หลังจากนี้จะกลับมาลงต่อเนื่องจนกระทั่งจบเรื่องเลยนะคะ (ปัจจุบัน แต่งตอนใกล้จบอยู่ค่ะ ) ขออภัยที่หายไปนาน แต่เมื่อเป็นฉากต่อเนื่องกัน จึงจำต้องซุ่มเขียนเพื่ออารมณ์ที่ต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้น วางกรอบไว้อย่างดิบดี ก็ยังหลุดกรอบจนได้ ตัวละครเรานี่บังคับยากจังเนาะ ยังดีที่ตบ ๆ กลับมาเข้ากรอบได้ในตอนจบเหมือนเดิมล่ะนะคะ 
หวังว่าเนื้อเรื่องต่อไปนี้คงจะถูกใจผู้อ่านไม่มากก็น้อย และเมื่อเรื่องนี้จบลง ปัดจะเข็นตอนพิเศษ ของคู่รอง ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ตัวเอก มาลงให้อ่านกันในเล้านี่ล่ะค่ะ และแน่นอน ตามธรรมเนียม เมื่อนิยายจบลงก็จะมีรวมเล่มทำมือตามมา ซึ่งไว้ตอนจบจะลงรายละเอียดอีกทีค่ะ งวดนี้ ตอนพิเศษเพียบติดตามได้ในเล่มจ้ะ (คู่รองเรื่องนี้รู้สึกจะงอกมาหลายคู่แล้วล่ะนะ --)
สุดท้ายขอบคุณผู้อ่านที่ยังคงติดตามกันอยู่ค่ะ ขออภัยในความล่าช้า และไม่สม่ำเสมอในการลงงานให้อ่านนะคะ
รักคนอ่านทุกคนเลยค่า ^^ 
---------------------------------------------------/22
วิรัลลืมตาตื่นมามองคนที่นั่งตั้งใจทำงานแม้ยามดึกดื่นอย่างตื้นตันยิ่งนัก หลังจากวันที่เขารับตำแหน่งประมุข และประกาศถึงเรื่องถอนหมั้น รวมถึงการโอนสิทธิ์ในการเป็นประมุขของเผ่า หากม่านฟ้านั้นมีทายาทเป็นมฤคมาศได้สำเร็จ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเผ่ามโค และได้รับการต่อต้านเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเรื่องที่วิรัลรับธามซึ่งเป็นพวกวกะมาเป็นคนรักนั้น ได้ถูกล่วงรู้ไปสู่มโคตระกูลอื่น ๆ เข้าจนได้ ทว่าด้วยฐานอันเข้มแข็ง ของตระกูลวงศ์หริโณ รวมถึงการยอมรับในตัวของธามและชาคร จากปาลินีซึ่งเป็นนายหญิงของตระกูล รวมไปถึงการรับรองว่าวกะทั้งสองเป็นมิตร จากตรัณหัวหน้าของตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ โดยที่แม้จะมีคนไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรบุคคลทั้งสองที่ได้รับการยอมรับจากตระกูลหลักของเผ่าทั้งสองตระกูลได้
และหลังจากวันนั้น ธามกับชาครก็ทุ่มเท ใช้สมองและความสามารถทำงานเพื่อให้ตระกูลของคนรักเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงให้มากยิ่งขึ้น จนวิรัลนั้นนึกขอบคุณและเป็นห่วงอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน
“คุณธาม...ทำงานจนดึกอีกแล้วนะครับ”
“หือ...ขอโทษ ฉันทำให้เธอตื่นหรือวิรัล ถ้าอย่างนั้นฉันยกงานไปทำห้องข้าง ๆ ดีกว่าไหม”
ธามหันมาบอกอีกฝ่าย ซึ่งวิรัลก็แย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วตรงมากอดคออีกฝ่ายอย่างรักใคร่
“ผมตื่นเพราะรู้สึกคอแห้ง หิวน้ำน่ะครับ ... แต่คุณนี่สิ ไหนสัญญากันแล้วยังไงล่ะครับ ว่าจะเลิกงานก่อนเที่ยงคืน นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะครับ”
ธามยิ้มตอบ แล้วรั้งร่างโปร่งมากอดพลางหอมแก้มของอีกฝ่ายเบา ๆ
“ก็ทำแล้วมันเพลินนี่ ...อืม เอาเป็นว่าเดี๋ยวสักพักฉันจะตามไปกอดเธอนะ เคลียร์ตรงนี้อีกนิดก็จะเสร็จแล้ว”
วิรัลสั่นศีรษะไปมา ที่คนรักของเขาขยันจนเกินไป เด็กหนุ่มจึงสวมกอดเบา ๆ จากด้านหลัง แล้วลูบไล้แผ่นอกกว้างนั้นแผ่วเบาอย่างยั่วเย้า
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ เลิกนะครับ ...ผมรออยู่”
วิรัลกระซิบเสียงกระเส่า พร้อมกับกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายด้วยฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ผละออก มานอนยิ้มบนเตียง ทำให้คนที่กำลังทำงานเริ่มไม่มีสมาธิเสียแล้ว
“เธอนี่ร้ายกาจจริง ๆ เลยนะวิรัล ...ที่ทำงานอยู่เนี่ยก็เพื่อบริษัทของเธอแท้ ๆ นะ”
ธามบอกอย่างไม่จริงจังมากนัก แถมตอนนี้ภาพยั่วยวนของเด็กหนุ่มที่แสร้งปลดกระดุมเสื้อนอนบนเตียงรอคอยเขา ก็ยิ่งทำเอาสมาธิที่จดจ่อกับงานก่อนหน้านั้นเตลิดไปหมด
“ผมเข้าใจนะครับ...แต่จะบ้างานก็ควรมีลิมิตบ้าง เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา ...ถ้าคุณป่วย จนกอดผมไม่ได้ ระวังนะ หากผมเหงามาก ๆ ผมจะไปหาคนอื่นให้กอดแทน”
เท่านั้นเองธามก็หมดความอดทน เขาจัดแจงเซฟงานและปิดเครื่อง ก่อนจะตรงมาหาร่างที่นอนเปลือยอกรอคอยเขาอยู่
“ไม่มีวันที่ฉันจะยอมให้เป็นแบบนั้นแน่....เธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น เข้าใจไหม”
วิรัลหัวเราะเบา ๆ แล้วสะดุ้งนิด ๆ เมื่อธามกัดที่ซอกคอของเขาแรง ๆ เพื่อประทับร่องรอยแห่งความเป็นเจ้าของเอาไว้
“อ๊ะ...คุณธาม ...ผมล้อเล่น...อื้อ เจ็บนะครับ...เลิกกัดได้แล้ว”
คนถูกกัดตรงโน้นที ตรงนี้ที ร้องครางประท้วง ธามซ่อนยิ้มในสีหน้า แต่ก็ยังแกล้งคนรักไม่เลิก จนวิรัลทั้งเจ็บทั้งเสียวจนเริ่มทนไม่ไหว
“ไม่เอาแล้ว...คุณธาม...มาเถอะครับ...ผมต้องการคุณแล้ว”
ธามแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วจึงตอบสนองคนรักของเขาตามที่อีกฝ่ายต้องการ จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ทั้งคู่ก็นอนกอดก่ายกันด้วยร่างเปลือยเปล่า ธามมองวิรัลที่หลับไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงชะโงกหน้าจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“ฉันรักเธอนะวิรัล... และจะขออยู่เคียงข้างปกป้องดูแลเธอแบบนี้ตลอดไป”
ธามพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง และหลับสนิทตามมาหลังจากนั้น หากแต่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้สักนิดว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเผ่าของวกะ กำลังจะมาถึง และนั่นก็เป็นสาเหตุ ที่ทำให้เขาต้องกลับไปยุ่งเกี่ยวกับเผ่ากำเนิดที่ตนจากมาแล้ว อีกครั้งหนึ่ง
พิธีมอบตำแหน่งประมุขเผ่าวกะคนใหม่ ถูกจัดในห้องประชุมใหญ่ประจำเผ่า ซึ่งเป็นสถานที่ลับและก่อสร้างอยู่ในต่างจังหวัด ภายในหุบเขาอันเป็นถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของพวกวกะ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ตามเมืองใหญ่ ในงานพิธีครั้งนี้ มีผู้นำในแต่ละตระกูลและคนสำคัญในเผ่า มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง พิธีดำเนินเรื่อย ๆ ไปอย่างราบรื่น ทว่าพอถึงช่วงให้ประมุขคนใหม่กล่าวทักทายกับสมาชิกในเผ่า พิภพกลับเงียบลง จนทุกคนแปลกใจ แต่ยังไม่ทันมีใครเอ่ยอะไรขึ้น เสียงโครมครามจากด้านนอกก็ดังขึ้นเสียก่อน
“แย่แล้วครับ! ศัตรูบุกครับ!”
หนึ่งในการ์ดคนหนึ่งเปิดประตูห้องประชุมพรวดเข้ามา ทว่าเจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือใหญ่ที่มีอุ้งเล็บแหลมคมตะปบศีรษะ และจับเหวี่ยงอัดกระเด็นกระแทกกำแพงอีกฝั่งของห้องประชุมด้วยพลังมหาศาล
“หึ ๆ ฉันมาร่วมพิธีช้าเกินไปหรือเปล่าเนี่ย...หวังว่างานคงยังไม่จบหรอกนะ”
สมาชิกเผ่าวกะคนอื่นในห้องประชุมต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะร่างที่เห็นก็คือร่างของอมนุษย์ผู้ทรงพลังและแข็งแกร่ง ผู้มีร่างกึ่งนกกึ่งมนุษย์ ชนเผ่าครุโฬนั่นเอง
“พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง คิดจะก่อสงครามกับวกะเช่นนั้นรึ!”
ปุริมตวาดลั่น และวกะตนอื่น ๆ ก็พร้อมจะสู้รบ ทว่าก็มีสมาชิกบางส่วนนั่งนิ่ง และมีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งสมาชิกกลุ่มนั้นคือพวกพ้องที่ขึ้นตรงกับพิภพนั่นเอง
“คุณมาช้านะครับ... ผมคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วเสียอีก”
พิภพเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ทว่าคำพูดของชายหนุ่มนั้นทำให้ปุริมตกตะลึง เบิกตากว้าง ด้วยความคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับผู้คุ้มกฎคนอื่น ๆ ของเผ่า
และยิ่งเมื่อได้เห็นพิภพเดินเข้าไปใกล้กับภูธิปหัวหน้าเผ่าของครุโฬ และอีกฝ่ายโอบร่างของชายหนุ่มมาแนบใกล้ ก็ยิ่งทำให้ปุริมรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าใจของเขาจะถูกฉีกขาดเป็นสองซีกเลยทีเดียว
“นับจากนี้ไป ในนามของประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะ ฉันขอประกาศให้ทุกคนในที่นี้ทราบโดยถ้วนหน้ากันว่า พวกเราเผ่าวกะ จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอาณานิคมของเผ่าครุโฬ และหากมันผู้ใดขัดขืน ฉันก็จะถือว่ามันผู้นั้นเป็นกบฏของเผ่า และจะถูกจับกุมกักขัง ไว้รอการลงโทษทัณฑ์ต่อไป!”
พิภพประกาศกร้าวเสียงดัง มีวกะบางตนสบถออกมาอย่างโกรธแค้นและพุ่งเข้าหาหมายจะทำร้ายพิภพ ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ขยับตัวถอยหนีแต่ประการใด ตรงกันข้ามกับยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อนักรบเผ่าครุโฬคนหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังของภูธิปที่ยืนอยู่แถวหน้าประตู และอัดร่างของวกะหนุ่มตนนั้นกระเด็นสลบไปในหมัดเดียว
“จะย้ำอีกครั้ง...พวกครุโฬมาอย่างเป็นมิตร ถ้าไม่อยากให้เกิดการนองเลือดขึ้นในเผ่าก็อย่าขัดขืน ...อย่าลืมสิว่าพวกเด็กและผู้หญิงของแต่ละตระกูลอยู่กันลำพังด้านนอก ...หรือพวกคุณต้องการจะเห็นศพพวกนั้นเสียก่อน แล้วถึงจะยอมจำนนได้ล่ะ...หือ”
คำพูดของพิภพทำให้แต่ละคนกัดฟันกรอด แม้สถานที่อยู่ของวกะจะเป็นความลับกับคนนอกเผ่า แต่สำหรับพิภพซึ่งเป็นลูกชายอดีตประมุขและเป็นประมุขคนปัจจุบัน ย่อมไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ดังนั้นญาติพี่น้องของแต่ละคนก็กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริง ๆ
“ทำไมทำอย่างนี้พิภพ...ทำไมลูกต้องทรยศเผ่าด้วย ...บอกพ่อสิว่าทำไม!”
ปุริมตะโกนถามบุตรชายด้วยความคับแค้นใจ พิภพแค่นยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย
“เพราะผมรู้ดีว่า สำหรับพ่อ เผ่าวกะคือสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญเสียยิ่งกว่าทุกอย่าง แม้กระทั่งแม่ หรือว่าตัวผมเองน่ะสิ”
ปุริมชะงัก จากนั้นพิภพจึงสั่งให้ลูกน้องไปยึดโทรศัพท์มือถือจากแต่ละคน เพื่อกันการโทรติดต่อและบอกกับคนอื่นด้านนอก ส่วนเผ่าครุโฬกว่าห้าสิบชีวิต ก็กระจายกำลังล้อมทั่วห้องประชุมใหญ่ ซึ่งสำหรับพวกวกะแล้ว แค่นับรบครุโฬเพียงหนึ่ง ก็สามารถรับมือกับวกะโตเต็มวัยได้สองหรือสามตนอย่างสูสีด้วยซ้ำ
“แล้วเธอจะทำยังไงกับพวกนี้ต่อไป ดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยยอมรับเรื่องข้อตกลงของเราสักเท่าไหร่เลยนะ”
ภูธิปเชยคางของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม ซึ่งพิภพก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบ
“ถ้าเช่นนั้นก็จับคุมขังเอาไว้ก่อนสิครับ ...ไม่ต้องห่วงนะครับ คุกของวกะ ทำจากวัสดุอย่างดี พังออกมาไม่ง่ายนักหรอกครับ”
“หึ ๆ ก็ได้ แล้วแต่เธอแล้วกัน ...พอจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย ฉันจะเริ่มประกาศสงครามกับเผ่าอื่น ๆ …และสุดท้าย ไอ้พวกนากานั่น ฉันจะจัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”
ภูธิปเอ่ยถึงเผ่าศัตรูคู่แค้นที่มีพลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับพวกตน ทว่าเผ่านากาที่อายุยืน มักจะเก็บตัวเงียบไม่ออกมาสู้รบกับเผ่าอื่นนัก แต่พวกเขาก็เคยฝากความเจ็บแค้นให้กับภูธิป ที่เคยไปรุกรานเผ่านากามาก่อน จนหัวหน้าเผ่าครุโฬในวัยเยาว์เลือดร้อนยามนั้น ต้องพ่ายแพ้ หนีหัวซุกหัวซุนกลับเผ่าของตัวเองอย่างน่าอับอายเป็นที่สุด
“กฤต! นำทางคนของเผ่าครุโฬให้คุมวกะพวกนี้ไปขังไว้ในคุกใต้ดินของเผ่า ถ้าคนไหนขัดขืนต่อสู้ ก็ให้จัดการได้เลย!”
น้ำเสียงเยียบเย็นเด็ดขาดสั่งการ ทำให้วกะตนอื่นพากันตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าพิภพจะสามารถออกคำสั่งให้เข่นฆ่าพวกเดียวกันเองได้ลงเช่นนี้
“ครับท่าน!”
กฤตรับคำสั่งแต่โดยดี แม้จะรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้มันยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้ แต่เขาก็เลือกแล้วที่จะอยู่เคียงข้างผู้เป็นนาย ไม่ว่านายของเขาจะเลือกกระทำในสิ่งที่ผิดหรือถูกต้องก็ตาม
“แก! แกมันไอ้คนทรยศ!”
หนึ่งในผู้คุ้มกฎ เริ่มที่จะทนไม่ไหวที่ถูกพวกต่างเผ่าและคนที่พวกตนเลือกมาเป็นประมุขลอบกัดเอาแบบนี้ เขากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า แล้วพุ่งตรงไปยังที่พิภพยืนอยู่ โดยที่ปุริมห้ามเอาไว้ไม่ทัน
“กรอบ!”
เสียงกระดูกคอหักจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ด้วยฝีมือของภูธิปที่ยืนรออยู่แล้ว เขาเหวี่ยงร่างไร้ลมหายใจของวกะเฒ่าโยนไปตรงหน้าพวกปุริม แม้วกะสูงวัยที่ตายไปจะชราภาพมากแล้ว แต่ก็ยังคงมีฝีมือและพลังไม่ยิ่งหย่อนกว่าวกะหนุ่ม ๆ บางราย การที่ภูธิปสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ง่ายดาย แสดงถึงพลังที่เจ้าตัวมี และยิ่งทำให้วกะตนอื่นหวาดหวั่นยิ่งขึ้นไปอีก
“แก...”
ผู้คุ้มกฎคนอื่นที่เห็นเพื่อนถูกสังหารต่างพากันโกรธแค้น ทว่าปุริมนั้นเอ่ยเตือนสติเอาไว้เสียก่อน
“ใจเย็นทุกคน...สู้ไปตอนนี้พวกเราก็รังแต่จะเสียเปรียบ สู้หาหนทางส่งข่าว เพื่อช่วยเหลือวกะคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอก ให้หนีไปอย่างปลอดภัยจะดีกว่า”
คำพูดของอดีตประมุข ทำให้ทุกคนชะงัก และต่างพากันหยุดนิ่งตามคำสั่ง ทว่าก็ยังคงมีสายตาเคียดแค้นชิงชัง ตรงไปยังที่พิภพและภูธิปอยู่ดี
“เป็นพ่อที่ใช้ได้ดีนี่... เธอไม่น่าเกลียดเขาเลยนะพิภพ”
ภูธิปในร่างอมนุษย์เชยคางของชายหนุ่มขึ้นมาแล้วใช้ลิ้นไล้เลียใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทางหื่นกระหาย พิภพนั้นนิ่งเฉย ปล่อยให้ภูธิปทำกับตนตามความพอใจ และเมื่อเหลือบเห็นสีหน้าตกตะลึงระคนผิดหวังของปุริม เขาก็มีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าอย่างสะใจ
“ไม่หรอกครับ ...เขาเป็นประมุขได้ดีกว่าเป็นพ่อต่างหาก เพราะอย่างนั้นผมถึงเกลียดเขามากยังไงล่ะ”
พิภพเปรยตอบ ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจของคนเป็นพ่อกระตุกวูบหนึ่ง และพอจะหวนนึกถึงสาเหตุของการที่บุตรชายคนโตทำเช่นนี้ขึ้นมาได้
“ขออภัยครับท่าน”
กฤตบอกกับปุริมในขณะที่จับกุมตัวและให้อีกฝ่ายเดินตามกันไปเพื่อนำไปกักขัง โดยระหว่างทางนั้นมีทหารของพวกครุโฬคุมไปโดยตลอด
“กฤต...พิภพจะทำยังไงต่อไปอย่างนั้นหรือ”
หลังจากออกมาจากห้องประชุมแล้ว ปุริมก็ถามคนสนิทของลูกชาย ซึ่งกฤตก็ชะงัก แล้วจึงหลบตาอีกฝ่าย พร้อมกับตอบเสียงแผ่ว
“ผมเองก็ไม่ทราบครับ... ท่านพิภพต้องการเห็น....เอ่อ เห็นท่านประมุขเจ็บปวด เหมือนกับตัวท่านพิภพในตอนเด็ก ๆ ...ส่วนเรื่องหลังจากนั้นผมก็ไม่ทราบว่าท่านจะตัดสินใจทำเช่นใดอีก”
ปุริมนิ่งรับฟัง พลางถอนหายใจยาวตามมา เรื่องที่กฤตบอกตรงกับสิ่งที่เขานึกถึง ...นับตั้งแต่วันตายของภรรยาคนแรกของเขา พิภพก็เริ่มเหินห่างจากเขาไป สาเหตุหลักก็คือ เขาไปไม่ทันดูใจภรรยาก่อนเสียชีวิต ทั้งที่ลูกชายของเขาโทรมาขอร้องด้วยตนเอง และสาเหตุที่ทำให้เขาไปไม่ทัน นั่นก็คือเขาต้องจัดการความเรียบร้อยของเผ่าในฐานะประมุขให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
เนื่องจากเกิดการขัดแย้งของหัวหน้าตระกูลใหญ่ในเผ่าสองตระกูล เป็นเรื่องบาดหมางที่อาจจะทำให้เผ่าถึงขั้นแตกแยก เขาจึงเชิญทั้งคู่มาสนทนาร่วมกัน และไกล่เกลี่ยจนเรื่องราวลุล่วงไปได้ด้วยดี ทว่าพอเขาตามไปจนถึงโรงพยาบาล เขาก็พบกับพิภพที่ยืนจ้องศพภรรยาของเขา ที่เสียชีวิตด้วยทนพิษบาดแผลจากอุบัติเหตุไม่ไหวและเสียเลือดไปมาก และเมื่อเห็นเขา เจ้าตัวก็หันมาตวาดใส่เขาทั้งน้ำตาที่เขามาช้า คำพูดต่อว่าต่อขานจากบุตรชายคนโตตอนนั้น เขายังจำได้อย่างชัดเจน
‘สำหรับพ่อ เผ่าสำคัญที่สุดใช่ไหม! ผมเกลียดพ่อ! ผมเกลียดเผ่าวกะ! ผมเกลียด! เกลียดที่สุด!’ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ปุริมได้เห็นน้ำตาจากพิภพ และเมื่อเขาแต่งงานใหม่กับน้าของเด็กหนุ่ม และมีมาลุตอีกคน เขาก็เริ่มเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายและคิดว่าพิภพคงจะมีความสุข เพราะภรรยาคนที่สองนั้นก็รักพิภพเหมือนกับลูกแท้ ๆ ของเธอ แต่แล้วเขาก็ทำพลาดอีกครั้ง
เขารับภรรยามนุษย์คนที่สามเข้ามาในเผ่า จนทำให้แม้แต่มาลุตเองก็เจ็บแค้นชิงชังที่ถูกแย่งความรักไปจากตนและมารดาของตน ส่วนพิภพ เขาเห็นเพียงแต่ความเฉยชาของอีกฝ่าย เจ้าตัวในตอนนั้นไม่ได้เป็นเดือดเป็นแค้นออกนอกหน้าเหมือนดังมาลุตแม้แต่น้อย แต่กลับเงียบเฉย เสียจนเขาเป็นฝ่ายหวั่นใจเสียเอง
และจากนั้นไม่นานหลังจากภรรยาคนที่สองของเขาเสียชีวิตลง ภรรยาคนที่สามของเขาก็ถูกสังหารโดยใครคนใดคนหนึ่งในเผ่า ซึ่งเขามั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับบุตรชายทั้งสองของเขา จึงทำให้เขาเลิกคิดที่จะสืบหาตัวคนร้าย เพราะไม่ต้องการจะสั่งลงโทษลูกในไส้ของตนนั่นเอง ยังผลให้เขาต้องถูกบุตรชายคนเล็กโกรธเกลียดเคียดแค้น จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าอีกครั้ง
“ขออภัยนะครับท่าน...”
กฤตบอกอย่างสุภาพขณะที่เป็นฝ่ายนำปุริมเข้าไปขังในคุก ซึ่งอดีตประมุขเผ่าวกะก็ถูกจับขังเดี่ยวตามคำสั่งของพิภพที่มอบให้ก่อนหน้านั้น
“กฤต...ฉันขอร้องอะไรสักหน่อยได้ไหม”
ปุริมเอ่ยกับอีกฝ่ายทำเอาชายหนุ่มชะงัก แล้วจึงรอฟังว่าปุริมจะพูดอะไร
“ถ้าพวกครุโฬนั่นคิดทรยศและหักหลังพิภพ...เธอช่วยปกป้องและพาเขาหนีไปให้ปลอดภัยด้วย จะได้ไหม”
กฤตนิ่งเงียบด้วยความสำนึกผิด และรับรู้ถึงความรักที่ปุริมมีให้ต่อเจ้านายของเขา ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ และพึมพำเสียงแผ่ว
“ครับ...ผมจะปกป้องคุ้มครองท่านพิภพ ด้วยชีวิตของตน”
“ขอบใจ...ฝากบอกพิภพด้วย ว่าฉันขอโทษในทุก ๆ สิ่ง ที่เคยทำให้เขาเสียใจ และฉันเฝ้าภาวนาว่านับจากนี้ไป ขอให้เขามีแต่ความสุข อย่าได้ถูกใครทรยศหักหลังต่อความไว้ใจของเขา อย่างที่ฉันเคยทำกับเขามาก่อนอีก”
กฤตชะงัก เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับคำตามมา จากนั้นจึงจัดแจงปิดกรงขังลง ชายหนุ่มมอบหน้าที่ให้พวกครุโฬบางตนคุมอยู่บริเวณทางเข้าออกคุกใต้ดิน โดยจะส่งพวกวกะกลุ่มของเขามาคอยเปลี่ยนสลับเวร เป็นระยะ
พิภพรับรู้ข้อความจากปุริมที่ผ่านกฤตมา เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วจึงกลับเข้าห้องส่วนตัวของตน ส่วนภูธิปตอนนี้นั้นกำลังสั่งการให้ลูกน้องไปกวาดต้อนวกะกลุ่มอื่น ๆ ที่กระจายอยู่จับมาขังรวมในส่วนกลางให้หมด พิภพจึงอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลำพัง
“...ขอให้มีความสุขอย่างนั้นหรือ...ความสุขของผมมันหมดไปตั้งแต่วันที่ถูกคนสำคัญหักหลังซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นไปแล้ว...และถ้าจะถูกหักหลังอีกครั้ง ผมก็คงไม่มีอะไรจะเสียใจอีกแล้วล่ะ...”
พิภพพึมพำกับตัวเองเมื่อมองรูปถ่ายสามคนพ่อแม่รูปในกรอบสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาเก็บภาพนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ไม่ได้ทิ้ง เพราะในภาพมีแม่ที่เขารักมากที่สุดอยู่ด้วย
“พ่อจะรู้ไหมนะ ...ว่าทำไมน้ามธุราถึงได้ตรอมใจตาย ...แล้วใครกันที่เป็นคนสั่งลงมือฆ่าพรรณรายแม่ของธาม ....ถ้าพ่อรู้ พ่อจะเห็นด้วยกับการกระทำของผมไหม และจะยกโทษให้ผมอีกครั้งได้ไหมนะ”
พิภพพึมพำกับตัวเอง เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต ที่เขาถูกคนสำคัญของเขาหักหลังความไว้ใจของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
...มธุรา น้าสาวของเขา แม่ของมาลุต คนที่เขารักเหมือนแม่แท้ ๆ ของตัวเองและเชื่อมั่นมาตลอดว่าอีกฝ่ายก็รักเขาเหมือนลูกเช่นเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว มธุรานั้นเกลียดชังเขาที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่สาวของหล่อนมาโดยตลอด ยิ่งเขาโตขึ้นหน้าเหมือนแม่ ก็ทำให้หล่อนยิ่งเกลียดชังเขามากขึ้น ต่อหน้าคนอื่นและเขา เธอจะวางตัวเป็นแม่ที่ดี แต่ลับหลังเธอมักจะระบายความโกรธแค้นกับคนสนิทของเธอ และเขาที่บังเอิญได้ยินเข้า ก็ต้องได้รับรู้ว่า แท้จริงแล้วความรักที่เขาเคยได้รับจากอีกฝ่าย มันเป็นเพียงการหลอกลวงเสแสร้งเพียงเท่านั้น
และหลังจากนั้น เมื่อปุริมรับพรรณรายมาเป็นภรรยาใหม่ เขาจึงเริ่มวางแผนแก้แค้นน้าของตน โดยใส่ร้ายและคอยพูดกรอกหูว่า ปุริมนั้นรักหลงพรรณรายอย่างไม่ลืมหูลืมตา ให้กับมธุราฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหว ด้วยความเครียดประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอ จึงทำให้มธุราจากโลกนี้ไป จากนั้นเขาจึงใช้วกะตนหนึ่งไปลอบฆ่าพรรณราย และวางแผนให้มาลุตกับเขาไปพบเหตุการณ์นั่น ก่อนจะจัดการฆ่าวกะตนนั้นปิดปากอีกทอด... และนับจากวันนั้น ธามและมาลุตที่เคยรักและเคารพในตัวปุริม ต่างก็หมางเมินใส่บิดาของตน และต้องจมอยู่กับความแค้นดังเช่นที่เขาประสบพบมา
ทว่าแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจของพิภพ สำหรับเขาแล้ว เชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับปุริมจริง ๆ ก็คือเผ่าวกะ ดังนั้นเขาจึงวางแผนการที่จะทำให้เผ่าตกอยู่ในกำมือของเผ่าอื่น เพื่อทำให้ปุริมต้องเจ็บปวดที่สุด...
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ คุ้นเคยที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้พิภพตื่นจากภวังค์ เขาเก็บรูปถ่ายนั้นกลับคืนสู่ลิ้นชัก ปิดมันลง พลางหลับตานิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้น หันกลับมาปั้นยิ้มให้กับผู้มาเยือนที่ก้าวเข้ามาในห้อง
“จัดการธุระเสร็จแล้วหรือครับ”
“อืม...พวกผู้หญิงกับเด็ก จัดการได้ไม่ยากเท่าไหร่ ยิ่งมีตัวประกันก็ยิ่งง่ายขึ้น”
ภูธิปตอบอีกฝ่าย แล้วจึงเดินมานั่งที่เตียง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ส่งให้
“ที่พวกเราจัดการเรื่องทุกอย่างได้ง่ายดายแบบนี้ ก็เป็นเพราะเธอที่ให้รายละเอียดต่าง ๆ และวางแผนในครั้งนี้เป็นอย่างดีนั่นล่ะ”
พิภพยิ้มตอบ แล้วจึงเดินมานั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย ซึ่งภูธิปก็ใช้มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างนั้นอย่างหลงใหล
“อย่างนี้ฉันคงต้องตอบแทนเธอหนัก ๆ เสียแล้วล่ะนะ”
คนฟังแสร้งยิ้มหวาน แล้วจึงลูบไล้แผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายบ้าง
“แล้วแต่คุณสิครับ ...ผมตามใจคุณทุกเรื่องอยู่แล้วล่ะ”
ภูธิปหัวเราะอย่างถูกใจ ก่อนจะลงมือเล้าโลมร่างงดงามได้สัดส่วนสมบุรุษเพศตรงหน้าอย่างเร่าร้อน พิภพครางเสียงแผ่ว และตอบสนองอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แม้ในใจจะไม่ได้รักใคร่คนผู้นี้แม้แต่น้อยเลยก็ตาม
บทรักอันร้อนแรงผ่านพ้นไปพร้อมกับการหลับใหลอย่างอ่อนเพลียของประมุขคนใหม่ของเผ่าวกะ ภูธิปมองร่างอ่อนเยาว์กว่าตนพร้อมกับแย้มยิ้มน้อย ๆ ...ทำไมคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาโชกโชนอย่างเขา จะมองไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้หลงใหลหรือรักใคร่ในตัวเขาอย่างที่ปากเจ้าตัวบอก เพียงแต่เพราะผลประโยชน์ที่ร่วมกัน หนุ่มใหญ่จึงแสร้งทำเป็นยอมหลงกลอีกฝ่าย นอกจากนี้ภูธิปยังไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า พิภพนั้นร้อนแรงเสียยิ่งกว่าใคร ๆ ที่เขาเคยกอดมา และช่วยเติมเต็มอารมณ์ใคร่ของเขาได้อยู่เสมอ
“ตราบใดที่เธอยังซื่อสัตย์ต่อฉัน ...ฉันก็จะดูแลเธอเป็นอย่างดี ...เด็กน้อยที่น่ารักของฉัน”
ภูธิปบอกพร้อมกับชะโงกหน้าไปจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะเอนตัวลงนอนพักผ่อนไปข้าง ๆ ร่างนั้น จนกระทั่งหลับใหลไปด้วยกันในที่สุด
… TBC …