Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 124234 ครั้ง)

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
มาแบบยาวเลยทีเดียว สงสารเร็นจัง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
โอ้วววว...ซึ้งยิ่งนัก  :monkeysad:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
10th Chapter

ผมกำลังนอนเหยียดอยู่บนเตียงขนาดแปดฟุตในห้องชุดของเร็นเพียงลำพังครับ ไม่ต้องคิดว่าไอ้หล่อมันเอาผมมาทิ้งไว้แล้วมันหายไปไหนหรอกครับเพราะตอนนี้มันกำลังไปอุ่นมื้อดึกให้ผมอยู่



เนื่องจากมื้อเย็นผมกินไปไม่กี่คำ กระเพาะผมมันเลยส่งเสียงร้องดังในระหว่างเรากำลังอาบน้ำกันอยู่ ไอ้หล่อมันขำอยู่เกือบนาทีก่อนจะยอมแพ้ไปหา อะไรให้ผมกินได้ตอนที่ผมถ่องศอกใส่ท้องมัน (ข้อนี้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับสายตาที่มองค้อนมันไปหลายหนแต่ประการใด)



ระหว่างรอผมก็นอนปาดนิ้วกับเกมส์เดิมในไอแพดของไอ้คุณชายมัน พักเดียวเร็นมันก็เดินเข้าห้องมาพร้อมกับโกโก้ร้อนแล้วก็ขนมปังโฮลวีทอุ่นๆก้อนนึง



“มีแค่นี้หรอ เมื่อเย็นซื้อหนมมากินตั้งเยอะ” ผมดันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วก็บ่นกับปริมานอาหารที่มันให้ผมกิน ไอ้หล่อมันบิขนมปังก้อนเป็นชิ้นเล็กๆแล้วจุ่มน้ำผึ้งในถ้วยที่มันเอามาด้วยใส่ปากผมที่อ้ารับแต่โดยดี



“กินแค่นี้แหละพอแล้ว กินมากกว่านี้เดี๋ยวก็น้ำหนักขึ้น เจอเข็มใหญ่ไม่รู้ด้วยนะ” พูดถึงฝังเข็มแล้วสะดุ้ง เย็นพรุ่งนี้ผมมีนัดกับคุณหมอคนสวยอีกแล้วนี่นา!!



กินจนหมดแล้วไอ้หล่อมันก็ไล่ให้ผมไปแปรงฟันเตรียมนอนครับ ส่วนมัน ก็เอาจานกับถ้วยโกโก้ไปเก็บที่เดิม เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างกลับมาเจอกันที่เตียงเหมือนเดิม



“ดูหนังมั้ย?”



เพราะมันยังไม่ใช่เวลานอนครับ ถึงนอนยังไงก็ไม่หลับหรอก ผมเลยเอ่ยชวนไอ้หล่อมันดู เร็นเลิกคิ้วแล้วปิดประตูห้องก่อนเดินมาหาผมที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง



“ไม่เล่นเกมส์แล้วหรือไง?” ไอ้เกมส์บ้าที่เล่นยังไงก็ได้คะแนนไม่ถึงครึ่งที่มันทำไว้น่ะหรอ ผมขี้เกียจเล่นแล้ว



“ไม่เอาอ่ะ เล่นไงก็ล้มสถิตินายไม่ได้”



บอกไปตรงๆไอ้หล่อมันก็หัวเราะเบาๆสายตาพราวระยับครับ มันเดินมานั่งข้างๆแล้วจัดแจงดึงตัวผมไปนั่งอยู่ตรงหว่างขา มันเกยคางเอาไว้กับไหล่ของผม ผมงงๆว่ามันจะทำอะไร มันก็หยิบไอแพดมาวางไว้บนเข่าของผม



“มาสิ เล่นด้วยกัน”



จริงๆไม่อยากเล่นหรอกนะ แต่เห็นกับหน้าคนชวนเล่นหรอก



ปกติแล้วเกมส์บนไอแพดมันก็เล่นได้คนเดียวแหละครับไม่ใช่เกมส์กีฬาประเภทคู่สักเท่าไหร่ ผมก็สงสัยอยู่ว่าไอ้หล่อมันจะทำยังไง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันถ้าเกิดมันอยากจะเล่นคู่



มันจับมือผมไว้แล้วจับลากมือผมปาดหั่นผลไม้ในจอครับ



ไม่อยากจะบอกว่าแม้เกมส์มันจะเล่นต่อเนื่องไปเรื่อยๆแบบต้องใช้ตาจ้องตลอดเวลา ไอ้หล่อมันก็ยังเนียนแอบหอมแก้มจูบขมับผมได้โดยที่เกมส์ไม่โอเว่อร์อีกด้วย



อิชิฮาระ ซัทสึกิอยากจะคอยคารวะพี่ท่านจริงๆนะจุดนี้!!



สถิติที่ผมกับไอ้คุณชายทำร่วมกันในคืนนั้นคือ 1399 ครับ มากกกว่าเดิมตั้ง 9 คะแนน



ผมคลี่ยิ้มถูกใจถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผลงานตัวเองก็เถอะ แต่ก็นะอย่างน้อยผมก็มีส่วนร่วมล่ะ



เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ผมบิดแขนปิดเอวจนเสียงกระดูกมันลั่นกร๊อบๆ ตอนที่เร็นมันวางไอแพดที่โต๊ะข้างเตียงแล้วเดินไปปิดไฟ ผมขยับพื้นที่ให้ มันมีที่นอนบ้างเพราะรู้สึกว่างตัวเองนอนยึดกลางเตียงมากเกินไป



“ฝันดีนะครับ” มาอีกแล้วครับเสียงทุ้มที่มาพูดกรอกใส่หูก่อนจะพรมจูบเบาๆลงกับกระหม่อมแล้วก็สอดมือเข้ามากอดให้ไปซุกอกนี่



ถ้าผมเป็นผู้หญิง ชีวิตก็คงจะดูเพอร์เฟคดีที่มีไอ้คุณชายรูปหล่อพ่อรวยคอยทรีทแอนด์เทคแคร์เป็นอย่างดี แต่เผอิญผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย



ผู้ชายที่ไม่เคยคาดหวังให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน ถึงแม้หลายๆครั้งจะแอบเผลอใจเต้นแล้วก็รู้สึกดีกับสิ่งที่เร็นมันคอยทำให้ (อันที่จริงต้องบอกว่าทุกครั้งสินะ) ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยรอยยิ้มได้



ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมคิดมากเพราะความกลัว ความไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสิ้นๆที่ผ่านมานี่ เร็นบอกให้ผมเปิดใจให้มัน มันจะรู้บ้างมั้ยว่าผมเปิดใจให้มันแล้วนะ ไม่งั้นมันไม่มีสิทธิ์มานอนกอด มาจูบ มาติ๊ดชึ่งกับผมแบบนี้หรอก มันไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงกันนะ



“ริวซากิ..” อยู่ดีๆผมก็อยากเรียกชื่อมันครับ พอนึกอยากแล้วปากมันก็โพล่งเรียกออกไป



“หืม?..” มันยังไม่หลับครับ พอผมเรียกชื่อมันก็ครางถามกลับมาทันทีพร้อมกับมือที่เลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเหมือนจะกล่อมให้นอน



“ไม่มีอะไรหรอก”



ผมอ้อมแอ้มบอกมันแล้วซุกหน้าลงกับอกของมันเหมือนเดิม ความรู้สึกอึนๆในใจมันอธิบายไม่ถูก มันไม่รู้จะส่งเป็นคำพูดอะไรให้แปลความออกมาได้ตรงกับความรู้สึก ในเมื่อผมยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองเลยสักนิด



“แน่ใจหรอ?”



“อือ”



ผมพยักหน้ากับไหปลาร้าของมันด้วย แต่ไอ้หล่อมันจับไหล่ผมดึงออกจากอกมัน แม้จะไม่มีแสงไฟแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าไอ้หล่อมันกำลังจ้องแบบเค้นคำถามจากปากผมอยู่



“ฉันว่ามันต้องมีอะไรสิ”



ไอ้บ้า มึงจะมาเค้นคำตอบหาพระแสงอะไรกันตอนเที่ยงคืนวะ!!



“ก็บอกแล้วว่าไม่มี”



ผมบอกมันแล้วพลิกตัวหนีไปอีกด้าน ได้ยินเสียงมันพรูลมหายใจออกช้าๆแล้วก็หน่วงในอก มันจะเบื่อความปากหนักแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องของผมหรือเปล่านะ



แต่ไม่ครับ



“มีสิ..” มันสอดแขนเข้ามากอดผม เขยิบตัวเข้ามาใกล้จนอกชิดหลัง ปลายจมูกของมันกดลงแนบกับหลังหัวของผม



“ไม่งั้นซัทสึกิจะร้องไห้ทำไม”



ผมน่ะหรอร้องไห้? ใครกันร้องไห้



“เปล่าซะหน่อย..”



ผมบอกมันเสียงอู้อี้ พยายามซ่อนหน้าลงกับหมอน แต่พี่ท่านก็ไม่ยอม เอามือมาช้อนหน้าผมให้ตะแคงหงายแล้วเปิดไฟหัวเตียงขึ้นมาจับผิดอีก



“คิดอะไรอยู่หืม?”



แย่ชะมัด ถูกมันจับได้ว่าร้องไห้โดยไม่รู้ตัวแบบนี้ ผมแมนนะ ไม่ได้ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาง่ายๆโดยเฉพาะไอ้คนที่เป็นต้นเหตุด้วยแล้ว



“ไม่ได้คิด”



ผมบอกมันแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาแต่มันก็รั้งมือไว้แล้วกดมือผมลงไป กับหมอน ริมฝีปากของมันไม่ได้เพียงแต่ให้สัมผัสอุ่นเมื่อมันก้มลงมาจูบซับน้ำตาเท่านั้นแต่ยังเผื่อแพร่ความอุ่นไปถึงใจของผมอีกด้วยว่ามันยังแคร์ผม



“อย่าโกหกสิ”



ไอ้บ้า!! ไม่รู้หรือไงกันว่าเรื่องแบบนี้ใครเขาอยากจะยอมรับ



อาการคิดมากคิดเล็กคิดน้อยกับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชายด้วยกันแบบนี้มันเป็นอาการของมนุษย์ตุ๊ดชัดๆ ใครเขาจะยอมรับง่ายๆล่ะไอ้บ้า!!



“ซัทสึกิ...”
ผมมองหน้ามันผ่านแสงไฟสีส้มของหัวเตียง ไม่รู้หรอกว่า ทำสายตายังไงตอนมองมันเหมือนกัน แต่ผมเห็นมันทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นสายตาแบบนี้ของมัน



“อย่าถามอะไรอีกเลยนะ..”



ผมบอกมันอีกครั้งก่อนจะหลุบตามองดูต้นคอของมันแทน ไอ้หล่อมันถอนหายใจอีกครั้งแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของผม
“ขอขัดใจนะ แต่จะถามข้อเดียวเท่านั้น” ผมนิ่งไปก่อนจะพยักหน้าอนุญาต



“ที่ร้องไห้นี่...เพราะฉันหรือเปล่า? อย่าโกหกนะ”
อย่ามาดักทางกันแบบนี้ได้ไหม แล้วถ้าผมซื่อสัตย์ตอบมันไปตามความจริง มันจะรู้สึกยังไงกัน



แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็



“อืม...”



“เพราะนายน่ะแหละ”





บางครั้งคนเราก็สร้างตรรกะเหี้ยๆมาบั่นทอนความรู้สึกได้เสมอครับ เหมือนกับเมื่อคืนที่ผมอยู่ดีๆก็นึกบ้าบออะไรไม่รู้จนน้ำตาไหลออกมา (ขอบอกว่าไม่ได้ร้องไห้แต่ประการใด แค่น้ำตาไหลออกมาเท่านั้น!!)



อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นมนุษย์อ่อนโยนและอ่อนไหวครับ นอกจากนี้แล้วยังเป็น มนุษย์คิดมากอีก และตอนนี้ก็กำลังมีประเด็นให้คิดมากเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว ผลพวงก็มาจากไอ้โมเลกุลเฮชทูโอที่เสร่อไหลออกจากดวงตาอันทรงเสน่ห์ของผมเองนี่แหละครับ



ย้อนความกลับไปเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้ว เร็นมันคาดคั้นเอาคำตอบจากผมว่าต้นเหตุเป็นเพราะมันหรือเปล่า แล้วผมก็ดันเถรตรงตอบไปว่าใช่



หลายคนคงคาดเดาเหตุการณ์ต่อไปว่าเร็นมันคงดราม่าใส่ผมแน่ๆ แต่ขอบอก ไม่เลยสักนิด ไอ้หล่อมันไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ถามอีกสมกับที่มันบอกว่าจะขอขัดใจถามเป็นข้อเดียวเท่านั้นจริงๆ



แล้วอะไรคือประเด็นที่ให้ผมคิดมากยิ่งขึ้นไปอ่ะหรอ คุณรู้มั้ยคนเรามักปากไวไปก่อนความรู้สึกจริงๆที่อยู่ในใจ
ผมบอกไอ้เร็นมันไปว่าห้ามถาม แต่ใจจริงบอกแบบสารภาพบาป เลยก็ได้ว่าผมอยากให้มันถาม อยากให้มันซัก แล้วผมจะได้พูดออกไปตรงๆไม่ต้องมานั่งกลุ้ม มานั่งเก็บเอามาคิดคนเดียว แต่ไอ้หล่อเสือกเป็นคนดีเป็นพ่อพระ เก็บปากเก็บคำของมันไว้จนผมนึกว่ามันเอาเข็มเย็บผ้ามาสอยปากมันปิดสนิทไปแล้วถ้าริมฝีปากของมันไม่เอาแต่วนซับจูบรอยน้ำตาและแก้มของผมจนมันแห้งสนิทแล้วกดหัวผมไปนอนซุกอกมันต่อ



สิ่งที่ทำให้ผมคิดมากและว้าวุ่นประเด็นต่อมา ก็คืออ้อมแขนของมันที่กอดผมเอาไว้แน่นกว่าทุกครั้งกับเสียงหัวใจที่ดังเป็นจังหวะช้ากว่าทุกทีแต่ดังชัดกว่าทุกหน ผมอยากรู้...ว่าต้นกำเนิดของเสียงภายในใจของเร็นนั้น



มันมีความรู้สึกอะไรซ่อนอยู่...



แต่ผมก็ทำได้แค่เงียบและข่มตาลงนอนทั้งที่จิตใจนั้นแสนจะว้าวุ่น



รู้ตัวอีกทีก็รุ่งสางแล้ว ผมถึงได้รู้สึกว่าทั้งคืนที่ผ่านมา ผมเอาแต่คิดเรื่องของเร็นทั้งคืน และภายในหัวข้อเรื่องที่จั่วหัวว่าเป็นของไอ้คุณชายมันนั้นก็มีคำถามที่แสนเลือนลางเพราะผมไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็รู้ดีว่าคำถามนั้นมันกำลังยืนคอยผมอยู่ที่สุดปลายทางที่ต้องการคำตอบในสักวันข้างหน้าบนเส้นทางของความสับสน



คำถามง่ายๆที่หาคำตอบยากยิ่งกว่าสอบเข้ามหาลัยหรือสอบไฟนอลของวิชาภาคแสนโหดเสียอีก...




ตื่นเช้ามาวันนี้เร็นไม่ได้นอนกอดผมอยู่เหมือนกับตอนก่อนหลับครับ ไอ้เจ้าของเตียงมันหายไปไหนไม่รู้ ทิ้งให้ผมนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่ตามลำพัง



ผมเดินเกาพุงเกาหัวตามหาไอ้หล่อมันไปทั่วห้องก่อนจะได้ยินเสียงมา จากสระว่ายน้ำข้างนอกระเบียงเลยเปิดประตูกระจกออกไป



ท้องฟ้าวันนี้แจ่มใสดีครับ ตะวันที่เพิ่งโผล่ขึ้นขอบฟ้าไม่ถึงสามสิบองศาก็ให้แสงสว่างมากพอที่ผมจะเห็นผิวน้ำสีฟ้าในสระน้ำเป็นประกายระยิบระยับแล้ว



แต่ก็นะคงไม่เป็นประกายมาเท่ากับไอ้คนที่ลุกขึ้นมาจ้วงตีกรรเชียงในสระน้ำตอนเกือบเจ็ดโมงเช้าได้หรอกครับ
เพราะมัวแต่ว่ายน้ำอยู่ เร็นก็เลยคงไม่รู้ว่าผมลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ลองเอาเท้าแหย่ไปแตะน้ำในสระแล้ว เย็นยะเยือกใช้ได้เลยทีเดียว เร็นมันลงไปว่ายได้ยังไงกันวะเนี้ย!!



จากตอนแรกที่กะจะหย่อนเท้าตีน้ำเล่นอยู่ริมสระรอมันว่ายเสร็จ ผมก็เปลี่ยนใจยืนกอดอกคอยมันแทน สายตาก็เฝ้ามองไอ้คุณชายตีกรรเชียงด้วยท่วงท่าเท่ห์เหลือร้ายแบบที่ว่าสาวๆเห็นคงกรี๊ดแบบไม่เหลือเสียงแน่ๆ (จริงๆสาวๆน่าจะกรี๊ดเสียงหายตั้งแต่เห็นมันใส่เกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียวไปล่วงหน้าก่อนแล้วล่ะผมว่า)



หลังจากนั่งหาวอยู่สามสี่หน เร็นมันก็ขึ้นจากสระน้ำ เอาความหล่อแบบเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้ามาสู้กันแต่เช้าเลยทีเดียว ไอ้คุณชายมันผ่านผมไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าซับผมแล้วก็หยิบเอาเสื้อคลุมมาใส่ก่อนจะเดินมาหาผมที่ยืนแก้มแดงเพราะลมหนาวตอนเช้าอยู่



“หิวหรือยัง?”



ผมส่ายหน้าแทนคำตอบครับ เร็นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วใช้มือที่ไม่ได้เช็ดผมมาแตะหลังพาผมเดินกลับเข้ามาในห้อง



“งั้นไปอาบน้ำกัน”



อื้อหือ ทิ้งให้คนเขาตื่นนอนคนเดียวแล้วยังมีหน้ามา ทำหน้ามึนชวนไปอาบน้ำด้วยกันอีก เห็นแก่ความหล่อรับอรุณหรอกนะ ถึงยอมให้จูงมือพาเข้าไปในห้องน้ำได้น่ะ!!



อยู่กันมาหลายวัน อาบน้ำด้วยกันมาก็หลายหนแล้ว ผมเริ่มเคยชินกับการโป๊ต่อหน้าเร็นแล้วครับ แต่ไอ้ที่ไม่เคยชินซะทีนี่ก็คงเห็นจะเป็นการที่ต้องมองไอ้หล่อมันเปลือยต่อหน้าแบบเต็มรูปแบบครับ โป๊ใส่มันยังไม่น่าเขินเท่ามันมายืนโป๊อวดชัยชนะที่ทำให้ผมแค้นต่อหน้ากันหรอกขอบอก



ผมถอดเสื้อผ้าเสร็จก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป เร็นมันเข้าไปก่อนหน้านั้นแล้ว ผมเห็นมันไปก้มๆเงยๆอยู่ตรงอ่างจากุชชี่ คงกำลังรองน้ำใส่อ่างอยู่ละมั้ง ผมเลยหันไปที่อ่างล้างหน้าฝั่งตรงข้ามแทน

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

แปรงสีฟันของผมมียาสีฟันบีบเตรียมไว้ให้แล้ว คนที่เตรียมไว้ให้คงหนีไม่พ้นไอ้คนที่เข้าห้องน้ำมาก่อนแน่นอนยาสีฟันมันคงไม่สามารถเดินออกจากหลอดมานอนอยู่บนขนแปรงได้เองหรอกจริงมั้ย



ไม่อยากบอกจริงๆว่าผมแอบอมยิ้มไปแปรงฟันไป เพียงพักเดียวเงาในกระจกตรงหน้าก็สะท้อนภาพของเร็นที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังผม มันหยิบเอายางมัดผมขึ้นมามัดให้กับผมที่ยังคงแปรงฟันอยู่



ผมของผมเริ่มยาวมากแล้วครับแต่ก็ยังไม่ได้ไปตัด เพราะจากที่คุยกันเรื่องบทละครเมื่อวาน นอกจากพี่มิซึรุบังคับให้ผมลดน้ำหนักแล้วยังให้ไว้ผมยาวด้วยอีก



ตอนแรกว่าอาทิตย์นี้จะไปตัดผมเพราะเริ่มรำคาญที่ผมยาวปะบ่าแล้วก็ เลยต้องไว้ยาวไปก่อนอีก



ผมแปรงฟันเสร็จก็เริ่มล้างหน้า เร็นที่ยืนโอบเอวผมอยู่ก็หยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าผมให้แห้ง แต่ซับอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา พอมันซับหน้าผมเสร็จก็ต้องเนียนเอาจมูกมาชนแก้มผมอีก



“อย่าหน่า..” ผมดันหน้ามันออกครับ แต่ไอ้คนที่เบียดตัวเข้ามาจนชิดหลังผมก็ไม่วายจะหอมแก้มผมซ้ำๆอีกหลายครั้ง



“อื้อ..หนวดมันทิ่มนะ”



ผมร้องบอกมันแล้วใช้ศอกดันอกมันให้ออกห่าง คำพูดของผมมีแรงผลักแค่ใบหน้าของเร็นให้มันออกห่างไปแค่ห้าเซนต์เท่านั้นครับ มันดึงหน้าออกไปนิดนึงแล้วยกมือขึ้นลูบไรหนวดของมันที่ขึ้นมาทิ่มแก้มใสๆของผมไปมา



“งั้นโกนให้หน่อยสิ”



คงไม่ต้องบอกก็รู้นะครับว่าการถูกอ้อนด้วยใบหน้าหล่อๆ แล้วก็เสียงทุ้มๆอยู่ข้างหูแบบนี้ใครมันจะไปปฏิเสธลงกัน


ล่ะ.........จริงมั้ย?



ไม่ถึงสองนาทีต่อมาผมก็เลยถูครีมโกนหนวดไปบนคางของเร็น มองดูแล้วก็อดขำไม่ได้เพราะพอมีครีมโกนหนวดขาวๆไปอยู่รอบคางรอบปากแล้วก็อดจินตนาการถึงซานตาคลอสไม่ได้



การต้องโกนหนวดให้คนอื่นมันก็ประหม่ามากพอแล้วครับ แต่ยิ่งมาโกนหนวดให้กับคนที่สายตามีพลังการทำลายล้างสูงอย่างเร็นนี่ยิ่งยากขึ้นไปเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ผมหยิบเอามีดโกนมาแล้วปีนขึ้นไปนั่งตรงขอบอ่างล้างหน้า เร็นมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอาสองแขนเท้าลงไปข้างสะโพกของผม ดูแล้วเหมือนมันโอบผมไว้กลายๆอย่างบอกไม่ถูก



ผมค่อยๆโกนหนวดให้เร็นจากข้างแก้มเข้ามา โกนไปก็เกร็งไปกลัวจะไปบาดแก้มให้ผู้คนเขาประณามว่าเป็นคนทำความหล่อของริวซากิซามะให้มีบาดแผล กว่าจะโกนเสร็จก็เล่นเอาเกร็งไปทั้งบ่าเลยทีเดียว



“อาบน้ำเสร็จค่อยมาทาอาฟเตอร์เชฟเนอะ”



ผมบอกแล้วหยิบเอามือลูบครีมโกนหนวดที่เหลืออยู่ตรงข้างแก้มของ เร็นให้ คุณชายมันพยักหน้าก่อนจะโอบเอวผมให้ลงมาจากขอบอ่างล้างหน้าแล้วจูงไปที่อ่างจากุชชี่ที่น้ำเต็มพอดี



การได้แช่น้ำอุ่นๆแต่เช้าก็ดูสบายตัวดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไปยืนตากลมหนาวข้างสระน้ำมา เร็นเองมันก็คงสบายตัวด้วยเหมือนกันแหละมั้ง



ผมยึดเอาพื้นที่อ่างริมหน้าต่างกระจกแล้วเอาคางเกยกับขอบอ่างไว้กึ่งๆคว่ำหน้า เอาขาตีกระแสน้ำวนในอ่างใหญ่ที่เกือบจะเป็นสระน้อยๆในร่มอย่าง สบายอารมณ์ เร็นมันเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงตรงเครื่องเสียงที่อยู่ในชั้นวางที่ดีไซน์ฝังอยู่ในผนัง วันนี้ไอ้คุณชายมันกล่อมผมแต่เช้าด้วยเสียงเพลงคุ้นหูในจังหวะบอสซาโนว่าที่ไม่มีเสียงคนร้องครับ



“ถ้าเผลอหลับไปอีกรอบ ก็อุ้มไปเตียงด้วยนะ”



ผมเอียงหน้าบอกมันแล้วก็หลับตาลงให้ไอ้คนที่ขยับเข้ามาใกล้มันแต้ม จูบที่ข้างขมับ ก่อนจะร้องเพลงให้ผมฟัง ผมฟังแล้วก็เคลิ้มไปตามระเบียบของ คนที่แพ้เสียงริวซากิ เร็นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นแหละครับ แต่หัวใจมันมาเต้นหนักหน่วงก็ตรงท่อนฮุคที่ไอ้คุณชายมันเอียงหน้ามาร้องใส่ข้างหูนี่แหละครับ



“I love you baby
And if it's quite all right
I need you baby
To warm a lonely night
I love you baby
Trust in me when I say”



หลังจากนั้นก็ค้างกันไปสองจังหวะครับเพราะผมดันเสร่อไปช้อนตามองมัน เร็นมันก็เงียบลง แล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะร้องเนื้อตามจังหวะเพลงต่อด้วยประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นมากกว่าเดิม



“Now that I've found this day
So let me love you….baby”



ผมหลับตาเพราะไม่กล้าสู้ตาเว้าวอนของไอ้เร็นมัน แต่หูก็ยังได้ยินจังหวะทำนองเพลงและเสียงร้องที่แสนจะเว้าวอนมากกว่าสายตาของเร็นอีกท่อนนึงก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน



“Let me love you”



เรื่องที่ผมคิดมากเมื่อคืนมันวิ่งวนกระจายตัวกระเจิดกระเจิงอยู่ในหัว ก่อนจะถูกจูบของเร็นมันเตะไล่กระเด็นออกไปนอกสมอง เหลือเพียงแต่กลิ่นอโรม่าหอมหวานของน้ำมันหอมระเหยที่เร็นมันหยดใส่ไว้ใน อ่างอาบน้ำกับเสียงเพลงที่ยังคงดังก้อง



และจูบของเรา...




ผมสารภาพได้มั้ยครับว่าผมชอบเวลาที่ได้จูบกับเร็น แต่พวกคุณห้ามไปบอกไอ้คุณชายมันนะครับ ผมชอบเวลามันจูบเบาๆก่อนแล้วค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา มันเป็นคนจูบเก่งมากครับ จูบทีไรผมรู้สึกเหมือนตัวมันระทวยไปทุกที เหมือนกับตอนนี้ตัวผมก็ระทวยจนให้ไอ้คุณชายมันสอดมือเข้ามาผ่านท้องแล้วรั้งตัวผมให้ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักมันนี่แหละครับ



“ซัทสึกิ..”



เห็นมันเรียกชื่อผมเบาๆแล้วมองด้วยสายตาอ่อนโยนแบบนี้แต่เช้าแล้วดูท่าทางอิชิฮาระ ซัทสึกิอาจได้เสียตัวแต่เช้าแหงๆ



ผมปล่อยให้มันลูบแก้มแล้วมันก็เลื่อนมือไปประคองท้ายทอยของผม คลึงนิ้วอยู่กับต้นคอจนรู้สึกเคลิ้มไปมากพอสมควร คอยดูอยู่พักใหญ่ว่าไอ้คุณชายมันจะทำอะไรต่อครับแต่มันก็ยังนวดต้นคอให้ผมอยู่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
ปากของเราไม่ได้จูบกันแล้ว แต่สายตาของผมไม่ได้มองที่ตามัน บอกแล้วว่าผมแพ้สายตาของไอ้คุณชาย ผมเลยมองดูเรียวปากของมันแทน ปากของเร็นมันแดงขึ้นเพราะเราจูบกันไปเมื่อสักครู่



ขนาดปากมันยังแดงมีหรอที่ปากผมจะไม่แดงเหมือนกัน มองแล้วผมก็ เขินจนหน้าร้อนจัด สายตาเลยมองต่ำลงไปที่คางและเลื่อนลงไปที่คอของมัน เร็นเป็นคนฐานคอสวยดีครับกระดูกตรงไหปลาร้ายกนูนขึ้นนิดหน่อยดูน่าสัมผัสดี
แล้วความคิดของผมก็ช้ากว่ามือครับ มือไม่รักดีของผมมันไปแตะสัมผัสแล้วแถมไม่แตะเบาๆเท่านั้น ผมเอามือวางลงไปเต็มมือ ตัวของเร็นอุ่นโคตรเลยครับ อุ่นมากกว่าน้ำอุ่นในอ่างนี่เสียอีก มันน่าแปลกมากเพราะตัวมันน่าจะเย็น ก็ไอ้คุณชายมันเพิ่งไปตีกรรเชียงในสระว่ายน้ำที่น้ำเย็นยะเยือกนั่นมานี่นา



แต่อย่างไรก็ตามที ความคิดของผมฟุ้งกระจายไปหมดครับเหมือนกับ กลิ่นวานิลลาหอมหวานของอโรม่าในอ่างนี้ ผมอยากให้เร็นจูบผมอีกหน และตัวเราก็สัมผัสกันให้มากกว่านี้ ผมเลยเบียดกายเข้าไปจนอกเราชิดกันแล้วก็เงยหน้าไปจูบเบาๆที่มุมปากของไอ้คุณชายมันอย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าผมจะทำได้ พอมองตาแล้วเร็นเองก็คงตกใจเหมือนกันที่ผมทำอะไรแบบนี้



นาทีนี้ความอายมันหายไปไหนหมดไม่รู้ครับ ผมเบียดสะโพกกับตักมันหนักๆ ความรู้สึกเดียวก็คืออยากให้มันกอดผมไว้แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน



“ซัทสึกิ...นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”



เสียงของเร็นมันถามอยู่ข้างหูของผมครับ ฟังเสียงแหบพร่าที่ดูแตกต่างจากทุกทีของไอ้คุณชายมันแล้วผมแทบจะย้วยเป็นมวลสารละลายได้กันเลยทีเดียว เสียงมันดูตัดพ้อชอบกลครับ พอผมปรือตามองหน้ามันก็เห็นมันทำหน้าแบบสงสัย มึงจะมาสงสัยอะไรตอนนี้วะครับ



“นายหมายความว่าไง”



ผมถามไปแล้วก็เห็นเร็นมันกรอกตาไปมา อ้อมแขนของมันกอดผมแน่นขึ้นก่อนมันจะถอนหายใจเหมือนคนหนักอกออกมา



“เดี๋ยวนายก็ทำเหมือนรังเกียจฉัน เกลียดฉัน แต่บางทีนายก็ทำเหมือนกับต้องการฉัน จริงๆแล้วนายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่”



หัวใจมันปวดตึ๊บขึ้นมาเลยกับคำถามของไอ้คุณชายมัน ผมรู้สึกเหมือน มันอื้อๆบอกไม่ถูก เสียงเพลงทำนองหวานๆมันกลายเป็นเพียงเสียงหึ่งๆเหมือนผึ้งมารุมอยู่ข้างหู



ผมก้มหน้าเอาหน้าผากอิงกับคางของเร็นเอาไว้ มือก็ยังคงวางอยู่ที่อกของเร็นตามเดิม



“ฉันไม่ได้รังเกียจนาย..แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายกันแน่”



สารภาพไปแล้วครับ แต่วอลุ่มของเสียงจะดังมากพอให้เร็นได้ยินหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเพราะมีความรู้สึกว่าเสียงมันไม่ออกไปจากลำคอชอบกล เร็นลูบหัวผมเบาๆ และเงียบครับ ไม่พูดอะไรสักคำเหมือนกำลังรอให้ผมพูดมากกว่า ผมหลับตาลงฟังเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองและของเร็นก่อนจะพูดเสียงเบา



“แต่ตอนนี้..ฉันต้องการนาย”



แก้มของผมร้อนผ่าวเหมือนจับไข้เลยครับ บอกไปแล้วผมก็ก้มหน้าซุกลงกับไหล่ของไอ้คุณชายมัน เอาสองมือโอบกอดคอของเร็นเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักตัวลงอิงกับอกกว้างของเร็นและเอ่ยย้ำความรู้สึกในตอนนี้อีกครั้งที่ข้างหูของไอ้คนที่นิ่งไป



.
.



“ริวซากิ เร็น...ฉันต้องการนาย”



อย่างที่คุณก็คงเดาได้ครับ เร็นไม่ปฏิเสธสิ่งที่ผมร้องขอไปครับ ดังนั้นกว่าเราจะอาบน้ำเสร็จกันก็ร่วมเที่ยง ตอนนี้ผมต้องคอยหลบตาของไอ้คุณชายที่เอาแต่มองมาครับ



ให้ตายเหอะ นี่ผมทำอะไรลงไป ไปอ้อนขอให้มันมามีอะไรกับผมเองแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีวะเนี้ยอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!



มันเลยเป็นความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยในตอนนี้ครับ หลังจากเรานั่งทานอาหารเช้า(ในตอนเที่ยง)กันเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไรกันแล้ว เร็นมันก็บอกว่ามีงานต้องทำเลยปลีกตัวไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนแบบ



ส่วนผมที่ไม่มีงานอะไรทำนอกจากรอเวลาต้องไปฝังเข็มตอนเย็นก็เลยมานอนอ่านบทละครตรงโซฟาหน้าทีวี บทละครเวทีครั้งนี้ประยุกต์มาจากเรื่องซินเดอเรลล่าแต่เปลี่ยนจากนางเอกเป็นนายเอกเสียแทน กึ่งล้อเลียนกึ่งเสียดสีเรื่องความรักของเพศที่สามในยุคกลางของยุโรปกันเสียมากกว่า



จิฮารุเปลี่ยนชื่อตัวละครใหม่หมดเหลือแค่เค้าโครงเรื่องว่าตัวพระเอกเป็นชนชั้นศักดินา ส่วนตัวนายเอกเป็นชนชั้นไพร่ ความรักที่แต่เดิมก็ยากแล้วเพราะด้วยตัวฐานันดรศักดิ์ของทั้งคู่ ยังมีอุปสรรคที่เป็นความรักของเพศเดียวกันที่เป็นเรื่องต้องห้ามทางศาสนานั้นสมัยนั้นอีก



แล้วยังมีความลังเลใจของตัวลอเรนซ์ที่เป็นนายเอกอีกครับว่าตัวพระเอกนั้นรักตัวเองจริงหรือหวังแค่เพียงร่างกายของเขา



ผมอ่านดูแล้วก็เงยหน้ามองไอ้คุณชายมันไปครับ ตอนนี้ผมกับไอ้คุณชายมันก็คล้ายๆกับตัวละครในเรื่องมากเลยครับ เพียงแต่อยู่ในยุคโลกาภิวัตน์แล้วก็ เท่านั้นเอง



หันมองหน้าเร็นบ่อยๆแล้วก็เหมือนมันจะรู้ครับ ไอ้คนที่หล่อแบบลำลองด้วยชุดเสื้อกล้ามสีขาวอวดหุ่นเท่ห์ๆ แถมยังใส่แว่นสายตากรอบดำเสริม ความหล่อแบบเนิร์ดนิดๆมันก็หันมามองหน้าผมครับ



“มีอะไรหรือเปล่า?”



มันถามผมแล้ววางดินสอในมือลงครับ แค่มันเหล่สายตาในกรอบแว่นมาผมก็แทบจะม้วนตัวกลิ้งลงจากโซฟาที่นอนเกยอยู่ลงไปละลายเป็นน้ำนองพื้นแล้วครับ ไม่ต้องนับไปถึงออร่าที่แผ่รัศมีมาจากชุดลำลองของไอ้คุณชายมันหรอกครับ อันนั้นผมม้วยไปตั้งแต่ตอนมันหยิบเอามาใส่ตอนแรกแล้วครับ



“เปล่า... ไม่มีอะไร”



ผมบอกเสียงงึมงำก่อนจะยกบทละครขึ้นมาปิดหน้าปิดหัวหลบจากสายตาของไอ้คุณชายครับ ในใจมันยังวุ่นวายอยู่กับเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อครู่นี้ครับ



มันเหมือนมีมนต์อะไรสักอย่างที่ทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิงไปถึงขั้นนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงหรือสายตาของไอ้คุณชาย



หรือเป็นเพราะบรรยากาศหวานๆในห้องน้ำ เสียงเพลงเพราะๆ หรือว่าจะเป็นเพราะกลิ่นหอมหวานของวนิลาในน้ำมันหอมระเหยกันนะ



ผมหลับตานอนกลิ้งคิดไปมาอยู่หลายรอบจนน้ำหนักโซฟามันยวบลงเลยเปิดตาขึ้นมาครับ เร็นมันลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนแบบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมเลยขยับลุกขึ้นมานั่งกอดเข่ามองไอ้คุณชายเขาถอดแว่นสายตาไปวางกับโต๊ะ



“ทำงานเสร็จแล้วหรอ?” มันส่ายหน้าแทนคำตอบครับแล้วมีการมาส่งยิ้มอบอุ่นให้คนอื่นเขาใจเต้นอีก



“ขอพักหน่อย อยากได้กำลังใจน่ะ” ดูมันพูดแล้วมีการหันแก้มมาหาอีก ผมมองอย่างหมั่นไส้แต่ก็อดยิ้มไม่ได้



“เมื่อเช้ายังไม่พออีกหรือไงกัน..” ผมบ่นอุบอิบแล้วเอาหมอนปาใส่ไอ้หล่อมันครับ หัวใจเต้นหนักอีกแล้วงานนี้



“ก็ยังอยากได้เพิ่มอีกนิดนึง”



ผมเอามือยันหน้าคนโลภมากครับ รู้สึกหมั่นไส้จริงๆครับ เอาความหล่อ มาอ้อนกันแบบนี้คิดว่าผมจะใจอ่อนยอมตามใจตลอดเวลาหรือยังไงกัน



“กลับไปทำงานให้เสร็จไวๆเลย เร็วเข้า!!”



แอบทำเสียงดุข่มไปครับก่อนจะคว้าบทละครขึ้นมาอ่านต่อไม่สนใจอะไร เร็นอีก แต่เห็นทางหางตาครับว่าไอ้คุณชายมันทำหน้าผิดหวังแล้วเดินกลับไปทำงานด้วยสีหน้าเหมือนหมาหงอย ผมมองมันขยับแว่นเข้าที่แล้วหยิบดินสอขึ้นมาร่างต่อก่อนจะเดินย่องไปหามัน



“จุ๊บ!!”



ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันเบาๆแล้วกอดคอมันจากข้างหลังกระซิบเบาๆที่ข้างหูมันด้วยใบหน้าร้อนผ่าว



“กำลังใจแค่นี้...พอมั้ย”



ไอ้หล่อมันหันกลับมายิ้มให้ผมครับแล้วก็เอียงหน้าจุ๊บมุมปากของผมเบาๆ ผมได้ยินเสียงมันพูดท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นหนักของตัวเอง



“แค่นี้ก็พอแล้วครับ....ที่รัก”



-TBC-

ฝากผลงานอีกเรื่องนะคะ เป็นวายไทย(แนวดราม่าโรแมนติกค่ะ)
   [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก (กวินท์xรัญชน์)

สิ่งเดียวที่เป็นเครื่องปลอบประโลมหัวใจที่เดียวดาย คือจูบแสนหวานที่เขาได้รับจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งเมื่อ15ปีก่อน..คนที่กลายมาเป็นผู้ชาย..ที่พ่อต้องการให้แต่งงานกับพี่สาวของเขา!

แนะนำตัวละคร

กวินท์ :: ศัลยแพทย์หนุ่มวัย 28 เป็นคนฉลาด มากความสามารถ  มีรักแรกและรักเดียวคือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ที่ได้พบเมื่อสิบห้าปีก่อน มาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลซึ่งพ่อเป็นรองผู้อำนวยการอยู่เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กคนนั้น

รัญชน์ :: ชายหนุ่มวัย 24 เป็นคนที่ภายนอกดูดื้อรั้น แต่ภายในเป็นคนอ้างว้างและโดดเดี่ยวที่กลัวคนรอบข้างเกลียดตนเอง ผลพวงเพราะการที่บิดาและมารดาแยกทางกันในตอนเด็กและตนเองเข้ากับครอบครัวใหม่ของมารดาไม่ได้ มีรักแรกและรักเดียวคือกวินท์ เด็กผู้ชายที่จูบกับเขาท่ามกลางฝนตกเมื่อสิบห้าปีก่อน
---------------------------------------

ขอบคุณเจ้าประจำทั้งสามเช่นเคยนะคะ yowyow , Naenprin , sunshadow ขอบคุณมากค่า :กอด1: :กอด1:

ป.ล.

อ้างจาก: sunshadow
แต่คุณหญิงแม่ใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกลูกสะใภ้คะนี่
อันนี้ต้องรอตามอ่านในพาร์ทของพี่เร็นนะคะ  o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2012 12:04:51 โดย zynestras »

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
คร้า สุดท้ายซัทจังก็ยอมรับเร็นแล้วสินะ เหลือแค่บอกรักเท่านั้น

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
 :กอด1:ชอบเรื่องนี้จังเลย
น่ารักมากๆ  o13

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     โฮก ตอนนี้หวานมั่กๆอ่า อย่างกะคู่แต่งงานใหม่เลย น่าร้ากกกก
     แต่ว่าก็ว่าเถอะ ซัทจังยังคิดว่าตัวเองแมนอยู่อีกเหรอเนี่ย




ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 11

การฝังเข็มวันนี้ยังคงทรมานเหมือนวันแรกไม่มีผิดเลยครับ แถมยังทรมานมากกว่าเดิมเพราะผมต้องนอนเวลาถอนเข็มออกคนเดียว

เร็นหายไปไหนน่ะหรอครับ?

ไอ้คุณชายมันก็อยู่เป็นเพื่อนผมนี่แหละครับตอนคุณหมอเริ่มฝังเข็มลงกับท้องผม แต่พอคุณหมอฝังเข็มเสร็จ โทรศัพท์ของไอ้คุณชายมันก็ดังขึ้น มันบอกผมว่าเดี๋ยวมาแล้วมันก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกครับ ไม่รู้มีความลับอะไรหรือยังไงกัน

“เสร็จแล้วใช่ไหม? ขอโทษทีนะ”

ผมทำแก้มพองนิดหน่อย งอนที่มันปล่อยผมไว้คนเดียว เร็นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วหยิกแก้มผมเบาๆครับก่อนจะโน้มมาใกล้จนปลายจมูกเราชิดกัน

“งอนหรอครับ?”

“เปล่าซะหน่อย หิวต่างหาก” ผมโมเมบอกไปอย่างนั้นครับทั้งๆที่ยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไหร่ แต่เขินครับ จะให้ยอมรับได้ไงว่างอน

“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะ”

ผมพยักหน้างึกงักแล้วก็ลุกขึ้นจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ยอมให้ไอ้เร็นเดินจูงมือไปจ่ายเงินแล้วก็ออกจากคลินิกกันครับ

“กินอะไรดีล่ะ อยากกินอะไรหรอซัทสึกิ?”

ถูกตามใจอีกแล้วครับ การมีคนมาคอยตามใจเรานี่ชักจะทำให้เรากลายเป็นจะคนนิสัยเสียเข้าไปทุกที

“อยากกินหม้อไฟ!!”

ผมร้องบอกแล้วเข้าไปนั่งในรถ ไอ้คุณชายมันชะโงกหน้าเข้ามาหาผมแล้วเอื้อมมือไปดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้

“ไปมาร์เก็ตซื้อผักมาต้มหม้อไฟกันเถอะ”

เร็นมันยิ้มรับคำบอกของผมครับ แล้วตบท้ายด้วยการชิงจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของผมก่อนจะเอนตัวกลับไปประจำที่ ทิ้งให้ผมนั่งแก้มแดงเขินใจเต้นตึกตักจนต้องแอบหันไปลอบยิ้มกับตัวเองกับข้างทางครับ

ถ้าไม่ติดที่ผมชอบนึกถึงคนรอบข้างแล้ว

ผมก็มีความสุขดีครับเวลาอยู่กับผู้ชายที่ชื่อริวซากิ เร็นคนนี้ครับ

แต่ผมยังคงบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา...ว่าจะหลงระเริงไปกับความสุขที่ ไม่รู้ว่าจะแน่นอนยั่งยืนนี้เด็ดขาด!! หากไม่อยากเสียใจในวันหลังแล้วล่ะก็นะ

“กินคาราเมลมิลค์แฟรปเป้ได้ไหมอ่ะ?”

มาถึงมาร์เก็ตแล้วผมก็กระตุกชายเสื้อของคนที่พามาก่อนจะบุ้ยใบ้ไปยังคอฟฟี่ช็อปน่ารักๆที่อยู่ข้างๆ เร็นมันหันไปมองก่อนจะเอานิ้วมาแตะท้องผม

“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ผมทำปากยู่ใส่ไอ้คุณชายพลางมองไปยังคอฟฟี่ช็อปตาละห้อย ผมอยากกินของหวานจริงๆนะ
“จะตามใจกันหน่อย..ไม่ได้หรอ..”

ไม้ตายกันสุดๆครับ ผมเอาก้มหน้าแล้วแกล้งเดินหงอยๆเข้าไปในมาร์เก็ตแต่ไอ้คุณชายมันไม่ได้เดินตามจูงผมไปคอฟฟี่ช็อปอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้

โอเค!! ไม่กินก็ได้!!

ผมเดินงอนๆไปเอารถเข็นแล้วเข็นมันไปที่แถบโซนอาหารสด ไม่สนใจว่า ไอ้คุณชายมันจะเดินตามมาหรือเปล่า ผมโกยของลงมาหลายอย่างจนเกือบเต็มตะกร้าในรถเข็นก็ยังไร้วี่แววว่าไอ้คุณชายจะตามมาครับ


ผมเลยเข็นรถไปโซนอาหารทะเล และกำลังนึกลังเลอยู่ว่าจะเอากุ้งแบบไหนไปลงหม้อไฟดีตอนที่บางอย่างมันมาชนแก้มให้เย็นวูบจนต้องสะดุ้ง

“แก้วเล็กพอนะ” เร็นมันส่งแก้วมาให้ผมแล้วก็รับหน้าที่เข็นรถต่อแทน ผมยกแก้วนมปั่นคาราเมลขึ้นมาดูพลางอมยิ้มกับความน่ารักของไอ้คุณชายที่มันตามใจผม

“กินด้วยกันนะ” ผมเดินตามเร็นไปแล้วเอาหลอดดูดไปจ่อปากมัน เร็นมันงับหลอดดูดแต่โดยดี ว่าง่ายมากครับ หลังจากนั้นผมก็เอามาดูดต่อพลางชี้นิ้วให้ไอ้คุณชายหยิบเอาของที่ผมอยากกินลงตะกร้าครับ ไม่นานหลังจากนั้นเราสองคนก็ออกจากมาร์เก็ตพร้อมกับของกินมากมาย

ดูท่าแล้ว..คอสฝังเข็มของผมมันดูจะไร้ประโยชน์แล้วสิ จะเจ็บตัวฟรีหรือเปล่านะอิชิฮาระ ซัทสึกิ

วันนี้เรามาค้างกันที่คอนโดของไอ้คุณชายกันครับ พอมาถึงแล้ว เร็นมันก็ทำตัวน่ารักด้วยการขนของหนักๆอาทิ พวกเนื้อสัตว์กับน้ำผลไม้เองครับ ปล่อยให้พวกขนมขบเคี้ยวกับพวกผักเป็นหน้าที่ของผม ขึ้นไปถึงห้องแล้วเราก็เอาของมากองรวมกันไว้ตรงโต๊ะทานอาหาร

“เอาผักไปล้างเลย เดี๋ยวพวกเนื้อจัดการเอง”

ถ้าให้ไอ้คุณชายจับมีดหั่นเนื้อปอกกุ้งมันจะเหลือซากให้ผมได้กินหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ ทางที่ดีที่สุดคือทำเองเลยดีกว่า แต่ไอ้เรื่องล้างผักนี่ไอ้คุณชายมันคงทำได้ล่ะนะ

ผมถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วหยิบเขียงอันเล็กมาวางตรงหน้าพร้อมกับลากเอาถุงเนื้อมา จริงอยู่ครับที่ตามซุปเปอร์มักจะมีเนื้อสไลด์สำเร็จรูปวางขายอยู่ แต่ผมเป็นพวกชอบทานแบบหั่นเอง เพราะเนื้อหนาๆมันจะให้ความนุ่มมากกว่าพวกที่สไลด์อยู่ ว่าแล้วผมก็ชักน้ำลายสอเสียแล้วสิ

อดไม่ได้เลยครับที่จะแอบเลียปากน้อยๆขณะหยิบเอาเนื้อขึ้นมาวางบนเขียงแล้วเตรียมตัวแล่เป็นชิ้นวางลงในจานที่ไอ้คุณชายเอามาวางไว้ให้ พอจะลง มีดกับเนื้อสีแดงสด มือของไอ้คุณชายมันก็มาสะกิดเอวผมครับ

“เห?” คิ้วผมกระตุกน้อยๆขณะหันไปหาไอ้คุณชาย ผ้ากันเปื้อนสีขาวในมือของมันก็คล้องเข้าที่คอของผมก่อนที่เร็นมันดึงเชือกไปผูกข้างหลังให้

“ขอบคุณนะ”

ผมบอกก่อนจะหันกลับมาสนใจกับเนื้อต่อ จะให้ไปผูกผ้ากันเปื้อนให้ไอ้คุณชายมั่งก็เห็นทีจะไม่ไหว เพราะมือผมติดกลิ่นเนื้อไปแล้ว เดี๋ยวไปเลอะถูกเสื้อมีแบรนด์ราคาแพงของมันเข้าจะรับผิดชอบไม่ไหวตามไปด้วย

ไอ้คุณชายเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะเรียกร้องให้ทำอย่างนั้นด้วย เพราะพอผูก ผ้ากันเปื้อนให้ผมเสร็จมันเองก็เองหยิบเอาอีกอันมาคล้องคอตัวเองแล้วจัดการผูกเสร็จสรรพก่อนจะหันไปหาผักที่ผมสั่งให้มันล้างเมื่อครู่นี้

ไอ้คุณชายโหมดพ่อครัวนี่ดูแปลกตาเอามากๆครับ แถมพ่อครัวหน้าหล่อคนนี้ยังดูเก้ๆกังๆได้สุดยอดมากๆจนน่าเอาวีดีโอมาถ่ายลงยูทูปประจานให้คนทั้งโลกรู้อีกต่างหาก เร็นมันเอาหัวผักกาดเอาไว้ไปโบกๆผ่านน้ำแล้วก็สะเด็ดน้ำด้วยการสลัดแรงๆจนน้ำเลอะไปทั้งอ่าง ผมต้องวางมีดที่มันยังไม่ได้ลงเฉือนเนื้อบนเขียงลงแล้วเดินไปหา

“เดี๋ยวๆ ทำแบบนั้นผักก็ช้ำหมดน่ะสิ”

โทษฐานของการล้างผักไม่เป็น ไอ้คุณชายเลยถูกผมตีมือไปหนึ่งทีแรงๆครับ (และจะโดนมากกว่านี้ถ้าเผอิญมันไม่เอาหน้าหล่อๆของมันหันมามองผม)

“ล้างผักต้องทำแบบนี้”

ผมทำตามสูตรของบ้านผมที่แม่สอนมาตั้งแต่เล็กครับ คือเด็ดใบออกมาทีละก้านๆ แล้วแช่ลงในน้ำ ผมเด็ดให้ไอ้คุณชายมันดูสองสามใบก่อนจะยัดใส่มือให้มันกลับไปทำเอง

“เด็ดเบาๆนะ” ผมบอกก่อนจะรองน้ำใส่กะละมังที่ใส่ผักอยู่ แล้วหยิบเอาเกลือมาโรยใส่ไปในน้ำ

“ทำไมต้องโรยเกลือ?” เร็นหันมาถามครับ ผมก็เลิกคิ้วแล้วยกขวดเกลือในมือชูขึ้น

“เกลือน่ะช่วยลดสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผักไง ถ้าใช้ล้างผลไม้ แช่เกลือก็จะทำให้ผลไม้กรอบอร่อยด้วยนะ” ผมบอกก่อนจะทิ้งให้เร็นมันอยู่กับอ่างผักแล้วหันไปลงมือกับเนื้อที่รอผมอยู่บนเขียงเอาเสียที

ผมแล่เนื้อชิ้นใหญ่ๆที่ซื้อมาจนหมดเลยครับ แถมด้วยพวกของทะเลอีก เร็นที่จัดการแช่ผักเสร็จแล้วก็ถูกผมสั่งให้เอาหม้อไฟไปตั้งรอไว้และกลับมาลำเลียงของสดที่ผมแล่เสร็จแล้วไปวาง

สำหรับพวกผัก ผมก็แค่เทน้ำออกและล้างน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะยก ไปหาเร็นที่กำลังรินน้ำผลไม้ลงใส่แก้วอยู่ ผมจัดการเอาก้านผักลงไปต้มในน้ำซุปอยู่ในตอนที่โทรศัพท์มือถือของเร็นดังขึ้นอีกครั้ง

ไอ้คุณชายมันหยิบออกมาจากกระเป๋า พอดูหน้าจอแล้วมันก็เดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียง ส่อแววน่าสงสัยกันสุดๆ สองหนแล้วที่วันนี้มีคนโทรเข้ามาหาแล้วมันเดินหนีออกไปคุยในๆที่ผมไม่ได้ยิน จริงๆก็อยากแอบออกไปฟังหรอกนะ แต่เผอิญไอ้คุณชายมันคุยโทรศัพท์ไปก็หันมามองทางผมอยู่ด้วย ผมก็เลยแอบไปฟังไม่ได้ จำต้องนั่งเขี่ยเนื้อลงหม้อด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ใครโทรมาน่ะ?”

ผมโพล่งถามทันทีที่ไอ้คุณชายเดินผ่านกรอบประตูเข้ามาด้านใน ไอ้คนถูกถามมันไม่ยอมตอบครับแต่เดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา

“ทำไมไม่ตอบ?” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิดแล้วสกัดตะเกียบมันด้วยตะกร้อลวกในมือ

“มิซึรุโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงให้เข้าไปซ้อมต่อบทรอบแรกกันด้วย” พอรับรู้มูลเหตุแล้วผมก็ยอมให้มันคีบเนื้อขึ้นจากหม้อได้ครับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโอดครวญ

“อะไรกัน!! พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ ยังต้องเข้าไปซ้อมบทแต่เช้าด้วยหรอ?”

ไอ้คุณชายไม่พูดอะไรครับนอกจากคีบเนื้อใส่ปากผม

“หน่า..ก็พรุ่งนี้มันวันหยุดนี่นา”

ก็จริงอย่างที่ไอ้คุณชายมันว่าครับ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เหมาะแก่การนัดซ้อมเพราะทุกคนไม่ค่อยจะว่างตรงกันสักเท่าไหร่ ผิดก็แต่ไอ้คุณชายนี่แหละ ดูเหมือนมันจะว่างตรงกับชั่วโมงว่างของผมอยู่ตลอด

แต่ยังไงผมก็อดจะนึกเซ็งไม่ได้ ก็พรุ่งนี้มันวันเกิดของผมนี่นา

แทนที่จะได้อยู่สบายๆ หรือไปทำอะไรให้มันเหมาะสมกับวันเกิด ซะหน่อย แต่ต้องมานั่งซ้อมบทละครเนี้ยนะ
เป็นวันเกิดที่แย่ที่สุดเลย อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!

ว่าแต่?...พรุ่งนี้วันเกิดผมนะ ไอ้คุณชายมันจะมีของขวัญให้ผมหรือเปล่านะ?

“มองแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?” เพราะความสงสัยที่ผุดขึ้นมาทำให้ผมหันไปจ้องหน้าหล่อๆของไอ้เร็นมันครับ เลยต้องรีบหันกลับมาหาหม้อไฟแสนอร่อยโดยด่วนก่อนหัวใจจะเต้นโครมครามหนักไปกว่านี้

จริงๆก็อยากถามเหมือนกันครับว่าไอ้คุณชายมันเตรียมไรไว้ให้ไหม แต่แบบนั้นมันจะไม่ค่อยเซอร์ไพร์สสักเท่าไหร่

เอาเป็นว่า...อิชิฮาระ ซัทสึกิจะอดใจรอของขวัญที่จะได้จากริวซากิ เร็นอย่างใจเย็นแล้วกันครับ!!

หม้อไฟกลายสภาพเป็นหม้อแห้งๆ ที่มีเพียงเศษผักเหลือติดอยู่ก้นหม้อเท่านั้นครับหลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง อิ่มอร่อยและสบายกระเป๋ายิ่งกว่าไปกินตามร้านอีกครับแถมยังไม่ต้องคอยเก็บล้างอีกด้วยเพราะไอ้คุณชายบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้คุณแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดหลังจากพวกเราออกจากห้องไป ตอนนี้ผมเลยมานอนตีขาอยู่ในอ่างน้ำอุ่นอยู่ครับ

“เอากลิ่นเมื่อเช้า”

ผมพาเอาตัวเองไปเกยคอกับข้างอ่างที่ไอ้คุณชายมันนั่งอยู่แล้วบอกครับ กลิ่นน้ำหอมที่ไอ้คุณชายหยดใส่อ่างเมื่อเช้ามันหอมดี ผมชอบ

บอกเร็นเสร็จแล้วผมก็พลิกตัวหงายมาเล่นฟองสบู่นุ่มๆที่ล้อมรอบกายของผมอยู่ นึกอยากจะเป่าฟองไปแกล้งไอ้คุณชายที่มันไม่ยอมมา อาบน้ำด้วยกันอยู่หรอกครับ แต่เห็นมันบอกว่าจะกลับไปนั่งทำงานต่อก็เลยเห็นใจคนงานเยอะ ไม่แกล้งดีกว่า

“กลิ่นวานิลลานี่อ่ะหรอ?” มันถามแล้วหยดกลิ่นน้ำหอมลง ผมพยักหน้างึกงักเมื่อได้กลิ่นหอมหวานเหมือนกลิ่นขนมลอยเข้าจมูกมา

“แล้วอย่าแช่นานล่ะ รีบๆอาบแล้วกลับไปนอนได้แล้วนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”

บางทีริวซากิ เร็นก็เหมือนจะกลายร่างเป็นพ่อคนที่สองครับ แต่ด้วยความที่เริ่มง่วงและขี้เกียจต่อความอะไรมาก ผมก็เลยพยักหน้ารับคำให้ไอ้คุณชายมันวางใจและออกจากห้องน้ำไปในที่สุด

แต่ก่อนจากไป ไอ้คุณชายมันก็ไม่ลืมที่จะเปิดเพลงกล่อมผมและจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มอีกต่างหาก นี่ถ้าผมหลับคาอ่างไปนี่ไม่ต้องโทษใครเลยครับเพราะริวซากิ เร็นคนเดียวเลยขอบอก

เพลงก็เพราะ บรรยากาศก็ดี น้ำอุ่นๆแช่แล้วสบายตัว กลิ่นหอมๆพาให้ผ่อนคลาย แต่ไหงพอไม่มีเร็นแล้วผมก็รู้สึกอยากรีบๆขึ้นกันนะ

อาบได้อยู่ไม่ถึงสิบนาทีผมก็พาตัวเองออกจากห้องน้ำมานั่งเล่นอยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่ผมนอนอ่านบทอยู่เมื่อเช้าครับ ไอ้คุณชายเองก็นั่งทำงานอยู่ที่เดิม หน้าตาก็ยังหล่อเหมือนเดิมด้วยครับ

“ไม่ง่วงหรอ? ไปนอนได้แล้วนะ”
ไอ้คุณชายมันมองนาฬิกาแล้วหันมามองหน้าผมครับ พอผมคลี่ยิ้มแล้ว แบมือไป ไอ้คุณชายมันก็เอียงคอแล้วทำหน้างงครับ

“เข้าวันเกิดฉันแล้วนะ ไหนล่ะของขวัญ?”

ไอ้คุณชายเลิกคิ้วสูงครับแล้วถอดเอาแว่นตาวางลงกับโต๊ะก่อนจะเดินมาหาผมที่ยิ้มแป้นรอของขวัญชิ้นแรกในวันเกิดครบรอบอายุสิบเก้าปีบริบูรณ์ครับ

“ไม่มีให้หรอก”

เร็นว่าแล้วดีดนิ้วลงกับหน้าผากของผมก่อนจะเดินเลยเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมทำแก้มพองอยู่ที่โซฟาตามลำพัง

อะไรกันวะ!! ไม่มีให้อย่างนั้นหรอ!!

ริวซากิ เร็นนายมันแย่ที่สุดเลย!!

แย่!! แย่ที่สุดเลย!!!

ผมหงุดหงิดใจจางๆตั้งแต่ก่อนนอนหลับยันตื่นนอนและถูกไอ้คุณชาย ลากมาห้องชมรมละครที่คณะที่ตอนนี้มีคนบางส่วนที่ถูกเรียกมาบางคนอย่างเคนอิจิกับไดจังและมาโดกะจังกำลังรวมตัวกันอยู่เพื่อซ้อมบทครั้งแรก

ไอ้คุณชายยังแจกยิ้มโปรยปรายความหล่ออุทิศส่วนบุญให้กับคนรอบกายได้อย่างดีผิดกับผมที่ทำหน้างอ ไอ้เรื่องที่ต้องมาซ้อมละครในวันเกิดนี่เป็นปัญหาหนึ่งครับ แต่อีกปัญหาที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจก็คงหนีไม่พ้นไอ้พระเอกคู่บุญทูนหัวที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆนี่แหละครับ

วันเกิดของผมทั้งที แต่ไอ้คุณชายทำราวกับเป็นวันธรรมดาที่แม้แต่คำอวยพรยังไม่มี แบบนี้มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะ!!
วันเกิดปีที่สิบเก้ามีแค่หนเดียวนะเฟ้ย!!

“นี่มันฉากสารภาพรักนะ!! ทำหน้าแบบนี้แล้วใครเขาจะไปรักแกลงห๊ะ อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!” โดนพี่มิซึรุตะคอกใส่แถมยังม้วนบทในมือมาตีหัวผมอย่างแรงจนต้องสะดุ้งสุดตัวเลยครับงานนี้

“ก็ไม่ได้อยากให้มารักนี่ มารักเอง ช่วยไม่ได้..”

ผมบอกแล้วยักไหล่ ประโยคที่หลุดออกจากปากนี่มันอินเนอร์จากข้างในสุดๆ ผมไม่ลืมที่จะมองไอ้คุณชายด้วยสายตาขุ่นๆอีกด้วย

“ซัทสึกิ..” ไอ้คุณชายมันเรียกชื่อผมด้วยโทนเสียงต่ำๆ สายตามันส่งมาตำหนิผมชัดเจนมาก ผมผิดอะไรกัน!!

ช่วยไม่ได้ อยากมารักเองแต่ทำมาเมินวันสำคัญของผมตั้งแต่ปีแรก แบบนี้ เห็นทีเราจะไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆริวซากิ เร็น ก็ดีเหมือนกันจะได้ปิดฉากไอ้ไดอารี่เล่มนี้ให้มันจบลงไปในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์

ชีวิตของอิชิฮาระ ซัทสึกิคงอาภัพสุดๆ เสียตัวให้กับผู้ชายที่ยังไม่ทันจะเรียกว่าเป็นแฟนกันแถมยังมีเรื่องให้ต้องจบกันก่อนจะได้เป็นแฟนด้วย!!

“หรือว่าไม่จริง!!”

ผมสวนมันกลับไปแล้วปาบทละครในมือใส่หน้ามันไปด้วย จริงๆเรื่องมันไม่น่าจะใหญ่แบบนี้หรอก แต่ตอนนี้ผมห้ามและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เลยสักนิด ยิ่งมันเฉยและเอาความสงบเข้าข่ม ผมจะร้อนและอาละวาดใส่มันให้ดู!!

“เว้ย! นี่มันละครเวที อย่าเอาชีวิตจริงมาปนได้ไหม! มีปัญหาครอบครัวก็เอากลับไปแก้กันทีหลัง อย่ามาทำตัวมีปัญหาที่นี่เข้าใจไหม!”

โดนพี่มิซึรุเขกหัวอีกรอบครับ ผมยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ สายตาจ้องสู้กับไอ้คุณชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เร็นมันสงบและนิ่งมากจนผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรยังไง

“ถ้ามีปัญหามากนัก ก็เปลี่ยนตัวนักแสดงไป”

ผมชะงัก เหมือนกับพี่มิซึรุและคนอื่นๆเมื่อจิฮารุเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเครียดๆ เธอโยนกระดาษหนึ่งปึกลงกับโต๊ะข้างๆผม

“บทละครสำรองเผื่อจะหาคนอื่นมาแทนคนมีปัญหา”

เน้นย้ำเสียงหนักจริงเว้ยไอ้ตรงคำว่าคนมีปัญหาน่ะ

เธอจ้องผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงแขนพี่มิซึรุไปหา กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่สองคนไม่รู้ก่อนที่พี่มิซึรุจะเดินกลับมาและประกาศเสียงดัง

“บทไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแค่ตัวนักแสดงพอ เอามาโดกะมาเป็นนางเอก แล้วซัทสึกิไปแทนบทมาโดกะ ที่เหลือเหมือนเดิม! ให้เวลามาโดกะจำบทในหน้าที่สิบเก้ายี่สิบนาทีแล้วเริ่มซ้อมได้! ส่วนนายไปนั่งสงบสติอารมณ์ซะ แต่ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด! ไดจัง! เคนอิจิ! พาซัทสึกิไปนั่งคุมอารมณ์ซะ!!”

เผด็จการที่สุด พอพี่มิซึรุหันมาสั่ง ผมก็ถูกเคนอิจิกับไดจังเข้ามาประกบติดแล้วลากไปนั่งอยู่

“งอนอะไรผัวมึงวะเนี้ย ถึงได้เหวี่ยงเหมือนกินรังผึ้งรังต่อรังแตนมา แบบนี้”

เคนอิจิปากดี ผมจะกินรังต่อหัวเสือด้วยถ้ามันไม่หยุดปากเอาไว้ ใช่ว่าผมจะหงุดหงิดแล้วไม่ได้สังเกตหรอกนะว่ามันเองก็ลืมวันเกิดผมเหมือนกัน พอๆ กับไดจังแล้วก็พี่มิซึรุเหมือนกันน่ะแหละ ผมโกรธทุกคนแล้ว!!

“ใจเย็นๆสิซัทจัง เกิดอะไรขึ้นถึงได้เหวี่ยงแบบนี้”

ไดจังเอ่ยดุผมครับ ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่ตอบคำถามของเพื่อนรัก ยังดีนะที่ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนในห้อง ถ้าไม่นับมาโดกะจังแล้วล่ะก็ ที่เหลือก็เป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างผมกับไอ้คุณชายหมด นี่ถ้าเป็นตอนเที่ยงที่พี่มิซึรุบอกว่านัดทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผมคงขายหน้าน่าดู

มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!? ถ้ามีก็เข้ามาเลย!!

อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมวีนและเหวี่ยงเต็มอัตราศึกแล้วงานนี้!!

และอารมณ์เหวี่ยงของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเร็นกับมาโดกะจังถูกเรียกตัวเข้าไปซ้อมบทด้วยกัน ท่าทางของไอ้คุณชายที่มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว

“เอาๆ ดูไว้ นักแสดงมืออาชีพเขาต้องทำยังไง” เพราะผมนั่งหันหน้ามองดูนาฬิกาที่มันติดฝาผนังอยู่ พี่มิซึรุเลยเดินมาหยิกแขนผมแล้วพยักเพยิดหน้าให้ไปดูเร็นซ้อมบทกับนางเอกคนใหม่ของมันโดยมีจิฮารุไปคอยกำกับบทแทน

รัศมีมันเปล่งประกายออกมากระแทกตาจนผมต้องกัดฟันกรอด ถึงคนจะเล่นคู่กับมันไม่ใช่ผม มันก็เล่นกับใครก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม!?

“พี่มิซึรุ...จิฮารุจังเขาจะให้ซ้อมถึงคิสซีนหรือเปล่าน่ะ ผมจะได้ไปล็อกห้องไม่ให้คนอื่นเข้ามาก่อน?” ผมสะดุ้งแล้วหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ ไดจังกำลังชี้ไปที่หน้าห้องซึ่งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่

“อืม..คงซ้อมถึงคิสซีนแล้วก็คงหลายรอบด้วย งั้นไปล็อกเถอะ”

ว่าไงนะ!!

ผมหันไปอีกที ไอ้คุณชายมันก็มองนางเอกสายตาหวานเชื่อมให้น่าขนลุกแล้วครับ แถมยังขยับเข้าไปใกล้จนจะแดกปลายจมูกกันอยู่แล้ว

แคร์กันมั่งไหมวะริวซากิ เร็น!! กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนมึงจะไปจูบกับผู้หญิงอื่นอย่างนั้นหรอไง!!

ภาพตรงหน้ามันกลายเป็นภาพเบลอๆ ผมเห็นแค่หน้าของไอ้คุณชายมันขยับเข้าใกล้มาโดกะจังเท่านั้นก่อนที่ผมจะตัดสินใจฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อที่จะไม่ต้องมองมัน

ห้องทั้งห้องมันเงียบจนน่าขัดใจ ผมรู้สึกเหมือนขอบตามันร้อนผ่าวแถมยังบีบรัดอยู่ในอก นี่มันอะไรกัน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ชอบเลยสักนิด!!

แย่ที่สุดเลยวันเกิดปีนี้!!

“ซัทจัง...ซัทจัง..”

ไดจังเขย่าเรียกผมครับแต่ผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง ไดจังก็น่าจะรู้นะว่าถ้าผมก้มหน้าก็คือผมกำลังร้องไห้อยู่และไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนร้องไห้ด้วย

เงียบไปอีกชั่วอึดใจ ผมได้ยินเสียงเหมือนใครเปิดประตู และก็มีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ ผมพยายามหยุดร้องไห้แต่ก็ไม่ทัน มีใครสักคนดึงตัวให้ผมลุกขึ้น แล้วผมก็พบว่าห้องทั้งห้องมันมืดอยู่และตรงหน้าก็มีแสงไฟสีส้มนวล
ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาออก ก่อนจะเห็นว่าไอ้ที่อยู่ตรงหน้ามันก็คือเค้กก้อนโตปักเทียนอยู่และไอ้คนที่ถือก็คือไอ้คนที่ผมเคืองมันอยู่

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะซัทสึกิ!!”

ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันจนผมพูดอื้อขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่ผมได้ยินชัดเจนกลับเป็นเสียงของไอ้คนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้หลังแสงไฟบนเค้กก้อนนั้น

“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเก้านะครับซัทจัง..”


พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกัน!!

ผมได้ยินตัวเองตะโกนคำนี้ดังซ้ำๆก้องไปก้องมาอยู่ในอก ขณะที่สายตาก็ยังคงมองจ้องหน้าไอ้หล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าไปด้วย ผมควรจะรู้สึกยังไงกับการเซอร์ไพร์สวันเกิดแบบนี้? จริงๆแล้วผมควร ดีใจที่ทุกคนไม่ลืมวันเกิดของผมใช่ไหม
แต่ทำไมต่อมความโกรธของผมถึงทำงานล่ะ

ภายในห้องมันเงียบเสียจนน่าอึดอัด จากรอยยิ้ม..ตอนนี้ทุกคนเริ่มยิ้ม ไม่ออกแล้วเมื่อเห็นผมนิ่ง ผมมองไอ้คุณชายมันอย่างตัดพ้อก่อนจะผลักเคนอิจิกับไดจังให้หลีกทางให้ก่อนจะเดินตรงออกจากห้องไป

ผมโกรธ!! โกรธที่ไอ้คุณชายกับทุกคนบังอาจวางแผนเล่นกับความรู้สึกของผมแบบนี้!!

สองขาพาผมวิ่งลงไปตามบันไดเพราะความอดทนของผมมีไม่มากพอที่ จะรอลิฟต์ ผมอยากพาตัวเองออกไปให้ห่างๆจากทุกคน เพราะถ้าขืนผมอยู่ต่อไปต้องมีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ความรู้สึกของผมตอนนี้มันกลายเป็นปรมาณูที่พร้อมจะทำลายล้างทุกอณูรอยยิ้มของคนรอบข้างโดยเฉพาะไอ้คุณชายมัน

ผมได้ยินเสียงใครสักคนกำลังวิ่งตามมา สมองของผมสั่งให้อย่าหันกลับ ไปมองและวิ่งลงบันไดให้ไวกว่าเดิม แต่วินาทีนั้นเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ผมสะดุดกับขอบบันไดขั้นที่สามก่อนจะถลาล้มลงไปกระแทกกับพื้น

“โอ๊ย!!”

ผมสบถลั่นก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นจากพื้น แย่ที่สุด!! มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!!

แล้วมันก็มีจริงๆ ข้อเท้าซ้ายของผมเจ็บแปลบๆ ดูท่าข้อเท้าอาจจะพลิกก็ได้ ไอ้คนที่วิ่งตามผมมารีบถลามาหาผมทันที

“ซัทสึกิ..เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เห็นๆอยู่ว่าหกล้มยังจะมีหน้ามาถามอีก ผมตีหน้าบึ้งใส่เร็นก่อนจะปัดมือมันที่เอื้อมมาจะพยุงให้ผมลุกขึ้นแล้วพยายามลุกขึ้นเอง

“ระวัง!!”

เจ็บแปลบตอนลงน้ำหนักที่เท้าข้างซ้ายจนผมเซถลาเลยครับงานนี้ ไอ้คุณชายมันคว้าเอวผมเอาไว้ก่อนจะพาผมไปนั่งที่ขั้นบันได ผมกัดปากแล้วหันหน้าหนีไม่มองหน้ามันที่ค่อยๆถอดรองเท้าของผมออก

“ไปหาหมอดีไหม?” มันถามแล้วนวดข้อเท้าผมเบาๆ ผมชักขากลับแต่มันก็ยังยื้อไว้

“ไม่ต้องมายุ่ง!!” ผมตวาดใส่มันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรองเท้ามา ผมดันตัวลุกขึ้นอีกครั้งแล้วก็ปัดมือมันไม่ให้มายุ่งด้วย จนเกือบจะเผลอลืมตัวเอารองเท้าในมือปาใส่หน้ามัน

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!”

ยิ่งเจ็บตัวก็ยิ่งพาให้ผมหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก เร็นมันถอนหายใจก่อนจะเข้ามาล็อคเอวผมไว้ไม่ให้เดินหนีมัน

“ขอร้องล่ะซัทสึกิ อย่าดื้อสิ นายกำลังเจ็บอยู่นะ”

มันยังจะมีหน้ามาดุผมอีก ผมไม่ซัดมันไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว เพราะมันน่ะแหละทำให้ผมเจ็บตัว!!

“ก็เพราะมึงน่ะแหละ”

ผมสบถเสียงเบา ไอ้คุณชายขมวดคิ้วทันทีครับกับวลีที่หลุดออกไปจากปากของผม เร็นมันคงไม่พอใจกับสิ่งที่ระคายหูมันแน่ๆเพราะนาทีต่อจากนั้นมันก็ดึงผมจนเซไปปะทะกับอกของมันแล้วใช้สายตามองผมอย่างดุๆ ผมเม้มปากแล้วเชิดหน้ามองมันกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

เอาสิ!! ดุมาเลย!!

อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมจะวีนแล้วเหมือนกัน!!

ผมกลั้นหายใจมองมันด้วยความโกรธอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะไอ้เหี้ยริวซากิ เร็นมันไม่ได้ดุผมอย่างที่ผมคาดเอาไว้ แต่มันเลื่อนมือมาล็อคท้ายทอยผมเอาไว้แล้วบดจูบลงมาอย่างดุดันแทน

“อื้อ!!”

ผมใช้รองเท้าในมือฟาดใส่กลางหลังของมันครับ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ริมฝีปากของมันยังเบียดกับปากของผมอย่างหนักหน่วงจนผมแทบจะขาดใจเพราะหายใจไม่ทัน

มันจูบจนมันพอใจแล้วถึงจะถอนริมฝีปากออก ผมหน้าร้อนไปหมดจนถึงคอและแทบจะเอารองเท้าปาใส่หน้ามันแต่เร็นมันจับมือผมเอาไว้ ก่อนจะทันตั้งตัวได้ผมก็ถูกไอ้หล่อมันจับพาดบ่าไปเสียแล้ว

“ไปหาหมอกัน!!” มันบอกอย่างนั้นก่อนจะอุ้มผมพาดบ่าเดินดุ่มๆลงบันไดไปแม้ว่าผมจะดิ้นไปตลอดทางก็เถอะ

“เดี๋ยวก็ตกไปหรอก!!” เร็นมันร้องบอกก่อนจะยกมืออีกข้างมาตีก้นผมด้วย ผมได้แต่กัดริมฝีปากอย่างขัดใจแล้วตะโกนใส่มันไป

“งั้นก็ปล่อยสิวะ!!”

“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ!!”

โดนอีกเพี๊ยะแล้วครับ มันตีก้นผมเหมือนผมเป็นเด็กๆอีกแล้ว คอยดูเหอะริวซากิ เร็น งานนี้ไอ้หล่อไม่ได้รับการอภัยให้ง่ายๆอย่างแน่นอน!!

หลังจากนั้นเร็นมันพาผมไปที่รถของมันซึ่งจอดอยู่ตรงลานหน้าคณะของผมครับ พอมันวางผมนั่งกับเบาะหน้าแล้วผมก็จะลุกหนีมัน แต่เร็นมันก็ขวางเอาไว้แล้วขึงตาดุผมก่อนจะดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผม

“ซัทสึกิ..” เอาอีกแล้วครับ น้ำเสียงทุ้มที่มันใช้เรียกชื่อผมเบาๆข้างหูแล้วก็มือที่ยกขึ้นมาลูบหัวผมนี่มันสั่นความรู้สึกของผมอีกแล้วครับ

“เงียบไปเลย!! ไม่อยากฟัง!!” ผมบอกก่อนจะยกสองมือขึ้นมาปิดหู ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นตอนที่ความรู้สึกมันขุ่นมัวขนาดนี้

เห็นจากหางตาครับว่าไอ้เร็นมันชะงักไปก่อนจะปิดประตูรถลงแล้วมันก็เดินข้ามไปอีกฝั่ง เปิดประตูขึ้นมานั่งประจำที่คนขับก่อนจะพารถคันหรูของมันทะยานออกจากมหาลัยมุ่งสู่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ

“ซัทสึกิ...ที่นายโมโหขนาดนี้ เพราะนายหึงฉันอย่างนั้นหรอ?”

ไอ้หล่อมันพูดประโยคนี้ขึ้นมาตอนที่มันเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล ผมชะงักเหมือนโดนผีหลอกแล้วหันหน้าไปมองมัน รู้สึกเหมือนกำลังทำปากพะงาบๆอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก

พอไอ้หล่อมันจอดรถเข้าที่แล้วมันก็หันมาหาผมแล้วยิ้มมุมปากด้วย เสน่ห์ร้ายกาจของมันพร้อมกับอีกคำถามที่แทงใจผมดังฉึก

“นายรักฉันแล้วใช่ไหมซัทสึกิ?”

อะ..ไอ้!!...ไอ้บ้า!! ไอ้ขี้ตู่!!

หน้าผมร้อนฉ่าจนคิดว่ามันต้องแดงเหมือนตูดลิงแน่ๆ ไอ้บ้านี่พูดเสร็จแล้วมันก็ลงจากรถอ้อมมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วจัดการเปิดประตูเข้ามาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ผมก่อนจะประคองผมที่แข็งเหมือนไปจ้องตากับเมดูซ่ามาออกจากรถเพื่อไปหาคุณหมอ

ใครจะไปรักคนอย่างริวซากิ เร็นกัน!!...
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้รักนาย”

ผมเอนตัวไปกระซิบบอกมันระหว่างรอคิวคุณหมอ ไอ้หล่อมันทำพยักหน้ารับรู้ แต่รอยยิ้มกริ่มบนใบหน้าของมันนี่ชวนให้ชกสักหมัดจริงๆ ผมได้แต่กัดปากอย่างขัดใจเมื่อได้ยินคำตอบจากมัน

“จะเชื่อก็แล้วกันนะ”

ห่า!! ไม่อยากจะบอกว่าน้ำเสียงมึงขัดแย้งกับคำพูดเป็นอย่างมาก

-TBC-

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตาม และทุกคอมเม้นส์นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ซัทจังยอมรับเถอะว่านายรักเร็นแล้วอย่าปฏิเสธอีกต่อไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 450
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
 :เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
12th Chapter


เท้าของผมแค่พลิกเฉยๆไม่ได้เอ็นฉีกหรือกระดูกหักอะไร หลังจากตรวจเสร็จแล้วคุณหมอเลยจัดการพันข้อเท้าแล้วออกยาให้


มาข้อเท้าพลิกในวันเกิดแบบนี้ ช่างเป็นความทรงจำที่ไม่รู้ลืมจริงๆครับ..


“นี่...” ผมสะกิดเรียกไอ้คนที่เพิ่งพาผมกลับมานั่งในรถ เร็นยังคงยิ้มกริ่มอย่างน่าหงุดหงิดใจ


“หืม?”


“หิวแล้วอ่ะ” ผมเริ่มอ่อนข้อให้มันเมื่อรู้สึกว่าหงุดหงิดไปก็ไร้ประโยชน์เพราะดูเหมือนว่าไอ้ต้นตอของความหงุดหงิดมันจะอารมณ์ดีจนเกินไป


“งั้นจะไปกินอะไรดี?” พูดอย่างเดียวก็ได้ไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือมาลูบแก้มกันหรอกครับไอ้คุณชาย ผมเบี่ยงหน้าหนีมันพร้อมกับทำท่าจะงับมือมันด้วย ไอ้คุณชายมันหัวเราะเสียงสดใสเสียจนผมต้องเบ้หน้า


“กินอะไรก็ได้ หิวจะตายอยู่แล้ว” ถึงจะบอกไปแบบนั้น แต่เร็นมันก็ขับรถพาผมไปอีกพักหนึ่ง...ไปยังเส้นทางที่ผมจำได้ว่าจะไปบ้านมัน


“ริวซากิ นายจะพาฉันไปไหน?”


ผมขมวดคิ้วแล้วหันมากระตุกแขนเสื้อมัน หวังว่าไอ้หล่อมันจะไม่พาผม ไปบ้านมันหรอกนะ เหตุการณ์คราวก่อนยังทำให้ผมหน้าชาอยู่ทุกครั้งที่นึกถึง


“ไปบ้านฉัน”


นั่นปะไร!! กูขอลงตรงนี้เลยแล้วกัน


“ไม่ไปได้ไหม?” ผมมองมันตาปริบๆ บอกตามตรงว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคุณมี๊คนสวยของมัน


“ขอขัดใจนะ”


ชัดเจนมากครับจุดนี้ ผมเลยได้แต่ทำหน้างอนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่กำลังแล่นสู่คฤหาสน์ตระกูลริวซากิไปตลอดทาง



คุณมี๊ของไอ้เร็นยังคงสวยและสง่าเหมือนวันก่อนที่เราได้เจอกัน ผมก้มหน้าไม่กล้าสู้ตาแม่ของไอ้หล่อสักเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่ตัวเองทำเสียมารยาทไปเมื่อคราวก่อนยังคงค้ำคออยู่


แต่ดูเหมือนคุณมี๊เธอจะไม่เอามันมาใส่ใจสักเท่าไหร่นัก ทันทีที่เห็นผมเดินกระเผลกเข้ามาโดยมีลูกชายของเธอคอยโอบเอวประคองอยู่เธอก็อุทานออกมา


“ซัทสึกิจังหนูเป็นอะไรไปคะลูก?”


เอ่อ...ช่วยเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมก็ดีครับคุณมี๊ T^T สรรพนามของ คุณมี๊มันบั่นทอนความแมนของผมเอามากๆเลยรู้ไหม


“ตกบันไดน่ะครับ”


ถึงผมจะไม่ชอบใจกับสรรพนามที่เธอใช้เรียกแต่ก็ต้องตอบกลับไปอย่างสุภาพ ผมไม่อยากก่อคดีให้มันค้ำคอจนหน้าหงายเพิ่มขึ้นอีกหรอกครับ


“ลูกดูแลน้องยังไงคะเร็น ทำไมถึงปล่อยให้น้องตกบันไดได้”


ไอ้หล่อถูกแม่มันลงโทษด้วยการหยิกแขนครับ มันแกล้งทำเป็นนิ่วหน้า แล้วได้ทีฟ้องแม่มันเลย


“ซัทสึกิเขาหึงผมเลยวิ่งหนีผมจนตกบันไดครับคุณมี๊”


อ่าว!! ไอ้ห่านี่!! มันน่าเตะให้คว่ำไหม ผมถ่องศอกเข้าท้องมันแต่มันดัน หลบได้ซะอีก กวนอารมณ์ชะมัด


“อย่าไปฟังนะครับ!! ผมก็แค่...แค่..”


ผมเป็นพวกหาข้อแก้ตัวไม่เป็น เลยได้แต่หน้าร้อนเมื่อได้ยินเสียงสองแม่ลูกตระกูลริวซากิเขาหัวเราะคิกคักพอใจกัน แต่เสียงหัวเราะของพวกเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงท้องร้องดังสนั่นของผม ซึ่งทำให้ผมอายมากกว่าเดิมอีก


“หุหุ..คุณมี๊ครับ ให้คนเตรียมอาหารกลางวันให้หน่อยสิครับ น้องหิวแล้ว”


ไอ้หล่อมันหันไปบอกแม่แล้วกึ่งๆโอบเอวบังคับให้ผมเดินเข้าบ้านไปกับ มัน คุณมี๊ของไอ้หล่อหันมายิ้มหวานให้กับผม


“งั้นลูกกับน้องขึ้นไปนั่งคอยก่อนนะคะ คุณมี๊จะให้คนเอาของว่างไปให้ รองท้องก่อนนะ” เธอบอกแล้วหันมาลูบหัวผมที่โค้งให้เธอแทนการขอบคุณ หลับหลังคุณมี๊ที่เดินแยกไปผมเลยหันมาแยกเขี้ยวใส่เร็น


“ฉันก็แค่พูดเรื่องจริง” ดูไอ้หล่อมันยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเรื่องจริงอีก ผมสะบัดหน้าใส่มันแล้วเดินกระเผลกหนีไปนั่งที่โซฟาปล่อยให้ไอ้คนหล่อมันหันไปรับเอาถาดขนมกับน้ำผลไม้จากสาวใช้มาวางให้


“ป้อนด้วย!!” ริวซากิ เร็นควรรู้นะว่ามันต้องเอาใจผมแค่ไหนผมถึงจะอารมณ์ดีน่ะ


“ป้อนด้วยปากใช่ไหม?”


ฮึ่ย!! กินเองก็ได้......(วะ!!)



มื้อกลางวันบ้านไอ้หล่ออร่อยมากครับ อร่อยจนผมเสียดายที่วันก่อน ไม่ได้อยู่กินมื้อเย็นตามคำชวนของคุณมี๊ พอกินอิ่มแล้วหนังตามันก็เริ่มหย่อน ไอ้คุณชายมันนั่งแกะยาหลังอาหารให้ผมใส่ถ้วยแก้วใบเล็กไว้


“อย่าเพิ่งกิน ยาหลังอาหารควรรอให้อาหารที่กินย่อยไปก่อนสักสิบห้านาที” ไอ้คุณชายมันตีมือผมที่ยื่นไปจะหยิบยามากินครับ ผมเลยทำหน้ามุ่ยใส่มันต่อหน้าแม่มันนี่แหละ


“ดูแลน้องดีกว่าตัวเองอีกนะคะนี่”


ผมเลิกคิ้วแล้วมองคุณมี๊ที่กำลังจิบชาอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ เห็นผมส่งสายตาสงสัยไปคุณมี๊ก็ยิ้มให้ผมแล้ววางถ้วยชาลง


“ปกติพี่เร็นเขาโยนยาเข้าปากหลังอาหารเลยค่ะ คุณมี๊เตือนว่ามันต้องกินหลังอาหารสักสิบห้านาทีหรือครึ่งชั่วโมงก็ไม่ยอมฟัง”


โดนแม่ตัวเองเผากันสดๆแบบนี้ ริวซากิ เร็นก็หน้าแดงเป็นด้วยครับ ผมฟังแล้วก็อดลอบยิ้มไม่ได้จนต้องยกน้ำขึ้นมาดื่มกลบเกลื่อน


“ก็เดี๋ยวคุณมี๊จะหาว่าผมดูแลน้องไม่ดีอีกนิครับ”


ฟังๆไปแล้วผมก็ชักชอบแหะที่ไอ้คุณชายมันเรียกผมว่าน้อง แลดูมันจั๊กจี๊หัวใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน


ผมนั่งมองเร็นนั่งคุยกับคุณมี๊ไปได้สักพักก็เกิดอาการง่วงจนอยากจะทิ้งตัวเลื้อยลงไปนอนกับโต๊ะอาหารตัวใหญ่ของบ้านริวซากิเสียเต็มทน พอเร็นหันมาเห็นผมปิดปากหาวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้มันก็เอื้อมมือมาสะกิดผมแล้วยื่นยาให้


“กินยาก่อนแล้วเดี๋ยวขึ้นไปนอนสักพักแล้วกัน” ผมพยักหน้าแล้วหยิบยาเอามากิน และดื่มน้ำในแก้วที่คุณชายมันส่งมาให้จนหมด


“น้องแลดูเป็นเด็กว่าง่ายออกค่ะ ทำไมลูกชอบบอกว่าน้องดื้อล่ะ”


ได้ยินคุณมี๊พูดแล้วผมก็ต้องหันไปเหล่มองไอ้คนที่ชอบเผาผมให้แม่มัน ฟัง ไอ้หล่อมันทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่มุมปากมันกระตุกยิ้มอยู่ด้วยครับขอบอก!!


“นายฟ้องอะไรคุณมี๊ไปมั่งเนี้ย”


ผมถามแล้วกดสายตาต่ำมองมัน แต่ไอ้หล่อดูเหมือนจะอารมณ์ดีเหลือเกิน มันยกมือมาดึงแก้มของผม ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันแล้วก็ได้ยินคุณมี๊หัวเราะคิกคักเบาๆเหมือนสาวแรกรุ่นเลยทีเดียว ดูเธอจะมีความสุขเสียจริงที่ เห็นลูกชายกำลังหยอกล้อกับเด็กหนุ่มแบบนี้.....TT^TT


“เยอะแยะ” ดูมันยังมีหน้ามากล้ายอมรับอีกครับ



“นี่..คุณมี๊ของนาย..เป็นประเภทสาววายหรอ?”


ผมทิ้งตัวนอนลงกับเตียงของไอ้หล่อแล้วเอียงหน้ามาถามขึ้น เร็นที่กำลังก้มไปดึงผ้าห่มมาห่มให้ผมมันชะงักแล้วเลิกคิ้วใส่ผม...สงสัยจะไม่เข้าใจคำศัพท์


“แบบพวกประเภทสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอะไรประมาณเนี้ย”


ด้วยความเคารพยิ่ง ผมว่าคุณมี๊ของไอ้หล่อนี่ไปอยู่กับจิฮารุได้เลยนะ ขานั้นก็คงเป็นสาววายประเภทยิ่งชีพเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เขียนบทละครประเภทชายรักชายออกมาได้หรอกจริงไหมครับ?


“อืม...เพราะนายล่ะมั้ง..” ฟังไอ้หล่อที่กำลังยกนิ้วมาเคาะปลายคางของมันแล้วผมก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะผม..ทำไมถึงเป็นเพราะผมล่ะ?


“หมายความว่าไง?”


“ก็หมายความว่าเพราะเป็นนาย..ก็เลยอยากให้เราสองคนลงเอยกันไง”


งื้อ....


นอกจากมุดลงไปหลบความเขินใต้ผ้าห่มแล้ว...ผมจะทำอะไรได้อีกนะ


ริวซากิ เร็นสมควรรู้ไว้นะครับว่าไม่ควรพูดประโยคนั้นตอนใช้สายตาอบอุ่นทอดมองมาพร้อมกับมือที่มันเอื้อมมาลูบหัวผมเพราะมันทำให้ใจผมเต้นแรงเกินอัตรา


ไอ้บ้านี่ชักจะขยันทำให้ผมตกอยู่ในโหมดสาวน้อยบ่อยเกินไปแล้ว!!


“เฮ้!! จะไปไหนน่ะ?” ผมเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงเอาไว้ออกเมื่อได้ยินเสียงเร็นเปิดประตูห้องอีกครั้ง


“ไปหาคุณมี๊ นายนอนไปก่อนก็แล้วกัน”


มันบอกแล้วก็หายหัวไป ทิ้งให้ผมนอนอยู่บนเตียงกว้างของมันเพียงลำพัง นี่ถ้าขาผมหายดีเป็นปกติ ห้องไอ้หล่อคงไม่มีทางตกสำรวจของผมแน่ๆ


ผมนอนกระตุกยิ้มมุมปากถึงความซนของตัวเองก่อนจะสังเกตได้ว่า ห้องไอ้หล่อมันตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นไม่แตกต่างอะไรกับคอนโด


“แล้วบ้าอะไรถึงซื้อเตียงหลุยส์ไปไว้ที่หอวะ” ผมสบถถามกับตัวเองเมื่อนึกถึงไอ้เตียงหลุยส์สีทองที่หอ ดูมันผิดรสนิยมของไอ้คุณชายแบบสุดกู่เลย


แต่ก็เอาเถอะ มันก็นอนแล้วสบายกว่าเตียงเก่าของผมตั้งเยอะ จริงๆ ผมไม่มายด์นักหรอกว่าจะต้องเป็นเตียงแบบไหน ขอแค่นอนแล้วสบายตัวนอนหลับเต็มอิ่มทั้งคืนก็พอ แต่ดูเหมือนว่านับตั้งแต่มีริวซากิ เร็นเข้ามาในชีวิต เตียงมันจะกลายเป็นปัจจัยอื่นด้วยเสียแล้วสิ


ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปก่อนจะหันตะแคงตัวแล้วสอดแขนเข้าไปใต้หมอนเพราะรู้สึกว่าหมอนมันเตี้ยไป หรือไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะผมเริ่มติดที่จะนอนหนุนแขนไอ้หล่อมันหรือเปล่าเลยรู้สึกว่าหมอนมันรองคอไม่กำลังดี แต่ผมก็เจออะไรบางอย่างที่มันอยู่ใต้หมอน ความอยากรู้ทำให้ผมหยิบมันออกมา สิ่งที่มือของผมคว้าได้คือกระเป๋าใส่นามบัตรที่ไม่อยากจะประเมินราคาของมันสักเท่าไหร่


ผมหรี่ตามองดูชื่อแบรนด์ของวิคตองที่ประทับอยู่บนลายหนังก่อนจะเปิดดูข้างใน การที่ริวซากิ เร็นมีกระเป๋าใส่นามบัตรเป็นของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมออกจะเหนือคาดเล็กน้อย แต่มาคิดอีกที..ไอ้หล่อมันเป็นลูกคนรวย การจะมีนามบัตรก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมคนรวย...(มั้ง)


ทว่าพอเห็นนามบัตรของไอ้หล่อแล้วผมก็แทบทำกระเป๋ามันร่วงลงไป กองที่หน้าตักเลยครับ ชื่อของไอ้หล่อที่ปรากฏอยู่บนบัตรแม่งพ่วงด้วยตำแหน่ง Executive Vice President


เชี่ยแล้ว!!


เป็นถึง EVP ทั้งๆที่ยังเรียนมหาลัยอยู่นี่...มึงเทพไปแล้วริวซากิ เร็น!!


ว่าแต่...ผมไม่เคยเห็นมันไปทำงานเลยนะ วันๆดีแต่มากวนประสาท กวนใจผมน่ะ ...แต่พอมานึกอีกที ไอ้หล่อมันเคยบอกว่ามันได้เงินปันผลจากบริษัทแล้วก็เอาไปเล่นหุ้นแก้เครียดนี่นา นึกได้แบบนี้แล้วผมก็ต้องยักไหล่ปลงตกกับตัวเอง อะไรมันจะแตกต่างกับผมขนาดนี้


ผมพลิกกระเป๋ามันดูข้างในอีก มีนามบัตรของใครอีกหลายคนอยู่ในกระเป๋าใบนั้น ผมอ่านชื่อกับบริษัทแล้วก็ตำแหน่งของคนอื่นๆด้วยความอยากรู้ว่า ไอ้หล่อมันต้องพบเจอใครมาบ้างก่อนจะสะดุดเมื่อพลิกไปจนถึงซองใบสุดท้าย
ในนั้นไม่ได้มีนามบัตรสอดเอาไว้ แต่เป็นรูปถ่ายของใครบางคน


ผมจ้องมองแล้วก็ต้องทำตาโต..เพราะรูปถ่ายใบนั้นเป็นของมาโดกะจัง!!


อาริซาวะ มาโดกะ!!


เกิดอาการหงุดหงิดเหี้ยๆแล้วครับคราวนี้ ผมปิดกระเป๋าใส่นามบัตรของเร็นแล้วแทบจะปามันทิ้งลงถังขยะ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือเอามันยัดใส่ไว้ใต้หมอนอีกด้าน ก่อนจะทิ้งตัวนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด


ทำไมริวซากิ เร็นถึงได้เก็บรูปมาโดกะจังไว้แล้วยังเอาซ่อนไว้ใต้หมอนอีก


ความหงุดหงิดมันระเบิดขึ้นมาอีกระลอกหลังจากที่หายไปในช่วงที่เราไปโรงพยาบาลกัน


ผมอยากรู้..และต้องรู้ให้ได้ด้วยว่ามันกับมาโดกะจังเคยเป็นอะไรกันมาก่อน


แต่ผมจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหนกัน?


จะให้ไปถามไอ้คุณชายเองก็คงไม่ไหว เดี๋ยวมันตีขลุมอีกว่าผมหึงมัน ผมไม่ได้หึงมันเสียหน่อย ผมแค่อยากรู้ตามประสาคนอยากสอดเท่านั้น แต่เร็นมันชอบเหมารวมว่าผมหึง เพราะงั้นไม่เป็นการดีแน่ที่ผมจะเอ่ยถามมันออกไป
ผมหงุดหงิด...แล้วก็ง่วงมาก


ยาแก้ปวดที่กินไปทำให้หนังตาของผมเริ่มฝืนที่จะต่อไม่ไหว...


ความหงุดหงิดนี้ผมจะเก็บเอาไว้รอเมื่อตื่นมาก็แล้วกัน!!


ใช้ได้ที่ไหนกันริวซากิ เร็น ไหนบอกว่าจริงจังกับผม แล้วทำไมถึงมีรูปผู้หญิงอื่นเก็บไว้ใต้หมอนแบบนี้กันล่ะ!!




ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกที ข้างนอกก็ค่ำแล้ว ภายในห้องมันปิดไฟและเงียบ ผมเอื้อมมือไปควานหาสวิตซ์ไฟหัวเตียงของเร็นแล้วเปิดขึ้น แสงไฟสีฟ้าส่องสว่างให้เห็นว่าผมอยู่ตามลำพังในห้องนี้ ผมบิดขี้เกียจเสียเต็มสองแขนพอดีกับที่เจ้าของห้องมันเปิดประตูเข้ามาพอดี


“ตื่นแล้วหรอ?”


กำลังหลับอยู่มั้งครับเพ่!!


คนถามไม่ถามเพียงอย่างเดียวครับแต่ก้าวเดินมาหาผมที่เตียง เร็นนั่งลงข้างๆแล้วยกมือขึ้นมาลูบผมที่กระดกอยู่ข้างแก้มของผมให้เรียบลง


“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม? ทุกคนมาพร้อมกันแล้วล่ะ”


เหๆ...ผมเอียงคอมองหน้าไอ้หล่อ แต่มันกลับเอาแต่ยิ้มส่งมาให้แล้วดึงมือผมให้เดินตามเข้าห้องน้ำไป นี่เห็นแก่ความหล่อของรอยยิ้มนั้นหรอกนะ จะเก็บเรื่องรูปถ่ายใบนั้นไว้ก่อนก็ได้


ล้างหน้าเสร็จแล้วผมก็ยืนหลับตาให้ไอ้คุณชายมันใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำให้ นี่ถ้ามันเอาแป้งมาปะแก้มแล้วผูกจุกน้ำพุให้ผมด้วย ผมคงตรงดิ่งไปที่เตียงแล้วกระโดดขึ้นไปนอนรอฟังมันเล่านิทานด้วยแน่ๆ


“ว่าแต่ทุกคนอะไรหรอ?”


ผมถามขึ้นเมื่อเร็นจูงผมเดินออกมาจากห้อง ไอ้หล่อไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผมอีกแล้ว ผมล่ะเบื่อรอยยิ้มหล่อๆของมันนักเชียว มันจะรู้บ้างไหมว่ายิ้มแบบนั้นแล้วหัวใจผมทำงานหนักเกินไป


คำตอบเฉลยอยู่ที่ริมสระน้ำครับ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำหน้าเหวอๆออกไปเมื่อเร็นโอบเอวผมเดินออกไปแล้วผมก็เจอว่าทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ข้างหน้า พอผมกับเร็นเดินมาถึง ทุกคนก็ดึงพลุกระดาษใส่พร้อมรอยยิ้ม


“แฮปปี้เบิร์ธเดย์!!”


สรุปแล้วคือทุกคนจัดปาร์ตี้เซอร์ไพร์สวันเกิดให้ผมครับ


นอกจากเพื่อนๆของผมแล้วยังมีเพื่อนๆของไอ้หล่ออีกด้วย ไม่นับรวมครอบครัวของไอ้หล่อกับญาติผู้น้องคนสวยของมันและกลุ่มเพื่อนของเธอที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่กับเพื่อนของผมและเร็นอยู่


ดูๆไปแล้วผมแอบนึกอายไม่น้อย การที่เร็นทำแบบนี้เหมือนมันเปิดตัวผมกับเพื่อนและครอบครัวของมันชัดๆ


ตอนนี้อารมณ์ของผมดีขึ้นมาอีกระดับเมื่อรู้ว่าแผนเมื่อเช้าไอ้หล่อมันถูกบังคับจากพี่มิซึรุแล้วก็จิฮารุให้ทำ ไม่ใช่มันทำเอง (อันนี้ไดจังแอบกระซิบบอกมา) แต่ผมก็ยังอารมณ์ดีไม่มากนักหรอก


เหตุก็เพราะผู้หญิงที่ยืนสวยอยู่ข้างริมสระอีกคนและกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงอยู่กับเพื่อนของเธอนั่นแหละครับ


อาริซาวะ มาโดกะ


การที่เธอมาปรากฏตัวในคืนนี้และที่นี่ทำให้ผมต้องแอบหงุดหงิดใจไม่น้อย ผมนั่งเขี่ยเค้กในจานอยู่กับไดจังและเคนอิจิและพยายามไม่หันไปมองอีกเมื่อเห็นว่าเธอขยับเดินเข้าไปหาเร็นที่เพิ่งจะลุกไปหยิบเครื่องดื่มให้ผม


“ไม่สนุกหรอคะ?” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานเค้กที่ผมกับเร็นกินเหลือกันไว้ขึ้นไปมอง ริวซากิ เอมิญาติผู้น้องคนสวยของเร็นถือแก้วค็อกเทลมานั่งลงที่เก้าอี้ริมสระข้างๆผม


“พี่เจ็บขาน่ะ” ผมบอกไปอย่างนั้นก่อนจะก้มหน้าเขี่ยเค้กต่อจนมันละเอียดเละไปหมดแล้ว ถึงบรรยากาศในปาร์ตี้จะคึกคักแต่ทำไมผมถึงได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของมาโดกะจังที่ยืนอยู่กับเร็นชัดเจนชะมัด


“แค่นั้นจริงหรอคะ?”


ผมเกลียดจังเวลาคนรู้ทันผมแบบนี้ แม้แต่ไดจังยังแอบหัวเราะกับเคนอิจิเลยครับ พอผมหันไปขึงตาใส่ทั้งสองคนก็รีบลุกไปหาพี่มิซึรุที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทิ้งให้ผมอยู่กับเอมิตามลำพัง


“จริงๆวันนี้เอมิชวนชิโอริมาด้วยนะ แต่ชิโอริติดธุระกับแม่เลยฝากของขวัญมาให้รุ่นพี่ด้วย เอมิเอาวางไว้ให้แล้วตรงนั้น”
ชิโอะจังที่เธอพูดถึงคือฮิชิดะ ชิโอริเป็นน้องรหัสของผมเองครับ เอมิชี้ไปที่กองกล่องของขวัญที่ทุกคนให้ผมมาตรงโต๊ะ


“ฝากขอบใจชิโอะจังด้วยนะ”


ผมบอกเสียงเบา ความรู้สึกมันอยากจะหายตัวออกไปจากงานมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าไอ้หล่อมันยังไม่กลับมาหาผม ผมอาจจะลุกเดินหายไปจากงานนี้ก็ได้


“พี่เร็นเขาจริงจังกับรุ่นพี่นะ”


ได้ยินเสียงที่เธอกระซิบพูดมาแล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วก่อนหันไปมองหน้าเธอ เอมิยักไหล่แล้วก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบก่อนจะยิ้มดวงตาพราวระยับให้กับผม


“แล้วเอมิจังไม่รู้สึกแปลกเลยหรอที่ญาติตัวเองจะมาจริงจังกับผู้ชายอย่างพี่?” ผมถามไปอย่างสงสัย น้ำเสียงของเอมิดูจะรื่นเริงใจจนน่าประหลาด


“ไม่หรอก บ้านเอมิกับบ้านพี่เร็นไม่ถือเรื่องแบบนี้ พี่ชายของเอมิก็มีแฟนเป็นผู้ชาย” สองบ้านนี่เปิดกว้างกับความรักของลูกจริงๆครับ ไม่เหมือนบ้านผมที่ถ้าให้พี่ชายผมรู้ ผมต้องโดนเตะตูดแน่ๆ


“เรื่องเพศมันไม่สำคัญเท่ากับว่าคนที่จะอยู่กับเรานั้นเป็นคนดีแล้วจะรักเราตลอดไปหรือเปล่านี่คะ” คำพูดของเอมิทำให้ผมต้องจ้องตาเธอก่อนจะเลื่อนไปมองญาติผู้พี่ของเธอที่กำลังเดินตรงมาทางที่พวกผมนั่งอยู่


“จะบอกอะไรให้นะคะ เอมิไม่เคยเห็นพี่เร็นจริงจังกับใครเท่ากับรุ่นพี่มาก่อนเลยล่ะ” ผมคงจะรู้สึกดีกับคำพูดของเอมิมากกว่านี้ ถ้าไอ้คนที่เรากำลังพาดพิงถึงนั้นไม่ได้เดินมาหาผมโดยมีเงาที่ชื่อว่าอาริซาวะ มาโดกะเดินตามมานั่งร่วมในวงสนทนาด้วย


“นินทาอะไรพี่อีกล่ะ?” เร็นมาถึงก็ยื่นค็อกเทลให้ผมแล้วก็หันไปล็อคคอญาติสาวของมันที่หัวเราะคิกคักอยู่ครับ มองมันเล่นหัวกับญาติผู้น้องแล้วก็เพลินดีครับ ดูมันเป็นพี่ชายที่รักน้องดี


“มานี่หน่อยซิยัยตัวแสบ”


เอมิโดนล็อคคอให้ไปอีกทางแล้วครับ แย่ที่สุดก็ตรงที่ว่าเหลือผมนั่งอยู่กับมาโดกะตามลำพัง แล้วก็แย่กว่าที่ผมยังดันจำรอยยิ้มของเธอบนรูปใบนั้นได้


“รุ่นพี่อิชิฮาระเป็นแฟนของพี่เร็นจริงๆหรอคะ?”


คำถามที่ถูกถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อสักเท่าไหร่ทำให้ผมสะอึกมากพอดู ซ้ำยังสรรพนามที่เธอเรียกเร็นอย่างสนิทสนมนั่นอีกด้วย


อันที่จริงผมควรปฏิเสธสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้คุณชาย มันให้เด็ดขาดเพราะผมยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับมัน แต่ทำไมพอได้ยินคำถามนี้จากมาโดกะแล้ว..ผมถึงฮึดอยากจะยอมรับในสิ่งที่เธอถามมาก็ไม่รู้


“คงงั้นมั้งครับ...เร็นบอกจะจริงจังกับพี่”


ผมบอกพลางยกค็อกเทลที่เร็นมันเอามาวางไว้ให้ขึ้นมาจิบ มาโดกะเงียบไปพักหนึ่ง นั่นทำให้ผมโล่งใจมาก แต่พักเดียวจริงๆครับ หลังจากนั้นคลื่นลูกใหญ่ก็ถลาเข้ามาซัดผมให้ล้มอย่างไม่ทันตั้งตัว


“งั้นรุ่นพี่ก็ควรระวังไว้นะคะ ถึงพี่เร็นจะบอกว่าจริงจัง แต่เขาก็ ฃเป็นคนเบื่อง่าย มาโดกะรู้....” เธอพูดด้วยแววตาเศร้าๆขณะมองหน้าผม มันทำให้ผมสะอึกอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่อยากฟังเธอ อยากเอาค็อกเทลในมือสาดใส่หน้าเธอแล้วบอกให้เธอหยุดพูดเพราะผมไม่อยากฟัง


แต่สิ่งที่ผมทำคือนิ่งแล้วรับฟังทุกคำพูดต่อมาของเธอเหมือนกับรูปปั้นที่แม้แต่หัวใจยังไม่มีให้ทำงาน


“เพราะพี่เร็นก็เคยบอกจะจริงจังกับมาโดกะเหมือนกัน”


คนหนึ่งบอกว่าเร็นจริงจังกับผมและไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครมาก่อน แต่อีกคนบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ไอ้หล่อมันเคยจริงจังด้วยและตอนนี้ ไอ้หล่อมันก็เปลี่ยนใจมาใช้คำว่าจริงจังกับผม


แล้วแบบนี้ผมจะเชื่อใครกันดี


ผมกำก้านแก้วค็อกเทลแน่นเสียจนน่ากลัวว่ามันจะแตกคามือ ผมได้ยินเสียงเร็นหัวเราะอยู่กับเอมิและกำลังพาเดินมาหาผม นาทีนั้นมาโดกะก็เอนมาแล้วกระซิบพูดกับผมอีกครั้ง


“มาโดกะไม่โกรธพี่เร็นหรอกนะคะที่เบื่อมาโดกะและมาเลือกรุ่นพี่แบบนี้ เพราะมาโดกะไม่ดีเอง ยังไงก็ขอให้รุ่นพี่กับพี่เร็นรักกันนานๆนะคะ อย่าให้ต้องจบกันแบบมาโดกะกับพี่เร็นแล้วกันนะคะ”


มาโดกะเธอจะรู้ไหม...


ว่าเธอได้ทิ้งนิวเคลียร์ลูกใหญ่ไว้กับห้วงอารมณ์ของผม เธอพูดเสร็จแล้วเธอก็พาตัวเองเดินไปหาริกะจังกับกลุ่มเพื่อนของเร็น


หน้าผมตึงจนมันลั่นเปรี๊ยะๆไปหมดในความรู้สึก ผมกระแทกวางแก้วค็อกเทลลงกับตะในจังหวะที่ไอ้ต้นเรื่องมันเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพอดิบพอดี


“มาโดกะพูดอะไรหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?”


น้ำเสียงเร็นดูร้อนใจตอนถามผมมากครับ ผมหันมองมันไปนิ่งๆรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคอแข็ง


“ทำไม? กลัวมาโดกะบอกอะไรฉันหรือไง? มีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ฉันรู้หรือไงกัน” ผมย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสักเท่าไหร่ และไม่สนใจด้วยว่านอกจากไอ้คนที่นั่งข้างผมแล้วจะยังมีคนอื่นๆที่อยู่ในระยะใกล้ๆอีกด้วย


“ซัทสึกินายพูดเรื่องอะไรกัน?”


แสดงได้สมจริงมากครับกับสีหน้าหล่อแบบงงๆนี้ แต่ขอโทษที ผมไม่มีอารมณ์พอที่จะอธิบายและไม่มีอารมณ์พอที่จะฟังมันแก้ตัวด้วยเลยลุกขึ้นยืน


“ฉันจะกลับแล้ว” ผมบอกแล้วเดินกระเผลกไปลาพ่อกับแม่แล้วก็พี่สาวของมัน เร็นยังคงเดินตามติดผมเหมือนเงา


“ซัทสึกิ!!เดี๋ยวสิ!! หันมาคุยกันก่อนสิ” เร็นคว้าที่ข้อศอกของผมแล้วยึดเอาไว้แน่น ผมหันมากระชากข้อศอกแล้วมองมันอย่างไม่พอใจ


“ฉันบอกฉันจะกลับ!!”


ผมได้ยินตัวเองตวาดใส่มันไปเสียงดัง ทุกคนที่กำลังหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่างพากันเงียบเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ แต่ผมไม่สน ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกที่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วและตอนนี้ผมก็ไม่ทนที่จะอยู่อีกต่อไป


“มันเกิดอะไรขึ้นซัทสึกิ!?”


ไอ้คนตรงหน้าก็ยังดื้อดึงจะอยากรู้อยู่ได้ว่าทำไม ผมโมโหจนรำคาญตัวเองเลยเหวี่ยงหมัดไปจะต่อยมันให้เลิกพูด แต่ไอ้เร็นมันก็รับหมัดของผม ได้แล้วพยายามดึงผมเข้าไปกอด ผมดิ้นแล้วยกขาที่กำลังเจ็บอยู่เตะขามัน


ท้ายสุดแล้วมันเลยรวบผมแบกพาดบ่าเดินออกจากปาร์ตี้ไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของผมที่ใช้สองมือทุบหลังมันเลยแม้แต่น้อย


“ปล่อยสิเว้ย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!”


ครับ...ในที่สุดมันก็ปล่อย


แต่มันปล่อยผมลงกับเบาะรถคันหรูของมันครับ แล้วพาผมกลับไปคอนโดของมันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบที่แสนจะน่ารำคาญใจ


ผมรู้...ว่าผมไม่ควรฟังคนอื่นมาก


แต่พอได้ฟังแล้วผมก็อดจะคิดมากไม่ได้ด้วยเช่นกัน


ความสัมพันธ์ของผมกับเร็นมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนน่ากลัว แถมพฤติกรรมก่อนที่มันจะมาเจอกับผมก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยได้ยิน สิ่งนี้ทำให้ผมวางใจไม่ได้สนิทว่าไอ้คุณชายมันจะจริงจังกับผมจริงหรือเปล่า


แล้วไหนจะรูปมาโดกะที่ผมเจอใต้หมอนนั่นอีก


ผมควรจะทำยังไงกับความรู้สึกในตอนนี้ดี


ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีที่มีเร็นคอยดูแลและอยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ไม่อยากประมาท ไม่อยากหลงระเริงไปแล้วต้องมาเจอกับความเจ็บปวดในตอนท้ายที่ผมอาจถูกมันทิ้งในสักวันเหมือนกับคนอื่นๆที่มันเขี่ยทิ้งอย่างที่แล้วๆมา


“สรุปแล้วมาโดกะพูดอะไรกับนาย?” เร็นยังไม่เลิกราจากคำถามนี้ครับ มันจุดประเด็นถามอีกครั้งเมื่อมันลากผมเข้ามาในห้อง นอกจากคำถามจากปากแล้ว ดวงตาของมันยังคาดคั้นถามผมอีก


“ฉันอยากอยู่คนเดียว” ผมบอกแล้วสะบัดหน้าใส่มัน ออกแรงกระชากข้อมือที่มันจับอยู่แรงๆ ทำให้เร็นปล่อยผมในที่สุด แต่มันไม่ยอมให้ผมเดินหนีไปไหน


“ซัทสึกิ..” ผมมองมันตาขวาง ก่อนจะวีนใส่มันในที่สุด


“ไม่ได้ยินหรือไงว่าฉันอยากอยู่คนเดียว!! ไม่เข้าใจความหมายหรือยังไงกัน!! ฉันอยากอยู่คนเดียวและไม่อยากเห็นหน้านายด้วย!! ได้ยินไหม!!”


ไปแล้วครับชุดใหญ่ ผมตวาดเร็นเสียงดังก่อนจะยืนหอบ ผมเห็นเร็นมันผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยมองผมอย่างเสียใจก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่เอาไปแม้กระทั่งแจ็คเกตที่มันเพิ่งถอดวางไว้ ผมทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาด้วยความหงุดหงิดใจ


“โธ่เว้ย!!”


ผมสบถลั่นก่อนจะหยิบหมอนมาปาใส่ประตูที่เร็นเพิ่งเดินออกไปอย่างระบายอารมณ์


ข้อเท้าของผมยังคงเจ็บแปลบๆ แต่มันก็ไม่มากเท่ากับที่ใจ


เป็นวันเกิดที่แย่ชะมัดที่สุด!!


-TBC-


:เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม

แรว๊งงงงงอ่ะ :a5:  o22

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
โอ้ย ค้างอ่ะ ตกลงทั้งสองคนจะเป็นยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น่ารัักใสๆ ซัทจังน่ารัก พี่เร็นก็ด้วย

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
หวั่นไหวสะแล้ว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
มาต่อโดยด่วยเรยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
13th Chapter



แย่ชะมัด ผมไม่ควรฟังความข้างเดียวเลย จริงๆผมสมควรถามกับเร็นให้รู้เรื่องกันไปเลยจะได้ไม่ติดค้างคาใจขนาดนี้ แต่ไอ้นิสัยร้อนๆของผมและไม่ยอมฟังใครนี่แหละกำลังสร้างปัญหาให้กับผมเอง



เมื่อคืนที่ผ่านมาผมนอนไม่หลับ..ในใจมันกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก



ผมหยิบมือถือขึ้นมาหลายหนที่จะกดโทรไปหาเร็น แต่ก็วางมันลงกับโต๊ะเพราะใจไม่กล้าพอจะโทรไปหา



อาละวาดแบบเด็กเอาแต่ใจไปเสียขนาดนั้นแล้ว จากที่เร็นไม่เบื่อก็คงตัดสินใจเบื่อผมแล้วแน่ๆ



แค่คิดผมก็กลุ้มแล้ว ถ้าเร็นเบื่อผมขึ้นมาจริงๆแล้วจะทำยังไง



พอความคิดนี้เกิดขึ้นมาแล้วผมก็ต้องตกใจกับความรู้สึกตัวเองที่แคร์เร็นมันมากขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผมไม่นานแต่กลับมีอิทธิพลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ



ผมเลื่อนขาขึ้นมากอดเข่าอยู่บนโซฟา แปดโมงแล้วเร็นยังไม่กลับมาที่ห้อง ผมทอดสายตามองดูแดดที่เริ่มส่องเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเหม่อลอย มองฟ้ามองเมฆไปได้สักพัก มือถือของผมก็ดังขึ้น มันดังไม่ถึงสองวินาทีผมก็หยิบมันมาเสียก่อน



คนที่โทรมาหาผมไม่ใช่คนที่ผมนึกลังเลจะโทรไปหาแต่เป็นไดจัง ผมกดรับพลางนึกรำคาญหัวใจตัวเองที่เต้นหนักหน่วงไปตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงเมโลดี้มือถือดังขึ้น



“อือ..อยู่ที่คอนโดของเร็น” ไดจังโทรมาถามครับว่าตอนนี้กายหยาบของผมอยู่ที่ไหน ผมเหยียดขาแล้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแปลบๆที่แล่นขึ้นมาทันที



ชิบหายแล้ว!!



ผมลืมกินยามื้อเย็น แล้วก็ลืมยาไว้ที่บ้านของเร็นด้วย!!



“เป็นอะไรหรือเปล่าซัทจัง?” ไดจังถามผมกลับมาเมื่อได้ยินเสียงผมสบถตอนเจ็บขา น้ำเสียงของเพื่อนรักดูจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่ทำไมนะ..ผมถึงอยากให้คนที่ถามผมคือเร็นเสียมากกว่า



“ไม่มีอะไร เออนี่ไดจัง..เร็นกลับไปที่หอหรือเปล่า?”



ผมตัดสินใจถามไปอย่างลังเล จริงๆไอ้หล่อมันก็มีบ้านให้กลับ มันอาจจะกลับไปบ้านมากกว่าไปที่หอนะว่าไหม?
“ไม่นี่..แล้วนี่นายไม่ได้อยู่กับรุ่นพี่หรอกหรอ?”



ทำไมผมถึงจับน้ำเสียงตำหนิมาจากเสียงของไดจังได้นะ
“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”



ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมเกลียดจริงๆคนที่รู้ทันโดยไม่ต้องพูดเนี้ย



“ไม่มีอะไรหรอก แค่นี้นะ”



ผมบอกแล้วตัดสายไปเพราะไม่อยากฟังไดจังบ่นและก็ไม่มีอารมณ์ จะมานั่งพูดด้วย ความรู้สึกของผมยังคงบีบรัดด้วยความรู้สึกผิดที่เอาแต่ระบายอารมณ์รุนแรงออกไปโดยไม่ถามไถ่เสียก่อน



แล้วก็ทิฐิมากมายของตัวเองก็ดันทำให้ไม่กล้าจะไปเคลียร์กับเร็นด้วย ผมคว้าหมอนอีกใบที่เหลืออยู่บนโซฟามากอดแล้วจ้องมองมือถือของตัวเอง



ผมจะโทรไปหาเร็นดีไหมนะ?



จะโทรหาเร็นดีหรือเปล่า?



ถ้าโทรแล้วจะเริ่มต้นพูดว่าอย่างไรดีล่ะ?



ขอโทษนะที่อารมณ์เสียใส่นาย ฉันผิดเอง?



หรือนายน่ะแหละผิดที่ทำให้ฉันเชื่อใจไม่ได้? รูปมาโดกะนั่นมันอะไรกัน? นายเคยมีอะไรกับมาโดกะอย่างนั้นหรอ?
หรือ...



นายจริงจังกับฉันจริงๆหรือเปล่า....



นายจะทิ้งฉัน...เหมือนกับคนอื่นๆที่นายเคยทิ้งหรือเปล่า?



ทำไมพอเป็นคำถามสุดท้ายที่ผุดขึ้นมานี้ มันต้องผุดขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาด้วยนะ ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด ก้อนสะอึกเหี้ยๆมันจุกขึ้นมาที่คอ ผมกอดหมอนในอ้อมแขนแน่นแล้วซุกหน้าลงไปกลั้นสะอื้น



มันแย่ที่สุดก็ตรงที่หมอนนี่มีกลิ่นของเร็นที่ผมจำได้ด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญที่เร็นชอบใช้ กลิ่นที่ติดตัวเร็นเสมอๆในยามที่เขาอยู่ใกล้ผม



แย่ที่สุด!! ตัวไม่อยู่แล้วยังหลงเหลือกลิ่นไว้ให้ผมนึกถึงอีก



ผมปาหมอนในมือไปอยู่คู่กันกับหมอนใบแรกที่ผมปาไปเมื่อคืนก่อนจะงอขามาแกะผ้าพันออก เท้าผมบวมมากกว่าเมื่อวาน คงเป็นเพราะไม่ได้กินยา แล้วก็กระแทกเท้าเดินเมื่อวานแน่ๆ ผมโยนผ้าพันไว้กับโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นมามองซ้ายมองขวา



เร็นจะมีผ้าพันติดห้องไว้บ้างไหมนะ ผ้าที่พันมาตั้งแต่เมื่อวานมัน เริ่มมีกลิ่นอับแล้ว พอนึกๆดูอีกทีผมก็ชักจะเหนียวตัวเหมือนกันจะอาบน้ำเลยดี ไหมนะ?



ผมลุกขึ้นเตรียมจะไปอาบน้ำและกลับมาตั้งหลักใหม่ว่าจะเอาอย่างไรดี แต่พอจะเดินผ่านแจ็คเกตที่เร็นพาดทิ้งไว้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆและคิดถึงคนเป็นเจ้าของที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนตอนนี้



บางสิ่งมันถูกใส่ไว้ในกระเป๋าแจ็คเกต ผมลูบไปแล้วก็สะดุดกับมัน



กล่องสีดำเล็กๆที่ดูเหมือนเป็นกล่องเครื่องประดับถูกคาดด้วยริบบิ้นสีเงินพร้อมการ์ดใบเล็กที่แนบอยู่ ใจของผมเต้นรัวเมื่อนึกว่ามันอาจจะเป็นของขวัญวันเกิดของผมหรือเปล่า ผมหยิบกล่องมันวางลงกับโต๊ะและนั่งลงอีกครั้ง นึกช่างใจอยู่ว่าจะแกะดูดีหรือไม่ในตอนที่เสียงกริ่งดังขึ้น



ผมหันไปมองประตูแล้วเลื่อนมองดูอินเตอร์โฟน ภาพระยะไกลมองดูยังไงก็ไม่ใช่เร็นแน่ๆ อีกอย่างมันเป็นเจ้าของห้องจะมากดกริ่งทำไมกัน



พอลุกเดินกระเผลกไปดูแล้วผมก็เห็นใบหน้าคุ้นตาแต่นึกชื่อไม่ออก แต่คนๆนี้อยู่ในกลุ่มเพื่อนของเร็นแน่ๆ



“เอ่อ..ริวซากิซังไม่อยู่ครับ” ผมกดอินเตอร์โฟนแล้วตอบเขากลับไปอย่างนั้น แต่คนที่อยู่นอกห้องส่งยิ้มใจดีมาให้แล้วชูถุงยาขึ้นมา



“พี่รู้แล้วครับ แต่เร็นฝากให้พี่เอายามาให้ซัทสึกิจังครับ” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายนั้นเข้ามา



“เป็นยังไงบ้าง?” คำถามของเขาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยแก้เก้อ



“ก็ไม่เป็นอะไรมากนี่ครับ” จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก..ก็แค่เท้าบวม ก็แค่วุ่นวายสับสนในใจก็เท่านั้น...เอง!!



“อืม...เร็นเขาเป็นห่วงมากนะ” ผมหันไปมองเขาด้วยความเร็วจนเจ็บแปลบที่คอ เห็นผมเอียงคอแล้วทำหน้าเหยเกขึ้นมา คุณพี่ตัวสูงเลยขยับเข้ามาหาผม



“เป็นอะไรหรือเปล่า?”



“ไม่ครับ” ผมบอกแล้วยกมือโบกไปมาก่อนจะนวดคอตัวเองไปด้วย อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบของออกมาจากถุง มันไม่ได้มีเพียงแต่ยาที่ผมลืมไว้ที่บ้าน ไอ้หล่อเท่านั้นแต่ยังมีอย่างอื่นอีก



“นี่อาหารเช้า แล้วก็เสบียงเผื่อมื้ออื่น เร็นมันสั่งให้พี่ซื้อมาติดไว้ให้ซัทสึกิจังเผื่อถ้าซัทสึกิจังจะอยู่ที่นี่ต่อ แล้วก็ฝากการ์ดห้องให้ซัทสึกิจังด้วย เร็นฝากบอกว่าถ้าซัทสึกิจังจะอยู่ต่อก็ได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะโผล่หน้ามาให้เห็นนะ”



ฟังแล้วรู้สึกผิดมากเลยครับ นี่มันห้องของเร็นนะแต่เขาจะไม่กลับมาถ้าผมจะอยู่...เหตุผลก็คงเป็นเพราะคำพูดของผมสินะ



“แล้วริว..เอ่อพี่เร็นอยู่ไหนหรอครับ?”



ความสุภาพของคนตรงหน้าทำให้ผมกระดากปากมากครับที่จะเรียกชื่อเร็นเหมือนเดิม เพราะดวงตาของเขาที่มองมามันส่อแววว่าจะตำหนิผมทางสายตาแน่นอนถ้าผมเรียกชื่อเพื่อนรักของเขาห้วนๆล่ะนะ



“อยู่กับโคเฮย์น่ะ”



ผมพยักหน้ารับรู้ ใจจริงอยากถามต่อว่าไอ้หล่อมันมีอาการเป็นยังไงบ้างแต่ก็ไม่กล้า ผมยังกลัวที่จะรับรู้อยู่เหมือนกัน กลัวว่าถ้าเพื่อนไอ้หล่อบอกว่าไอ้หล่อมันสบายดีเฮฮาปาจิงโกะไม่ได้เครียดอะไรแล้วผมจะรู้สึกยังไง



แต่ก็เป็นอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาหาผมที่ก้มหน้าอยู่แล้วยกมือขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม แรงบีบเบาๆที่หัวไหล่ทั้งสองทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา



“ซัทสึกิจัง...ซัทสึกิจังโกรธอะไรเร็นอย่างนั้นหรอ?”



ผมเม้มริมฝีปาก สิ่งที่ทำให้ผมโกรธเร็นมันตีรวนกันอยู่ในใจ ผมคิดว่าผมมีคำตอบแต่ผมไม่อยากตอบเลย



“เร็นมันเฮิร์ตมากนะ...”



เฮิร์ต!?...



ริวซากิ เร็นเนี้ยนะเฮิร์ต!?



ทำไมสิ่งที่ตีรวนในใจของผมมันเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนฟีบก่อนจะอัดแก๊สเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็วล่ะ ใจของผมมันทำไมถึงพองโตเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายก็เฮิร์ตเพราะการกระทำของผมล่ะ



“แล้วเขา..เป็นอะไรมากไหมครับ?” ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้ พี่ตัวสูงเขาถอนหายใจช้าๆก่อนจะคลายยิ้มมาให้ผม



“ถ้ารู้ว่าซัทสึกิจังก็เป็นห่วงแบบนี้ คงไม่เป็นไรมากหรอก”



คราวนี้ผม กัดปากด้วยความขัดใจครับก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้อีกฝ่าย



“สัญญาก่อนว่าจะไม่เอาไปบอกพี่เร็น ห้ามบอกอะไรเขาเด็ดขาดเลยนะ ผมมีเรื่องอยากถามพี่หน่อยนะครับ”
พี่ตัวสูงเขาเลิกคิ้วเล็กน้อยครับก่อนจะยกเกี่ยวก้อยกับผม



“คือผมอยากรู้เพื่อนพี่กับมาโดกะจังเคยคบกันมาก่อนอย่างนั้นหรอครับ?”



ผมจ้องตาเขาอย่างลุ้นๆอยู่ในอก เขาเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าทำให้ผมชะงักค้างไป แสดงว่ามาโดกะพูดความจริงอย่างนั้นหรอ?



“แต่คนที่คบกับมาโดกะคือยูตะนะไม่ใช่เร็น”



อะ...อ่าว!!



“ก็ซัทสึกิจังถามว่าเพื่อนพี่นี่นา...”



โธ่คุณพี่ตัวสูง อย่ามาเล่นมุขได้ไหมครับ คนกำลังเครียด



“นี่แสดงว่ามาโดกะมาพูดอะไรกับซัทสึกิจริงๆใช่ไหม?”



ผมลังเลนิดหน่อยที่จะบอกเขา แต่ก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดไปในที่สุด




คุณพี่ตัวโย่งจะเอาเรื่องไปบอกเพื่อนเขาหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจหรอกนะ แต่นาทีที่กำลังจะออกจากห้องไป คุณพี่เขาก็หันมาย้ำหนักแน่นกับผมอีกครั้งว่าเพื่อนเขากับมาโดกะไม่เคยคบกัน แต่ผมจะเชื่อเขาได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ ก็เขาเป็นเพื่อนรักของเร็นนี่!!



ผมยักไหล่ก่อนจะเดินกระเผลกไปที่ถุงข้าวของที่พี่เขาเอามาให้ แต่ก่อนที่จะหยิบอาหารกล่องออกมาทาน ผมก็ตัดสินใจแกะกล่องของขวัญกล่องเล็กนั้นเสียก่อน จะใช่ของผมหรือเปล่าผมไม่สนแล้ว ผมอยากรู้และผมก็จะแกะมันแล้ว
ปลายนิ้วของผมจับที่ริบบิ้นสีเงินและกระตุกมันออก ผมดึงการ์ดวางเอา ไว้ที่ตักก่อนจะยกกล่องสีดำนั้นขึ้นมาเปิด สิ่งที่นอนอยู่ในกล่องนั้นคือต่างหูแบบห่วงหนาประมาณครึ่งเซ็นต์ คัตติ้งแบบเฉียงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งกัดกรดเอาไว้เรียบๆ ดูดีจนผมคงนึกเสียดาย ไม่น้อยถ้าเจ้าของที่มีชื่อในการ์ดนั้นไม่ใช่ของผม
ผมวางกล่องมันลงกับโต๊ะและหยิบการ์ดบนตักขึ้นมาเปิดอย่างลุ้น



แล้วข้อความที่เขียนอยู่บนการ์ดนั้นก็ต้องทำให้ผมคลี่ยิ้ม



“Happy 19th Birthday…for you”



ต่างหูคู่นี้เป็นของผมใช่ไหมครับ....^^



ผมมองตัวอักษรที่สะท้อนกับแสงแดดยามเช้าก่อนจะเบ้ปากน้อยๆ เพราะไม่อยากยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าแล้ววางการ์ดนั้นกลับลงที่เดิม ผมกำลังจะปิดฝากล่องแล้วในตอนที่เห็นตราที่ประทับอยู่ภายในฝากล่อง
ชื่อของแบรนด์ที่เจ้าสิ่งนี้ถูกผลิตขึ้นทำให้ผมต้องครุ่นคิดน้อยๆ



เพราะมันเป็นชื่อของแบรนด์ที่ผมจำได้ว่าเป็นธุรกิจทางบ้านของเอมิ แบบนี้มีสิทธิ์ที่เอมิจะรู้เรื่องเจ้าต่างหูคู่นี้บ้างไหมนะ
ผมมองมันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอมิ ผมบอกเธอว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ เอมิเลยตกลงนัดกับผมในตอนเย็นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ถึงแม้จะช้ากว่าความร้อนใจของผมแต่ผมก็ต้องรอจนถึงเย็นถึงจะได้พบกับเธอ



ในระหว่างวันนี้ผมเลือกที่จะโดดเรียนเพราะรู้ดีว่าถึงจะเข้าเรียนไปก็ยัง ไม่มีสมองพอที่จะนั่งฟังอาจารย์พูด ผมส่งเมสเสจไปบอกไดจังแล้วจัดการปิดเครื่องไปเพราะขี้เกียจฟังไดจังบ่น



ผมกินยาก่อนอาหารไปก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำเพียง ไม่เท่าไหร่ผมก็กลับมานั่งรื้อถุงข้าวของที่พี่ตัวสูงเขาบอกว่าเร็นสั่งให้ซื้อมาให้ผม



รื้อดูแล้วผมก็ต้องคลี่ยิ้มเมื่อในถุงใหญ่ๆนั้นมีผ้าพันขาอยู่ด้วย ผมหยิบมันมาพันขาด้วยความลำบาก กว่าจะพันเสร็จก็เล่นเอาเมื่อยอยู่ไม่น้อย นี่ถ้าเร็นอยู่ด้วยมันก็คงมานั่งพันให้ ไม่ต้องให้ผมมาลำบากเองอย่างนี้แน่ๆ



ผมควรจะไปง้อเร็นดีไหมนะ?...



ตามหลักการแล้วผมควรจะไปง้อเร็นสินะ แต่ไอ้นิสัยที่มีนี่สิ ออกจะเป็นตัวขัดขวางอยู่ไม่น้อย ผมเลยใช้เวลาที่เหลือของวันด้วยการนั่งระงับจิตใจไม่ให้โทรไปง้อเร็นก่อนครั้บ ผมอยากจะถามเอมิให้แน่ใจก่อนเรื่องต่างหูคู่นี้



ผมไม่อยากเฟลด้วยการคิดไปเองแล้วจริงๆมันไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คงไม่มีหน้าจะไปมองหน้าเร็นอีกแน่ๆ



เวลาที่เหลือทั้งวัน ผมเลยต้องนอนเอกขเนกอ่านหนังสือกับอ่านบทละครไปอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ พอเวลาเหลืออีกสองชั่วโมงก่อนเวลานัดกับเอมิ ผมก็คว้าแจ็คเก็ตของไอ้หล่อมาใส่แล้วเดินกระเผลกออกจากห้องไป



อยู่ในห้องที่มีแต่กลิ่นอายของเร็นอบอวลอยู่แล้วจิตใจมันกระวนกระวายครับ สู้ออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาดีกว่า



แดดวันนี้ไม่แรงมากครับ แต่ผมก็รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกครั้ง เป็นเพราะต้องคอยหยั่งน้ำหนักลงขาข้างเดียวแล้วกระเผลกๆมาแน่ๆ กว่าจะเดินมาถึงจุด นัดหมาย ผมก็โคตรจะคิดถึงรถคันใหญ่นั่งสบายของไอ้คุณชายมันมากเลยทีเดียว



ยังเหลือเวลามากพอสมควรที่เอมิจะมาถึง ผมเลือกหาที่นั่งข้าง ริมกำแพงและเหยียดขาออกไปนิดๆไม่ให้เกะกะคนที่จะเดินผ่านตรงนี้ เงาของกำแพงทาบทับลงมาบังแสงแดดให้กับผมได้นั่งร่มๆ



ผมมองดูน้ำไหลไปตามลำคลองภายในสวนสาธารณะแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ริมแม่น้ำ เมื่อวันก่อนที่ไปกับเร็นไม่ได้
มันผ่านมาเพียงไม่กี่วันแต่ทำไมผมรู้สึกมันนานพอดู



แต่ถึงกระนั้น..ผมก็จำได้ทุกอย่างที่ทำกับเร็นในวันนั้น เหตุการณ์มันกำลังลอยวนมาย้ำเตือนให้ผมรู้สึกถึงความสุขจางๆที่หัวใจรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างดี



ถึงจุดนี้แล้ว...ผมก็ไม่อยากปฏิเสธว่า มนุษย์ผู้ชายที่ชื่อริวซากิ เร็นมันมีอิทธิพลกับผมมากแค่ไหนแล้วในตอนนี้
ผมนั่งคอยเอมิอย่างเพลินๆพลางหยิบเอากล่องต่างหูขึ้นมาจ้องดู เป็นระยะ นอกจากข้อความบนการ์ดที่เร็นเขียนไว้เหมือนทิ้งให้ผมเดาว่าเป็นของผมหรือเปล่า ยังมีตัวอักษรสามตัวที่สลักไว้ตรงด้านในของต่างหูอีก



R.L.S.



ไอ้สามตัวนี้มันคงไม่ใช่ชื่อแบรนด์ของต่างหูที่ดูว่าจะมีราคา(สูง)นี่แน่นอน



แล้วมันคืออะไรกันนะ?



ผมเอียงคอแล้วหรี่ตามองมันแล้วมองมันอีกก็ยังหาความหมายของมัน ไม่เจอ จนกระทั่งเอมิจังเดินเข้ามาหานั่นแหละครับ ผมถึงหยุดมองหาความหมายของตัวอักษรสามตัวนั้น



“ที่เรียกเอมิมาเพราะต่างหูคู่นั้นหรือเปล่าคะ?”



เอมิจังทักผมแล้วยิ้มให้ผมทั้งปากและตา คำทักของเธอทำเอาผมรู้สึกเก้อเขินอยู่ไม่น้อย แต่ก็พยักหน้ารับคำถามนั้น เพราะที่ผมนัดเธอมาก็เพราะต่างหูคู่นี้จริงๆ



“ต่างหูคู่นี้..เร็นสั่งทำใช่ไหม? เขาทำให้ใครหรอ?” เอมิเอียงคอมองผมและส่งสายตาสงสัยมาให้ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ
“พี่เร็นไม่ได้บอกพี่หรอคะว่าต่างหูคู่นี้พี่เขาทำให้ใคร?...หรือว่า..พี่สองคนยังไม่คืนดีกัน?”



“อืม...บอกพี่หน่อยสิว่าต่างหูคู่นี้เร็นทำให้ใคร”



ผมถามย้ำอีกครั้งด้วยความร้อนใจ ความอดทนที่มีมาตั้งแต่เช้ามันเริ่มมอดลงไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมอยากรู้มากจริงๆว่าต่างหูคู่นี้เป็นของผมหรือเปล่า



“งั้นพี่บอกเอมิก่อนสิคะว่าพี่ได้ต่างหูคู่นี้มาได้ยังไง พี่เร็นยังไม่ได้ให้พี่ใช่ไหม?” ผมกัดปากแล้วก้มหน้ามองกล่องต่างหูที่ประคองอยู่ในมือก่อนจะครางตอบเสียงเบาในลำคอ



“อือ..เขายังไม่ได้ให้พี่หรอก”



.
.
(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com



เอ๊ะ?



ผมเงยมองหน้าเอมิอีกครั้งและพบกับรอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆของเธอ



“อย่างที่พี่คิดน่ะแหละค่ะ”



“ต่างหูคู่นั้นพี่เร็นสั่งทำให้พี่น่ะแหละ”



คุณรู้อะไรไหม...



ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังเต้นรัวมากๆเหมือนกับตอนที่เจอต่างหูคู่นี้ตอนแรกเลยล่ะครับ



อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มั่นใจได้ว่าเจ้าต่างหูคู่นี้มันเป็นของผมอย่างหนึ่งล่ะ



เหลือแค่ปริศนาที่ว่า RLS นี่มันคืออะไรกัน



แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามออกไป เอมิก็พูดเปรยอะไรบางอย่างให้ผมใจเต้นออกมามากกว่าเดิม



“จะแอบบอกอะไรให้รู้อีกอย่างน้า...” ผมมองตาเธอ เอมิยิ้มให้ผมอย่างสดใสจนผมนึกอิจฉารอยยิ้มของเธอก่อนจะบอก



“ปกติเครื่องประดับทุกชิ้นที่พี่เร็นซื้อน่ะ เจ้าตัวเขาออกแบบและสั่งทำนะคะ..มีแค่ชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น พี่เขาไม่ชอบซื้อของที่เหมือนๆกับคนอื่นค่ะ” เอมิบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริงก่อนจะเอนมากระซิบบอกผมให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา



“แล้วก็...เครื่องประดับที่พี่เร็นออกแบบน่ะ มีแต่คนสำคัญเท่านั้น นะคะที่จะได้”



คนสำคัญอย่างนั้นหรอ?



เอมิจะบอกว่าผมเป็นคนสำคัญของริวซากิ เร็นใช่ไหม?



“ละ...ละ...แล้ว RLS นี่มันอะไรกัน?”



เหมือนลิ้นมันพันกันมากเลยครับ ผมถามออกไปแล้วก็กัดริมฝีปากด้านในอย่างเขินๆกับรอยยิ้มล้อเลียนของเอมิ
“อันนี้พี่เร็นย้ำกับเอมิอยู่หลายครั้งด้วยสิคะว่าห้ามพูดกับพี่”



ได้ยินคำตอบของเธอแล้วผมก็ต้องมุ่ยหน้าด้วยความขัดใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เอมิก็ดึงแขนผมให้เหยียดออกและถลกแขนเสื้อของผมขึ้น เธอเอาปากกามาเขียนเป็นประโยคสั้นๆให้ผมต้องหน้าร้อนผ่าวแบบขั้นสุด



จนเธอเขียนตัวอักษรตัวสุดท้ายเสร็จแล้วเงยหน้ามายิ้มให้ผม ผมก็เกิดอาการพูดไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงเอามากๆเลย



“จริงๆพี่เร็นจะให้สลักคำนี้แหละค่ะ แต่ช่างเขาไม่สามารถจริงๆเพราะมันยาวไป เอมิเลยเสนอบอกให้พี่เขาย่อแค่ตัวอักษรต้นก็พอ”



ผมฟังเธอพูดแล้วก็ขยับแขนมามองอ่านตัวอักษรที่เอมิเขียนไว้ บนแขนผมชัดๆอีกครั้ง ตอนนี้ริมฝีปากของผมหุบยิ้มไม่ได้เลยครับแต่ต้องทำแกล้งเก็กด้วยการดึงแขนเสื้อลงมาปิดไว้แล้วทำหน้าขรึม เอมิยังคงส่งรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนไม่เลิกมาให้



“ว่าแต่..พี่ชายของเอมิเขาสั่งทำเมื่อไหร่หรอ?”



ถ้าเอาตามจริง ริวซากิ เร็นก็เพิ่งรู้จักผมไม่กี่วันเองนะ ต่างหูพวกนี้ใช้เวลาออกแบบและสั่งทำไม่นานก็ได้อย่างนั้นหรอ? หรือเป็นเพราะอำนาจเงินบันดาลได้ทุกอย่างกัน ถ้าเป็นอย่างผมไปสั่งทำอย่างน้อยก็คงเป็นเดือนแหละกว่าจะได้



“งึม...อันนี้บอกไม่ได้ค่ะ” ผมเงยหน้ามองเอมิจังทันที รอยยิ้มของผมจางหายไปแทนที่ด้วยความสงสัย ทำไมกับอิแค่ระยะเวลาถึงบอกกันไม่ได้ล่ะ



“ลองไปถามพี่เร็นเอาเองก็แล้วกันนะคะ นั่นไง มานู่นแล้ว” ผมหันไปตามที่เอมิจังพยักเพยิดและเห็นไอ้หล่อมันเดินมาทางผม



นี่มันรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่!? หรือแค่บังเอิญผ่านมา



“อย่างนั้นเอมิไปก่อนนะคะ”



ผมหันไปหาเพื่อนสนิทของน้องรหัสอีกครั้ง เอมิโบกมือให้ผมอย่างร่าเริงก่อนจะชิ่งไปเมื่อญาติผู้พี่ของเธอเดิน มาประชิดตัวของผม



แรงดึงเบาๆที่กล่องในมือที่ผมถืออยู่ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ไอ้คนหล่อที่มันทำหน้านิ่งๆใส่ผม เห็นมันทำหน้านิ่งผมก็เลยทำหน้านิ่งใส่มันไปบ้างและยอมปล่อยกล่องที่เจ้าของยังไม่ได้มอบให้ผมเอากลับคืนไป
สารภาพก็ได้ว่าหัวใจผมกำลังเต้นอีกรอบ



อยากรู้เหมือนกันว่าริวซากิ เร็นจะทำยังไงต่อไป



มันลุ้นเสียยิ่งกว่าตอนรอฟังว่าจะได้รับเลือกให้เล่นบทอะไรในละครเวทีขณะอีกครับ หัวใจที่เต้นแรงของผมตอนนี้เหมือนมันกำลังจะหยุดเต้นไปเสียแล้ว ผมจ้องหน้าเร็น แต่มันไม่ยอมมองหน้าผม เอาแต่มองกล่องของขวัญกล่องเล็กในมืออยู่นั่นแหละ



รู้ซะบ้างสิว่าคนเขาใจร้อน!!



“นั่นน่ะ...ตกลงจะให้ไหม!?”



ผมแกล้งกระชากเสียงถามแล้วยกมือขึ้นกอดอกเชิดหน้าหยิ่งไว้...รอให้ ไอ้คุณชายมาง้อ



เชื่อสิ..เดี๋ยวเร็นมันต้องมาพูดเสียงทุ้มๆข้างหูให้ผมหายโกรธ



หรือไม่ก็แกล้งหยอกอะไรผมอีกแน่ๆ



แต่...ไม่แหะ..



ผ่านไปเกือบนาทีแล้วมันก็แค่มองหน้าผมแล้วก็ก้มมองกล่องต่างหูในมือนิ่งอยู่อย่างนั้น



“ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม!! ต่างหูคู่นั้นสั่งทำมาให้ฉันไม่ใช่หรือไงกัน!?”



ผมกระแทกเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจ เร็นมันเหลือบตามองผม ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี อากัปกริยามันดูเหมือนจะลังเลไม่น้อยที่จะให้ต่างหูคู่นั้นกับผมและดูเหมือนว่ามันจะตัดสินใจที่จะไม่ให้ต่างหูคู่นั้นกับผมแล้วด้วย



ผมรู้สึกบีบรัดกับประโยคที่เอมิเขียนไว้บนแขน แถมขอบตายังมาร้อนผ่าวๆให้น่ากลัวว่าน้ำตามันจะทิ้งไหลลงมาตามประสาอารมณ์ที่มันไม่ได้ดั่งใจ ผมเลยเบี่ยงหน้าหนีไอ้หล่อมันบ้างแล้วยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาออก ผมขยี้ตาแรงๆก่อนถูกมือของเร็นมันดึงรั้งเอาไว้ นาทีที่ผมหันมองหน้ามัน มือข้างนั้นก็ประคองแก้มผมไว้และเลื่อนไปที่ใบหูของผม



ชั่วพริบตาที่เราจ้องตากัน ต่างหูคู่ที่ถูกใจผมตั้งแต่แรกเห็นก็ถูกล็อกลงกับติ่งหูของผม ผมรู้สึกเหมือนเวลามันหยุดชั่วขณะที่เราสบตากัน เร็นมองตาผม แต่มือเลื่อนไปใส่ต่างหูให้ผมอีกข้าง ผมเม้มริมฝีปากอย่างเขินๆ สิ่งที่เก็กไว้เมื่อครู่มันมลายหายไปหมดแล้ว ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยและสำนึกได้ว่าควรขอโทษและขอบคุณคนตรงหน้าผม



“เมื่อวาน...ขอโทษนะ แล้วก็...”



ผมเงยหน้ามองมันอีกครั้ง เร็นมันไม่ได้ทำหน้านิ่งแล้ว พอได้ยินคำขอโทษจากผมมันก็ยิ้มจางๆมาให้ แววตาของมันอ่อนลงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา ผมเขย่งขาเล็กน้อยทิ้งน้ำหนักลงขาข้างที่ไม่เจ็บ กระซิบแผ่วเบาให้เร็นได้ยิน



“ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิด”



ผมจบคำพูดขอบคุณด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากของไอ้หล่อก่อนจะเสียสมดุลเมื่อเร็นมันรั้งเอวผมไว้แล้วเบียดริมฝีปากลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม



เราสองคนจูบกันข้างริมคลองนั่นอย่างลืมตัวว่ามันเป็นที่สาธารณะ แต่ โชคยังดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาช่วงนั้นให้ขายหน้า ผมเลยยอมให้เร็นมันจูบอยู่เกือบสองนาทีก่อนที่มันจะปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระ



ผมหอบเอาลมหายใจเข้าปอดก่อนจะมองตาเร็นอีกหน แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งอกในที่สุดเมื่อเห็นแววตาของเร็นมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม



พอเห็นผมหัวเราะ ไอ้คุณชายมันก็ได้ทีหัวเราะบ้าง แขนของมันยังไม่ปล่อยจากการกอดผมเอาไว้แต่ผมก็ยังไม่ได้คิดที่จะท้วงมันให้ปล่อยผมเหมือนกัน



ความรู้สึกเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดมันถูกโยนทิ้งไปราวกับว่าเราไม่ได้ ทะเลาะอะไรกันมาก่อนเลยสักนิด
ผมรู้สึกว่าตัวเองมันงี่เง่าไม่น้อยที่คิดมากไปเช่นนั้น



กับคำพูดไม่กี่คำของมาโดกะ..หรือจะสู้ทุกการกระทำของเร็น



ผมยกมือขึ้นมาจับต่างหูข้างซ้ายที่ยังคงมีไออุ่นจากมือของเร็นอยู่แล้วกระตุกชายเสื้อของเร็น



“เดินเล่นกัน” เร็นมันแค่เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าและตั้งท่าจะจูงผมเดินไปตามริมลำคลองที่เริ่มเปิดแสงไฟสวยงามเมื่อความมืดเริ่ม โรยตัวไปรอบๆบริเวณ แต่ผมรั้งมันเอาไว้ก่อน



“ขี่หลังได้ไหม?”



สาบานเหอะว่าขนลุกตัวเองเหมือนกันตอนพูดอ้อน ไอ้คุณชายมันออกไป



เร็นไม่ได้ตอบมาครับว่าได้หรือไม่ได้ ดูเหมือนว่าวันนี้ไอ้คุณชายมันจะลืมปากมาหรือยังไงกันนะ พี่ท่านไม่พูดอะไรครับนอกจากจะหันหลังย่อตัวลงและแบกผมให้ขี่หลังแต่โดยดี



ผมที่ได้รับการเอาใจด้วยการตามใจเลยได้แต่อมยิ้มและใช้สองแขนโอบกอดรอบคอเร็นเอาไว้และเกยคางลงกับไหล่กว้าง เร็นแบกผมเดินไปได้สักพักก่อนที่ผมจะนึกอะไรขึ้นได้



“นี่..นายเจาะหูหรือเปล่า?”



ผมยกมือขึ้นมาเกลี่ยใบหูของคนที่แบกผมอยู่และพยายามเพ่งมองดูตรงติ่งหูของไอ้คุณชายมันแต่แสงไฟมันไม่อำนวยให้ผมเลยสักนิด



“เจาะ..ทำไมหรอ?”



เร็นบอกและหันหน้ามามองผม ผมอมยิ้มก่อนจะยืดตัวจากการซบหลังของไอ้คุณชายมันก่อนจะพูดตอบไป



“นึกว่าถ้าไม่ได้เจาะก็จะบอกให้ไปเจาะซะ..เพราะว่า..”



แทนคำตอบ ผมปลดต่างหูออกจากติ่งหูของผมแล้วใส่ให้ที่ติ่งหูข้างซ้ายของเขาแล้วใช้แขนทั้งสองข้างกอดคอเร็นเอาไว้อีกครั้ง



ผลของการเสียสละต่างหูข้างหนึ่งให้..



เร็นหันมาหอมแก้มผมเบาๆให้ผมได้รู้สึกว่าประโยคที่เอมิเขียน ไว้บนท่อนแขนของผมนั้นมันเป็นความจริงแน่นอนมากกว่าคำพูดของมาโดกะ



“Ren Love Satsuki”



ผมยิ้มจางๆกับสัมผัสละมุนที่แก้มก่อนจะกระชับสองแขนที่โอบกอดรอบคอของเร็นให้แน่นขึ้นแล้วกระซิบบอกบางสิ่งที่ผมเริ่มยอมรับกับตัวเองให้ไอ้หล่อฟัง



“นี่...ฉันคิดว่า...ฉันเริ่มจะชอบนายแล้วล่ะเร็น”



พอผมพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว สองขาของคนที่แบกผมอยู่มันก็หยุดเดินทันทีเลยครับแล้วหันมามองหน้าผมเหมือนกับมันไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด ผมเลยทำแก้มพองใส่มันก่อนจะเชิดหน้าใส่



“แค่เริ่มชอบเท่านั้นนะ!! ห้ามหลงตัวเองคิดว่าฉันรักนายแล้วเด็ดขาด!!”



เร็นหัวเราะกับคำกำชับของผม มันกระชับมือที่แบกผมก่อนจะก้าวเดินต่อ ได้ยินเสียงหัวเราะของเร็นแล้ว ผมก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ก่อนจะทิ้งตัวเอาคางเกยไหล่ของเร็นตามเดิม



“ดีใจล่ะสิ..รู้นะ”



ผมเอานิ้วจิ้มแก้มไอ้หล่อแล้วถามอย่างรู้ทัน เพราะเสี้ยวหน้าคมที่ผมเห็นมันเปล่งประกายระยิบระยับชอบกล



“พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกรอบไม่รู้นะ”



ฟังแล้วผมเลยต้องสงบเสงี่ยมให้มันแบกกลับคอนโดแต่โดยดีครับ พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกหนท่าจะแย่เพราะตอนนี้เรากำลังเดินผ่านตรงจุดที่คนอยู่กันเยอะแยะเลยครับ



ตอนนี้ผมเลยทำได้แต่เม้มปากกลั้นยิ้มและปล่อยให้เร็นมันแบกผมกลับไป



พร้อมกับความรู้สึกที่ดีขึ้นมาก



หวังว่า..จากนี้ไป ริวซากิ เร็นจะไม่ทำให้ผมผิดหวังที่ยอมให้ตัวเองชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ!!



-จบภาคบันทึกของซัทสึกิ โปรดติดตามต่อในบันทึกของเร็นค่ะ-
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     กว่าจะดีกันได้ ลุ้นจนเหนื่อยเลยนะเนี่ย
     ซัทจังนี่ก็ขี้หึงและขี้วีนได้ที่ทีเดียว
     แล้วเร็นมาแอบหลงรักเด็กขี้หึงตั้งแต่เมื่อไหร่นะ




ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ในที่สุดความพยายามของริวซากิเร็น ก็เ็ป็นผล

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
อยากมีแฟนน่ารักแบบนี้จังเลย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
แล้วตกลงเร็นสั่งทำต่างหูนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ยังไม่ไขข้อข้องใจเรยอ่าา

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หุหุ ซัทจังปากแข็งอะ อิอิ ในที่สุดก้อดีกันแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2013 22:09:32 โดย takara »

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 1

 วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตะวันยังไม่ตื่นขึ้นมาทำงาน อันที่จริงต้องพูดว่าผมยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนมากกว่าเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้เข้าไปมีตัวตนในสายตาของน้องหลังจากที่รอคอยมาเกือบหลายเดือน

ผมลุกขึ้นแล้วไปล้างหน้าล้างตา มองดูความหล่อของตัวเองอย่างภาคภูมิใจในหน้าตาที่คุณมี๊กับคุณป๋าบรรจงสร้างมาให้

วันนี้ออกจะดูหล่อเถื่อนกว่าทุกวันเพราะผมยังไม่ได้นอน ขอบตามันเริ่มดูคล้ำไปนิดแต่พอหันไปเจอสภาพเพิ่งตื่นนอนของยูตะกับโคเฮย์ที่นั่งดวลเกมส์กัน มาทั้งคืนแล้ว ผมก็ยังเป็นมนุษย์มนามากกว่าพวกมันอยู่หลายขุม

“สรุปนี่มึงกะย้ายไปตั้งรกรากอยู่กับซัทสึกิจังเลยหรือไงวะ?” ไอ้ยูมันยืนเกาพุงมองดูกระเป๋าของผมที่กองวางไว้รวมๆกันพลางหาวหวอดๆจนน่าถีบ

“กูว่าพาน้องเขามาอยู่กับมึงที่นี่ยังจะง่ายกว่า ริวซากิซามะผู้เพียบพร้อมจะไปอยู่ได้ไงกับหอพักโทรมๆแบบนั้นกัน”

เห็นแก่ว่าวันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดีหรอกนะ ผมถึงปล่อยให้ไอ้ยูกับไอ้จุนไล่งับน่องผมได้น่ะ ผมยักไหล่เบาๆแล้วก็บอกไปตามแผนที่ผมวางไว้

“เรื่องที่จะพาน้องมาอยู่ที่นี่น่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว แล้วพวกมึงทุกตัวเลย เอาการ์ดห้องกูมาวางคืนไว้ตรงนี้ซะดีๆ”

ผมชี้ลงกับโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ไอ้พวกนั้นมองหน้าผมแบบสงสัยจะมีก็แต่ ไอ้เฮย์ที่ส่ายหน้าไปมาเบาๆคล้ายอาการของคนรู้ทันผม ตลอดล่ะไอ้นี่ รู้ทันตลอดโดยที่ผมไม่ต้องพูด ไม่เหมือนไอ้ยูกับไอ้จุนที่ค่อนข้างซื่อบื้อต้องให้ย้ำด้วยส้นตีน อีกครั้งมันถึงยอมควักการ์ดสำรองห้องผมมาวางไว้

“อ่อ นี่กะไม่ให้พวกกูมาเป็นก้างขวางคอของมึงกับน้องใช่ไหม?”

ไอ้จุนมันนึกออกในนาทีที่ช้าไปครับ ผมรวบเอาการ์ดของพวกมันเก็บลงกระเป๋าตัวเองแล้วยักคิ้วใส่มัน ให้มันทำท่ากระฟัดกระเฟียดไปผมก็ไม่มีทางเอาการ์ดคืนให้พวกมันหรอก

“แน่นอน แล้วอย่างพวกมึงน่ะไม่ใช่แค่ก้างขวางคอหรอกแต่เป็นกระดูก ชิ้นโตเลยทีเดียว และถ้ากูพาน้องมา พวกมึงอย่าหวังว่าจะได้มาขวางความสุข ของกูกับน้องเด็ดขาด” ผมยกนิ้วปาดคอขู่พวกมันอีกหน ไอ้จุนกับไอ้ยูมันพร้อมใจกัน เบ้ปากใส่ผมครับ

“รอให้หิมะตกที่ซาฮาร่าก่อนเถอะมึง ครึ่งปีมาแล้วมึงยังเอาตัวเข้าไปรู้จักน้องเขาไม่ได้ กูว่าอีกครึ่งปีต่อจากนี้ไปมึงก็ไม่ได้แอ้มซัทสึกิจังหรอกว่ะ แค่ขาอ่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะได้มีโอกาสเห็นหรือเปล่า” ผมยกนิ้วกลางแทนใจให้ไอ้จุนแทนคำขอบคุณที่มันปากมากอวยพรให้ผมซะดิบดีก่อนออกรบ

“งั้นมึงคอยดู ภายในวันนี้กูจะออกเดทครั้งแรกกับน้องให้พวกมึงดู แล้วก็ จะทำให้น้องเป็นของกูให้ได้ภายในสามวันด้วย!” ผมประกาศออกไปด้วยความ มาดมั่นและมั่นใจหลังจากเตรียมพร้อมมาถึงครึ่งปีด้วยกัน

“เออ! พวกกูจะคอยดู”

มันตอบกลับมาพร้อมกันครับ แต่สายตาแม่งไม่เชื่อ เอาเถอะ พูดไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ผมใช้เวลาเถียงกับพวกมันนี่รีบไปหาน้องดีกว่า

หอพักที่น้องอยู่ห่างออกไปจากมหาลัยไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ผมขับรถไปอย่างคุ้นเคยเพราะแอบไปเฝ้ามองน้องอยู่เป็นประจำ

พอแล่นรถเข้าไปจอดในบริเวณของหอพักที่น้องอยู่และผมก็จะมาใช้ ชีวิตอยู่กับน้องที่นี่แล้วผมก็ก้าวเดินลงจากรถอย่างสง่างาม ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆและไม่ต้องถูกองครักษ์พิทักษ์น้องตามไล่เหมือนกับทุกทีด้วย

ทากาโมโต้ มิซึรุที่เป็นคนดูแลหอเดินมาเปิดประตูให้ผมและยืนมองผม ขนข้าวของลงจากรถมาวางไว้ข้างล่างอย่างไม่คิดจะช่วยเท่าไหร่

หมอนี่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยไปถึงกองข้าวของๆผมแล้วก็เหยียดยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน

“ฉันคิดผิดหรือเปล่านะที่ยอมให้นายมาอยู่กับซัทจังมัน”

ผมยักไหล่กับคำพูดของเขาแล้วเอามือล้วงกระเป๋า จ้องตามิซึรุกลับไปด้วยสายตาที่คุณป๋าสอนว่าต้องทำแววตายังไงถึงจะเป็นผู้ชนะได้ทุกครั้ง

“ถึงตอนนี้แล้ว นายก็เปลี่ยนคำพูดไม่ได้หรอก ฉันรักษาสัญญาของฉัน มาตลอด พวกนายเองก็ต้องรักษาสัญญาที่จะช่วยให้ฉันได้รักกับน้องเหมือนกันนั่นแหละ” มิซึรุส่ายหัวเบาๆก่อนจะยักไหล่อีกหน เขาบอกว่าจะไปตามน้องลงมา ให้ผมคอยอยู่ที่นี่ พอเขาหันหลังกลับเข้าบ้านไป หน่วยองครักษ์พิทักษ์น้องอีกสองคนก็เดินออกมาจากบ้านพอดี

“อื้อหือ มาแต่เช้าเลยแหะ”

“ว่าแล้วเชียว นี่นึกว่าจะรีบมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนซะอีก” เจอเวรกรรมให้โดนแทะน่องระลอกสองครับหลังจากเสียน่องให้ไอ้ยูกับไอ้จุนแดกกันไปล่วงหน้าแล้ว

มนุษย์สองคนที่กล้าแทะน่องผมโดยที่ผมได้แต่เหยียดยิ้มไม่โต้ตอบนี้ คือองครักษ์พิทักษ์น้องที่เป็นด่านปราการหนาแน่นที่สุดครับ

พวกเขาคือเคนอิจิกับไดสุเกะคุง เพื่อนสนิทเพื่อนซี้เพื่อนตายของน้องที่เป็นตัวขวางไม่ให้ผมเข้าไปในชีวิตน้องมาครึ่งปีเต็ม เป็นคู่หูที่แม้จะไม่กวนประสาทมากเท่ากับไอ้ยูไอ้จุน แต่ก็ทำให้ผมประสาทเสียได้มากพอสมควร

“แล้วซัทสึกิล่ะ? ยังไม่ตื่นหรอ?”

ผมถามกลับไปอย่างสุภาพตามประสา(ว่าที่)เพื่อนเขยที่ดี

“ยังไม่ตื่นแต่เดี๋ยวก็คงตื่น พี่มิซึรุขึ้นไปปลุกแล้วนี่ ผมไปเรียนก่อนล่ะ รุ่นพี่ ก็หุบๆยิ้มหน่อยนะ ปากจะกว้างถึงหูแล้วรู้ไหม”

ไดสุเกะคุงเอ่ยแซวแล้วฉีกยิ้มใส่ก่อนจะโบกมือบ้ายบายทิ้งให้ผมอยู่กับเพื่อนตัวขาวของเขาตามลำพัง

“หวังว่าพี่คงไม่กดเพื่อนผมตั้งแต่คืนแรกหรอกนะ” เคนอิจิพูดขึ้นลอยๆครับ ผมละสายตาจากกระจกรถที่หันไปมองว่าปากผมกว้างจริงตามที่ไดสุเกะคุงพูดหรือเปล่าหันกลับมามองไอ้เด็กปากดีแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“ถ้าซัทสึกิสมยอมก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ขืนใจเพื่อนนายหรอก” ผมผิวปากเบาๆกับอาการเบ้ปากของเคนอิจิ

ใจมันเริ่มเต้นอีกแล้วครับเมื่อได้ยินเสียงน้องลอดผ่านประตูมา เหมือนเขากำลังงอแงอยู่กับมิซึรุครับ แต่เพราะประตูยังไม่เปิดผมเลยจับใจความไม่ได้ว่าเขากำลังงอแงอะไรอยู่

พอประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับร่างของน้องที่เดินตามแรงจูงของมิซึรุมาในลักษณะเหมือนยังไม่ตื่นสักเท่าไหร่แถมยังทำปากเป็ดได้น่ารักเท่าโลกอีก ผมก็แทบเซไปพิงกับรถอย่างหมดแรงเพราะถูกความน่ารักของน้องทำร้ายกันตั้งแต่ยกเริ่มต้นเลยทีเดียว

เป็นบุญตาของริวซากิ เร็นมากครับวันนี้

น้องใส่เสื้อกล้ามที่เป็นสี(เกือบ)ขาวกับกางเกงผ้าขาสั้นลายนีโม่อวดเรียวขาโชว์ผมให้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ลบคำสบประมาทที่ไอ้จุนมันว่าไว้ว่าผมคงจะไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนของน้องแน่ๆ

ผมขยับเอาตัวบังองศาที่ไอ้พวกเพื่อนตัวร้ายของผมจะมองเห็นน้องจาก มุมนอกรั้วครัว ผมหวงไม่อยากให้พวกมันได้เห็น โดยเฉพาะไอ้ยูกับไอ้จุนนี่ให้เห็นไม่ได้เด็ดขาดครับ อ่อนี่ผมไม่ได้บอกใช่ไหมว่าไอ้พวกนั้นมันขับรถตามมาซุ่มดู มันบอกว่ายังไงมันก็อยากเห็นน้องสาดเกลือไล่ใส่ผมเหมือนกับที่พวกมันเคยโดนครับ

ผมยืนใจเต้นเก๊กหน้าหล่อรอเวลาที่น้องเงยหน้าขึ้นมามองระหว่างที่มิซึรุพูดขึ้นครับ รอนาทีที่น้องจะได้รู้จักกับผมครับ

“นี่ริวซากิ เร็นจะมาเป็นรูมเมทของนายนะซัทจัง”

สายตาของน้องดูงงๆครับ เขาหันมองหน้ามิซึรุที่พูดอีกรอบแล้วก็หันมา มองหน้าผม แล้วหันไปมองรถของผม ข้าวของที่วางกองเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองหน้าเคนอิจิแล้วกลับมามองหน้าผมอีกที

“ทำไมต้องห้องผมด้วยล่ะ?”

ใจแป่วไปสามส่วนสี่แล้วครับพอน้องหันไปถามกับมิซึรุ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยินดีเลยที่จะได้อยู่กับรูมเมทสุดหล่ออย่างผมคนนี้

“ก็มึงอยู่คนเดียว หรือมึงจะให้มาอยู่ห้องพวกกู ห้องพวกกูนอนอัดกันไปสามคนแล้วนะ”

เคนอิจิสวนกลับแทนมิซึรุครับ ผมยืนมองน้องอ้าปากแล้วก็หุบปากซ้ำอยู่สองสามรอบ เหมือนจะเถียงแต่นึกหาคำเถียงไม่ออก มันน่ารักมากครับ ผมมอง เขาอย่างเพ้อๆจนต้องรีบปรับสายตาเมื่อเคนอิจิมันหันมายักคิ้วใส่ผม

“เตียงห้องผมสามฟุตครึ่งเองนะ..”

ผมจะละลายกับคำโอดครวญของน้องเขาแล้วครับ ทำหน้าเหมือนถูก รังแกด้วยอีกต่างหาก มันน่าดึงเข้ามากอดแล้วจูบเบาๆปลอบเอาเสียจริง แต่ถ้าทำอย่างนั้น ผมคงมีชะตากรรมที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิตเหมือนกับไอ้ยูไอ้จุนแน่ๆ อย่าเพิ่งเสี่ยงเลยดีกว่า

“ก็ไปซื้อใหม่ก็ได้นิไอ้โง่ รุ่นพี่ริวซากิเขามีเงินไม่เหมือนเด็กยาจกอย่าง นายหรอก” เคนอิจิว่าขึ้นมาครับ เหมือนจะช่วยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้แย่ลงไปอีก หรือเปล่า ผมพอจะรู้ฐานะของน้องครับว่าเป็นอย่างไร ฐานะของน้องถึงจะสู้ผมไม่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นยาจกซะหน่อย เคนอิจิพูดเกินไปนะ ถ้าน้องหมั่นไส้ผมขึ้นมาจะ ทำไงกัน

“มีเงินแล้วจะมาอยู่หอพักพวกเราทำไมวะ”

ผมว่าแล้วเชียวครับว่าน้องต้องถามกลับมาอย่างนี้ ก็ดูสิหอพักนี่มันโทรมมากๆจนผมอยากยกไปตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณสถานแห่งชาติแล้วสร้างหอพัก ใหม่ไฮโซมาแทนที่ให้มันสมกับราคาที่ดินแถวนี้หน่อย

แต่ประเด็นไม่ใช่ตรงนี้ครับ มันติดอยู่ที่นัยน์ตากลมโตสดใสของน้องที่ มองมาที่รถของผมกับกระเป๋าของผมแล้วหันมามองหน้าผมอีกทีก่อนจะเบ้ปากใส่ เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้แต่ดูแล้วนิสัยร้ายกาจไม่เบานะเด็กคนนี้

“ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตบ้านๆดูบ้าง”

ผมจำใจสร้างคำตอบใหม่ไปให้น้องครับ ถ้าบอกซัทสึกิว่าผมอยากมาอยู่ที่นี่เพราะอยากอยู่กับเขา อยากเข้าใกล้เขา ผมเชื่อเลยว่าผมคงไม่โดนไล่สาดเกลือเหมือนไอ้ยูกับไอ้จุนหรอกแต่คงเป็นน้ำมันเดือดๆแน่

น้องเหมือนตั้งท่าจะเถียงอีกครับแต่ได้มิซึรุช่วยตัดบทให้ คนดูแลหอตบ ไหล่น้องจนน้องเซก่อนจะเดินไปจากบ้านเฉยเลย ผมแอบคาดโทษที่เขามือหนักกับน้องไว้ในใจ(ไว้ชำระวันหลัง)

“ซัทจัง! นายช่วยริวซากิขนของขึ้นไปบนห้องด้วยก็แล้วกัน”

ผมขยับไปจะห้ามครับเพราะของมันเยอะแล้วก็หนักด้วย ผมกะจะยกขึ้น ไปเองเพราะไม่อยากให้น้องเหนื่อย

แต่หางตาผมเห็นเสียก่อนว่าไอ้พวกตัวร้ายมัน ลงจากรถมาแล้ว ยังไงผมก็ต้องหาทางให้เขาไปจากตรงนี้ก่อน

“ยัดหมดนี่เข้าห้องก็ไม่ต้องซื้อเตียงใหม่กัน”

น้องบ่นครับ ผมก็เห็นใจเขาอยู่ แต่ด้วยความสิ้นคิด ผมล้วงกระเป๋าตังค์ควักแบงค์ออกมายื่นให้เขา

“เอาไปแล้วจัดการขนของขึ้นไปให้ด้วย เสร็จแล้วรีบลงมาล่ะจะได้ไปซื้อเตียง” ผมเอาตังค์ให้เขาไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ครับ แต่เห็นหน้าน้องแล้วผมรู้สึกเหมือน ผมคิดผิด

“คิดว่าเอาเงินฟาดหัวแล้วฉันจะยอมทำให้นายหรือไง?”

“ใช่” รีบๆรับไปสิคนดี ไอ้ยูกับไอ้จุนมันเดินมาจะถึงรั้วอยู่แล้วยัง

“จะเอาไม่เอา”

“เอา!”

น้องคว้าตังค์ในมือของผมหมับแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองทันทีก่อนที่เคนอิจิจะมาคว้าไป แถมยังไปกระทุ้งศอกใส่ท้องเคนอิจิแล้วพยักพเยิดไปที่กองข้าวของ

“ช่วยกูหน่อย”

“เรื่องดิ เงินก็กูก็ไม่ได้ ทำไมกูต้องช่วย? โอเคๆ ช่วยก็ได้ เอะอะใช้กำลัง กับคนน่ารักอย่างกูตลอด”

น้องน่ารักดีครับเวลาเขาทำตัวห้าวใส่เพื่อน น้องเงื้อหมัดไปหาเคนอิจิแบบห้าวสุดๆ แต่น่ารักมากๆในสายตาของผม ผมอมยิ้มในใจกับความน่ารักของเขาก่อนจะมองเขาแบกกระเป๋าของผมเข้าบ้านไป

ความหนักของกระเป๋าทำให้น้องตัวเอียงเลยครับ ดูท่าเขาแบกกระเป๋า จนตัวเอียงไปบ่นงุบงิบไปแล้วมันน่ารักมากๆเลยครับ รู้สึกว่าผมจะใช้คำว่าน่ารัก มากเยอะไปหน่อย แต่หาคำจำกัดความอื่นให้น้องนอกจากคำนี้ไม่ได้แล้วครับ

คล้อยหลังน้องกับเคนอิจิที่เข้าบ้านไปแล้ว ผมก็หันหลังขวับแล้วปรี่เดิน ไปหาไอ้ยูกับไอ้จุนที่มันสะเออะลงมาจากรถครับ

“เอาหัวพวกมึงไสออกไปจากอาณาเขตสายตาของน้องกูเลยนะ”

ผมมองมันดุๆ แต่ไอ้สองตัวนี่ยังยิ้มระรื่นอยู่

“แหมมึง กูก็อยากเห็นน้องมึงระยะประชิดบ้างไรบ้าง กูเห็นนะว่าน้องมึงใส่ขาสั้นวันนี้” นี่ขนาดผมเอาตัวบังๆไว้แม่งยังสายตาดีมองเห็นกันอีกนะ ผมส่ายหน้ารำคาญใจพวกมันก่อนจะปัดมือไล่

“รีบไปให้พ้นก่อนซัทสึกิจะลงมาเลยเชียว”

ผมขึงตาดุพวกมันอีกหนครับ แต่ถ้ามันเชื่อ ผมก็คงไม่ต้องเอาตัวเองเข้า ไปล็อกคอพอมันแล้วลากกลับมาหาโคเฮย์ที่รถหรอก

“เอาสองตัวนี้ไปเก็บทีดิ๊”

ผมบอกกับไอ้เฮย์ครับ ไอ้นี่ก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วล็อกคอไอ้สองตัวนี่ไว้ ปล่อย ให้มันกระฟัดกระเฟียดที่ไม่ได้มาส่องขาอ่อนน้องอย่างที่มันต้องการแล้วผมก็เดินกลับมาที่หอพัก

น้องขนของขึ้นไปหมดแล้วครับ ผมเลยเดินตามขึ้นไปและก้าวเข้าไปใน ห้องทางซ้ายซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ที่รู้ดีว่าเป็นห้องของน้อง

ห้องของน้องไม่มีอะไรตกแต่งมากครับ เป็นห้องเรียบๆแต่จัดไว้เป็น ระเบียบและสะอาดดี เจ้าตัวเขากำลังนั่งอยู่ตรงปลายเตียงครับ พอเคนอิจิเห็นผม เข้ามาก็เดินหลีกออกจากห้องไปให้อย่างรู้มารยาท ผมกวาดสายตามองดูข้าวของ ที่วางไว้เต็มพื้นก่อนจะเดินไปดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น จูงเขากลับลงไปข้างล่างโดยไม่พูดอะไรแล้วก็ดันตัวเขาเข้าไปนั่งในรถ

ผมถอยรถออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่พอถอยรถออกมาหน้าบ้าน แล้ว ผมก็เห็นรถของไอ้จุนที่ไอ้ยูมันไปนั่งที่ประจำคนขับแถมยังแสยะยิ้มส่องผ่าน มาให้ผมทางกระจกหลังอีก

ผมเหยียบคันเร่งแล้วบึ่งรถออกไปทันทีจนน้องเกือบหัวคะมำ ดีที่เด็กดี เขารัดเข็มขัดนิรภัยไว้ แต่ไอ้ยูก็เหมือนจะรู้ทันครับเพราะมันก็เหยียบคันเร่งตามผมมาติดๆ

“เดี๋ยว! นี่เรากำลังจะไปไหนกัน?” น้องร้องถามผมขึ้นมาในที่สุดครับหลังจากเราเลี้ยวเข้ามาในถนนใหญ่แล้ว

“ไปหาไรกิน หิว! แล้วก็ไปซื้อเตียงด้วย”

ผมบอกเขาไปอย่างนั้นแต่กระตุกยิ้มกับตัวเอง

เรากำลังจะไปเดทกันต่างหากล่ะซัทสึกิ...

คอยดูไว้นะไอ้ยู ไอ้จุน กูจะทำให้พวกมึงสำลักความหวานของกูกับน้อง จนต้องลงไปดิ้นกับพื้นเลยคอยดู!

มื้อแรกของวันแรกที่เราได้รู้จักกัน หรืออันที่จริงต้องบอกว่าน้องได้รู้จัก ผมเพราะจริงๆแล้วผมรู้จักเขามานานแล้ว เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมกับเพื่อนๆชอบมากินกันครับ

ร้านนี้รสชาติใช้ได้แถมบรรยากาศยังดีเลิศ เรามากันตอนเกือบสิบเอ็ดโมงแบบนี้ร้านเพิ่งเปิด คนยังไม่เยอะครับ เป็นความสงบที่ผมค่อนข้างชอบแต่ดูเหมือนน้องจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่ผมพาเขามาร้านนี้

“นายจะกินที่นี่เนี้ยนะ?”

น้องยืนตัวแข็งอยู่ข้างรถครับ ดูแล้วจะตั้งป้อมดื้อไม่ยอมเข้าร้านไปกับผม แต่ยังไงผมก็ต้องพาเขาเข้าร้านนี้ให้ได้

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
เหตุผลคือหนึ่ง ผมอยากให้น้องกินอะไรอร่อยๆที่ผมเองก็ยังชอบ อยากสร้างความประทับใจขั้นต้นด้วยอาหารดีๆกับเขา และสองคือไอ้ยูที่วนรถมาจอดอยู่ข้างหลังน้องห่างออกไปสามสี่เมตรและกำลังส่งสายตามองดูเราสองคนอย่างกระหายและใคร่รู้มากๆว่าผมจะเดทกับน้องสำเร็จไหม ซึ่งถ้าคนดีไม่ยอมตามผมเข้าไปในร้านนี้ ผมคงถูกมันประณามและเหยียบย่ำแน่ๆว่ากะอิแค่เดทแรกที่คุยไว้ว่าจะทำให้สำเร็จภายในวันนี้ยังไม่สำเร็จเลย

“ใช่”

“ไม่เอาอ่ะ นู่นเลย ข้าวกล่องเซเว่นพอ”

น้องเห็นข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อดีกว่าอาหารอิตาเลี่ยนหรูระดับห้าดาวได้ยังไงกัน นิ้วป้อมๆของเขาชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามแล้วใช้สายตามองผมประมาณว่ายังไงก็จะให้ไปกินข้าวกล่องให้ได้ ผมส่ายหน้าใส่เขา

“ข้าวกล่อง? มิน่าโตมาตัวถึงได้แคระแกร็นแบบนี้”

ผมไม่ตั้งใจว่าเขาหรอกนะ ตัวซัทสึกิเล็กน่ารักกำลังน่าฟัดกำลังดีมากๆเลยล่ะ แต่ผมจำเป็นต้องทำให้เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงเล็กๆน้อยๆ เพราะถ้าใช้คำหวานกับคนอย่างเขาและจูงเข้าไปในร้านคงจะยากหน่อย สู้ให้โมโหตกหลุมพรางเราดีกว่าจริงไหมครับ?

“อื้อหือ! ปากร้าย! ส่วนสูงฉันได้มาตรฐานแล้ว นายน่ะแหละสูงเกินไป!”

น้องว่าแล้วถลาเข้ามาเงื้อหมัดใส่ผมครับ แต่ขอโทษที คิดจะทำร้ายว่าที่แฟนในอนาคตคนนี้น่ะไม่มีทางได้ทำสมใจหรอกนะซัทสึกิจัง

ผมคว้าข้อมือเล็กของเขาไว้แล้วลากเขาเข้าไปในร้าน น้องสบถเป็นชุด เลยครับ แต่ยังดีที่เขารักษามารยาทด้วยการสบถในลำคอและยอมให้ผมจับเขานั่งลงกับโต๊ะที่ผมเลือกได้

ผมเลือกโต๊ะที่อยู่มุมๆครับ และจับเด็กดื้อเขานั่งลงในมุมที่ข้างหน้าเขา จะเห็นแค่ผมกับฝาผนังเท่านั้น ผมไม่ยอมให้เขาเห็นคนอื่นหรอกเพราะรู้ดีว่าไอ้ยูที่คอยเสือกอยู่มันจะต้องตามเข้ามาในร้านแน่ๆ

แล้วก็จริงอย่างที่คิดครับ พอผมหย่อนก้นนั่ง ยังไม่ทันรับเมนูจากบริกรไอ้ยูก็ถลาเข้ามาในร้าน ตามด้วยจุนยะที่ทำหน้าระรื่นโปรยเสน่ห์ให้สาวๆซึ่งนั่งอยู่ ตรงโต๊ะที่มันเดินผ่าน และโคเฮย์ที่ดูท่าทางจะเข้ามาเพราะเปรมปรีดิ์ที่จะได้กินมากกว่าสนใจเรื่องของผม

แต่น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้ซึงโฮมันก็มาด้วย ไอ้คนหลังนี่มันมาสมทบกับไอ้พวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มากันครบก๊กแบบนี้ จะมาเป็นพยานความหวานของกูให้ได้ใช่ไหมครับเพื่อน

โอเคได้เลย ริวซากิ เร็นจัดให้!

“อยากกินอะไรก็สั่งไปเลยนะ”

ผมบอกน้องแล้วมองผ่านเลยข้างหัวของคนน่ารักเขาไปยังสามโต๊ะถัดไป ยูตะกำลังทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องต่ำมากครับ แต่คู่หูของมันจุนยะนั้นแยกขาไปส่งสายตาจีบสาวโต๊ะข้างๆอยู่

ส่วนโคเฮย์กับซึงโฮนี่ไม่มีปัญหา สองคนนั้นกำลังสั่งออร์เดอร์กับพนักงานอยู่ ปากผมสั่งอาหารไปแล้วตาผมก็มองข่มขู่ไอ้ยูไปไม่ให้มันเข้ามายุ่มย่ามในเขตของผมกับน้อง

คนดีเขาสั่งคาโบนาร่าไปผมก็จำเอาไว้ แต่เขาสั่งแค่อย่างเดียวครับที่ เหลือผมเป็นคนสั่งทั้งหมด ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสั่งอะไรไปบ้าง แต่เปิดผ่านเมนูแล้วจำได้ว่าเคยกินและมันก็อร่อย ผมก็สั่งมาเพราะอยากให้น้องได้ลองกินดูบ้าง

“พอแล้วๆ จะสั่งเยอะแยะไปไหน มาแค่สองนะไม่ใช่สิบ”

น้องร้องท้วงแล้วเอามีดที่วางอยู่คู่กับส้อมบนโต๊ะมาเคาะข้อนิ้วผม แรง จนผมต้องนิ่วหน้าเลยครับ ทำร้ายร่างกายกันอีกแล้วนะซัทสึกิจัง

“นายน่ะกินไปเยอะๆ จะได้เอาไปพัฒนาส่วนสูงบ้าง แล้วก็ไม่ต้องห่วงมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” ผมบอกออกไปอย่างนั้น กลบอาการตื่นเต้นดีใจที่จะได้ทานอาหาร มื้อแรกกับน้อง

คุณรู้ไหม ผมกำลังพยายามเกร็งใบหน้าไม่ให้เผลอยิ้มหวานให้เขาเพราะหัวใจมันพองโตจนจะล้นอก ผมได้แต่ทำหน้าขรึมๆแล้วหยิบเอาแก้วน้ำยกขึ้นมาจิบ

แต่พอน้องหันไปทางอื่นหรือทำอะไรก็ตามที่คนดีเขาจะไม่เห็นใบหน้าของผม ผมก็ต้องเผลอยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู

ไม่ว่าซัทสึกิจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักไปหมด น้องเอาส้อมกับมีดที่เขาวางไว้บนโต๊ะมาเขี่ยๆกันเล่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เวลาออกงานสังคมมันจะดูไร้มารยาทไปบ้าง แต่เพราะนี่ไม่ใช่งานสังคมและน้องอยู่กับผมแค่ตามลำพัง เราจะไม่นับสัมภเวสีที่เกาะขาผมมาอีกหลายชีวิตนั่นนะครับ ผมเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปดุน้องที่เขา ทำอย่างนั้น และผมเองก็คิดว่ามันน่ารักดี

น้องกัดปากบ้างทำปากงอบ้างแล้วก็บ่นเจื้อยแจ้วว่าผมน่าจะบอกก่อนว่าจะมากินร้านหรูๆแบบนี้ เขาจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ คนดีเขาอวดด้วยครับว่าเขาแต่งตัวเร็ว แค่สองนาทีก็เสร็จแล้ว ผมน่ะใจร้อนเกินไป

ผมฟังแล้วก็ยิ้มน้อยๆที่มุมปากไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจคิดเออออไปกับเขา ผมอ่ะพลาดไปแล้วที่ลากเขาออกมาพร้อมกับชุดนี้ คราวหน้าคราวหลังผมจะไม่ให้พลาดแบบนี้อีกแล้ว

เจ้าตัวเขาอาจจะคิดว่าตัวเองดูซอมซ่อกับเสื้อผ้าชุดนี้ แต่ผมขอบอกเลยว่ามันซ่อนความเซ็กซี่อย่างร้ายกาจเอาไว้ น้องตัวเล็กๆขาวๆ ใส่เสื้อกล้ามกับ กางเกงขาสั้นแบบนี้เป็นอาหารตาของพวกเสือสิงกระทิงแรดมากเกินไป

อย่างน้อยก็ไอ้ตัวที่นั่งจ้องขาน้องจนผมต้องแอบชูนิ้วกลางใส่หน้ามันไปหลายครั้งอย่างไอ้ยูคนหนึ่งแล้วนี่ล่ะที่ทำให้ผมขุ่นเคืองใจจางๆ ความหึงหวงไม่เกี่ยงว่าจะเป็นกับเฉพาะคนนอกครับ กับเพื่อนฝูงกันก็ไม่มีการยกเว้นใดๆทั้งสิ้น

เงยหน้าขึ้นมาอีกที น้องก็กำลังจ้วงซุปกินไปจนจะหมดแล้วครับ แถมยัง ทำเลอะปากอีกต่างหาก ดูแล้วน่ารักดีเหมือนเด็กๆเลยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา

“ปากเลอะ”

น้องเงยหน้าขึ้นจากจานซุปขึ้นมามองหน้าผมครับ ผมเลยยกนิ้วชี้ไปตรงมุมปากของผมเอง บอกตำแหน่งให้น้องรู้ น้องเอาลิ้นเลียไปรอบปากเลยครับ

ผมเห็นแล้วใจเต้นตึกตักอยากเอาลิ้นตัวเองเลียเช็ดแทนให้ก็กลัวจะโดนน้องถีบให้กลางร้าน เขาเลียอย่างเดียวก็คงรู้ว่ามันไม่หมดเลยจะเอาหลังมือป้าย ออกอีก แต่ผมไวกว่า ผมลุกขึ้นยืนชะโงกตัวข้ามโต๊ะไปหาและใช้ผ้าเช็ดปากในมือของผมซับที่เปื้อนตรงมุมปากของเขาให้แผ่วเบา

ได้ยินเสียงไอ้ยูมันกรี๊ดเบาๆ ไอ้นี่ดัดจริตเสือกดัดเสียงให้กรี๊ดออกมาแหลมๆเหมือนเสียงของผู้หญิง น้องหันขวับไปมองตามเสียงเลยครับ ผมขึงตาดุ ไอ้ยูมันข้ามหัวน้องที่สะเออะขัดจังหวะผม

“เอามานี่ เช็ดเองได้หน่า!” น้องหันกลับมาอีกทีแล้วเอ็ดผมก่อนจะดึงเอา ผ้าเช็ดปากในมือผมไปเช็ดต่อเอง ผมหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะยกไวน์ขาวขึ้นมาจิบแก้เครียดและกลืนคำที่อยากด่าไอ้คุณชายยูตะมันลงไปในลำคอด้วย เห็นจากหางตาครับว่ามันทำหน้าระรื่นมากๆที่ขัดจังหวะผมได้

ออกจากร้านอาหารแล้วผมก็มัดมือชกพาเขาไปห้างต่อครับ คนดีเขาดูงัวเงียแต่ก็ยอมเดินตามผมมาต้อยๆครับ ดูแล้วอยากเอื้อมมือไปจูงเขาเดินครับเพราะตอนนี้น้องเดินเหมือนปูเดินเลย เดินเฉไปเฉมา หน้าตาบ่งบอกความง่วง ขั้นสุด งั้นผมคงต้องรีบซื้อของเข้าหอแล้วพอน้องไปกล่อมนอนครับ

ของแรกที่เราจะไปซื้อก็คือเตียงครับ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะผมจะใช้นอนกับน้อง ผมกวาดตามองดูเตียงในร้าน ตามประสาคนที่ถูกสอนให้มองอนาคตมองการณ์ไกลตั้งแต่เล็กผมเลยต้องการเตียงที่มั่นคงและแข็งแรงครับ (ฉีกยิ้มกว้าง)

ผมกำลังชั่งใจกับการเลือกเตียงนอนอยู่เพราะเลือกไม่ถูกว่าอันไหนจะ เข้ากับห้องของน้องซึ่งมันยากมากๆ เพราะด้วยสภาพห้องแล้ว ใส่อะไรไปมันก็คง ไม่แมทต์ง่ายๆ น้องก็เดินเข้ามาหาแล้วเบียดอกเข้ากับท่อนแขนของผมเต็มรักเลยครับ คนดีพูดเสียงงัวเงียใส่หูผม

“เลือกเร็วๆนะ ง่วง”

เขาบอกผมแบบนั้นแล้วก็เดินเฉไปทิ้งตัวลงนอนกับเตียงที่ร้านวางโชว์เอา ไว้ เขาไม่ได้รู้ตัวเลยครับว่าท่านอนของตัวเองมันยั่วสายตากันมากแค่ไหน ยังมีการเอียงหน้ามามองผมด้วยสายตาปรอยๆคล้ายจะเชิญชวนให้ลงไปนอนด้วยกัน อีก ไหนจะแผ่นท้องขาวๆเพราะเสื้อกล้ามมันเลิกขึ้นไปอีก

โธ่คนดี..เก็บไว้ยั่วพี่ตอนคืนนี้ไม่ดีกว่ากันหรอครับ

หัวของผมว่างเปล่าไปหมดแล้วครับ สมองสั่งการให้หันกลับไปดูเตียง แล้วรีบๆซื้อมันซะ แต่สายตาผมละจากน้องไม่ได้เลย

“เอาหกฟุต ฟูกขอเป็นยางพารา ส่วนชุดผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มขอเป็นขาวล้วนสามชุด”

ผมไม่ได้มองหรอกครับว่าเตียงที่สั่งไปมันเป็นแบบไหนอะไรยังไง หัวผมมีแต่คิดว่าจะรีบพาน้องไปซื้อของต่อให้เสร็จเราจะได้รีบกลับไปสวีทกันที่บ้าน

ส่วนเตียงถ้ามันไม่แข็งแรงแล้วเกิดหักขึ้นมาวันไหนที่เราทำแอคทิวิตี้เสริมสร้างความรักกันมากเกินไปก็ค่อยมาซื้อใหม่ทีหลังก็ได้

“หกฟุต? บ้าหรือไงกัน ห้องแคบจะตายยัดเข้าไปได้ที่ไหนกัน แล้วผ้าปูเอาไปทำไมตั้งสามชุด?”

น้องได้ยินเสียงผมสั่งเตียงไปแล้วก็ถลาลุกเข้ามากระตุกแขนผมเลยครับ ผมมองหน้าเขานิ่งๆพยายามข่มใจที่เต้นตึกตักเอาไว้แล้วพูดกับเขาเสียงราบเรียบใช้จังหวะที่น้องฮึดฮัดเอานิ้วหนีบชายเสื้อกล้ามของน้องที่มันถลกขึ้นไปให้กลับเข้าที่เข้าทาง

“ก็เอาเตียงนายออกสิ ก็มีที่ตั้งแล้ว แล้วผ้าปูสามชุดเพราะฉันต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มทุกวัน”

“เอาเตียงฉันออกแล้วจะให้ฉันนอนพื้นหรือไงวะ แล้วเว่อร์ไปป่ะ ทำไม ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผ้าห่มทุกวัน?”

น้องทำปากเป็ดใส่ผมอีกแล้วครับ คงคิดว่าผมอนามัยจัดเกินไปเลยต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวัน แต่เขาไม่รู้หรอกครับว่าเหตุผลจริงๆคือผมคาดการณ์ไว้ แล้วว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีเหตุให้เปลี่ยนผ้าปูกันทุกวันแน่นอน คิดหรือว่าผมจะปล่อยให้น้องนอนบนผ้าปูเลอะๆทุกวันน่ะ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเลอะ อะไร แล้วเรื่องจะให้น้องนอนกับพื้นน่ะไม่มีทาง

“ก็นอนเตียงนี้ด้วยกันไง โง่จริง ใครจะปล่อยให้นายนอนพื้น”

น้องฟังแล้วพยักหน้างึกงักตามคำพูดผม น่ารักจนอยากกดลงกับเตียงที่วางโชว์ข้างๆนี่มากเลยครับ แต่คนดีเหมือนกับจะเพิ่งนึกขึ้นได้เขาทำตาโตใส่ผมแล้วเถียงเสียงสูงขึ้นมาทันทีเลยครับ

“ใครจะนอนกับนาย เอาสามฟุตครึ่งไปเลย นอนแยกๆ”

เขาร้องแล้วชี้นิ้วไปเตียงขนาดเล็กกว่าตรงข้ามหน้าผม ผมตีมือเขาทันที เลยครับ มาพูดแบบนี้ได้ไงกัน แถมยังพูดเสียงดังอีกต่างหาก ไอ้ยูที่อยู่นอกร้าน มันถึงกับหัวเราะตัวงอเลยครับ คิดว่ามันคงจะได้ยินเสียงน้องชัดเจนอยู่

“เจ็บนะเว้ย!” น้องสะบัดมือไปมาแล้วมองผมอย่างอาฆาต จริงๆแล้วผม แค่ตีไปเบาๆนะ ใครจะกล้าทำน้องเจ็บกันละครับ

“ห้องแคบเท่ารูหนู ยัดเตียงสามฟุตครึ่งไปอีกเตียงก็ไม่ต้องมีที่เดินกันพอดี”

ผมบอกเขาไปอย่างนั้นแล้วก็หันไปหยิบเอาบัตรเครดิตของผมส่งให้กับ พนักงานขาย น้องยังคงบ่นงึมงำอยู่ข้างๆผมครับ แต่ผมไม่สนใจแล้ว ยังไงผมก็ต้องเอาเตียงหกฟุตไปให้ได้ครับเพื่อที่จะได้ให้น้องนอนอยู่กับผมให้ได้หรือนัยที่แท้จริงคือผมต้องการนอนกอดน้องทุกคืนครับ

“ยังไม่เลิกบ่นอีก” ผมรับบัตรก่อนบอกแผนที่ให้ทางร้านเอาเตียงไปส่งเสร็จแล้วหันมาหาน้อง น้องยังยืนบ่นงุบงิบอะไรอยู่ในลำคอข้างๆผมอยู่เลยครับแถมยังทำแก้มป่องอีกต่างหาก ผมเลยเอื้อมมือไปดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว เด็กอะไรน่ารักจริงๆ

“ไปซื้อทีวีกับตู้เย็นกัน!”

ผมบอกแล้วก็ดึงแขนเขาออกจากร้านไปครับ

กว่าจะซื้ออะไรเสร็จกลับมาถึงบ้าน น้องก็ดูเหมือนจะเพลียอย่างแรง เขาทำหน้าง่วงแล้วก็หงุดหงิดจางๆกับเสียงเจาะผนังห้องเพื่อติดทีวีที่ผมเพิ่งไปเลือก ซื้อมากับเขากับเสียงที่ติดตั้งแอร์เครื่องใหม่ คนดีเขาเลยเกร่ออกจากห้องไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

เพราะคืนนี้ผมจะมีเวลาอยู่กับเขาทั้งคืนนี่นา

 -TBC-

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ที่แท้เรนก็ตามจีบซัทจังมานานเหมือนกันนะเนี๊ย ดีใจที่ลงเอยกันได้

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
โอ๊ะโอ คุณชายตามจีบซัทจังมานานแล้วหรานิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
แผนเยอะจังนะ เร็น

 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด