ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตรักอสุรกาย : จบบริบูรณ์ + ตอนพิเศษ  (อ่าน 406700 ครั้ง)

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ตอนนี้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกก โอย ลุ้นน
พิชญ์เท่มากอ่ะตอนเปิดประตูเข้าไป
จะเป็นไงต่อ ตื่นเต้น!

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


นี่สงครากำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ เหรอเนี่ย
แต่ยังไงก็ขอให้ฝ่ายวิรัลปลอดภัยก็แล้วกันนะ
 
 

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
เรื่องนี้คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงเป็นมาลุต  เสียแม่  แถมโดนเป่าหูให้เกลียดน้องชาย (ธาม) เข้าไส้ขนาดนั้น
และสุดท้ายก็มาตายอนาถแบบนั้น    เพราะความไว้ใจพี่ชายตัวเองแท้ๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nayne

  • miKapleXD
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • Super Сasual Dating - Actual Women
ตอนนี้เนื้อเรื่องชักเริ่มเข้มข้น
สงครามครั้งนี้จะทำให้รู้ข่าวคราวของพ่อวิรัลที่หายไปไหมเนี่ย
สงสัยเรื่องนี้ที่สุดล่ะ ว่าพ่อวิรัลหายไปไหน
ตายหรือว่ามีชีวิตอยู่
ถ้าตายก็เเล้วไป
แต่ถ้ามีชีวิตอยู่ทำไมไม่ส่งข่าวกลับมา
หรือว่าส่งไม่ได้ เพราะอะไร อยากรู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ CheetahYG

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เฮ้ออออ จะเจอดราม่ามั้นเนี่ย ยิ่งไม่ชอบอยู่ :m15: :m15:
ทุกคนสู้ๆนะ กำจัดพวกครุโฬให้สิ้นซาก โดยเฉพาะอธิป เกลียดเเก๊!!! :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
พ่อวิรัลหายไปไหนกันแน่ พ่อวิรัลจะมามีบทบาทช่วยเหลืออะไรหรือเปล่านะนั่น แล้วชาครไม่ค่อยเลยนะ ทำไมทำกับพิชญ์แบบนั้น วิรัลดีที่ยังฟังพิชญ์บ้างนะ ธามอย่าใจร้อนนะ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
คึกคักตามมโคกลุ่มท่านย่าเลยแฮะ เคียงบ่าเคียงไหล่แบบนี้ก็สู้ตายอยู่แล้ว ^^
แต่คำพูดสุดท้ายของจดหมายนั่น!!! ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะอีกนานเลยใช่ไหมกว่าจะรู้ใจกัน

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
มาโพสต่อแลว้ค่ะ   ^^ จริง ๆ ก็อยากแปะทีเดียวเลย แต่บางครั้งทยอยแปะ ได้รับคอมเมนต์มีประโยชน์ ก็เอาไปแก้ไขงานในส่วนที่เขียนไปแล้วได้ ทำให้งานสมบูรณ์ขึ้นล่ะนะคะ  ดังนั้นจึงชอบทยอยแปะมากกว่า 

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านอีกครั้งค่ะ โดยเฉพาะท่านที่คอมเมนต์เป็นกำลังใจ ท่านที่ให้คำแนะนำ ท่านที่อินไปกับเรื่องแล้วมาเมาท์แลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน  คนแต่งมีความสุขมาก ๆ ค่ะ ที่แต่งไปแล้ว มีคนคอยตามอ่านและมอบฟีคแบคให้เช่นนี้  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :L2:

---------------------------------------------



/24




     พิชญ์รู้สึกโล่งใจเมื่อได้รับรู้ว่า ปาลินีนั้นพร้อมส่งกำลังมาสนับสนุน หากมีการสู้รบขึ้นทุกเมื่อ ทว่าสิ่งที่เขายังเป็นกังวลอยู่ก็คือ จะทำยังไงที่จะไม่ให้วิรัลต้องออกไปเสี่ยงที่แนวหน้าด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็หาหนทางปลอดภัยป้องกันวิรัลได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้ เพราะแม้จะรวบรวมนักรบของตระกูลวงศ์หริโณมาทั้งหมด แต่พวกครุโฬก็ร้ายกาจนัก อีกทั้งตอนนี้ ยังได้พวกวกะที่เป็นพรรคพวกของพิภพมาร่วมมือด้วย  และถ้าพวกนั้นใช้แผนการข่มขู่บังคับตัวประกันให้ออกรบ เห็นทีแค่นักรบในตระกูลเขาอย่างเดียวก็คงต่อสู้ได้ลำบากเป็นแน่

    “ถ้ามีเผ่าพันธมิตรก็คงดี...”

    พิชญ์พึมพำกับตัวเอง ทว่าเผ่าที่เป็นพันธมิตรกับมโค ล้วนแต่เป็นเผ่าที่รักสันติ หรือบางเผ่าก็ไม่ชำนาญการรบพุ่ง  และยิ่งเป็นการสู้รบด้วยเหตุผลส่วนตัวเช่นนี้ เขาเกรงว่าคงจะไม่ได้รับความร่วมมือ จากเผ่าเหล่านั้นเป็นแน่

    “ไม่มีเผ่าไหนที่จะรับมือกับพวกครุโฬได้สูสีเลยหรือครับคุณพิชญ์”

    พิชานที่นั่งปรึกษาอยู่ด้วยกันเอ่ยถาม ทำให้พิชญ์ชะงักแล้วจึงหันมาตอบลูกน้องของตน

    “มีก็มีอยู่หรอก ...แต่พวกนี้เดาใจและเอาแน่เอานอนไม่ได้ยิ่งกว่าพวกครุโฬอีก ...ฉันกลัวว่าจะยอมเป็นพันธมิตรกันชั่วครู่ แล้วตลบหลังเล่นงานพวกเราเอาเสียเองมากกว่า...อีกอย่างพวกนี้ไม่ค่อยออกจากถิ่นตัวเองด้วย”

    พิชญ์คิดถึงเผ่านากา ซึ่งเป็นเผ่าลึกลับ และไม่ค่อยได้ออกมาให้เผ่าอื่น ๆ ได้เห็นมากนัก ข่าวลือของเผ่านี้มีแง่เสียยิ่งกว่าแง่ดี แต่ที่สำคัญสุดก็คือ มีข่าวลือที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ เรื่องที่เผ่าครุโฬเคยพ่ายแพ้กับเผ่านากามาก่อนอีกด้วย

    “ถ้าลองไปขอความร่วมมือดูล่ะครับ!”

    พิชานเสนอความเห็น แต่กลับทำให้คนฟังชะงัก พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “แล้วผลประโยชน์ร่วมกันล่ะ  สิ่งตอบแทนล่ะ  ถ้าเป็นนาย นายจะเสนออะไรให้พวกนั้น หือ พิชาน”

    พิชานชะงัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงพึมพำกับตัวเอง

    “นั่นสินะครับ ใครกันจะยอมส่งคนมาเสี่ยงร่วมรบ โดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน”

    “ใช่... ถ้าพวกนั้นเป็นนักธุรกิจ ฉันยินดีจะยกบริษัทสองสามแห่งให้ไปเลย เพื่อเป็นการตอบแทน แต่มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ตามข่าวลือที่ได้ยินมา พวกนั้นเก็บตัวอยู่แต่ในป่าลึก ไม่ออกมาสุงสิงใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ ...เพราะฉะนั้น ฉันเลยไม่รู้จะใช้อะไรเจรจาแลกเปลี่ยนกับพวกนั้นดี”

    พิชญ์สรุปตัดบท ทำให้คนฟังหน้าสลด แต่ก็รีบยิ้มแย้มตามมา เพราะไม่อยากให้หัวหน้าของเขาหมดหวังเสียก่อน

    “ถึงพวกนั้นจะพึ่งไม่ได้ แต่เราก็ลองคิดแผนการหรือหาพันธมิตรเผ่าอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ได้นี่ครับ บางทีอาจจะมีเผ่าที่อยากแก้แค้นพวกครุโฬ ที่เคยไปทำร้ายเข่นฆ่าพวกนั้นมาก่อนก็ได้ รวบรวมพวกที่แตกเผ่าไปแล้วอย่างละนิดละหน่อย ก็กลายเป็นกองกำลังย่อม ๆ ได้เหมือนกัน”

    พิชญ์ฟังความคิดเห็นของลูกน้อง แล้วก็พยักหน้ารับรู้อย่างเห็นดีด้วย

    “อืม...น่าสนใจ งั้นก็มอบให้เป็นหน้าที่ของนายก็แล้วกันนะพิชาน”

    พิชานพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับโพล่งตอบเสียงดัง

    “ได้เลยครับ! ผมจะรีบดำเนินการให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

    พิชานบอกแล้วก็รีบวิ่งออกจากห้อง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นวิรัลยืนอยู่หน้าประตู

    “เอ่อ...ท่านวิรัล”

    วิรัลมองอีกฝ่าย แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ส่งให้

    “ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันนะ พยายามเข้าล่ะพิชาน แต่อย่าฝืนเกินตัวนักนะ”

    “ครับท่าน! ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะทำอย่างเต็มที่เลยครับ!”

    พิชานรับคำอย่างยิ้มแย้ม แล้วขอตัวออกไปติดตามงานที่ได้รับมอบหมายมาต่อ ส่วนพิชญ์ก็หันมายิ้มให้กับเจ้านายของเขา

    “มีอะไรหรือครับท่านวิรัล ถึงได้มาที่ห้องผมได้”

    วิรัลเดินมาหาพิชญ์ แล้วยิ้มแย้มอ่อนโยนส่งให้ชายหนุ่ม

    “อยู่คนเดียวแล้วรู้สึกฟุ้งซ่านน่ะ เลยตั้งใจจะมาหานาย เผื่อจะช่วยงานอะไรได้บ้าง...แต่พอลงมาแล้วได้ยินพวกนายพยายามเพื่อฉันแบบนี้ ก็รู้สึกตื้นตันยังไงก็ไม่รู้”

    พิชญ์ยิ้มตอบ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

    “เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะท่านสำคัญสำหรับพวกเราทุกคนนี่ครับ”

    “...ขอบคุณนะ”

    วิรัลพึมพำตอบอย่างกึ่งเขินปนซาบซึ้ง จากนั้นสักพักเขาจึงสอบถามถึงเผ่านากาอย่างสงสัย

    “พิชญ์เคยเจอพวกนั้นซึ่ง ๆ หน้าบ้างหรือเปล่า ...เห็นว่าถิ่นฐานของพวกนั้นอยู่ในป่าเดียวกับที่ติดเขตหมู่บ้านของท่านย่า แต่อยู่ลึกเข้าไปไม่ใช่หรือ”

    พิชญ์ขมวดคิ้วยุ่ง เพราะเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้วิรัลฟัง แล้วนายน้อยของเขาทราบข้อมูลของเผ่านากามาได้อย่างไร

    “อ้อ! ฉันคุยกับคุณม่านฟ้าน่ะ  พอรู้ข่าวเรื่องคุณธาม ฉันก็เคยโทรคุยปรึกษากับคุณม่านฟ้า  คุณม่านฟ้าก็บ่น ๆ ว่า ถ้าพวกเราเป็นพันธมิตรกับพวกเผ่านากาก็ดี เพราะเธอเคยได้ยินข่าวลือว่า พวกนี้เคยชนะพวกครุโฬมาได้ด้วยล่ะนะ”

    พิชญ์ถอนหายใจยาวเมื่ออีกฝ่ายเฉลยคำตอบ เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมวิรัลจึงรู้เรื่องนี้ได้  นี่ถ้าไม่มีธาม เขาก็ยังเห็นว่าม่านฟ้านั้นเหมาะสมกับวิรัลที่สุดแล้วอยู่ดี

    “ฉันว่าฉันจะลองไปเจรจากับพวกนั้นดู เพราะเท่าที่ฉันกับคุณม่านฟ้าพูดคุยกันพวกเราต่างสรุปได้ว่า ท้ายที่สุด ยังไงเผ่าครุโฬหลังจากรวบรวมอาณานิคม หรือไม่ก็กำจัดเผ่าศัตรูอื่น ๆ ทิ้ง  พวกนั้นก็ต้องเล็งเผ่านากาอยู่ดี  ...ถ้ารอจนกว่าเผ่าอื่นโดนกำจัด และเผ่าครุโฬเติบโตแข็งแกร่งขึ้น  เผ่านากาก็ต้องลำบาก   สู้ประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับเผ่าต่าง ๆ  ทำให้พวกครุโฬสำนึกว่า ถ้าโจมตีเผ่านากา เผ่าอื่นก็จะไม่ยอมไว้หน้าเช่นกัน แบบนี้มันน่าจะดีกว่านะ”

    ข้อเสนอของวิรัลนั้นโดนใจพิชญ์นัก การเกลี้ยกล่อมในสิ่งที่อาจเป็นไปได้นั้น ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้อยู่  ทว่าการที่จะเข้าไปในเผ่าลึกลับ ที่ไม่เคยรู้ข้อมูลมาก่อน ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลและหวาดระแวงเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะลองไปเจรจาดูเอง...แต่ถ้าผมไปแล้วกลับมาไม่ทัน ก็ขอให้ท่านวิรัล เชื่อฟังนายหญิงด้วย ท่านจะมาเป็นที่ปรึกษาแทนผม ซึ่งผมมั่นใจว่า การตัดสินใจของท่าน จะไม่แตกต่างกับการตัดสินใจของผมนัก”

    วิรัลชะงัก เขากำมือแน่นก่อนจะคลายออก พลางพยักหน้ารับรู้ตามมา

    “ฉันเข้าใจแล้ว ...งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่หมู่บ้าน แล้วไปพูดคุยกับท่านย่าเรื่องนี้ด้วย”

    พิชญ์รับคำ ก่อนจะสะดุ้งนิด ๆ เมื่อวิรัลจับมือเขาแน่น

    “ถ้าพวกนั้นไม่ยอมรับข้อเสนอ และทำท่าจะเล่นงานนาย ก็ขอให้หนีมาให้ได้นะ...”

    พิชญ์ยิ้มรับ แล้วบีบมือของอีกฝ่ายกลับไป

    “ครับ...ผมจะรักษาชีวิตให้รอดกลับมาหาท่านให้ได้ ...ผมสัญญา”

    วิรัลพยักหน้ารับรู้ จากนั้นพวกเขาจึงรีบออกเดินทางไปที่ถิ่นที่ตั้งของตระกูลวงศ์หริโณอีกที่  เพื่อดำเนินแผนการเจรจาขอความร่วมมือจากพวกนากา และเตรียมรวบรวมกำลังรบจากทางฝั่งของปาลินี รอคอยเพียงเวลาที่จะติดต่อพวกธามได้เมื่อใด พวกเขาก็พร้อมจะทุ่มกำลังจู่โจมพวกครุโฬทันที

   

    อีกด้านหนึ่ง ชาครนั้นตัดสินใจไม่โทรไปหาพิชญ์ เพราะเกรงว่าจะเผลอใจอ่อนเสียก่อน แต่เขาก็ยังอยากทราบข่าวคราวทางฝั่งของวิรัล เพื่อที่จะได้รายงานให้ธามสบายใจ  ชายหนุ่มจึงติดต่อไปทางม่านฟ้า ที่เคยให้เบอร์เขากับพิชญ์เอาไว้ ในการติดต่อทำธุรกิจร่วมกันนั่นเอง

    “คุณชาครหรือคะ! ไปอยู่ไหนมาคะนั่น ทางนี้วุ่นวายกันใหญ่แล้ว ทางฝั่งท่านวิรัล นี่เตรียมรวบรวมกำลังรบในตระกูล รอคำสั่งเคลื่อนพลเพื่อบุกเผ่าวกะแล้วนะคะ!”

    คำบอกเล่าของม่านฟ้า ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งตื้นตันทั้งกังวล ที่ทางนั้นเห็นพวกตนสำคัญ ถึงกับยอมเสี่ยงขนาดนี้

    “ทางพวกผมกำลังรอติดต่อกับคนข้างในอยู่ครับ ไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไป และไม่กล้าติดต่อเข้าไปก่อน กลัวทางนั้นจะจับได้ จะทำให้เราเสียกำลังเสริมจากข้างในไปโดยใช่เหตุ”

    ม่านฟ้าถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงขอชาครสนทนากับธามบ้าง ซึ่งอีกฝ่าย ก็ตามธามมาคุยสายด้วย

    “สวัสดีม่านฟ้า สบายดีไหม”

    ธามเอ่ยทักทายกับเด็กสาวที่ตอนนี้สนิทกับเขามากกว่าเดิม จนธามคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนน้องสาวของตนคนหนึ่ง

    “สบายมากเลยค่ะคุณธาม ...คุณรู้ไหมคะว่า ท่านวิรัลน่ะ เตรียมโดดเข้าไปร่วมรบเป็นแนวหน้า เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้พวกครุโฬออกมา แล้วให้พวกคุณตลบหลังพวกนั้น ชิงตัวประกันน่ะค่ะ”

    คำพูดประชดของม่านฟ้าทำให้ธามชะงัก แล้วรีบย้อนถามกลับไปทันที

    “อะไรนะ! วิรัลจะร่วมรบด้วยหรือ! ให้ตายเถอะ คิดอะไรอย่างนั้นน่ะ!”

    “ก็เพราะคุณธามไม่ยอมอยู่รอปรึกษากันน่ะสิคะ คุณธามห่วงท่านวิรัลได้คนเดียวหรือคะ ท่านวิรัลเองก็ห่วงคุณธามมากเหมือนกัน  อีกอย่างต่อให้วางแผนการรัดกุมกันยังไง  แต่การที่จะทำให้พวกครุโฬเคลื่อนไหว ก็คงไม่พ้นที่จะต้องให้ท่านวิรัลเสี่ยงอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ  เพราะคงไม่มีอะไรหลอกล่อให้พวกครุโฬสนใจได้ นอกเสียจากหัวใจของมฤคมาศ คุณว่าจริงไหมล่ะคะ!”

    ม่านฟ้าบอกกึ่งประชด เพราะเธอนั้นเข้าข้างวิรัลมากกว่า แต่คำบอกเล่าของเธอก็ยิ่งทำให้ธามกังวลหนักขึ้น

    “เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับเขาดู...ขอบคุณที่บอกนะม่านฟ้า”

    “ไม่เป็นไรค่ะ  ถ้าคุยกันเคลียร์เรียบร้อย อย่าลืมติดต่อบอกดิฉันด้วยนะคะ ทางกลุ่มของดิฉันจะไปร่วมรบด้วยอีกแรง ยังไงพวกเราก็มีศัตรูเดียวกันนี่คะ”

    ม่านฟ้าวางสายไป ส่วนธามก็รีบโทรไปหาเบอร์ของวิรัล เขารอสายอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าตัวก็รับสายพร้อมกับละล่ำละลักถามอย่างรวดเร็ว

    “ชาครรึ! คุณธามอยู่ไหน ยังไม่ไปบุกเผ่าวกะใช่ไหม!”

    “...ฉันเองวิรัล”

    ธามเอ่ยขึ้นหลังอีกฝ่ายพูดจบ เสียงของธามทำให้วิรัลชะงัก เด็กหนุ่มเงียบไปสักพัก ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมาค่อย ๆ

    “คนใจร้าย...คุณทิ้งผมไปได้ยังไง...ไหนเคยสัญญากันว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ใช่หรือครับ”

    ธามพูดอะไรไม่ออก หัวใจเจ็บแปลบราวดังถูกมีดเฉือน เขาพึมพำขอโทษแผ่วเบา จนสักพักวิรัลก็พูดขึ้นต่อ

    “ตอนนี้ผมอยู่กับท่านย่า พวกเรารอแค่ทางคุณพร้อม เราจะบุกไปหลอกล่อพวกครุโฬและวกะส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องออกมารบ ...ทางคุณก็จะได้เข้าไปช่วยตัวประกันออกมาให้มากที่สุด ถ้าตัวประกันถูกช่วย ผมเชื่อว่าวกะส่วนใหญ่ คงจะเข้ามาอยู่ฝั่งเราร่วมรบกับพวกครุโฬแน่!”

    ธามรับฟังแผนการของคนรัก แล้วรู้สึกตื้นตันยิ่งนัก ถ้าวิรัลอยู่ตรงหน้า เขาคงจะดึงร่างของอีกฝ่ายมากอดแน่นอย่างซาบซึ้งใจไปแล้ว

    “ขอบคุณนะวิรัล... ฉันขอโทษที่คิดถึงแต่ตัวเอง และไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเธอ...”

    วิรัลชะงักก่อนจะพึมพำตอบกลับไปเสียงแผ่ว

    “จะไม่ยกโทษให้หรอกครับ นอกจากจะกลับมาพูดต่อหน้าผมเอง...”

    ธามหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกลับไปอย่างอ่อนโยน

    “งั้นฉันจะพยายามรักษาชีวิตตัวเอง ไปให้เธอยอมยกโทษให้ได้ล่ะนะ”

    “คุณธาม... อ๊ะ จริงสิครับ คุณธามมีแผนการหรือยังครับ รบกวนช่วยแจ้งท่านย่าทีได้ไหมครับ เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของผมในการรบครั้งนี้ชั่วคราว จนกว่าพิชญ์จะกลับมา”

    วิรัลบอกอย่างนึกขึ้นได้ ทำให้ธามชะงัก และชาครที่ได้ยินแว่ว ๆ ขมวดคิ้วอย่างสงสัยปนเป็นห่วง

    “แล้วหมอนั่นไปไหนล่ะ ปกติสถานการณ์เช่นนี้ เขาน่าจะอยู่ใกล้ตัวเธอไม่ใช่หรือ”

    วิรัลถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงตอบคำถามของอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมด

    “พิชญ์เองก็ไปเสี่ยงเพื่อพวกเราในแบบของเขานั่นล่ะครับ ...เอาไว้หากเขากลับมาอย่างปลอดภัยเมื่อไร ผมจะบอกคุณอีกที แต่ตอนนี้เราคงต้องลุยตามแผนเดิมไปก่อนนั่นล่ะครับ”

    จากนั้นวิรัลจึงส่งสายให้ย่าของเขาคุยกับธาม อีกฝ่ายสนทนากันอยู่สักพัก ปาลินีจึงยื่นมือถือของวิรัลส่งคืนมาให้ ทางด้านธามพอได้คุยสายกับคนรักตามเดิม เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

    “วิรัล...ฉันขอโทษ ฉันจะชดใช้ด้วยการกระทำทุกสิ่งอย่างรัดกุม และมีสติมากที่สุด จะไม่ทำให้ ‘ครอบครัว’ ของเราต้องบาดเจ็บล้มตาย โดยไร้ความหมายเด็ดขาด!”

    วิรัลนิ่งอึ้งก่อนจะยิ้มรับคำอย่างตื้นตันที่ธามเห็นเขาและมโคทุกคนเป็นเสมือนครอบครัวของชายหนุ่ม

    “ครับ...เราจะสู้ด้วยกันนะครับคุณธาม ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์ต้องเกิดขึ้นแน่นอน”

    “อืม...ฉันก็เชื่อเช่นนั้น ...แล้วพบกันนะวิรัล แล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”

    ธามตัดบทและวางสายไป ใจอยากคุยกับคนรักมากกว่านั้น แต่ยิ่งคุยก็ยิ่งทำให้อยากเห็นหน้า เขาจึงจำต้องตัดใจลาเสียก่อน

    “ชาคร ...เราคงต้องวางแผนกันใหม่แล้วล่ะ”

    ชาครยิ้มน้อย ๆ ตอบรับ แม้จะเป็นห่วงพิชญ์ แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะเอาตัวรอดได้แน่

    “ครับ...ท่านธาม”

    “ไปเรียกคนที่ใช้งานได้ทั้งหมดมารวมกัน เราจะนัดแนะกันอีกหน ....ถ้ามีการติดต่อจากด้านในเข้ามา ให้รายงานฉันก่อน หรือส่งสายมาให้ฉันเลย ฉันจะตรวจสอบให้ละเอียดว่า เป็นพวกเราจริงหรือเป็นกลลวงของทางนั้น ...เข้าใจนะ”

    ธามเอ่ยการสั่งลูกน้องของเขาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น แต่ละคนพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ และต่างแยกย้ายกันไปรวบรวมพล  เพื่อหวังที่จะบุกเข้าช่วยชิงตัวประกันจากพวกครุโฬ ออกมาทั้งหมดให้จงได้

   
... TBC....

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
 :z13: :z13: :z13:
 :o8: :-[ เค้าสองคนเป็นห่วงใยกันดีจัง

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ขอให้พวกวกะพวกนั้น ไม่ทรยศนะ เพราะธาม จะได้มีกำลังเสริมเพิ่มขึ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Syntyche

  • บุคคลทั่วไป
ในการหาพันธมิตรจะมีเผ่าอื่นๆนอกจากนี้อีกมั้ยหว่า
จะได้มีกำลังเสริมเพิ่มมากขึ้นในการต่อกรรับมือ
ขอให้เหล่าตัวเอกปลอดภัยจ้า

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
จะรวมพวกมาเป็นพันธมิตรได้มั้ยน้า
ตอนนี้ยังดูไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไหร่มั้ง555
เป็นห่วงพิชญ์จัง บุกเดี่ยวไปแบบนั้น

เขียนได้อารมณ์ดีค่ะ ยังให้ความสำคัญกับตัวละครทุกตัวอยู่
ไม่ได้ทิ้งตัวไหนไป เราว่าแต่งได้ดีมากค่ะ :impress2:

ปล.ถ้าพิชญ์มีหนุ่มติดมาจากนาคาจะทำไงน้ออ555

ออฟไลน์ CheetahYG

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เรื่องชักเข้มข้นชวนเครียดซะแล้วซิ : :serius2: :serius2:    ขอไห้เผ่านาการ่วมมือด้วยเต๊อะ สาตุ๊ๆ :call: :call:                  ปล คนเเต่งสู้ๆนะ :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
พ่อของวิรัลที่หายไป  อาจไปอยู่กับเผ่านาการึป่าวนะ
หรือมีนากาหนุ่มใหญ่คนไหนมาลักพาตัวไปป่าวหว่า  ยิ่งบ้านอยู่ใกล้ๆด้วย  อิอิ :laugh:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
จะเอาอะไรเป็ข้อแลกเปลี่ยนดีนะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


การเจรจาจะเป็นยังไง
แล้วนากาจะขออะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน
เป็นห่วงพิชญ์จริงๆ
 
 

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
มาโพสให้อ่านกันอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ อีกเพียงสองสามตอนเท่านั้นเองจ้า ^^

ป.ล. ใครที่แอบสงสัยเรื่องคุณพ่อของวิรัล  พาร์ทนี้คุณพ่อโผล่แล้วค่ะ อิ ๆ (มีคนแอบเดาถูกด้วยว่าคุณพ่อหายไปไหนมา)


-----------------------------

/25



   พิชญ์เดินทางเข้าไปในป่าลึกเพียงลำพังด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น เขาอาศัยสัญชาตญาณสัตว์ป่า เสาะหาที่ตั้งของเผ่านากา ชายหนุ่มเดินทางค้นหาโดยไม่มีการหยุดพัก เพราะการพักนั้นหมายถึงจะทำให้เขาเสียเวลามากขึ้นไปอีก

   “อยู่ที่ไหนกันนะพวกนั้น...”

   พิชญ์พึมพำอย่างหงุดหงิด เขากลายร่างคืนสู่ร่างของกวางดำ และวิ่งออกค้นหาลึกเข้าไปกว่าครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งมาถึงลำธารเล็ก ๆ ที่พอตามต้นน้ำไป มันก็คืออ่างน้ำตกใหญ่ใสสะอาด ที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำมากมาย

   “พักหน่อยแล้วกัน”

   พิชญ์ตัดสินใจพักกินน้ำ เขาเหวี่ยงกระเป๋าเป้ที่สะพายกิ่งเขาตนมาตลอดไว้บนฝั่ง ก่อนจะชะโงกหน้าลงไปดื่มน้ำสะอาดในนั้นอย่างกระหาย ทว่าระหว่างดื่มน้ำอยู่ เสียงกรอกแกรกจากข้างหลังก็ทำให้เขาหันขวับกลับมามองทันที ก่อนจะพบกับความตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าตน

   “...คนของเผ่านากา”

   เสียงพึมพำออกจากริมฝีปากมโคหนุ่มแผ่วเบา เขาเพิ่งเคยเห็นร่างอมนุษย์ของชนเผ่านี้เป็นครั้งแรก ร่างตรงหน้าเป็นงูยักษ์สีขาวขนาดใหญ่ ที่ยามยืดคอชูก็แลดูสูงเป็นสองเท่าของผู้ใหญ่โตเต็มวัย ลำตัวก็ยาวหลายเมตรจนถ้าสู้กันแล้วโดนอีกฝ่ายรัด เขาคงรอดไปได้ยากทีเดียว

   “เจ้า... เผ่ามโคสินะ เหตุใดจึงบุกรุกเข้ามาในถิ่นของพวกเราเผ่านากาเช่นนี้ มีจุดประสงค์ร้ายอันใดหรือไม่!”

   น้ำเสียงทุ้มห้วนเอ่ยถาม ทำเอาพิชญ์ชะงัก แล้วจึงรีบเอ่ยตอบทันที

   “ผมมาเพราะต้องการความช่วยเหลือ อยากจะขอหยิบยืมกำลังของพวกคุณ ช่วยรับมือกับพวกครุโฬ และขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าของพวกคุณด้วยน่ะครับ”

   งูใหญ่ส่ายหัวไปมาดูคล้ายกับจะฉกลงมาได้ทุกเมื่อ พิชญ์กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ทว่าสักพักน้ำเสียงทุ้มนั่นจึงเอ่ยดังขึ้นอีกครั้ง

   “แล้วเหตุใดพวกข้าจึงต้องช่วยเจ้าด้วยเล่า มโคหนุ่มเอ๋ย”

   พิชญ์ชะงัก แล้วจึงตัดสินใจลงมือเจรจากับอีกฝ่ายทันที

   “ก็เพราะหากพวกเราพ่าย ประมุขของเราถูกสังหาร พลังของประมุขเผ่าครุโฬก็จะเพิ่มมากขึ้น  และเมื่อสิ้นเผ่ามโค ก็เท่ากับพันธมิตรในอนาคตของเผ่าพวกคุณจะสูญหายไปอีกหนึ่งเผ่า และไม่เพียงเท่านั้นพวกครุโฬก็ยังมีแผนการจะทำลายเผ่าอื่น ๆ ไปอีกเรื่อย ๆ ถ้าใครยอมสยบต่อพวกมันก็จะถูกรวมเป็นอาณานิคม และไล่ทำลายเผ่าอื่น ๆ ต่อไป ...ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด มันคงจะต้องมาเล่นงานเผ่าของพวกคุณเป็นลำดับสุดท้ายเป็นแน่ เพราะพวกมันเคยมีหนี้แค้นกับพวกคุณอยู่...หรือว่าไม่จริง”

   ท้ายประโยคพิชญ์แสร้งถามหยั่งเชิง เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าข่าวลือที่ได้ยินมา จะเชื่อถือได้หรือไม่กันแน่

   “หึ ๆ เข้าใจโน้มน้าวนะ ....แต่ต่อให้พวกนั้นมันบุกมาอีกสักรอบ พร้อมอาณานิคมของพวกมัน  พวกเราเผ่านากา ก็ใช่ว่าจะขลาดกลัวต่อพวกมันเสียเมื่อไหร่ ...ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ก็มีส่วนช่วยอำพรางให้พวกเราสามารถซุ่มโจมตีศัตรูจากภายนอกได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ต่อให้พวกมันยกกันมามากกว่าครั้งก่อน ก็ใช่ว่าจะทำอะไรพวกเราได้ และมันก็ต้องพ่ายแพ้หนีหัวซุกหัวซุนกลับไปดังเช่นครั้งก่อนหน้านั้นเหมือนเดิมนั่นล่ะ”

   พิชญ์กลืนน้ำลายลงคอ คำพูดที่เหมือนไม่ใส่ใจนั่น ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า อมนุษย์เผ่านากาตนนี้คงไม่สนใจคำเชิญชวนของเขา และถ้าเขาเดาไม่ผิด จากการพูดจาของอีกฝ่าย แสดงว่าอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของเผ่าพอสมควร

   “แล้วถ้าพวกนั้นทำลายธรรมชาติที่นี่ล่ะ...ภัยอันตรายที่น่ากลัวต่อสิ่งมีชีวิตที่สุดก็คือภัยธรรมชาติ สำหรับป่า มันก็คือไฟป่า ....หากจุดไฟเผาทำลายให้สิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสุดแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางหนีรอดอยู่ดี”

   งูยักษ์สีขาวชะงัก แล้วจึงหรี่ตามองกวางดำตรงหน้านิ่ง

   “พวกมันคงไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะนั่นอาจจะทำให้พวกมันถูกลูกหลงไปด้วย ในยามที่ไล่ต้อนทำร้ายพวกเรายามหลบหนีไฟที่มันก่อขึ้น”

   “หึ ๆ ถ้าเป็นผม ผมมีวิธีจะเผาป่าเป็นวงกว้าง และดับมันลงได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายจากไฟป่านั่น ...อาจจะใช้เงินมากสักหน่อย แต่ผมว่าพวกครุโฬเองก็คงไม่ได้ยากจนอะไรนักหรอกนะ”

   พิชญ์โต้ตอบกลับไป แล้วก็สังเกตว่าอีกฝ่ายเริ่มมีโทสะให้เห็น ดูจากการเคลื่อนไหวคล้ายจะโจมตีเขา พร้อมกับเสียงทรงอำนาจที่เอ่ยเข้มขึ้น

   “เจ้าคิดจะขู่ข้าหรือ มโคหนุ่มเอ๋ย!”

   “ไม่หรอกครับ ...ก็แค่อยากให้คุณรู้ว่า พวกอมนุษย์ที่คลุกคลีกับมนุษย์ทั่วไปนั้น มีวิธีมากมายที่จะสังหารพวกคุณได้ โดยไม่ต้องอาศัยพลังของพวกเขาเลย ...และแม้พวกครุโฬอาจจะหยิ่งยะโส ถือตนเองเป็นใหญ่ ไม่สนใจเทคโนโลยีของพวกมนุษย์ แต่เผ่าพันธมิตรของพวกมัน ล้วนแต่ฝังรากลึกกลมกลืนกับเหล่ามนุษย์ทั่วไปเป็นอย่างดี  ...และวิธีที่ผมคิดได้ พวกนั้นก็ย่อมต้องคิดได้เหมือนกัน”

   พิชญ์ตอบออกไปตามตรง พร้อมกับเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย โดยไม่คิดหวาดหวั่นต่อความน่าเกรงขามและทรงอำนาจของงูยักษ์สีขาวตรงหน้าแต่อย่างใด แม้หากสู้กันจริง ๆ แล้ว เขาจะเสียเปรียบแทบทุกเรื่องก็ตาม

    ทว่าระหว่างที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอยู่นั้น  จู่ ๆ พิชญ์ก็ต้องสะดุ้งและตกตะลึง เมื่ออีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังกึกก้อง พร้อมกับเอ่ยบางสิ่งตามมา

   “หึ ๆ หัวกะทิของตระกูลวงศ์หริโณ นี่คารมคมคายใช่หยอก ....ดีเหมือนกัน ถ้าเจ้ายังดูแลตระกูลนั้นอยู่  ข้าจะได้ไม่ต้องส่งเขากลับคืนไปให้พวกเจ้า และตัวเขาเองจะได้เลิกคิดหนีไปจากข้าเสียที ...จริงไหม เวทิต”

   งูยักษ์สีขาวหันไปถามใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ พิชญ์เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ นับตั้งแต่ถูกอีกฝ่ายรู้จักตัวตนของเขา รวมไปถึงชื่อคุ้นเคยที่อยู่ในความทรงจำมาโดยตลอด และเมื่อร่างนั้นปรากฏกายขึ้น มโคหนุ่มก็หลุดอุทานออกมาด้วยความลืมตัว

   “ท่านเวทิต!”

   

   อีกด้านหนึ่ง วกะที่เคยส่งข่าวจากด้านในเผ่า หาช่องทางติดต่อกลับมาทางพวกธามได้สำเร็จอีกครั้ง ทำให้ธามรู้ว่า คนสำคัญของเผ่าส่วนใหญ่จะถูกจับกุมขังอยู่คุกใต้ดิน ส่วนพวกวกะทั่วไปนั้น ถูกกวาดต้อน ให้มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ประจำเผ่า และมีพวกครุโฬคอยเฝ้ายามอยู่รอบด้านนอก ธามจึงตัดสินใจนัดแนะเวลาและฝากบอกให้คนที่โทรมา ติดต่อประสานงานกับตัวประกันทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อม หากมีการบุกเข้าไปเกิดขึ้น

   “ทางนั้นโอเคแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกวิรัลลงมือได้ ...ถ้าพวกครุโฬออกมาตามแผน พวกเราจะบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันทันที!”

   ธามบอกกับลูกน้องของเขา ซึ่งทุกคนก็พร้อมที่จะลงมือหากธามสั่ง เพราะแม้เหล่าตัวประกันในนั้นจะอยู่คนละกลุ่ม แต่ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกพ้องเผ่าเดียวกันทั้งสิ้น

   และเมื่อวิรัลได้รับการติดต่อจากธาม เขาก็สั่งการให้กลุ่มมโคเคลื่อนไหว โดยที่ไม่คิดรอพิชญ์กลับมาก่อน เพราะเกรงว่าหากคลาดกันเพียงนิด ก็จะทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อนไปด้วย

   “พิชญ์ ...ฉันเชื่อ ว่านายต้องกลับมาพร้อมความสำเร็จ...ฉันจะไปรออยู่แนวหน้าก่อน ...นายต้องตามฉันไปให้ได้นะ!”

   วิรัลฝากถ้อยคำไปตามลม ถึงคนที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจสั่งเคลื่อนพลไปบุกพวกครุโฬซึ่งประจำการอยู่ที่เผ่าวกะทันที!

   

   ภูธิปที่กำลังหาความสุขอยู่กับพิภพ ต้องถูกรบกวนโดยเสียงเคาะประตูจากภายนอก หนุ่มใหญ่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ ส่วนพิภพนึกแปลกใจว่ามีเหตุการณ์เร่งด่วนอันใด คนของเขาถึงได้กล้ารบกวน เวลาที่เขาอยู่กับภูธิปเช่นนี้

   “...เข้ามาสิกฤต”

   พอได้รับอนุญาต กฤตก็เปิดประตูเข้ามา เจ้าตัวชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้เป็นนายเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของภูธิป

   “เอ่อ...พวกเราที่เฝ้าอยู่ส่วนนอก ได้รับรายงานว่า พวกมโค กำลังเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ฐานที่ตั้งของเรา ส่วนผู้นำทัพนั้น คือมฤคมาศ ครับ”

   ภูธิปขมวดคิ้วนิด ๆ ส่วนพิภพยกยิ้มน้อย ๆ แล้วเปรยบอกคนข้างเคียง

   “ลองพวกมโคเคลื่อนไหวแบบนี้ บางทีอาจจะเกี่ยวกับน้องชายคนเล็กของผมก็ได้... เห็นว่าย้ายไปอยู่กับทางนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมีความสำคัญจนถึงกับทำให้พวกมโคเคลื่อนไหวได้ ....สงสัยจะมาขู่ให้เราปล่อยตัวประกันล่ะมั้งครับ”

   ภูธิปพยักหน้ารับรู้แล้วจึงหันไปย้ำถามกฤต

   “ผู้นำทัพคือมฤคมาศแน่นะ”

   “ครับ ...คนของเราเห็นกวางทองนำทัพมาไม่มีผิดแน่ ตอนนี้พวกนั้นตั้งค่ายพลรอบุกห่างไปเกือบกิโลได้ครับ”

   กฤตตอบคำถามของอีกฝ่าย ทำให้ภูธิปแสยะยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจ

   “เป็นตัวล่อที่ชวนยั่วน้ำลายจริง ๆ เธอคิดว่ายังไงล่ะพิภพ ...จะสนองตอบพวกนั้นดีไหม”

   “ตามใจคุณสิครับ ...คุณลองประเมินศักยภาพคนของคุณเอาเองแล้วกัน ว่าจะต้านทานมโคพวกนั้นไหวไหม ...ส่วนตัวประกัน แค่คนในกลุ่มสมาชิกของผม แค่นั้นก็ดูแลกันสบาย ๆ แล้ว ...แต่เพื่อความไม่ประมาท คุณจะทิ้งคนของคุณเอาไว้สักหน่อย ก็น่าจะดีกว่า”

   พิภพตอบกลับไป ทำให้ภูธิปครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยถามอีกฝ่าย

   “แล้วพรรคพวกของน้องชายเธอ ที่อยู่ด้านนอกนั่นล่ะ มีอยู่ราว ๆ กี่รายกันหรือ”

   พิภพนิ่งคิดทบทวน แล้วจึงตอบกลับไป

   “ราวยี่สิบรายเห็นจะได้นะครับ ...หมอนั่นค่อนข้างคัดคน ก็เลยมีสมาชิกในกลุ่มไม่มากนัก แต่ทางด้านฝีมือ ก็จัดว่าใช้ได้พอสมควร”

   กฤตลอบกลืนน้ำลายนิด ๆ เมื่อได้ฟังคำตอบของผู้เป็นนาย  ส่วนภูธิปพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงขยับกาย บิดไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่าย

   “ถ้าอย่างนั้นทิ้งไว้สักสิบคนแล้วกัน ...กับพวกมโคพวกนั้น เดี๋ยวฉันกับลูกน้องที่เหลืออีกสี่สิบกว่าคน ก็คงจัดการได้ไม่ยากนัก”

   คำพูดของภูธิปทำเอากฤตสะดุ้ง และพิภพหรี่ตาลงอย่างสงสัย

   “แต่มโคพวกนั้นยกมากันเป็นร้อยเลยนะครับ!”

   “หึ ๆ ร้อยก็ร้อยสิ ...ยิ่งจำนวนต่างกัน ก็จะได้ยิ่งเห็นถึงศักยภาพระหว่างพวกเรากับพวกมันล่ะนะ”

   ภูธิปบอกอย่างไม่ใส่ใจ พิภพเหลือบมอง แล้วจึงหันมาสบตากับกฤต สั่งให้ลูกน้องของเขาออกไป ซึ่งกฤตก็ชะงัก พลางโค้งรับและขอตัวออกไปก่อน จากนั้นเขาจึงหันมามองคนข้าง ๆ แล้วเอ่ยถาม

   “จะรบกับพวกนั้นด้วยจำนวนเท่านี้จริง ๆ หรือครับ”

   ภูธิปมองชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์ข้างกายเขา แล้วจึงยกยิ้มนิด ๆ ติดเจ้าเล่ห์

   “คิดว่าฉันพูดไม่จริงหรือ”

    พิภพถอนหายใจแล้วจึงเปรยขึ้นเบา ๆ

   “ก็คิดว่าพูดจริง แต่พูดไม่หมดถึงใจความสำคัญมากกว่าครับ”

   ภูธิปหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ เขาดึงร่างข้างกายมากอดแล้วหอมแก้มแรง ๆ อย่างเอ็นดู

   “เธอนี่ฉลาดจริงนะ ...ใช่แล้ว ฉันไม่ประมาทรับมือพวกมโคนั่นด้วยจำนวนคนเท่านั้นหรอก ...ฉันยังมีอะไรเซอร์ไพรส์พวกนั้นอีกมากทีเดียวล่ะ”

   พิภพจ้องอีกฝ่ายนิ่ง แล้วก็ชะงักเมื่อภูธิปเอ่ยถามเขา

   “อยากรู้ไหม...ถ้าอยากรู้จะบอกให้ก็ได้ แต่เธอต้องทำให้ฉันพอใจก่อนนะ”

   หนุ่มใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมกับแย้มยิ้มติดเจ้าเล่ห์ ทำให้พิภพต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะแย้มยิ้มหวานยั่วยวน แล้วลงมือตอบสนองความต้องการของคนตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อนอะไรนัก แม้จะมีศัตรูรอคอยพวกเขาอยู่ด้านนอกนั่นก็ตาม



   วิรัลนำกองกำลังมโคกว่าร้อยชีวิต มาปิดล้อมฐานที่มั่นของเผ่าวกะ หมายจะให้พวกครุโฬออกมาสู้รบกับตน ทว่าก็ไม่มีใครออกมา  มีก็แต่เพียงพวกยามเผ่าวกะที่ซุ่มอยู่เป็นจุด ๆ ให้พอสังเกตเห็นเท่านั้น

   “ท่านย่าครับ...เราจะทำยังไงดีครับ จะบุกเข้าไปก็เกรงว่าจะทำให้พวกคุณธามเสียแผน”

   ปาลินีนิ่งคิด แล้วจึงเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ

   “ลงมือข่มขู่พวกนั้นว่าให้ปล่อยตัวประกันวกะให้หมด ให้เวลาสามสิบนาที ไม่อย่างนั้นพวกเราจะบุก...เพราะหากเราลังเล ก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้พวกนั้นยิ่งมั่นใจว่า เรามาเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ”

    วิรัลฟังแล้วก็ตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

   “แล้วทางคุณธามล่ะครับ”

   ปาลินีหันมามองหลานชายแล้วจึงบอกกับเด็กหนุ่ม

   “พวกเราตกลงกันแล้ว ถ้าแผนแรกไม่สำเร็จก็ใช้แผนสำรอง ...จำไว้นะวิรัล ในการรบเราไม่ควรใช้แผนเดียว แต่ควรเตรียมแผนสำรองเอาไว้สำหรับกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นในหลาย ๆ รูปแบบ”

   วิรัลชะงักก่อนจะพยักหน้ารับรู้ เขาสั่งให้มโคตนหนึ่งเข้าไปใกล้เขตแล้วตตะโกนบอกข้อความ ซึ่งเขาก็สังเกตเห็นวกะที่ซุ่มอยู่แถวนั้นผลุบหายไป แสดงว่าข้อความน่าจะถูกส่งไปถึงฝ่ายนั้นแน่แล้ว   

    “ส่งข่าวไปถึงคนรักของเจ้าด้วย ให้เขาเตรียมตัวเปลี่ยนแผนไว้ทุกเมื่อ”

   วิรัลพยักหน้า เด็กหนุ่มกลับคืนสู่ร่างมนุษย์โดยพิชานที่ยังไม่เปลี่ยนร่าง รีบนำเสื้อคลุมมาคลุมร่างให้อีกฝ่าย พร้อมกับยื่นมือถือส่งให้อย่างรู้งาน ซึ่งวิรัลก็โทรบอกกับคนรักของตนทันที

   “คุณธามครับ... ผมคงต้องบุกเข้าไปก่อน ผมให้เวลาทางนั้นสามสิบนาที ถ้ายังไม่มีการเคลื่อนไหว พวกเราก็คงต้องเปลี่ยนแผน”

   ธามเงียบไปชั่วครู่ เสียงถอนหายใจดังแว่วมา พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยขึ้น

   “ระวังตัวให้มาก ๆ นะวิรัล...อย่าบุ่มบ่ามนักล่ะ รักษาตำแหน่งตัวเองให้ดี เข้าใจไหม”

   “ครับ...คุณเองก็เหมือนกันนะครับ ระวังตัวด้วย”

   วิรัลบอกกับคนรัก ธามตอบรับแผ่วเบา แล้วขอตัวตัดสาย เพราะหากขืนคุยกันต่อ ไม่ใครก็ใครคงต้องอดใจอยากเจอหน้าอีกฝ่ายไม่ไหวเป็นแน่

   “อีกสามสิบนาทีสินะ...พิชาน กองกำลังพันธมิตรที่รวบรวมมาได้ มีประมาณสักเท่าไหร่”

   วิรัลหันไปถามพิชานที่อยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

   “ได้มาแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้นครับ ...ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเผ่าที่ถูกพวกครุโฬรุกราน จนแตกแยกหนีกันไป เหลือเพียงแต่ส่วนน้อยอยู่เท่านั้น สำหรับพวกพันธมิตรหลัก ๆ ของเรา ผมก็เข้าไปขอร้องอีกครั้ง ...แต่พวกนั้นก็ปฏิเสธเหมือนเดิม ... นี่ถ้าเป็นคุณพิชญ์ลงมือเองก็คง...เฮ้อ”

   พิชานนึกถึงหัวหน้าของเขา แล้วถอนหายใจยาว จนวิรัลต้องเอ่ยปลอบ

   “บ้าน่า...ได้มาแค่นี้ก็มากแล้ว ต่อให้เพิ่มมาแค่คนเดียว สำหรับสภาวะขาดคนแบบนี้ก็ถือว่าดีแล้ว”

   พิชานฟังแล้วก็ยิ้มรับ พร้อมพึมพำขอบคุณอีกฝ่ายเบา ๆ วิรัลยิ้มตอบ ก่อนจะหวนนึกถึงกองกำลังสำคัญอีกกลุ่ม

   “ทางพวกคุณม่านฟ้า ก็คงร่วมมือช่วยเต็มที่ถ้าขอร้องไป แต่ท่านย่าบอกไว้ว่า นี่เป็นปัญหาของตระกูลเรา  อีกอย่างหากเราพลาด อย่างน้อยก็ยังมีตระกูลของท่านตรัณเป็นเสาหลักเหลือให้เผ่าอยู่อีก พวกเราจึงเคลื่อนพลกันมาโดยไม่บอกทางนั้นล่ะนะ ...แต่ถ้ารู้เข้า คงโมโหน่าดู”

   วิรัลเปรยขึ้นแล้วยิ้มน้อย ๆ เมื่อหวนคิดถึงอดีตคู่หมั้น ที่ตอนนี้กลายสถานะเป็นเพื่อนสนิทกับเขาเรียบร้อย

   จากนั้นเด็กหนุ่มจึงนิ่งรออยู่จนกระทั่งพักใหญ่ เขาส่งเสื้อคลุมที่มีมือถือให้พิชาน ซึ่งอีกฝ่ายก็นำไปเก็บไว้ในรถยนต์ที่ขับมาด้วย ซึ่งจอดอยู่ห่างไป และพอเขากลับมาอีกครั้ง วิรัลในร่างกวางทองก็ไปยืนอยู่ด้านหน้าของพวกมโคนับร้อย และเผ่าผสมอีกยี่สิบกว่าชีวิต ที่เขารวบรวมมา

   “ได้เวลาที่เรายื่นข้อเสนอไปแล้ว ....ในเมื่อพวกนั้นไม่ใส่ใจ พวกเราก็จะไม่รออยู่เฉย ๆ เช่นกัน  ทุกคน! พร้อมที่จะสู้เพื่อพวกพ้องของเราแล้วหรือยัง!”

   เสียงขานรับคำดังตอบรับกึกก้องไปทั่ว วิรัลมองไปรอบ ๆ อย่างซาบซึ้งและตื้นตันใจ เขามองไปที่กวางใหญ่สีเทาผู้เป็นย่าของเขา แล้วจึงพยักหน้าให้กันน้อย ๆ ก่อนที่วิรัลจะเป็นฝ่ายประกาศเสียงดังอีกครั้ง

   “พวกเราทุกคน! บุกได้!”

   สิ้นเสียงสัญญาณจากผู้นำทัพ เหล่ามโคในร่างอมนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็ส่งเสียงตะโกนเฮรับอย่างฮึกเหิม แล้วจึงวิ่งบุกตะลุยสุดฝีเท้า มุ่งเข้าสู่ฐานทัพของพวกวกะทันที!



   อีกด้านหนึ่ง ภูธิปนั้นลุกขึ้นจากเตียงสวมใส่เสื้อคลุมหลวม ๆ แล้วมองร่างเปลือยบนเตียงที่นอนอ่อนเพลียนิด ๆ พร้อมรอยยิ้ม

   “ฉันว่าจะออกไปยืดเส้นยืดสายที่แนวหน้าสักพัก ...แล้วเธอล่ะพิภพ จะไปด้วยกันไหม”

   พิภพจ้องอีกฝ่าย แล้วจึงตอบกลับเรียบ ๆ

   “ก็ดีครับ...แต่แค่ผมก็พอ ส่วนคนของผมที่เหลือ ก็ให้อยู่เฝ้าตัวประกันไปจะดีกว่า”

   ภูธิปเลิกคิ้ว พลางย้อนถามกลับไปอย่างสงสัย

   “ทำไม...ไม่มั่นใจฝีมือคนของฉันหรือไง”

   คนฟังหัวเราะค่อย ๆ แล้วจึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

   “ไม่หรอกครับ...แค่กันไว้ดีกว่าแก้ แล้วก็ไม่อยากประมาทก็แค่นั้น ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นจะมาแค่พวกของน้องชายผมอย่างเดียวหรือเปล่า ยังไงทิ้งคนไว้เยอะ ๆ เพื่อป้องกัน มันสบายใจกว่า”

   ภูธิปจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาความจริงบางอย่าง ก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ แล้วยักไหล่นิด ๆ

   “เอาอย่างนั้นก็ได้ ...งั้นพวกเราก็ไปออกกำลังกายข้างนอกกันต่อได้แล้ว...ถึงฉันจะชอบออกกำลังกายในร่มมากกว่าก็เถอะ”

   หนุ่มใหญ่บอกพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ทำให้คนฟังถอนหายใจพลางสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา จากนั้นพวกเขาจึงแต่งตัวพร้อมออกไปเผชิญศัตรู โดยพิภพนั้นสั่งความให้ลูกน้องคนสนิทที่รออยู่ด้านนอก ให้คอยดูแลเรื่องตัวประกันแทนเขา

   “ท่านพิภพครับ...เรื่องตัวประกันนั่น ...ท่าน”

   กฤตชะงักค้างแค่นั้น เพราะเห็นภูธิปเดินตามนายของเขาออกมา ทางด้านพิภพเหลือบมองลูกน้องของตน แล้วจึงเปรยเบา ๆ

   “ทำตามที่เคยตกลงเอาไว้กฤต ...ถ้าขัดขวางก็ฆ่าทิ้ง”

   กฤตกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะโค้งรับคำสั่งพร้อมกับปลีกตัวจากไป ส่วนภูธิปยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจในสิ่งที่ได้ฟัง

   “เด็กดี...เธอนี่เหมาะกับการเป็นประมุขเผ่านะ เด็ดขาดใช้ได้”

   “ขอบคุณครับ...แต่ผมเกลียดตำแหน่งนี้ และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะรับมันมาด้วยซ้ำ”

   พิภพบอกอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูธิปโมโหแต่อย่างใด เขาประคองกอดร่างของวกะหนุ่มเดินไปด้วยกัน และพอออกไปด้านนอกที่พัก เขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องกึกก้องมาจากที่ไกล ๆ  หัวหน้าเผ่าครุโฬยกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วบอกกับบรรดานักรบครุโฬราวสี่สิบกว่านายที่รอคอยอยู่ตรงหน้าเขา

   “พวกเจ้าทั้งหลาย!  จงออกไปแสดงแสนยานุภาพของพวกเรา ให้พวกสัตว์กินพืชอ่อนแอนั่นได้รับรู้เสียเดี๋ยวนี้!”

   เสียงเฮตอบรับดังลั่น พร้อมกับการเคลื่อนพลอย่างพร้อมเพรียงและแข็งแกร่ง... ใช้เวลาไม่นานนัก การเผชิญหน้าของเหล่ามโคและครุโฬ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นในที่สุด!

   

... TBC ...

ออฟไลน์ nayne

  • miKapleXD
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • Super Сasual Dating - Actual Women
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าพ่อของวิรัลจะเกี่ยวกับเผ่านากาหรือเปล่า
แล้วก็เกี่ยวจริงๆด้วย
ติดตามลุ้นตอนต่อไป เหตุการณ์เริ่มจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย
สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
ชักอยากอ่านท่านเวทิตกับท่านากาจัง ท่าทางน่าสนุก :-[

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มันอ่ะ ลุ้นมาก นานๆจะเจอแนวสู้รบสักที
แต่ก็แอบเสียดายว่าจะจบแล้ว เพราะติดตามเรื่องนี้มาแต่แรกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
อิอิ  คิดแล้วว่าต้องโดนหนุ่มที่ไหนกักตัวไว้จริงๆด้วย  :o8:
ขนาดลูกยังงดงามตรึงใจตั้งแต่แรกเห็นขนาดนั้น  คนพ่อก็ต้องงามไม่แพ้กันแน่ๆอ่า  :laugh:

Syntyche

  • บุคคลทั่วไป
อ่า...ท่านเวทิตพ่อของวิรัล กับงูขาวยักษ์โผล่มานิดเดียว
เล่นดึงความสนใจคนอ่านไปหมดเลยอ่ะ แหะๆ >//<
ก็นะ..ลูกงามขนาดนี้คนพ่อต้องงามไม่แพ้กันแหละ
งดงามขนาดท่านนากายังต้องกักขังไว้กับตัวเองเป็นเวลาหลายสิบปีเลยเนี่ย
กรี๊ดดดมากค่ะ สองคนนี้ทำเราจิ้นไปไกลแล้ว~
อยากอ่านมากๆ มีภาคสองของพ่อวิรัลมั้ยคะ (^.^)?

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
โอยยยย ทำไมพิภพถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
ทำกับคนสายเลือดเดียวกันได้ลงคอ YY อย่าเป็นอะไรกันนะ

เจอพ่อแล้ว แต่ท่าทางจะไม่ได้กลับมาแล้วละสิมั้งเนี่ย><
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2013 21:51:43 โดย u_cosmos »

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
แบบนี้พวกของธามต้องลำบากกว่าเดิมแน่
พิภพเหมือนจะแอบทำอะไรอยู่รึเปล่า
ยังไม่อยากให้จบเลยย

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3

อั๊ยๆๆๆ
พ่อวิรัลเป็นเคะเหมือนลูกชายไหมอ่า
อยากอ่านคู่พ่อแล้ว จำเลยรัก
กังขังฉันเถิดกังขังปายยยย~
>//////////////<
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2013 17:48:27 โดย Chichi Yuki »

ออฟไลน์ CheetahYG

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
คุณพ่อกับใครบางคนในเผ่านากา....แอร๊ย :pighaun: :pighaun:
รอตอนต่อไปอยู่น๊านักเขียนที่ร้ากกกกก :-[  :-[

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ตอนนี้ก็รอแค่คนแต่งมาต่อเท่านั้น คุณพ่อโดนหนุ่มกักตัวไว้ชะงั้น เฮ้อ รอๆ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
คนที่คุยกับพิชญ์และจับตัวเวทิตพ่อของวิรัลไปเนี่ยเป็นใครในเผ่านากากันนะ แต่ยังไงท่าทางเผ่านากาคงจะมาช่วยธามวิรัลนะ เพราะถ้าไม่มาช่วยเวทิตคงไม่ยอมอยู่ด้วยแน่ ๆ และเวทิตก็เหมือนจะพยายามหนีออกมาหลายครั้งแล้วนี่นะ พิภพคิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือ ใครเป็นคนโทรบอกพวกธามนะ กฤตหรือเปล่า

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
กระหน่ำลงอย่างต่อเนื่อง นักอ่านคนใดที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ช้า เกิดมึนงง  ที่หน้าแรก มีสารบัญทำไว้ให้ทุกตอนค่ะ จะได้อ่านได้ไม่กระโดดไปมาจ้า ^^

 :L1:
--------------------------------------

/26



   ทางด้านธามและชาครเมื่อได้รับสัญญาณการสู้รบจากด้านนอก ชายหนุ่มก็สั่งการลูกน้องในอาณัติ  ที่มีรวมกันกว่าเกือบสี่สิบชีวิต  มุ่งตรงไปยังอาคารประชุมศูนย์กลางในเผ่าวกะทันที

   “ระวังตัวด้วย มันต้องทิ้งพวกไว้เฝ้าตัวประกันจำนวนหนึ่งแน่...แถมยังมีพวกวกะที่ทรยศนั่นอีก!”

   ธามออกคำสั่ง พลางให้ลูกน้องเล็งรุมเก็บพวกนักรบครุโฬทีละราย เพราะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของทางนั้นดี ดังนั้นแม้จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างขี้ขลาดไปสักหน่อย แต่มันก็ช่วยทำให้คนของเขาปลอดภัยกว่าวิธีอื่น ๆ

   “โชคดีที่มันไม่ทิ้งคนไว้เยอะกว่าที่คิด ....น่าแปลกนะ จริง ๆ ท่านพิภพก็น่าจะให้ข้อมูลพวกเรากับพวกครุโฬไว้นี่นา หรือพวกมันคิดว่าพวกเราจะสู้พวกมันไม่ได้กันแน่”

   ชาครเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ เพราะหลังจากที่เขาจัดการยามเผ่าครุโฬไปแล้วสามราย ก็รู้สึกว่าเวรยามที่มีน้อยกว่าที่พวกเขาคิดไว้

   “หรือว่าเป็นแผนลวงของพวกมัน ล่อให้เราเข้าไปลึกเข้า แล้วตลบหลังจากข้างนอกอีกที!”

   ไชยาแย้งขึ้น ทำให้แต่ละคนเริ่มกังวล และขณะที่กำลังยืนปรึกษากัน หนึ่งในเผ่าครุโฬก็เดินยามผ่านมาบริเวณนั้นพอดี

   “นั่น! พวกแก…”

   ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบ ก็มีฝ่ามือแกร่งฝ่ามือหนึ่งทะลวงอกมาจากด้านหลังของอีกฝ่าย แล้วบีบขยี้หัวใจอมนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายให้แหลกในการโจมตีครั้งเดียว ก่อนจะทิ้งร่างไร้วิญญาณร่างนั้นไว้บนพื้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ยินดียินร้าย ต่อสีหน้าตกตะลึงของวกะอีกกลุ่มแม้แต่น้อย

   “ระวังตัวกันหน่อย ถึงพวกนี้จะเหลือไม่เท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าพวกนั้นส่งสัญญาณให้พวกข้างนอกรับรู้ แผนการช่วยตัวประกันของพวกท่านจะพลาดท่ากันหมด ...ท่านธาม”

   ธามเม้มปากนิ่ง จ้องหน้าคนพูด แล้วย้อนถามกลับ

   “ทำไมนายถึงมาช่วยพวกเรา! วางแผนอะไรกันอยู่แน่!”

   อีกฝ่ายแย้มยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงมองไปยังทิศที่มีการสู้รบกันอยู่

   “ผมและคนคนนั้น ก็เหมือนพวกท่านนั่นล่ะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จิตวิญญาณของพวกเราก็ยังเป็นวกะอยู่ดี... คนคนนั้น เลือกที่จะปกป้องเผ่า โดยไม่สนว่าจะถูกใครดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือเสียศักดิ์ศรีสักเพียงใด...  เฮ้อ!  ถึงบอกไปพวกท่านก็ไม่สนใจจะฟังอยู่ดีล่ะนะ ก็เขาเป็นตัวร้ายในสายตาของพวกท่านนี่นา”

   กฤตเอ่ยจบ แล้วจึงเงยหน้ามองธาม ก่อนจะเอ่ยบางสิ่งที่ทำให้คนฟังชะงัก

   “ยามทางนี้จะเฝ้ากันอยู่สี่คน ที่ผมฆ่าไปหนึ่ง แล้วอีกสาม...ผมคาดว่าพวกท่านคงจัดการไปเรียบร้อยแล้วสินะ”

   ธามพยักหน้าตอบรับ แล้วจ้องมองว่าคนตรงหน้า จะพูดอะไรต่อ

   “ถ้าอย่างนั้น ด้านโน้นก็มียามเหลืออีกสามคนเท่านั้น ...ทางผมจะให้ลูกน้องจัดการเก็บพวกนั้นเอง ส่วนพวกท่านก็ลงไปที่คุกใต้ดินช่วยท่านประมุขและพวกผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ แล้วกัน ระวังหน่อยล่ะ ด้านนอกมีพวกครุโฬเฝ้าอยู่สองคน  รีบสังหารมัน ก่อนที่มันจะส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องได้ล่ะ”

   จากนั้นเจ้าตัวก็ทำเหมือนจะเดินจากไป ทำให้ธามที่รู้สึกขุ่นเคืองหงุดหงิดและสงสัย ต้องเรียกรั้งชายหนุ่มเอาไว้ก่อน

   “นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ! นายช่วยพวกเราไว้ทำไม ในเมื่อพวกนายไม่ใช่หรือ ที่ยอมไปสวามิภักดิ์กับพวกครุโฬนั่น!”

   เสียงของธามตวาดดังลั่น ทำให้นักรบครุโฬที่ได้กลิ่นเลือดลอยมาตามลม และตัดสินใจติดตามมาได้ยินเข้า เจ้าตัววิ่งมาทางที่พวกธามและกฤตยืนอยู่ เมื่อได้เห็นศพของเพื่อนและเลือดจากมือของกฤต เจ้าตัวก็ตกตะลึงพร้อมกับตวาดเสียงดัง

   “นี่แกกล้าทรยศพวกเราอย่างนั้นรึ!”

   กฤตยิ้มน้อย ๆ เขากระโดดหลบไปด้านหลัง เมื่อถูกโจมตี จากนั้นจึงบอกกับอมนุษย์เผ่าครุโฬตรงหน้า

   “เจ้านายฉันสั่งไว้ว่า ...ถ้าขัดขวางก็ให้ฆ่าทิ้งได้เลย...แน่นอน นั่นหมายถึงพวกแกนะ เจ้าพวกเผ่าครุโฬ!”

   เอ่ยจบเจ้าตัวก็กลายร่างสู่สภาพอมนุษย์ แล้วโก่งคอหอนยาวเป็นสัญญาณให้พรรคพวกของเขาจู่โจมพวกครุโฬที่อยู่ในส่วนกลางให้หมด เสียงหอนรับตอบรอบด้าน สร้างความตกตะลึงให้กับพวกครุโฬ และพวกที่เป็นตัวประกันอยู่ยิ่งนัก รวมไปถึงพวกธามที่พากันยืนอึ้งอยู่ชั่วขณะ ทว่าพอได้สติ ธามจึงสั่งให้พรรคพวกของเขาเข้าไปช่วยกฤตทันที

   “ไว้ค่อยอธิบายให้พวกฉันรับฟังอีกทีแล้วกัน ...ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่ถ้ามีเหตุผลพอ พวกฉันก็ยินดีจะฟังเสมอ!”

   ธามบอกกับกฤต แล้วทิ้งชาครพร้อมพวกของเขาจำนวนหนึ่งให้ไปช่วยพวกของกฤตสู้กับยามครุโฬที่เหลืออยู่ รวมไปถึงช่วยลี้ภัยตัวประกันให้หนีออกไปจากเผ่า ให้อยู่ในที่ปลอดภัยกันก่อน  ส่วนตัวเขาและกฤต และลูกน้องอีกราวสี่ห้าคน ก็ตรงไปยังคุกใต้ดิน ที่มีพวกคนสำคัญของเผ่าวกะขังอยู่ อย่างเร่งรีบ

   

   อีกด้านหนึ่งในสนามรบ วิรัลพยายามรักษาตำแหน่งไม่ให้อยู่ล้ำหน้าเป็นเป้าหมายกับศัตรูมากนักอย่างที่ธามเคยแนะนำเอาไว้  ทว่าแม้จะมีเพียงสี่สิบกว่าชีวิต แต่ก็เป็นนักรบอมนุษย์ที่เชี่ยวชาญการรบ แถมพวกครุโฬยังตั้งกำแพงรับไม่บุ่มบ่ามต่อสู้ เนื่องจากความเสียเปรียบของจำนวนคน ยากที่ฝั่งมโคจะฝ่าเข้าไปตีแตกได้

    กลับกัน ทว่าหากทางเผ่ามโครั้นบุกเข้าไป ก็มักจะโดนเล่นงานกลับย่ำแย่เสียตลอด เพราะกำแพงมีชีวิตจากร่างบึกบึนแข็งแกร่งของมนุษย์นกแถวหน้า จะคอยป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้พวกภูธิปได้เลย แถมส่วนพวกที่อยู่แถวหลังก็กางปีกบินโฉบมาจู่โจมทำร้ายผู้รุกราน และกลับไปตั้งมั่นหลังเพื่อน ๆ หากว่าฝ่ายตนเริ่มเสียเปรียบขึ้นมา  และนั่นจึง ทำให้วิรัลคิดหนักในการออกคำสั่งจู่โจมแต่ละครั้ง   

    หากทางด้านปาลินีนั้นกลับบอกหลานชายที่กำลังร้อนรนว่า การที่อีกฝ่ายเลือกตั้งรับนั้นเป็นการดีแล้ว เพราะยิ่งจะช่วยถ่วงเวลาให้ทางธามชิงตัวประกันสำเร็จ ทว่าเธอเองก็แปลกใจว่าทำไม ทางพวกครุโฬถึงเลือกกลยุทธ์เช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้ว่า อาจจะมีแผนการชิงตัวประกันเกิดขึ้นกันแน่



   “อืม...น่าจะได้เวลาแล้วนะ”

   ภูธิปพึมพำ ทำให้คนข้างกายเขาชะงัก แต่ก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉยจนประมุขเผ่าครุโฬนึกชื่นชมต่อความใจเย็นและมีสติของอีกฝ่าย

    จริง ๆ ภูธิปนั้นรู้ว่าพิภพเริ่มคิดไม่ซื่อตั้งแต่ตอนที่เขาถามจำนวนพรรคพวกของธามที่อยู่ด้านนอกแล้ว   เนื่องจากเขาแอบเค้นข้อมูลสอบปากคำจากวกะระดับสูงคนหนึ่งโดยไม่ให้พวกพิภพรู้ ถึงข้อมูลคร่าว ๆ ภายในของเผ่า โดยได้นำคนในครอบครัวของวกะผู้นั้นมาทรมานต่อหน้าต่อตา  จึงทำให้เจ้าตัวยอมบอกข้อมูลที่ตนรับรู้ออกมา ซึ่งมันแตกต่างจากที่พิภพบอกกับเขาไปอยู่มาก แต่แม้จะรู้ว่าถูกหักหลัง แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าท้ายที่สุดนั้น พิภพจะทำอย่างไรให้เขาได้เห็นกันแน่



ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
   เสียงเฮลั่นที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภูธิปชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นเหล่านักรบวกะที่เคยถูกพวกเขาจับเป็นตัวประกันกว่าสองร้อยชีวิต บัดนี้ต่างเฮโลยกพลกันออกมาร่วมรบกับพวกตน ส่วนพิภพหน้าซีดเล็กน้อย พร้อมกับหลุดพึมพำกับตัวเองออกมาอย่างลืมตัว

   “บ้าน่า...จะมาทำไมกัน...ทำไมไม่หนีไปให้หมด”

   “มีอะไรหรือพิภพ... ผิดแผนไปหน่อยหรือไง”

   พิภพชะงักและตวัดสายตามองภูธิป ก่อนจะหันไปมองเผ่าวกะที่กำลังมุ่งมายังที่พวกเขาอยู่ เจ้าตัวเม้มปากแน่น แล้วจึงตะโกนย้อนกลับไปดังลั่น

   “เจ้าพวกวกะโง่เง่า! ถ้ายังรักตัวกลัวตายก็หนีไปให้พ้น ไม่ต้องมาร่วมรบไร้สาระแบบนี้ เข้าใจไหม!”

   วกะตนอื่น ๆ พากันชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะได้พวกกฤตช่วย จึงได้รู้ว่าต่อให้พวกธามไม่มาชิงตัวประกัน แต่ตัวพิภพเองก็ได้แอบวางแผนลักลอบปล่อยตัวประกันออกไปทีละน้อยในอนาคตอยู่แล้ว และที่ต้องยอมเป็นอาณานิคมของเผ่าครุโฬ เนื่องจากมั่นใจและได้ข่าวภายในมาว่า ยังไงเผ่าครุโฬก็เล็งโจมตีเผ่าของตนเองเป็นแน่ จึงตัดสินใจชิงร่วมมือและยอมยกเผ่าเป็นอาณานิคมให้กับภูธิปเสียก่อน แม้จะอ้างบังหน้ากับทุกคนว่าเพื่อแก้แค้นบิดาก็จริง แต่สาเหตุหลักก็คือเขาต้องการหลีกเลี่ยงการสู้รบและบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

   “ลูกจะคิดยังไงมันก็เรื่องของลูก แต่พวกเราก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของเราเช่นกัน!”

   ปุริมบอก แล้วกระจายวงล้อมกรอบพวกนักรบครุโฬ ที่แม้ยามนี้ก็ยังคงไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

   “เกียรติและศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ...ของพรรค์นั้นมันช่วยอะไรได้บ้าง! มันทำให้ทุกคนรอดพ้นได้อย่างนั้นหรือ!  ผมขอย้ำอีกครั้ง ว่าให้รีบไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่พวกนี้จะ...”

   พิภพสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่ของภูธิปในร่างอมนุษย์ตะปบปิดปากของเขา พร้อมกับแขนอีกข้างที่รัดร่างเขากอดค่อนข้างแน่น

   “ชู่...อย่าเพิ่งบอกพวกมันสิ พิภพ ...เรื่องเซอร์ไพรส์ ก็ต้องเอาไว้ดูด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่หรือ”

   พิภพพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อภูธิปหันไปบอกกับคนของตน

   “เรียกพวกนั้นมาได้แล้ว...ปล่อยให้ซ่อนตัวกันอยู่เสียนาน ป่านนี้คงหงุดหงิดแย่”

   คนของภูธิป รับคำแล้วจึงนำแตรเขาสัตว์มาเป่ายาวเป็นสัญญาณ และพอสิ้นเสียงเป่าเขา เสียงโห่ร้องยินดีและพื้นดินสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้น จนพวกวกะและมโคพากันตื่นตระหนกกันยกใหญ่

   “เกิดอะไรขึ้น!”

   “กฤต! หรือว่าพวกนั้นมีพรรคพวกซ่อนอยู่อีกกันแน่!”

   ปุริมหันไปถามกฤต ส่วนธามนั้นรีบตรงไปสมทบกับวิรัลทันทีที่ช่วยบิดาออกมาได้

   “ผมก็ไม่ทราบครับท่านประมุข... แต่เมื่อก่อนหน้าที่จะออกมารบ หัวหน้าเผ่าครุโฬพูดเหมือนกับว่าเขามีไม้ตายซ่อนอยู่ แต่ผมไม่ได้อยู่รับฟัง ...ผมได้รับคำสั่งก่อนหน้านั้นแต่เพียงว่า  ถ้ามีการบุกชิงตัวประกันเกิดขึ้นจากภายนอกเมื่อไหร่ ก็ให้ร่วมมือช่วยทุกคนแล้วพาหนีไป อย่าหวนกลับมาอีกเพียงแค่นั้น...”

   กฤตตอบคำถามนั้นด้วยความรู้สึกผิด ที่ไม่อาจจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายได้สำเร็จ  ทีแรกนั้นหลังจากช่วยทุกคนเสร็จ เขาก็พยายามอธิบายให้ทุกคนได้รับรู้เหตุผลของพิภพ และบอกว่าชายหนุ่มต้องการให้ทุกคนหนีไปให้ไกลจากที่นี่และอย่าได้ย้อนหวนมาอีก หากแต่ทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราว ต่างไม่ยอมรับฟังข้อเสนอนั้น แม้พวกเขาจะเข้าใจแนวคิดของพิภพดีแล้วก็ตาม  ทว่าด้วยสายเลือดอันหยิ่งทระนงในตัวเองของพวกวกะ จึงทำให้ทุกคนตัดสินใจสู้ตายเพื่อชิงเผ่ากลับคืนมามากกว่า

   “ช่วยไม่ได้...ในเมื่อเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องสู้จนถึงที่สุด!”

   ปุริมให้กำลังใจตัวเองและพวกพ้อง และตัดสินใจบุกโจมตีภูธิปเพื่อชิงตัวลูกชายคนโตกลับคืนมา  ทว่าก่อนที่พวกเขาจะรุกคืบไปถึงตัวภูธิปและพิภพ แต่ละรายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นร่างที่ค่อย ๆ ทยอยเดินออกจากป่าทึบ และปรากฏต่อสายตาทุกคน ซึ่งนั่นก็สร้างความตกตะลึงให้กับพวกวกะและมโคในที่นั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งพิภพที่รู้ตัวอยู่แล้วก็ตาม

   “หึ ๆ เป็นไง ...เธอคงไม่คิดว่าฉันจะมาบุกยึดครองพวกวกะที่ชำนาญการสู้รบ ด้วยคนแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้นหรอกนะ ใช่ไหม”

   ภูธิปบอกกับคนในอ้อมกอด พร้อมกับปล่อยมือที่ปิดปากอีกฝ่ายอยู่ให้เป็นอิสระ พิภพพึมพำเสียงแทบไม่พ้นลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง

   “เป็นไปไม่ได้ ...จำนวนขนาดนั้น หลบซ่อนอยู่ได้ยังไงจนถึงป่านนี้ ...”

   ชนเผ่านักรบครุโฬกว่าสามร้อยชีวิตค่อย ๆ ทยอยออกมาจากที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณนั้นอย่างไม่รีบร้อนนัก และต่างพากันยืนเรียงรายล้อมเหล่านักรบวกะและมโคอยู่รอบ ๆ

   “ฉันชอบสถานที่ลับของเผ่าเธอจัง... มีภูมิประเทศเอื้อต่อการซุ่มโจมตีศัตรูได้ดีนะ...เสร็จศึกนี้ ฉันคงต้องขอยึดเอาไว้เสียแล้วล่ะ”

   ภูธิปบอกอีกฝ่ายยิ้ม ๆ แต่คนในอ้อมแขนเขายิ้มไม่ออก

   “คงคิดว่าผมโง่มากสินะ...”

   พิภพพึมพำกับตัวเอง ทว่าคนฟังกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยตอบ

   “ใครว่าล่ะ...เพราะเธอฉลาดต่างหาก ฉันถึงต้องได้วุ่นวายระแวงเตรียมโน่นเตรียมนี่ให้ยิ่งกว่าเดิม เพราะกลัวจะเสียท่าเธอจริง ๆ ยังไงล่ะ”

   เจ้าตัวชะโงกจูบเส้นผมอีกฝ่ายอย่างยังคงเอ็นดู แล้วจึงสั่งลูกน้องซึ่งเป็นมือขวาของเขาให้คุมการสู้รบในครั้งนี้

   “ไปสิ สิทธา! ไปแสดงพลังของเผ่าพวกเราให้พวกนั้นได้เห็นหน่อย ...แล้วอย่าลงมือรุนแรงนักล่ะ ไม่อย่างนั้นเรื่องสนุก ๆ มันจะจบไวเสียก่อน”

   “ขอรับท่านประมุข!”

   คนสนิทของภูธิปโค้งรับ และจึงออกคำสั่งประจัญบานทันที ทำให้พวกวกะและมโค ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าอมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง ด้วยจำนวนนักรบวกะเพียงแค่สองร้อยกว่าชีวิต และเหล่ามโครวมถึงพันธมิตรกว่าอีกร้อยชีวิต แม้ด้วยจำนวนคนจะพอ ๆ กัน ทว่าศักยภาพที่มีนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

   

   “บ้าชะมัด! ติดต่อพวกข้างในให้มาช่วยรบดีไหมนะ!”

   หนึ่งในพรรคพวกของกฤตสถบพึมพำ เมื่อเห็นจำนวนของศัตรูที่มากมายแตกต่างกับพวกตน แต่กฤตรีบปรามไว้ก่อน

   “ไม่ได้! พวกนั้นมีแค่ผู้หญิง เด็ก แล้วก็วกะวัยรุ่นไร้ประสบการณ์สู้รบ ขืนเอามาก็รังแต่จะให้มาถูกฆ่าโดยเปล่าประโยชน์! กับพวกครุโฬ แค่จำนวนมากกว่า ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบ!”

   คนฟังชะงักก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น  ส่วนวกะตนอื่น ๆ นั้นก็คิดเช่นเดียวกับกฤต พวกเขาหันหน้าเผชิญกับเหล่าครุโฬ ที่เดินบีบล้อมเข้ามาอย่างย่ามใจเรื่อย ๆ

   “หยุดนะ! กฤต! บอกให้คนของเรายอมแพ้เดี๋ยวนี้! อย่าต่อสู้เด็ดขาด!”

   เสียงพิภพที่ถูกกักด้วยอ้อมแขนแกร่งตะโกนแว่วมา กฤตชะงัก เขาเองก็อยากทำตามคำสั่งของพิภพ แต่มาถึงขั้นนี้ ต่อให้พวกเขายอมแพ้ ชายหนุ่มก็เชื่อว่าภูธิปย่อมจะไม่มีวันอภัยให้คนที่หักหลังตนซ้ำสองเป็นแน่

   “หึ ๆ เอาไงดีนะ ...คุกเข่าขอร้องและจูบเท้าฉันต่อหน้าพวกวกะทุกคนสิ พิภพ...บางทีฉันอาจจะละเว้นโทษตายให้คนในเผ่าของเธอก็ได้นะ”

   ภูธิปเปรยเสียงดัง ให้ทั้งพิภพและทุกคนในเผ่าวกะได้ยิน ทางด้านพิภพชะงักกึก และเมื่อภูธิปปล่อยอ้อมกอดที่กักร่างเขาออก ชายหนุ่มก็เหลือบมองคนที่ยืนยิ้มน้อย ๆ ตรงหน้า แล้วจึงค่อย ๆ คุกเข่าลงช้า ๆ ท่ามกลางสายตาเจ็บปวดของกฤตและคนของพิภพ รวมไปถึงปุริมที่มองอยู่

   “หยุดนะลูก! อย่าไปฟังมัน! ต่อให้ลูกทำแบบนั้น มันก็ฆ่าพวกเราทิ้งอยู่ดี เพราะพวกพ่อจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้พวกมันเด็ดขาด!”

   พิภพที่เตรียมโน้มศีรษะลงต่ำชะงัก แล้วจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เบือนหน้าไปมองบิดาของตน ด้วยสายตาที่ทั้งชิงชังตัดพ้อแต่ลึก ๆ แล้ว ภายในแววตาคู่นั้น มันยังคงมีความเคารพรักคนตรงหน้าแฝงอยู่ให้สัมผัส 

   “ผมเกลียดพ่อ ...เกลียดเผ่าวกะ ...มาถึงตอนนี้ก็ยังคงเกลียดอยู่ดี ...”

   พิภพบอกกับอีกฝ่ายเสียงสั่นเครือ เขาจ้องตาปุริมนิ่งสักพัก แล้วจึงหันกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ปุริมนั้นนึกเอะใจในบางสิ่งที่ลูกชายของตนกำลังทำ

   “พิภพ หรือว่าลูกจะ...”

   “...แต่ถึงเกลียดยังไง การที่จะเห็นมันสลายไปต่อหน้าต่อตา ...มันก็ทำใจไม่ลงอยู่ดีนั่นล่ะ!”

   พิภพตะโกนพร้อมกับกลายร่างและเตรียมลงมือเล่นงานหมายตำแหน่งหัวใจของภูธิป ทว่าอีกฝ่ายก็จับข้อมือของเขาไว้ได้ก่อน เจ้าตัวบีบมันค่อนข้างแรงจนได้ยินเสียงคล้ายกระดูกแตก พิภพกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่คนลงมือแย้มยิ้มเย็นเป็นปกติ

   “ไม่น่าเลยพิภพ...ต่อให้เธอหักหลังฉันจริง ๆ ฉันก็ยังรักเธออยู่ดี ...แต่มาลงมือกับฉันแบบนี้ ต่อให้ฉันรักเธอขนาดไหน แต่ในฐานะประมุขของเผ่า ฉันก็คงต้องลงโทษเธอ เพื่อไม่ให้ใครจดจำเป็นเยี่ยงอย่างเสียแล้วล่ะนะ”

   เอ่ยจบภูธิปก็ต่อยท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง จนพิภพตัวงอ จากนั้นก็เตะอัดข้างลำตัวของวกะหนุ่มซ้ำ แม้ไม่ออกแรงจริงจังเต็มที่ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับซี่โครงหักบาดเจ็บหนัก

   “ฉันจะหักแขนหักขาเธอให้หมด เธอจะได้อยู่เฉย ๆ รอดูพวกพ้องของเธอโดนฆ่ายังไงล่ะ... แต่สำหรับเธอ ฉันฆ่าเธอไม่ลงหรอกนะพิภพ ...ความรักที่ฉันมีให้กับเธอมันเป็นของจริงรู้ไหม”

   ภูธิปบอกพลางเหยียบไปที่ขาซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง พิภพสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ทางด้านกฤตนั้นหมายจะมุ่งเข้าไปช่วยผู้เป็นนาย แต่ก็ถูกนักรบครุโฬตนอื่น ๆ ขวางไว้ก่อน พวกวกะแต่ละตนในกลุ่มของพิภพกลายร่างพร้อมเข้าสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อช่วยนายของพวกตน ทว่าก็ถูกเล่นงานกลับคืนอย่างง่ายดาย จนพิภพที่เห็นต้องตะโกนห้าม

   “อย่าเข้ามา! ช่างฉัน! หนีเอาตัวรอดกันให้ได้ก็พอ!”

   ภูธิปยกยิ้มน้อย ๆ แล้วบีบคออีกฝ่ายยกร่างลอยขึ้นเผชิญหน้ากับเขา

   “อย่าทำแบบนี้สิพิภพ...เธอกำลังทำให้ฉันหึงนะ ที่เห็นคนอื่นดีกว่าฉันน่ะ...หือ”

   ภูธิปมองแขนข้างของอีกฝ่ายที่ไม่ได้หัก ยกจับที่แขนของเขาแล้วบีบมันแน่น เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้มือที่ว่าง จับมือข้างนั้นยกขึ้นบีบแรง ๆ จนพิภพต้องปล่อยมือออกอย่างง่ายดาย

   “เด็กดื้อ อย่างนี้ฉันต้องลงโทษเธออีกแล้วสินะ”

   ภูธิปเตรียมที่จะบีบแขนอีกข้างของพิภพให้แหลก ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อมีบางสิ่งพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว และพอจะหันไปป้องกันตัว ร่างนั้นก็กระแทกชน จนเขาเซไป และปล่อยให้ร่างของพิภพเป็นอิสระ

   “ธาม... ทำไมนาย...”

   พิภพอุทานเมื่อเห็นร่างหมาป่าของน้องชายคนเล็กพุ่งตัวเข้ามาช่วยเขา ส่วนคนอื่น ๆ ก็รบกับพวกครุโฬ อย่างไม่มีใครยอมแพ้หรือท้อถอย และมีหลายคนที่พยายามบุกเข้ามาช่วยเขาอย่างที่ธามทำอยู่

   “ก็แค่มีหนี้แค้นที่ต้องเคลียร์กับนายตัวต่อตัวเท่านั้น ....ไม่ปล่อยให้โดนคนอื่นฆ่าตัดหน้าหรอก!”

   ธามบอกกับพิภพด้วยสายตาเย็นชา คำบอกเล่าของมาลุตก่อนหน้านั้นยังคงอยู่ในความทรงจำเขา เรื่องที่ว่าพิภพเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของมารดาของเขาด้วย   

   “...นายรู้มาจากมาลุตแล้วสินะ...”

   พิภพพึมพำ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อย ๆ แล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

     “หึ ๆ แล้วนายรู้ไหมว่า คนที่บงการวกะบ้าคลั่งนั่นที่ฆ่าแม่ของนาย มันเป็นใครกัน....”

   ร่างที่บอบช้ำเปรยขึ้นอย่างคิดยั่วโมโหคนฟัง เขาคิดว่า บางทีการที่ถูกคนในเผ่าแถมยังมีสายเลือดเดียวกันฆ่า ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือของภูธิปนั่นเอง

   ธามชะงัก ต่อให้พิภพไม่พูด เขาก็อดคิดไม่ได้อยู่แล้วว่า อีกฝ่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

   “แก...”

   ธามกัดฟันกรอด ทว่ายังไม่ทันทำอะไร เสียงวิรัลที่พุ่งฝ่าเข้ามาหา ก็ตะโกนเตือนดังลั่น

   “คุณธามระวัง!”

   ธามกระโดดถอยหลบตามที่ได้ยินเสียงเตือน ทำให้แรงเตะที่ควรได้รับเต็ม ๆ ลดทอนลงไปมาก แต่ถึงขั้นนั้น เขาก็ยังคงจุกอยู่ดี

   “วิรัลถอยออกไป อย่าเข้ามา! ชาคร ดูแลวิรัลด้วย!”

   ธามหันไปสั่งคนรักและคนสนิท ก่อนจะยืนเผชิญหน้ากับภูธิป ที่ยืนขวางร่างบอบช้ำของพิภพเอาไว้

   “หึ ๆ เด็กไม่ดี... เธอเป็นของฉันนะ  ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้นอกจากฉันหรอก...ถึงเธอจะพยายามยั่วโมโหเขายังไงก็ตาม”

   คำพูดของภูธิปที่มีต่อพิภพทำให้ธามชะงักแล้วได้สติ  พลางสบถเบา ๆ กับตัวเอง  เขาไม่ควรให้ความโกรธเข้าครอบงำยามนี้  อีกอย่างเขายอมอโหสิเรื่องแม่ให้มาลุตไปแล้ว ถ้าเขาจะยกโทษให้กับพิภพบ้าง มันก็คงไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่ ...ยังไงชายหนุ่มก็กำลังรับกรรมที่ตัวเองก่อหนักหนามากอยู่แล้วในตอนนี้

   “...ถอยไปจากเขา ต่อให้เขาทำเรื่องผิดขนาดไหน พวกเราวกะก็มีบทลงโทษตัดสินกันเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาพวกต่างเผ่าอย่างแก!”

   ธามตวาดใส่ แล้วจ้องหน้าพิภพที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน

   “ฉันทำให้พ่อเสียใจเรื่องมาลุตมาแล้ว ...ฉันจะไม่ทำผิดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิมอีกหรอกนะ...พี่ชาย”

   ธามบอกแล้วพุ่งเข้าปะทะกับภูธิปอีกครั้ง แม้พลังกายที่อ่อนด้อยกว่า แต่ความว่องไวก็ทำให้ประมุขเผ่าครุโฬชักเริ่มรำคาญขึ้นทุกที  ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อเห็นประมุขเผ่าศัตรูกำลังเสียท่า กำลังใจของฝั่งมโคและวกะก็มีมากขึ้น ทว่า...

   “เลิกเล่นกันสักที ไอ้หนู!”

   ภูธิปเอ่ยเสียงห้าวลั่น มือใหญ่ที่ตะปบขาข้างหนึ่งของธามได้ จับร่างนั้นเหวี่ยงไปฟาดพื้นดินเต็มแรง จนพื้นดินบริเวณนั้นยุบตัวเป็นหลุมใหญ่ เลือดจากร่างสาดกระเด็น ส่วนเจ้าของร่างยังคงพยายามยันกายลุกขึ้น ทว่าก็ต้องกระอักเลือดล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้นอีกรอบ วิรัลตะโกนเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจและสลัดจากการป้องกันของชาคร ตรงมาที่ธาม พลางยืนขวางหน้าคนรักเอาไว้  ทางด้านชาครพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกนับรบเผ่าครุโฬตนอื่น ๆ ขวางทางเอาไว้  ทำให้วิรัลต้องเผชิญหน้ากับภูธิปเพียงลำพัง

   “หึ ๆ นี่หรือมฤคมาศ  ...กลิ่นกายหอมน่ากินดีแท้  หัวใจนั่นก็คงรสเลิศใช่ย่อยล่ะสิท่า”

   วิรัลตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงยืนขวางร่างธามไม่ยอมขยับไปไหน แต่พอภูธิปจะขยับเข้าใกล้ทั้งคู่ พิภพก็ใช้มือของตนข้างที่ขยับได้ จับขาอีกฝ่ายล็อกเอาไว้แน่น

   “พาหมอนั่น...หนีไป”

   วิรัลชะงัก เช่นเดียวกับภูธิป ที่มีสีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทีละนิด

   “ปล่อยน่าพิภพ...เธอก็รู้นี่ว่าฉันความอดทนต่ำ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอโดยไม่จำเป็นรู้ไหม”

   พิภพแค่นยิ้ม แล้วจึงโต้ตอบกลับไป

   “งั้นก็ฆ่าผมเสียเลยสิ...ผมรู้ว่าคุณทำได้สบาย ๆ อยู่แล้ว...”

   ภูธิปมองร่างมนุษย์หมาป่าผู้บอบช้ำตรงหน้า แล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

   “ใช่...ฉันทำได้ ...แต่บอกแล้วไง ฉันรักเธอนะพิภพ เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ลงมือฆ่าเธอ ต่อให้เธอจะยั่วโมโหฉันหนักกว่านี้ก็ตาม”

   ภูธิปยอบกายคุกเข่าลง แล้วบิดแขนข้างที่เกาะกุมขาเขาหักดังกรอบ พิภพสะดุ้งเฮือก แม้จะเจ็บสักเพียงใด ทว่ากลับไม่มีเสียงกรีดร้องทรมานออกมาให้ได้ยินสักนิด

   “หึ ๆ เก่งมาก เด็กดี....ทำไมเธอถึงไม่เกิดมาเป็นพรรคพวกของเราแต่แรกนะ”

   เมื่อพิภพขยับไม่ได้ เป้าหมายต่อไปของภูธิปก็คือวิรัล...กวางทองตรงหน้าเนื้อตัวสั่นเทา แต่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนหนีไปลำพัง  ส่วนธามก็พยายามบอกให้คนรักหนีไปโดยทิ้งเขาไว้

   “วิรัล...หนีไป...เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก...”

   “ไม่ครับ! ถ้าจะต้องตาย ก็จะขอตายด้วยกัน!”

   วิรัลโต้กลับ โดยยังคงเผชิญหน้าสบตากับภูธิปนิ่งอย่างพร้อมต่อสู้แลกชีวิตทุกเมื่อ

   “หึ ๆ เป็นกวางน้อยที่น่าสนใจ ...น่าเสียดาย ถ้าไม่เพราะอยากกินหัวใจ ก็คงจะเลี้ยงไว้ดูเล่นหรอกนะ”

   ภูธิปหัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ทางด้านชาครกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่อาจบุกฝ่าพวกนักรบครุโฬตรงหน้าที่ทยอยเพิ่มขึ้น เพราะสมาชิกทั้งมโคและวกะที่เสียท่าไปมาก ทำให้จำนวนสู้รบที่เคยได้เปรียบเริ่มเสียเปรียบ แม้แต่พวกปุริม ตอนนี้ยังตึงมือ จนไม่อาจฝ่าเข้าไปช่วยลูกชายทั้งสองของเขาได้

   “ไม่ต้องห่วงนะ...หลังจากกินหัวใจเธอแล้ว ฉันจะสงเคราะห์ส่งคนรักของเธอตามไปด้วยทันที”

   ภูธิปเอ่ยพร้อมกับขยับร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งเข้าใกล้วิรัลมากขึ้นทุกที ธามพยายามฮึดจนลุกขึ้นได้ ร่างโชกเลือดของหมาป่าสีเงินก้าวเดินช้า ๆ มาขวางหน้าคนรักเอาไว้ วิรัลอุทานเบา ๆ แล้วยืนเคียงข้างกับธามไม่ถอยไปไหน

   “ใจเด็ดดีนี่ ...เอาเถอะ จะช่วยสงเคราะห์ลงมือฆ่าแบบไม่ให้ทรมานนักแล้วกัน”

   วิรัลกับธามกัดฟันกรอด  ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังเข้าตาจน เสียงเป่าแตรเขาก็ดังขึ้นลั่นมาจากป่าทิศหนึ่ง พร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือนไปทั่ว สร้างความตกตะลึงให้กับทุกชีวิตที่กำลังสู้รบกันอยู่ยิ่งนัก

   “ไม่จริง...ไอ้พวกเผ่านากา ...มันมาได้ยังไง!”

   ภูธิปสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นศัตรูคู่แค้นของเขาปรากฏขึ้น นักรบเผ่านากาในร่างอมนุษย์หลากหลายสีสันกว่าร้อยชีวิต รุมล้อมพวกเขาอยู่รอบนอก และที่ยืนอยู่เคียงข้างหัวหน้าเผ่านากา ซึ่งเป็นงูเผือกยักษ์ตัวใหญ่ที่สุดในเผ่า นั่นก็คือกวางดำผู้สง่างาม หรือก็คือประมุขเงาของเผ่ามโคนั่นเอง

   “พิชญ์! นายทำสำเร็จ! นายชักชวนพวกเผ่านากาเป็นพันธมิตรของเราจนได้สินะ!”

   วิรัลตะโกนอย่างดีใจ ซึ่งชาครก็อาศัยจังหวะที่ทุกคนตะลึงงัน พุ่งเข้ามาขวางทางภูธิปและพวกวิรัลเอาไว้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับปุริมที่ตั้งสติได้ ก็พุ่งตรงมายังร่างบาดเจ็บของลูกชายคนโต เพื่อช่วยเหลือทันที



   “เจ้าเด็กน้อยหัวหน้าเผ่าครุโฬ...ข้ามาให้เจ้าล้างอายหนี้แค้นครั้งเก่าแล้วยังไงล่ะ ...อย่ามัวแต่แกล้งเด็ก ๆ พวกนั้นอยู่เลย  มาสู้กันตัวต่อตัวกับข้าไม่ดีกว่าหรือ”

   เสียงงูเผือกตะโกนก้องท้าทาย ทำให้ภูธิปกัดฟันกรอด เลิกที่จะคิดสนใจพวกวิรัล แล้วหันไปทางประมุขของเผ่านากาแทน

   “ได้สิไอ้แก่เผ่านากา! วันนี้ล่ะ ที่ข้าจะทำให้แกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้าบ้าง!”

   ภูธิปตวาดกลับ แล้วเดินตรงไปที่หัวหน้าเผ่านากาอยู่ โดยไม่มีใครกล้าขวางทาง  ส่วนด้านพิชญ์ที่อยู่กับเผ่านากามองสำรวจไปรอบ ๆ แล้วก็ถึงกับต้องนิ่วหน้า เพราะสภาพความเสียหายของพวกเขามีมากกว่า นี่ถ้าเขาพาเผ่านากามาช้ากว่านี้อีกนิด เห็นทีพรรคพวกของเขาและพวกวกะคงจะพ่ายแพ้ราบคาบเป็นแน่

   “ผมขอตัวก่อนนะครับท่านอุรค*”   (*อ่านว่า อุ-ระ-คะ)

   งูเผือกยักษ์หันมามองกวางดำ แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มห้วน

   “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ ...หวังว่าเจ้าคงจะไม่บอกใครเรื่องนั้นสินะ”

   พิชญ์ถอนหายใจแล้วจึงเอ่ยตอบ

   “ครับ...ถ้าท่านเวทิตเต็มใจอยู่ด้วยตัวเอง ผมก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้... อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ท่านวิรัล กับนายหญิงต้องโศกเศร้าซ้ำสอง เพราะฉะนั้นสู้ปล่อยให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า”

   พิชญ์เอ่ยสรุป แล้วจึงโค้งศีรษะนิด ๆ ก่อนจะวิ่งไปรวมพลกับพรรคพวกของเขา ส่วนงูเผือกยักษ์นั้นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางหันไปมองประมุขเผ่าครุโฬที่เดินมาทางตนอย่างช้า ๆ

   “ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปี ร่างกายมันติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด ...ช่วยไม่ได้นี่นะ  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าขอร้องล่ะก็  ข้าไม่มีทางลงทุนเปลืองแรงแบบนี้หรอกนะ เวทิต!”

   อุรคเปรยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะชูคอยาวจ้องอมนุษย์เผ่าครุโฬนิ่ง ทั้งคู่จ้องกันอยู่สักพัก และเมื่อต่างฝ่ายเริ่มขยับ การปะทะกันระหว่างประมุข รวมไปถึงพวกลูกน้องในเผ่า ก็เริ่มต้นขึ้นทันที!



... TBC ....


**ตอนหน้าเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่องแล้วค่ะ  ใกล้จบแล้วนะจ๊ะ  ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2013 11:13:20 โดย Xenon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด