ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ  (อ่าน 406693 ครั้ง)

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 o13 ขอบคุณนะที่มาต่อ พิชญ์กับชาครแอบน่ารักนะคู่นี้ ส่วนธามกับวิรัลก็น่ารักได้อีก :o8:

AnimajuS

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะ :-[

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
หลัง ๆ เริ่มรู้สึกว่าคู่ของธามกับวิรัลดูจะหาย ๆ ยังไงไม่รู้เน๊อะ ดูไม่เร้าใจเหมือนช่วงแรกที่เจอกันเท่าไหร่น่ะ ดูจะขาดความเซ็กซี่ไปนิดนึง แต่คู่ชาครดูน่าสนใจขึ้นเยอะน่ะ อยากให้มีคู่เหมือนกัน เพราะดูจะทุ่มเทกับการทำงานมากอยากให้เจอเรื่องหวาน ๆ ในชีวิตบ้างน่ะ
ป.ล.ตอนนี้กำลังตั้งตารอหนังสือที่สั่งไว้ เพราะ แต่ละเรื่องยังอ่านไม่ถึงตอนจบน่ะ รอลุ้นในหนังสือหนุกกว่า :z1:

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
พิชญ์ หลุดมาดอย่างแรง เมื่อเจอกะชาคร ฮา ฮา
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียน
อย่าอู้นานนะคะ เค้ารออยู่เน้อ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
หนุ่มอย่ามัวแต่สวีตกันมากนัก
เดียวจะเกิดการเข้าใจผิด

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

สปีดช่วงนี้ทิ้งห่างตามเนื้อเรื่องนะคะ ถ้าเริ่มเข้าบทบู๊ต้องเขียนยาวเพื่อเช็คว่าจะไปรอดไหม พล็อตจะตัน จะตีกันมั่วไหม แต่ถ้าเขียนได้ลื่นก็ลงไวตามปกติค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่านค่ะ

 :pig4:


/12




    ธามสังเกตเห็นคนข้างกายปากเริ่มซีด แต่ก็ยังคงไม่ยอมลุกจากแอ่งน้ำ แม้ว่าเขาจะชวนให้เลิกเล่น จนทำให้คนชวนต้องถอนหายใจ

    “จะขึ้นหรือไม่ขึ้น...”

    ชายหนุ่มเริ่มขยับกายกักขังร่างของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนแล้วกระซิบขู่

“ถ้าไม่ขึ้น เดี๋ยวจะโดนลงโทษนะ”

วิรัลหน้าแดงวาบ ทว่าแม้จะอายเพียงใด แต่อีกใจก็อยากให้ธามสัมผัสเขาเช่นเดียวกัน คิดเช่นนั้น เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ หลุบตาลงช้า ๆ ใบหน้านั้นแดงระเรื่อ และเจ้าตัวก็ยังคงไม่ยอมขยับไปไหนเช่นเดิม

    “เด็กดื้อ...”

      ธามที่อ่านสายตาของอีกฝ่ายออก กระซิบเสียงพร่า เพราะวิรัลยามนี้ดูเย้ายวนเสียเหลือเกิน แถมเสื้อผ้าเปียก ๆ ที่แนบเนื้อนั้น ก็ทำให้เห็นอะไร ๆ ข้างใน อย่างเด่นชัด

    “งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ...”

    ธามกระซิบข้างหูอีกฝ่ายก่อนจะใช้ลิ้นฉกลิ้มเลียที่ซอกหูขาวเนียนนั่น จนวิรัลสะดุ้ง แล้วหลุดครางเสียงแผ่ว เมื่ออีกฝ่ายไล่ละจูบลงมาเรื่อย ๆ ที่ซอกคอของตน 

    “อื้อ...คุณธาม”

    วิรัลครางอย่างขัดใจ เมื่ออีกฝ่ายนั้นแกล้งทำเป็นดูดขบเม้นอ้อยอิ่งอยู่แถวซอกคอ ไม่ยอมไปแตะต้องในส่วนอื่นบ้าง

    “หึ ๆ ...บอกแล้วว่าจะทำโทษ ...เพราะฉะนั้นจะไม่ตามใจหรอกนะ”

    ธามกระซิบบอกอย่างรู้ดี พลางแกล้งลูบไล้บริเวณแผ่นอกของเด็กหนุ่ม ก่อนจะใช้นิ้วบีบเค้นดึงยอดอกสีชมพูที่มองเห็นผ่านผ้าผืนบางทั้งสองข้างเล่นอย่างหยอกเย้า จนวิรัลต้องหลุดครางเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว

    “ชอบสินะแบบนี้”

    “อื๊อ...ไม่ใช่...อ๊ะ...”

    วิรัลปฏิเสธออกไป แต่ก็ต้องหลุดครางซ้ำสองเมื่อชายหนุ่มแกล้งเขาอีกครั้ง คราวนี้ธามใช้ลิ้นเลียและริมฝีปากขบเม้น สลับปลายนิ้วดึงยอดอกของเด็กหนุ่ม แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นขวาง แต่มันก็บางและเปียกแนบลู่ จนแทบจะไม่แตกต่างกับการเปลือยแต่อย่างใด

    “คุณธาม...พะ...พอ ก่อนเถอะ...ครับ”

    วิรัลพยายามใช้มือดันร่างอีกฝ่ายออกไป แต่ก็แทบไม่เป็นผล เพราะเขานั้นอ่อนแรงไปหมด แถมเพราะการเล้าโลมของชายหนุ่มก็ทำให้เขาเริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

    “ทำไมล่ะ...เธอเองก็ชอบมันไม่ใช่หรือ”

    ธามกระซิบถาม วิรัลหน้าแดงระเรื่อ เจ้าตัวพยักหน้ารับ แต่ก็ต้องรีบแย้งตามมา เมื่อธามเตรียมจะเล้าโลมเขาต่อ

    “ก็ชอบอยู่หรอกครับ...แต่ถ้ามากกว่านี้...คงห้ามตัวเองไม่ไหวแน่...มันคงไม่ดีไม่ใช่หรือครับ...ถ้าใครมาเห็นเราเข้า...เอ่อ...ตอนกำลังทำแบบนั้น”

    วิรัลบอกด้วยเสียงอ้ำอึ้งอย่างเอียงอาย จนธามที่ฟังอยู่ต้องลอบถอนหายใจ แม้จะไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างวิรัลกังวลขึ้นได้จริง ๆ  จากนั้นชายหนุ่มจึงช้อนร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าอุ้มลอยขึ้น จนวิรัลตกใจ

    “คุณธาม! จะทำอะไรน่ะครับ!”

    “ก็ขึ้นบ้านยังไงล่ะ... ถ้าเป็นในบ้านที่มิดชิด คงไม่ต้องกลัวสายตาคนนอกหรอก...จริงไหม”

     น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบทำให้คนฟังหน้าแดงระเรื่อ วิรัลพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ เรียกรอยยิ้มจากคนอุ้ม  ทว่าพอพวกเขาทั้งคู่ขึ้นระเบียงบ้านพักและเปิดประตูกระจกบานเลื่อนตรงห้องนอนเข้ามา พิชญ์ก็กึ่งจูงกึ่งลากชาครที่มือติดกัน เปิดประตูห้องนอนอีกด้านพรวดเข้ามาทันที

    “ท่านวิรัล ผมกำลังว่าจะไปตามพอดี ...ดูสิครับเล่นน้ำเสียจนปากซีดเชียว ...คุณนี่ก็แทนที่จะดูแลกันบ้าง ไว้ใจไม่ได้เลย ...อ๊ะ! เดี๋ยวผมหาผ้าขนหนูให้นะครับ”

    พิชญ์บ่นใส่วิรัล แล้วหันไปบ่นธาม ก่อนจะหันไปทางตู้เสื้อผ้า เตรียมจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอย่างเคยชิน ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อมือของเขาถูกรั้งไว้ จากอีกคนที่ทำเป็นยืนเฉยไม่ยอมขยับ

    “ถ้าไม่คิดจะเดินมา ก็ไขกุญแจเดี๋ยวนี้เลย! ...ส่วนคุณ เวลาแบบนี้ คุณควรถอดกุญแจข้อมือนะ ท่านวิรัลจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้สะดวก ๆ หน่อย”

     พิชญ์หันไปต่อว่าชาคร แล้วหันมาบอกกับธาม ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วยุ่ง อย่างไม่สบอารมณ์มากขึ้น ส่วนอารมณ์วาบหวามก่อนหน้านั้น หายไปเป็นปลิดทิ้ง ตั้งแต่ได้เห็นหน้าพิชญ์แล้ว

     “กะอีแค่อาบน้ำ เดี๋ยวฉันกับเขาอาบด้วยกันก็ได้”

    พอได้ยินคำพูดของธาม วิรัลก็ต้องสะดุ้งโหยงพลางหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย ส่วนพิชญ์นั้นพยายามสงบสติอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ ก่อนจะฝืนแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบอีกฝ่าย

    “ใช่...ผมไม่เถียงว่าต่อให้ถูกล่ามไว้ ก็อาบน้ำด้วยกันได้ แต่เวลาถอดเปลี่ยนเสื้อผ้า มันลำบากไม่ใช่หรือครับ ...จริงไหมครับท่านวิรัล”

    พิชญ์หันมาเกลี้ยกล่อมคนของเขาแทน และนั่นก็ทำให้วิรัลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพี่เลี้ยงคนสนิท

    “นั่นสิครับ ถ้ามือติดกันแบบนี้ถอดเสื้อผ้าไม่ได้แน่ ...ฮัดชิ่ว!”

    เสียงหลุดจามตามมา พร้อมอาการที่เริ่มหนาวสั่นของวิรัลนั้นหยุดการโต้เถียงของทั้งธามและพิชญ์ได้ทันที  ธามถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบกุญแจมือในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมาไขให้ทั้งเขาและวิรัล พร้อมกับกระซิบบอกเด็กหนุ่ม

    “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยนะ ...เดี๋ยวฉันจะมาหาใหม่”

    จากนั้นธามก็เดินตรงกลับบ้านพัก เพื่อแยกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ทว่าชาครกลับยังคงยืนอยู่ไม่ยอมไปไหน จนพิชญ์ขัดใจ

    “ทำไมไม่ตามไปอารักขาเจ้านายของนายเล่า มัวยืนอยู่ที่นี่ทำไม!”

    ชาครอมยิ้มแล้วยกมือข้างที่ล่ามติดกับพิชญ์ให้ชายหนุ่มดู จนพิชญ์ชะงัก ก่อนจะโต้ตอบกลับไปเสียงห้วน

    “ก็ไขกุญแจแล้วไปสิ! ไม่เห็นจะยาก กุญแจอยู่ที่นายนี่!”

    “ไม่ล่ะ...กติกาเขาว่าไว้ให้ไขตอนจำเป็นไม่ใช่หรือไง และตอนนี้ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไขสักนิด”

    พิชญ์กัดฟันอย่างหงุดหงิด ทว่าวิรัลนั้นกลับเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

    “ถูกอย่างคุณชาครบอกนะ ความจริงคุณม่านฟ้า จะไม่ให้กุญแจมาเลยก็ได้ แต่เธออุตส่าห์ลดหย่อนโทษให้เราขนาดนี้แล้ว เราจะทำตัวผิดกติกาอีก มันก็ไม่เหมาะนะพิชญ์”

    พิชญ์แค่นยิ้มตอบนายน้อยของเขา ที่จริงจังกับเกมทำโทษแสนงี่เง่านี้เหลือเกิน  จากนั้นเขาจึงรีบเร่งให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไว เมื่อวิรัลจามขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มอยากเตรียมผ้าขนหนู เสื้อผ้าต่าง ๆ ให้วิรัลให้เรียบร้อย ทว่าสภาพที่ติดอยู่กับคนอื่น แถมชาครยังเหมือนจะแกล้งไม่ร่วมมือสักเท่าใด ยิ่งทำให้พิชญ์เคลื่อนไหวไม่ได้ดังใจเลยสักนิด

    “จะเดินมาที่ตู้ด้วยกันหน่อยไม่ได้หรือไง!”

    “แค่เสื้อผ้า ให้เขาหาเองสิ”

     ชาครบอกหน้าตาเฉย ทำเอาคนพูดยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

    “กับเจ้านายของนายก็ปล่อยให้เขาหาเองหรือไง!”

    พิชญ์แย้งกลับ ทว่าชาครนั้นยักไหล่นิด ๆ

    “บางครั้งก็เป็นอย่างนั้น ท่านธามไม่มาจู้จี้จุกจิกกับเรื่องชีวิตประจำวันแบบนี้นักหรอก”

    “...กวนประสาททั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง”

    พิชญ์พึมพำกับตัวเอง สักพักวิรัลจึงเดินใส่เสื้อคลุมที่มีแขวนอยู่ในห้องน้ำ ออกมาด้านนอก แล้วจึงเลือกเสื้อผ้าในตู้เปลี่ยน เห็นดังนั้นพิชญ์จึงลากชาครออกนอกห้อง แล้วปล่อยให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเองไปตามลำพัง

    “นึกว่าจะต้องลากฉันไปช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มฤคมาศด้วยเสียอีก”

    “หึ...ก็น่าลากไปเป็นเพื่อนอยู่หรอก จะได้ให้เจ้านายของนายเขม่นเล่นไงล่ะ”

    พิชญ์ประชด ทำเอาชาครนึกขำ แต่พอลองนึกดูแล้ว ถ้าเขาลองทำตามพิชญ์พูด ก็อาจจะถูกธามเขม่นเอาจริง ๆ ก็เป็นได้

   

    สักพักใหญ่ธามก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาหาวิรัลแล้วคล้องกุญแจติดกันเหมือนเดิม ส่วนพิชญ์ก็ปักหลักกันท่าอยู่ที่บ้านพักอย่างเคย และแม้ว่าธามจะไม่แคร์ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนวิรัลนั้นจะอายและกลัวพิชญ์จะรู้ จนไม่ยอมปล่อยให้ธามสัมผัสร่างของตนเหมือนก่อนหน้านั้นอีก

    “หมอนั่นดูแลเธอเกินไปแล้วนะ…นี่เลิกอาบน้ำให้กันตั้งแต่อายุเท่าไหร่ล่ะนั่น”

   ธามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นอนซึ่งตั้งอยู่บริเวณระเบียงชิดกับเด็กหนุ่ม เอ่ยถามติดประชด ทว่าคำตอบที่ได้รับฟังจากคนข้างกายก็ทำให้เขาถึงกับอึ้งเล็กน้อย

    “กะ...ก็เกือบสิบห้านั่นล่ะครับ...”

    “เกือบสิบห้า! นั่นเธอโตมากแล้วนะ!”

    วิรัลหน้าแดงด้วยความอาย แล้วก้มหน้างุด ๆ หลบตาอีกฝ่าย ทำให้ธามนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดตรงเกินไป เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

    “ขอโทษที ฉันก็ลืมไป ว่าการเลี้ยงดูแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน”

    วิรัลเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดแล้วยิ้มอาย ๆ ให้ ทำให้ธามยิ้มตอบ ทว่าคนที่ยืนแอบฟังอยู่สองคน คนหนึ่งขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนอีกคนจ้องมองคนข้างกายตาปริบ ๆ

    “ดูแลกันขนาดนั้นเลยหรือ...”

     “แล้วไง ก็ฉันพอใจจะทำนี่”

    พิชญ์ตอบอย่างเฉยชา แล้วเฝ้ามองทั้งคู่ที่นั่งคุยอยู่ห่าง ๆ ตั้งใจว่า ถ้าธามทำอะไรเกินเลยกับวิรัลเมื่อไหร่ เขาจะเข้าไปขวางทันที

    “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเฝ้าสองคนนั่นสักที  ไหนบอกว่าจะยอมรับเรื่องสองคนนั่นแล้วไง”

    ชาครเปรยบ่นอย่างเอือมระอา ที่พิชญ์นั้นเอาแต่จับตาเฝ้ามองวิรัลแทบจะทุกฝีก้าวเลยทีเดียว

    “ยอมรับ? ฉันบอกเมื่อไหร่จะยอมรับ  ฉันแค่ให้โอกาสเขาเข้าใกล้ท่านวิรัลได้แค่นั้น ...ตราบใดที่เจ้านายของนายยังไม่แสดงให้ฉันเห็นว่า ท่านวิรัลสำคัญที่สุดสำหรับเขาล่ะก็ ฉันก็ไม่มีวันไว้ใจ หรือปล่อยให้ทั้งคู่นั่นเลยเถิดเกินคนรู้จักเด็ดขาด!”

    พิชญ์โต้ตอบกลับไป ทั้งคู่สนทนากันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากมาย แต่ธามเองก็ยังได้ยินแว่ว ๆ เข้าหูอยู่ดี เจ้าตัวถอนหายใจ แล้วจึงมองหน้าคนข้างกาย ก่อนชะโงกหน้าเข้ามากระซิบบอกบางอย่างกับเด็กหนุ่ม

    “สงสัยกลางวันจะทำอะไรลำบากเสียแล้ว เล่นมีคนจับตามองตลอดแบบนี้ ... เอาไว้คืนนี้จะย่องมาหาแทนแล้วกัน ...อย่าล็อกประตูระเบียงล่ะ”

    วิรัลหน้าแดงวาบ แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบตกลง ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ



    จากนั้นเมื่อมื้อเย็นมาถึง ม่านฟ้าก็เชิญแขกผู้มีเกียรติของเธอทุกคน ให้ไปพร้อมกันที่เรือนใหญ่ และอนุญาตให้ทุกคนถอดกุญแจมือได้ ในระหว่างรับประทานอาหาร

    “เป็นยังไงบ้างคะ ความรู้สึกที่ได้ถูกผูกติดกับอีกคนแบบนี้แทบทั้งวัน”

    ม่านฟ้าถามทั้งสองคู่ ธามนั้นยิ้มน้อย ๆ ส่วนวิรัลมีท่าทางเอียงอาย ด้านชาครหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ทว่าพิชญ์กลับหน้ายุ่งแล้วเปรยตอบ

    “รู้สึกแย่มาก ๆ เลยล่ะครับ ...พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เจอแบบนี้อีกแล้วนะครับ”

    ม่านฟ้าหัวเราะเสียงใส ส่วนอำมฤตนั้นยิ้มเจื่อน ๆ อย่างเกรงใจ

    “ตามกำหนดการเดิม ต้องเป็นแบบนี้จนกว่าจะถึงวันกลับนะคะ แต่เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณพิชญ์ลำบากใจ จะยกเลิกก็ได้ ...ส่วนท่านวิรัล กับคุณธาม ถ้ายังไม่เบื่อ ก็สามารถเลือกถูกทำโทษต่อได้นะคะ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง วิรัลยิ้มเขิน ๆ ส่วนธามนั้นพยักหน้าตอบรับแล้วยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจ ทว่าชาครกลับเปรยขัดขึ้น

    “แต่ผมยังไม่เบื่อเลยครับ ...นาน ๆ ถูกผูกติดกับคนอื่นแบบนี้ ก็สนุกดีเหมือนกัน”

    พิชญ์หันขวับไปมองคนพูด แล้วตีหน้าบึ้งใส่ หากแต่ชาครกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ด้านธามเหลือบมองลูกน้องของเขา แล้วก็คิดว่าชาครนั้นคงถูกใจพิชญ์ไม่มากก็น้อย เพราะนาน ๆ จะเห็นชาครสนใจใครแบบนี้สักครั้ง

    “แหม! ดีใจที่ชอบนะคะ  ถ้าชอบก็เชิญต่อได้เลยตามสบายค่ะ ดิฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

    ม่านฟ้าตอบแทรกก่อนที่พิชญ์จะโวยใส่ชายหนุ่ม ทำเอาพิชญ์ต้องหันมามองเด็กสาวตาปริบ ๆ ก่อนจะหันไปลอบถอนหายใจกับตัวเอง ทำเอาอำมฤตต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่น

    “อาหารถูกปากกันไหมครับ... ถ้าไม่ชอบอะไรก็บอกได้นะครับ ผมจะให้พ่อครัวเขาเปลี่ยนมาให้”

    คนอื่นหันมาทางอำมฤต ซึ่งวิรัลก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบชายหนุ่ม

    “อาหารอร่อยมากครับ ผมชอบทุกอย่างเลย”

    อำมฤตยิ้มตอบ พร้อมกับกล่าวตอบขอบคุณสำหรับคำชมของเด็กหนุ่ม คนอื่น ๆ ต่างให้ความเห็นว่า อาหารมื้อเย็นนี้มีรสชาติที่ใช้ได้ดีทีเดียว

   

    และเมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไป พร้อมกับเวลาหกโมงเย็นมาถึง ทั้งสองคู่ที่ต้องถูกทำโทษ จึงได้เป็นอิสระต่อกัน แม้ว่าจะมีบางคนรู้สึกเสียดายอยู่บ้างก็ตาม

    “คืนนี้จะไปหานะ ...อย่ารีบหลับนักล่ะ”

    ธามแอบกระซิบกับวิรัลหลังจากเดินมาส่งเด็กหนุ่มถึงบ้านพัก และจากนั้นเจ้าตัวก็เดินโบกมือกลับบ้านพักหลังถัดไปที่ไม่ห่างกันนัก วิรัลหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน ส่วนพิชญ์นั้นจ้องนายน้อยของตนนิ่งอย่างจับผิด

    “คงไม่ได้นัดแนะทำอะไรมิดีมิงามกันคืนนี้นะครับ”

    คำพูดของพิชญ์ทำให้วิรัลสะดุ้งโหยง แล้วรีบหันมาปฏิเสธโดยไว

    “มะ ไม่มี... ใครจะทำอะไรแบบนั้นกัน”

    “ได้แบบนั้นก็ดีครับ ...อย่าลืมนะครับ ว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทของท่านม่านฟ้า ว่าที่คู่หมั้นของท่านเอง ...ถึงแม้ท่านตรัณและท่านม่านฟ้าจะไม่คิดมากในจุดนี้ก็ตาม แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นในตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ทราบเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสื่อมเสียเอาได้”

    วิรัลชะงัก ก่อนจะมีสีหน้าสลดลงอย่างน่าสงสาร ทว่าพิชญ์ก็ยังคงต้องฝืนใจแข็งทำเป็นไม่สนใจ เพราะไม่อยากให้วิรัลถลำตัวถลำใจมากไปกว่านี้ เพราะหากวันใดที่ธามตัดสินใจเลือกเผ่าวกะแทนวิรัล  เมื่อถึงวันนั้นหากวิรัลผูกสัมพันธ์กับชายหนุ่มแน่นแฟ้นไปแล้ว  วิรัลก็คงจะยิ่งยากจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้เป็นแน่

    “ขึ้นบ้านพักเถอะครับ...”

    พิชญ์บอกกับเด็กหนุ่ม ซึ่งวิรัลก็พยักหน้าค่อย ๆ รับรู้  พวกเขาต่างคนต่างแยกกันไปพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดนึกเฉลียวใจสักนิดเลยว่า อันตรายกำลังคืบคลานใกล้พวกเขาเข้ามาแล้วทุกขณะ

   

    ห่างจากรีสอร์ทส่วนตัวของม่านฟ้าไปราวหนึ่งกิโลเมตร ร่างตะคุ่มสูงใหญ่ เกือบห้าสิบชีวิต กำลังโอบล้อมรีสอร์ทอยู่ห่าง ๆ พวกเขายังคงอดทนรอคอยคำสั่งจากผู้เป็นนายอยู่เงียบ ๆ และหากมาลุตออกคำสั่งจู่โจมเมื่อใด  นั่นก็หมายถึงทุกชีวิตในรีสอร์ทจะต้องถูกสังหารหมดสิ้น ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม! 




...  TBC ...

 :L2:

ตอนนี้กำลังเขียน 13 เชื่อม 14 อยู่น่ะค่ะ ถ้าสองบทนี้รอด ก็จะได้ทยอยมาโพสลงให้อ่านแบบไม่ห่างมากอีก หวังว่าคงจะไม่เบื่อขี้เกียจรอกันเสียก่อนนะคะ จะพยายามปั่นเต็มที่ค่ะ เพราะช่วงนี้เคลียร์ส่งหนังสือทั้งคาเฟ่ และรีปริ้นท์ล็อตหลังหมดแล้ว ที่เหลือก็น่าจะว่าง (สำหรับตอนนี้) แล้วล่ะค่ะ ^^

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ชอบทั้งสองคู่เลยย สงสารม่านฟ้าเล็กๆ
แล้วทุกคนจะรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไงเนี่ย
สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
กำลังเข้าช่วงตื่นเต้นแล้วสิ หวังว่าคงไม่มีใครเป็นอะไรน่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ทั้งสองคู่ต่างแยกย้ายกันหนีท่าจะดีน่ะ  :z1: เพราะจะได้ต่างฝ่ายต่างไม่มีก้างมาคอยขวางน่ะ :m16:

ออฟไลน์ shizuruviola

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
งั้นก็มาลง 13-14 พร้อมกันเลยมันจะได้ไม่ขาดตอน >.<

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เฮ้อ กรรมแล้วไง จะมีใครเป็นอะไรไหมเนี้ย กลุ้มใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: ลุ้นต่อไป ตื่นเต้นกับฉากบู๊ ต่อสู้แต่อย่ามีใครบาดเจ็บสาหัสก็พอ :กอด1:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
พิชญ์ดูแลวิรัลมากเกินไปหรือเปล่า แล้วอย่างนี้วิรัลจะปกป้องตัวเองได้ไหม หรือต้องรอให้พิชญ์มาคอยดูแลเนี่ย

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชาครนายจมูกดีไม่ช่เหรอ นายไม่ได้กลิ่นอะไรบ้างหรือไงนะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เอ้ยยยย  ตอนหน้ามันหยดแน่ๆอ่ะ
แล้วคนพวกธามจะเป็นไงเนี่ย ฝ่ายนั้นมาเยอะมากด้วยอ่ะ ลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตื่นเต้นมากค่ะ อะไรยังไง :z3:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ไฟแรง ไม่หวั่นแม้ลมหนาวพัดผ่าน... หุ ๆ จัดไปเลยค่ะ ตอน 13 ส่วน 14 จะตามมาพรุ่งนี้ ขอเวลารีไรท์คำผิดกับเกลาเนื้อเรื่องสักหน่อย เขียนตอนดึก เจอคำประหลาดโผล่มาเพียบเลยค่ะ ถ้าตกหล่นติดขัดยังไงไปก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ อาจจะหลุดตาตอนตรวจก่อนลงงานไปบ้างน่ะค่ะ

----------------------------------------------
 :L2:


/13



   อำมฤตที่ออกมาเดินสำรวจความเรียบร้อยก่อนเข้านอน ต้องขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกแปลกใจ ที่คืนนี้รีสอร์ทเงียบผิดปกติ เขานึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด จนต้องเรียกรวมพลคนงานที่ทำหน้าที่ดูแลรีสอร์ทอย่างฉับพลัน

   “คืนนี้มันเงียบผิดปกติจนเกินไป ...พวกนายคอยตรวจสอบข้างนอกให้เข้มงวดกว่าเดิม ถ้ามีอะไรผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องรายงานให้ฉันรับทราบทันที เพราะวันนี้เรามีท่านม่านฟ้าและท่านวิรัล อยู่ที่นี่ด้วย จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจนะ”

   เสียงรับคำดังขึ้นพร้อมกัน  จากนั้นแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปประจำจุด และเฝ้าดูแลระแวดระวังอย่างขยันขันแข็งมากกว่าเดิม

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณอำมฤต”

   ม่านฟ้าที่ตามลงมาจากเรือนพักหลังใหญ่ เอ่ยถามขึ้น หลังได้เห็นอำมฤตยืนสั่งการลูกน้องคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมผิดเคย

   “ท่านม่านฟ้า! ลงมาทำไมครับ ขึ้นเรือนเถอะครับ ข้างล่างนี่มืดแล้ว ไม่ปลอดภัยสำหรับท่านนะครับ”

   อำมฤตเอ่ยทักอย่างร้อนใจ ทำให้ม่านฟ้าต้องขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมตอบกลับไป

   “ทำไมล่ะคะ ดิฉันเองก็มาค้างที่นี่ออกจะบ่อย กลางคืนแบบนี้ก็เดินเล่นอยู่เรื่อย ไม่เห็นจะมีอันตรายอะไรสักนิด”

   อำมฤตเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะบ่งบอกถึงความไม่สบายใจของเขาให้อีกฝ่ายรับรู้

   “ผมสังหรณ์ใจประหลาดน่ะครับ คืนนี้ป่าเงียบจนเกินไป ...มันเหมือนกับมีบางอย่างที่ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ซึ่งมีสัญชาตญาณระวังภัยเป็นเลิศยิ่งกว่าพวกเราหนีหายหน้า จนไร้ซึ่งเสียงร้องอย่างที่ควรจะเป็นเช่นนี้”

   ม่านฟ้านิ่งเงียบ เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วจึงเปรยกับพี่เลี้ยงคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึมลง

   “เป็นไปได้ไหมคะที่ว่า บางที ศัตรูของเราอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ก็ได้...”

   อำมฤตนิ่งอึ้ง เขาหันขวับไปทิศที่ตั้งบ้านพักของธามและชาคร พลางนิ่วหน้า ทว่าม่านฟ้านั้นกลับขัดขึ้นมาก่อน

   “ดิฉันไม่คิดว่า ทั้งสองคนนั้นจะเป็นสายลับและบอกที่อยู่ของเราให้คนนอกรู้หรอกค่ะ... แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า บางที เพราะสองคนนั้น จึงทำให้ศัตรูของเราตามมาเจอที่นี่ได้...ดิฉันประมาทเอง ที่เลือกสถานที่ห่างไกลจากพรรคพวกเราเช่นนี้มาพักค้างแรม”

   อำมฤตมองนายสาวของเขาอย่างชื่นชมต่อการวิเคราะห์อันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ม่านฟ้านั้นฉลาดเฉลียวและเข้มแข็ง ถ้าหากเป็นชาย เด็กสาวคงจะได้เป็นผู้นำของตระกูลในรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน 

   “ไม่ต้องห่วงครับ ท่านม่านฟ้า ...ต่อให้มีศัตรูบุกเข้ามาจริง พวกเราก็ไม่มีวันปล่อยให้ท่านต้องเผชิญอันตรายอย่างแน่นอน ผมและทุกคนจะสู้อย่างถวายชีวิตเพื่อให้ท่านปลอดภัยครับ”

    ม่านฟ้าจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง แล้วหลับตาลงสักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางจ้องตอบด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง

   “เราไปแจ้งแขกของเราก่อนดีกว่าค่ะ ให้พวกเขาระวังตัวไว้  ดีกว่าที่จะไม่รู้อะไรเลย ...ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีไป  แต่ถ้าเกิด...ก็จะได้เตรียมทางหนีทีไล่ได้ทันท่วงที”

   อำมฤตพยักหน้ารับรู้ แล้วทั้งเขาและม่านฟ้าจึงตรงไปยังบ้านพักของแขกสำคัญทั้งสองหลัง เพื่อชี้แจงในสิ่งที่พวกตนระแวงสังหรณ์ให้ทั้งหมดทราบนั่นเอง

   

   บ้านพักที่ธามและชาครพักอยู่ ขณะนี้ทั้งเจ้านายและลูกน้องกำลังรู้สึกประหลาดใจ ที่ป่าทั้งป่าเงียบผิดปกติ ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลจากน้ำตก ทั้ง ๆ ที่ ควรจะมีเสียงสัตว์ซึ่งออกหากินยามค่ำคืนกู่ร้องให้ได้ยินบ้างไม่มากก็น้อยแท้ ๆ

   “ผิดปกติไปนะ ...เมื่อตอนกลางวันยังได้ยินเสียงสัตว์ร้องอยู่เลย แต่พอกลางคืนก็เงียบกริบแบบนี้ ...นายคิดเหมือนฉันไหม ชาคร”

   “ครับท่านธาม ...มันเงียบเกินไปจริง ๆ”

   ชาครตอบรับอย่างเห็นด้วยกับผู้เป็นนาย  ธามเม้มปากน้อย ๆ เขาไม่อยากคิดในแง่ร้ายเลยว่า กำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้สัตว์ป่าเงียบได้ อยู่แถวนี้ แต่เขาก็หาเหตุผลที่จะมาอธิบายถึงความผิดปกติในครั้งนี้นอกจากนั้นไม่ได้

   “...ดูเหมือนไม่ใช่มีแต่เราเท่านั้น ที่คิดแบบนี้นะ”

   ธามและชาครที่ยืนอยู่นอกบ้านพัก มองไปทางบ้านพักอีกหลัง ซึ่งตอนนี้พิชญ์นั้นเปิดประตูออกมา แล้วกำลังมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

   “สมแล้วที่เป็นประมุขเงาของมโค”   

   ธามพึมพำ จากนั้นเขาจึงเดินออกจากเขตบ้านพักตนเอง ไปสมทบกับบ้านข้าง ๆ

   “ไง...คุณพี่เลี้ยง ป่าที่นี่ค่อนข้างเงียบไปหน่อย นายว่าอย่างนั้นไหม”

   ธามเอ่ยทัก แต่ยังไม่ทันที่พิชญ์จะตอบโต้อะไรออกไป ม่านฟ้ากับอำมฤตก็ตามมาสมทบพอดี

   “ดูเหมือนแขกของเราก็รู้ตัวไม่แตกต่างกันแล้วนะคะคุณอำมฤต”

   ม่านฟ้าหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ อำมฤตมีสีหน้าขรึมลง และเอ่ยกับทุกคนตรงหน้า

   “ผมไม่แน่ใจว่าจะคิดไปเองไหม ...แต่ผมอยากให้พวกคุณระวังตัว ถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ไปรวมตัวกันที่เรือนใหญ่จะดีกว่า”

   ธามจ้องมองคนพูด ก่อนจะลอบถอนหายใจเบา ๆ

   “ฉันประมาทเอง...ไม่คิดว่าพวกมันจะตามสะกดรอยมาแบบนี้ ...ถ้าเป็นหมอนั่นอย่างที่ฉันคิด มันจะต้องขนลูกน้องฝีมือดี มาเพื่อจัดการทุกคนในที่นี้เป็นแน่”

   คนที่เหลือหันมามองธาม พิชญ์สบถเบา ๆ แล้วถามอีกฝ่ายกลับเสียงห้วน

   “ใครกัน ที่น่าจะตามคุณมา!”

   ธามหันไปมองพิชญ์ แล้วตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม

   “คนที่นายเองก็รู้จักดี...เพราะนายเองก็เคยทำให้เขาแค้นมากมาก่อนนี่นะ”

   พิชญ์เม้มปากเล็กน้อย แล้วสบถพึมพำกับตัวเอง  ถ้าเป็นมาลุตตามมาจริง พวกเขาที่นี่เห็นทีจะต้องลำบากรับมือกันเลยทีเดียว เพราะมาลุตนั้นจัดว่าเป็นวกะที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งยิ่งนัก

   “บ้าชะมัด! คุณอำมฤต ที่นี่มีพวกของเราที่พอจะสู้ได้อยู่ราว ๆ กี่คนครับ”

   “เกือบสามสิบเห็นจะได้ครับ”

   อำมฤตตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่แพ้กัน ทีแรกเขาคิดว่าคนจำนวนเท่านี้ จะพอดูแลความปลอดภัยทั่วไปให้ทั้งม่านฟ้าและวิรัลได้อย่างสบาย ทว่าหากจะสู้รบกับวกะ ที่เขาแน่ใจว่าน่าจะยกมาเกินยี่สิบคน ก็ถือว่าฝ่ายเขาเสียเปรียบอยู่พอสมควร

   “...น้อยเกินไป  ถ้าเป็นหมอนั่นจริง มันคงยกคนมาเป็นโขยงแบบคราวก่อนแน่...”

     พิชญ์พึมพำอย่างกังวล ทว่าธามนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

   “ไม่แน่หรอก...ช่วงนี้อยู่ในระหว่างคัดเลือกหัวหน้าเผ่า แถมประมุขเผ่าวกะยังตรากฎใหม่ว่าห้ามฆ่าพวกเดียวกัน หมอนั่นจะต้องเคลื่อนไหวไม่โฉ่งฉ่างให้ทางนั้นจับได้ ...ซึ่งฉันมั่นใจว่า  มันจะต้องคัดลูกน้องที่มีฝีมือโดยเฉพาะมาไม่มาก จนเป็นที่สะดุดตาเกินไปแน่”

   “ห้ามฆ่าพวกเดียวกันเองอย่างนั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเจรจากับหมอนั่นเสียสิ  พี่น้องกันไม่ใช่หรือไง!”

   พิชญ์สวนกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ที่ธามนั้นเป็นสาเหตุให้วิรัลต้องมาเสี่ยงอันตรายไปด้วยอย่างที่เขาเคยกังวลมาตลอด

   “หึ! ฉันกลัวว่าจะไม่เป็นผลน่ะสิ เพราะเป้าหมายของหมอนั่นก็คงเป็นฉันด้วยเหมือนกัน ...แล้วมันก็อาจจะรู้เรื่องของวิรัลแล้วก็เป็นได้”

   ธามแค่นยิ้ม ยามนี้เขาเป็นห่วงวิรัลเสียยิ่งกว่าห่วงชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำ สายตาห่วงใยแฝงความกังวลที่มองไปยังบ้านพัก ทำให้พิชญ์ชะงัก แล้วข่มความไม่พอใจที่มีลง ก่อนจะตั้งสติให้มั่นคงกว่าเดิม

   “เรายังไม่รู้จำนวนที่แน่นอนของพวกนั้น... และบางทีอาจจะไม่ใช่วกะ แต่เป็นพวกอื่นก็เป็นได้... คุณอำมฤต แถวนี้มีพวกของเราอยู่ด้านนอกรีสอร์ทที่พอจะติดต่อได้บ้างไหม”

   พิชญ์หันไปทางอำมฤตซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบคำถามของชายหนุ่ม

   “ถ้าแถวนี้ไม่มีหรอกครับ มีแต่ไกลออกไป แถมต้องใช้เวลาเดินทางอย่างเร็วสุดก็เกือบชั่วโมงได้”

   “ก็ยังดีกว่าไม่มี...ช่วยติดต่อไปเลยได้ไหมครับ พวกนั้นจะซุ่มโจมตีแน่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่มีพรรคพวกช่วยเสริมความมั่นใจไว้ก่อน ก็เป็นดีที่สุด”

   อำมฤตพยักหน้ารับรู้ แล้วจัดแจงโทรศัพท์ติดต่อพรรคพวกของตนให้รีบเร่งมา เช่นเดียวกับพิชญ์ที่ติดต่อลูกน้องของเขา ให้รวบรวมพรรคพวกที่อยู่ใกล้แถวนี้ที่สุด ให้มารวมตัวกันที่รีสอร์ทของม่านฟ้าโดยด่วน

   “วิรัลล่ะ...”

   ธามหันไปถามพิชญ์ที่โทรสั่งการลูกน้องของตนเรียบร้อย พิชญ์เหลือบมามองแล้วตอบคำถามชายหนุ่ม

   “ผมสั่งให้อยู่บนบ้านพักอย่าลงมา...แต่เดี๋ยวเราต้องเตรียมพร้อมวางแผนป้องกันท่านวิรัลกับท่านม่านฟ้า.... คุณช่วยไปตามท่านวิรัลลงมาด้วยเลยแล้วกัน  บอกว่าพวกเราจะย้ายขึ้นเรือนใหญ่ชั่วคราว”

   ธามมองคนที่ยอมเปิดโอกาสให้เขา แล้วยิ้มน้อย ๆ พร้อมพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านพักเพื่อไปพบวิรัลทันที

   “พวกวกะส่วนใหญ่จะไม่จู่โจมเข้ามาทางด้านเหนือของทิศทางลม เพราะจะทำให้ศัตรูได้กลิ่น ...แต่แน่นอนว่าจะมีการวางกำลังไว้ดักเหยื่อที่จะล่าบริเวณนั้นไกลออกไปแน่ เมื่อพวกที่อยู่ใต้ลม ต้อนเหยื่อไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ  พวกเหนือลมก็จะกรูกันมาล้อมกรอบ แล้วจัดการรุมล่าเหยื่อหลังจากนั้น”

    พิชญ์หันมามองคนที่เปรยขึ้นลอย ๆ ข้างเขา ชาครยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากพร้อมกับยักไหล่นิด ๆ

   “กลยุทธ์การจู่โจมของพวกกินเนื้อ ...ฉันคิดว่านายน่าจะพอคุ้นเคยอยู่บ้างล่ะนะ”

   “ฮึ! พวกหมาหมู่”

   พิชญ์พึมพำประชด ทำให้คนฟังอมยิ้ม

   “เขาเรียกทำงานกันเป็นทีมต่างหาก ...แน่นอนว่าพวกนั้นจะต้องลงมือในยามที่มั่นใจว่าพวกเราพลั้งเผลอและประมาท ...ซึ่งเวลานั้นก็คือเวลาพักผ่อนของคนส่วนใหญ่ล่ะนะ”

   ชาครเสริมตามมา ทำให้พิชญ์กับอำมฤตก้มดูนาฬิกาข้อมือแทบจะพร้อมกัน

      “สี่ทุ่มกว่าแล้ว ...ถ้าอีกสักครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ก็เป็นเวลาที่น่าลงมือจู่โจมทีเดียว ...”

   พิชญ์หันไปบอกกับอำมฤตซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย

   “ใช่ครับ…ช่วงเวลาเข้านอน กำลังเคลิ้มหลับเคลิ้มตื่นนี่ล่ะ ที่จะทำให้สมองสั่งการสับสน ยิ่งพอเจอเรื่องฉุกละหุก กะทันหัน ก็อาจจะสติแตกไปเลยก็ได้”

    “ถ้าอย่างนั้นคงต้องเรียกรวมพลรับมือแล้วล่ะครับ...”

   พิชญ์เอ่ยตามมา ซึ่งอำมฤตก็เห็นด้วย และเมื่อธามพาวิรัลลงมาจากบ้านพัก ทั้งหมดจึงย้ายกันไปรวมตัวกันที่เรือนใหญ่ ก่อนจะประชุมวางแผนรับมือ รวมถึงหาทางหนีทีไล่ให้กับพวกวิรัล ในกรณีที่สู้ไม่ได้จริง ๆ

   

   วิรัลนั่งวิตกเป็นกังวล โดยมีม่านฟ้านั่งเป็นเพื่อน สักพักธามก็เดินเข้ามาหา หลังจากการวางแผนรับมือการต่อสู้เสร็จสิ้นลง และเมื่อเห็นธามเข้ามา ม่านฟ้าจึงขอตัวไปหาอำมฤต เพื่อสอบถามเรื่องแผนการทั้งหมดจากชายหนุ่ม โดยปล่อยให้วิรัลอยู่กับธามตามลำพัง

   “คุณธามครับ...คนที่จะมาบุกที่นี่เป็นพี่ชายของคุณอย่างนั้นหรือครับ...เขาจะมาฆ่าผมใช่ไหมครับ”

   ธามชะงักเมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย วิรัลดูมีสีหน้าเป็นกังวลและหวาดหวั่นจนเขานึกสงสาร

   “ไม่มีทาง ...ฉันจะไม่มีวันให้เขาแตะต้องตัวเธอได้เด็ดขาด! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะปกป้องเธอให้ได้!”

   “คุณธาม....”

   วิรัลพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้างของชายหนุ่มอย่างตื้นตัน จากนั้นสักพักเจ้าตัวจึงเงยหน้าขึ้น และสอบถามถึงแผนการสู้รบในครั้งนี้จากอีกฝ่าย

   “พวกเราก็จะทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องเพื่อล่อให้มันตายใจ จากนั้นจะดักเก็บพวกมันทีละราย ...ซึ่งดูเหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนัก เพราะฉันเชื่อว่าหมอนั่นมันจะต้องคัดคนมีฝีมือระดับต้น ๆ มาในครั้งนี้ ...แต่ก็นั่นล่ะ ถ้ามโคสองสามตนต่อหนึ่งวกะ ก็ยังพอสูสีกันอยู่ล่ะนะ... แต่ที่พวกเราเป็นกังวลก็คือ กรณีที่ทางนั้นเกิดสั่งจู่โจมพร้อมกันหลาย ๆ คนน่ะสิ  ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องรับมือกันซึ่ง ๆ หน้าล่ะนะ”

   วิรัลเม้มปากเล็กน้อยกับกลยุทธ์ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟัง เขานิ่งคิดสักพัก ก่อนจะลองเสนอความเห็นของตนกลับไปบ้าง

   “เอาแบบนี้ไหมครับ ถ้าพวกนั้นบุกเข้ามาพร้อมกันทีละมาก ๆ ผมจะออกไปจัดการสะกดให้พวกนั้นหลับไปด้วยกลิ่นสะกดของผม จะได้ลดจำนวนทางนั้นลงด้วย...”

   “ไม่ได้นะครับมันเสี่ยงไป!”

   เสียงของพิชญ์แทรกขัดขึ้นมาโดยที่วิรัลยังไม่ทันพูดจบ เจ้าตัวที่ได้ยินการสนทนา รีบเดินดุ่ม ๆ เข้ามาสมทบ ส่วนธามนั้นขมวดคิ้วและคิดหนัก เพราะวิธีที่วิรัลพูดมามันก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อย

   “มันก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ ...แต่ถ้าเธอเข้าใกล้พวกมันมากเกินไป จะเป็นอันตรายกับตัวเธอเองด้วย  อืม...ระยะการจู่โจมของกลิ่นสะกดของเธอ กินอาณาเขตเต็มที่สักเท่าไหร่ล่ะ”

   “นี่คุณ! คิดจะให้ท่านวิรัลไปเสี่ยงหรือไง!”

   พิชญ์เอ่ยขัดธามอย่างโมโห ที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะคิดส่งให้วิรัลไปร่วมต่อสู้ด้วยในครั้งนี้

   “ถ้าไม่เสี่ยง แล้วพวกนั้นมีกันมากกว่าที่เราคิด หลังจากพวกเราตายหมด วิรัลก็คงไม่รอดอยู่ดี... และเพราะมันเสี่ยง ฉันถึงอยากทราบข้อมูลให้แน่นอนไปเลย จะได้วางแผนให้รอบคอบ และตัดสินใจได้ว่า จะปล่อยให้เขาเสี่ยงดีไหมต่างหาก”

   พิชญ์นิ่งอึ้ง แล้วเงียบไปอย่างหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ธามเอ่ยขึ้นมาก็มีเหตุผลพอสมควร

   “วางใจเถอะ... ที่ท่านธามได้รับการยอมรับให้เข้าชิงตำแหน่งประมุขของวกะ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ลูกครึ่งมนุษย์  ไม่ใช่เพราะว่าท่านมีเชื้อสายของประมุขเผ่าเท่านั้น หรอกนะ ...ถ้าไม่มีความสามารถจริง ๆ ท่านคงไม่สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้จนถึงขั้นนี้หรอก”

   ชาครตบบ่าพิชญ์เบา ๆ แล้วยิ้มอ่อนโยนน้อย ๆ ปลอบ ในแบบที่พิชญ์ไม่เคยเห็น  มโคหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางตั้งสติและลดอคติลง ยอมรับในสิ่งที่ธามเสนอ  ซึ่งธามเองหลังจากสอบถามเรื่องความสามารถพิเศษของวิรัลแล้ว เขาก็วางแผนให้เด็กหนุ่มจัดการเรื่องเหล่านี้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะแผนเดิมซ้ำ ๆ คงใช้ไม่ได้ผลกับมาลุต และวกะที่เชี่ยวชาญการต่อสู้พวกนี้แน่ และครั้งเดียวที่ต้องลงมือ ก็ต้องคำนวณดูแล้วว่า จะคุ้มค่าต่อการเสี่ยงในครั้งนี้จริง ๆ

   

   บรรยากาศเงียบสงัดภายในรีสอร์ท และแสงไฟสลัวจากบ้านพักบางหลัง แสดงให้เห็นว่าผู้พักผ่อนนั้น น่าจะกำลังเข้าสู่นิทรากันเรียบร้อย วกะกลุ่มแรกในร่างแท้จริงนับสิบกว่าตนที่ถูกสั่งให้มาเคลียร์พื้นที่ ต่างให้สัญญาณมือและซุ่มดูใกล้ชิด ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นยามของรีสอร์ทถือไฟฉายเที่ยวสอดส่องดูแลตามหน้าที่

   “เอาไง...เก็บมันเลยดีไหม”

   หนึ่งในนั้นซุบซิบกับเพื่อนใกล้ตัว แต่อีกคนส่งสัญญาณมือเป็นเชิงห้ามเอาไว้ก่อน

   “ดูท่าทีมันก่อน ... ถ้าพวกมันรู้ตัวว่ากำลังถูกเราซุ่มโจมตีอยู่ มันอาจจะมีแผนการรอรับมือพวกเราก็ได้”

   คนที่เหลือพอได้ฟังต่างก็พยักหน้ารับรู้ ทั้งนี้แต่ละรายนั้นเคยผ่านการสู้รบกับมโคกลุ่มของพิชญ์เมื่อสามปีที่ผ่านมา และต่างจดจำได้ว่า มโคแต่ละตนนั้นก็มีสัญชาตญาณในการสู้รบที่เป็นเลิศไม่แพ้เผ่าพันธุ์อื่นเช่นกัน

   “อ๊ะ พวกมันมีมาเพิ่มอีกรายแล้ว...หืม”

   คนที่กระซิบทักมองตามอย่างแปลกใจ เพราะคนที่มาเพิ่มนั้นถือกระป๋องเบียร์มาด้วยสองกระป๋อง พลางเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ก่อนอย่างร่าเริง

   “เฮ้ย! แวบกันดีกว่า พวกไอ้เมฆมันได้ทิปจากคุณ ๆ ที่มาพักตั้งเยอะ เลยแอบตั้งวง ก๊งกันด้านหลังน่ะ มันเลยให้มาชวนแกไปด้วย”

   “บ้ารึ! ถ้าคุณอำมฤตรู้ว่าโดดเวร เดี๋ยวก็โดนเล่นงานเท่านั้นเอง”

   อีกคนแย้งกลับ แม้นัยน์ตาจะจดจ้องเบียร์ในมือของเพื่อนวาววับก็ตาม

   “โธ่! คุณอำมฤตไม่มีทางรู้หรอก เวลาป่านนี้มันเวลานอนของเขา คุณท่านคนอื่น ๆ ก็หลับกันหมดแล้ว อีกอย่างป่านี้มันจะมีอะไร พวกเราอยู่มาตั้งนาน ยังไม่เห็นเจออะไรสักอย่าง นอกจากสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ”

   เพื่อนคนที่มาชวนแย้งกลับ ทำให้อีกฝ่ายเห็นดีด้วย แล้วจึงมองซ้ายมองขวา ก่อนจะรับกระป๋องเบียร์จากมือของอีกฝ่ายแล้วเดินตามไปสมทบกันที่บ้านพักคนงานที่ห่างออกไป ทำให้วกะที่เหลือต่างมองตากันปริบ ๆ แล้วหนึ่งในนั้นจึงเอ่ยเยาะขึ้นเบา ๆ

   “โชคช่วยจริง แสดงว่าพวกนี้มันไม่รู้อะไรกันเลย... หึ ๆ สงสัยจะชินกับความสบายเกินไป จนลืมสัญชาตญาณสัตว์ป่ากันหมดแล้ว”

   “อืม...อย่างนี้พวกเราจะไปจู่โจมฝ่ายไหนก่อนดีล่ะ”

   อีกคนนิ่งคิด แล้วหันไปทางคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม

   “นายว่าไง จะจัดการตรงไหนก่อนดี”

   คนถูกถามนิ่งคิด แล้วจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนเอ่ยขึ้น

   “พวกกินเหล้าคงไม่ต้องตามไป เพราะน่ากลัวจะรวมตัวกันเยอะอยู่ ...ซึ่งนั่นก็หมายถึงบ้านพักของแขกแต่ละหลัง ไม่น่าจะมียามคอยดูแลอย่างที่ควรจะเป็น”

   คนอื่น ๆ พอได้ฟังต่างก็พยักหน้ารับรู้ แล้วจึงลองไปสำรวจบ้านพักริมลำธาร ซึ่งแต่ละหลังก็ไม่มีใครอาศัยอยู่ และถูกเก็บกวาดร่องรอยการใช้บ้านพักเมื่อกลางวันจนหมดสิ้น

   “เอ...ฉันคิดว่าพวกนั้นน่าจะเลือกพักเป็นส่วนตัวแท้ ๆ แต่สงสัยจะเดาผิด”

   “น่าจะอยู่รวมกันบนเรือนใหญ่มากกว่า บนนั้นก็ดูหรูหรากว้างขวางดีออกนา”

    อีกคนออกความเห็น จากนั้นทั้งหมดจึงกระจายตัวกันไปล้อมเรือนพักหลังใหญ่เอาไว้ แล้วรอผู้เป็นหัวหน้าให้สัญญาณบุกจู่โจม



   “เงียบกันดีแฮะ สงสัยจะนอนหลับอุตุไม่รู้ตัว ...หึ ๆ ความตายกำลังมาเยือนแท้ ๆ”

   หนึ่งในคนที่รับหน้าที่ซุ่มโจมตีจากด้านหลังเรือนเปรยเบา ๆ อย่างย่ามใจ ทว่าเจ้าตัวก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแกรกใกล้ ๆ เขารีบหันขวับกลับมา หากแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว นัยน์ตาเหลือกพร้อมเสียงกรอบที่ดังขึ้น ส่งผลให้เจ้าตัวสิ้นชีพหมดลมหายใจไปในนาทีนั้นนั่นเอง

   “แข็งแรงชะมัด ...ดีนะที่เป็นพวกเดียวกัน”

   คนที่ดูลู่ทางอยู่ห่าง ๆ กระซิบพึมพำ เมื่อได้เห็นชาครหักคอวกะโชคร้ายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ตาม

   “ไปจัดการกันต่อ ระวังเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกนี้ความรู้สึกไวมาก น่ากลัวจะคัดกันมาแต่ระดับมือสังหารของกลุ่มทั้งนั้น”

   ชาครหันไปบอกคนด้านหลัง ซึ่งแต่ละคนก็พยักหน้ารับคำ พวกเขาคือมโคที่แกล้งทำเป็นหนีเวรไปตั้งวง แต่แท้จริงแล้วเป็นแผนการให้วกะกลุ่มนี้ประมาทและย่ามใจนั่นเอง

 

   “เอาล่ะ...ขึ้นไปบนเรือนก่อน ถ้าเจอมฤคมาศให้จับตัวไว้ รอให้ท่านมาลุตมาจัดการ แต่ถ้าเจอไอ้ชาครกับนายของมัน ก็ให้ฆ่าทิ้งได้เลย!”

   คนที่คล้ายเป็นหัวหน้ากลุ่มจู่โจมกลุ่มแรกออกคำสั่งแล้วทำสัญญาณคลื่นเสียงเบา ๆ ให้ได้ยินเฉพาะพวกเดียวกันเอง ชาครที่อยู่ด้านหลังและได้ยินสัญญาณเสียงนั้นชะงัก  ก่อนจะยกมือเป็นสัญญาณบอกกับพวกมโคที่ต่างจัดการวกะที่อยู่ด้านหลังได้หมดแล้วว่า ด้านหน้านั้นศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ให้แยกย้ายกันล้อมเรือน แล้วจัดการลงมือตลบหลังพวกนั้นได้ทันที



   วกะทั้งห้าค่อย ๆ ย่องขึ้นเรือนพัก และยังคงคิดว่าเพื่อนที่เฝ้าอยู่ด้านหลังตอนนี้เปลี่ยนมาซุ่มเฝ้าดูทางด้านหน้าแทนพวกตนอยู่ตามแผนเดิม  จากนั้นคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า จึงส่งสัญญาณมือให้พวกพ้องกระจายตัวออกไป เจ้าตัวค่อย ๆ เปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งเข้าไปอย่างเบามือ พลางทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น แล้วจึงยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก เมื่อจำได้ดีว่านั่นคือกลิ่นลูกครึ่งมนุษย์วกะ ศัตรูของผู้เป็นเจ้านายของตนนั่นเอง

   “หึ ๆ นี่น่ะหรือผู้เข้าร่วมชิงตำแหน่งประมุข ...มัจจุราชมาถึงที่แบบนี้ยังไม่รู้ตัวอีก”

   เจ้าตัวพึมพำอย่างย่ามใจ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ คนที่นอนคลุมโปงก็ยังไม่มีท่าทางจะรู้สึกตัวสักนิด

   “ตายเสียเถอะ!”

   วกะหนุ่มกระชากผ้าห่มออก และหมายจะสังหารคนบนเตียง ทว่าเขาก็ต้องชะงัก เมื่อบนเตียงมีเพียงหมอนข้างและเสื้อนอนของอีกฝ่ายคลุมเอาไว้แค่นั้น

   “นี่มันอะไรกัน!”

   เจ้าตัวโพล่งขึ้นอย่างตกใจ แล้วรู้สึกเย็นวาบที่เบื้องหลัง ซึ่งพอหันไปเขาก็เห็นหมาป่าสีเงินตัวใหญ่จ้องอยู่ และยังไม่ทันขยับตัวทำอะไร ร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาแล้วใช้ฟันแหลมคมงับคออีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดกระชากเต็มแรง จนคอของวกะผู้เคราะห์ร้ายห้อยร่องแร่งเกือบขาดออกจากกัน  นัยน์ตาก่อนตายนั้นเบิกกว้างโพลง ด้วยความตื่นตระหนก  ธามในร่างหมาป่าถ่มก้อนเนื้อที่ติดปากทิ้ง แล้วใช้กงเล็บขาหน้าสะบัดบั่นคอโชกเลือดนั้นให้หลุดออกจากร่างในเวลาถัดมา

   “หึ! ทั้งนายทั้งลูกน้อง หลงตัวเองเหมือนกันไม่มีผิด...”

   ธามปรายตามองร่างไร้วิญญาณตรงหน้าอย่างดูหมิ่น แล้วจึงออกไปสมทบกับด้านนอก ซึ่งภาพที่เห็นก็คือ พิชญ์ และอำมฤต ในร่างกวางยักษ์นั้น จัดการวกะไปได้คนละหนึ่งอย่างไม่ลำบากนัก ส่วนชาครและมโคตนอื่นที่ตามมาสมทบก็จัดการสังหารพวกที่เหลือจนหมดสิ้น



   “ทั้งหมดก็สิบเอ็ดศพครับ... ให้ตรวจเช็ครอบรีสอร์ทแล้ว ก็ไม่พบเพิ่มเติมอีก ผมว่าพวกนี้น่าจะเป็นกองหน้าที่ให้ออกมาเคลียร์พื้นที่และหยั่งเชิงพวกเรามากกว่า... ผมมั่นใจว่า ถ้าพวกที่เหลือมันไม่ได้รับสัญญาณจากกลุ่มแรก ในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งหมดคงจะตามมาบุกพร้อมกันแน่นอนครับ”

   ชาครบอกกับธามด้วยสีหน้าค่อนข้างมั่นใจ ธามคืนสู่ร่างมนุษย์ โดยไม่สนว่าตนเองจะเปลือยเปล่าหรือไม่ เขามองกวางยักษ์สีดำและสีเผือกตรงหน้า พลางเอ่ยขึ้นบ้าง

   “เอาไง ...จะรอให้มันบุกมา หรือจะประกาศสงครามกันเลย”

   มโคทั้งสองสบตากัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าศัตรูคือมาลุต และวกะนักรบอีกมาก ถึงจะถ่วงเวลาไป ยังไงก็คงหลีกไม่พ้นการสู้เสี่ยงตายเป็นแน่

   “เรียกพวกมันมาได้เลย ทางนี้พร้อมจะสู้ทุกเมื่ออยู่แล้ว!”

   ธามยกยิ้มกับคำพูดของพิชญ์ เขาหันไปทางชาคร แล้วพยักหน้า

   “ลงมือได้เลยชาคร”

   วกะหนุ่มโค้งศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์หมาป่าของตน แล้วโก่งคอหอนท้าทายเสียงดังก้องป่า จนได้ยินไปถึงพวกมาลุตที่อยู่ห่างไป

   

   เสียงหอนที่ลอยมาตามลม ทำให้ผู้ที่ได้ยินพากันชะงัก และหนึ่งในนั้นก็ชกเปรี้ยงที่ต้นไม้ข้าง ๆ จนลำต้นนั้นหักไปตามเรี่ยวแรงมหาศาลที่ปะทะมา

   “ไอ้เวรเอ๊ย!  พวกเราบุกเข้าไปได้! ไปฆ่าไอ้พวกมโค และไอ้ธาม อย่าให้ใครเหลือแม้แต่คนเดียว!”

   มาลุตตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวต่อเสียงหอนท้าทายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มค่อย ๆ กลับกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าสีเทาเข้ม ที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าวกะบริเวณนั้น ก่อนจะโก่งคอหอนตอบคำท้า อันเป็นเวลาเดียวกับที่วกะทุกตนพุ่งกระโจนไปยังรีสอร์ทเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว!

 

... TBC ...

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
โอ๊ยยยย ตื่นเต้นอะ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
สู้ๆนะ วิรัลระวังตัวด้วย

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โอ้ววววว มันๆๆ
มาต่อเร็วๆนะค่ะ กำลังได้อารมณ์เหมือนดูทไวไลท์ ก๊ากกก :laugh:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
กำลังมันเลยรีบมาต่อเร็วๆนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :jul1: จมกองเลือดไม่ใช่เพราะบทอย่างว่าน่ะ :mc4: สู้กันดุเดือดเชียวสงสัยตอนหน้าจะไม่แพ้กัน  :really2: ยังไงมาต่อเร็ว ๆ น่ะ

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: อ่านเพลินเลยตอนนี้ สนุกดี มาลุตจะบุกแล้ว :a2: มโค ธาม ชาคร สู้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2012 20:48:36 โดย everlastingly »

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ธามแมนแท้ พ่อหมาป่าดุดัน

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มันนนนส์ แต่งได้น่าติดตามมากเลยค่ะ
รอตอนต่อไป :impress2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โหย  แค่นี้ก็ตื่นเต้นมากแล้ว
แหม ธาม  อยากให้วิรัลมาเห็นจังตอนคืนร่างหน่ะ  เปลือยเลย หุหุ

ออฟไลน์ shizuruviola

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
ตื่นเต้นเวอร์อ่ะ

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอาละเปิดศึกกันเข้าแล้วซิื

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
วิรัลจะลงมือตอนไหนนะ แล้วมาลุตคงทำอะไรวิรัลไม่ได้หรอกใช่ไหม

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
รีบมาลงเพื่อความต่อเนื่องของคนอ่าน ^^ -

ขอบคุณสำหรับผู้ที่ยังคงติดตามเรื่องนี้นะคะ
:pig4:
--------------------------------------------------------


/ 14

   

   ภาพฝูงวกะเบื้องหน้า ทำให้วิรัลรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  ความทรงจำในสามปีก่อน ตอนที่พวกพ้องบาดเจ็บล้มตาย และบิดาหายสาบสูญ หวนกลับมาจู่โจมเขา เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นแล้วกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ จนห้อเลือด นึกโกรธที่ตัวเองตัวสั่นด้วยความกลัว ทั้งที่คนอื่นนั้นพร้อมสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขาแท้ ๆ

   “ไม่เป็นไรนะวิรัล ...ฉันจะปกป้องเธอเอง”

   ธามในร่างมนุษย์บีบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ อย่างรับรู้ถึงความกลัวนั้น วิรัลมองหน้าคนที่เขารักสุดหัวใจ แล้วฝืนยิ้มตอบ ก่อนจะหลับตา สูดลมหายใจเข้าปอด พลางลืมตาขึ้นมองเบื้องหน้าด้วยสายตาแน่วแน่กว่าเดิม

   “ผมพร้อมแล้วครับ คุณธาม”   

   ธามยิ้มน้อย ๆ แล้วมองคนอื่น ที่ก็ต่างพยักหน้ารับรู้  ชายหนุ่มคืนสู่ร่างหมาป่าสีเงินตัวใหญ่ เช่นเดียวกับที่วิรัลกลับคืนสู่ร่างกวางทองสง่างาม

   “ไปล่ะนะ วิรัล! เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”

   ธามตะโกนบอกคนรัก แล้วจึงกระโจนลงจากเรือนพัก ไปอยู่เบื้องหน้าฝูงวกะฝูงใหญ่ มาลุตและพวกพ้องชะงักเล็กน้อย เมื่อธามจงใจปลดปล่อยรังสีสังหารเต็มที่ และทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อหมาป่าสีเงินตรงหน้าตะโกนลั่น

   “ตอนนี้ล่ะ วิรัล!!”

   วิรัลเมื่อได้รับสัญญาณ เจ้าตัวก็กระโดดลงมาด้านหลังธาม กวางทองแสนสวยตรงหน้า สะกดสายตาวกะทุกตนให้ตรึงอยู่กับที่ แล้วเป็นมาลุตที่เอะใจ  ก่อนจะชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมหวานแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว

   “นี่มัน...พวกเรา ระวังตัวด้วย อย่าสูดกลิ่นนี้เข้าไป!”

   มาลุตตะโกนบอกลูกน้องของตน โดยที่ตัวเองเซไปสองสามก้าว เพราะเผลอสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว วกะสามสี่ตนล้มลงไปนอนหลับ ในขณะที่อีกหลายตนเริ่มเซไปมา

   “วิเศษ สำเร็จแน่!”

   อำมฤตที่อยู่บนเรือนพึมพำอย่างยินดีที่แผนการของธามและวิรัลนั้นสำเร็จตามคาด ทว่าในขณะที่ฝ่ายมโคกำลังตื่นเต้นยินดี มาลุตก็กัดฟันหอนเสียงสูง แล้วยกแขนตัวเองมากัดแรง ๆ เรียกสติ เช่นเดียวกับวกะตนอื่น ๆ ที่เหลือก็ทำแบบเดียวกัน

   “ไม่ได้การ! วิรัล กลับไป!”

   ธามหันมาบอกวิรัล เพราะแผนการของพวกเขานั้นล้มเหลวเสียแล้ว ทว่าจังหวะที่ธามหันมา เขาก็ถูกมาลุตที่พุ่งตรงมา เตะอัดที่กลางลำตัวเต็มแรง จนธามกระเด็นไปอีกทาง

   “ท่านวิรัล!”

   “ท่านธาม!”

   ชาครและพิชญ์แทบจะตะโกนขึ้นพร้อมกัน วกะหนุ่มและกวางดำกระโจนจากเรือนพุ่งปะทะมาลุตที่กำลังจะตรงเข้าหาวิรัลได้ทันท่วงที

   “ไอ้ทรยศ! นี่แกเข้าข้างพวกมโคจริง ๆ สินะ!”

   มาลุตที่ถูกแรงปะทะ ถึงกับเสียหลักเซไปด้านหลัง และเมื่อทรงตัวได้ จึงตวาดใส่อีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง  ทว่าชาครที่ผละจากมาลุตมาประคองให้ธามลุกขึ้น นั้นหันมามอง แล้วตะโกนตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน 

   “นายของฉันมีแค่ท่านธามเท่านั้น จะวกะหน้าไหน ก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันได้!”

   มาลุตแยกเขี้ยวแสยะอย่างหงุดหงิด แล้วตวาดกลับ

   “ดี! งั้นก็ตายไปด้วยกันเถอะ!”

   และเมื่อสิ้นเสียงของมาลุต มโคที่เหลือก็ลงมาสมทบสู้รบตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด วิรัลถูกพาไปหลบอยู่บนเรือนกับม่านฟ้า ทว่าจำนวนวกะที่มากกว่าพวกมโคเกือบสิบชีวิต ส่งผลให้ทางมโคเสียเปรียบยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อขาดมโคที่แข็งแกร่งอย่างอำมฤต ซึ่งถูกแยกให้มาคุ้มกันม่านฟ้าและวิรัล ทำให้กำลังรบนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

   “คุณอำมฤต ลงไปช่วยทางด้านล่างเถอะครับ! ไม่ต้องห่วงพวกผมหรอกครับ!”

   อำมฤตนั้นมองวิรัลอย่างลังเล แต่พอเห็นลูกน้องของตนรายหนึ่งโดนวกะสองตนรุมฉีกทึ้งร่างแยกออกจากกัน เขาก็เริ่มทนไม่ได้ แล้วจึงหันไปบอกกับม่านฟ้า

   “ท่านม่านฟ้า...ฝากท่านวิรัลด้วยนะครับ”

   “ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะคุ้มครองท่านวิรัลเอง ...คุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง อำมฤตยิ้มรับแล้วโค้งให้ ก่อนจะกระโดดเข้าไปร่วมวงต่อสู้กับวกะด้วยอีกราย ทำให้สถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบเริ่มกลับดีขึ้นมา

   “ท่านวิรัลหลบไปด้านในดีกว่าค่ะ อยู่ตรงนี้อันตรายนะคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับกวางทองข้างกายเธอ ทว่าวิรัลนั้นสั่นศีรษะ

   “ไม่ครับ...คุณม่านฟ้า คนสำคัญของผมกำลังสู้อยู่ ถึงผมจะไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไรเขาได้ แต่ผมก็อยากเฝ้ามองเป็นกำลังใจให้เขา ...ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ผมเองก็อยากลงไปช่วยทุกคน ...แต่ผมรู้ดีว่านั่นจะยิ่งเป็นการทำให้ทุกคนกังวล และสถานการณ์การสู้รบเปลี่ยนแปลง ...ผมมันไม่เอาไหนจริง ๆ  มฤคมาศแล้วยังไง... ประมุขที่ช่วยเหลือลูกเผ่าไม่ได้ ยังมีหน้าจะคู่ควรเป็นประมุขอีกหรือไง!”

   ม่านฟ้ามองกวางทองแสนสวยเบื้องหน้าเธออย่างนึกสงสาร ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

   “ใจเย็นค่ะท่านวิรัล ...คนเรามีหน้าที่แตกต่างกันนะคะ ท่านมีหน้าที่เป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของเผ่า ...ส่วนพวกดิฉันมีหน้าที่รับใช้และพร้อมยอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องท่าน ...เราก็แค่ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้เต็มที่  เพราะฉะนั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้วค่ะ”

   วิรัลนิ่งอึ้งกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลมหายใจของตน และเริ่มสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติได้

   “ขอบคุณครับคุณม่านฟ้าที่ช่วยเตือนสติ...ผมจะขอทำในสิ่งที่ตนเองทำได้แล้วกันครับ”

   ม่านฟ้ายิ้มน้อย ๆ จากนั้นเธอจึงกลับคืนสู่ร่างกวางเผือกแสนสวย พร้อมบอกกับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างแปลกใจ

   “เตรียมตัวให้พร้อมสู้รบไว้จะดีที่สุดค่ะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน...”

   ยังไม่ทันขาดคำของม่านฟ้า วกะตนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนชานเรือนบ้านพัก แล้วตรงเข้าไปหากวางทองเบื้องหน้า ทว่าม่านฟ้าในร่างกวางเผือกก็ก้าวเหยาะมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน

   “กวางเผือกอย่างนั้นหรือ ... ถ้าได้กินหัวใจเจ้านี่ แล้วจะช่วยให้มีพลังขึ้นเหมือนของมฤคมาศไหมนะ”

   วกะหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างยินดี และไม่นึกหวั่นเกรงกวางเผือกตัวเล็กตรงหน้า ทว่าเจ้าตัวก็ต้องชะงักเมื่อร่างนั้นเหมือนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว แล้วจึงมาปรากฏอยู่เบื้องหลังเขาแทน ก่อนจะพุ่งตัวกระแทกใส่เต็มแรง จนเจ้าตัวเสียหลักล้มคว่ำหน้าทิ่ม

   “หนอย! แก!”

   วกะตนนั้นตะคอกลั่นอย่างโมโห ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อกวางเผือกกระโดดขึ้นมาเหยียบที่ลำตัวของร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ก่อนจะกระทืบเท้าลงไปตรงตำแหน่งหัวใจเต็มแรง จนอวัยวะส่วนนั้นแหลกเละไปหมด และเจ้าของร่างก็กระอักเลือดขาดใจตายในทันที

   “คนอ่อนแอ ก็มีวิธีสู้อย่างคนอ่อนแอ...ท่านว่าอย่างนั้นไหมคะ ท่านวิรัล”

   วิรัลนิ่งอึ้ง เขารู้สึกผะอืดผะอมที่เห็นคนตายตรงหน้า ทว่าก็ต้องสลัดความรู้สึกนั้นทิ้ง แล้วพยักหน้าตอบ สร้างความพึงพอใจให้กับม่านฟ้า ที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงสติได้มั่นคงอยู่

   “ดีแล้วค่ะ ...เพราะฉะนั้นก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพรรคพวกของเราทีได้ไหมคะ”

   ม่านฟ้าบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งวิรัลก็งุนงง ทว่าพอได้รับฟัง เขาก็ต้องถึงกับอึ้งในทีแรก แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ตามมาทันที

   

   “มโคทุกตน!  จงสู้ต่อไป และอย่าได้ยอมแพ้แก่ผู้รุกราน  พวกมันเองก็ไม่แตกต่างจากเรา  จงสู้โดยใช้ความเป็นมโคของเรา สังหารศัตรูให้หมดสิ้น!”

   เสียงกังวานไพเราะดังขึ้นจากบนเรือนใหญ่ ทุกสายตาหันไปจับจ้องยังต้นเสียง ภาพที่พวกเขาเห็นคือภาพมฤคมาศใช้เขาขวิดร่างไร้วิญญาณของวกะตนหนึ่งเหวี่ยงลงมากลางวงต่อสู้  และนั่นก็สร้างความตกตะลึงให้เหล่าวกะ และสร้างความฮึกเหิมให้กับพวกมโคทั้งหลาย ให้ต่างมีกำลังใจต่อสู้เพิ่มขึ้นไปอีก

   “สภาพศพแบบนี้  ฝีมือท่านม่านฟ้าแน่”

   อำมฤตพึมพำ ทำให้พิชญ์ที่อยู่ข้างกันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และพอจะไว้ใจเรื่องที่ม่านฟ้ากับวิรัลอยู่กันตามลำพังได้บ้างพอสมควร

   ทางด้านธามพอเห็นสิ่งที่วิรัลแสดง หมาป่าหนุ่มก็รู้สึกพึงพอใจ แต่ก็เริ่มเป็นกังวล เพราะนั่นจะทำให้มาลุตยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น เพราะสิ่งที่วิรัลทำนั้นคือการดูถูกเหยียดหยามเจ้าตัวโดยตรง

   “ไอ้มฤคมาศ! อย่าอยู่เลยมึง!”

   มาลุตเหวี่ยงแขนใส่ชาครที่สู้ติดพันกันอยู่ จนอีกฝ่ายที่ตั้งรับกระเด็นไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของวกะระดับแนวหน้าของเผ่า จากนั้นมาลุตก็กระโดดพุ่งขึ้นไปบนเรือนใหญ่ โดยที่หลายคนไม่ทันได้ตั้งตัว

   “ท่านม่านฟ้า!”

   อำมฤตตะโกนเรียกชื่อนายสาว ที่กำลังเผชิญหน้ากับมาลุตด้วยความตกตะลึง กวางเผือกหนุ่มรีบกระโจนไปขวางการโจมตีของมาลุตได้ทันท่วงที ทว่าก็ต้องแลกกับกระดูกลำตัวที่หักร้าว จนเจ้าตัวถึงกับกระอักเลือดล้มทรุดหมอบลงไปกองกับพื้น

   “คุณอำมฤต...ไม่นะ พี่น้ำ! อย่าตายนะคะ!”

   ม่านฟ้าตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนกและลืมตัว จนลืมไปว่ามาลุตยังอยู่ตรงนั้น

   “รักกันมาก ก็ตายไปด้วยกันเลยแล้วกัน!”

   มาลุตเงื้อมมือหมายจะบั่นคออีกฝ่าย ทว่าก็ต้องเสียหลักพุ่งล้มไปด้านหน้า เมื่อธามนั้นกระโดดมาชนเขาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว

   “คุณธาม!”

   วิรัลที่กำลังตกตะลึงตะโกนลั่นอย่างดีใจ ธามฉวยโอกาสที่มาลุตเสียหลักขย้ำไปที่คอ ทว่าอีกฝ่ายเบี่ยงหลบ จึงโดนแค่ไหล่แทน แต่แม้จะเป็นแผลเหวอะหวะ แต่เรี่ยวแรงของวกะหนุ่มก็ยังมาก จนพอจะกระชากคอของธามเหวี่ยงไปอีกด้านได้สำเร็จ

   “แก...ไอ้ธาม...ฉันจะฆ่าแก!”

   มาลุตตะโกนอย่างโกรธแค้น เพราะไม่เคยเสียท่าขนาดนี้มาก่อน ทางด้านธามที่ตอนนี้โทรมไปหมดเพราะไหนจะถูกลูกน้องของมาลุตรุมเล่นงานก่อนหน้านั้น แล้วยังรับการโจมตีของมาลุตไปเต็ม ๆ หลายครั้ง ร่างกายที่เป็นเพียงลูกครึ่งมนุษย์วกะจึงเริ่มอ่อนล้า และถึงขีดจำกัดขึ้นทุกที

   “หึ ๆ ยืนเริ่มไม่ไหวแล้วสินะ... จะร้องเรียกให้ลูกน้องแกมาช่วยดีไหมล่ะ”

   มาลุตที่สังเกตเห็นอาการขาสั่นของอีกฝ่ายแสยะยิ้มเยาะ ทำให้ธามต้องขบฟันกรอด ขู่ในลำคออย่างหงุดหงิด และเพราะด้านล่างกำลังสู้ติดพัน ชาครจึงไม่อาจจะปลีกตัวขึ้นมาช่วยเขาได้

   “ฉันจะฆ่าแกอย่างทรมานดีไหม...โอ๊ะ!”

   มาลุตหันขวับเบี่ยงหลบได้อย่างหวุดหวิด เมื่อม่านฟ้าที่โกรธแค้นที่อำมฤตถูกทำร้าย ร่วมเข้าสู้ด้วย

   “หึ ๆ ต้องให้ผู้หญิงช่วยแบบนี้ มันก็สมกับเป็นแกจริง ๆ นะ ไอ้ลูกครึ่ง!”

   มาลุตหัวเราะเย้ยหยัน ทว่าม่านฟ้านั้นไม่สนใจ เมื่อมาลุตเผลอเปิดช่อง เธอก็ใช้ความเร็วปะทะทันที ทว่าเพราะมาลุตนั้นแข็งแกร่งมาก วกะหนุ่มจึงเพียงแค่จุกและเซไปเล็กน้อยเท่านั้น

   “หนอย! นังมโคนี่!”   

   มาลุตสบถอย่างโมโห แล้วเตะอัดม่านฟ้าอย่างเต็มแรง ทว่าธามนั้นพุ่งตัวเข้าไปชนม่านฟ้าหลบไปก่อน ทั้งคู่จึงรอดจากการจู่โจมนั้นอย่างหวุดหวิด ทว่ามาลุตก็พุ่งตัวตามเข้ามาโจมตีต่ออย่างรวดเร็ว แล้วอัดร่างกวางเผือกของม่านฟ้ากระเด็นไปกระแทกผนังเรือน แม้จะไม่รุนแรงเท่าลูกเตะเมื่อครู่ แต่ก็ทำเอากวางสาวจุกจนขยับไม่ไหว  จากนั้นมาลุตก็เหวี่ยงหมัดใส่ธามที่เผลอยืนตะลึงจนลงไปนอนหมอบอย่างหมดสภาพที่จะต่อสู้ได้อีก

   “หึ ๆ ในที่สุดเวลาที่ฉันจะฆ่าแกทิ้ง ก็มาถึงสักที... รู้ไหม ฉันรอวันนี้มานานแค่ไหน ...รอมาตั้งแต่ตอนเห็นแม่แกถูกไอ้วกะเสียสติฆ่าทิ้งในครั้งนั้นแล้ว!”

   ธามที่กำลังอ่อนแรงเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

   “หมายความว่ายังไง...แกไม่ได้ฆ่าแม่ของฉันหรอกหรือ...”

   “หือ...อ้อ แกเข้าใจว่าฉันเป็นคนลงมือสินะ ...หึ ๆ ทำไมฉันจะต้องเปลืองมือฆ่ามนุษย์โสโครกอย่างแม่แกด้วยเล่า!  ...แต่ก็นั่นล่ะ ฉันก็ยืนดูแม่แกถูกฆ่าเฉย ๆ เหมือนกัน  อืม...จะว่าไปก็เหมือนฉันเป็นคนฆ่าแม่แกเหมือนกันนั่นล่ะนะ”

   มาลุตแสยะยิ้มแล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน สร้างความโกรธแค้นให้ธามยิ่งนัก

   “แก...ฉันจะฆ่าแกให้ได้...”

   “หึ ๆ จะตายแหล่ มิตายแหล่แบบนี้แล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก”

   มาลุตยืนมองร่างหมาป่าสีเงิน ที่พยายามยันกายลุกขึ้น อย่างเย้ยหยัน ทว่าพอเห็นธามเริ่มขยับตัวและจ้องมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว เขาก็ชะงัก แล้วกำหมัดทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิด

   “ฉันเกลียดแกจริง ๆ ไอ้ธาม ...ฉันจะฆ่าแกให้ตายด้วยมือของฉันเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

   มาลุตเตรียมที่จะคว้าคออีกฝ่ายมาหักให้ตายคามือ ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัว พลางก้มมองหน้าอกของตน ที่บัดนี้มีเขาแหลมคมทิ่มทะลุอกออกมา

   “ไม่ยอมหรอก...ไม่ยอมให้แกทำร้ายคนสำคัญของฉัน ไปมากกว่านี้อีกแล้ว!”

   วิรัลตะโกนเสียงก้อง แล้วสะบัดร่างของมาลุตเหวี่ยงกระเด็นไปอีกทาง วกะหนุ่มคุกเข่ากระอักเลือดออกมากองใหญ่ ปอดที่ถูกแทงทะลุสร้างความทรมานให้เขายิ่งนัก ความเจ็บปวดเจียนตายที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้มาลุตเริ่มรู้สึกถึงความกลัวเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะยามที่เห็นหมาป่าสีเงินลากเท้าเข้ามาหาเขา

   “แก...แกจะทำอะไรฉัน...ถ้าแกฆ่าฉัน แกต้องกลายเป็นกบฏของเผ่านะ!”

   ธามมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม เป็นครั้งแรกที่เห็นมาลุตลนลานหมดท่าเช่นนี้ให้เขาเห็น

   “น่าเสียดายนะ ที่วิรัลไม่ชำนาญการฆ่า ไม่อย่างนั้นแกคงตายสบายกว่านี้แล้ว”

   ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเขาของกวางทองนั้นพลาดตำแหน่งหัวใจไปอย่างน่าเสียดาย แต่นั่นก็เป็นการดีสำหรับเขา เพราะเขาจะได้ปิดฉากเรื่องทั้งหมดด้วยน้ำมือของเขาเอง

   “บอกฉันมา...แม่ฉันตายได้ยังไง!”

   “ถะ ถ้าฉันบอก แกต้องปล่อยให้ฉันกลับไปนะ เพราะฉันไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าแม่ของแก...จริง ๆ นะ”

   ธามจ้องมองอีกฝ่าย แล้วพยักหน้ารับรู้

   “ได้...ฉันจะไม่ฆ่าแก”

   มาลุตมีสีหน้ายินดี แล้วรีบเล่าให้ฟัง

   “ฉันกับพี่ไปเดินเล่นด้านนอก แล้วเจอวกะคลั่งมันกำลังเล่นงานแม่ของแกอยู่...ฉันตอนแรกก็จะช่วยนะ ...ตะ แต่พี่พิภพบอกว่าไม่ต้องช่วย ...ก็เพราะแม่แก ทำให้แม่ฉันต้องตรอมใจตายนี่ ....เพราะอย่างนั้นฉันที่ดูแม่แกโดนฆ่าตายเฉย ๆ โดยไม่ช่วยก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือไง... มันก็สมควรกันแล้วนี่!”

   ธามกัดฟันกรอด เขาอยากฆ่าคนตรงหน้านี้ทิ้งเหลือเกิน แต่ในเมื่อมาลุตไม่ได้เป็นคนลงมือสังหารแม่เขาโดยตรงก็ทำให้เขาเริ่มหวั่นไหวขึ้นมา จากนั้นธามจึงเอ่ยถามถึงฆาตกรที่แท้จริงต่อ

   “แล้วไอ้วกะคลั่งนั่นมันเป็นใคร...”

   มาลุตกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายยังคงฟื้นตัวได้ช้า เพราะเป็นอวัยวะสำคัญ ทว่าโชคดีที่ไม่ใช่ตำแหน่งหัวใจ หรือเส้นเลือดใหญ่ที่คอ  ไม่เช่นนั้นป่านนี้เขาคงเจ็บหนัก จนตายไปแล้วก็ได้

   “ฉะ...ฉันไม่รู้...รู้แค่ว่า พี่พิภพจัดการฆ่ามันปิดปากให้เท่านั้น ...พี่บอกว่าถ้ามันถูกจับ ...ฉันกับพี่ที่ไม่ช่วย ก็จะโดนความผิดไปด้วย ...พี่ฆ่ามันแล้วเอาศพไปทำลาย แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบ ...ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากฉันกับพี่เท่านั้น ...ฉันพูดจริง ๆ นะ”

   ธามพูดอะไรไม่ออก ...เขาไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้ ฆาตกรที่ฆ่าแม่เขาถูกฆ่าไปแล้ว ทว่าพี่น้องร่วมบิดาของเขา แม้ไม่ได้ลงมือฆ่า แต่การที่ไม่ช่วยและปล่อยให้แม่ของเขาโดนทำร้าย สำหรับเขานั้นก็ยังถือเป็นความผิดอยู่ดี ...แต่เป็นความผิดที่เขาเริ่มลังเลว่า จะมอบความตายให้อีกฝ่ายนั้นชดใช้ดีไหม

   “ฉันบอกทุกอย่างแล้ว ...แกต้องทำตามที่สัญญาเอาไว้นะ...”

   มาลุตรีบทวงสัญญา ธามนั้นกัดฟันกรอด แล้วตวาดลั่น

   “ไสหัวกลับไปซะ! เอาพรรคพวกแกกลับไปด้วย! เดี๋ยวนี้เลย!”

   ทุกคนที่กำลังต่อสู้ชะงัก ทางด้านวินัยนั้นรีบกระโดดขึ้นมาหา เมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังเสียท่า

   “เอาเจ้านายของแกกลับไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”

   ธามบอกกับวินัย ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบประคองร่างสะบักสะบอมของมาลุตลุกขึ้น ธามมองแล้วสะบัดหน้าพลางหันหลังเดินกลับไปหาวิรัล ทว่าจังหวะนั้นเองมาลุตจึงฉวยโอกาสหันมาส่งสัญญาณให้วินัยโจมตีธาม วิรัลที่เห็นเข้าพอดีจึงตะโกนเตือนเสียงหลง

   “คุณธาม! ระวัง!”   

   ธามหันขวับไปเผชิญหน้าอีกฝ่าย ทว่าร่างของกวางดำที่พุ่งเข้ามาเอาเขาเสียบด้านหลังของวินัย ก็ทำให้หลายคนในที่นั้นตกตะลึงยิ่งกว่าครั้งแรก วินัยในร่างวกะกระอักเลือด ร่างกระตุกอยู่สองสามที ก่อนจะสิ้นลมขาดใจตายเดี๋ยวนั้น

   “คุณไม่มีสิทธิ์มาปล่อยให้ศัตรูที่ฆ่าพรรคพวกของเรา หนีไปง่าย ๆ แบบนี้!”

   พิชญ์บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วสลัดร่างวกะที่เขาสังหารทิ้งไป ก่อนจะหันขวับไปทางมาลุต

   “โดยเฉพาะกับวกะที่มันคิดร้ายกับมโคอย่างเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหมอนี่!”

   ธามถอนหายใจ แล้วมองไปที่มาลุตที่ถอยหลังหนีกวางดำที่เดินเข้ามาหาอย่างตื่นตระหนก

   “ยะ...หยุดนะ!  ไหนแกสัญญาว่าแกจะไม่ฆ่าฉันยังไงล่ะ!”

   มาลุตตะโกนบอกกับหมาป่าสีเงินที่จ้องมายังเขา

   “ก็ใช่ไง... เพราะฉันไม่ได้ลงมือเองนี่”

   ธามบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วจึงหันหลังกลับ ถอนหายใจค่อย ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปหาวิรัล พลางบอกให้อีกฝ่ายอย่ามองภาพชวนสยองตรงหน้า ซึ่งวิรัลก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่กระนั้นเสียงร้องอย่างโหยหวนก่อนตายของมาลุต ก็ทำให้กวางทองแสนสวยตัวสั่นเทาไปหมด และเมื่อสิ้นหัวหน้า ลูกน้องอีกนับสิบราย ก็พากันแตกฮือ แยกย้ายหนีไปคนละทางอย่างขวัญเสีย



   “...จบสิ้นแล้วสินะ”

   ธามมองไปรอบ ๆ มีทั้งศพของวกะและมโคปะปนกันไป เขามองดูศพพี่ชายร่วมสายเลือดอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางชาคร ที่สะบักสะบอมไม่แพ้กัน

   “จากนี้ไป พวกเราจะกลับไปที่เผ่าอีกไม่ได้แล้วนะ ชาคร”

   ชาครจ้องมองนายเหนือหัวของเขา ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป

   “ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ผมยินดีจะติดตามรับใช้ท่านไปทุกที่ครับ ท่านธาม”

    พิชญ์เหลือบมองนายบ่าวทั้งสอง แล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะชะงักเมื่อคนของเขาและของม่านฟ้าตามมาสมทบกันอีกหลายสิบคน

   “เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันครับคุณพิชญ์!”

   พิชานที่รีบเร่งเดินทางมาถามอย่างตื่นตระหนก ทว่าพิชญ์นั้นตัดบทโดยการให้พาคนเจ็บไปโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับมโคอย่างพวกเขาโดยด่วน ส่วนคนอื่นที่เหลือก็ให้เก็บกวาดซากศพ และอยู่คุมเชิงบริเวณนี้ เผื่อว่าจะมีศัตรูหลงเหลืออยู่

 
...TBC...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด