ช่วงนี้เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนอะไรกันก็ไม่รู้เนอะครับที่ กทม เนี่ย ที่บ้านผมแม่โทรมาบอกว่า หนาวครับ คงจะจริงแหละครับ แถวบ้านผมมีเขาล้อมรอบ ถ้าหนาวก็หนาวจริง ถ้าร้อนก็ร้อนจริง ยังไงก็ดูแลรักษาร่างกายกันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
เอาล่ะครับ มาต่อกันเลยดีกว่านะครับ ผมโม้มานานแล้วครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บ่ายนี้ศักดิ์นรินทร์ยังคงง่วนอยู่กับการศึกษาเอกสารกองพะเนินบนโต๊ะทำงานเขา สามสี่วันมานี้เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย ด้วย
เขาต้องศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิต เพราะปีนี้ผลผลิตจากไร่เขานั้นได้น้อยกว่าที่เขาคาดไว้ รายรับรายจ่ายในไร่เขาจึง
ไม่สมดุลเท่าที่ควร แต่ในละแวกนี้นั้นใครๆต่างก็รูปกันทั่วว่าผลผลิตที่ได้จากไร่ของเขานั้นล้วนมีคุณภาพดีทั้งสิ้น
“เห้อ อะไรกันนักกันหนาว่ะปีนี้” เขาถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะวางเอกสารต่างๆลง แล้วจึงไปทิ้งตัวอย่างแรงบนเตียง ก่อนที่จะ
สอดส่ายสายตาไปยังชั้นวางของข้างๆเตียง เขาเห็นกระเป๋าเป้ของโกสินทร์วางอยู่ที่ชั้นวางของ ใช่สิเรายึดของๆเด็กนั่นมาตั้งแต่วันที่จับมันมาได้ เขาคิด ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเป้ใบนั้นขึ้นมาดูทันที
“ไหน มีอะไรบ้างเนี่ย” เขาพูดพร้อมกับเปิดเป้ใบนั้น ในเป้ใบนั้นมีหนังสือเรียนอยู่สองสามเล่ม สมุดโน้ตเล่มเล็กๆ กระเป๋าใส่
ดินสอ สายชาร์จ นอกจากนี้ยังมีของที่เขายึดมาได้จากโกสินทร์นั่นก็คือกระเป๋าสตางค์ กับโทรศัพท์ที่เขานำมาใส่รวมไว้ใน
กระเป๋าใบนี้ ศักดิ์นรินทร์หยิบโทรศัพท์ก่อนที่จะกดลงไปที่ปุ่ม เงียบ…..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แบตคงจะหมดแล้วมั้งเนี่ย” ศักดิ์นรินทร์พูดกับตัวเอง ก่อนที่จะหยิบสายชาร์จออกมาจากกระเป๋าเป้ของโกสินทร์ ศักดิ์นรินทร์จึง
เปิดโทรศัพท์ดูอีกทีหนึ่งขณะที่กำลังชาร์จแบตโทรศัพท์ ที่พื้นหลังนั้นเป็นรูปของโกสินทร์ ศักดิ์นรินทร์จึงไล่กดดูไปเรื่อยๆจนถึง
คลังภาพ มีรูปของโกสินทร์ตามสถานที่ต่างๆ ถ่ายกับเพื่อนบ้าง แต่ที่ศักดิ์นรินทร์แปลกใจคือ เขาเห็นเด็กหนุ่มอีกคนหน้าตาดีถ่าย
คู่กับโกสินทร์หลายครั้งมาก บางทีก็จับมือกัน บางทีก็กอดกันบ้าง มันสนิทกันจนดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อนไปแล้วนะ ศักดิ์นรินทร์คิด
“อะไรว่ะ มันจะถ่ายกับใครก็เรื่องของมัน ทำไมเราต้องคิดฟุ้งซ่านอะไรด้วยว่ะเนี่ย” ศักดิ์นรินทร์พูดก่อนที่จะทิ้งโทรศัพท์ลงและ
ล้มตัวลงนอน เขาพยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็มิอาจหลับลงได้เขากลับคิดไปว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมมันต้องมาสนิทกันแบบนั้นด้วย
“โว้ย อะไรว่ะ” จู่ๆศักดิ์นรินทร์ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างดัง พร้อมกับลุกขึ้นดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จ แล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องที่คุม
ขังโกสินทร์ทันที เขาทำอะไรอยู่ เขาก็ไม่รู้ ศักดิ์นรินทร์รู้แต่เพียงว่า เขาต้องรู้ให้ได้ว่า ไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!
โกสินทร์นั่งอยู่บนเตียงพลางมองออกไปนอกหน้าตา นกตัวน้อยๆกำลังร้องเบาๆชวนน่าฟัง เด็กหนุ่มจึงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะเจออะไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จู่ๆศักดิ์นรินทร์ก็เปิดประตูเข้ามา
“ดูท่าทางสนิทกันดีนะ มีการซบไหล่กันด้วย เฮอะ” จู่ๆศักดิ์นรินทร์ก็พูดขึ้นมา
“อะไรกันหรอครับ ใครซบไหล่ใคร อะไรยังไง” โกสินทร์ถามแบบงงๆ
“ก็จะใครซะล่ะ ก็แกไง” เขาพูดพร้อมกับยกหน้าโทรศัพท์มือถือของโกสินทร์ขึ้นมาทันที “ดูท่าทางจะสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อน
นะ”
“คุณ คุณทำอะไรน่ะ แอบดูโทรศัพท์คนอื่นได้ไง ไม่มีมารยาท” โกสินทร์พูดพร้อมกับพยายามยื้อแย่งโทรศัพท์ของเขาจากมือของศักดิ์นรินทร์
“เอาของผมคืนมา เอาของผมคืนมา เอาโทรศัพท์ผมคืนมา” โกสินทร์พยามยามร้องเรียกให้ศักดิ์นรินทร์คืนโทรศัพท์ให้เขา
“มันเป็นใครว่ะ บอกฉันมาสิ” โกสินทร์ถามแบบยียวนแกมขู่
“ไม่ ผมไม่บอก เอาของผมคืนมา”
“ท่าทางแกจะอยากได้มากนะ งั้นแกก็เอาไปสิ” พูดจบศักดิ์นรินทร์ก็ขว้างโทรศัพท์ของโกสินทร์อย่างแรงไปที่พื้นห้อง ส่งผลให้
โทรศัพท์แตกกระจายทันที
“ไม่ ~” โกสินทร์ร้องอย่างสุดเสียง เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปเก็บซากโทรศัพท์ขึ้นมาประกอบทันที หากไม่ได้ผล มันไม่ติดอีกแล้ว
“ไม่! ติดสิ! ติดสิ!” เด็กหนุ่มพยายามเขย่าโทรศัพท์อย่างแรง ด้วยหวังว่ามันจะติดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“มานี่” ศักดิ์นรินทร์ดึงร่างของโกสินทร์ที่นั่งอยู่อย่างแรง “บอกฉันมาว่าไอ้คนที่ถ่ายรูปกับแกมันคือใคร”
“ปล่อยผม ปล่อยผม” โกสินทร์ดิ้นอย่างแรง
“บอกฉันมาสิ ว่ามันคือแฟนแกใช่ไหม”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมผม!” โกสินทร์ตะคอกใส่หน้าศักดิ์นรินทร์อย่างเหลืออด ศักดิ์นรินทร์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะตะโกนอย่างรุนแรงว่า
“ท่าจะรักมันมากสินะ ได้กับมันมากี่ครั้งแล้วล่ะ!”
“คุณ!” โกสินทร์ตะโกน น้ำตาเขาค่อยๆไหลออกมา ทำไมศักดิ์นรินทร์ถึงพูดดูถูกเขาแบบนี้
“บอกมาสิ ว่าได้กับมันมากี่ครั้งแล้ว” เมื่อศักดิ์นรินทร์พูดจบโกสินทร์ก็ต่อยหน้าศักดิ์นรินทร์ ร่างใหญ่หน้าหัน ศักดิ์นรินทร์จับหน้าเขาเบาๆ
“ผมเกลียดคุณ ออกไป ผมเกลียดคุณ ได้ยินไหมว่าให้ออกไป!” โกสินทร์พูด น้ำตาที่แก้มนวลไหลออกมาเป็นทาง
“ว่าไงนะ แกเกลียดฉันหรอ?” ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อศักดิ์นรินทร์ได้ยินโกสินทร์พูดคำว่า ‘เกลียด’ เขากลับเจ็บปวดที่ใจและความรู้สึกอย่างไม่อาจรับได้ ศักดิ์นรินทร์จับแขนของโกสินทร์อย่างแรง
“ปล่อยผม ผมเกลียดคุณ ออกไป” ไม่มีคำโต้เถียงโต้ตอบใดๆ เมื่อโกสินทร์พูดจบ ศักดิ์นรินทร์ก็ประกบริมฝีปากน้อยๆนั่นทันที
ข้อมือเล็กๆนั่นพยายามขัดขืน หากแต่ไร้ผล
“แกห้ามเกลียดฉัน เข้าใจไหมว่าห้ามเกลียดฉัน”ศักดิ์นรินทร์พูดเมื่อถอนริมฝีปากของเขาออก เขารู้สึกว่าไม่อยากให้เด็กหนุ่มตรง
หน้าต้องเกลียดเขา ไม่รู้ทำไม แค่คิดว่าโกสินทร์เกลียดเขา เขาก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว
“ไม่! ผมเกลียดคุณ ผมเกลียด คุ……..” คราวนี้ศักดิ์นรินทร์ไม่ทันให้โกสินทร์พูดจบ เขาประกบริมฝีปากของเด็กหนุ่มทันที
“สกปรก คุณมันสกปรกที่สุด” โกสินทร์พูดเมื่อเขาได้รับอิสระ เขาเอามือมาปาดที่ริมฝีปากเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหล
“แกห้ามเกลียดฉัน เข้าใจไหม!” ศักดิ์นรินทร์พูดแกมบังคับ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก หรือว่านี่จะเป็นผลมาจากการที่
สองสามวันนี้เขาไม่ได้นอนเลย แต่เขาก็ยังฝืนพูดต่อไปว่า
“แกต้องอยู่กับฉัน ฉันไม่ให้แกไปไหน โอ๊ะ” เขาเริ่มรู้สึกตาพร่าขึ้นมาอย่างทันที จู่ๆเขาก็เริ่มหายใจไม่สะดวกมากขึ้น ศักดิ์นรินทร์รู้สึกปวดหัวมากขึ้น มากขึ้น มากจนเขาทนไม่ไหวแล้ว และจู่ๆโลกเขาก็พลันดับวูบลงไป
“คุณ!” โกสินทร์ร้องขึ้นมาในทันทีที่เห็นศักดิ์นรินทร์ล้มลงไปที่พื้นห้อง!