Brothers
Chapter1 – The Mistake
‘เสือ’ คนที่เกิดจากพ่อกับแม่ที่เป็นผู้หญิงขายบริการ วันหนึ่งในฤดูฝน พ่อเล่าว่า..กลับจากงานไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วพบแม่ แม่..เป็นผู้หญิงสวย สวยมาก..ครั้งหนึ่งที่พ่อเผลอทำ ‘พลาด’ จนแม่ท้อง พอคลอดเขาได้ไม่นานแม่ก็ทิ้งเขาไว้กับพ่อ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้น..
เวลาไปโรงเรียนเสือมักโดนล้อ แต่เขาก็ทำเฉยกับทุกสิ่ง ทั้งคุณครู พ่อ หรือญาติๆ หากไม่จำเป็นเสือก็ไม่อยากพูดด้วยสักประโยค ทำไมน่ะหรือ..เพราะความแตกต่างน่ะสิ ถึงพ่อจะยอมรับเขาในทุกเรื่อง แต่เสือรู้ดีมันก็แค่หน้าที่
เสือคิดว่าพ่อไม่เคยรักเสือ..แต่มันคือความจำเป็น
พ่อแต่งงานใหม่กับผู้หญิงอีกคน..เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร หากเทียบกับแม่แล้ว ผู้หญิงคนนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ ทั้งการงาน ฐานะทางบ้าน ไม่ได้ยากจนอะไรเท่าไหร่ ออกจะมีกินด้วยซ้ำ
พ่วงมาหนึ่งคนคือลูกชายวันสิบเจ็ด เสือไม่เคยพูดด้วย ได้แต่สังเกตอยู่ห่างๆเท่านั้น เจ้านั่นเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ของบ้าน เจิดจรัส ทำให้ใครหลายคนนึกเอ็นดู หากเทียบกันแล้ว เสือเหมือนดวงจันทร์ วันไหนฟ้าปิดก็ไม่โผล่ ไม่เห็นแสง ไม่เหมือนดวงอาทิตย์ดวงนั้น..
เสือไม่ค่อยอยู่บ้าน ชอบออกไปนอนหอเพื่อนมากกว่า แม้จะโดนบ่นโดนแซะแต่เขารู้ดีว่ามันจะไม่ทิ้งกันไปไหน หากได้กลับบ้านก็กลับดึกในตอนที่ทุกคนนอนแล้ว
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เสือกลับมาห้าทุ่ม เวลาที่ใครหลายๆคนนอนหลับบนเตียงอุ่น แต่มีเจ้าเด็กช่างตื๊อคนหนึ่งนอนดูหนัง แถมด้วยเสียงหัวเราะดังสนั่นหวั่นไหว นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพลาด..
เขาเป็นสถาปนิกให้บริษัทแห่งหนึ่ง ทำงานมาหลายปี เรียกได้ว่าเรียนจบก็เข้าทำงานเลย ไม่รีรอเวลา ไม่เรียนต่อ เพราะคงพอแค่นี้..อาจารย์หลายคนเคยขอให้เขาเรียนต่อเพื่อมาสอนนิสิตนักศึกษา แต่เสือปฏิเสธตลอด
ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ..แค่ไม่อยากทนทำเฉยๆ
ฤดูร้อน ร้อนอบอ้าวจนหลายครั้งเสือหงุดหงิด แอร์ในห้องไม่ได้ช่วยบรรเทาได้เลย
วันนี้วันเสาร์ เขาไม่มีนัดกับใครเพราะเสือไม่ค่อยมีเพื่อน ถึงมีก็น้อย..แต่คบกันได้นานเลยทีเดียว มันควรเป็นวันพักผ่อน..แต่เสือไม่ชอบอยู่เฉยๆ ต่างจากเจ้าเด็กเมษา ที่ดูไฮเปอร์จนน่ากลัว
เสียงเคาะประตูห้องทำเอาเสือสะดุ้ง ก่อนขมวดคิ้วมุ่น พ่อกับแม่ใหม่แทบไม่เคยทำแบบนี้ แล้วจะมีใครอีกนอกจากเมษา
“พี่เสือ เปิดประตูให้เมษหน่อย”
เขาก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจเสียงร้องแง๊วๆหน้าประตู แต่แล้วความอดทนก็สิ้นสุดลงเมื่อเสียงเคาะประตูดังติดกันมาเรื่อยๆ
รำคาญใจ..
สุดท้ายแล้ว เจ้าชายน้ำแข็งของบ้านก็เดินมาเปิดประตูให้ตัวปัญหาจนได้
“พี่เสือ!!”
“มีอะไร”
เมษายิ้มก่อนยื่นกล่องช็อคโกแล็ต ของฝากจากพี่ตุลย์ให้ เมษาเคยได้ยินว่ามันทำให้อารมณ์ดี ถ้าพี่เสือได้กินต้องหยุดทำหน้าบึ้งแน่ๆ “ช็อคโกแล็ต”
“เอามาให้ฉันทำไม”
“พี่ชายเมษฝากมาให้”
พี่ชายเมษา..คนที่มาเมื่อคืนหรือ ชื่ออะไรเขาก็ยังไม่รู้จัก ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าแล้วกัน “ฉันไม่รับของคนแปลกน้า” เสือทำท่าจะปิดประตู หากเจ้าเด็กแสบกลับแทรกตัวเข้ามาดื้อๆ
“ไม่แปลกหรอก ถ้านับแล้วพี่ตุลย์เป็นลูกแม่เหมือนกัน ก็ต้องเป็นพี่พี่เสือด้วย” ร่างเล็กยิ้มหน้าบานก่อนวางกล่องช็อคโกแล็ตไว้บนโต๊ะ
“ออกไปได้แล้ว”
“ครับๆ พี่เสืออย่าทิ้งนะ ต้องลองชิม”
เมษาวิ่งตื๋อออกจากห้องนอนพี่เสือ ด้วยใบหน้าสดใส..ทั้งที่โดนปฏิเสธอยู่
เสือมองกล่องช็อคโกแล็ตบนโต๊ะก่อนถอนหายใจเฮือกๆ มันคงอร่อยถูกปากหรอกถ้าเจ้าเด็กนั่นเอามาให้ ไหนๆก็ลองชิมสักหน่อยจะเป็นไรไป
‘Anthon’s Berg’
ช็อคโกแล็ตรูปขวดเหล้าสี่แบบวางเรียงรายในถาดขนม ดูละลานตาไปหมด เขาหยิบขวดสีเขียว แกะเปลือก บิใส่มันออกแล้วเห็นน้ำเยิ้มๆไหลออกมา กลิ่นคล้ายผลไม้เจือกลิ่นแอลกอฮอล์นิดหน่อย มันเป็นเหล้ารัมที่สมัยเด็กๆเคยแอบกินของพ่อ น่าหลงใหลแต่อันตรายไม่น้อย
นับว่าโชคดีที่มันไม่ทำให้เขาเมาเท่าไหร่
แก้มเสือเริ่มมีเลือดฝาด เขาส่ายหัวไปมา..ท่าทางจะกินเยอะไปหน่อย พอมองอีกทีบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยกระดาษฟอยล์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปหมด นี่เขาเผลอขนาดนี้เลยหรือ..
“งี่เง่าชะมัด ไปทำงานได้แล้ว” เขาเตือนตัวเอง ขณะหยิบช็อคโกแล็ตหลายก้อนติดมือไปด้วย
เมื่อตอนยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย อาจารย์เคยเสนอว่าหากเรียนจบสถาปัตย์แล้วขอให้เสือเรียนต่อวิศวกรรมโยธาได้ด้วยหรือเปล่า คำตอบเดิมคือ ‘ไม่’ เสือไม่เคยฝืนตัวเอง แม้เป็นสิ่งที่ใครๆมองว่าดีเลิศ หากเขาไม่ชอบก็ไม่ทำ
แต่ใช่ว่าไม่เรียนแล้วเสือไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ตรงกันข้ามเขามักศึกษาด้วยตัวเองบ่อยๆ..มันทำให้เขาได้เปรียบกว่าใครหลายคน
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใครๆต่างก็พักผ่อนหย่อนใจ แต่ไม่ใช่เจ้าชายน้ำแข็งของบ้าน เขาเก็บตัวแค่ในห้อง หากหิวก็แค่ลงมาดื่มน้ำเท่านั้น หน้าที่การกรอกน้ำเป็นของเมษา เสือเคยได้ยินเจ้าตัวบ่นว่าน้ำหมดเร็ว..ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาก็ได้
ความคิดหยุดลง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขานั่นเอง “ฮะโหล”
‘วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ’ นิคกี้หรือนิค เพื่อนสาวผู้แอ๊บแมนมาตลอดสี่ปี ได้ฉายาหลายชื่อเพราะดูเหมือนเป็นคนหลายบุคลิก แม้จะชอบไว้หนวดไว้เคราจนดูหล่อ ทว่าบางทีก็สาวแตกไม่สนใจใคร ทำเอาผู้หญิงทั้งหลายอกหักไปตามกัน
“ไม่ไป ยังทำงานไม่เสร็จ”
‘ทำแต่งาน ไม่คิดจะไปเที่ยวไหนหรือไง’
เสือวางดินสอแล้วหยิบช็อคโกแล็ตขึ้นมา บิไส้จนเยิ้มก่อนเอาเข้าปาก “แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ”
‘ไปเที่ยวไง’
“ไม่ว่างขนาดนั้น นี่เป็นงานด่วน ไว้ทำเสร็จจะโทรกลับ” ไม่ทันที่ปลายสายจะพูดเขาก็กดปิดเครื่อง ทุกครั้งที่นิคโทรมาแก้เหงา เขามักเป็นแบบนี้ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสารหรือก้าวก่ายเส้นที่ขีดไว้ และเมื่อเสร็จแล้วเสือจะเป็นคนโทรหาเองเสมอ
วันนี้วันเสาร์ พ่อ แม่ และเมษามักออกไปทานข้าวข้างนอก พ่อไม่เคยเอ่ยปากชวน แม่เป็นคนชวนเสมอ ส่วนเมษาเพราะรู้ว่าโดนปฏิเสธเลยไม่ค่อยกล้าชวน เขาก็ขี้เกียจออกจากห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เพราะมันเป็นเหมือนที่ของเขาจริงๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งตอนสี่โมงครึ่ง ก่อนใครบางคนจะถือวิสาสะเข้ามาแบบไร้มารยาท “พี่เสือ..”
เขาขมวดคิ้วมุ่นพลางทิ้งดินสอลง “มีอะไรอีก”
“วันนี้ไปทานข้าวข้างนอกนะ”
เสือมองเมษาราวกับประหลาดก่อนหันหลังกลับ หยิบดินสอมาทำงานต่อ ก็แค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ
“เมษอยากชวนพี่เสือ อยู่แต่ในห้องอึดอัดจะตาย”
เสือกำดินสอแน่น อึดอัดใจเหรอ..ไม่เลยสักนิด “คิดว่าฉันออกไปกินกับพวกนายแล้วจะไม่อึดอัดหรือไง”
เมษาเม้มปาก พี่เสือพูดเหมือนเขาก่อความรำคาญเต็มทน “ก็แค่ไปกับครอบครัว ไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย” คนอย่างเจ้าชายตัวน้อยไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาคะยั้นคะยอพี่เสือ ทั้งก่อกวน ทั้งชวนคุย แม้อีกฝ่ายจะตอบบ้างไม่ตอบบ้าง หรือไม่ตอบเลย
“พี่เสือ..”
“น่ารำคาญ!”
“พี่เสือก็ออกไปกินข้าวด้วยกันสิ เมษสัญญาจะไม่ทำตัววุ่นวายเลย”
เสือกัดฟัดกรอด..เขาใกล้หมดความอดทนแล้ว “บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปสิ เซ้าซี้อยู่ได้!”
เจ้าชายตัวน้อยของบ้านสะดุ้งเฮือก ก่อนเดินคอตกออกจากห้องไป พี่เสือ..ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าไปในโลกของพี่เสือได้สักที
เขาคงทำให้พี่เสือโกรธอีกแล้ว..
เมษาเดินคอตกไปหาพ่อกับแม่ที่รออยู่ แม่ดึงเขาเข้าไปก่อน พลางปลอบไปด้วย “พี่เสือเครียดจากงานเลยหงุดหงิด อย่าคิดมากนะเมษ”
“พี่เสือเครียดก็น่าจะหยุดทำงานนี่ครับ”
พ่อกับแม่พาเขาออกไปทานข้าวเหมือนเดิม ขาดก็แต่พี่เสือคนเดียว..
เสือลงมาหาน้ำกิน ก่อนลงมือทำอาหารง่ายๆ เขาเป็นพวกกินเร็ว พอทำเสร็จก็ทานหมดภายในสิบนาที จัดการทำความสะอาดทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม
ไม่รู้สิ..เหมือนทุกอย่างในบ้านไม่ใช่ของเขา
เขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าหากมีเงินมากพอ จะออกไปอยู่คนเดียว เสือเลยตั้งอกตั้งใจทำงานทุกอย่างที่เข้ามาโดยไม่เกี่ยงแม้แต่น้อย
พอจัดการทุกอย่างเสร็จเขาก็กลับขึ้นไปทำงานต่อเหมือนเดิม โลกของเสือมีแต่งาน..งานและงาน เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรหากมีเวลาว่าง
สักสามทุ่มเสียงรถยนต์ยนต์ก็เข้ามาจอดดับสนิทในบ้าน ครอบครัวแสนสุขคงกลับมาแล้ว เสือก้มหน้าทำงานต่อ ไม่อยากสนใจ ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านเหมือนคนขาดความอบอุ่น ที่จริง..เขาน่าจะชินได้แล้วที่เป็นอย่างนี้
เมษาวิ่งดุกดิ้กเข้ามาในบ้าน
“พ่อครับ พี่เสือชอบดื่มนมหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ลองเอาไปให้พี่เขาดู เผื่อเขาชอบ”
เขาชอบ..ดังกังวานในหูของเมษาไม่หยุด บางทีพี่เสืออาจจะชอบและยอมเปิดใจให้เขาสักนิดก็ยังดี
“เอาเค้กไปให้พี่เขาด้วยสิ ไม่รู้ว่าทานข้าวบ้างหรือเปล่า” แม่เสนอ เมษาเลยเอาเค้กที่ซื้อมาใส่จานให้ด้วย มันอาจจะดูแปลกไปสักหน่อยที่กินเค้กตอนดึกๆ แต่พี่เสือไม่ได้กินอะไรเลยนี่..
เจ้าชายตัวน้อยสดใสร่าเริงแม้จะโดนพี่เสือตวาดใส่บ่อยๆ
เมษาขึ้นไปบนชั้นสอง ห้องของเจ้าชายน้ำแข็งอยู่ข้างๆกัน แต่ทำไมเขารู้สึกว่าเราอยู่คนละโลก เด็กหนุ่มยกมือเคาะห้อง เพราะเกรงว่าจะโดนพี่เสือว่าเอา “พี่เสือ เมษเอง”
เงียบ..
“พี่เสือ..อยู่หรือเปล่าครับ”
เงียบ..ไร้เสียงตอบรับ เมษาบอกกับตัวเองว่าไม่ผิด ในเมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่..แน่นอนว่าเขาไม่มีเจตนาร้าย เมษาค่อยๆย่างกรายเข้ามาในห้องอีกครั้ง เขาวางแก้วนมกับเค้กไว้บนโต๊ะทำงานพี่เสือ
ดวงตากลมโตมองรอบกระดาษอย่างสนอกสนใจ เพิ่งเคยพี่เสือวาดรูปก็คราวนี้ ลายเส้นของพี่เสือไม่หนักแต่แข็งแรงจนรู้สึกได้ ทำไมนะ..พี่ชายของเขาทั้งสองคนถึงได้เก่งแบบนี้ ก็เห็นมีแต่เมษาเองที่ไม่ได้เรื่อง
“ทำอะไร!”
เมษาสะดุ้งเฮือก แล้วหันหลังกับอย่างรวดเร็ว แต่จังหวะนั้น..มือของเขาก็ปัดไปโดนแก้วนมล้มลง น้ำสีขาวกระจายไปทั่วแผ่นกระดาษ
“พี่..พี่เสือ”
ร่างเล็กเหมือนจะกลายเป็นเศษฝุ่นเมื่อสบตากับดวงตาเอาเรื่องนั่น เมษามองผลงานของตัวเอง แทนที่จะดีแต่กลับกลายเป็นแย่ไปหมดทุกอย่าง “เมษของโทษ”
พี่เสือยืนนิ่ง ไม่ตอบ ไม่ทำอะไร ก่อนเดินไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาสำรวจ “เปื้อนหมดเลย”
“เมษไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวเมษทำให้ใหม่”
“อย่างนายมันดีแต่ก่อเรื่อง จะมีปัญญาทำให้คืนหรือไง!”
เจ้าชายตัวเล็กก้มหน้าลง เสียงคงดังไปถึงด้านล่าง แม่เลยรีบวิ่งเข้ามาดู “เมษา!”
“ฉันขอสั่ง อย่าเข้ามาในห้องนี่อีก!”
“พี่เสือ”
“ออกไป!!” เสือเหมือนใกล้บ้า ประสาทตึงเครียดไปหมด อยากจับร่างเล็กตรงหน้ามาฉีกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันน่าเจ็บใจ..ไม่กี่นาทีที่เจ้าเด็กนี่เข้ามา งานที่ทำมาทั้งอาทิตย์ก็เละไม่เป็นท่า
“เสือ น้องคงไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ต้องมายุ่ง คุณก็ดีแต่เข้าข้างลูกตัวเอง มันไม่ใช่งานของเจ้านี่ไง!”
เมษาอยากร้องไห้ แต่พี่เสือคงไม่สงสาร ในเมื่อเขาเป็นคนก่อเรื่องเองทั้งหมด “เดี๋ยวเมษทำให้ใหม่”
ในคือวันเงียบสงบ ไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ เสียงทีวีดังบ้างเบาบ้าง มีเจ้าตูบตัวเล็กนั่งอยู่ข้างๆราวกับทำหน้าที่เฝ้าเจ้านายของมัน
เมษาขมวดคิ้วมุ่น มองภาพที่ตัวเองวาดแล้วส่ายหน้า มันไม่เหมือนใช้มือวาดเลยสักนิด “ปุ้มปุ้ย พี่เสือต้องเกลียดฉันแน่ๆ”
ปุ้มปุ้ยร้องหงิงๆก่อนฟุบหน้าลงกับพื้น
เขาแก้งานแล้วแก้งานอีก แต่ทำอย่างไรก็ไม่เหมือนต้นฉบับ และยิ่งทำก็ยิ่งเละเทะจนบางทีก็อดท้อใจไม่ได้.. พี่เสือทำได้ขนาดนั้นก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ลองมาลำบากแบบนี้บ้างเมษาถึงได้เข้าใจ
ยิ่งดึกก็ยิ่งง่วง เมษาอยากลงไปฟุบกับโต๊ะเหลือเกิน ไหนๆก็ลองงีบสักสิบนาทีดูแล้วกัน
ใครว่าจากสิบนาทีจะเป็นชั่วโมงไม่ได้ เมษาทำไปแล้ว..
เสือชอบลงมาดื่มน้ำตอนกลางคืน เมื่อตอนสามทุ่มจนเกือบเที่ยงคืน เขาต้องเริ่มทำงานใหม่หมดทุกอย่าง เพราะคนๆเดียวแท้ๆ เสือพยายามมองเฉย ไร้ความรู้สึก แต่วันนี้เขาเกรี้ยวกราดไปแล้วกี่ครั้ง และต้นเหตุก็มาจากน้องชายต่างสายเลือด
คนแปลกหน้า..
เขาเดินไปดื่มน้ำ หากมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็เห็นหมากับคนนอนใกล้กัน ในสภาพเหมือนกัน เสียงโทรทัศน์เปิดอยู่ มีกระดาษวางไว้บนโต๊ะ เศษดินสอ ขี้ยางลบ สารพัดของความสกปรก
ชายหนุ่มไปดูใกล้ๆ เห็นความพยายามวาดรูปของเมษา ไม่ว่ามองอย่างไรก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทำอย่างนี้นึกหรือว่าเขาจะหายโกรธ ไม่เลยสักนิด..