Brothers
Chapter 3 – The Missing
“เสือ..หิวอะไรไหม” ศักดิ์สิทธิ์นั่งเฝ้าลูกชายหลังจากลงไปซื้อของ พอเข้ามาก็เห็นเสือนั่งอยู่บนเตียงแล้ว ลูกชายของเขามองกันเหมือนเป็นคนแปลกหน้า คนที่ไม่เคยรู้จักกันแม้กระทั่งชื่อ นานเท่าไหร่แล้วที่ลูกแทบไม่คุยกับเขา
เสือเหลือบตามองแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะข้างเตียงมาดื่มแก้กระหาย เป็นนิสัยแล้วที่ต้องดื่มน้ำเพื่อดับความหิว นานแล้ว..พ่อไม่เคยถามกันแบบนี้
พ่อถอนหายใจ ถึงเสือไม่ตอบแต่พ่อก็จะเตรียมอาหารให้ อาหารโรงพยาบาลมันไม่อร่อย..เขากลัวลูกชายไม่ถูกปาก ขนาดอาหารของแม่เสือไม่ค่อยจะกินเลย
“ทานนี่หน่อย ของชอบไม่ใช่เหรอ” พ่อซื้อแขนงหมูกรอบกับแกงจืดเต้าหู้มา เมื่อตอนเด็กเสือชอบทาน พ่อจำได้
เจ้าชายน้ำแข็งมองจานอาหารตรงหน้าอย่างแปลกใจ มาทำดีด้วยทำไม.. รอยแดงยังปรากฏจางๆ ซ้ำร้ายดูเหมือนอาการปวดจะยิ่งชัดเจน
เสือยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่ดีอะไรมาก เขายังโกรธ..โกรธที่พ่อลงมือกับเขา เข้าข้างใครบางคนที่มาทีหลัง ชายหนุ่มนิ่งอยู่นาน คนเป็นพ่อก็ลุ้นว่าลูกชายจะยอมทานอาหารมื้อนี้หรือเปล่า ทว่าศักดิ์สิทธิ์กลับต้องผิดหวัง เมื่อเสือเลือกดื่มน้ำจนหมดแก้วก่อนนอนหันหลังให้
ทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเราอยู่คนละโลกแต่ในสถานที่เดียวกัน
ลูกชายของเขาผอมมากเมื่อมาอยู่ในชุดโรงพยาบาล ปกติแล้วเจ้าตัวชอบใส่เชิ้ตกับกางเกงสีดำธรรมดา ไม่ได้ตามสมัยนิยม
“เสือ..ทานหน่อย” พ่อเข้าไปชิดขอบเตียง ลูกชายหันหลังให้แล้วคลุมผ้าห่มเหมือนหนีหน้ากัน ทว่าคนเป็นพ่อไม่คิดจะยอมแพ้ เขาลูบหัวเสือ..สางผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดู ลูกชายของเขาเติบโตมาอย่างอ้างว้างหรือเปล่านะ..เขาทำหน้าที่พ่อได้ดีหรือเปล่า
เสือซุกหน้าลงกับหมอน ไม่อยากรับรู้ว่าพ่อจะทำอะไร ยิ่งอีกฝ่ายแตะตัวเขามากเท่าไหร่..เขาก็ยิ่งถอยหนี เมื่อครั้งหนึ่งเคยสูญเสียความอบอุ่นนี้ไป เสือเกือบกลายเป็นเด็กมีปัญหา เขาไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว มันทรมาน
“ไม่ต้องมายุ่ง”
แววตาพ่อร้าวราน ลูกปฏิเสธเขา..เพราะเหตุผลเพียงอย่างเดียว
“ไม่ยุ่งไม่ได้ เสือเป็นลูกพ่อ”
เสือเม้มปาก เขายิ่งขดตัวกลมแน่น เมื่อก่อนเสือเคยเชื่อว่าเขาเป็นลูกของพ่อ เป็นด้วยความรัก ไม่ใช่ความผิดพลาด
ตุลาอยู่ในห้องตั้งนาน ตัวเขาเหมือนอากาศ ไม่มีคนสนใจ แต่อยู่โดยรอบ มองเห็นทุกความเป็นไปของคนทั้งคู่ คุณลุงรักและเป็นห่วงเสือมาก แต่คนป่วยดูเหมือนตีตัวออกห่าง สร้างเส้นกั้นความสัมพันธ์ไว้อย่างแน่นหนา
“คุณลุง เดี๋ยวผมดูเสือให้เอง..ไปดูเมษาก่อนเถอะครับ ร้องแง๊วๆอยากมาใจจะขาด”
พ่อจำใจเดินออกจากห้อง เพราะต้องพาเมษามาที่นี่ อีกอย่างแม่กลัวว่าเมษาจะทำให้บรรยากาศระหว่างพ่อลูกพัง ทว่า..มันพังตั้งแต่เขาคุยกับเสือแล้ว ลูกชายคนเดียวของเขาไม่รับรู้อะไรเลย
หลังจากพ่อออกจากห้องพิเศษได้ไม่นาน เสือค่อยๆลดผ้าห่มลงมา เขาเกือบหายใจไม่ออก แต่ให้เจอหน้าคนที่ตบหน้าด้วยแรงทั้งหมด เสือทำใจไม่โกรธไม่ได้
“คุณควรทานข้าวหน่อยนะ” ตุลายืนนิ่งรอดูอีกฝ่าย คิดว่าจะอยู่ได้นานกว่านี้เสียอีก
“ไม่หิว”
ดื้อด้าน..ตุลย์คิดในใจ หากนับกันแล้ว เสือเป็นน้องชายเขา แน่นอนว่าพี่ชายมีสิทธิ์สั่งสอนน้องได้เสมอ
“ไม่หิวก็ต้องทาน คุณหมอบอกว่าคุณขาดสารอาหาร”
ไม่ใช่ว่าเสือไม่ชอบทานข้าว แต่ทำอาหารไม่ค่อยเป็น เก่งสุดก็อาหารจำพวกไข่ หรืออย่างวันหยุดก็แทบไม่ได้ทานอะไรเลย เขาไม่เคยก้าวออกจากห้องนอนหากไม่มีความจำเป็น
“ขออาหารโรงพยาบาล”
ตุลย์เลิกคิ้วมอง อาหารโรงพยาบาลมีอะไรดีกว่าอาหารของคุณลุง เขาเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน “คุณลุงจัดอาหารให้แล้ว ทานหน่อยสิ”
เสือเบือนหน้าหนี เขารู้แล้วว่าคนป่วยประท้วงอย่างไร้เสียง..เป็นวิธีที่เมษาชอบทำเมื่อยังเด็ก
ตุลาไม่รู้ว่าคนอายุยี่สิบกว่าๆก็นิยมทำด้วยเหมือนกัน..
ในชีวิตของเสือไม่เคยมีใครมายุ่มย่ามวุ่นวายกันขนาดนี้ นอกจากเมษายังเป็นคนที่ทำให้เสือรำคาญใจแล้ว ยังมีตุลานี่อีก..
“ผมไม่หิว” เสือท้องร้องแต่ยอมกัดฟันทน
ก่อนตุลาจะได้อ้าปากพูดอะไร เสียงร้องของเมษาก็ดังมาแต่ไกล “พี่เสือ!!”
ร่างของเด็กหนุ่มมีรอยฟกช้ำนิดหน่อยแต่เจ้าตัวมักแต้มรอยยิ้มเสมอ เขาไม่แปลกใจเลยที่ใครๆนึกเอ็นดูเมษา ต่างกับเสือ..เขาไม่เคยคิดยิ้มทักทาย อย่างมากก็แค่พูดคุยตามมารยาทเท่านั้น
“เป็นยังไงบ้าง พี่ตุลย์บอกว่าพี่เสือเป็นลม”
เป็นลม?..ประโยคนี้ทำให้เสือรู้สึกอ่อนแอเหมือนคนขี้โรค
“พี่เสือต้องทานข้าวบ้างนะ เมษเห็นพี่เสือไม่ชอบทานข้าวเช้า วันเสาร์อาทิตย์พี่เสือก็ไม่ลงมาข้างล่าง ต่อไปเมษจะยกอาหารขึ้นไปให้ก็ได้ถ้าพี่เสือไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเมษ” เมษาคิดว่าบางทีการแต่งงานใหม่ของแม่กับพ่อทำให้พี่เสือไม่ชอบใจ เลยพาลเกลียดเมษด้วย
ในความเป็นจริง สำหรับเสือแล้วไม่ว่าพ่อจะแต่งงานใหม่ มีคนใหม่ หรือทำอะไร มันก็แค่อยู่ในสายตา เขารับรู้แต่ไม่ได้แสดงออกก็เท่านั้น ส่วนเมษา..เจ้าเด็กนี่วุ่นวายมากเกินไป ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนมาทำอย่างนี้ ยิ่งเกาะแกะเท่าไหร่ เสือยิ่งหงุดหงิดใจมากขึ้นเท่านั้น
ลูกชายคนเล็กของบ้านพูดเจื้อยแจ้วจนแม่ต้องปราม เพราะเสือไม่ได้ออกปากพูดด้วยสักคำ “เมษาเรากำลังทำให้พี่เขารำคาญอยู่นะ”
“ก็เมษเป็นห่วงพี่เสือนี่” เมษาเม้มปากแน่น อยากพูดใจจะขาดแต่พอแม่มาเตือนก็รู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไป
เสือหงุดหงิดใจอย่างที่สุด เขาเกลียดเสียงแบบนี้ คนที่ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นพระอาทิตย์อย่างเมษาจะไปรู้อะไรกับคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
คนป่วยหัวรั้นนอนเงียบ ไม่ตอบสักประโยค ตุลาเห็นแล้วเหนื่อยใจแทนทั้งคุณลุง คุณแม่ และเมษาต่างเป็นห่วงเสือไม่น้อย แต่ใครอีกคนกลับไม่ยอมเปิดใจสักนิด ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งถอยหาย เขาอยากรู้จริงๆว่าข้างในตัวตนของเสือเป็นอย่างไร ทำไมใจดำได้ขนาดนี้
“ไม่ทักพี่ชายหน่อยหรือไง” ตุลย์ทำลายบรรยากาศซึมๆ
เมษาตาลุกวาว เขารีบมาเพราะพี่เสือคนเดียว ไม่คิดว่าพี่ตุลย์อยู่ด้วยในห้องนี้ “พี่ตุลย์มาได้ยังไง”
“ก็มาส่งคนป่วยน่ะ ป่วยแล้วไม่เจียม รั้นชะมัด”
“ทำไมพี่ตุลย์ไม่โทรบอกเมษก่อน เมษจะได้ไปรับพี่เสือด้วย”
ตุลาถอนหายใจเฮือก ตัวเองตกบันไดแท้ๆยังมีจิตใจไปห่วงคนอื่นอีก แถมคนอื่นที่ว่านี่เป็นต้นเหตุทำให้เจ็บตัวเสียด้วย เอาเข้าใจตุลย์ค่อนข้างไม่พอใจลูกติดของคุณลุงเท่าไหร่ ทั้งกิริยามารยาทรวมถึงทำให้เมษาได้แผล เขาไม่ชอบใจจริงๆหากไม่ติดว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน
“ออกไปให้หมด” เสียงของเมษาทำให้เสือปวดหัว เขาเกลียดความเจื้อยแจ้วที่รังจะทำให้ปวดประสาท ยิ่งมาถกเถียงเรื่องไร้สาระแบบนี้แล้วด้วย..มันน่ารำคาญ
“พี่เสือ เมษขอโทษ”
เสือไม่แม้แต่หันมอง เขาหันหลังให้ แล้วคลุมผ้าห่ม ปิดการรับรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ คุณน้า หรือแม้กระทั่งเมษา เสือไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วง ไม่ต้องการความผูกพันอะไรทั้งนั้น เพราะอีกนานคงได้ย้ายไปอยู่คนเดียว มันอาจสบายใจกว่าที่ได้อยู่ในที่ที่เป็นของตัวเองจริงๆ
ศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองถาดอาหาร มันคงเย็นชืดหมดแล้ว แบบนี้คงไม่อร่อยแน่ๆ “เสือ ทานข้าวก่อน เดี๋ยวพ่อไปอุ่นให้”
“ไม่ต้องครับ ผมหากินของผมได้”
พ่อยิ้มขื่น หลายปีที่ผ่านมาเขาละเลยลูกชายคนเดียวมาก เจ้าตัวจัดการชีวิตตัวเองหมด ไม่เคยขอถ้าขาด น้อยครั้งที่เขาหยิบยื่นให้แต่เสือก็หาทางปฏิเสธได้เสมอ
“พี่เสือ ทานข้าวหน่อยนะ พี่เสือทานเสร็จแล้วเมษจะออกไปจากห้องเลย”
เสือหิว ปวดท้องไปหมด แต่ทิฐิทั้งหลายบดบังความหวังดีพวกนั้นไว้ เมื่อเช้าเขาโดนพ่อตบเต็มแรง แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรก เสือเคยถูกทำแบบนี้มาก่อน ทว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมไม่ดีของเขาเอง แต่ครั้งนี้พ่อตบเขาเพื่อเด็กผู้ชายที่คอยก่อกวนความสงบสุขเรื่อยมา
ตบหัวแล้วลูบหลัง..เสือเข้าใจดี
“มีสิทธิ์อะไรมาตั้งเงื่อนไขบ้าๆนี่” เขาอยากรู้เหตุผล เมษาเป็นใคร..ทำไมจึงวุ่นวายนัก
“เมษห่วงพี่เสือ พี่เสือเป็นพี่เมษ เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” เมษาอยากร้องไห้ดังๆ หวังเพียงสักวันหนึ่งพี่เสือจะยอมรับเขาในฐานะน้องชายบ้าง
ตุลาทนเห็นน้องชายทำแบบนี้ไม่ไหว คนบางคนต่อให้หวังดีแค่ไหน หากไม่รับมันก็ไม่ต่างจากเทน้ำลงพื้นทราย “เมษกลับไปนอนพักได้แล้ว เดี๋ยวไม่หาย”
“เมษไม่กลับ เมษจะอยู่กับพี่เสือ”
“แม่ครับ พาน้องกลับนอนที่ห้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง” ตุลาบอกแม่ น้องดันทุรังไป คนใจแข็งอย่างเสือก็ไม่สนใจหรอก “คุณลุง..เดี๋ยวผมทำให้เองครับ คุณลุงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
อย่างน้อยสิ่งที่เสือไม่เห็นเขาก็เห็น เมื่อบ่ายเขาโทรไปบอกคุณลุง แน่นอนคนเป็นพ่อทิ้งงานแล้วขับรถมาหาลูกด้วยความเป็นห่วง แต่..คนบางคนคงไม่รู้หรอกมั้ง
ศักดิ์สิทธิ์มองลูกชาย เขารู้ว่าเสือใจแข็งมากต่อให้อ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล “ฝากเสือด้วย”
คนป่วยมุดหน้าเข้าผ้าห่ม ขดตัวกลมแน่นไม่ยอมแม้กระทั่งโผล่หน้าออกมา หากตุลามีลูกชายแบบนี้ รับรองเลยว่าเขาคงไม่ทำแบบคุณลุงแน่นอน
“ลุกมาทานข้าวหน่อย ผมว่าคุณคงไม่อยากตายตอนนี้”
เสือยอมโผล่ออกมาจากผ้าห่ม เขาลุกขึ้น แล้วมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง “โทรศัพท์ผมอยู่ไหน”
ตุลย์เดินไปหยิบให้ ก่อนส่งถึงมือคนเอาแต่ใจ เขาเพิ่งรู้ไอ้อากาศดื้อแพ่งแบบที่เมษาเคยเป็นเมื่อตอนเด็กๆ เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน
“ขอบคุณ” ชายหนุ่มไม่อยากอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้ เขาอึดอัด คนเต็มไปหมด จากที่คุ้นเคย และแปลกหน้า อย่างเพื่อนร่วมงานคนนี้เกี่ยวข้องกับเมษาคือเป็นพี่ชาย แล้วเจ้าเด็กนั่นจะเอาเขาไปทำอะไร
เสือโทรหานิคกี้อย่างไม่ลังเล เพื่อนคนเดียวของเขาอาจจะว่างหรือไม่ว่างก็แล้วแต่ สำหรับเขานิคกี้พึ่งพาได้เสมอ
‘ว่าไงเสือ หายไปไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์’
“ขอโทษ..ฉันเขาโรงพยาบาล ตอนนี้นายว่างหรือเปล่า”
ปลายสายร้อนใจ จนอยากวิ่งไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนั้น ‘เป็นอะไร ทำไมไปโรงพยาบาล ป่วยตรงไหน’
“ไม่เป็นอะไรมาก แค่เป็นลมนิดหน่อย มารับตอนนี้ได้หรือเปล่า” เสือเหลือบตามองนาฬิกา สี่โมงกว่าแล้ว นิคกี้คงเลิกงานและว่างพอมารับเขากลับบ้าน ตอนนี้ยังจัดการเรื่องคอนโดไม่เสร็จ เขาคงต้องทนอยู่ที่บ้านอีกสักพัก
‘จะไปเดี๋ยวนี้แหละ’ เสือบอกที่อยู่ของโรงพยาบาลเสร็จสับ รู้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้จากใจจริง
หนุ่มนักเรียนนอกไม่ได้ตั้งใจแอบฟังคนคุยโทรศัพท์หรอก เพียงแต่ห้องนี้มีเพียงเขากับเสือเท่านั้น ต่อให้พูดเบาแค่ไหนก็ได้ยิน เป็นลมนิดหน่อยหรือ..ไม่จริงหรอก
เสือลุกขึ้นเต็มความสูงแม้จะวิงเวียนนิดหน่อยก็ตาม เขาดึงสายน้ำเกลือออกแบบไม่กลัวเจ็บ
“จะไปไหน” ตุลาถามขณะอุ่นอาหารอยู่ ใครว่าคุณลุงไม่รักเสือ เขาสาบานเลยว่าไม่จริงสักนิด..ห้องพิเศษขนาดนี้ มีหรือจะยอมจ่ายง่ายๆ
“กลับบ้าน ไม่มีประโยชน์จะอยู่ที่นี่” ร่างผอมเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ชุดของเขาพับไว้เรียบร้อย “ขอบคุณที่พามาโรงพยาบาล”
“คุณป่วยอยู่”
“ผมหายดีแล้ว”
ตุลากัดฟันทน เขาเป็นคนใจเย็นที่สุดในกลุ่มเพื่อน หากร้อนขึ้นมาใครก็ฉุดไม่อยู่ ไม่เคยมีใครทำให้เขาโกรธ แม้เป็นเรื่องใหญ่โตตุลาก็ข่มใจได้ แต่ครั้งนี้อาจไม่ใช่ หลายครั้งที่เห็นเสือทำไม่ดีกับคุณลุงและเมษา ยิ่งแม่ของเขา เสืออาจจะไม่ไว้หน้าเลยด้วยซ้ำ
หนุ่มตัวเล็กกว่าหยิบกางเกงและเสื้อออกมา ทว่ากลับมีมือดีมายึดไว้ “ไปนอนซะ”
“ผมไม่ได้ป่วยมากขนาดนั้น”
เขาถือโอกาสดึงเสื้อผ้าคนป่วยยัดใส่ตู้เหมือนเดิม ก่อนคว้าข้อมือผอมนั้นไว้ “ผมแค่ไม่อยากให้คุณลุงกับเมษาเป็นห่วง ในเมื่อรับปากไปแล้วก็ต้องทำให้ได้”
เมษากับตุลามีอะไรเหมือนๆกันหลายอย่าง โดยเฉพาะการยุ่งเรื่องของคนอื่น ตัวของเขา ชีวิตของเขา มีสิทธิ์อะไรมาทำให้วุ่นวาย..ทั้งคู่นั่นแหละ
ฝ่ามือขาวมีเลือดแห้งกรังติดอยู่เพราะเจ้าตัวดึงสายน้ำเกลือออกโดยไม่สนใจอะไรเลย ตุลานึกแล้วไม่มีผิด..คนแบบนี้เด็กกว่าเมษาเสียอีก
“ไปรอบนเตียง” ตุลาพาคนเด็กกว่าไปนั่งบนฟูก ก่อนน้ำมาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดคราบแห้งๆ ฝ่ามือของเสือเล็กกว่าเขาค่อนข้างมาก เมื่อครู่หากเจ้าตัวยังดื้อแพ่งไม่ยอมทำตาม ตุลาคิดว่าคงได้อุ้มเหมือนตอนมาโรงพยาบาลแน่ๆ น้ำหนักแค่นี้สบายสำหรับเขามาก
“ผมหวังว่าคุณคงไม่ทำตัวเป็นเด็กๆนะ”
เสือเป็นคนขี้รำคาญ ยิ่งมาวุ่นวายกวนใจแบบนี้ยิ่งอยากจะหนีออกไปเร็วๆ แต่กับตุลา ภายใต้ดวงตาคมแฝงความเยือกเย็นและจริงจังเอาไว้ เขาไม่กล้า..แค่เกรงใจเท่านั้น
ตุลาเรียกพยาบาลเข้ามาต่อสายน้ำเกลือใหม่ ก่อนยกอาหารที่อุ่นแล้ววางไว้บนโต๊ะ รอให้คนป่วยหัวรั้นทานอะไรลงท้องบ้าง เขาไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่บ้าน เสือได้ทานอะไรบ้างหรือเปล่า แต่จากปากของเมษาแล้วเสือคงเป็นพวกชอบเก็บเนื้อเก็บตัว บางวันอาจจะไม่ออกมาพบใครเลยก็ได้
ร่างผอมค่อยๆทานทีละนิด ติดนิสัยมาตั้งแต่เล็ก เลยไม่ค่อยมีคนรอเวลาไปโรงอาหารเพราะความเชื่องช้าแบบนี้นี่แหละ เขาหิว..แต่ก็กินอะไรไม่ค่อยลง ยิ่งมาคนมายืนจ้องข้างๆแล้ว..เสืออึดอัด
“อิ่มแล้ว”
“ทานอีกนิดสิ”
“พอแล้ว..ผมกลับได้หรือยัง” เสือเงยหน้ามอง ใกล้เวลาที่นิคกี้จะมาถึงแล้ว
“รอออกพร้อมเมษสิ”
“ผมมีงานต้องทำ”
หนุ่มนักเรียนนอกถอนหายใจเฮือกก่อนยกถาดอาหารไปเก็บ พูดไปคนหัวแข็งก็คงไม่ฟังหรอก
ทันใดนั้นเสียงประตูก็เปิดออก พร้อมร่างหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเดินจ้ำอ้าวมายังเสือ “โธ่เอ๋ย..เพื่อนฉัน บอกแล้วไงอย่าทำงานหนัก อดนอนอีกแล้วใช่ไหม อดนอนทีไรนายเป็นอย่างนี้ทุกที”
“ก็แค่นิดหน่อย”
“เข้าโรง’บาลขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ นอนที่นี่อีกสักคืน ให้หมอตรวจดูอย่างละเอียดดีกว่านะ” นิคกี้จัดทรงผมขณะหันไปสบตากับหนุ่มแปลกหน้า เอาล่ะ..ใจเขาเต้นแต่เก็บอาการไว้
“ฉันไม่ชอบที่นี่”
“ไม่ชอบที่หรือไม่ชอบคนกันแน่ครับ” ตุลาอดแทรกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกลียดคนป่วยหรอก เพียงแค่หมั่นไส้เล็กๆเท่านั้น จะตายอยู่แล้วดันทุรังไปทำไม
เสือไม่ตอบ ไม่หันมอง ได้แต่ล้มตัวนอนแล้วคลุมผ้าห่มถึงต้นคอ เขาไม่ชอบเถียง ไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้า ไม่ชอบให้ใครมาจับผิด..เสือแค่ต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิมเท่านั้น
“ผมดูแลเสือเองก็ได้ครับ เกรงใจคุณ” นิคกี้ทำลายความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวภายในห้องสี่เหลี่ยม
“ไม่เป็นไรครับ ผมรับปากคุณลุงไว้แล้วว่าจะดูแลเขาแทน” ตุลย์ตอบ มันเป็นแค่หน้าที่ เขาก็แค่รับผิดชอบเท่านั้น..
เดี๋ยวมาตอบคอมเมนท์นะคะ