ขอโทษนะครับที่หายไปนานมาก นานเวอร์ อิ อิ พอดีว่ามีธุระบางประการครับ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลามาค่อกันดีกว่านะครับ ไม่รู้ว่าเพือ่นๆนักอ่านยังรออ่านอยู่หรือเปล่าน้อ
))
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่ศักดิ์นรินทร์ก็ยังคงนั่งง่วนอยู่กับเอกสารกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ผลผลิตในไร่ของเขาเริ่มให้ผลผลิต
มากกว่าเดิมพอให้ได้กำไรคืนมาบ้างเล็กๆน้อยก็ยังดี ดีกว่าที่ไม่ได้อะไรเลย ศักดิ์นรินทร์ชักรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาจึงจัดแจงเก็บ
เอกสารพวกนั้นให้เข้าที่ ก่อนที่จะเดินลงไปนอนบนเตียง ป่านนี้เด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ หลังจากวันนั้นที่โกสินทร์หายตัวไป
จากบ้านเขา เขาก็ให้คนงานในไร่เขาตามหาโกสินทร์จนแทบจะทั่วจังหวัด แต่ก็ไร้ร่องรอยของโกสินทร์ เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่
ทำให้เด็กคนนั้นเกลียดถึงขั้นขนาดที่ว่าเห็นเขาล้มลงไปต่อหน้าต่อตาก็ยังไม่คิดจะช่วย และหนีไปในที่สุด
“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ” ศักดิ์นรินทร์รำพึงกับตัวเองเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนพลางมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ฟ้าเบื้องบนนั้นเต็มไป
ด้วยดวงดาวที่ส่องสกาว ลมเย็นๆพัดเข้ามาประทะกายเขา คงใกล้หน้าหนาวแล้วสินะ ศักดิ์นรินทร์คิดก่อนที่จะเดินขึ้นไปชั้นสอง
ของบ้าน เขาอยากจะขึ้นไปดูสถานที่ๆโกสินทร์นั้นเคยอยู่ สถานที่ๆเขาเป็นเจ้าของโกสินทร์แต่เพียงผู้เดียว สถานที่ๆเต็มไปด้วย
รอยยิ้มของเขาและคราบน้ำตาของโกสินทร์ ศักดิ์นรินทร์เปิดประตูเบาๆ ลมเย็นๆพัดเข้ามาในห้องก่อนที่จะประทะกับร่างกายของ
ศักดิ์นรินทร์ แสงสว่างจากจันทราสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้อยู่ ที่บนเตียงมีร่างๆหนึ่งนอนหลับสนิทอยู่ ร่างที่เขาคุ้นเคย ร่างที่เขาคิดว่าเจ้าของร่างได้หนีหายไปจากเขาเสียแล้ว
“แก!” ศักดิ์นรินทร์อุทานขึ้นมาทันทีที่เห็นร่างเล็กๆนอนอยู่บนเตียง เขาเดินไปหาร่างนั้นบนเตียงทันที ร่างนั้นตื่นขึ้นมาตามเสียงร้องเรียกของเขา
“หืม คุณ คุณเข้ามาได้ไงเนี่ย?” โกสินทร์นั้นพูดอย่างงัวเงียก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งลงบนเตียง
“ทำไม แกจะกลับมาทำไม แกอยากให้ฉันทำร้ายแกนักหรอ? ทำไมไม่หนีไป ทำไม!” ศักดิ์นรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังราวกับ
คนบ้า เขารู้สึกผิดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างมาก มากเสียจนไม่อยากให้โกสินทร์มาเจอคนเลวๆแบบเขา
“……………..”
“ทำไมแกไม่ตอบฉัน แกไม่กลัวฉันหรอ แกอยากโดนฉันลงโทษแกมากเลยใช่ไหม” ศักดิ์นรินทร์ถาม
“ผมยอมและเต็มใจ คุณจะฆ่าผมก็ได้ ผมจะยอมให้คุณฆ่าผมด้วยมือของคุณ” โกสินทร์พูดกับศักดิ์นรินทร์ ศักดิ์นรินทร์น้ำตาไหล
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาของเขาถึงไหลออกมา น้ำตาลูกผู้ชายน้ำตาที่ไหลออกมาจากการถูกความเหงาทำร้ายมาอย่างหนัก น้ำตาของ
ผู้ชายที่มีแต่ความเหงาเป็นเพื่อน มันได้ไหลออกมาจนหมดสิ้นแล้วในยามนี้ ร่างเล็กๆนั้นยกมือขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะบรรจงเช็ดน้ำตาให้กับร่างใหญ่ตรงหน้า โกสินทร์ยิ้มเบาๆ ก่อนเอยขึ้นมาว่า
“ผมไม่ได้กลับมาหาคุณหรอกครับ คุณศักดิ์นรินทร์” โกสินทร์พูดพลางยิ้มน้อยๆบนใบหน้า หากแต่ศักดิ์นรินทร์ไม่เข้าใจความหมายคำที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ได้กลับมาหาฉัน แล้วกันกลับมาหาใคร?” ศักดิ์นรินทร์ถามโกสินทร์ โกสินทร์ยิ้มน้อยๆ
“ที่ผมบอกว่าผมไม่ได้กลับมาหาคุณ แท้จริงแล้วผมไม่ได้ไปไหนเลยต่างหาก ผมอยู่รอบๆตัวคุณมาตลอด ผมแอบดูคุณ เฝ้ามองดูคุณทุกวัน แต่คุณเองต่างหากที่ไม่ได้สังเกตผมเลย” โกสินทร์พูดแล้วยิ้ม
“งั้น กันอยู่กับพี่นะ อยู่กับพี่ที่นี้นะ พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอีกครั้ง โกสินทร์ยิ้มเบาๆก่อนที่จะปาดน้ำตาให้ชายหนุ่มตรงหน้า ราตรีนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ร่างทั้งสองบอกรักกันอย่างหวานชื่นภายใต้แสงจันทร์และแสงดาวที่ดู
เหมือนว่าจะเป็นพยานรักให้เขาทั้งสอง ไม่ว่าอีกนานเท่าไหร่ ใจทั้งสองก็จะหลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป
“ทำไมกันถึงไม่หนีไปล่ะ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม?” ศักดิ์นรินทร์ถามร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเบาเบาๆ โกสินทร์มองหน้าศักดิ์นรินทร์ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะเล่าให้ฟัง”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
““คุณ!” โกสินทร์ร้องขึ้นมาในทันทีที่เห็นศักดิ์นรินทร์ล้มลงไปที่นอนที่พื้นอยู่ห้อง ร่างของศักดิ์นรินทร์นั้นหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มตกใจมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเหลือบไปเห็นประตูห้องที่ถูกเปิดอ้าไว้ ก่อนที่โกสินทร์จะตัดสินใจวิ่งออกมาจากในห้องนั้นทันที
“ช่วยด้วยครับ เจ้าของไร่เป็นลม ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย เจ้าของไร่เป็นลม” โกสินทร์วิ่งตะโกนไปลั่นทั้งไร่ โกสินทร์ใช้สรรพนาม
เรียกศักดิ์นรินทร์ว่าเจ้าของไร่ เหตุเพราะเขาไม่รู้ว่าคนที่จับเขาว่าชื่ออะไร พลันก็ปรากฏร่างของคนงานจำนวนสองสามคนวิ่งตรงมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ใคร ใครเป็นอะไรไอ้หนู บอกลุงมาสิ” หนึ่งในคนงานคนหนึ่งเอ่ยถามโกสินทร์
“เจ้าของไร่เป็นลมอยู่บนชั้นสองของบ้านครับ” โกสินทร์ตอบ
“เห้ย ไม่ได้การแล้ว พวกเราไปดูคุณศักดิ์นรินทร์กันก่อนโว้ยไป ไอ้เจิด ไอ้อุดม” คนงานคนนั้นร้องเรียกชายหนุ่มสองคนที่ท่าทาง
ดูเหมือนเป็นรุ่นน้องเขาให้ตามเขาไปอย่างเร็ว โกสินทร์เพิ่งจะรับรู้ว่าคนที่จับเขามาชื่อศักดิ์นรินทร์หรอ โกสินทร์คิดพลางหันไป
มองทางซ้ายขวา ใช่สิ ตอนนี้ไม่มีคนเห็นเขาแล้ว ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว หนี เราต้องหนี เราต้องหนีออกจากที่นี้ให้เร็วที่สุด โกสินทร์คิด แต่อีกใจหนึ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่าศักดิ์นรินทร์นั้นจะเป็นอย่างไงบ้าง จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไม่รุ้ว่าทำไมเขาต้องคิดแบบนั้น
“ไม่! เราต้องกลับบ้าน ไปหาป๊า หาพี่กฤษณ์” โกสินทร์พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาวิ่งออกจากไร่นั้นไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย” จู่ๆโกสินทร์ก็สะดุดเข้ากับก้อนหินระหว่างทาง เขายังไปได้ไม่ไกลจากไร่ของศักดิ์นรินทร์มากนักก็มาสะดุดหกล้มเสียก่อน
ที่หัวเขาของเขาเป็นแผลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นที่เกิดจากการหกล้ม เด็กหนุ่มรู้สึกเขาเดินไม่ถนัด
พร้อมกับเจ็บที่หัวเข้าแปลบๆ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปล่ะก็ เขาคงจะวิ่งต่อไปไม่ไหวแน่ ใช่สิ รถ เราต้องหาโบกรถแถวนี้ไปในตัว
เมือง โกสินทร์คิดได้ดั่งนั้นก็พยายามรอรถที่จะขับผ่านไปผ่านมา แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะมีรถผ่านมาแม้แต่คันเดียว เด็กหนุ่มจึงคิดแผน
ใหม่ขึ้นมา โดยการจะหลอกคนงานที่ไร่ของศักดิ์นรินทร์ให้พาเขาไปยังตัวเมือง และเขาก็จะบอกกับคนงานว่าจะไปหาซื้อของมา
ทำกับข้าวให้ศักดิ์นรินทร์กินระหว่างนั้นเขาจะแอบขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี หรือไม่ก็ตำรวจแถวนั้นทันทีที่คนงานในไร่ของ
ศักดิ์นรินทร์เผลอ เมื่อคิดได้ดังนั้นโกสินทร์จึงพยายามเดินกลับมาที่ไร่ เขาเห็นคนงานคนหนึ่งกำลังรถน้ำต้นไม้อยู่ที่ลานบ้าน อุดมนั่นเอง เมื่ออุดมเห็นเขาเดินมาจึงทักขึ้นมาว่า
“อ้าว ไอ้หนู ไปหกล้มที่ไหนมาเนี่ย มอมแมมมาเชียว”
“อย่าเพิ่งถามอะไรผมเลยครับ แล้วก็ช่วยพาผมไปในเมืองด้วยครับ” โกสินทร์บอกกับอุดม หากแต่อุดมดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่นัก
“ผมชื่อกันครับ เป็นแขกของคุณศักดิ์นรินทร์ ตอนนี้ผมจะไปหาอะไรมาทำกับข้าวให้คุณศักดิ์นรินทร์ทานเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว”
โกสินทร์พูด เมื่ออุดมได้ยินว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแขกของศักดิ์นรินทร์เขาก็ไร้ข้อกังขาทันที เพราะนานๆที ศักดิ์นรินทร์จะพาเพื่อนมาที่บ้านซักครั้ง และคนที่ศักดิ์นรินทร์พามา แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่สนิทมากจนพอที่จะไว้ใจได้ อุดมคิด
“งั้นคุณกันก็ตามผมมาเลยครับ รถอยู่ทางนี้”
“คุณศักดิ์นรินทร์นี่เขาน่าเห็นใจนะครับ ทำงานจนเป็นลมเป็นแล้งไป ท่าทางจะไม่ได้กินข้าวอีกตามเคย” อุดมเปิดฉากบท
สนทนากับโกสินทร์ทันทีที่เขาขับรถออกมาจากไร่ หากแต่โกสินทร์นั่งฟังอย่างเงียบๆ เมื่ออุดมไม่เห็นว่าโกสินทร์จะพูดอะไรต่อ เขาจึงพูดต่อไปว่า
“จริงๆแล้วเนี่ย เมื่อก่อนนี้นะครับ ตอนที่คุณหนูเล็กอยู่ด้วยเนี่ย คุณศักดิ์นรินทร์เขาไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ เพราะคุณเหนือเขา
บังคับให้พี่ชายเขากินข้าวทุกวัน แถมกินให้ตรงเวลาอีกต่างหาก แต่หลังๆมาเนี่ยครับ หลังจากที่คุณหนูเล็กไปเรียนที่กรุงเทพฯ
คุณศักดิ์นรินทร์แกก็ก็โหมงานอย่างนัก เพราะช่วงหลังๆมา เศรษฐกิจในไร่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผลผลิตก็ได้น้อย คุณศักดิ์
นรินทร์คงจะเครียดน่าดู ผมเห็นวันๆ คุณศักดิ์นรินทร์ไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ แล้วก็พยายามมาดูต้นไม้ในไร่ คุณ
ศักดิ์นรินท์เคยพูดกับผมนะครับว่า ถ้าหากว่ามีทางไหนที่จะเพิ่มผลผลิตได้ เขาก็จะทำ”อุดมพูดก่อนที่จะยิ้ม โกสินทร์เพิ่งจะเคยได้ยินว่าศักดิ์นรินทร์นั้นมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อไร่ของเขาเพียงไร เด็กหนุ่มก็เลยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ท่าทางคุณศักดิ์นรินทร์เนี่ยจะรักไร่นี้มากเลยนะ”โกสินทร์พูด อุดมยิ้มออกเมื่อโกสินทร์เริ่มสนใจที่จะคุยกับเขา
“ใช่ครับ คุณศักดิ์นรินทร์รักที่ดินผืนนี้มาก แม่ผมที่เป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านคุณศักดิ์นรินทร์นั้นเขาเล่าให้ผมฟังว่า ที่ดินผืนนี้เป็น
ที่ทำกินสุดท้ายของครอบครัวคุณศักดิ์นรินทร์ เพราะครอบครัวคุณศักดิ์นรินทร์นั้นโดนคนที่กรุงเทพฯโกงจนล้มละลาย คุณท่านเลย
พาครอบครัวมาอยู่ที่นี่ แม่ผมบอกว่าแรกๆที่ดินผืนนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า คุณท่านกับคุณหญิง พร้อมด้วยแม่ผมกับก็เลยร่วมมือกัน
หักร้างถางพงจนเป็นไร่อย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ ต่อมาไม่กี่เดือนหลังจากที่คุณท่านย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็มีคนจากกรุงเทพมาหาคุณ
ท่าน ผมก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าคุณท่านคุยอะไรกับคนพวกนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานคุณท่านก็เสีย ทิ้งให้คุณหญิงนั้นเลี้ยงลูกมา
โดยลำพังตลอด ด้วยความอดทนบวกกับความพยายาม ทำให้ไร่ผลผลิตที่ออกไปจากไร่นี้มีคุณภาพมาก”อุดมยิ้มก่อนพูดต่อไป
ว่า
“แต่ก่อนไร่นี้เล็กกว่าที่เห็นมากนะครับ แต่ต่อมาก็ได้มีการขยับขยาบเพิ่มเติมจนใหญ่โตอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ ตอนนี้คุณ
ศักดิ์นรินทร์ก็มีแผนที่จะซื้อที่ดินติดน้ำตกริมเชิงเขาด้วยนะครับ” อุดมกล่าวอย่างยืดยาว โกสินทร์ชักสนใจชีวิตครอบครัวของศักดิ์นรินทร์ขึ้นมา เขาจึงถามต่อไปว่า
“แล้วคุณหญิงล่ะไปไหนแล้ว”
“อ๋อ คุณหญิงท่านเสียไปเมื่อหกเจ็ดปีที่แล้วครับ หลังจากที่คุณท่านเสียไปได้ไม่นานนัก พูดๆไปผมก็สงสารคุณศักดิ์นรินทร์
เหมือนกันนะครับ หลังจากที่คุณหญิงเสีย ตอนนั้นคุณศักดิ์นรินทร์ก็เพิ่งอายุสิบเก้าเองครับ เพิ่งจะเข้ามหาลัยปีหนึ่ง คุณศักดิ์
นรินทร์ก็เลยต้องดูแลทั้งไร่ ดูแลทั้งคุณหนูเล็กที่อายุเพิ่งจะสิบสามเท่านั้นเอง ไหนคุณศักดิ์นรินทร์จะต้องไปเรียนอีก ผมไม่เคย
เห็นคุณศักดิ์นรินทร์มีแฟนเลยครับ คงจะไม่มีเวลาไปหาใครมั้งครับ เพราะว่าตอนเช้าคุณศักดิ์นรินทร์ก็ไปเรียนพอเลิกเรียนคุณ
ศักดิ์นรินทร์ก็รีบกลับบ้านมาดูแลงานที่ไร่ต่อ” อุดมพูดพลางทำเสียงเศร้าก่อนพูดต่อไปว่า
“คุณกันเห็นจะเป็นคนที่โชคดีนะครับที่คุณศักดิ์นรินทร์พามาที่บ้าน เพราะตั้งแต่ที่คุณหญิงเสียไป ผมไม่เคยเห็นคุณศักดิ์นรินทร์
พาใครมาที่บ้านเลย เห็นแต่วันๆ คุณศักดิ์นรินทร์ก้อมหน้าก้มตาเรียนกับทำงานในไร่ตลอดเลย ผมว่าที่ช่วงนี้คุณศักดิ์นรินทร์แจ่ม
ใสขึ้นเนี่ย คงเป็นเพราะว่ามีคุณกันมาอยู่เป็นเพื่อนแน่ๆเลยครับ ถ้าคุณกันอยู่กับคุณศักดิ์นรินทร์นานๆก็คงจะดีสินะครับ” อุดมพุด
ก่อนที่จะส่งยิ้มให้โกสินทร์ โกสินทร์ไม่เคยรับรู้เลยว่า การกระทำของป๊าเขามันส่งผลให้ครอบครัวครอบครัวหนึ่งต้องลำบากมาก
แค่ไหน คนๆหนึ่งที่ไม่เคยมีเวลาให้กับใคร คนๆหนึ่งที่คงไม่เคยสัมผัสกับคำว่ารัก คนๆหนึ่งที่หัวใจด้านชาและอยู่กับความเหงามา
นาน โหดร้ายเหลือเกิน ยามนี้เขารู้สึกสงสารศักดิ์นรินทร์เป็นกำลัง โกสินทร์นั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เรื่องที่ศักดิ์นรินทร์
ทำกับเขา ศักดิ์นรินทร์ขโมยจูบครั้งแรกของเขาไป หลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆกับชายหนุ่มคนนั้น เขาอยากจะพบเจอกับ
ศักดิ์นรินทร์มากขึ้น ตอนนี้โกสินทร์กลับไม่รู้สึกโกรธหรือเกลียดศักดิ์นรินทร์แต่ประการใด ตรงกันข้ามเขากลับสงสารและให้อภัย
ศักดิ์นรินทร์ทุกอย่างที่ทำกับเขา เขาอยากกลับไปหาศักดิ์นรินทร์ อยากกลับไปพูดความในใจที่เขามีต่อศักดิ์นรินทร์ ถ้าศักดิ์
นรินทร์ไม่คิดอะไรกับเขาก็ไม่เป็นไร ต่อให้เขาจะต้องโดนศักดิ์นรินทร์ทำร้ายอีกกี่รอบ เขาก็ยอมเพื่อให้เขาได้อยู่ข้างๆศักดิ์นรินทร์
“คุณกันครับ นี่แม่ที่ผมเล่าให้ฟังไงครับ แม่ผมชื่อพิมครับ” อุดมกล่าวในขณะที่พาหญิงสูงอายุคนหนึ่งเข้ามาในห้องครัว
โกสินทร์ยกมือไหว้ก่อนที่จะเพ่งพินิจดูใบหน้าของป้าพิม ป้าพิมเป็นผู้หญิงที่หน้าตาบ่งบอกถึงความใจดีและสุขภาพแข็งแรง หลัง
จากที่โกสินทร์ได้ฟังเรื่องราวต่างๆของศักดิ์นรินทร์จากปากของอุดมแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทิ้งให้โกสินทร์ต้องอยู่ตามลำพัง
แต่เขาขอร้องอุดมว่าไม่ให้บอกเรื่องที่อุดมเจอกับเขา อุดมรับปากอย่างงงๆ แต่ก็สัญญาเป็นอย่างดีว่าจะไม่บอกศักดิ์นรินทร์
“ นี่คงจะมีคนไปบอกว่าแม่ว่าคุณศักดิ์นรินทร์ไม่สบายล่ะมั้งเนี่ย ไม่งั้นแม่ไม่รีบให้ผมไปรับหรอก ใช่ไหมแม่” อุดมถามแม่ของ
เขาอย่างยียวน ป้าพิมยิ้มๆ ก่อนที่จะเปรยว่า
“ก็ข้ารักของข้านี่หว่า เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่รักก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว” ป้าพิมพูดก่อนที่จะหันมาทางโกสินทร์
“คุณหนูจะทำกับข้าวหรือค่ะ มาเดี๋ยวป้าช่วย ว่าแต่คุณหนูจะทำอะไรค่ะเนี่ย” ป้าพิมเอ่ยถามโกสินทร์
“ผมว่าจะทำข้าวต้มปลาให้คุณศักดิ์นรินทร์ครับป้าพิม ตอนที่แม่ผมป่วย ผมทำให้ท่านทานบ่อยๆ” โกสินทร์ตอบก่อนที่จะยิ้มให้ป้าพิม
“แหม คุณหนูท่าจะเก่งนะเนี่ย ทำอาหารเป็นด้วย” ป้าพิมเอ่ยชมโกสินทร์ ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้โกสินทร์และป้า
เข้ากันได้ง่าย ทั้งคู่ช่วยกันทำอาหารอีกหลายอย่างจนเมื่ออุดมใกล้จะกลับบ้าน เขาจึงมารับป้าพิมกลับไป โกสินทร์จึงขอร้องกับ
อุดมว่าเขาขอไปนอนที่บ้านด้วย ซึ่งทั้งป้าพิมและอุดมต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งโดยที่ไม่ถามเหตุผลโกสินทร์เลย โกสินทร์และป้า
พิมจะแวะมาทำอาหารให้ศักดิ์นรินทร์กินทุกเย็นก่อนที่จะพากันกลับบ้านของอุดม และเมื่อเย็นนี้โกสินทร์ก็ตัดสินใจที่จะกลับมานอนที่บ้านของศักดิ์นรินทร์อีกครั้งหนึ่ง จนเป็นเหตุให้พบกับศักดิ์นรินทร์อีกครั้งในค่ำคืนนี้
เช้านี้ศักดิ์นรินทร์ตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวบนห้องนอนของที่เคยใช้กักขังโกสินทร์ ฝันหรอ? เราฝันหรอ? ศักดิ์
นรินทร์คิด แต่ถ้าหากเขาฝันคงจะเป็นฝันดีที่สุดเท่าที่เขาพบเจอมา เขาคิดทบทวนเรื่องต่างๆเมื่อคืนนี้ ศักดิ์นรินทร์นั้นสัญญากับ
โกสินทร์ไว้ว่าจะเลิกแก้แค้น ระราน และเลิกยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวของโกสินทร์อีกต่อไป หากแต่มันก็แค่ฝันนี่น่า เขาคิด เรื่องจริง
เขาคงทำไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้โกสินทร์มาอยู่ใกล้ๆกับเขาล่ะก็ ต่อให้เขาต้องฆ่าคนตระกูล ‘มงคลชัยกุล’ หมดทั้งตระกูล เขาจะทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งโกสินทร์
“เราต้องไปเอาตัวกันกลับมา” ศักดิ์นรินทร์พูดอย่างดัง
“ใคร ใครจะเอาอะไรใครกลับมาหรอครับ พี่นาย?” เสียงโกสินทร์ดังขึ้นทันทีที่เขาเดินเข้ามาในห้อง ศักดิ์นรินทร์ไม่ได้ฝันไปนี่
โกสินทร์อยู่กับเขาจริงๆ โกสินทร์ไม่ได้จากเขาไปไหน โกสินทร์ที่เรียกเขาว่า พี่นาย! ศักดิ์นรินทร์รีบลุกขึ้นไปกอดร่างเล็กๆนั่นทันที พร้อมกับบอกว่า
“อยู่กับพี่ตลอดไปนะ กัน”