้เลย

แม้ชะงักไปครู่ใหญ่กับความลังเล แต่ที่สุดแล้ว...คิมหันต์ก็ยังคงเป็นคิมหันต์


เขาก้าวขาออกจากที่เดิม ตรงไปยังประตูบานสุดท้าย


มาเจอเข้าแบบนี้แล้ว จะให้ถอยได้อย่างไรกัน?





มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2014 13:47:19 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ยกที่ 65 (ต่อ)



หลังบานประตูที่แง้มค้างไว้คือห้องว่างขนาดใหญ่ พื้น ผนัง เพดาน ไปจนถึงเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้นในนั้นล้วนเป็นสีขาว นอกจากเจ้าของบ้านแล้ว คนที่เหลือเพิ่งเคยเข้ามายืนที่นี่เป็นครั้งแรก

เมื่อเดินเข้ามาเป็นก้าวแรกนั้น สุชัยไม่เห็นความจำเป็นใดที่เอกภพจะต้องการให้เขามายืนตรงนี้ เขาไม่นึกอยากเสวนากับเจ้าตัวแม้สักนิดเดียว บอกตัวเองว่าทั้งเกลียด...และกลัว...กลัวในสิ่งที่หลอกหลอนเขามาตลอด ทั้งยามตื่นและในความฝัน  เพียงแต่เขาไม่เคยนึกอยากยอมรับความรู้สึกนั้นของตัวเอง เพราะกลัวจึงไม่ยอมรับ...และเพราะไม่ยอมรับ ก็ยิ่งทำให้กลัวมากขึ้น ติดอยู่ในวังวนน่ารันทดหดหู่ไม่จบสิ้น

เขายังคิดถึงลูกชายคนโตของตัวเองอยู่เสมอ และไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครทรมานได้อย่างเขา...


.....ไม่มี......



....มันจะไปมีได้อย่างไรกัน....ใครที่ทรมานยิ่งกว่าคนเป็นพ่อ....



“ห้องนี้เป็นของวสันต์”


เอกภพพึมพำจากด้านหลัง แต่เสียงนั้นราวกับดังมาจากที่ไกลห่าง ความเจ็บปวดฝังลึกอยู่ในประโยคเพียงสั้น ๆ


อึดใจถัดมาจึงตระหนัก ว่าอะไรบ้างที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในห้องนี้..


แววตาชายแก่ไหวระริก ค่อย ๆ ไล่สายตาไปตามผนังห้องซึ่งเต็มไปด้วยภาพของคนเพียงคนเดียว รูปถ่าย รูปวาด ทั้งใหญ่ เล็ก บนกระดาษ บนผืนผ้าใบ และใหญ่ที่สุดบนผนังตรงหน้า ภาพของลูกชายเขากำลังจ้องมองมายังทุกคนที่ยืนอยู่ แววตาราวกับยังคงมีชีวิตอยู่ในนั้น รูปลักษณ์คงอยู่เช่นเดิมเหมือนกับวันวานก่อนจะเสียเขาไปตลอดกาล


ห้องสีขาวนี้เป็นของวสันต์ บ้านสีขาวและสวนหย่อมนี้เป็นของวสันต์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีทองและขาตั้งวาดรูปก็ไม่มีทางเป็นของใครอื่นไปได้...


มือของสุชัยวางลงบนแก้มลูกชายตัวเองในภาพ มันมีสีสัน...แต่ก็เย็นเยียบ แม้เป็นภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่แท้จริงนั้นไร้ชีวิต แววตาในภาพเป็นเหมือนนัยน์ตาของวสันต์ แต่มันก็เป็นเพียงซากสีที่แห้งกรัง นิ่งสงบ และราวกับกำลังกระซิบความจริงข้างหูอย่างเลือดเย็น ว่าสิ่งที่สูญเสียไปจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวความทรมานไม่ยิ่งหย่อนของคนที่วาดภาพนี้ขึ้นมากับมือ


“...อึก!”


โดยไม่ทันรู้ตัว ร่างของสุชัยทรุดลงคุกเข่า มือกุมเค้นอยู่ตรงอกเสื้อ หยดน้ำหยาดแรกเอ่อคลอขึ้นในดวงตาทั้งสอง มีเพียงเสียงสะอื้นซึ่งถูกกลั้นไว้ไม่สำเร็จเล็ดรอดออกมา ก่อนหยดน้ำตาจะพร่างพรูลงอาบแก้ม ไหล่ทั้งสองงองุ้มและไหวระริก กำแพงทิฐิราวกับจะพังทลายลงพร้อมทำนบน้ำตา ต่อหน้ารูปวาดลูกชายตัวเอง


“..ว..สัน..ต์......ไอ้...ตี๋....”


ชายชราฟุบหน้าลงกับหัวเข่า ค้อมตัวลงคุดคู้บนพื้น เสียงสะอื้นดังก้องในห้องสีขาว สะท้อนความเศร้าสร้อยรอบตัวให้ถาโถมซ้ำไปซ้ำมา กรีดย้ำความรู้สึกผิดท่วมท้นลงในหัวใจเขา เหมือนบาดแผลที่ปริออก และทั้งหมดในนั้นก็ไหลทะลักออกมากับหยดน้ำอุ่น ๆ จากตา


“...ป๊า...ขอ...โทษ.....”



...เพราะเขาขี้ขลาดเหลือเกิน จึงหวาดกลัวเกินกว่าจะยอมรับความจริง ได้แต่เฝ้าโทษคนอื่นมาตลอด จนตอนนี้ก็ยังกลัวว่าจะเสียคิมหันต์ไปอีกคน เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาในอดีต... แต่ยังโง่และดื้อด้านจะใช้วิธีอย่างเดิม ทุกครั้งที่มองลูกชายคนเล็ก ภาพซ้อนของวสันต์ก็ราวกับจะปรากฏขึ้นตรงหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าเด็กคนนั้นที่เขาทำลายมันลงกับมือ บางทีอาจเป็นเขาเองที่ฆ่าลูกชายคนโตที่รักยิ่งกว่าใคร...



“....ป๊า...ขอโทษ.........ได้ยินไหมไอ้ตี๋......ฮึก.....แกได้ยินป๊าหรือเปล่า.....ป๊าขอโทษ.......”









คิมหันต์ยกมือขึ้นปิดปาก กลั้นสะอื้นไว้ไม่ให้มีเสียง ทรุดตัวลงหมดเรี่ยวแรงบนพื้น ไหล่สั่นไหวจนหยุดไม่ได้


ในห้องนั้น... หลังประตูบานสุดท้ายเต็มไปด้วยความทรงจำของเอกภพกับวสันต์ วันคืนที่ทั้งสวยงามและโศกเศร้าจนปวดหัวใจ เขารู้ว่าเอกภพรักพี่ชายเขามาก...มากจนไม่สามารถมีใครได้ตลอดหลายปีที่ผ่าน แต่นั่นไม่มีทางเทียบได้กับที่เจ้าตัวรู้สึกจริง ๆ เป็นแน่ เช่นเดียวกับความทรมานของสุชัย เขารู้มาตลอดว่าผู้เป็นพ่อเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เคยรู้ว่ามันจะออกมาเป็นท่าทางที่ดูเจ็บปวดจนราวกับหัวใจกำลังจะแหลกสลายไปได้ตรงนั้น


“แอบฟังคนอื่นเขาอยู่นานเท่าไหร่แล้วน่ะไอ้เบื๊อก!”


คิมหันต์สะดุ้งสุดตัว เม้มริมฝีปากไว้แน่น จำได้แม่นยำว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร เหลียวไปหาต้นเสียงข้างหลังช้า ๆ หยดน้ำที่เอ่อคลอร่วงผล็อยลงสองข้างแก้ม


“....เฮียเพี้ยน...”


“ก็ใช่น่ะสิ”


“...ผม....!”


“ไม่ต้องพูดแล้ว” สามภพส่ายหน้า โน้มตัวลงหิ้วปีกเขาขึ้นมา ยังไม่ทันยืนได้เรียบร้อยดีก็ดึงตัวไปกอดไว้แน่น จับศีรษะให้ซบลงบนไหล่ ลูบผมเบา ๆ พลางกระชับแขนอีกข้างให้เบียดตัวเข้าหามาขึ้นอีก “...อยากแก้ตัวอะไรเรื่องที่มาโผล่อยู่นี่ พี่จะฟังทีหลัง ตอนนี้ไปหาป๊าเราก่อนไหม?”

เขาพยักหน้า ยกหลังมือขึ้นถูเปลือกตา ผละออกจากอีกฝ่าย ก่อนจะเดินตรงไปหาชายที่ยังฟุบหน้าอยู่บนพื้น มีเดือนเพ็ญก้มลงปลอบอยู่ข้าง ๆ ทั้งน้ำตานองหน้า


“....ป๊า....”


คิมหันต์ย่อตัวลงคุกเข่า ก้มลงโอบแขนตัวเองรอบตัวผู้เป็นพ่อ


“....ป๊า...ผมเอง....ตี๋เล็ก.....”


เขากระซิบ พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น อีกฝ่ายขยับตัวเล็กน้อย คล้ายตระหนักได้ถึงการมาของเขา แต่ไม่ได้ถามไถ่ว่าเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน ทำเพียงแต่สะอื้นจนตัวโยนจนไม่สามารถส่งเสียงเป็นคำพูดได้ ขณะที่เดือนเพ็ญย่อตัวลงโอบพวกเขาทั้งสองไว้อีกทอดหนึ่ง


“....ป๊าอย่าร้องไห้.....เฮียใหญ่ไปสบายแล้ว...แต่ผมก็ยังอยู่กับป๊านะ”


เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ชดเชยที่ไม่ได้กอดกับพ่อตัวเองมาแสนนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าความรู้สึกเป็นเช่นไร กระทั่งสุชัยเงยขึ้นมองเขาในที่สุด นัยน์ตาช้ำและแดงก่ำอย่างที่คิมหันต์ไม่เคยเห็นมาก่อน


“อะไรที่ผมเคยทำไม่ดี...ทำให้ป๊าไม่พอใจ ผมขอโทษ แต่ผมไม่หนีไปไหน ถึงป๊าไล่ผมก็ไม่ไป ....และ....และผมก็ไม่เลิกกับพี่ภพด้วย....”

ชายหนุ่มก้มหน้า พูดต่ออย่างดื้อดึง

“ไม่เลิกกับพี่ภพ ไม่เลิกเป็นลูกชายป๊ากับม้า ไม่เลิกอะไรทั้งนั้น”


“...ไอ้ตี๋...”


“...ผมมันลูกคนเล็ก ทั้งเฮียทั้งเจ้ก็ตามใจ ป๊ากับม้าก็เข้มงวดน้อยกว่าพี่น้องคนอื่น ถึงได้นิสัยดื้ออย่างนี้....แต่ว่า....ป๊าตามใจไอ้ตี๋เล็กดื้อ ๆ คนนี้อีกอย่างได้ไหม”


คิมหันต์เว้นช่วง เหลือบมองอีกฝ่ายกล้า ๆ กลัว ๆ  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้สุชัย เห็นว่าเริ่มสงบลงแล้วจึงพูดต่อ


“...หลานแฝดน่ารักมาก เจ้ใหญ่บอกป๊าเพิ่งอุ้มไปได้นิดเดียว เอาไว้ไปเยี่ยมด้วยกันนะป๊า วีกับวิน เจ้าวีคนพี่น่ะ เจ้ใหญ่กับพี่โรจน์ให้ใช้นามสกุลบ้านเราด้วยละ แป๊บ ๆ เดี๋ยวก็โต มีหลานทันใช้การพอดีเลย...ป๊าอภัยให้ผมนะ...ผมมีหลานให้ป๊าไม่ได้หรอก...”


สุชัยไม่พูดอะไร เหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก ได้แต่เอื้อมมือไปเสยผมลูกชายให้พ้นหน้าผากเบามือ มองหน้าไอ้ตี๋เล็ก ไอ้เด็กดื้อ แต่ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ยังเหลืออยู่ของตัวเอง


เป็นครั้งแรกในหลายปีที่พ่อลูกได้มองหน้ากันตรง ๆ ก่อนชายแก่จะเริ่มส่งเสียงสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง


เพียงแต่คราวนี้คล้ายว่าจะมีรอยยิ้มจาง ๆ วาดอยู่บนใบหน้าเลอะคราบน้ำตา






มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2014 10:23:04 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทส่งท้าย




เสียงประทัดเปรี้ยงปร้างรับตรุษจีน ควันลอยโขมงโฉงเฉง เศษกระดาษสีแดงปลิวว่อน เจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์วิ่งกระเจิงไปร้องหงิงข้างเจ้านายคนโปรดของตัวเอง ไอ้ดุ๊กดิ๊ก (ที่สอง) นั่งตัวสั่นหงึก ๆ เบียดคิมหันต์จนแทบตกเก้าอี้

ชายหนุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกอดหมารัก ลูบหัวลูบหางอย่างเอ็นดู ไอ้อ้วนขนทองอยู่มาจนปูนนี้ทำเป็นไม่เคยเห็นประทัด ร้องเอ๋งเหมือนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกอยู่ทุกปีตั้งแต่เอามาอยู่บ้านที่ราชบุรี สมัยเป็นหมากรุงเทพฯ ข้างบ้านก็จุดประทัดมาตลอดทุกตรุษจีนยังทำเป็นไม่ชินอีก

“แต๊ะเอียยยย~”

คิมหันต์สะดุ้ง หันไปมองต้นเสียง เห็นไอ้ตัวเล็กสองคนวิ่งตึงตังเข้ามาหาอย่างมีเป้าหมาย ตาเป็นประกายวาววับ นึกในใจว่าเอาแล้วไง ถึงวัยที่เด็กแฝดพูดได้ชัดถ้อยชัดคำขนาดนี้แล้วหรือนี่ เจ้ใหญ่เขาช่างสอนมาดีเหลือเชื่อ

“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” เขาแสร้งทำสีหน้างุนงงใส่

“คุณแม่ให้มาขอแต๊ะเอียน้าคิมคับ” แฝดน้องหงุงหงิงอยู่ด้านขวา

“ออกเสียง ‘ครับ’ ยังไม่ชัดเลยจะมาขอแล้วหรือ”

“คุณแม่ให้มาขอแต๊ะเอียน้าคิมครับ” แฝดพี่แก้ใหม่ให้จากด้านซ้าย ทำตาใสแจ๋วใส่พร้อมกับน้องชายด้วยพลังคูณสอง

“เนื้อหอมนี่เรา” สิสิรเอ่ยทักสีหน้านิ่ง มีเพียงรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ซ่อนไว้ตรงมุมปากบอกให้รู้ว่ากำลังอารมณ์ดี

“เด็ก ๆ ไม่ไปขอป้าคนนั้นล่ะ ป้าสิรวยออกนะ”

“ใครป้ายะ!”

“เปล๊า”

เขาหัวเราะ มองเธอยื่นซองสีแดงให้เด็กน้อยทั้งสอง ชัดเจนว่าเตรียมมาแต่แรกแล้ว กระนั้นก็ยังไม่วายหันมาทำตาขวางใส่

“นี่ ๆ ของน้าคิมก็มีนะ” ชายหนุ่มกวักมือ “แต่ต้องมีการแสดงอะไรให้ดูก่อน”

“แสดงเหรอครับ”

“อื้อ”

“แสดงอะไรคับ”

“อะไรก็ได้”

เด็กแฝดทำสีหน้าครุ่นคิด มองซองสีแดงที่โบกไปมาอยู่ในมือคิมหันต์ แล้วกลับมามองหน้ากันเองอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เริ่มร้องเพลงเจื้อยแจ้ว ทำนองเหมือนเพลงเกาหลีที่เขาเคยชอบ เพียงแต่เนื้อร้องนั้นไปคนละเรื่อง ทั้งยังผิดคีย์จนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“โอย น่ารัก ขออีกเพลงได้ไหม”

“...อีกเพลงก็อีกซองนะ” เสียงจากข้างหลังดังขึ้นขัดจังหวะ “อย่าเอาเปรียบเด็กสิไอ้เบื๊อก”

คิมหันต์เงยหน้ามองผู้มาใหม่ จากนั้นก็ยิ้มเผล่ “อะไร ๆ  เฮียเพี้ยนทำเป็นเอาใจเด็ก คิดจะทำคะแนนกับหลานผมหรือไง”

“หลานเราก็หลานพี่ อีกอย่างเรื่องเอาใจเด็กเนี่ย...” สามภพยักไหล่ ย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ จ้องหน้าเขาอย่างสื่อความหมาย “..พี่คิดว่าตัวเองถนัด”

คิมหันต์เกือบหลุดอุทานคำหยาบออกมาแล้ว แต่วันนี้ตรุษจีน ห้ามพูดหยาบคาย แล้วยังอยู่ต่อหน้าหลาน ห้ามพูดหยาบอีก อยู่บ้านด้วย มีทั้งสุชัย เดือนเพ็ญ วัสสานะ ศิโรจน์ สิสิร เหล่าบุคคลผู้พร้อมจะสั่งเขาไปเดินจงกลมสำรวม กาย ใจ วาจา ยิ่งห้ามพูดหยาบเด็ดขาด!

“ผมไม่เด็กแล้ว..”

เขาหัวเราะกลบเกลื่อน มองหลานแฝดวิ่งไปอ้อนตายายตัวเอง ตอนแรกก็ห่วงว่าคนพี่ที่นามสกุลวานิชตระการกูล กับคนน้องที่ใช้นามสกุลชลิตชานนท์ จะได้รับความรักจากปู่ย่าตายายเท่ากันหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริง เห็นตาใส ๆ สองคู่มาพร้อมกันอย่างนี้ ทำอะไรด้วยกันจนตัวติดหนึบ คนพี่ก็คอยจะเรียก “วิน ๆ” คนน้องก็เอาแต่เรียกหา “วี..วีล่ะ?” อยู่ด้วยกันแล้วยิ่งน่าเอ็นดูสองเท่า ใครจะไปเลือกที่รักมักที่ชังได้ลง

“ก็ใช่ละนะ” สามภพคลี่ยิ้มบางเบา มองเศษประทัดสีแดงที่กระจายอยู่บนพื้น “..ผ่านอะไรมาตั้งขนาดนี้”

“พูดเป็นตาลุงเลย”

คิมหันต์พึมพำ ก้มลงมองมือตัวเองที่มีมืออีกฝ่ายมาวางซ้อนแล้วกุมไว้ มันยังอุ่นอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมาแล้วกี่ปี

“...นี่...พี่ภพ..”

“หือ?”

คนฟังเลิกคิ้ว ก้มลงมองหน้าเขา แววตายังดูดุ ๆ เหมือนเคย แต่เขารู้ดีว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้ใจดีที่สุด

“ขอบคุณครับ...ขอบคุณทุกเรื่องที่ผ่านมา”

“...”

“ผมรักพี่จัง”

สามภพเงียบไปอึดใจ จากนั้นก็ยกมือตบหน้าผากตัวเอง แค่นหัวเราะออกมาเสียงแห้ง

“นี่มันให้ท่ากันไม่ใช่หรือไง...แต่มาพูดแบบนี้ในบ้านตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ เข้าใจเลือกนักนะ”

“เฮียเพี้ยนแสนรู้ที่สุด!” คิมหันต์หัวเราะชอบใจ “นั่นแหละจุดประสงค์ผม”

คนฟังทำท่าฮึดฮัดนิดหน่อย ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเขา เป่าลมร้อนผ่าวใส่ข้างแก้มจนขนลุกซู่

“พรุ่งนี้กลับไปด้วยกันแล้วจะฟัดให้ตัวแหลกเลย”

“อ๋า! พรุ่งนี้วันถือ”

“แล้วไง”

คิมหันต์เหลือบมองอีกฝ่าย คิดไปถึงที่ผู้ใหญ่บอกว่าทำอะไรในวันถือ ก็จะเป็นอย่างนั้นไปทั้งปี จากนั้นก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเสียเองทั้งใบหูแดงก่ำ

“เอาดิ...” เขาท้าทีเล่นทีจริง กระโจนไปเตรียมเกาะแกะพี่สาวที่เดินมาทางนี้ แต่ไม่ลืมจะเอ่ยทิ้งท้ายกับสามภพก่อนผละออกมา “พรุ่งนี้ผมจะลวนลามเฮียเพี้ยนทั้งวันเลย!”

สามภพหัวเราะน้อย ๆ  มองคิมหันต์ทำหน้าระรื่นใส่พี่สาวคนโต มีเด็กแฝดจูงตายายเดินออกมาข้างนอก เดือนเพ็ญหันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร กวักมือชวนไปกินขนมเทียนในบ้าน สุชัยทำตาขวางใส่เขานิดหน่อย แต่ก็ยังห่างไกลจากความเกลียดชังนัก พอเริ่มพูดคุยกันได้ดี ๆ ก็ถือเป็นคนแก่หัวดื้อฟอร์มจัดคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ชั่วขณะหนึ่งที่คิมหันต์มองกลับมาทางนี้พอดี สายตาเปี่ยมสุขและเสียงหัวเราะของไอ้ตัวแสบดูเหมือนจะนำพาความสุขมาห้อมล้อมตัวเขาไปด้วย จนตอนนี้เขาก็ยังมองว่ารอยยิ้มที่เดี๋ยวก็ใสซื่อ เดี๋ยวก็เจ้าเล่ห์นั้นยังน่าเอ็นดูอยู่เสมอ

ลูกแฝดที่วัสสานะตั้งชื่อว่า แกล้วกวี และ ไกรกวิน กวักมือเรียกเขาให้ตามเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มโบกมือรับ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบกระดาษเปื่อยยุ่ยในกระเป๋าขึ้นมาดู เขาค้นเจอสิ่งนี้จากในแฟ้มที่เอาไว้เก็บรูปและอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับคิมหันต์ เพิ่งเห็นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ไม่รู้เจ้าตัวแอบเอามายัดไว้ตั้งแต่เมื่อไร บนนั้นมีลายมือขยุกขยุยของคิมหันต์เขียนอยู่ ถึงจะเลือนรางแต่ยังอ่านออกเป็นประโยคชัดเจน ถึงกับนึกหน้าตาเจ้าเล่ห์ของคนเขียนได้เลยเชียว


‘ถึงลุงแก่ชอบเคี้ยวหญ้าอ่อน ใบนี้เป็นคูปองพิเศษ ถ้าเจอเข้าละก็ให้เอามาขึ้นรางวัลกับผมได้’


เขาส่ายหน้ากับข้อความน่าหมั่นไส้ คิมหันต์ก็ช่างกล้าเขียน เดาได้เลยว่าคงเป็นสมัยยังทำตัวเกรียน ๆ อยู่แน่นอน ไม่รู้เจ้าตัวจะลืมแล้วหรือยัง อยากรู้นักว่าหากเอาให้ดูแล้วจะทำหน้าแบบไหน


“พรุ่งนี้วันถืองั้นหรือ...”


ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง มองเจ้าของข้อความซึ่งลงไปกลิ้งเกลือกบนพื้นบ้านกับแฝดไปเรียบร้อย เห็นสภาพแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่รู้จะจำกัดความคนตรงหน้าอย่างไรดี เขาเกลียดฤดูร้อน เกลียดเด็กกวนประสาท แต่ไอ้คนที่ชื่อแปลว่าฤดูร้อนซึ่งกำลังฟัดเด็กแฝดอยู่นี่ ดูเหมือนจะเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นของเขาไปตลอดกาล

สามภพระบายยิ้ม ทรุดลงคุกเข่าใกล้ ๆ  ถือโอกาสตอนแฝดกำลังเผลอ และทุกคนมัวแต่สนใจอย่างอื่น ก้มลงแนบริมฝีปากลงบนแก้มฤดูร้อนของเขาหนึ่งฟอด แล้วรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็วก่อนเจ้าตัวจะได้แหกปากโวยวาย

“ชู่ว...ห้ามพูดคำหยาบ” เขาดักคอ

“....”

“..พรุ่งนี้วันถือ พี่นึกออกแล้ว ที่เขาว่าถ้าทำอะไรก็จะเป็นอย่างนั้นไปทั้งปีสินะ”

“ใช่ดิ”

คิมหันต์กระฟัดกระเฟียดใส่เขาอย่างคนทำอะไรไม่ได้ หันมองซ้ายขวาไม่มีใครอื่นก็ถอนใจโล่งอก ก่อนสองแฝดวีและวินจะพุ่งกลับมาโจมตีพอดี ฟัดกันต่อนัวเนียบนพื้นพร้อมส่งเสียงหัวเราะร่วน


เขามองข้อความอวดดีในคูปองพิเศษนั้นอีกครั้ง พับทบเรียบร้อยแล้วเก็บใส่กระเป๋าไว้อย่างดี


ตั้งใจว่าพรุ่งนี้วันถือค่อยไปขอขึ้นรางวัล







- ลั่นระฆัง หมดยกสุดท้าย -









**มา Edit แทรกนิดนึงค่ะ

มาแจ้งว่าลงแฟนฟิคชันของแฝด วี - วิน จากเรื่องนี้ไว้ เป็นเรื่องใหม่ที่อีกกระทู้หนึ่งด้วยนะคะ ติดตามได้ที่นีค่ะ


-----| S i n c e r e |-----

แล้วก็ Side story เรื่องของพี่เอก * วสุ

"แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน"





ฝากเอ็นดูหนุ่ม ๆ ด้วยนะคะ
ขอคุยต่อ(+ของแถมด้วยเลย)อีกรีพลายนะคะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2014 01:43:16 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
จบแล้วค่ะ ในส่วนของเฮียเพี้ยนกับตี๋เกรียน ถึงแม้จะใจหายแต่ก็ยกสุดท้ายแล้วค่ะ สมหวังกันซะทีเนอะ
แต่เรื่องต่อของพี่เอก คิดว่าจะมี side story ต่ออีกนิดหน่อยนะคะ
ส่วนคู่ 2 รัน (รัญ - รัน) ก็ลงเอยกันไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ตามที่เล่าในเรื่องเมื่อหลายยกก่อน อาจไม่ค่อยได้พูดถึงเท่าไหร่ เพราะเป็นคู่รองสุด ๆ แต่ถ้ามีไอเดียก็อาจจะมีตอนพิเศษสั้น ๆ ออกมาได้บ้างค่ะ (....เพลย์เซฟด้วยคำว่า อาจจะ ฮาา)

ยกสุดท้ายนี้ สารภาพว่ายกนี้เขียนไปน้ำตาไหลไปค่ะ (อีกละ) ใครไม่อินคนเขียนอินเอง ฮืออ โดยส่วนตัวก็สงสารป๊าด้วยนะคะ เป็นคนแก่หัวดื้อดี ๆ นี่เอง เห็นใจทุกคนเลย O<-<


แถมยังมีชื่อตัวละครใหม่โผล่มาถึง 3 คนเลยทีเดียวเชียวค่ะ!

คนแรก วสุ เด็กคนนั้นนั่นเอง...>w<
เขียนไปก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดูกว่าที่ตั้งใจไว้ตอนแรกนะคะ แต่ก็อย่างว่า เด็กสิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ อะไรงี้ คิมหันต์ดูโตไปเลยค่ะ

รูปวสุที่คิด ๆ ไว้ หน้าตาประมาณนี้ค่ะ อาจมีเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย รอลงตัวสักนิด




ส่วนอีกสองคนค่ะ (ถ้าตามใน FB หรือทวิตเตอร์จะเห็นเราติ่งมาพักใหญ่แล้ว...*เขินอาย*)

เด็กแฝดลูกเจ้ใหญ่ค่ะ
เราเป็นพวกชอบอินเซสต์เป็นการส่วนตัวค่ะ ยิ่งทวินเซสต์ยิ่งก๊าวใจมาก ดังนั้นเลยเผลอคิดไปไกล ฮือออ
ขอก๊อปข้อความจากในเพจเลยแล้วกัน ฮา

คนพี่ แกล้วกวี วานิชตระการกูล
คนน้อง ไกรกวิน ชลิตชานนท์
ชื่อเล่น วี กับ วิน รวมแล้วเป็น We win! (เจ้ใหญ่ตั้ง 555)

เรื่องแฝดเนี่ย เราอยากจะเขียน(หรือไม่ก็วาดมากเลยค่ะ) แต่ชี้แจงก่อนว่าถ้าได้เขียน(หรือวาด)เป็นเรื่องเป็นราวจริง เราจะไม่เอาไปรวมกับเรื่องหลักนะคะ เพื่อความสบายใจ คือจะเขียนในลักษณะของโดหรือแฟนฟิก

ซึ่ง "ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเรื่อง"

(เหมือนโดหรือแฟนฟิกของการ์ตูนทั่วไป เพียงแต่เราเขียนเองค่ะ 555 ไม่งงเนอะ)

เพราะแหม จะวายกันทั้งตระกูลมันน่าสงสารนะ แถมมันยังเป็นทวินเซสต์ด้วยค่ะ ศีลธรรมมันค้ำคอ ประเด็นคือสองคนนี้ตอนแรกก็ไม่ได้มีบทบาทในพล็อตแต่แรกเท่าไหร่อยู่แล้วด้วยค่ะ คือเป็นแค่ตัวประกอบนั่นเอง แต่มางอกทีหลัง ที่อยากเขียนเพราะชอบเด็กแฝดเป็นการส่วนตัวค่ะ

เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องหลักคือทั้งสองก็เป็นตัวประกอบจาง ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้มาวายมาอะไรกัน (แต่จะจิ้นก็ไม่ว่า เพราะในเรื่องหลักไม่มีบทนัก) แต่นอกรอบนั้น....มารอดูกันต่อไปนะคะ ฮรี่ ๆ




ว่าแล้วก็แปะรูปแฝด(ตอนโตหน่อย)สักนิดค่ะ

อันนี้คือที่วาดไว้ตอนแรก

พี่วีมีไฝที่หางตาซ้าย แล้วก็อีกที่ตรงต้นคอด้านซ้ายค่ะ
ส่วนน้องวินหัวยุ่ง ๆ กว่านิดหน่อย

แฝดกับแต๊ะเอีย(?)



แฝดพี่ /////



แล้วก็โมเม้นต์แฝดทะเลาะกัน




โฮรว ชอบแฝดค่ะ ถ้ารับทวินเซสต์ได้ ไว้เจอกันนะคะ *คีย์บอร์ดสั่น*
แต่ถ้าไม่ชอบ รับไม่ได้ ไม่อ่านก็จะไม่มีผลอันใดกับเนื้อเรื่องค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดจริง ถือซะว่าเป็นแฟนฟิค (หรือโด?) ของเรื่องนี้นะคะ
//นี่พูดผูกมัดตัวเองเหมือนจะเขียนแน่ ๆ ความติ่งนี่มันแย่จริง ๆ




สุดท้าย ของสุดท้าย


ขอบคุณคนอ่านมาก ๆ เลยค่ะ!
ขอบคุณตัวโต ๆ เลย

บอกตรง ๆ ว่าคงไม่สามารถเขียนมาถึงขนาดนี้ได้ ถ้าไม่มีคนอ่านคอยมาด้วยกัน ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยเติมเต็มความฝันของเรา ฝันเล็ก ๆ อย่างหนึ่งคืออยากเขียนนิยายแล้วก็ได้มีหนังสือของตัวเองสักครั้ง ดีใจมากจริง ๆ ค่ะ ทั้งคอมเม้นต์ กำลังใจ เป็ดเหลือง คำแนะนำติชม แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ ที่มาเฮฮาด้วยกันในเล้า ในทวิต ใน FB นะคะ อา...พูดไม่หมด แต่เราดีใจมาก ๆ เลยค่ะ รักคนอ่านมาก ๆ เลย ขอบคุณเล้าด้วยที่ให้พื้นที่ได้ปลดปล่อยพลังม่วงระยิบระยับ(?) ถ้าไม่ลงที่เล้าก็ไม่รู้จะไปลงไหนดี /////


ด้วยรักและรักค่ะ
RainyDay


พบกันใน side story, แฟนฟิคแฝด(?)มั้ง ฯลฯ นะคะ



(แอบเติมภาพข้างบนเล่น) เฮียพี่เพี้ยนก็ทำเหมือนน้องเป็นหมาตลอด XD
ปล. ปีนี้เราจะไปเรียนต่อค่ะ คงไม่ค่อยมีเวลาแล้ว คิดว่าคู่หมีกริช x พี่เอม กับ หมอไอซ์ x อุ่นใจ อาจจะต้องดองไว้ก่อน ไม่งั้นชีวิตจะล่มจมได้ค่ะ ขออภัยจริง ๆ แต่จะไม่ทิ้งค่ะ ถ้าสบโอกาสจะรีบมาต่อเลย ระหว่างนี้อาจมีผลงานเรื่องไม่ยาวมากมาบ้าง ฝากตัวด้วยนะคะ >3< *รวบกอดหนุบหนับ*

ปล. 2 ถ้าให้ประเมินตัวเอง เรื่องนี้คิดว่าเขียนลื่นกว่า "รักติดดิน" ซึ่งเป็นเรื่องแรก แต่ก็ยังไม่ดีพอค่ะ จากนี้ก็จะพยายามให้มากขึั้นอีกนะคะ คนอ่านอย่าเพิ่งทิ้งกันน้า 555 ขอบคุณมากค่ะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2014 01:42:44 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
อย่าเพิ่งจบได้ไหมอ่า ยังไม่จุใจเลย รักความเกรียนของตี๋คิมมากมาย
แล้วตอนพิเศษคู่เฮียเอกหล่ะ ไม่มีหรอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ใจหายเหมือนกันน่ะจบซะแล้ว ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้ให้ได้อ่านกัน

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
เฮ้ยยยยยยยยยย !!
เข้ามาตกใจคำว่าตอนจบก่อน  :a5:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
มาลงชื่ออ่านจบครับ แอบน้ำตาซึมอีกแล้ว
รอติดตามของแถมทุกเม็ด

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
แอบเสียน้ำตากะตอนจบ  :mew6:
อยากอ่านคู่พี่เอกกับวสุมากมายอ่า อยากกินเด็ก เอ้ย อยากเห็นพี่เอกกินเด็ก  :haun4:
ขอบคุณคนเขียนมากครับ  :pig4:

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด