Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 124252 ครั้ง)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

---------------------------------------------------------
เพิ่งมาเป็นสมาชิกใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ >.<~  :o8:

:: สารบัญ ::
 1.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 1 Update : 19/11/12
 2.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 2 Update : 20/11/12
 3.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 3 Update : 21/11/12
 4.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 4 Update : 22/11/12
 5.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 5 Update : 23/11/12
 6.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 6 Update : 24/11/12
 7.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 7 Update : 1/12/12
 8.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 8 Update : 8/12/12
9.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 9 Update : 13/12/12
10.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 10 Update : 15/12/12
11.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 11 Update : 21/12/12
12.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 12 Update : 22/12/12
13.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 13 Update : 11/1/13
14.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 1 Update : 23/1/13
15.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 2 Update : 2/2/13
16.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 3 Update : 5/4/13
17.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 4 Update : 24/5/13
18.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 5 Update : 1/6/13
19.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 6 Update : 7/6/13
20.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 7 Update : 17/6/13
21.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 8 Update : 20/6/13
22.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 9 Update : 27/6/13
23.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 10 Update : 04/7/13
24.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 11 Update : 06/7/13
25.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 12 Update : 09/7/13
26.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 13 (ตอนจบ) Update : 19/7/13

ภาค 2 มาแล้วววว
อ่านได้ที่ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38957.0



:: ผลงานเรื่องอื่นๆ ::
 [Shade of Season] When Its Rain เพียงเพราะรัก (กวินท์ & รัญชน์) จบแล้วค่ะ
 [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ (อนิรุทธ์ & ศราวิน)
 [Historical Fantasy] Demon Madden เสน่หาอสูรร้าย (มาร์คัสxไอเดน)


ติดต่อพูดคุยกันได้ที่
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2013 14:20:45 โดย zynestras »

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ19-11-2012 14:21:55 »


Title :: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ (ภาคบันทึกของซัทสึกิ)
Couple :: Ren & Satsuki
Genre :: Romantic , Yaoi , Drama , Comedy
Rate :: PG to PG18
Author :: Zynestras



ตอนที่ 1

วันที่ไม่ได้รอ เดือนที่ไม่รู้ พ.ศ.ผมไม่ได้ใช้เพราะงั้นอย่ารู้มันเลย



วันนั้นอากาศสดใส มีเมฆน้อยบ้างประปราย ผมนอนหลับอุตุตั้งแต่เช้าก่อนจะถูกพี่มิซึรุลากออกจากเตียงลงมาเจอริวซากิ เร็น



นั่นคือวันแรกที่เราได้พบกัน



จบ!!



.
.



ถ้าผมเขียนไปแค่นี้ ดูท่าทางมันคงจะไม่ใช่ไดอารี่แล้วสินะ งั้นผมจะเขียนต่อก็แล้วกัน



เพราะริวซากิ เร็นก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกบ้านหลังน้อยๆ แต่จำนวนสมาชิกมันไม่น้อยตามขนาดของบ้าน ผมในฐานะที่มึงอยู่คนเดียว (ตามคำประธานที่ไอ้เคนใช้เรียก) เลยถูกจิกหัวให้ลงมารับรู้ว่าอาณาเขต ขนาดสี่คูณสี่เมตรของผมจะมีคนมาแย่งใช้อากาศด้วยนับตั้งแต่บัดนี้



“เตียงห้องผมสามฟุตครึ่งเองนะ..”



ผมโอดครวญไปกับคนดูแลบ้านอย่างพี่มิซึรุที่ยืนทำหน้าไม่รับฟังคำโอดครวญของน้องชายที่หล่อที่สุดในโลก แต่กลับหันไปหาไอ้หล่อที่ผมดูหน้ามันแล้วไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่ (แอบกระซิบบอกก็ได้ว่าผมหมั่นไส้มัน คนอะไรหล่อตั้งแต่เส้นขนบนหัวจรดส้นตีนของมัน)



“ก็ไปซื้อใหม่ก็ได้นิไอ้โง่ เร็นเขามีเงินไม่เหมือนเด็กยาจกอย่างนายหรอก” ไอ้เคนปากดี ได้ข่าวว่าเอ็งก็ยาจกไม่แพ้กูนะ



“มีเงินแล้วจะมาอยู่หอพักพวกเราทำไมวะ”



มองสภาพหอพักโทรมสัสๆ แล้วก็หันไปมองไอ้รถออดี้สีดำคันใหญ่รุ่น ห่าไรไม่รู้เพราะผมไม่ใช่ลูกคนรวย (เข้าใจมั้ย?) หันกลับไปมองอีกทีที่กระเป๋าใบโตๆที่คาดว่าจะมียี่ห้อเหมือนกับไอ้คนใช้มัน ผมก็อดที่จะถามไม่ได้



“ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตบ้านๆดูบ้าง”



ไอ้ลูกคนรวยมันตอบกลับมาแล้วยักไหล่ โอเคซึ้งมากกก อยากใช้ชีวิตบ้านๆ แต่มึงขับออดี้เปิดประทุน แต่งตัวแบรนเนมด์ตั้งแต่หัวจรดตีนและมีแพลตตินั่มการ์ดอยู่ในกระเป๋าอีกเป็นสิบใบ(ตามคำกระซิบของไอ้เคน)



คอยดูเถอะ!! สักวันผมจะปลอมลายเซ็นต์มันแล้วเอาบัตรไปรูดให้หมด!!



“ซัทจังนายช่วยเร็นขนของขึ้นไปบนห้องด้วยก็แล้วกัน”



พี่มิซึรุหันมาบอกแล้วเดินออกจากบ้านไปเฉยเลยปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับไอ้หล่อนี่และเคนอิจิตามลำพังอย่างนั้นหรอ



แล้วไอ้ของมากมายที่กองรวมกันอยู่นี่ ผมอยากจะรู้นักว่าไอ้คุณชายมันคิดว่ามันจะได้ห้องแบบมีพื้นที่ร้อยเอเคอร์เป็นของตัวเองหรือยังไงกันถึงได้ ขนมาเพียบขนาดนี้



“ยัดหมดนี่เข้าห้องก็ไม่ต้องซื้อเตียงใหม่กัน” ผมบ่น ไอ้คนที่ก้าวเข้ามาสร้างความลำบากให้ผมตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันมันยักไหล่ก่อนจะล้วงกระเป๋าตังค์ของมันขึ้นมาควักแบงค์ออกมายื่นให้ผม



“เอาไปแล้วจัดการขนของขึ้นไปให้ด้วย เสร็จแล้วรีบลงมาล่ะจะได้ไปซื้อเตียง” หนึ่งหมื่นเยนถูกยื่นมาให้กับผม เข้าทำนองว่าเอาเงินฟาดหัวให้กูทำแล้วตัวมึงจะยืนลอยชายสบายคอยกูอยู่ข้างล่างใช่มั้ย?



“คิดว่าเอาเงินฟาดหัวแล้วฉันจะยอมทำให้นายหรือไง?”



“ใช่” ผมเหม็นขี้หน้ามันจริงๆ คิดว่าคนอย่างผมซื้อได้ด้วยเงินหรือไง



“จะเอาไม่เอา”



“เอา!!” ผมคว้าเงินหมับแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนไอ้เคนมันจะแย่งคว้าไปได้ทัน เพราะค่าขนมเดือนนี้มันหมุนไม่ทันหรอกนะเว้ย!! อย่ามาเหมาว่าตูหน้าเงินนะมึง



ผมมองค้อนให้ไอ้หล่อนั่นอีกทีก่อนจะกระทุ้งศอกให้ไอ้เคนที่มัน ทำหน้าเสียดายเงินอยู่ข้างๆแล้วพยักเพยิดไปที่กองข้าวของ



“ช่วยกูหน่อย”



“เรื่องดิ เงินก็กูก็ไม่ได้ ทำไมกูต้องช่วย? โอเคๆ ช่วยก็ได้ เอะอะใช้ กำลังกับคนน่ารักอย่างกูตลอด” เพราะผมเงื้อหมัดไปหามัน มันถึงยอมจะช่วย ผมได้ เราสองคนใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงในการขนของทั้งหมดขึ้นไปไว้ชั้นสอง



เดินแบกของอยู่หลายเที่ยวผมชักจะรู้สึกว่าไอ้หมื่นเยนที่ได้มันชักจะไม่คุ้มเหนื่อยเอาเสียเลย แถมพอนั่งไม่ถึงนาทีไอ้หล่อที่โผล่เข้ามาดูข้าวของๆมันก็ลากผมติดมือมันลงไปข้างล่าง จับผมยัดเข้าไปในรถคันหรูของมันและขับบึ่งออกนอกบ้านทันที



“เดี๋ยว!! นี่เรากำลังจะไปไหน” ลากกูมาแล้วช่วยบอกจุดหมายปลายทางด้วยได้มั้ยครับไอ้หล่อ



“ไปหาไรกิน หิว!! แล้วก็ไปซื้อเตียงด้วย” ผมยักไหล่น้อย โอเคไม่มีปัญหา ผมคิดว่าอย่างนั้นนะแต่หลังจากนั้นสิบนาทีผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมคิดผิด



“นายจะกินที่นี่เนี้ยนะ?” ร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูราคาแพงที่ผมไม่มี วันเหยียบย่างเข้าไปเด็ดขาดคือที่ๆจะหาไรกินของไอ้หล่อมัน



“ใช่” คำพูดยืนยันหนักแน่นของมันทำให้ผมต้องก้มลงมองตัวเองจรดตีนแล้วมองหน้ามันพลางชี้นิ้วเข้าอก



“สภาพฉันแบบนี้เนี้ยนะจะให้เข้าร้านหรูๆแบบนี้?”



ไม่อยากบอกสภาพความแมนๆในจุดนั้นว่าผมใส่เสื้อกล้ามที่ในอดีตมันเคยเป็นสีขาว แต่ตอนนี้มันมอซอจนกลายเป็นสีเทาไปแล้วเรียบร้อยกับกางเกงผ้าขาสั้นขอบยางยืดลายปลานีโม่กับหนีบอีแตะหนีบสีชมพูที่จิ๊กมาจากไดจัง สภาพแบบนี้เนี้ยนะจะให้เข้าร้านอาหารอิตาเลี่ยน ใช้สมองส่วนไหนคิดวะไอ้ลูกคุณหนู?



“ใช่” แม่ง....พูดเป็นคำเดียวหรือไงวะ



“ไม่เอาอ่ะ นู่นเลย ข้าวกล่องเซเว่นพอ” ผมชี้นิ้วไปร้านสะดวกซื้อสีส้มเขียวแดงฝั่งตรงข้าม แล้วใช้สายตาประมาณว่าให้ตายยังไงกูก็ไม่เข้าไปกินอาหารอิตาเลี่ยนอะไรนี่กับมึงเด็ดขาดและเด็ดขาด



“ข้าวกล่องเซเว่น? มิน่าโตมาตัวถึงได้แคระแกรนแบบนี้”



อื้อหือปากร้ายไม่เบานะไอ้ลูกคุณหนูคนนี้ ผมถลาเข้าไปเงื้อหมัดใส่มันด้วยความขุ่นเคืองหมายจะประทุษร้ายหน้าหล่อๆนี่สักหน



แต่ขอบอกว่าความคิดของผมมันไม่ง่ายเหมือนกับเวลาผมทำกับเคนอิจิเพราะไอ้บ้านี่มันคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมแล้วลากผมเข้าไปในร้านนั้นอย่างไม่สนความสมัครใจของผมเลยสักนิด มันจับผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมันแล้วจัดแจงสั่งอาหารอิตาเลี่ยนมากมายจนผมต้องยกมือเบรกมัน



“พอแล้วๆ จะสั่งเยอะแยะไปไหน มาแค่สองนะไม่ใช่สิบ”



“นายน่ะกินไปเยอะๆ จะได้เอาไปพัฒนาส่วนสูงบ้าง แล้วก็ไม่ต้องห่วง มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”



เออ!! ไอ้พ่อบุญทุ่ม ถ้ามึงไม่จ่ายแล้วใครจะจ่าย แล้วมึงกัดเรื่องส่วนสูงของกูสองรอบแล้วนะ



ผมเก็บเอาความเครียดไประบายลงกับอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมจับมันยัดเข้าปากโดยไม่รู้ว่ามันจะชื่อว่าอะไรบ้างและไม่สนใจกาลเทศะใดๆทั้งสิ้นในเมื่อไอ้คนพามามันอยากให้ผมกินทั้งในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้ผมก็จะกินมันทั้งอย่างนี้น่ะแหละ (อันที่จริงเรียกว่าโกยเข้าท้องจะดีกว่า มีโอกาสกินของแพงโดยไม่ต้องเสียตังค์เองทั้งที่นี่นา!!)



“ปากเลอะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานซุปอะไรสักอย่างที่มันใส่เห็ดไปด้วยแล้วมองหน้าไอ้คนพูดที่ยกนิ้วชี้ไปตรงมุมปากตัวเองบอกให้ผมรู้ อีกนัยหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังจะว่าผมกินมูมมามหรือเปล่า



ด้วยความเคยชินผมก็ยกมือขึ้นจะป้ายไอ้ที่เลอะมุมปากออก แต่ไอ้หล่อมันเสือกลุกขึ้นยืนแล้วชะโงกผ่านอาหารที่วางเรียงเป็นตับบนโต๊ะและใช้ผ้าเช็ดปากในมือของมันแตะซับไอ้ที่เปื้อนมุมปากผมให้แผ่วเบา



ผมนิ่งอึ้งเพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนนอกจากพ่อกับแม่ของผม แต่นั่นมันก็ตั้งแต่สมัยผมตีนเท่าฝาหอย ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆมาจากโต๊ะข้างหลัง พอหันไปดูเหมือนก็เห็นกลุ่มผู้หญิงสาวๆน่าจะเป็นพวกสาวมหาลัยแถวๆนี้กำลังมองมาแล้วทำตาวิ๊งวับน่ากลัวแปลกๆ



สายตาของพวกเธอเล่นเอาผมหน้าร้อนได้ไม่ยาก



“เอามานี่ เช็ดเองได้หน่า!!” ผมเอ็ดเร็นแล้วดึงเอาผ้าเช็ดปากในมือของมันมาเช็ดต่อเอง ไอ้คนหวังดี(แต่จะประสงค์ร้ายด้วยป่าวไม่แน่ใจ) มันหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะจิบไวน์ขาวที่มันสั่งมา ผมอดมองค้อนมันไม่ได้ ยังจะ มีหน้ามีอารมณ์มานั่งจิบไวน์อีกนะมึง



ออกจากร้านอาหารที่ทำให้ผมขายหน้าที่สุดมากในโลก ไอ้คุณชายมันก็ลากผมไปเดินต่อที่ห้าง ผมที่อยากจะกลับไปนอนต่อที่บ้านจะแย่อยู่แล้วก็ต้องเดินตามมันไปเพราะเสียดายค่ารถกลับบ้าน(ก็เดือนนี้เงินมันติดลบนี่!!)



ไอ้คุณชายมุ่งตรงไปที่โซนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านและชี้ไปที่เตียงนอนหลุยส์สีทองดูดีมีคลาสมีชาติตระกูลทันที



“เอาหกฟุต ฟูกขอเป็นแบบยางพารา ส่วนชุดผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มขอเป็นสีขาวล้วนสามชุด” ผมชะงักกับสิ่งที่ไอ้คุณชายมันสั่ง เลยเดินเข้าไปกระตุกแขนมัน



“หกฟุต? บ้าหรือไงกัน ห้องแคบจะตายยัดเข้าไปได้ที่ไหน แล้วผ้าปูเอาไปทำไมตั้งสามชุด?”



“ก็เอาเตียงนายออกสิ แค่นี้ก็มีที่ตั้งแล้ว แล้วผ้าปูสามชุดเพราะฉันต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มทุกวัน”



“เอาเตียงฉันออกแล้วจะให้ฉันนอนพื้นหรือไงวะ แล้วเว่อร์ไปป่ะต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผ้าห่มทุกวัน?” ถ้าเซลล์ไม่ยืนมองตาแป๋วฟังพวกผมเถียงกัน ผมจะถามมันด้วยว่าที่ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวันนี่เพราะมันฉี่รอดที่นอนหรือ ยังไงกัน?



“ก็นอนเตียงนี้ด้วยกันไง โง่จริง ใครจะปล่อยให้นายนอนพื้น”



ฟังมันแล้วผมก็พยักหน้างึกงักก่อนจะหันควับไปมองหน้ามัน ให้ผม นอนเตียงเดียวกันกับคนไม่สนิทเนี้ยนะ ขนาดไอ้เคนที่วิ่งไล่เตะตูดกันตั้งแต่อนุบาล ผมยังไม่นอนเตียงเดียวกับมันเลย



“ใครจะนอนกับนาย เอาสามฟุตครึ่งไปเลย นอนแยกๆ” ผมชี้ไปที่เตียงที่มีขนาดเล็กกว่าข้ามหน้ามัน มันเลยเอามือตีมือผมดังเพี๊ยะ



“เจ็บนะเว้ย!!”



“ห้องแคบเท่ารูหนู ยัดเตียงสามฟุตครึ่งไปอีกเตียงก็ไม่ต้องมีที่เดินกันพอดี” มันว่าแล้วควักเอาบัตรแพลตตินั่มอันแรกออกมายื่นให้เซลล์แมนที่ยืนลุ้นทำยอดขายอยู่ ผมหน้างอใส่มันอยากจะด่ามันใจจะขาดว่าไอ้ที่ทำให้ห้องไม่มีที่น่ะคือข้าวของๆมันที่ขนมาเมื่อเช้ามากกว่า แต่มันเล่นเอามือมาดึงแก้มผมแล้วลากให้ผมไปอีกร้าน



“ไปซื้อทีวีกับตู้เย็นกัน!”



อะไรนะ!!




ห้องมันแคบ...เจอเตียงหกฟุตของไอ้บ้านี่เข้าไปก็ยิ่งแคบ



แล้วผมอยากรู้จริงๆ มันใช้ส่วนไหนของสมองคิดถึงได้เลือกเตียงหลุยส์มา พอเอามาตั้งในห้องแล้วโคตรจะมิกซ์แอนด์ไม่แมตซ์กับห้องเล็กๆเท่ารูหนูที่มีแต่เฟอร์นิเจอร์ถูกๆเลยสักนิด



เตียงเก่าของผมที่ถูกยกออกไป กลายเป็นผลพลอยได้ของเคนอิจิที่ปกติต้องไปนอนเบียดกับไดจังและฮิโรโตะ ผมเดินเกร่ๆมาหาไอ้เคนที่ห้อง เห็นมันกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนอดีตเตียงของผม โดยมีไดจังกำลังนั่งเอาขายันก้นมันอยู่



“ว่าไง? จัดของเสร็จแล้วหรอวะ?”



เคนอิจิมันถลาเอาหน้ามาหาผม ผมเลยยันมันกลับไปที่เดิมแล้วนั่งลงตรงปลายเตียงของไดสุเกะ



“ยัง..กูขี้เกียจอยู่ แม่งวุ่นวายชิบหาย”



ไอ้หล่อนั่นก็เรื่องมาก ย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องเพราะมันจะเอาทีวีไปติดผนังตรงปลายเตียง ตอนนี้มันเลยสั่งให้คนของมันเจาะรูที่ผนังเพื่อเอาทีวีไป ติดอีก ไหนจะเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ที่มันสั่งถอยมาอีกด้วยเหตุผลว่าไอ้เครื่องที่ติดอยู่เดิมมันเก่ามากแล้วไม่รู้ว่าจะฟอกอากาศให้เป็นโอโซนได้หรือเปล่า



ผมอยากจะบอกมันจริงว่าถ้าเรื่องมากขนาดนี้ มึงกลับไปอยู่บ้านเถอะไอ้คุณชาย คำว่าบ้านๆของมึงกับกูคงจะต่างกันแต่ก็นึกเพลียเกินกว่าจะพูดออกมาเป็นคำได้เลยต้องหนีมาหาไอ้เคนกับไดจังแทน



“ฉันว่าคืนนี้น่าจะวุ่นวายกว่านี้อีก...”



ไดจังพูดเปรยๆออกมาก่อนจะหยิบกีต้าร์ตัวโปรดมาเกาเพลงอย่างสบายอารมณ์หลังทิ้งข้อความเป็นนัยยะให้ผมต้องตีความ



“หมายความว่าไงไดจัง?”



ผมคลานขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงข้างๆไดจัง ถ้าจะมาพูดเป็นปริศนาแล้วไม่ยอมเฉลยนี่ผมจะงอแงให้ดูเลยคอยดูสิ!!



“ก็...นายสองคนต้องนอนเตียงเดียวกันใช่ม่ะ?”



ผมพยักหน้างึกงัก แล้วก็ยังไม่เข้าใจความหมายของไดจังสักเท่าไหร่



เคนอิจิเองมันก็เอาหน้าของมันมาเกยอยู่กับไหล่ของผมและจ้องหาคำอธิบายจากไดจังเหมือนกัน



“ฉันจะบอกข่าวดีอะไรให้นายรู้ไว้อย่างนะอิชิฮาระ ซัทสึกิ..”



ไดจังหยุดเกากีต้าร์ของเขาแล้วตบมือมาบนไหล่ของผมที่อึ้งไปกับคำพูดของเขา



“ริวซากิ เร็น นักศึกษาปีสาม คณะสถาปัตย์ ดีกรีเดือนมหาลัย...”



.
.



“เป็นเกย์ล่ะเพื่อนเอ๋ย...เกย์รุกด้วยนะ ยังไงเย็นนี้ไปหาซื้อเจลหล่อลื่น ไว้ก็ดีนะ..หน้าตารูปร่างแบบนายน่ะ สเป็คหมอนั่นเลยขอบอก”



ชิบหายแล้ว!!



คืนนี้ผมจะโดนไอ้เกย์คุณหนูนั่นปล้ำหรือเปล่าวะนี่!!


โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Chapter 2

วันรุ่งขึ้นที่อธิปไตยของผมยังคงอยู่...


แต่มันก็สั่นคลอนน่าดู


เพียงแค่คืนแรกที่ผมต้องนอนกับไอ้คุณชายมัน ผมก็รู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพบั้นท้ายจนแทบไม่อยากกลับเข้าห้องไปเลยสักนิด เป็นเกย์ไม่ว่าเสือกมีสเป็คเป็นเด็กหนุ่มหล่อๆหุ่นเพอร์เฟ็คมาดแมนอย่างกูอีก


เมื่อคืนพออาบน้ำเสร็จผมเลยเอากางเกงวอร์มมาสวมทับบ็อกเซอร์สามสี่ตัวที่หยิบเอามาใส่ เอาหน่าอย่างน้อยคืนนี้ไอ้คุณชายมันก็เปิดแอร์เสียเย็นฉ่ำคงไม่ร้อนหรอก


ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอาเสื้อฮู้ดแขนยาวมาสวมทับเสื้อยืดที่ข้างในมีเสื้อกล้ามใส่อยู่อีกสองสามตัว เอาวะอย่างน้อยกว่ามันจะถอดหมดก็คงหมดอารมณ์ไปเอง


“หนาวขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันหรี่แอร์ให้มั้ย?”


ไอ้คุณชายที่นอนกระดิกเท้าดูละครอยู่บนเตียงมันหันมาเห็นสภาพของผมแล้วเอ่ยถาม เสือกนึกใจดีอะไรขึ้นมาล่ะถึงจะได้หรี่แอร์ให้


“ไม่เป็นไร ฉันชอบนอนแบบนี้” ผมบอกแล้วลากตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่เท่าควายของไดจังที่ยืมมาขึ้นเตียง เอาไอ้ตุ๊กตากระต่ายปิศาจนั่นขวางระหว่างผมกับเร็นแล้วผมก็หลับไป


ผมจำได้อย่างนั้นนะ...


แต่ทำไมพอตื่นมาเช้าวันนี้ ไอ้ตุ๊กตากระต่ายปิศาจนั่นมันก็ลงไปนอนเคล้งเก้งอยู่กับพื้นข้างเตียง แล้วผมถึงถูกไอ้เร็นมันกอดเอาแบบนี้ล่ะ


ผมลืมตาถลนอย่างตกใจ เพราะพอเปิดตาขึ้นมาภาพที่เห็นปลายจมูกโด่งที่น่าซัดให้มันหักของไอ้เร็น แถมแขนมันยังกอดผมหนึบอย่างกับตีนตุ๊กแกอีกต่างหาก ผมดันมันออกห่างมันก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังพูดงึมงำใส่ผมอย่างหน้ามึนอีกด้วย


“นอนดีๆหน่อยดิ” มันรู้มั้ยว่าจังหวะการพูดของมันกำลังงับปลายจมูกของผมอยู่


“ปล่อยดิ ฉันจะลุก”


“ลุกเดี๋ยวปล้ำเลยนิ นอนต่อ นี่คือคำสั่ง”


พ่อมึง!! ผมอยากจะกรีดร้องให้ลั่นบ้าน ไอ้บ้านี่บอกจะปล้ำผมอย่างนั้นหรอ!! ด้วยความตกใจผมเลยนอนช็อคตัวแข็งให้มันกอดต่อ


ไอ้เร็นมันเงียบไป มันนอนได้เงียบมากถึงขั้นผมเกือบคิดว่ามันนอนตายไปแล้วถ้าลมหายใจของมันไม่ได้พ่นใส่หน้าของผมอยู่แบบนี้ ผมเริ่มสำรวจตัวเองอีกครั้งและพบว่าไอ้เสื้อผ้าที่ผมจับใส่มาหลายชั้นเมื่อคืนมันเหลือแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ตัวเดียว


ห่า!! มึงทำอะไรกูระหว่างหลับไปวะเนี้ยริวซากิ เร็น!!


ผมพยายามดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากวงโคจรของเร็นแต่มันยังกอดผมแถมยังยกขาขึ้นมาก่ายขาผมอีก


โอเคกูซึ้งมาก ณ จุดนี้ ท่ามันล่อแหลมสุดๆ ขอผมลืมหายใจไปสักหนึ่งนาที ไว้อาลัยให้กับตัวเองกับเช้าที่อุบาทว์ชาติชั่วที่สุด คนแมนๆอย่างผมตื่นมาควรจะมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักนอนหลับพริ้มในอ้อมกอดสิไม่ใช่ตื่นมาแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเพศผู้ด้วยกัน


แต่ประเด็นนั้นยังไม่ทรมานใจเท่าความจริงที่ว่าท่านอนในเวลานี้มันทำให้ไอ้จู๋น้อยของผมกับมันกำลังเบียดกันอยู่


ด้วยความรันทดใจขั้นแม็กซ์ของตัวเอง เมื่อหาทางออกจากอ้อมแขนตุ๊กแกของไอ้บ้านี่ไม่ได้ ผมก็พยายามกระเถิบเอวกับสะโพกถอยออก อย่างน้อยก็ขอเว้นสเปซให้กับลูกน้อยให้ได้อากาศหายใจบ้างอะไรบ้าง


แต่เชื่อไหม ผมถอยห่างออกไปได้ไม่ถึงวินาที ไอ้บ้านั่นก็เบียดตามติดมา เชี่ยเถอะ!! ณ เวลานั้นผมอยากยกมือขึ้นมาบีบคอแล้วตะคอกใส่มันมากว่าจู๋มึงกับจู๋กูไม่ได้เป็นแม่เหล็กเหนือใต้นะมึง ไม่จำเป็นต้องดึงดูดประกบติดกันตลอดเวลาแบบนั้นก็ได้!!


แต่ที่ทำให้ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นก็เพราะมือของไอ้บ้านี่มันเลื้อยลงไปจับตูดผม จับไม่พอแถมขยำอีก ลวนลามกันสุดๆ นาทีนั้นผมผลักมันสุดแรงแล้วกระเด้งตัวขึ้นเงื้อหมัดจะต่อยมัน


ไม่บอก...คุณก็คงรู้ว่ามันรับหมัดของผมได้อีกแล้ว แถมยังมีหน้ามากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก


“ไอ้..ไอ้!!”


ผมตัวสั่นไปหมด อยากจะด่ามันแต่นึกคำไม่ออก อยากจะต่อยมันให้ดั้งยุบกันไปข้างที่บังอาจมาลวนลามความแมนของผมแต่มันก็เสือกจับข้อมือของผมไว้อีก


“ตูดงอนดีนะ เคยใช้งานมั่งยัง” ยังมีหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริงบันเทิงใจอีก ผมอยากจะกระโดดถีบขาคู่ใส่ยอดอกมันจริงๆ


“ไม่เคยเว้ย!! แล้วก็ไม่คิดจะใช้ด้วย!!” ผมตะโกนลั่นบ้านก่อนจะตัดสินใจเอาหัวโม่งหัวมันดังโป๊กแล้วชิ่งหนีออกจากห้องไประหว่างมันมึน


อยู่ต่อท่าจะแย่ ขอหนีไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน


“เป็นไง เมื่อคืนกี่รอบ?”


คำทักทายยามเช้าของไอ้เคนอิจินี่มันวอนได้รับประทานอาหารเป็นเกิบคู่ที่สวมอยู่กับเท้าของผมเสียจริง ผมเขกหัวมันแล้วเดินไปอ้อนไดจัง


“คืนนี้ฉันย้ายมานอนห้องนายนะ..” เอาหัวถูๆกับไหล่ด้วยเดี๋ยวไดจังไม่ใจอ่อน


“อ่าวเฮ้ย!? นี่ก็ห้องกูเหมือนกัน ทำไมขอกับไดจังแค่คนเดียววะ” ผมปรายตาหันไปแยกเขี้ยวใส่มันให้เงียบแล้วทำตาวิ๊งๆใส่ไดสุเกะ


“ไม่ล่ะ ซัทจังนอนกับเร็นน่ะดีแล้ว ฉันอยากเห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที” อ่าวไหงสนับสนุนให้เพื่อนเป็นเมียชายอื่นอย่างนี้ละครับโยซาโนะ ไดสุเกะ


ผมต่อยแขนของไดจังเบาๆ (ไม่กล้าทำหนักเพราะไดจังไม่มือเท้าหนักไม่แพ้ใคร โดนเอาคืนแล้วจะเจ็บไม่ใช่น้อย) ก่อนทำหน้างอ..รอการง้อจากเพื่อนรักตามสเต็ปโดยไม่ลืมจะมองจิกไอ้คนที่หัวเราะท้องคัดท้องแข็งอย่างเคนอิจิด้วย


“หน่าๆ นี่มีของดีให้ด้วยนะ”


มีของมาล่อผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีกนิด เลยรีบหันไปหาคนพูดแต่พอเห็นของที่มันหยิบมาแล้วผมก็ใช้เท้าเตะเสยของในมือมันทันที


ห่า....เจลหล่อลื่นขนาดขวดจัมโบ้ผูกด้วยริบบิ้นสีแดง


“เก็บไว้ใช้กับตัวเองเถอะโคยามะ เคนอิจิ”


ผมทำน้ำเสียงนิ่งเย็นชาแล้วมองจิกมัน แต่ดูเหมือนไอ้หน้าไก่จะไม่สำนึก มันงอตัวหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่มีมารยาท พอๆกับไดจังเลย


ไม่เห็นประโยชน์ที่อยู่ต่อเป็นตัวตลกให้เพื่อนรักแล้ว ผมก็เลยกลับห้องไป อย่างน้อยไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกไปเหล่สาวที่มหาลัยดีกว่า


เดี๋ยวค่อยคิดหาทางป้องกันสถานการณ์คืนนี้อีกทีก็แล้วกัน



ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าคณะผมก็อยากจะย้ายมวลสารของกายหยาบออกจากมหาลัยมันเสียเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่ทันหรอก ไอ้สองตัวถึกๆมันก็ถลาเข้ามาหาผม คนหนึ่งมาพร้อมด้วยช่อดอกไม้สีชมพูกับอีกคนมาพร้อมด้วยตุ๊กตาหมีสีขาวและมันประสานเสียงเข้ามาหาผมพร้อมกันทั้งคู่จนผมอยากกระโดดแยกขาถีบหน้ามันพร้อมๆกัน


“น้องซัทจังคร้าบ~~~~”


ผมหันหลังแล้วเดินกลับออกไปทันที แต่ไม่วายที่มันสองตัวจะเข้ามาประกบผมซ้ายขวาแล้วยังมีหน้าอวดของในมือพวกมันด้วย




“พี่ซื้อดอกไม้มาให้น้องซัทจัง น้องซัทจังชอบไหมครับ? สวยและแพงที่สุดในร้านเลยนะครับ เหมาะกับคนสวยๆอย่างน้องซัทจังที่สุด”




“พี่เองก็ซื้อตุ๊กตาหมีมาให้น้องซัทจังเหมือนกัน เวลานอนกอด น้องซัทจังจะได้นึกถึงพี่ยังไงครับ”




ครับ...มันโฆษณาสรรพคุณของที่พวกมันหิ้วกันมาแล้วมันก็มองเขม่นข้ามหัวผมกันเอง ผมมองช่อดอกไม้แล้วทำน่าสยอง แมนๆอย่างกูมึงจะให้ถือช่อดอกไม้สีหวานแหววไปทั่วมหาลัยนี่มึงใช้อะไรคิดวะครับไอ้รุ่นพี่คณะเศรษฐศาสตร์
แล้วพอหันไปหาอีกฝ่ายที่มันกำลังฉีกยิ้มแป้นเอาตุ๊กตาหมีเทียบกับใบหน้าหมีๆของมันอย่างภาคภูมิใจ คิดว่าผมจะเลือกมันล่ะสิ




“ขอโทษครับ พวกพี่ไม่มีเรียนหรือไงครับ?”




วันๆเอาแต่ตามเกาะติดเป็นเห็บชีวิตกูอยู่ด๊ายยยย!!




กูจะไปจีบสาว จะไปม่อสาว แล้วพวกมึงมาติดกับกูเป็นตังเมแบบนี้สาวที่กูไปจีบเค้าจะคิดยังไง!! แหม...คงภูมิใจน่าดู ผู้ชายที่มาจีบกูมีปลิงชีวิตตัวถึกๆสองตัวตามติดอย่างกับเป็นเงาที่สองเงาที่สามของร่างกายงั้นแหละ




“ไม่มีครับ พี่อุตส่าห์มามหาลัยเพื่อเจอน้องซัทจังเลยนะครับ”




“พี่มีเรียนบ่ายครับ เพราะงั้นช่วงเช้านี้พี่ยกเวลาทั้งหมดให้น้องซัทจังได้เลยและถ้าน้องซัทจังต้องการเวลาช่วงบ่ายด้วยพี่ก็ยินดีโดดให้ครับ”




เอ่อ...มึงไม่ต้องยินดีก็ได้ กูเกรงใจ ไม่อยากได้




ผมยังไม่ทันตอบอะไรกลับไป อีกหนึ่งมนุษย์เกย์ที่เพิ่งพาตัวเองเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของผม มันก็เดินเฉิดฉายความหล่อของมันให้ฟุ้งกระจายไปทั่วคณะผม แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่มันกำลังตรงดิ่งมาหาผมและหยุดยืนอยู่ข้างหน้าผมในระยะหนึ่งเมตรพร้อมกับดอกไม้ช่อโตประดับตุ๊กตากระต่ายบนช่อดอกไม้ด้วย




ไอ้บ้านี่กำลังจะทำให้ผมขายหน้าใช่มั้ย!!




“พี่มารับซัทจังไปทานมื้อกลางวันตามที่เรานัดกันเมื่อคืนครับ”




นัด...!?




กูไปนัดอะไรมึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!! แล้วใครอนุญาตให้มึงเรียกกูว่าซัทจังวะครับ!!




ผมยืนเอ๋อแบบสมองไม่สามารถประมวลผลได้ พอๆกับไอ้สองตัวถึกๆ ที่ยืนประกบผมอยู่ คาดว่าพวกมันคงน็อคเอ้าท์ไปที่เจอคู่แข่งที่มาแบบเหนือชั้นกว่าอย่างริวซากิ เร็นไปแล้ว




เร็นมันใช้ช่วงจังหวะที่ผมยืนเอ๋อ ชิงตัวผมจากรุ่นพี่อิโต้และรุ่นพี่ยามาดะไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของนักศึกษานับร้อยชีวิตที่อยู่ตรงลานหน้าคณะ ขึ้นรถเปิดประทุนป้ายแดงของมันและขับออกไปอย่างรวดเร็ว




พรุ่งนี้ชีวิตสดใสในมหาลัยของผมคงหมดกัน หนังสือพิมพ์คณะคงพาดหัวข่าวใหญ่




นักศึกษาปีสองสุดหล่อ อิชิฮาระ ซัทสึกิ เอกการละคร ถูกริวซากิ เร็นเดือนมหาลัยชิงนางไปจากหนุ่มคณะบริหารและวิศวะกลางลานหน้าคณะนิเทศ!!




จบ!! จบกันคราวนี้!!




ความแมนของผมมันจบสิ้นยิ่งกว่าที่ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นเทียวไล้เทียวขื่อมาเป็นปีเสียอีก




“ฉันนัดกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมจุดประเด็นถามขึ้นมาเมื่อเร็นมันกำลังจะขับรถเลี้ยวออกจากประตูมหาลัย




“ตอนที่นายนอนกอดฉันไง”




ผมหันกลับมามองไอ้หล่อที่มันหยิบเอาแว่นกันแดดที่ดูท่าราคาจะแพงไม่น้อยขึ้นมาใส่ ผมเนี้ยนะนอนกอดมัน มันสินอนกอดผมล่ะไม่ว่า




“ฉันไม่เห็นจำได้” ผมหมุนช่อดอกไม้ที่มันยัดใส่มือของผมดู พลางหรี่ตามองไอ้กระต่ายหูยาวสีชมพูอย่างหมั่นไส้ ไอ้บ้านี่มันต้องล้อเลียนเรื่องกระต่ายปิศาจเมื่อคืนแน่ๆถึงจงใจซื้อช่อดอกไม้ติดตุ๊กตากระต่ายสีเดียวกันนี่มา




ผมหันไปจ้องมัน มันก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นแถมยังเอื้อมมือมาเปิดเพลงฝรั่งให้มันบาดหูผมอีก




โอเค!! มื้อนี้กูจะยัดให้เต็มคราบเอาให้คุ้มกับที่มึงกระชากชื่อเสียงความแมนไปจากกูวันนี้ก็แล้วกัน





มื้อกลางวันนี้ไม่ได้ทรมานใจเท่ากับเมื่อวาน อย่างน้อยสภาพของผมวันนี้ก็ดูดีกว่าเมื่อวานล้านเท่า




พออาหารวางเต็มโต๊ะ ความขุ่นใจมันก็มลายหายไปหมด แถมไอ้บ้านั่นก็ยังเอาใจด้วยการคีบอาหารมาใส่จานของผมอยู่เนื่องๆ ถึงผมจะหงุดหงิดบ้างที่มันจะชอบหัวเราะเวลาผมทำหน้าย่นจมูกเมื่อกลิ่นวาซาบิมันพุ่งขึ้นจมูก
อ่อนี่ผมไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าเรามากินอาหารญี่ปุ่นกัน




แต่ช่างเหอะ ตอนนี้ผมอิ่มแล้วและกำลังนั่งลูบพุงไปจิ้มเมล่อนหวานๆที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟให้ระหว่างรอไอ้คุณชายมันเซ็นต์ชื่อลงสลิปที่มันเพิ่งเอาบัตรแพลตตินั่มรูดไปเมื่อกี้นี้




“บ่ายนี้นายก็ไม่มีเรียน จะไปไหนต่อล่ะ?” ผมจิ้มเมล่อนค้างไปสามวินาทีก่อนจะงับมันเข้าปากแล้วเคี้ยวงับๆ
“รู้ได้ไงว่าฉันไม่มีเรียน?” ผมจ้องมันอย่างจับผิด มันรู้ได้ไงว่าผมอยู่คณะนิเทศ แล้วมันก็รู้ได้ไงบ่ายนี้ผมไม่มีเรียน




“คนที่หน้าเหมือนไก่คนนั้นน่ะ ชื่อไรนะ อะไรเคนๆ เอาตารางเรียนทั้งหมดของนายมาให้ฉันเมื่อเช้า”
โคยามะ เคนอิจิ!! ไอ้ตัวดี สาบานเถอะว่ากลับไปเอ็งได้กินลูกเตะของท่านซัทสึกิแน่ๆ




“ว่าไงจะไปไหน?”




“ถ้าบอกว่าจะไปปารีส นายจะพาไปหรือไง?” ผมกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องมัน แอบกระซิบบอกเบาๆว่าในมุมนี้หน้าเราจะแมนขึ้นในอัตโนมัติครับ




“ถ้าอยากไปก็ได้” โอเคครับ ท้าใครไม่ท้า ดันไปท้าไอ้ลูกคนรวย มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครสักคน




“เดี๋ยวๆ จะโทรไปไหน?” ผมลุกขึ้นตะกายไปคว้ามือมันลงก่อนมันจะเอามือถือแนบหู




“โทรไปจองตั๋วไง” ดูมันยังมีหน้ามาทำมึนใส่ ทำนองว่าไม่รู้ว่าผมประชดมันซะอีก ผมจิ๊ปากใส่มัน




“ถ้าไม่ไปไหน งั้นไปดูหนังกัน เดี๋ยวเลี้ยง” ไอ้บ้านี่มันรู้จุดอ่อนของผมป่าววะ พอผมอ้าปากจะปฏิเสธมันก็สวนบอกมาทันทีว่าเดี๋ยวเลี้ยงแถมยังจิ้มเอาเมล่อนในจานเล็กหน้ามันมายัดใส่ปากของผมอีก




“อ่ออ้ายย” ผมพยักหน้างึกงักแล้วบดฟันลงแรงๆกับเมล่อนเกินความจำเป็น ไม่อยากบอกว่าผมเห็นเมล่อนเนื้อนิ่มเป็นหน้ามันไปแล้วตอนนี้




“แต่ไม่ดู Sex & Zen นะ ไอ้เคนมันโหลดแบบซูมมาดูแล้ว ไม่มีห่าไรเลยนอกจากเรื่องอย่างว่า”




พูดไปแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดพูดคำหยาบใส่มันไปแล้วไอ้ลูกคุณหนูที่ต้องนอนเตียงยางพาราและขับรถเปิดประทุนป้ายแดง กินแต่อาหารหรูๆ มันจะระคายหูมั้ยวะ?




“แหมะ..ว่าจะชวนดูอยู่เลย” อ่าวห่า..ดีนะที่กูดักทางไว้ก่อน




“คนอย่างนายดูได้ด้วยหรอ?”




เอ่อ..เผลอปากไวไปอีกสิเนี้ยกู พูดไปปุ๊บมันหันกลับมาแถมยังเอามือยันผนังกักผมไม่ให้เดินต่ออีก นี่มันกลางห้างนะเว้ย!!




“คนอย่างฉันมันทำไม?” มันโน้มหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิดแล้วถามผมยกมือขึ้นมายันอกมันผลักให้ห่างแต่เชื่อเถอะ เห็นมันผอมๆสูงๆแบบนี้แม่งหนักบรรลัย ยันยังไงก็ไม่ไปเหมือนยันเสาปูน




“นายเป็นเกย์ไม่ใช่หรือไงกัน” ผมกัดฟันถามมันกลับไป เลิกยันมันแล้วยิ่งยันแม่งยิ่งกดตัวเข้ามาหา พอผมถามไปแล้วก็อดคิดถึงปฏิกิริยาไม่ได้ มันต้องถอยห่างแล้วผงะไปที่ผมรู้โฉมหน้าที่แท้จริงขอมัน




แต่ขอบอกว่าผมคิดผิดอีกแล้ว




ทฤษฏีของผมแม่งใช้ไม่ได้กับไอ้เกย์ลูกคุณหนูคนนี้ ไอ้บ้านี่ยิ้มกริ่มแล้วยังมีหน้าลอยหน้ามาพูดใส่ผมอีก




“รู้ก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์แต่เป็นไบ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ปากแดงๆ ชอบทำตัวห้าวๆ เนี้ยแหละสเป็คฉัน”




มันพูดถึงใคร มันคงไม่ได้หมายถึงผมหรอกนะ ผมน่ะหล่อจะตายไม่ได้น่ารักหรอกใช่มั้ย ถึงผมจะขาวแต่มันขาวกว่าผม แล้วผมก็ไม่ได้ปากแดง แค่ชมพูธรรมชาติ




ที่สำคัญไม่ได้ทำตัวห้าวแต่มันแมนในสายเลือด(โว้ย!!)




ว่าแต่..ผมควรดีใจมั้ยที่มันเป็นเสือไบไม่ใช่เกย์ (มันต่างกันตรงไหนกับสวัสดิภาพบั้นท้ายของผมวะเนี้ย=_=!!)





ลงท้ายของเย็นนั้นผมก็เลยต้องถูกไอ้เกย์มันลากเข้าไปดูหนัง ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันไปซื้อตั๋วเรื่องอะไรมา เพราะมันเอาเงินมายัดให้ผมแล้วบอกให้ผมไปหาซื้ออะไรกินก็ได้ตามใจผม ผมเลยเอาเงินมันไปซื้อป๊อบคอร์นถังใหญ่สุดมากับโค๊กแก้วใหญ่มา อุบอิบเอาเงินทอนที่เหลือเกินครึ่งที่มันให้มาใส่กระเป๋าตัวเองแล้วเดินลอยชายกลับไปหามัน




“ซื้อโค้กมาแก้วเดียวหรอ?” มันยังมีหน้ามาถาม แค่นี้ตรูก็จะเอาของแบกขึ้นหัวมาแล้ว ผมยักไหล่แล้วดูดโค้กเย้ยมันประมาณว่าแก้วนี้ของกู




แต่มันก็หน้ามึนกว่าผม แย่งโค้กจากปากผมไปดูดเฉยเลย ผมเลยกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องมันอีกหน พอมันไม่สนใจผมเลยเปลี่ยนมาเอาข้าวโพดคั่วยัด ใส่ปากแทนอย่างหงุดหงิดใจ




ผมเดินเข้าโรงหนังไปโดยไม่ได้สนใจว่ามันพาผมมาดูเรื่องอะไร แค่เห็นแวบๆว่าโปสเตอร์หน้าโรงมันเป็นรูปเด็กผู้ชายยืนทะมึนๆอยู่ไม่ใช่ตูมๆ แบบหลายเต้าเด้งหราอยู่ เพราะถ้าเป็น Sex & Zen จริงผมคงลำบากใจไม่น้อยที่ ต้องนั่งดูเต้าเด้งแบบหลายมิติกับไอ้คนที่ประกาศตัวเองอย่างชัดเจนว่ามันเป็นไบเซ็กชวล เกิดนั่งๆดูอยู่แล้วมันมีอารมณ์โด่ขึ้นมา คนที่จะซวยเอาไม่ใช่ผมหรอกหรอ? ถ้าผมถูกกดกลางโรงหนังขึ้นมา ใช่จะรับผิดชอบกันล่ะ




แต่แม่งเอ้ย หมดจากเรื่องที่กังวลเรื่องนั้นแล้ว พอมาเจอเรื่องที่นั่ง ผมก็หมุนตัวกลับจะเดินออกจากโรงหนังแทบทันที
ผมไม่น่าไว้ใจให้ไอ้ห่าลูกคุณหนูนี่มันไปซื้อตั๋วเลย คุณรู้มั้ย..ที่นั่งธรรมดามันก็นั่งดูได้เหมือนกัน แต่มันสะเออะซื้อตั๋วแบบโซฟาสำหรับคู่รัก ไอ้หน้าหอกเอ้ย!!




ผมอยากจะเอาถังป๊อปคอร์นคว่ำใส่หัวมันตอนที่มันลากผมไปนั่ง หน้าผมร้อนไปถึงคอตอนได้ยินเสียงซุบซิบของพวกสาวๆที่เดินตามเข้ามา ขนาดพวกเธอเดินลงไปนั่งที่แถวของพวกเธอ ผมยังเห็นเลยว่าพวกเธอหันมามองแล้วหัวเราะคิกคักกัน ณ จุดนี้ผมอยากจะเอาผ้าห่มที่มันพับอยู่บนโซฟามาคลุมหัวหนีหรือไม่ก็ยัดใส่ปากไอ้คนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆนี่เลย




วันนี้มึงขายความแมนกูไปหลายยกแล้วนะครับริวซากิ เร็น!!




แต่เนื่องจากเริ่มมีคนเข้ามาจนเต็มโรงแล้ว ผมเลยได้แต่เก็บความขุ่นใจไว้ข้างในแล้วโยนป็อปคอร์นเข้าปาก ระหว่างนั้นไอ้เห็บชีวิตตัวที่สามของชีวิตผมมันก็เอนกระแซะเข้ามาหาแล้วกระซิบข้างหู



V
V
V

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

“กินมั่งดิ” นัยยะในประโยคนี้หมายความว่าไง? หมายความว่ามันอยากกินป็อปคอร์นบ้างใช่มั้ย? ผมยกเอาป็อปคอร์นออกจากตักเอนปากถังให้มันล้วงไปกินเอง




แต่ไม่ครับ!! ลูกคุณหนูอย่างริวซากิ เร็นแดกป็อปคอร์นเองไม่เป็น




“ป้อนหน่อย”




“มือมี กินเองดิ” กูไม่ใช่แฟนมึงแล้วก็ไม่ใช่แม่นมมึงด้วย มือมีอยาก แดกก็แดกเองแล้วกันนะครับคุณชาย




“อยากให้ป้อน”




นี่กูควรดีใจมั้ยที่มีเสือไบมาอ้อนเหมือนเด็กอายุสามขวบแบบนี้ แถมแม่งยังมายื้อมือผมที่เพิ่งล้วงไปหยิบป๊อบคอร์นมางับไปกินหน้าตาเฉยอีก




เวร..อย่าหวังว่าจะมีคราวหน้าเลยเหอะมึง กูไม่มาดูหนังกับมึงแล้ว เด็ดขาดและเด็ดขาด!!




หนังตรงหน้าเริ่มฉาย ป็อปคอร์นถังโตก็เริ่มอร่อยมากกว่าเดิมเพราะไอ้มนุษย์เกย์มันมาแย่งกินส่วนของมัน ถังมันก็โต แต่ทำไมเวลามันล้วงมาทีไร ต้องจับหมับเข้าที่มือผมทุกที แถมยังหน้ามึนจะแดกนิ้วผมอีก กระชากนิ้วที่มันอมไปแล้วครึ่งข้อมาป้ายน้ำลายมันลงกับเสื้อเชิ้ตของมันแล้วยี้หน้าใส่เล็กน้อย ผมถึงหันมาเห็นไอ้ภาพเคลื่อนไหวบนจอ




“เอ่อ...ริวซากิ เร็น นายพาฉันมาดูเรื่องอะไร?”




“อินซิเดียส น่าดูนะเรื่องนี้ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงด้วย”




โอเค ซึ้ง!! กูสมควรจะดีใจมั้ย ได้มาเดทกับเกย์ไบในโรงหนังครั้งแรกกับหนังผีที่สร้างจากเรื่องจริง อยากจะกระโดดถีบยอดหน้ามันจริงๆ ชีวิตแมนๆของผมไม่เคยกลัวอะไรเท่าผีอีกแล้ว




“งั้นกลับละ” ไม่สนใจแล้วว่าลุกขึ้นจากโรงตอนนี้จะเสียมารยาทหรือไม่แต่จะให้ผมดูหนังผีตอนกลางวันแสกๆ ไม่มีทาง!!(กลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง!!)




“ป๊อดหรอ?” ดูน้ำเสียงมันดิ๊!! คุณต้องมาฟังเสียงมันที่มากระซิบข้างหูผมเองแล้วว่ามันกวนตีนบรรลัยโลกมากแค่ไหน




“ไม่ได้ป๊อด แค่ไม่ชอบ”




ผมดึงคอเสื้อเข้ามาปิดแล้วแทบจะยกขาขึ้นมาชันเข่าบนโซฟาตอน เสียงซาวน์ประกอบหนังแม่งหลอนประสาทขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“ก็ป๊อดล่ะว้า ไม่กล้าดูล่ะสิ ไม่แมนเลย”




คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิ ฆ่าได้แต่หยามความแมนไม่ได้ครับ ผมเลยจำต้องนั่งปิดตากินข้าวโพดคั่วต่อในโรงหนังท่ามกลางเสียงกรีดร้องเป็นระยะๆ ของตัวละครในจอและนอกจอ




มึงจะสั่นขวัญกูไปไหนวะครับเนี้ย แค่นี้วิญญาณกูก็จะออกจากร่างแล้ว




หมดสภาพมากๆตอนเดินออกมาจากโรงหนัง ไอ้บ้าที่หลอกผมเข้าไปดูหนังผีมันคงชอบใจที่ได้เนียนเอากำไรกับคนแมนๆอย่างผม มันเอาแต่ล้อที่ผมซุกหน้าเข้ากับไหล่มันหนีฉากน่ากลัวๆในเรื่องตลอดจนผมต้องถ่องศอกเข้าท้อง มัน แต่ก็อย่างเคยครับ มันหนีการทำร้ายร่างกายของผมได้ตลอด




“ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเลี้ยงไถ่โทษ”




ไอ้นี่ก็เอะอะก็ล่อผมด้วยของกินตลอด ด้วยความแค้นใจผมเลยเดินนำ เข้าร้านไอติมไปและสั่งพาเฟ่ต์ชุดใหญ่มาสองชุดทันทีแถมท้ายด้วยพุดดิ้งชาเขียว อีกหนึ่ง ไอ้หล่อนั่นไม่ได้สั่งไอติมแต่สั่งอเมริกาโน่แทน โอเคครับมึงพากูมาอ้วน คนเดียวสินะ แต่เรื่องอะไรจะแคร์ ผมตักจ้วงเข้าปากทันทีที่มาถึง




มองผมตักเข้าปากไปได้สามคำ ไอ้ก้านยาวมันก็เอื้อมมือมาหยิบช้อนอีกคันและทำท่าจะตักไอติมของผมกิน ด้วยความว่องไวผมเอาช้อนเคาะไปที่ข้อนิ้วมันอย่างแรง




“ทำไรน่ะ!!”




ผมถามแล้วเอามือป้องกันสิทธิและเสรีภาพในไอติมถ้วยโตทั้งสองกับพุดดิ้งอีกหนึ่งของผม มันจะมองว่าผมขี้หวงเหมือนเด็กๆก็ช่างมันเถอะ ดีกว่าให้มากินไอติมถ้วยเดียวกันให้คนมันหันมามองก็แล้วกัน แค่ผู้ชายหล่อๆ สองคนเดินเข้าร้านไอติมน่ารักๆด้วยกันมันก็อุบาทว์ชีวิตมากพอแล้ว




“จะช่วยกินไง ตั้งสามถ้วยนายจะกินหมดหรือไงกัน”




“หมดหน่า อยากกินก็สั่งเองดิ” ไม่รู้ล่ะผมไม่สน ผมจะกิน ถึงมันจะเป็น คนจ่าย แต่ผมไม่ให้มันกิน ใครจะทำไม




“ก็ดี กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ เวลากอดจะได้ตัวนุ่มๆ ลูบทีเนื้อจะได้นิ่มๆ เพลินมือ” ดูมันเปรย ดูมันเปรย!! ผมผลักไอติมสองถ้วยไปหามันทีทันเลย




“ให้กินด้วยก็ได้” คิดว่าผมจะหยุดกินล่ะสิ ไม่ล่ะขอบอก ฟรุ้ตพาเฟ่ต์ที่นี่อร่อยขั้นเทพ ไม่กินนี่โง่ชนิดหญ้ายังมีค่าเกินไปที่จะกินเลยด้วยซ้ำ




ไอ้คุณชายมันยิ้มกริ่มและตักไอติมเข้าปากมัน ปล่อยให้ผมกัดช้อน อย่างแค้นใจ




จำไว้เถอะ วันพระไม่ได้มีแค่หนเดียวเว้ย!!





“ไงวันนี้ไปเดทกับเร็นที่ห้างหรอ?” คำทักทายของไอ้เคนที่มันกำลังช่วยฮิโรโตะทำครัวอยู่แทบจะให้ผมถลาไปประเคนหมัดใส่หน้ามัน




“กูยังไม่ชำระความเลยนะที่มึงเอาตารางเรียนกูไปบอกไอ้คุณหนูนั่นว่าแต่มึงรู้ได้ไงว่ากูไปห้างกับมันมา” ประโยคหลังผมกระซิบถามเอาเพราะไม่อยากให้พี่ทาคาชิที่แวะมาหาพี่มิซึรุเค้าได้ยินระหว่างที่เขาเดินผ่านห้องครัวไปหาพี่มิซึรุที่นั่งขอดเกล็ดปลาอยู่หลังบ้าน




“พวกน้องๆคณะอักษรเค้าไปเจอมึงเดินควงเข้าไปดูหนังกับไอ้คุณชายเค้า แถมยังนั่งเลิฟเวอร์ซีทด้วยไม่ใช่หรอมึง”




“แล้วก็น้องคณะบัญชีเค้าก็ไปเจอนายกำลังนั่งกินไอติมถ้วยเดียวกันกับเร็นด้วย” โอเคครับ ห้างอยู่ใกล้มหาลัยมันแย่ตรงที่มีนักศึกษาเดินว่อนให้ทั่วนอกจากพรุ่งนี้ผมจะโดนพาดหัวว่าถูกชิงนางจากหน้าลานคณะแล้วยัง ควงแขนไปสวีทจิ๊จ๊ะกันที่ห้างข้างมหาลัยอีกใช่ไหม




จบสิ้นกันอิชิฮาระ ซัทสึกิจะมีหน้าไปจีบสาวที่ไหนได้อีก




ผมพากายหยาบของตัวเองขึ้นห้องไปโดยบอกลามื้อค่ำที่ฮิโรโตะกับพี่มิซึรุตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา ถ้าขืนผมยังเอาอะไรยัดลงกระเพาะได้อีก พรุ่งนี้ท้องผมคงหลามให้ไอ้คุณชายนั่นมันดีใจแน่ๆ ขนาดมันช่วยกันพาเฟ่ต์ไปครึ่งหนึ่งกับพุดดิ้งอีกเกินครึ่ง ผมยังแทบขยับก้นออกจากร้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ




“อาบน้ำก่อนนอนด้วย ฉันไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนซกมก”




ไอ้คุณชายนั่นมันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาถึงมันก็มายืนค้ำหัวแล้วสั่ง ผมแถมยังยกมือตีก้นผมอีกด้วย จุดนี้ผมสะดุ้งเหมือนเอาเหล็กเผาไฟมานาบ ผม ลุกขึ้นมานั่งทันทีอย่างน้อยก็ไม่โชว์ก้นใส่หน้ามันให้หวาดเสียวว่าจะโดนจับกด




“ขี้เกียจ” ผมสวนบอกมันไปทันควัน แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงกอดตุ๊กตากระต่ายปิศาจของไดจัง




“ขี้เกียจหรือกลัว ดูหนังผีมาเลยกลัวไม่กล้าไปอาบน้ำล่ะสิ”




แม่ง....รู้ทันกูอีก




“ไม่ได้กลัว!!” ผมเถียงมันแล้วยื้อผ้าห่มที่มันดึงอย่างไม่กลัวว่าผ้าห่ม ราคาแพงกว่าเงินค่าขนมทั้งปีของผมมันจะขาดเลยสักนิด




“งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน”




“ทำไมฉันต้องอาบกับนาย!!” ผมตวาดถามกลับไปอย่างตกใจก่อนจะ รีบอุดปากเพราะกลัวว่าเสียงมันจะดังลงไปถึงข้างล่าง




“ก็นายกลัวผี ฉันก็อุตส่าห์ใจดีอาบเป็นเพื่อนนายไง”




หมาป่าใจดีสิมึงอ่ะ ไม่ต้องมาปลอมตัวเป็นคุณยายใจดีเลย กูไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงที่มึงจะมาหลอกแดกนะ แล้วหน้าตาอย่างมึงก็ห่างไกลจากคำว่าใจดีไปหลายขุมนรกมากขอบอก มองไปมีแต่ความหื่นทั้งนั้น




“ไม่จำเป็น”




“หรือนายไม่กล้า? กลัวฉันจะล้อหรือไงว่าน้องชายของนายมันกระจุ๊งกระจิ๊ง”




อ่าวไอ้ห่านี่ปากหมานี่หว่า มาทำท่าหัวเราะเยาะลูกชายที่ผมภาคภูมิใจได้ไงกัน ไม่เคยเห็นไม่เคยวัดขนาดแล้วอย่ามาปากดีทำเสียงเยาะกันแบบนี้นะเว้ยถึงมึงจะหล่อ ถึงมึงจะรวยแต่กูสอยคางมึงด้วยหมัดอัพเปอร์คัทได้นะเว้ย




“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะเว้ย!!”




“หรือกลัวจะใจเต้นกับหุ่นฉันเลยไม่กล้าอาบด้วยกัน?”




“ทำไมฉันต้องใจเต้นกับนาย ฉันแมนนะเว้ย!! ไม่ได้เป็นเกย์แล้วก็ไม่ได้เป็นไบเหมือนนายด้วย!! นมโคแท้จากเต้าเท่านั้นเว้ยที่ทำฉันใจเต้นได้!!” ผมกระชากเสื้อมามันตะคอกใส่โทษฐานที่มันหยามความแมนกัน




“แมนแล้วทำไมกลัวเกย์ล่ะ? แบบนี้ไม่แมนจริงนี่หว่า”




อ๊ะๆ นี่มันจะดูถูกความแมนของผมมากไปแล้วนะ




“อาบก็อาบดิ ไม่กลัวอยู่แล้ว”




ผมก้าวนำมันเข้าห้องน้ำไป สะบัดหน้าหันกลับมากดสายตามองมันอย่างท้าทายก่อนจะถอดเสื้อเหวี่ยงออกมาใส่หน้ามัน




“แน่จริงก็ถอดดิ!! แล้วจะได้รู้ว่าใคร....ใหญ่กว่ากัน!!”




เค้าว่าผู้ชายที่ข่มผู้ชายด้วยกันเองได้จะเป็นชายเหนือชาย




.
.




แล้วตอนนี้กูเป็นอะไรวะเนี้ย




สายตาของผมมองไปที่ไอ้นั่นของเร็นแล้วกลับขึ้นไปมองหน้ามันก่อนจะเลื่อนสายตาลงมามองอีกครั้ง ไม่อยากจะบอกเลยว่ารับไม่ได้จริงๆกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ อยากจะเก็บน้องชายสุดที่รักซ่อนไม่ให้มันเห็นเลยจริงๆ แต่มันก็คงช้าไปแล้ว




ซัทสึกิน้อยที่ผมแสนจะภาคภูมิใจเวลาได้เยาะเย้ยเคนอิจิเวลาผมอาบน้ำกับมัน แพ้รูดให้กับของไอ้ลูกคุณหนูมันอย่างกรรมการไม่ยอมให้แก้ตัว พ่อมึงเหอะ ขนาดยังไม่ตื่นมึงจะ...เอ่อ..ใหญ่...และยาวไปไหน




กูเข้าใจและว่าทำไมมึงถึงเป็นไบ ของมึงดีอย่างงี้นี่เองถึงสอยได้ทั้ง ชายและหญิง




“ไง รู้ยัง...ว่าใครใหญ่” เออ กูรู้แล้ว ไม่ต้องมาทับถมกูด้วยการเข้ามาประชิดแล้วพูดกรอกอยู่ข้างกูก็ได้ มึงเบียดเข้ามาใกล้มากๆ รู้มั้ยว่าไอ้นั่นของมึงกำลังเบียดกับร่องตูดกูอยู่...




“ชิสส์!!” ผมจิ๊ปากแล้วย่นจมูกใส่มัน พลางเขยิบหนี แต่มันก็ยังเบียดเข้ามาหาตาม




“จะมาเบียดทำไมเนี้ย!!” ผมเอาศอกถ่องไปกะให้โดนลิ้นปี่มัน แต่ด้วยพื้นที่ไม่มี วงเหวี่ยงมันเลยแคบ ออกแรงไม่ได้ดั่งใจแถมยังโดนมันดึงข้อศอกให้ถลาไปชนอกมันอีก ไอ้บ้านี่ได้ทีกอดผมหมับไว้ทั้งตัวแล้วจัดการแดกหูผม!!




“ตัวขาวจังซัทสึกิ ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อยได้มั้ย เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดเลย นายก็เอามือปิดซะงั้น” แดกหูกูไม่ว่า ยังมาพูดจาหื่นๆใส่กูอีก นอกจากมันจะพูดอย่างนั้นแล้วมันยังเอามือมาดึงมือผมที่ปกป้องสิทธิส่วนตัวอีก ไอ้ห่าจะดูความพ่ายแพ้ของกูให้ได้ใช่มั้ยเนี้ย!!




“อยากดูก็ไปดูของตัวเองซิวะ!!”




ผมโวยวายแล้วดิ้นหนีมัน แต่ด้วยความถึกที่เป็นรองทางกายภาพทำให้ผมดิ้นไม่หลุด ไอ้บ้านี่นอกจากจะรวบมือของผมไว้แล้วจับหมับไปที่ของๆผมอีก




“เฮ้ย!! อย่าจับนะ!!”




“ทำไม?...กลัวจะตื่นเพราะมือเกย์อย่างงั้นหรอ?”




ไอ้บ้านี่มันพูดว่ามันเป็นเกย์ได้อย่างไม่กระดากปากเลยหรือไงนะ สถานการณ์แบบนี้ผมไม่ชอบเลยสักนิด ผมหยุดดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของมัน แล้วหันมามองหน้ามันด้วยสายตาดุๆ




“อย่ามามองอ้อนกันแบบนี้สิ ถ้าฉันอดใจไม่ไหว นายลำบากแน่”




ห่า!! กูไม่ได้มองอ้อนซะหน่อยอย่ามาเพ้อ




แย่แล้ว!!




โดนมันรุกหนักเอามากๆ ก็คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ซัทสึกิน้อยของผมมันก็พองตัวอยู่ในมือของไอ้เกย์บ้านี่ โฮ!! กูแมนนะมึงอย่ารุกกูมากสิ!!




“ขยายได้ใหญ่เหมือนกันแหะ” เสียงมันกระซิบอยู่ข้างหู ผมกดสายตาลงต่ำมองความใหญ่ของตัวเองที่พองอยู่ในมือชาย นี่ผมควรจะภูมิใจมั้ยที่มันขยายตัวได้เป็นสองเท่าของปกติในมือชายด้วยกัน




โฮ!! ความแมนของกู!!



“ปล่อยนะ!!” ผมหยิกมือของมัน แต่ไอ้บ้านี่มันหนังหนาไม่รู้สึกอะไรหรือไง ถึงได้หน้าหนาจับน้องชายคนอื่นเค้ารูดหน้าตาเฉย




อ่อ ผมลืมไปว่ามันเป็นเกย์




“นายนี่..ความรู้สึกไวดีนะ” มันบอกแล้วเริ่มแดกหูผมอีกครั้ง แดกหูผมเสร็จไม่พอยังจะแดกคอของผมด้วยเป็นแวมไพร์หรือครับมึงถึงต้องมาลงเขี้ยว กับคอคนอื่นเขา ผมเอี้ยวคอหนีเพราะจั๊กจี๋ที่มันดูดคอผม




“หยุดนะ!!” ผมผวาร้องเมื่อมันเบียดท่อนร้อนของมันเข้าประกบติดก้นของผมแล้วถูไปมาเบาๆ




“ไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ แล้วนายจะติดใจ”




ติดใจจนเป็นเกย์ตามมันไปด้วยอีกคนน่ะหรอ เรื่องแน่ะ!!




ผมมองค้อนมันและรวบรวมแรงทั้งหมดมาปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างเต็มที่




“ถ้านายทำอะไรมากกว่านี้ ฉันจะต่อยหน้านาย!!” ผมหันไปตวาดใส่มันแบบนี้ แต่ไอ้บ้านั่นกลับแค่แสยะยิ้มแล้วบอกผมว่า




“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”




โอ้!! มายเวอร์จิ้น




อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อจะต้องเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้เกย์ลูกคุณหนูจริงๆหรอนี่!!




-ติดตามต่อตอนที่ 3 ค่ะ-

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
เนื้อเรื่อง สนุกดีค่ะ
ซัทจังน่ารักมากๆ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
3rd Chapter

วันนี้เป็นวันที่ไม่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง (ลบมันออกไปจากประวัติศาสตร์ ได้ก็จะเป็นพระคุณมาก!!)




ผม..ไม่อยากจะเชื่อความจริง..




ความแมนที่ผมภาคภูมิใจตั้งแต่เกิด ถูกไอ้ริวซากิมันทำลายจนย่อยยับไปแล้ว ผมจะไปเรียกร้องเอาคืนได้จากที่ไหน อย่างน้อยผมน่าจะได้ค่าเสียหายจากการเสียตัวให้ไอ้เร็นมันนะนี่




“กำลังคิดจะเรียกร้องค่าเสียหายใช่มั้ย?”




ไอ้บ้านี่พูดเหมือนกับอ่านใจผมได้ ถ้ามันอ่านใจผมได้ ผมจะบอกให้มัน เอาน้องชายมันออกจากก้นผมได้แล้ว เสร็จแล้วก็เอามันออกไปสิฟระ จะค้างไว้ให้กูอนาถใจกับตัวเองหาพระแสงอะไร ปวดตูดนะเว้ย!!




แล้วมันก็เหมือนอ่านใจผมได้อีกหน มันลุกขึ้นจากตัวผม ดึงเอาไอ้ท่อนเนื้อใหญ่ๆของมันออกจากก้นของผมไปด้วย
ไม่อยากบอกว่ามันเจ็บสิ้นดี เจ็บพอๆกับตอนที่มันยัดเยียดใส่เข้ามา นั่นแหละ




“อ๊ะ!!”




“เจ็บมากมั้ย?”




ห่า..ลองให้กูเอาของกูยัดใส่ตูดมึงบ้างมั้ย แต่มึงอาจเจ็บน้อยกว่านะไอ้คุณชายเพราะของกูไม่ได้ใหญ่เหมือนมึง




“เลือดออกด้วยล่ะ”




มันแหวกก้นผมดูแล้วบอก ไม่รู้ตัวไปซะตอนเช้าเลยล่ะ ตอนกูร้องเจ็บๆ ทำไมไม่หัดดูซะบ้างว่ามึงทำของกูแหกไปถึงไหนแล้ว




“เดี๋ยว!นอนคว่ำไปก่อน”




มันผลักให้ผมกลับลงไปนอนคว่ำต่อและตัว มันก็หายไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้ผมนอนกระดิกขารอมันตั้งนาน




ระหว่างนี้ผมกะจะงีบแต่คิดอีกทีผมจะเล่าย้อนความให้พวกคุณฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ผมถึงได้เสียท่าไอ้เร็นมันดีกว่า (แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากเล่าความด่างพร้อยในชีวิตของผมจริงๆเลยนะ)




สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็คือผมเสียท่า ผมพลาดและผม...โดนไอ้คุณชายมันล่อลวงครับ... TT^TT




แล้วผมต้องเท้าความย้อนไปถึงไหนกัน อันที่จริงผมไม่อยากเล่าเลยสักนิด แม่งอัปยศชีวิตสุดๆ เอาเป็นว่าผมจะเล่าคร่าวๆให้คุณฟังก็แล้วกัน




เรื่องมันมีอยู่ว่า...




ผมบอกให้ริวซากิ เร็นมันหยุด แล้วมันบอกผมว่าให้ฆ่ามันดีกว่าให้มันหยุด ครับ...ถ้าผมฆ่ามันได้ผมจะฆ่ามันตั้งแต่ตอนที่มันพูดบอกผมแน่นอน สาบานด้วยชีวิต ถ้ารู้ว่าต่อจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีมันจะสอยตูดผมจริงๆอย่างที่หวาดระแวงล่ะนะ
มา...ผมทำใจได้แล้ว เรามาย้อนความเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วกันเถอะ





“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”




ผมอยากจะบอกมันเหมือนกันว่าฆ่ากูเลยเหอะ ถ้ามึงคิดจะทะลวงประตูหลังกู




แต่ก็แค่คิด ยังไม่ทันได้พูดออกไป เพราะไอ้บ้านั่นมันชิงลงมือทำก่อน ผมได้พูด เล่นเอาผมช็อคไปแล้วเรียบร้อย ตั้งแต่เกิดมาสิบเก้าปีบนโลกใบนี้ไม่ เคยถูกใครเอานิ้วแยงก้นมาก่อนเลยขอบอก




พอเห็นผมช็อคจนทำอะไรไม่ถูกไอ้บ้านี่ก็เริ่มสเต็ปขั้นต่อไป มันแยงนิ้ว ที่สองตามติดเข้ามาแล้วสอดลึกเข้าไปจนมิดข้อนิ้วยาวๆของมัน ผมแทบอยากร้องไห้




“เจ็บ...เอาออกไปนะ”




ผมหันไปบอกมัน มองมันตาเขียว ปากผมมันสั่นจนต้องกัดเอาไว้ ไอ้บ้านี่ก็นิ้วยาวชิบหาย




“ไม่ได้หรอก”




ไอ้หอก!! แค่ดึงนิ้วออกไปจากก้นกูทำไมจะทำไม่ได้




“ก้นนายรัดนิ้วฉันอยู่” มันบอกเหตุผลต่อทันทีให้ผมอับอาย




เหี้ยมาก!!




กูไม่ได้อยากรัดนิ้วมึงหรอกนะ กูห้ามตูดกูไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย?




แต่หน้าตามึงบอกมากว่ามึงไม่ได้สนใจจะเข้าใจกูหรอก มึงสนใจจะเข้า ตูดกูมากกว่า




ไอ้บ้านี่พอเห็นผมเถียงมันต่อไม่ได้มันก็เอาแต่ยิ้มกริ่มแล้วควานนิ้วจนผมเสียววูบ อีกมือนึงมันก็พยายามเหลือเกินที่จะขยายขนาดซัทสึกิน้อยของผม ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่ากูภูมิใจในความกระจุ๊งกระจิ๊งของกูแล้ว ไม่ต้องมาช่วยขยายขนาดให้กูก็ได้




“อ๊ะ..อะ”




ผมงอตัวแล้วปล่อยเสียงออกจากลำคอ มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ข้างหน้าไอ้เร็นมันก็ไม่รู้จะรีบเร่งความเร็วหาพระแสงอะไร ข้างหลังมันก็ควานเข้าควานออกอยู่ได้




ผมยังนึกดีใจที่มันเป็นแค่นิ้วไม่ใช่ความภาคภูมิใจของมัน ไม่อย่างนั้น ผมจะโหม่งหัวชนฝาผนังห้องน้ำตายไปเลยดีกว่า แต่คิดยังไม่ทันไร ไอ้บ้านั่นก็ดึงนิ้วออกจากก้นผมแล้วแทนที่ด้วยน้องชายของมัน




“เจ็บนะโว้ย!!” ผมร้องลั่นแล้วพยายามยกขาถีบมัน แต่ไอ้บ้านี่อยู่ข้างหลังผมเลยถีบมันไม่ได้




“ก็อย่าเกร็งสิ”




สั่งง่ายเหมือนทอดไข่เจียวโปะข้าวเลยนะมึง ลองมาเป็นกูดูบ้างมั้ย ของแบบนี้มันห้ามได้ที่ไหนกัน ยิ่งมันบุกเข้ามาผมก็ยิ่งเกร็ง ได้ยินเสียงมันครางครึมแล้วก็อดขนลุกซู่ไม่ได้




นี่กูเสียเวอร์จิ้นให้เกย์จริงๆหรอนี่




ฮือ!!




.
.




ครับ..ครั้งแรกในห้องน้ำ




ผมเสร็จไปสองรอบเพราะมือมันและอีกหนึ่งรอบกับที่มันทะลวงหลังเข้ามา ไอ้เร็นมันทะลวงหลังผมไม่พอยังปล่อยข้างในอีก แค่นั้นผมก็จะ ตายอยู่แล้ว แรงมันหายไปหมด ขาสั่นโคตรๆถ้าไม่ได้ไอ้บ้านี่กอดเอวไว้ผมคงลงไปนั่งหมดสภาพกับพื้นห้องน้ำไปแล้ว




แต่นั่นมันยังไม่พอครับ ไอ้เกย์มักมากเอาแต่ใจมันลากผมออกมาต่อที่เตียงอีก คราวนี้ผมขี้เกียจจะนับแล้วว่ากี่รอบกี่หนกี่กระบวนท่ากัน รู้แต่ว่าระบมก้นอย่างแรงจนอดคิดไม่ได้ว่าผมคงนั่งท่าปกติไม่ได้ไปอีกหลายวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไอ้ตัวต้นเหตุมันต้องรับผิดชอบกับการกระทำของมัน!!




มันเห็นผมเป็นตุ๊กตายางหรือไงถึงปี้ได้ปี้เอา TT*TT




โอเคขอเล่าแค่นี้พอ มันรันทดใจอย่างยิ่ง แล้วตอนนี้ไอ้บ้านั่นก็เดินกลับเข้ามาแล้ว ถืออะไรกลับมาด้วยไม่รู้ ผมขี้เกียจมอง ยอมรับแต่โดยดีว่าไม่อยากเห็นหน้ามัน เหม็นขี้หน้ามันอย่างบอกไม่ถูก




ไอ้ลูกคุณหนูมันเดินมานั่งลงข้างๆผมครับ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ด น้ำที่มันปล่อยทะลักล้นออกมาเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งก้นทั้งขาของผม




ผมนอนพึมพำสาปแช่งมันอยู่ก่อนจะสะดุ้งเฮือกกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องซี๊ดปากเมื่อจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกโจมตีเป็นวงกว้างมันกระแทกเข้ากับพื้นฟูกยางพาราบนเตียงขนาดหกฟุตที่นอนอยู่




“ห่า!!เอาอะไรมายัดตูดกูวะ!!”




หลุดไปแล้วครับคำหยาบชุดใหญ่ แต่ไอ้หล่อมันแค่ทำหน้านิ่งๆแล้ว หยิบเอาของที่มันยัดเข้าร่องตูดผมไปเมื่อสักครู่ สายตามันเหยียดเหมือนรำคาญใจที่ผมเอะอะโวยวายไปได้กะอิแค่คูลแพ็คที่ถูกแช่แข็งทิ้งไว้จนเป็นซากฟอสซิล ในตู้เย็นแค่นั้นเอง




“น้ำแข็งไม่มี มีแต่ไอ้นี่เลยเอามาประคบ เลือดจะได้หยุดออกไง”




ภูมิปัญญาชาวบ้านสุดๆครับมึง ไม่มีน้ำแข็งมึงเลยเล่นคูลแพ็คลดไข้มาประคบตูดกูเนี้ยนะ!!




“เอาผ้าขนหนูห่อก่อนซิวะ เย็นตูดจะตายห่าประคบมาได้ไงวะแบบนั้น” โดนผมด่าเข้าให้อีกรอบอย่างด้วยคำพูดที่วรรณะอย่างมันคงไม่เคยได้ยิน ไอ้คุณชายมันก็ตีหน้าเครียดแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหนี




“พูดไม่เพราะเลยซัทสึกิ”




ผมมองจิกมัน มารยาทผมมี พ่อแม่เคยสอน แต่ผมพอใจที่จะเลือกใช้กับคนอื่นไม่ใช่มัน โอเคมั้ย แค่ตอนนี้กูยอมพูดด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว




พอเห็นผมไม่ยอมพูดกับมัน มันก็ส่ายหน้าเหมือนหน่ายใจ แต่เรื่องอะไรผมจะสน ผมทิ้งตัวลงนอนคว่ำแล้วชี้ไปที่ตูดตัวเอง




“เอาผ้าขนหนูห่อแล้วรบกวนประคบให้ต่อด้วยนะพะยะค่ะคุณชาย”




มือยาวๆของมันเอื้อมมาผลักหัวผมเบาๆกับคำพูดประชดของผม ผมหันมามองค้อนมันอีกหนก่อนจะคว้าเอาการ์ตูนมาอ่านระหว่างรอมันประคบตูดให้




แต่ขอบอกว่าถึงมันจะเอาผ้าขนหนูห่อแล้ว แต่ก็ยังเย็นตูดโคตร แม่งเย็นจนชาเลยเหอะ นี่ถ้ามันล่อตูดผมอีกหนผมก็ไม่เจ็บแล้วเพราะมันชาลามมาถึงไขสันหลังแต่เรื่องอะไรผมจะให้มันล่อตูดอีกหนล่ะ




ว่าแต่...ทำไมผมไม่ sad เท่าที่ควรจะเป็นวะ...




ผมควรจะ sad กว่านี้ใช่มั้ยที่โดนสอยความแมนไปแล้ว..?




“อยากกินอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวตอนเช้าพาไปกิน”




ดูมันยังมีหน้ามาพูดเสียงนุ่มข้างๆหูผมแล้วลูบหัวผมเบาๆอีก ผมละสายตาจากการ์ตูนมามองหน้ามาก่อนจะเอาหันกลับมาเอาคางเกยหมอน




“ไม่อยาก” ไอ้บ้านี่คิดจะเอาของกินเข้าล่อผมได้ทุกเรื่องหรือยังไงกัน มึงเพิ่งสอยตูดกูไปนะ คิดว่าเอาเรื่องกินมาเข้าล่อแล้วกูจะยอมยกโทษให้ง่ายๆอย่างนั้นหรอ




“งั้นอยากได้อะไรมั้ย? กระเป๋า นาฬิกา มือถือ หรือเสื้อผ้าจะได้พาไปซื้อ”




อ่าวไอ้ห่านี่ ของกินเข้าล่อไม่ได้ก็เอาของอื่นเข้าล่อแทน เห็นกูเป็นอะไรวะครับ กูไม่ใช่เมียน้อย เมียเก็บ คู่ขา อีตัว กระหรี่ ที่มึงฟันแล้วจะเอาของมาล่อนะเว้ย!!




“อยากได้อย่างนึง”




ผมงุบงิบบอกกับหมอน เหมือนพูดไปแดกหมอนไปประมาณนั้น มันก้มหน้าลงมาจูบเบาๆที่ขมับผม คิดว่าผมจะงับเหยื่อที่มันล่อล่ะสิ




“อยากได้อะไร ฉันจะหามาให้นาย”




พูดเสียงทุ้มกรอกหูแบบนี้อย่าคิดว่ากูจะเคลิ้มนะไอ้หล่อ




“ไสหัวนายออกไปจากชีวิตฉันได้มั้ย ฉันเกลียดนาย!!”




ผมบอกแล้วตะแคงตัวหนีเอาผ้าห่มคลุมโปงตัดบทสนทนาด้วย คูลแพ็คที่มันเอามาประคบตูดผมตกแหม่ะลงกับเตียง ผมเลยถีบไอ้ถุงเจลนั่นตกเตียงไป




ไอ้คุณชายมันไม่พูดอะไรสักคำ แต่น้ำหนักที่หายไปจากเตียงตามติด ด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ มันทำให้หัวใจของผมบีบรัดไม่น้อย ผมชะโงกหัวขึ้นมาดู มันออกไปจากห้องจริงๆ




เฮ้ย!! มึงจะออกไปจากชีวิตกูจริงๆหรอ!!




มึงยังไม่ได้รับผิดชอบความแมนของกูที่มึงหักหาญไปเลยนะ ริวซากิ เร็น!!




แล้วเร็นมันก็หายหัวไปครับ ทั้งให้ผมนอนคลุมโปงอยู่บนเตียงพร้อมกับหัวใจที่ว้าวุ่น




ถ้ามึงฟันกูแล้วทิ้ง แล้วกูจะเอาอะไรไปเขียนบันทึกต่อล่ะ เพิ่งจะเขียนได้แค่สามวันเองนะเว้ย!!




เฮ้ย!!




นั่นไม่ใช่ประเด็น!!




มันจะมาทำแบบนี้กับผมแล้วลอยเชิบๆไปสอยตูดคนอื่นไม่ได้นะ อย่างน้อยก็สมควรกลับมาให้ผมชกหน้ามันหมัดสองหมัดก่อนสิแล้วจะไปตายที่ขุมไหนก็ไป




แต่ผมคงคิดมากเกินไป เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อมา มันก็กลับเข้ามาทิ้งตัวนอนลงข้างๆและรวบผมเข้ามากอดทั้งๆที่ผมยังคงคลุมโปงอยู่ ผมดิ้นขลุกขลักก่อนจะนิ่งเมื่อได้ยินมันพูดข้างๆหู




“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้หรอกซัทสึกิ กว่าฉันจะได้มีโอกาสกอดนายแบบนี้มันลำบากมากนะรู้มั้ย..”




ลำบากอะไรของมัน ผมยังน่าจะลำบากมากกว่าอีกที่มันเข้ามาในชีวิตผม




ผมหยีตาสู้แสงไฟเพราะไอ้เร็นมันดึงเอาผ้าที่ผมห่มคลุมหัวอยู่ลง มันพอลืมตาเต็มตามันก็โน้มเข้ามาหาให้ผมสะดุ้ง มันส่งสายตาเว้าวอนมาให้ก่อนจะก้มลงมาจูบที่ปากของผม ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นเป็นสองเท่าครึ่งของปกติ นอกจากจะสอยครั้งแรกของผมไปแล้ว มันยังสอยจูบแรกของผมไปอีก!!




“อย่าพูดว่าเกลียดฉันเลยนะซัทสึกิ”




หัวใจของผมมันเต้นตึกตักตอนมันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นี่มันขั้นเข้าวิกฤติสุดๆยิ่งกว่าตอนเสียตัวอีก!!




อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อกำลังใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน!!





พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าผมก็ถูกไอ้คุณชายมันจับแต่งตัวเหมือนที่แม่ทำตอนอยู่อนุบาลไม่มีผิดครับ ตั้งแต่ใส่เกงใน ใส่กางเกง ใส่เสื้อ ดีนะมันไม่จับผมปะแป้งแล้วผูกจุกแบบที่แม่ทำด้วย




สาเหตุเพราะผมไม่สามารถไปไหนได้ครับ..




ผลพวงของความมักมากที่เร็นมันตักตวงไปจากผมเมื่อคืนทำให้ ผมไม่สามารถก้าวเดินได้ เพราะงั้นอย่าคิดถึงเรื่องจะไปมหาลัย เพราะแค่จะยืน ผมยังจะล้มเลยตอนนี้ ก้าวแต่ละทีปวดร้าวไปทุกอณูของบั้นตูดเลยจริงๆ ขนาดจะลงไปกินข้าวข้างล่างยังไม่ได้ต้องให้ไอ้คุณชายมันยกถาดขึ้นมาให้ข้างบน




“ไง!!เมื่อคืนกี่รอบถึงได้ระบมขนาดนี้”




คำทักทายของไอ้เคนอิจิที่แสลนเข้ามาหาทำให้ผมแทบจะยกขาขึ้นไปถีบมัน แต่พอยกขึ้นมาไม่ถึงสามสิบองศา แผลมันก็เจ็บแปลบๆให้ผมต้องเอาขาลงแล้วหันไปมองแบบกินเลือดกินเนื้อใส่ไอ้คุณชายที่คิดว่ามันคงปากสว่างไปป่าวประกาศล่ะสิว่ามันได้กินผมแล้ว




“ไม่ต้องมองรุ่นพี่ริวซากิเขาแบบนั้นเลยซัทจัง ซัทจังอยากร้องเสียงดังเองเมื่อคืน คนทั้งบ้านเค้าเลยรู้กันหมดแล้ว”
อ่าวกลายเป็นว่าผมผิดอีก ผมหันไปมองไดจังแล้วแกล้งทำแก้มป่องงอนเพื่อนที่บังอาจไปเข้าข้างไอ้หล่อนั่น




“แล้วนี่ก็ข้าวต้มเดี๋ยวให้รุ่นพี่ริวซากิเขาป้อนก็แล้วกัน พวกฉันไปมหาลัยล่ะ” สรุปเพื่อนผม..มาดูอาการ มาเข้าข้างไอ้หล่อ หรือมาเยอะเย้ยกันแน่นะ




ผมได้แต่นอนจิกตามองไอ้เคนที่มันยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี อย่าให้กูหายดีนะจะกระโดดถีบขาคู่แบบสปริงเกลียวใส่เลย




“หัวเราะอะไร ป้อนดิ!!”




ความหงุดหงิดทำให้ผมหันไปพาลกับไอ้หล่อที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วอ้าปากให้มันป้อนข้าวต้มให้ ออกจะกินลำบากเล็กน้อยเพราะผมต้องนอนคว่ำเพื่อประคบประหงมตูดไม่ให้ช้ำไปยิ่งกว่านี้




ทั้งวันนี้ของผมเลยหมดไปกับการนอนให้ไอ้คุณชายมันเอาใจ คอยป้อนน้ำป้อนขนมให้จนเผลอลืมต้นเหตุที่ทำให้ผมมานอนแบ็บอยู่แบบนี้




อันที่จริง...ผมลืมนึกถึงผลพวงที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ต่อไปอีกด้วย




-ติดตามต่อตอนที่ 4-

 nu-tarn ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นส์แรก  :o8:

ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
มีเรื่องนี้ในมือแล้ว อยากจะบอกว่าสนุกมาก ตอนต่อไปก็จะสนุกขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะ  :L2:

biwtiz

  • บุคคลทั่วไป
มาติดตามค่ะ

honeystar

  • บุคคลทั่วไป
มีเรื่องนี้เเล้วค่ะ ชอบมาก ๆ เลย ♥ แนะนำให้อ่านนะคะ ><' สนุกจริงอะไรจริงค่ะ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ชอบๆ---สนุกดี

มาลงให้จบนะ

+ เป็ดจ้า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 4

วันนี้...เป็นวันโลกาวินาศของผม



ฆ่าผมให้ตายเถอะ นี่มันน่าอับอายเสียยิ่งกว่าถูกไอ้คุณชายเร็นมันฟันตูดในห้องน้ำเสียอีก อย่างน้อยโดนมันฟันไปก็แค่มีผมกับมันรู้ อ่อ คนในบ้านด้วยแต่นั่นก็แค่ไม่ถึงสิบคน



ทว่าไอ้หนังสือพิมพ์คณะที่พาดหัวข่าวประกอบรูปเสร็จสรรพอย่างที่ ผมคาดการไว้นี่มันกำลังขยายอาณาเขตความอับอายของผมให้ไปทั่วมหาลัยกันเลยทีเดียว



แถมยังอาจจะหลุดออกไปนอกมหาลัยด้วยตามที่ไอ้เคนอิจิตัวดีมันกระซิบบอก เพราะว่าไอ้คุณชายมันเป็นคนดัง เนื้อหอมเป็นที่นิยมใน หมู่สาวๆ เก้งๆทั้งในและนอกมหาลัย



ตอนนี้คนทั้งคันโตคงรับรู้แล้วว่าผม...อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อ ได้กลายเป็นคู่ควงคนใหม่ของไอ้คุณชายริวซากิ เร็นที่มันทิ้งลายคาสโนว่าไม่ยอมคบหาใครมากว่าครึ่งปี



แสส!! สมควรดีใจแล้วร้องเยส!! ด้วยไหม



ตูดก็ยังไม่หายระบม ถ้าขืนไปมหาลัยทั้งสภาพเดินเขยกๆแบบนี้ คนแม่งต้องรู้ชัวร์ว่าผมถูกไอ้เร็นมันฟันแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ว่าจะถูกมันเขี่ยทิ้งเอาเมื่อไหร่



ตามสถิติที่เคนอิจิมันไปเก็บมาได้ มันบอกว่าไอ้คุณชายมันจะทิ้งคู่ขาและคู่นอนที่มันควงเล่นภายในหนึ่งอาทิตย์ แต่นั่นมันก็ก่อนที่ไอ้บ้านั่นจะถือศีลอดงดควงเก้งน้อยและสาวๆเมื่อครึ่งปีก่อน



แล้วถ้ามันยังไม่ทิ้งสันดานเดิมของมัน ผมก็จะถูกมันทิ้งภายในหนึ่งอาทิตย์ใช่มั้ย ผมสมควรดีใจมั้ยที่จะต้องรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์และปิดบันทึกนี้ภายในเก้าวันไม่ต้องทนเขียนอีกต่อไปสินะ ความหงุดหงิดทำให้ผมอยากระบายอารมณ์ออกมา แต่ด้วยสภาพที่ขยับไปไหนไม่ได้ ผมเลยได้แต่ฉวยหมอนมาปาออกไปสุดแรง



ผลกรรมเลยตกอยู่กับไอ้หล่อที่เปิดประตูเข้ามาพอดี หมอนที่ผมปาออกไปโดนหน้ามันอย่างจัง ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นมันก้มลงมองหมอนที่ร่วงลงพื้น ผมปัดความรู้สึกผิดในใจออกไปตอนที่มันก้มลงไปหยิบหมอนแล้วเดินเอามาวางลงที่เดิมบนเตียง



“วันนี้ไม่ไปมหาลัยใช่มั้ย?”



มันเดินเข้ามาถามไม่พอ ยังจะเอามือมาเกลี่ยไรผมข้างหูของผมอีก กูไม่ใช่สาวน้อยนะที่จะมาเพ้อดีใจที่มึงทำอะไรแบบนี้



“เออ”



ผมกำลังหงุดหงิดอยู่เลยกระแทกตอบไปอย่างนั้นแล้วก้มหน้า มองมือตัวเองที่หักข้อนิ้วไปมาระบายอารมณ์อยู่



“อย่าหักนิ้วแบบนั้นสิ เดี๋ยวนิ้วก็ไม่สวยหรอก”



ห่านี่ จะเอาไรกับชีวิตกูมาก บอกแล้วไงว่ากูแมน ถึงมึงจะสอยตูดก็ไป แล้วก็เหอะ นิ้วกูก็ไม่ได้สวยอยู่แล้ว มันป้อมๆสั้นๆไม่ได้เรียวยาวเหมือนนิ้วมึง แล้วกูก็ไม่ใช่สาวๆที่จะต้องนิ้วเรียวสวยเพื่อสวมแหวนแต่งงานโชว์ด้วยเพราะงั้น กูจะทะนุถนอมให้มันสวยไปทำไม



พอมันเอามือมันมาจับมือผมไว้ ปรามไม่ให้ผมหักนิ้ว ผมเลยอยากจะหันไปหักคอมันแทน แต่มันก็ชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาก่อน



“งั้นไปนั่งรถเล่นกันมั้ย?” ใช้อะไรคิดวะครับ นั่งธรรมดากูยังเจ็บก้น จะให้กูไปนั่งรถเล่นเนี้ยนะ



“ไม่”



ผมบอกมันอย่างไร้เยื่อใย ทำตัวขวางโลกเข้าไว้ซัทสึกิ เดี๋ยวไม่นานไอ้คุณชายมันก็จะเบื่อและทิ้งนายไปหาตูดใหม่สอยเอง



เกิดเป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิทำไมถึงต้องมีกรรมมาถูกเกย์ไล่ตามตื้อตั้งแต่เด็กยันโตวะ แล้วไอ้เกย์ตรงหน้าเนี้ยพิษสงแม่งมากกว่าทุกตัวรวมกันแล้วคูณร้อยด้วย (ถ้าพิษสงมันไม่เยอะมันคงไม่ได้แอ้มตูดผมหรอกจริงมั้ย?)



ไอ้เคนอิจิมันเคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าเพราะผมตูดสวย ตูดเด้งกว่าผู้หญิง ไอ้พวกเกย์พวกนี้เลยชอบ ผมสมควรดีใจมั้ยที่มีอวัยวะเบื้องตูดสวยงามดึงดูดเกย์เป็นของตัวเอง



คอยดูเถอะ!! สักวันผมจะไปตัดตูดออก!!



“คิดอะไรอยู่หืม? คิ้วขมวดเชียว”



มันถามอย่างเดียวไม่ได้ครับ มันยื่นมือมาประคองหน้าผมแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงกับหัวคิ้วของผมไปด้วย



“ฉันกำลังคิดว่า..” ผมปัดมือมันออกแล้วกดหน้าลงต่ำจ้องมัน ท่านี้นอกจากแมนแล้วยังเมื่อยลูกตามากขอบอก



“คิดว่าอะไร?”



มันถามซ้ำเมื่อเห็นผมเอาแต่จ้องหน้ามัน ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วตัดสินใจถามมันไปตรงๆ



“ทำไมนายต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่ หรือไงกัน แล้วไอ้ที่บอกว่ากว่าจะได้มีโอกาสกอดฉันมันลำบากมาก หมายความว่ายังไงกัน?”



ผมได้ทีซักมันยกใหญ่ ไอ้คุณชายมันนิ่งไปแววตาหลุกหลิก พอเห็นผมจ้องมันก็หันหลังหนีผมเสียอย่างนั้น



“ริวซากิ เร็น”



ผมเรียกชื่อมันซ้ำด้วยเสียงดุๆแล้วกระตุกแขนเสื้อเชิ้ต สีดำที่มันสวมอยู่ มันเลยยอมหันกลับมา



ครับ...มันหันกลับมา แต่มันไม่ได้หันกลับมาตอบผม ไอ้บ้านั่นอยู่ดีๆก็ ใช้สองมือประคองหน้าผมขึ้นแล้วจูบลงมาเต็มแรง ฟันมันกับฟันผมกระทบกันจนผมเจ็บและคาดว่ามันเองก็ต้องเจ็บด้วยเหมือนกัน ผมดิ้นขลุกขลักแล้วทุบไหล่มันแต่ไอ้บ้านั่นก็ยังไม่ปล่อย มันยังเบียดปากแล้วดูดปากผมหนักๆ



ไม่อยากยอมรับเลยว่าไอ้บ้านี่จูบเก่งชะมัด



ผมหลับตาปล่อยให้มันจูบจนมันสาแก่ใจเพราะผลักยังไงมันก็ไม่ยอมปล่อยผ่านไปสักพักมันก็ถอนจูบออก ผมลืมตามองหน้ามัน ไอ้คุณชายมันก็ดันเสร่อมาจูบทับเปลือกตาผมอีก



“เหตุผลทั้งหมดก็เพราะนายยังไงล่ะ”



มันบอกแค่นี้ก่อนที่มันจะลุกเดินหนีผมไปอีกแล้ว



ไอ้บ้า!! ไอ้ชาติชั่ว!! มึงเห็นกูเป็นอะไร มาพูดให้กูใจเต้นอีกรอบแล้วเดินหนีไปแบบนี้ได้ยังไงกัน



“ไอ้บ้า!!”



ผมสบถแล้วคว้าหมอนของมันขว้างไล่หลังไป มันหัวเราะอย่างอารมณ์ดีชนิดไม่รู้ว่าจะอารมณ์ดีไปไหน ทิ้งให้ผมฮึดฮัดแล้วทิ้งตัวนอน บนเตียงด้วยความรำคาญหัวใจที่มันดันเต้นกระหน่ำเหมือนกลองชุด



ไม่ได้ๆ ผมจะมาหัวใจเต้นกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ไม่ได้



อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นมนุษย์แมนๆนะ จะมาใจเต้นกับมนุษย์ที่มีดุ้นเหมือนกันได้ยังไง!!




ความรำคาญใจในวันนี้ยังไม่จบไม่สิ้น ตกเย็นไอ้เคนอิจิมันกลับมาจากมหาลัยมันก็รีบแสลนหน้าขึ้นมาหาผม กะจะเยาะเย้ยกันเต็มที่ด้วยการไปเอาแว่นตาของฮิโรโตะมาสวมทำเก็กเป็นนักวิชาการสาวแก่เข้ามาแกล้งสัมภาษณ์ผมอย่างกวนตีน



“เป็นยังไงบ้างคะอิชิฮาระ ซัทสึกิซังกับความรู้สึกครั้งแรกที่เสียตัวไป”



ดูมันจีบปากจีบคอ งวดนี้ผมไม่ยอมเสียเส้นด้วยการยกขาขึ้นมาถีบมันแล้วแต่หันไปคว้าหนังสือการ์ตูนที่สั่งให้เร็นมันเอามาวางกองไว้ให้เพราะผมจะอ่านขึ้นมาปาใส่หน้ามัน



“ลองมาโดนเองดูบ้างไหมโคยามะ เคนอิจิเดี๋ยวจะบอกให้เร็นมันสงเคราะห์ให้” ไอ้เคนอิจิรีบส่ายหน้าโบกมือเป็นพัลวัน



“ฟ้าผ่าตายห่าสิมึง” อ๊าว!! แล้วทีกูนี่มึงไม่คิดว่าฟ้าผ่าบ้างหรอ ผมจิกตามองมันแล้วชี้ไปที่ถุงที่มันถือมา



“นั่นอะไร”



“ของมึง ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นฝากมาให้ บอกว่าถึงมึงจะตกลงปลงใจกับเร็นแล้ว แต่พวกมันก็จะรอมึง” ฟังแล้วผมก็ต้องเบ้ปาก



นึกว่าจะมีความโชคดีในความโชคร้ายอยู่บ้าง แต่ท่าทางผมจะคิดผิด ตอนแรกนึกว่าไอ้พวกรุ่นพี่สองตัวนั่นคงจะเลิกมาตามตื้อผมแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันจะมีความมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ



“งั้นเอาไปโยนทิ้งเลยมึง”



“เฮ้ย!! ทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กเจ้าอร่อยจากกินซ่าเลยนะมึง ถ้ามึงจะทิ้งงั้น กูขอนะ”



“ไม่ต้องแล้ว กูเปลี่ยนใจ เอามากูจะแดก”



ไอ้เคนอิจิทำท่าเสียดาย อิดออดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมส่งมาให้ผม เรื่องของหวานๆนี่ให้บอกเถอะ ผมชอบอยู่แล้ว
ตักทีรามิสุขึ้นมาคำแรกยังไม่ทันจะเข้าปาก ไอ้เคนก็ถลามานั่งข้างๆแล้วอ้าปากเหมือนลูกนก หวังจะให้ผมแบ่งให้กินล่ะสิ แต่ขอโทษ ความงกส่วนตัวบอกให้ผมตักจ้วงเข้าแต่ปากของตัวเอง มันเลยนั่งหน้าตูมงอนผมอยู่ข้างๆ



“แล้วนี่รุ่นพี่ริวซากิไปไหน?”



หลังจากเคนอิจิมันสำเหนียกได้ว่างอนผมไปผมก็ไม่สน มันเลยเริ่มหันมองนู่นมองนี่ก่อนจะพบว่าผมใช้อากาศอยู่ในห้องคนเดียวตั้งแต่ก่อนที่มันจะมา



“ไปตายห่าแล้วมั้ง”



ผมบอกอย่างหงุดหงิดใจ เผลองีบไปพักใหญ่ตื่นมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้คุณชายมันแล้ว ทิ้งผมให้นอนปวดตูดแล้วมันหายไปไหนก็ไม่รู้



“พูดไม่เพราะเลยนะ”



จากรูปประโยคคุณกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยว่า ไอ้คุณชายมันเดินกลับเข้ามาเจอผมพูดคำหยาบพอดี แต่เผอิญไม่ใช่ คนที่พูดประโยคนั้นคือไดจังที่เดินแบกกีต้าร์เข้ามาหาผม



“จะออกไปบาร์แล้วหรอ?”



ผมถามแล้วไดจังก็พยักหน้าก่อนเดินมานั่งข้างๆ ผมตักแบ่งทีรามิสุป้อนให้กับไดจังท่ามกลางเสียงบ่นงุบงิบของไอ้เคนมัน



“ทีไดจังล่ะแบ่งให้กินได้ ทีกูไม่ยอมให้ ยุติธรรมจริงๆเพื่อนกู”



ไดจังต่อยแขนเคนอิจิกับคำบ่นของมันก่อนจะหันมาลูบหัวผมอย่างเอาใจ



“เดี๋ยวฉันจะไปทำงานแล้ว เลยแวะเอาเล็คเชอร์ของสองวันนี้ที่ซัทจังหยุดไปเอามาให้ ถ้าพรุ่งนี้ยังไปเรียนไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะเดี๋ยวจะจดมาให้อีก”



ไดจังใจดีที่สุดในโลกผมพยักหน้างึกงักก่อนจะเอนซบไหล่เพื่อนรักอย่างอ้อนๆ



“ขอบใจน้า~~รักไดจังที่สุดเลย”



ผมบอกแล้วเห็นจากหางตาว่า ไอ้เคนอิจิมันทำเบ้หน้า อิจฉาล่ะซิไอ้เคน ผมรู้นะว่าไอ้เคนมันแอบชอบไดจัง แต่ขอโทษที...ไดจังแมนกว่ามันล้านเท่า ไอ้เคนเลยต้องเก็บเอาความรักที่ไม่มีหวัง ไว้ข้างในเพราะมันก็บอกว่าตัวมันแมนเหมือนกันจะให้เป็นฝ่ายรับล่ะก็ไม่มีทาง



แต่หางตาของผมมันไม่กว้างพอ เลยไม่เห็นอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่นอกประตูและได้ยินคำพูดของผมที่พูดในตอนนั้น



“รู้แล้วๆ เดี๋ยวฉันไปทำงานก่อนล่ะ ซัทจังอยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวขากลับจะได้แวะซื้อมาให้”



ผมส่ายหน้าให้กับไดจัง ก่อนจะโบกมือบ้ายบายเพื่อนรัก ที่จัดการแบกกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นบ่าและเดินออกจากห้องไป



“อ่าว! รุ่นพี่มายืนทำไมอยู่ข้างนอกครับ เข้าไปสิ เคนอิจิ! นายก็ออกมาได้แล้ว”



ประโยคแรกไดจังเอ่ยทักไอ้คนที่มันยืนอยู่นอกประตูครับ ส่วนประโยคหลังไดจังตะโกนเข้ามาบอกไอ้เคนที่พอไดจังสั่งมันก็เดินหน้างอออกไป



ผมไม่สนใจหรอกนะว่าไอ้คุณชายมันมายืนอยู่ตรงประตูเมื่อไหร่ แต่ ไอ้หน้าตูดๆของมันเนี้ยถึงจะหล่อแค่ไหนแต่ผมก็อึดอัดใจนะที่จะอยู่ร่วม อาณาเขตเดียวกับมัน



“องค์อะไรลงมันอีกวะ”



ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อมันไม่สนใจผมแต่กลับเดินถือผ้าขนหนู พาดไหล่เข้าห้องน้ำไป แต่องค์อะไรจะลงมันผมก็ไม่สนใจหรอก สู้เอาเวลามาสนใจทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กตรงหน้าดีกว่า



“งั่ม!! อร่อยจัง!!”



-TBC-

nutty2554 /  honeystar >_<~ คุณสองคนคือผู้โชคดีในไม่กี่ท่านที่ได้ครอบครองนะ 55555  :กอด1: ขอบคุณมากนะคะ ไม่นึกว่าจะเจอว่ามีคนมีหนังสือเล่มนี้แล้วที่นี่ด้วย  :o8:

biwtiz ขอบคุณที่ติดตามค่า

AGALIGO ลงจนจบแน่นอนค่ะ เพราะงั้นอย่าลืมมาอ่านน้า o13

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 5

วันนี้เป็นวันแห่งสงครามประสาทแน่ๆ!!



หงุดหงิดครับ!!



คนหล่ออย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิกำลังประสบกับสภาวะหงุดหงิดใจขั้นกลางๆ ไม่เต็มแม็กซ์เพราะขอบอกว่าไอ้คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดไม่ได้มีอิทธิพลใดๆกับชีวิตของผม ผมเลยไม่จำเป็นต้องหงุดหงิดใจขั้นแม็กซ์



คุณคงเริ่มอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยว่าใครเป็นคนทำให้ผมหงุดหงิดใจ



ก็แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เกย์หน้าหล่อที่มันเอาชีวิตของมันเข้ามาในชีวิตของผมเป็นวันที่ห้าแล้ว อย่างไรก็ตามที พวกคุณคงอยากรู้ว่าทำไมไอ้หล่อนั่นมันถึงทำให้ผมหงุดหงิดใจมากกว่าจริงมั้ย?



สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจมันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานครับ ตั้งแต่ที่ไอ้หล่อมันกลับเข้ามาแล้วพาตัวมันเข้าไปในห้องน้ำนั่นแหละ มันเข้าไปอาบน้ำอยู่พักใหญ่ ชนิดที่ว่าคงขัดสีฉวีวรรณทุกซอกทุกมุมทุกอณูรูขุมขนของมัน



ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมยังไม่มีธุระด่วนอะไรที่จะใช้ห้องน้ำในตอนนี้



พอกินเค้กหมดผมก็โยนกล่องมันทิ้งไว้ข้างเตียงกะว่าเดี๋ยวไอ้คุณชายมันมาจะใช้ให้มันเอาลงไปทิ้งข้างล่างให้ ก็ผมยังปวดตูดนิดๆ ขอสำออยว่าเดินลงไปไม่ได้ก็แล้วกัน อันที่จริงแล้วขี้เกียจครับ กินเสร็จแล้วหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา



ผมเอานิ้วถ่างตาไว้ รอไอ้คุณชายมันออกมาจะได้ชี้นิ้วสั่งตามประสา คนน่ารักที่มักเอาแต่ใจและต้องการให้ทุกคนตามใจ



แต่ขอโทษทีครับ...ไอ้คุณชายแม่งตกส้วมตกท่อระบายน้ำไปหรือเปล่าไม่รู้ ผมคอยมันจนหลับไปพักใหญ่ มาตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงมันกระแทกประตูเสื้อผ้าปิดนั่นแหละ



“จะไปไหน?”



ผมถามมันอย่างงัวเงีย แต่ในความงัวเงียผมก็จับความรู้สึกตอนมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ว่าแม่งหล่อมาก มันอยู่ในชุดพร้อมออกตระเวนราตรีแบบเต็มยศ ถามไปแล้วก็หยิ่งไม่ตอบผมด้วยนะ มันมองหน้าผมนิ่งแล้วหยิบเอาแว่นดำขึ้นมาสวมก่อนจะออกจากห้องไป



ผมยักไหล่ มันไม่ตอบก็เรื่องของมัน



ผมไม่แคร์อยู่แล้ว ดีซะอีก คืนนี้จะได้ครองเตียงนุ่มๆนี่คนเดียวไม่ต้องมีมันเข้ามากอดเข้ามานัวเนียเหมือนกับหลายคืนที่ผ่านมา



แต่..พอเอาเข้าจริงแล้ว มันก็เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป ผม พลิกตัวหลายรอบแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นเคย ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมาผมก็นอนคนเดียว



“บ้าชะมัด”



ผมสบถกับตัวเองในความมืดก่อนจะเอื้อมมือไปหา ไอ้กระต่ายปิศาจของไดจังที่ผมจัดการยึดครองแล้วเรียบร้อยมานอนกอด



ในหัวมีแต่นึกจินตนาการว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วเร็นมันออกไปไหน ออกไปกับใคร แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่กัน



พอมานึกดูอีกที...ผมจะมานึกถึงมันทำไม มันจะออกไปหาสาวๆหรือเก้งน้อยกวางน้อยก็เรื่องของมันสิไม่ใช่เรื่องของผม
แต่ถึงบอกกับตัวเองอย่างนั้น สามชั่วโมงต่อมาผมก็รู้สึกตัวอีกครั้งว่าผมก็ยังไม่ได้หลับและยังคงคิดแต่เรื่องเดิมๆ ผมเลยได้แต่โวยวายกับตัวเองว่าที่หงุดหงิดมันก็เพราะไอ้บ้านั่นพอทำ ผมเจ็บตูดแล้วมารู้ตัวว่าตูดผมไม่โดนใจมันเลยจะไปหาตูดใหม่มาระบายอารมณ์โดยทิ้งผมไว้แบบนี้ต่างหากที่ทำให้ผมหงุดหงิด



“ริวซากิ เร็น คนอย่างนายมันน่าหงุดหงิดชะมัด”



ผมสบถกับตัวเองแล้วต่อยซ้ำๆไปที่หน้าของไอ้กระต่ายปิศาจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ คิดแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน มันไม่ใช่เร็นแต่ต้องมาโดนผมต่อยแทนเจ้าตัวมัน ผมเลยหยุดต่อยแล้วคว้าคอมันมากอด
ความเงียบในคืนนี้มันเงียบเกินไปจนน่าหงุดหงิดกว่าเดิม



ตื่นเช้ามาอีกทีก็ยังไร้วี่แววของไอ้เกย์ลูกคุณหนูมันเหมือนทั้งคืนที่ผ่านมา รถเปิดประทุนกินลมของมันก็ไม่อยู่



ผมเดินลงมาจากห้องก็ได้รับรายงานจากเคนอิจิหน่วยข่าวกรองประจำตัวว่าไอ้คุณชายมันไปมีเรื่องกับใครสักคนเมื่อคืนที่บาร์ที่ไดจังไปทำงานพิเศษ ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากแค่โดนต่อยแก้มช้ำไปก็เท่านั้น



“แล้วมันหายหัวไปไหนถึงไม่กลับมานอนที่นี่?”



ผมหันไปถามไดจังที่ยืนหาวไปชงกาแฟไป เพื่อนรักของผมอดนอนเป็นประจำเพราะมีงานพิเศษเป็นนักดนตรีที่บาร์ กว่าจะได้กลับก็ร้านปิด ถ้าวันไหนมีเรียนเช้า ไดจังจะดูทรุดโทรมมากกว่าปกติแต่ก็ยังขยันเรียนเหมือนเดิม



“ไปนอนค้างกับรุ่นพี่โคเฮย์น่ะ เมื่อวานรุ่นพี่โคเฮย์หิ้วปีกกลับไปด้วย นายทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”



ผมส่ายหน้า ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับไอ้คุณชายมันเลยนะ มันเองต่างหากที่องค์ลงอยู่ดีๆไม่ยอมพูดกับผม



พวกลูกคุณหนูนี่เอาใจยากแหะ บทจะดีก็ดี บทจะองค์ลงก็ลงไม่บอกไม่กล่าวกัน



“หรอ...แต่เมื่อวานรุ่นพี่เอาแต่พึมพำชื่อนายนะ แถมรู้สึกที่มีเรื่องกับไอ้พวกเด็กวิศวะก็เพราะนายเหมือนกัน”



ไดจังเปรยๆแล้วหันมาหยิบเอาขนมปังปิ้งที่เคนอิจิทาแยมเสร็จแล้วส่งมาให้กัดเข้าปาก



“เห?” เพราะผมเนี้ยนะ...!!?



“มันไปหาเรื่องเองแล้วเกี่ยวไรกับฉันวะ?”



ผมถามกลับแล้วแย่งหนมปังที่กำลังจะเข้าปากเคนอิจิมากัดกิน ไอ้เคน มันหันมาต่อยเอวผมแล้วสะบัดหน้างอน เออดีหัดงอนๆเข้าไว้อีกไม่นานจะได้ เป็นเคะให้ไดจังได้ ผมอยากบอกมันอย่างนั้นถ้าไม่สนใจเรื่องที่ไดจังเล่าให้ฟังเสียก่อน



“ก็พวกเด็กวิศวะมันปากเสีย บอกอยากแอ้มนาย เร็นได้ยินเข้าก็เลือดขึ้นหน้า เดินอาดๆไปต่อยหน้ามันเลย”



ไดจังบอกอย่างรู้ดีเพราะเจ้าตัวอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตอนเกิดเรื่อง



“ห่า!! อย่าบอกนะว่าเด็กวิศวะที่นายว่านี่มันไอ้รุ่นพี่ยามาดะ?”



ไดจังส่ายหน้าแล้วยกมือลูบคางทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ



“เป็นเด็กปีหนึ่งชื่ออิโต้ ทัตสึโอะน่ะ”



อิโต้ ทัตสึโอะ?



ชื่อนี้ไม่คุ้นในสาระบบของผมแม้แต่น้อย



ผู้ชายสกุลอิโต้มีคนเดียวเท่านั้นที่ผมรู้จักชื่อไอ้รุ่นพี่อิโต้ ฮิเดกิรูปหล่อ พ่อรวยเพอร์เฟ็คอย่างไร้ที่ติสำหรับใครหลายๆแต่ไม่เพอร์เฟ็คสำหรับผมเพราะ ไอ้บ้านี่เป็นมนุษย์เสี่ยวพอๆกับไอ้รุ่นพี่ยามาดะ ถ้าเมื่อไหร่เลิกทำตัวเสี่ยวและเลิก ไล่จีบผมนั่นแหละผมจะยกให้มันเป็นซูเปอร์เพอร์เฟ็คแมนตัวจริง



“ไม่รู้จักว่ะ แล้วนี่เข้าเลคเชอร์เช้าป่ะ?”



ผมโยนเรื่องต่อยตีของไอ้คุณชายมันทิ้งไปแล้วเริ่มเข้าสู่ระบบการเรียนที่ผมไม่ได้ไปมาสองวันแทน



“ไปสิ ซัทจังจะไปเรียนมั้ยวันนี้?”



ผมพยักหน้าแทนคำตอบให้ไดจัง แต่ในใจยังปัดเรื่องของไอ้คุณชายที่มันไปต่อยกับคนอื่นเพราะผมออกไปไม่ได้ มันวนเวียนอยู่ในหัวของผมจนผมลืมเรื่องไอ้ข่าวบ้าๆระหว่างผมกับไอ้เร็นที่มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งคณะ และมหาลัยไปเสียสนิทใจ



จนกระทั่งผมออกจากห้องเลคเชอร์ในตอนเกือบเที่ยงและเดินตาม แรงจูงของไดจังไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารคณะนั่นแหละผมถึงได้เริ่มรู้สึก ตัวว่ามีคนชอบหันมามองผมและหันไปซุบซิบกันเอง



ต้นเหตุก็เพราะห่างออกไปเพียงไม่ถึงสิบเมตร ริวซากิ เร็นมันยืนแก้มช้ำเปล่งประกายความหล่อเจิดจรัสของมันอยู่กับก๊วนเพื่อนสถาปัตย์อันประกอบไปด้วยฟุรุซาวะ โคเฮย์เด็กไอคิวอัฉริยะ ลีซึงโฮเด็กแลกเปลี่ยนจากเกาหลีใต้ ฟุจิชิมะ ยูตะเด็กอิมพอร์ตจากอเมริกาและทากาโมโต้ จุนยะคนหน้าหวานแต่คาสโนว่าเรียกพ่อ



มองทั้งหมดทั้งมวลแล้วผมก็รู้สึกเหมือนกลุ่มไอ้คุณชายมันเป็นกลุ่มไอดอลประจำมหาลัยของผมอย่างบอกไม่ถูก แต่ละคนดูดีมีชาติตระกูลและมีออร่าเป็นของตัวเองชนิดว่าไม่ต้องอาศัยสปอร์ตไลท์ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นมันทำให้ผมหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก



อันที่จริงแล้ว...ผมอิจฉาความสูงของทุกคนในกลุ่มไอ้คุณชายมันครับ แต่ละคนจะสูงข่มความเตี้ยของผมไปไหนกัน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าไอ้คุณชายมันเห็นหน้าผมเดินเข้ามากับไดจังและเคนอิจิแล้วครับ แต่มันเมินใส่ผมทั้งๆที่รู้ว่าผมกำลังจ้องมันอยู่ มันสะบัดหน้าหันไปคุยกับรุ่นพี่โคเฮย์ที่อยู่ทางขวาของมัน ผมเลยเห็นรอยช้ำบนแก้มซ้ายอย่างชัดเจนและประเด็นสำคัญคือการที่มันทำเมินกับผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลแบบนี้ มันทำให้ผมตกเป็นจำเลยให้สังคมตราหน้าทันทีว่าผมถูกไอ้คุณชายมัน เขี่ยทิ้งภายในสามที่ถูกควงทันที!!



เอาเหอะ..จะข่าวจะอะไรผมก็ไม่สนใจแล้ว



ผมมองมันอีกหนและเห็นว่ามันไม่ทำท่าสนใจอะไรเลยสักนิด ผมก็เลยลากเพื่อนรักสองคนของผมเดินไปนั่งอีกมุมแทน
ทว่าก่อนที่เราจะได้เดินออกจากจุดนั้น มันก็มีคนมายืนขวางทางของผม เงยหน้ามองแล้วไม่คุ้นผมก็ทำท่าจะเดินหนี แต่ไอ้บ้านั่นมันคว้าไหล่ของผมเอาไว้ก่อน



“เดี๋ยวก่อนสิครับ”



ผมเหล่ตามองมันแล้วเห็นรอยช้ำใต้ตากับดั้งจมูกมันแล้วก็นึกสงสัยหรือว่าจะเป็นอิโต้ ทัตสึโอะวะ แต่คงไม่มั้ง นี่มันโรงอาหารคณะนิเทศน์กับสถาปัตย์นะ วิศวะอยู่อีกด้านหนึ่งของมหาลัย มันคงไม่บังเอิญพาตัวเข้ามาที่นี่หรอกมั้ง ยิ่งเพิ่งจะมีเรื่องกับไอ้เร็นมันอยู่ แล้วไดจังก็เฉลยความคิดของผมด้วยประโยคที่เอ่ยขึ้นทันที



“ทัตสึโอะคุงนายไม่เห็นรุ่นพี่ริวซากินั่งอยู่ตรงนั้นหรือไงกัน”



ไดจังบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง ผมไม่ได้หันกลับไปมองหรอกแต่ได้ยินเสียงไอ้เคนอิจิที่เบียดตัวเองเข้ามาจนชิดผมแว่วๆว่าไอ้เร็นมันกำลังจ้องเขม็งมาทางนี้อยู่เลย



“ไม่เกี่ยวกันแล้วนี่ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าเมื่อกี้ไอ้รุ่นพี่สถาปัตย์มันเมินรุ่นพี่อิชิฮาระไปแล้ว หรือว่ารุ่นพี่ไม่เห็น?”
ดูมันยอกย้อนไดจัง ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม ไอ้เร็นมันฟีลขาดได้ถึงขั้นเดินอาดๆเข้าไปต่อยได้ เพราะตอนนี้ผมก็อยากต่อยไอ้หน้ากวนตีนของคนตรงหน้าเหมือนกัน



“นายมีธุระอะไรกับฉัน?”



ผมถามมันออกไป ตัดบทให้สิ้นเรื่องสิ้นราวทั้งๆที่รู้สึกรังเกียจคนตรงหน้าไม่น้อยเมื่อนึกถึงคำพูดที่ไดจังเล่าให้ฟังเมื่อเช้าว่ามันอยากจะฟันผม ถึงมันจะพูดจริงหรือพูดเล่นไม่รู้แต่ผมก็ขอรังเกียจมันไว้ก่อนแล้วกัน



“ก็แค่อยากชวนรุ่นพี่ไปทานมื้อกลางวันด้วยกันน่ะครับ”



มันจะรู้มั้ยว่าผมรู้เรื่องเมื่อคืนแล้วถึงได้ยิ้มแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ ผมกำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธมันไป แต่ก็มีมือปริศนาเข้ามาโอบไหล่ผมอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ และพูดในสิ่งที่ทำให้ผมและคนทั้งโรงอาหารต้องเงียบกริบ



“แฟนกู กูเลี้ยงเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!”



ครับ...เอาเต็มที่ครับมึง เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมึงเพิ่งเมินใส่กูต่อหน้าธารกำนัลทั้งโรงอาหาร แล้วนาทีนี้มึงเดินอาดๆมาประกาศว่ากูเป็นแฟนมึง!!



ว่าแต่กูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่กันริวซากิ เร็น!!



นอกจากมันจะขี้ตู่ไปประกาศต่อหน้าชาวบ้านชาวช่องว่าผมเป็นแฟนมันโดยไม่ถามความสมัครใจของผมแล้ว มันยังลากผมออกมาจากฝูงชนที่กลายเป็นมนุษย์หินเพราะช็อคกับคำพูดของมันอีกด้วย ผมเองที่กำลังช็อคอยู่เลยได้แต่ เดินตามแรงควายของมันไปอย่างไม่อาจขัดขืนได้



“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!!”



ได้สติแล้วผมก็สะบัดมือมันออก เราสองคนยืนอยู่กลางลานสนามบาส เสียงตะโกนของผมทำให้เด็กปีหนึ่งที่เล่นบาสกันอยู่ชะงัก ลูกบาสของเด็กพวกนั้นกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงเท้าผม ใบหน้าถมึงทึงของผม ทำให้เด็กพวกนั้นไม่กล้าเดินเข้ามาเก็บ ผมยังคงจ้องหน้าเร็นอยู่ อยากจะถลาเข้าไปต่อยมันสักหมัดสองหมัดให้หายแค้นกับที่มันทำให้ผมสูญเสีย ความแมนไปจนหมดสิ้น



มันยืนนิ่งไม่ตอบคำถามของผมสักคำ เอาแต่จ้องหน้าผมราวกับจะให้ ผมหาคำตอบเอง ผมเลยถลาเข้าไปชกอกมันอย่างแค้นๆ อย่างน้อยขอให้ได้ระบายความอัดอั้นในอกตั้งแต่ที่เสียจิ้นให้มันไปสักหน่อยก็ยังดี



“นายจะเอาไงกันแน่!! เดี๋ยวก็ดีใส่ เดี๋ยวก็ทำเมิน พอมีคนอื่นเข้ามาก็ ทำหวงก้าง!! ไอ้บ้า!! นายจะเอายังไงกับฉันแน่วะ!!”



ด่าไปต่อยมันไปแล้วผมก็อยากร้องไห้เลยต้องกัดปากเอาไว้แล้วก้มหน้า ชกมันไปเต็มแรงเพราะอยู่ดีๆน้ำตามันก็เอ่อมาล้นตรงหัวตา



แย่ที่สุด!!



ผมไม่เคยโมโหใครเท่านี้มาก่อน แต่ในความโมโหผมรู้สึกโกรธตัวเองมากกว่าที่เพียงไม่กี่วันก็ปล่อยให้เร็นมันมามีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้



“ซัทสึกิ...”



มันพยายามกอดผมเอาไว้ ผมดิ้นสุดแรงไม่ยอมให้ไอ้บ้านี่กอดผมกลางสนามบาสแต่แรงมันมีเยอะกว่าผม มันกอดผมเอาไว้แล้วกอดหัวผมซุกกับอกมัน เรียกกระซิบชื่อของผมข้างหูเหมือนกับจะปลอบโยน



แต่ผมยังเกลียดมันอยู่และไม่ต้องการให้มันกอดผม ผมเลยกัดไหล่มัน เสียจมเขี้ยวจนมันต้องยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ



“โอ๊ย!!”



“ริวซากิ เร็น!! ฉันเกลียดนาย!!”



ผมตะเบ็งสุดเสียงและคว้าเอาลูกบาสที่มันตกอยู่ใกล้ๆ ขว้างใส่หน้ามันเต็มแรง ลูกบาสอัดเข้าแก้มข้างที่ช้ำของมันแล้วกระเด็นไปไหนไม่รู้



ผมรู้แต่ว่าผมเห็นแววตาเจ็บปวดของเร็นเมื่อไอ้หล่อมันเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง



มันไม่พูดอะไรเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะก้าวเข้ามาหาผม แต่กลับหันหลัง และเดินออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ผมยืนอยู่



ปล่อยให้ผมยืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพังกับหัวใจที่บีบรัดจนแสนทรมาน



-TBC-

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อ่ะ อยากได้หนังสือจัง

เร็นน่ารักเว่อร์ อิอิ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 6

มันยังคงเป็นวันแห่งสงครามประสาทอย่างต่อเนื่องครับ



ไม่ได้การแล้ว



ผมจะปล่อยให้ไอ้บ้านั่นเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจของผมมากเกินไป ขนาดนี้ไม่ได้แล้ว บ้าชะมัด มันเข้ามาในชีวิตของผมยังไม่ถึงสัปดาห์ แต่ทำไมอะไรหลายๆอย่างมันถึงได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนักก็ไม่รู้



นอกจากจะเสียตูด เสียจิ้น เสียรู้ให้ไอ้คุณชายมันแล้ว ทำไมผมยังต้องมานั่งเสียใจกับการกระทำของตัวเองด้วยก็ไม่รู้
ขอบอกว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเสียเซล์ฟขนาดนี้มาก่อน เรื่องไอ้ที่จะมาแคร์ความรู้สึกคนอื่นที่ไม่ใช่คนสำคัญในชีวิตแบบนี้ก็ด้วยเช่นกัน



“สำคัญสิ ทำไมจะไม่สำคัญวะ”



ไอ้เคนอิจิมันสวนขึ้นมาทันทีเมื่อผมนั่งบ่นไปกระดกเบียร์เข้าปากไป มันพยายามยื้อแก้วเบียร์ของผมวางลงกับโต๊ะ แต่มันทำไม่สำเร็จหรอกเพราะไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็คว้าขึ้นมาดื่มต่อได้อีก



เคนมันส่ายหน้าไปมาสองทีแล้วหันไปมองไดจังนั่งดีดกีต้าร์อยู่ บนเวที ผมรู้..มันแค่พยายามปรามผมไม่ให้แดกเบียร์เกินลิมิตตามที่ไดจังสั่ง ไว้ก่อนขึ้นเวทีก็เท่านั้น



“ไหนโคยามะ เคนอิจิมึงบอกกูมาทีดิ๊ ว่าไอ้ห่าลูกคุณหนูนั่นมันสำคัญกับชีวิต กูยังไง?”



ตั้งแต่ริวซากิ เร็นมันเข้ามาในชีวิตผมได้ห้าหกวันมานี่ ผมยังไม่เห็นความสำคัญของไอ้เร็นมันเลยสักข้อ แล้วเคนอิจิมันจะมารู้ได้ยังไงกัน มันไม่ใช่ตัวผมซะหน่อย



“ไอ้หล่อรุ่นพี่นั่น มันเป็นคนแรกของมึง คนแรกก็ต้องสำคัญสิวะ”



ไอ้บ้าเคนมันพูดโดยไม่หันมามองหน้าผม เอาแต่โยกหัวไปตามจังหวะกีต้าร์ของไดจังอยู่ได้ โอเค..ขอบคุณสำหรับคำตอบของมึงที่ทำให้หัวใจ กูบีบรัดมากกว่าเดิม



คนแรก....จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญด้วยหรอ?



มันเป็นคำถามที่ผมเอาแต่เฝ้าถามตัวเองอย่างสงสัย



“แล้วฉันไม่มีความสำคัญกับนายบ้างเลยหรือไงซัทสึกิ?”



เสียงของใครสักคนถามผมอย่างนั้น ผมพยายามลืมตามองดูแต่ภาพมัน ก็เบลอเกินไป แต่ผมจำเสียงได้ มันเสียงไอ้คุณชายนี่หว่า



ผมยอมรับว่ากินเบียร์เข้าไปเยอะมาก จนตอนนี้แม่งมึนได้โล่ แต่ก็ไม่ได้เมาจนจะอภัยให้มันง่ายๆได้หรอกนะ ผมสะบัดตัวหนีมันเพราะรู้สึกได้ว่ามันกำลังกอดเอวผมอยู่



“เคนอิจิ~~!!” ผมเรียกหาไอ้เคนที่มันสมควรนั่งอยู่ข้างๆ แต่มือของ ผมก็ถูกไอ้คุณชายมันมาจับคว้าเอาไว้อีก



“ไอ้บ้าเอ้ย!! ปล่อยดิ๊!!”



ผมกระชากแขนออกจากมือมัน แต่ก็ถูกมันจับไว้แน่น เหตุการณ์ต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างผมไม่รู้



รู้แต่ว่าพอมารู้ตัวอีกที ความรู้สึกมันก็เบาหวิว วูบโหวงบอกไม่ถูก มัน สบายตัวเอามากๆจนผมอยากจะนอนหลับ ผมซุกหน้าเข้ากับอะไรสักอย่างที่มันแข็งกว่าหมอนแล้วงึมงำ



“นอนได้ป่ะ?”



“แล้วแต่นายสิ”



เสียงทุ้มบอกกลับมาเช่นนั้นอยู่ข้างหู มันจะเป็นเสียงของไอ้บ้าเร็นหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ เพราะหลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้ตัวเองหลับไปทั้งๆที่รู้สึก เสียววูบวาบเบื้องล่างเหมือนกับวันที่ถูกไอ้คุณชายมันทะลวงหลังไม่มีผิด



แต่ผมคงแค่ฝันไปล่ะมั้ง




เหี้ยล่ะ!! ไม่ใช่ความฝัน!!



เมื่อคืนแม่งไม่ใช่ความฝันละ!!



ตื่นมาตอนเช้าแล้วผมก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งก่อนจะซี๊ดปากเพราะ รู้สึกระบมก้นมากกว่าเมื่อวานแต่มันก็ไม่มากเท่ากับวันบู๊กับไอ้คุณชายมันครั้งแรกหรอก



พอก้มลงสำรวจตัวเองแล้วผมก็อยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ แต่ก็ได้ แต่อ้าปากค้าง รอยสีชมพูที่ไอ้คุณชายมันทิ้งไว้ตามตัวของผมเมื่อวันก่อนมัน เพิ่งจะจางลงแท้ๆ แต่ตอนนี้มันกระจายอยู่เต็มตัวของผมไปหมด ลามลงไปถึง ต้นขาเลยด้วยซ้ำ



แต่อย่างอื่นมันสะอาดหมดจด มันไม่มีคราบหลงเหลือไว้ให้ผมแน่ใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทว่าสภาพที่ผมนอนโป๊อยู่บนเตียงนอนในห้องที่ไม่รู้ว่าเป็น ที่ไหนนี่มันน่าสงสัยเสียจริง



นอกจากผมแล้วในห้องก็ไม่มีใคร ผมเลยยกขาขึ้นมาชันแล้วแยกขาออก ปรับมุมสะโพกนิดหน่อยแล้วล้วงมือลงล่าง เช็คบางอย่างให้แน่ใจ



ตูดผมแห้ง ในตูดก็แห้งเหมือนกันแต่แม่งเจ็บแปล็บๆ ผมขยับลุกจากเตียงไปห้องน้ำเพื่อส่องตูดดูทันที โอเคเห็นแล้วรับรู้ได้เลยว่ามันผ่านการใช้งานอีกครั้งแล้ว มองไปมองมาผมถึงเห็นว่านอกจากแผ่นหลังแล้วก้นผมยังมีรอย คิสมาร์คอีกด้วย



เวรแล้ว!!



ใครแม่งฟันผมตอนผมเมาวะนี่ ถ้าเป็นไอ้คุณชายมันก็ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะ
ซวยชิบหายเลยงานนี้ ไอ้เคนอิจิมันไปไหนของมันเมื่อคืนถึงปล่อยให้เพื่อนมันถูกใครไม่รู้หิ้วปีกมาฟันได้แบบนี้
ผมหงุดหงิดโคตรๆก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ไหนๆก็โป๊แล้วนี่ ขอขัดสีฉวีวรรณสักหน่อยเถอะถึงร่างกายมันจะดูสะอาด แต่ในความรู้สึกมันเหมือน โสมมสิ้นดี



ผมอาบน้ำไปพลางมองห้องน้ำไป มันมีแยกทั้งโซนอาบฝักบัวและ โซนอ่างจากุชชี่สำหรับแช่ผ่อนคลาย



ลักษณะดูแล้วเหมือนเจ้าของห้องจะเป็นคนมีฐานะไม่น้อยเพราะข้างอ่างมันคือบานกระจกที่มองเห็นวิวทิวทัศน์มุมสูงของกรุงโตเกียว ดูจากระยะความสูงแล้วนี่คงเป็นชั้นบนๆของคอนโดนี้แล้วล่ะมั้ง แถมสไตล์ตกแต่งดูหรูๆจนผมยัง นึกว่ามันเป็นโรงแรมด้วยซ้ำตอนแรก ถ้าไม่เดินออกจากห้องน้ำมาเจอข้าวของที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของห้องจัดวางอยู่
แล้วใครกันหว่าที่จะมีเงินขนาดเป็นเจ้าของห้องแพงๆนี้ได้



คนที่มีเงินมากๆที่ผมรู้จักก็มีไอ้คุณชายอิโต้ ฮิเดกิทายาทเจ้าของห้างใหญ่ในญี่ปุ่นกับไอ้คุณชายริวซากิ ผมคิดไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดคิดเมื่อพบว่าผมหาเสื้อผ้าที่ผมใส่มาเมื่อวานไม่เจอ



“เสื้อผ้าหายไปไหนวะ!!”



ผมสบถพลางเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ผมจำได้ว่ามันมีตู้เสื้อผ้าอยู่ ตรงทางเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกที แต่แม่งเสือกล็อคประตูไว้ กลัวกูจะขโมยเสื้อผ้าหรอไงวะ ผมเริ่มหัวเสียแล้วเลยเดินออกจากห้องน้ำมากะว่าไอ้เจ้าของห้องมัน ต้องอยู่ข้างนอกแน่ๆ เลยเดินกลับออกไป



มันมีโน้ตแผ่นหนึ่งแปะติดกับประตูไว้ ใจความบอกว่าให้ผมรออยู่ที่ห้องแล้วเที่ยงๆจะมาหาแต่ไม่มีลงชื่อว่าไอ้มนุษย์ที่ทิ้งลายมือนี่ไว้คือใครกัน แล้วจะให้ผมนั่งรอมันกลับมาปล้ำอย่างนั้นหรอ ตลกสิ้นดี



แต่อย่างว่า สภาพแบบนี้ผมจะไปไหนได้ กระเป๋าตังค์กับมือถือของผมก็ อยู่ไหนแล้วไม่รู้ ผมเดินเปิดลิ้นชักดูเกือบทั้งหมดแล้วก็ไม่เจออะไร



พอเดินออกมาข้างนอกหวังจะออกมาหาต่อข้างนอก แล้วผมก็ชะงัก เมื่อสายตาหันไปเจอรูปตัวเองวางตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ไอ้บ้านี่ต้องเป็นโรคจิตแหงๆ มันต้องแอบชอบผมแล้วลักพาตัวผมมาปล้ำแน่ๆ



ถ้าถามผม ผู้ต้องสงสัยมันก็มีอยู่ไม่กี่รายนักหรอก แต่มันไม่มีรูปถ่าย หรืออะไรสักอย่างบอกให้ผมรู้ว่าไอ้บ้านี่เป็นใครกัน หันมองไปเห็นชั้นวาง หนังสือแล้วผมก็นึกออก เลยเดินเข้าไปดูว่าไอ้เจ้าของห้องคนนี้มันมีหนังสืออะไรบ้าง อย่างน้อยมันก็ต้องมีหนังสือที่มันใช้เรียนบ้างล่ะ ถ้าไอ้เจ้าของห้องมันเป็นคนที่ผมสงสัยอยู่ล่ะนะ



แต่ขอโทษ...ดูเหมือนผมจะคิดง่ายเกินไป เพราะในชั้นวางหนังสือของมัน มีหนังสือทุกรูปแบบ ตั้งแต่หนังสือภาษา หนังสือเกี่ยวกับหลักธุรกิจ หนังสือเกี่ยวกับวิศวกรรม หนังสือเกี่ยวกับศิลปะ หนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม แม้กระทั่งหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ยังมี



ไอ้ห่าเจ้าของห้องนี่แม่งเป็นใครกันแน่?



มีใครในชีวิตผมบ้างวะที่มันจะเป็นหนอนหนังสือแบบนี้ ผมรู้สึก หงุดหงิดจนต้องเดินไปนั่งกอดเข่าที่โซฟาแล้วใช้ความคิด



หรือไอ้คนที่ฟันผมเมื่อคืนมันจะเป็นไอ้เร็น ผมจำได้ลางๆว่าได้ยินเสียงมันนะ แต่มันก็ไม่ชัดเจนจนใช้ยืนยันได้ หรือจะไม่ใช่มันวะ มองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นสไตล์แล้วก็พลันนึกถึงเตียงหลุยส์ที่มันลากผมไปซื้อ ไอ้คุณชายมันน่าจะมีรสนิยมแบบแอนทีคมากกว่าโมเดิร์นมั้ง



ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิด จนไม่รู้ตัวว่าลึกๆแล้ว ผมอยากให้เป็นไอ้ เร็นมันที่ฟันผมผมเมื่อคืน อย่างน้อยมันก็คงเสียใจน้อยกว่าเป็นคนอื่น เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาฟันผม ผมคงรับไม่ได้แน่ๆ



แล้ว..? มันหมายความว่าผมรับได้หรอวะนี่ที่ไอ้คุณชายมันฟันผม!?!



“โอ๊ย!! นายบ้าไปแล้วอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!”



ผมยกมือขึ้นมาต่อยหัวตัวเองตุ๊บตับก่อนจะโยนความคิดทั้งหมดทิ้งไปกับเสียงท้องร้อง



“ไปหาอะไรกินดีกว่า”



ผมเดินเข้าไปตรงมุมแคนธีนและเปิดตู้เย็นตู้ใหญ่สีดำด้วยความหวังว่า จะพบกับของกินอลังการสมกับฐานะความใหญ่ของมันที่สูงเหนือหัวผม คือถ้า เอาผมฆ่าหมกตู้เย็นคงยังเหลือพื้นที่สเปซข้างๆให้ไอ้เคนมานอนเล่นคู่กันด้วย แล้วก็ต้องช็อค เมื่อไอ้ตู้เย็นอลังการนี่มันไม่มีห่าไรให้กินเลยนอกจากน้ำแร่สามสี่ขวด



ไอ้มนุษย์เจ้าของห้อง มึงจะทำให้กูอดตายคาห้องมึงหรือไง!!



ผมหันไปรอบๆ และตะกายปีนดูตู้เหนือหัวตรงบาร์แล้วก็คุ้ยกาแฟ ออกมาได้พร้อมกับครีมเทียมและน้ำตาล โอเค๊!! อย่างน้อยก็มีกาแฟ ถึงจะยังไม่ค่อยอยากกินเพราะรู้สึกแฮงค์ๆในหัว แต่อย่างน้อยก็มีไรรองท้องล่ะวะ



หันมองกระติกน้ำร้อนแล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเจอไอ้เครื่องทำกาแฟ แบบร้านคอฟฟี่ช็อปตั้งเป็นสง่าอยู่ มิน่าตอนที่ไปรื้อดูตะกี้ถึงเจอเมล็ดกาแฟแบบ ยังไม่คั่วด้วย ดีนะไอ้เจ้าของห้องมันไม่เสือกเป็นพวกมีรสนิยมจนต้องกระเดือกกาแฟขี้ชะมดเพราะผมชงไม่เป็น แล้วก็ยังดีที่มันเป็นกาแฟที่บดแล้วเพราะถ้ามัน ยังไม่บดผมก็คงแย่เพราะใช้เครื่องนั่นไม่เป็นด้วย



พอไม่เห็นกระติกน้ำร้อนผมเลยจัดการเทน้ำลงแก้วแล้วจับยัดเข้าไมโครเวฟแทน ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นผมก็ได้ประคองแก้วกาแฟหอมๆ มานั่งละเลียดจิบที่โซฟาสีดำตัวใหญ่หน้าทีวีโฮมเทียเตอร์



ผมยกขาขึ้นมาขัดสมาธิเอาไว้ มือยังประคองแก้วอุ่นๆไว้ทั้งสองมือ แต่ตากลับมองไปที่นาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไอ้เจ้าของห้องมันสมควรจะกลับมาหาผมได้แล้ว พอเจอหน้ากันแล้วผมต้องทำยังไงนะ เอากาแฟในมือสาดหน้ามันเสียเลยดีไหม?



แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะเลยเที่ยงไปเกือบบ่ายแล้วก็ยังไม่มีแม้แต่เงา มันโผล่เข้ามา ผมเผลอหลับคาโซฟาตัวนุ่มไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เหมือนมีใครคลี่ผ้าห่มมาห่มให้ผมที่นอนขดอยู่บนกองหมอนใบโตนั่นแหละ



“งึม..” ผมลุกขึ้นมาขยี้ตาและเห็นแผ่นหลังของคนบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ความมึนๆในตอนแรกที่ตื่นทำให้ผมงงๆว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ก่อนจะลืมตาโพลงเมื่อนึกขึ้นได้



“ไอ้ชั่ว!!”



ผมหยิบเอาหมอนที่หนุนเมื่อสักครู่ปาใส่หลังไอ้เจ้าของห้องครับ สุดแรงเท่าที่ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นจะมีนั่นแหละครับ แล้วก็ตั้งการ์ดรับเผื่อ ไอ้บ้านั่นมันหันกลับมาโต้กลับผม ด้านหลังคุ้นหูคุ้นตาแบบนี้ ผมรู้แล้วล่ะว่า ไอ้เจ้าของห้องและผู้ชายปริศนาที่ฟันผมเมื่อคืนเป็นใครกัน



“ริวซากิ เร็น!!”



ผมจิกเรียกชื่อมันแล้วขยับจะลุกจากโซฟา แต่เผอิญผ้าขนหนูที่นุ่งเอวอยู่มันหลุดเลยได้แต่นั่งกอดผ้าห่มอยู่บนโซฟาแล้วทำหน้าหงิกใส่มันที่หันหน้ามามองนิ่งๆ



“นายเอาเสื้อผ้าฉันไปไว้ที่ไหน?”



จริงๆมันไม่ใช่ประเด็กสำคัญที่สุดหรอก แต่ตอนนี้ผมต้องการเสื้อผ้าของผมคืน ให้มานั่งอวดร่างกายให้ไอ้คุณชายมันดูมากๆ เดี๋ยวมันจับผมปล้ำอีกรอบทำไงกัน



“ในตู้เสื้อผ้าก็มีนิ ทำไมไม่เอามาใส่” ดูมันตอบผมหน้าตาเฉย ถ้าผมเปิดประตูตู้เอาได้ผมจะมานั่งเปลือยอกอยู่ทำไม



“มันล็อค”



ผมบอกมันแล้วก็ทำหน้าง้ำ มันส่ายหน้าใส่ผมเหมือนเด็กๆแล้ว เดินมาดึงแขนให้ผมลุก ผมแทบคว้าผ้าขนหนูรวบเข้ามาเกือบไม่ทัน



“เปิดล็อคตรงนี้”



ไอ้คุณชายมันเอานิ้มจิ้มกดที่ปุ่มสีเงินตรงข้างตู้ เพียงแค่พริบตาบานประตูมันก็สไลด์เปิดอัตโนมัติเอง มันหันมามองหน้าผมที่ยืนค้างกับความโง่ของตัวเอง ผมกัดปากแล้วทำหน้างอใส่มัน



โอเค กูไม่ผิด มึงแหละผิดที่ใช้ของไฮโซเกินไป บ้านกูใช้แต่ระบบ อัตโนมือเปิดปิดกระแทกเองไม่มีแบบนี้ มึงเข้าใจป่ะ?



“อะนี่ เอาไปใส่”



ไอ้คุณชายมันก้มไปหยิบเอาเสื้อยืดสีดำกับกางเกง ขาสั้นมายื่นให้ผมครับ ผมเอียงคอมองของในมือมันแล้วเงยมองหน้ามัน คราวนี้มันเลิกคิ้วแทนคำถามครับ



“เสื้อยืดดำกับเกงขาสั้น?”



“ทำไม ใส่ไม่ได้หรอ?”



“เปล่า..แต่ปกติเหตุการณ์แบบนี้ตามนิยายหรือหนัง มันต้องเป็น เชิ้ตขาวตัวเดียวดิ”



ผมพูดไปแล้วก็แทบจะตบปากตัวเองเพราะพอจะคว้าเสื้อยืดกับกางเกง ขาสั้นมาไอ้คุณชายมันก็โยนกลับเข้าไปในตู้แล้วดึงเอาเชิ้ตขาวมายื่นให้ผม



ห่า!! กูแค่สงสัยเฉยๆไม่ได้ว๊อนท์อยากใส่โว้ย!!



“ไม่เอา เอาเสื้อยืดกับกางเกงเมื่อกี้มา”



ผมขยับเข้าไปจะหยิบเสื้อเองแต่ไอ้บ้าแขนยาวนี่มันกันผมออกมาแล้ว ยื่นมือมาสะบัดเสื้อเชิ้ตของมันมาสวมทับไหล่ของผม



“เรื่องมาก ใส่นี่แหละ”



“แล้วเกงล่ะ?”



“เชิ้ตตัวเดียวพอ ก็นายอยากเสนอความคิดเองนี่”



อ่าวตายเพราะปากจริงๆเลยผม ผมมุ่ยหน้ามองมันแล้วยอมสวมเชิ้ต ตัวเดียวของมันซึ่งความยาวแม่งไม่เหมือนในละคร มันไม่ยาวพอจะคลุมมิดก้น และน้องชายของผมที่ห้อยโตงเตงอยู่ได้



“ขอกางเกงตัวนึง”



ผมก้มหน้ามองดูสภาพตัวเองแล้วมันดูอุจาดตาชอบกล ยิ่งไฟมันสะท้อนให้เห็นรูปลักษณ์ของน้องชายตรงหว่างขาชัดเจนแล้วก็ยิ่งอุบาทว์จิต ชายเสื้อ แม่งหมิ่นเหม่พอดีกับส่วนปลายเลยเหอะ ขยับขาเดินทีนี่คงเห็นมันโตงเตงเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแน่ๆ



“ไม่ต้อง แบบนี้แหละ วิวดี”



โอเคครับ ไอ้คุณชายมันมีรสนิยมชอบมองไข่คนอื่นห้อยไปห้อยมาสินะ ลูกคนรวยนี่รสนิยมแปลกดีจริงๆ พอผมจะเข้าไปหยิบกางเกงมาใส่ มันก็จัดการ คว้าเอวผมแล้วลากผมออกมาจากห้องแต่งตัวของมัน



“ไปหาไรกินกัน”



เห็นแก่กระเพาะที่มันย่อยตัวเองตั้งแต่เช้าหรอกนะ ผมก็เลยยอมให้มัน โอบเอวพาเข้าไปในครัว



ไอ้คุณชายมันซื้อของมาวางไว้เต็มโต๊ะ นี่มันจะไถ่โทษที่จับผมมาทิ้งไว้กับตู้เย็นอลังการที่ไม่มีของกินจะแดกหรือเปล่าวะ



ระหว่างที่มันเดินไปหยิบชาม ผมก็ก้มดูตัวเองอีกครั้ง พลางตัดสินใจอยู่ว่าแม่งจะลองแต๊บหนีบดูดีมั้ย แค่เดินออกจากห้องมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกมันแปลกบรรลัย เดินก้าวแต่ละทีแม่งแกว่งเด้งกระทบอยู่กับหว่างขา แต่ยังไม่ทัน จะลงมือแต๊บหรือหนีบอะไรหรอก ไอ้คุณชายที่เดินถือจานมาวางกองไว้ที่โต๊ะแล้วก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว มันก็เกี่ยวเอวผมไปนั่งตักมัน



“เฮ้ย!! ปล่อย!!”



“นั่งดีๆสิ”



มันดุผมเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก แล้วกอดเอวผมไว้ด้วยมือซ้าย ขณะที่มือขวามันเอื้อมไปหยิบเอาของกินออกจากถุง



“มีมีทซอสกับคาโบนาร่าเอาอะไร?”



“สองอย่างเลยได้มั้ย หิว”



ผมเริ่มหันมาสนใจของกินแทน พอเห็นความน่ากินของพาสต้าที่ ไอ้คุณชายมันเอามาวางล่อแล้วก็อยากตะกละกินมันทั้งคู่



ฟังคำตอบของผมแล้วไอ้คุณชายมันก็ไม่พูดอะไรนอกจากหัวเราะหึหึ ในลำคอแล้วจัดการเปิดกล่องให้ผมทั้งสองอัน ตามด้วยผักโขมอบชีส ลาซานญ่าและอีกมากมายจนแม่งเต็มโต๊ะไปหมด



“มีเค้กสตรอเบอรี่นมสดที่นายชอบกินด้วยนะ” ถูกตามใจขนาดนี้ผมก็ ยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะชะงักเมื่อนึกขึ้นได้



“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบเค้กสตรอเบอร์รี่นมสด?”



ไอ้คุณชายที่เอื้อมมือผ่านไหล่ผมไปหยิบเอาเค้กสตรอเบอร์รี่น่ากินมา วางถึงกับชะงัก มันกลบเกลื่อนสายตาหลุกหลิกของผมด้วยการใช้ปลายนิ้วบีบ จมูกผมไปมา ผมปัดมือมันออกแล้วจ้องตามัน



“เรียกพี่เร็นก่อนสิแล้วฉันจะตอบ”



อะ!! ไอ้นี่โยกโย้!! ผมตีไหล่มันแล้วจ้องหน้ามัน



“ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย?”



ถึงมันจะอยู่ปีสาม แต่ผมอยู่ปีสอง ถึงคนญี่ปุ่นจะเคร่งระเบียบเรื่องอาวุโสแต่ผมไม่อยากเรียกมันว่าพี่ มีอะไรมั้ย?



“นายเด็กกว่าฉันสามปีกว่านะซัทสึกิ”



อ่าวไอ้เหี้ยนี่รู้ด้วยหรอว่าผมเรียนเร็ว!! จริงๆอายุผมอ่อนกว่าไดจังกับเคนอิจิเกือบสองปีได้ แต่เพราะเรียนเร็วตั้งแต่เล็กก็เลยเข้ามหาลัยไวไปสองปี ไม่งั้นผมก็ยังเป็นเด็กไฮสคูลนั่นแหละ



แต่..ไอ้เร็นมันรู้ได้ไง หรือไอ้เคนกับไดจังจะบอกมันวะ?



“แล้วไง!?” ผมหน้ามึนใส่มันก่อนจิ้มมีทบอลเข้าปาก เรื่องจะให้เรียกมัน ว่าพี่เร็นน่ะหรอ ฝันเถอะ



“อย่าหวังว่าฉันจะเรียกนายว่าพี่เลย แค่ฉันไม่ต่อยนายดั้งยุบที่บังอาจ มาปล้ำฉันอีกรอบเมื่อคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”



ผมพึมพำบอกแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนกับคำพูดตัวเองจนต้องม้วน สปาเก็ตตี้เข้าปากไปคำโต



“จำได้ด้วยหรอเมื่อคืน? แต่เมื่อคืนฉันไม่ได้ปล้ำนายนะ นายสมยอมต่างหาก”



อ่าวไอ้ห่านี่ ปล้ำกูจริงๆแล้วใช่มั้ย กูอุตส่าห์เหลือพื้นที่ไว้อีกจุดสามเก้าเปอร์เซ็นว่ามึงไม่ได้ฟันตูดกูอีกรอบ



“เอาอะไรกับคนเมาวะ!!”



ผมโวยวายแล้วดิ้นออกจากอ้อมแขนมัน กะจะลุกไปนั่งกินอีกด้านแต่ ไอ้บ้านี่ก็ยึดข้อมือของผมไว้แล้วบังคับให้ผมนั่งตักมันต่อ



“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ”



“ไม่เพราะแล้วไงวะ!! กูเป็นของกูแบบนี้ มึงรับไม่ได้ก็เรื่องของมึงสิ!!” ผมโวยวายออกไปชุดใหญ่ สารภาพก็ได้ว่าโวยวายแก้เขินที่ถูกมันดุ เหมือนเด็กๆ แต่ไอ้บ้านี่กลับตีหน้าเครียดกว่าเดิมจนผมต้องทำหน้างอใส่มัน



“ช่างเถอะ...ฉันคงคาดหวังมากเกินไป”



แม่งเอ้ย!! อย่ามาใช้น้ำเสียงผิดหวังมากข้างหูกูได้มั้ยวะ



ฟังเสียงมันแล้วผมก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกเลยก้มหน้าเขี่ยมีทซอสใน จานไป อาหารน่ากินตรงหน้าชักจะกระเดือกไม่ลงแล้ว แถมไอ้คุณชายมันยังดัน ผมลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆแล้วทำท่าจะลุกหนีไปอีก



ผมไม่ชอบเลยแบบนี้



“เดี๋ยวดิ๊!!”



เพราะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ผมเลยคว้าชายเสื้อเชิ้ต สีเทาเข้มของมัน ไว้ ไอ้คุณชายมันหันมามองผมนิ่งๆ ผมไม่ชอบสู้สายตาแบบนี้ของมันเลยก้มหน้าลง



“ถ้าคิดจะเป็นแฟนกันก็ต้องรับได้ทุกอย่างดิ”



เวรล่ะ!! ผมหลุดพูดอะไรออกไปวะนี่ นี่ผมจะต้องเสียความแมนไปจริงๆแล้วใช่มั้ยเนี้ย แต่เอาเถอะ พอพูดไปแล้วไอ้หล่อมันกลับมายิ้มได้แล้วนั่งลงข้างๆ ผมก็โอเคแล้ว



“ฉันรับทุกเรื่องของนายได้อยู่แล้วซัทสึกิ แต่ฉันก็แค่อยากให้เป็นเด็กน่ารักมากกว่าเด็กหยาบคายนี่นา”
ผมมองค้อนกับเหตุผลของมันก่อนจะทำแก้มพองแล้วสะบัดหนีเมื่อ ไอ้หล่อมันก้มหน้ามาหอมแก้มผม



“ฉันน่ะน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วด้วยขอบอก”



ผมบอกมันแล้วจิ้มเอาไส้กรอกเยอรมันเข้าปากไปแก้เขินที่ชมตัวเอง ได้ยินเสียงไอ้เร็นมันหัวเราะเบาๆ มันเอามือมาเขี่ยแก้มผมแล้วเอาปอยผม ข้างแก้มของผมไปทัดไว้หลังหู



“ฉันรู้แล้วว่านายน่ะน่ารักขนาดไหน”



ผมกัดปลายส้อมแล้วมองหน้ามัน มันทำไม่สนใจกับสายตาของผมแล้ว ดึงส้อมออกจากปากผม ผมมองมันค้างเพราะมันกำลังโน้มหน้าเข้ามาหา



“ถ้านายไม่น่ารัก ฉันก็ไม่กล้าบอกต่อหน้าไอ้บ้านั่นหรอกว่านายเป็น แฟนฉัน”



โหย!! คนอะไร ขี้ตู่สิ้นดี ถามสักคำยังว่ากูอยากเป็นแฟนมึงมั้ย



“ขี้ตู่ชะมัด ฉันเป็นแฟนนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้แค่รับพิจารณาหรอก” ผมมองค้อนมันแล้วทำหน้างอ ก่อนจะถูกมันง้อด้วยจูบหวานๆ



“อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานนายต้องรับฉันเป็นแฟน”



ไอ้คุณชายมันกระซิบบอกหลังจากถอนปากไปจากปากของผม มัน แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างของมันเอง เออ คงได้รสมีทบอลกับไส้กรอกที่กูเพิ่งกิน ไปแน่ๆล่ะมึง



“จะรอดูก็แล้วกัน”



ผมพึมพำบอกมันแล้วเขี่ยคาโบนาร่าเข้าปากไปบ้าง เผื่อถ้ามันอยากจูบ อีกหน ไอ้หล่อมันจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้างไรบ้าง
ว่าแต่...ไอ้หล่อมันคิดจะจริงจังกับผมหรือเปล่านะ?



จากที่ไอ้เคนอิจิมันกระซิบบอกตอนที่มันลากผมออกมาจากสนามบาส มันบอกว่าไอ้เร็นไม่เคยใช้คำว่าแฟนกับใคร เพราะไอ้หล่อนี่มันไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน แล้วผมคือคนที่ได้รับเกียรตินั้นคนแรก ดังนั้นไอ้หล่อนี่มันน่าจะจริงจังกับผม



คิดแล้วมันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผมกันแน่นะ?



แต่ที่น่าแปลกกว่าเดิม คือทำไมผมไม่รู้สึกรังเกียจคำว่าจริงจังเลยล่ะ?


ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าเล็กน้อย ผมจะดูขยันไปมั้ยถ้าจะเขียนบันทึกลงตั้งแต่ตอนนี้เพราะผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากพลาดที่จะติดตามเรื่องราวต่อไปนี้นักหรอก



แต่ก่อนอื่นพวกคุณลองทายสิว่าผมอยู่ที่ไหนกัน?



เตียง?



หอพัก?



ผิดแล้วล่ะ..



ตอนนี้ผมยังอยู่ที่คอนโดของไอ้หล่อเร็นมัน และก็ไม่ได้อยู่ที่เตียง ด้วย ไอ้หล่อมันครึ้มใจที่ผมยอมให้มันจีบได้ มันเลยชวนผมมานั่งสวีทกันที่สระน้ำตรงระเบียงครับ



คือมันเป็นลูกคนรวยครับ...อะไรๆเลยพิเศษหน่อย



ไอ้บ้านี่นอกจากจะอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดหรูตึกนี้แล้ว มันยังมีอภิสิทธิ์ได้รับเกียรติให้มีดาดฟ้าและสระว่ายน้ำเป็นของตัวเองอีกด้วย ผมมองค้อนกับ ความรวยของมันหลายยกก่อนจะยอมให้มันเดินจูงผมไปนั่งห้อยขาลงสระว่ายน้ำเล่น



“ดื่มหน่อยมั้ย?”



มันรินไวน์ลงใส่แก้วด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไอ้นี่ท่าทางจะมีความรู้เรื่องไวน์ไม่น้อย มันบอกชื่อไวน์มาให้ผมรู้รอบหนึ่งแล้วล่ะแต่ผมไม่ใส่ใจจะจำ ผมรับแก้วไวน์จากมันมาแล้วมองดูสีไวน์ที่สะท้อนกับแสงเทียนที่ไอ้เร็นมันเดิน จุดไปทั่วบริเวณเมื่อสิบนาทีก่อน



บรรยากาศสวยงามไม่น้อยครับ ดาดฟ้าบนตึกสูงระฟ้า ข้างสระว่ายน้ำ ที่มีแสงเทียนจุดนับสิบๆ ที่เหนือหัวเป็นท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับนิดหน่อยตามที่เมฆหมอกในคืนนี้จะอำนวย บรรยากาศมันสวยงามมาก...มากจนน่ากลัวว่าจะเผลอเสียตัวให้มันริมสระนี่แหละครับ

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com


แถมมันยังเอาของมึนเมามาเข้าล่ออีก



ท่าทางคืนนี้อิชิฮาระ ซัทสึกิจะเสียตูดครั้งที่สามตรงริมสระนี่แหละครับ



“ชวนดื่มไวน์ นี่กะจะมอมกันหรือเปล่า?”



เผลอปากไวไปอีกแล้วครับ ไอ้คุณชายมันเขยิบเข้ามาใกล้แล้วใช้ แขนขวาของมันโอบผ่านหลังของผมมาวางมือแปะไว้ที่ข้างสะโพกของผม ท่อนแขนมันแนบชิดหลังผมไม่พอมันยังยื่นหน้าเข้ามาข้างแก้มผมอีก



“อยากโดนมอมหรือเปล่าล่ะ?”



อ๊ะ!! ไอ้นี่ มีกวนกลับด้วย



ผมไม่ตอบมันแต่มองค้อนมันก่อนจะยกไวน์ขึ้นมาจิบ รสชาติมัน กลมกล่อมดีจนผมต้องนึกชมรสนิยมของไอ้คนเลือก
เราสองคนเงียบกันไปพักใหญ่ ความกดดันในบรรยากาศเงียบมันคงมีมากเกินไปหน่อย ไม่นานนักไอ้คุณชายมันก็ฮัมเพลงในลำคอของมันเป็นเพลงช้าๆ เข้ากับบรรยากาศที่สุด



ไม่ค่อยอยากยอมรับนักหรอกนะ แต่เสียงไอ้หล่อมันเพราะถูกหูผมดี



ผมเป็นพวกคนชอบเสียงทุ้มไม่ชอบเสียงแหลมแบบพวกโซปราโน่ สักเท่าไหร่เลยอินกับเสียงของไอ้หล่อมันได้ไม่ยาก ผมหลับตาฟังมันฮัมเพลงไปก็โยกหัวไปตามจังหวะเพลงของมัน สองขาที่แกว่งอยู่ในน้ำก็เตะขามันไปด้วย



ไอ้หล่อมันไม่ว่าอะไรแถมยังขยับตัวเข้ามาชิดกว่าเดิมแล้วฮัมเพลงลง ข้างหูของผม ตกลงมันกะล่อให้ผมเคลิ้มเต็มที่เลยใช่มั้ยนี่



แล้วเสียงฮัมเพลงของมันก็หยุดลงครับ ผมที่ตื่นจากการเคลิ้มเป็น สาวน้อยก็ลืมตาขึ้นเพราะไออุ่นจากลมหายใจของไอ้คุณชายมันมาปะทะแก้ม พอหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจเพราะไอ้คุณชายมันยื่นหน้าเข้ามาเสียจนชิด ผม เลยผลักมันออกอัตโนมัติ



“เฮ้ย!!”



ตู้ม!!



ให้ทายว่าเสียงข้างต้นคืออะไร?



ผมว่าทุกคนคงทายถูกหมดแหละ...



ผมผลักไอ้คุณชายมันตกน้ำครับ แต่มันเสือกไม่ตกไปคนเดียว ยังสะเออะเกี่ยวให้ผมตกตามมันลงไปได้อีก



เราสองคนทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ ผมสะบัดหน้าไปมาไล่น้ำออกจากหน้าแล้วหันไปชกไหล่ไอ้คนที่มันยืนหัวเราะแล้วเกี่ยวเอวผมพากลับเข้าข้าง ริมสระ ไอ้บ้านั่นเอาแต่หัวเราะอยู่ได้



“หัวเราะอยู่ได้!! ขำอะไรนักหนา!!”



ผมว่ามันไปแล้วกัดปากยอมให้มันจับประคองเอวขึ้นมานั่งตรงริมสระเหมือนเดิม ส่วนไอ้คุณชายมันยังคงสมัครใจอยู่ในน้ำครับ มันไม่พาตัวเองขึ้นมา นั่งข้างๆผมเหมือนกับเมื่อกี้ แต่ยืนอยู่ในน้ำเบื้องหน้าผม มันกำลังแหงนมองหน้าผมอยู่แล้วยิ้มมุมปากให้รู้ว่าแม่งหล่อจัดอีกต่างหาก



“กลัวฉันจูบนายหรือไง?”



อ่าวไอ้นี่!! อย่าถามแทงใจดำสิโว้ย!!



“ใครกลัว!! เปล่ากลัวซะหน่อย!!....แค่ตกใจ” ประโยคท้ายผมอุบอิบบอกมันเสียงเบา ผมไม่กลัวอยู่แล้วถ้ามันจะจูบ เพราะผมกับมันเลยขั้นจูบไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่เมื่อกี้ผมตกใจจริงๆนะ



ฟังคำผมแล้วมันก็ยังยิ้มระรื่นอีก ผมเลยเตะขาหมายจะถีบท้องมันที่ อยู่ในน้ำ แต่มันกลับเบียดตัวเข้ามาหาผมก่อน ตอนนี้แม่งยืนอยู่ระหว่างสองขาผมเลยเหอะ



“อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!”



ผมทำท่าจะลุกแต่มันรุกผมเข้ามาก่อน แม่งยืนจนจะชิดจุดยุทธศาสตร์ อยู่แล้ว ผมยันไหล่มันออกมันก็ยังจะหน้าด้านเอาแขนมันมาโอบเอวผมอีก



“เซ็กซี่จัง~” หืม...ฟังคำมันแล้วผมก็ต้องก้มลงดูตัวเอง



ตายห่าแล้วซัทสึกิ!!



เสื้อเชิ้ตขาวที่มันใจร้ายให้ผมใส่ตัวเดียว พอเปียกน้ำแม่งเอ้ย!! อย่าให้พรรณนา โคตรพ่อโคตรแม่โป๊แบบเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลยสักนิด



“อย่ามองนะ!! บอกว่าอย่ามองไงโว้ย!!”



ผมโวยวายแล้วเอามือตะครุบส่วนที่ไอ้คุณชายมันจ้องอยู่ อยากจะถามว่ามึงจะจ้องหาพ่อมึงหรอ มึงก็มีเหมือนกูน่ะแหละ แถมของมึงยังใหญ่กว่ากูด้วย!!



“พูดไม่เพราะอีกละ”



ไอ้นี่ชาติก่อนแม่งเคยเกิดเป็นครูสอนมารยาทหรือเปล่าวะ แค่โว้ย คำเดียวแม่งยังระคายหู แต่เห็นกับที่มันเอามือมาลูบหัวผมเบาๆแล้วก็ไม่ทำน้ำเสียงผิดหวังเหมือนเมื่อตอนกินมื้อเที่ยงกันหรอกนะ ผมจะอภัยให้ก็ได้



คือจริงๆไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าผมชอบให้คนสัมผัสผมแบบนี้ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นดี ไอ้เร็นมันจะรู้มั้ยว่าตัวมันเองให้ฟีลคล้ายไดจังอยู่มากเวลามันทำแบบนี้ เพียงแต่ไดจังไม่ได้เป็นคนหื่นกามอย่างมันก็เท่านั้นเอง



มองสบตามันที่สะท้อนอยู่กับแสงเทียนแล้วผมก็อดวูบวาบไม่ได้จน หน้าร้อนผ่าว เพราะเร็นมันมองหน้าผมอยู่ ไอ้บ้านี่ชอบจ้องแบบจริงจัง จ้องจนผมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง คือจ้องแบบเลื้อยเข้ามารัดแล้วขยอกลงอกได้ มันคงทำประมาณนั้น



ผมรำคาญระคนเขินกับสายตาของมันเลยยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปปิดตา มัน ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงปิดน้องจู้จู๋ของตัวเอง



“มองมากเดี๋ยวก็เรียกค่าเสียหายหรอก!!”



“เรียกมาสิ คำนวณบวกค่าสินสอดมาด้วยนะ”



ไอ้บ้า!! นี่มึงจะจีบกูริมสระน้ำในสภาพตัวเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนลูกหมาตกน้ำหรือไงกัน ผมใช้มือที่ปิดตามันอยู่ผลักหัวมันออกไปอย่างหมั่นไส้ ไม่แคร์ถึงเรื่องอายุของมันที่มากกว่าผมเพราะผมอยากทำ(ใครจะทำไม!!)



“อย่ามาเกรียน”



“เกรียนที่ไหน เรียกมาสิอยากได้เท่าไหร่ พร้อมจ่ายสดงดเชื่อไม่ต้องทวงด้วย” ไอ้บ้านี่เมาไวน์แหงๆ หยอดได้หยอดเอา เห็นกูเป็นหลุมทาโกยากิหรือไงกันฟร่ะ!!



“นายคิดจะจริงจังกับฉันหรือไง?”



ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามมันไปอย่างนั้น อาจเป็นเพราะคำพูดของ เคนอิจิก็ได้มั้งที่เคยพูดให้ผมฟังว่าไอ้คุณชายมันน่าจะจริงจังกับผม



“คำถามนี้ฉันเคยตอบนายไปแล้วนะ”



ตอบตอนไหนทำไมผมจำไม่ได้ล่ะ!?



หรือว่าไอ้ที่มันเลือนรางนั่นมันไม่ใช่ความฝัน? ไอ้คุณชายมันพูดกับผมจริงๆหรอ



“ไม่รู้ จำไม่ได้ ตอบใหม่ดิ”



“ไม่ล่ะ ไม่อยากตอบ” อ่าวไอ้นี่ กวนประสาทแหะ



มันบอกผมอย่างนั้นแล้วดึงมือผมไปเกลี่ยนิ้วเล่น ผมจ้องหน้ามันอย่างหงุดหงิดใจแต่ก็แอบใจเต้นกับประโยคต่อมาที่มันพูด



“ไม่อยากตอบ แต่อยากพิสูจน์ นายอยากให้ฉันพิสูจน์มั้ยล่ะ?”



ผมแอบกัดปากข้างในไม่กล้ากัดริมฝีปากโดยตรง เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผม เขิน แล้วจะเสียภาพพจน์ความแมนที่สั่งสมมา แต่ที่ต้องกัดไว้ก็เพราะกลัวจะเผลอยิ้มเขินให้มันเห็น



“ถ้าฉันขอให้นายดำน้ำสักหนึ่งชั่วโมงในสระนี้โดยไม่มีถังออกซิเจนเพื่อเป็นการพิสูจน์ นายจะทำหรือเปล่า?”



ผมขออะไรที่มันดูเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั้ย ไอ้คุณชายมันต้องยอมแพ้แน่ๆ ผมกดหน้าลงต่ำแล้วใช้สายตาจ้องมันแบบจริงจังบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่ามัน เจอไม้นี้แล้วมันจะทำยังไง



แต่แม่งคว้าคอผมแล้วเบียดปากมันเข้ามาจูบ ไอ้ห่านี่จูบผมโดยไม่ทัน ตั้งตัวอีกแล้วนะ!!



“ฉันจะทำ”



มันพูดจบก็ทิ้งสายตาอาลัย(?) แล้วถอยหลังไปก่อนจะกดตัวเองจมลง ไปในน้ำ ทิ้งให้ผมตาค้างกับการพิสูจน์ของมัน
ไอ้บ้า!! กูแค่ท้าเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้กูดูเดี๋ยวนี้ก็ได้



ยอมรับว่าผมตกใจแต่หลังจากนั้นผมก็รอดูเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันต้อง ขึ้นมาแน่ๆ คนบ้าอะไรจะเลือกทำในสิ่งที่รู้ว่าถ้าสำเร็จก็ตายแบบเปล่าประโยชน์ มากๆ คนอย่างมันคงไม่เลือกจะทิ้งชีวิตเพราะอยากจะพิสูจน์รักหรอกนะ



หรือเปล่าวะ?




แม่งเอ้ย!!



นานไปแล้วนะ คนเรามันกลั้นหายใจในน้ำได้กี่นาทีกันวะ



ผมว่ามันนานเกือบจะสามนาทีแล้วนะ ฟองอากาศแม่งเริ่มผุดมาทีละเล็กละน้อยแล้วหายไปในที่สุด



“ริวซากิ เร็น!! ฉันขอสั่งให้นายขึ้นมา!!”



เงียบสนิท แม่งยังอยู่ใต้น้ำ สงสัยจะไม่ได้ยินเสียง



“ไอ้บ้า!! ขึ้นมานะโว้ย!! เดี๋ยวก็ได้ตายก่อนจะรักกันหรอก!!”



ผมตะโกนสุดเสียงแล้วกระโดดลงน้ำไปกระชากมันขึ้นมา



ไอ้บ้านี่สงสัยจะหมดสติไปแล้ว ดวงตาของมันปิดทั้งสองข้างและไร้การควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิง ผมต้องลากคอมันเข้าข้างสระ แล้วลากมันขึ้นมาตรงตีนบันไดสระ หัวใจของผมมันระทึกด้วยความหวาดกลัว



ถ้าไอ้เร็นตาย บันทึกเล่มนี้แม่งคงจบแบบ Sad Story มาก



ผมคงถูกประณามไปอีกหลายชั่วโคตรว่าเป็นนายเอกที่เหี้ยสุดๆ ท้าพระเอกให้พิสูจน์รักจนพระเอกตาย ผมจะถูกตราหน้าว่าเป็นนายเอกหม้ายแห่งวงการนิยายมั้ยวะเนี้ย!!



เฮ้ย!! มัวแต่คิดอะไรวะเนี้ย สิ่งแรกที่ต้องทำคือการช่วยชีวิตไอ้พระเอกของผมก่อนใช่มั้ย ผมตบหน้ามันเบาๆเรียกสติก่อนเป็นอันดับแรก



“เร็น!! ริวซากิ เร็น!! อย่าแกล้งสลบนะเว้ย!!”



ผมยังแอบคิดอยู่ว่ามันเป็นลูกไม้อะไรของไอ้บ้านี่หรือเปล่า เลยลอง เงื้อมือตบแก้มมันสุดแรง



“เพี๊ยะ!!”



ถ้าแถวนี้เปิดไฟนีออน ผมคงได้เห็นรอยนิ้วมือป้อมๆของตัวเองบนแก้ม ไอ้หล่อนี่ครบทั้งห้านิ้วแน่ๆ เพราะตบมันไปเต็มแรงจนมือผมยังชาขนาดนี้ แก้มขาวๆของไอ้หล่อคงไม่เหลือ



แต่มันก็ยังไม่ขยับครับ!!



แสดงว่ามันหมดสติจริงใช่มั้ย? ปฐมพยาบาลคนจมน้ำต้องทำไงวะ?



ผายปอด!!



ใช่แล้วผายปอด!!



เม้าส์ทูเม้าส์!!



ผมคิดแล้วก็สูดหายใจลึกๆ กักลมไว้จนแก้มพองแล้วก้มลงไปประกบปากของเร็นและ...



และเรา...



.
.



ก็แลกลิ้นกัน



ไอ้เหี้ย!!



นี่มึงหลอกกูว่าหมดสติใช่มั้ย!!



“ริวซากิ!!”



ผมทุบอกมันเต็มแรง ไอ้บ้านั่นมันถึงกับสำลักออกมา ผมผุดลุกขึ้นมาเตรียมจะกระทืบเท้าลงกับท้องมันแต่ไอ้บ้านี่ก็ดันลุกไวมารวบกอดผมได้ ผมดิ้นสุดแรงแต่แม่งยังไม่ปล่อย นาทีนั้นเองผมก็ได้รู้ว่าผมกำลังร้องไห้อยู่



ทั้งตกใจในตอนแรกที่นึกว่ามันจะตายแล้วก็โกรธที่มันล้อเล่นกับผมไปพร้อมๆกัน มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ไงวะ



“เดี๋ยวสิซัทสึกิ!!”



มันกอดผมแน่นแล้วเอาคางกดลงกับไหล่ของผม มันรวบมือผมที่พยายามแกะแขนมันออกจากเอว



“ฉันขอโทษ..ฉันแค่อยากรู้ว่านายเป็นห่วงฉันบ้างมั้ยเท่านั้น”



ยังมีหน้ามาออดเสียงทุ้มใส่หูกันอีก คนยิ่งแพ้ทางเสียงมันอยู่ด้วย ผม ยอมนิ่งลงแล้วหันไปมองมันอย่างขุ่นเคือง



“ต่อไปจะทิ้งให้ตายเป็นผีเฝ้าสระไปเลย!!”



ผมกระแทกเสียงตอบมัน ไอ้บ้านี่ก็ยังไม่สำนึก ยังมีหน้ามาหัวเราะลงลูกคอใส่อยู่ข้างหูอีก



“งั้นจะเป็นวิญญาณที่รอให้นายกลับมาปลดพันธนาการแล้วกัน”



“ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก!!”



ผมตวาดมันไปแล้วก็รู้สึกใจสั่น ผมยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้น้ำตา มันหายไปจากตา โคตรรันทดใจกับความดราม่าครั้งนี้ที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตาอย่างแมนๆชะมัดยาก



ไอ้บ้านี่เข้ามาในชีวิตไม่กี่วันแม่งทำผมร้องไห้สองรอบ แล้วนะถึงรอบก่อนมันจะไม่ได้ไหลกลิ้งลงมาอาบแก้มแบบนี้ก็เหอะ



“ซัทสึกิ...”



ไอ้บ้านั่นเรียกชื่อผมเสียงอ่อนละลายใจขั้นรุนแรง ผมกัดปากแล้วมองมันอย่างเคืองๆรอดูว่ามันจะพูดอะไร ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อมันพูดประโยคต่อมา



“ร้องไห้แบบนี้..? เพราะนายรักและเป็นห่วงฉันใช่มั้ย?”



ไอ้!!#!!@#$@$@#!!!!!!



ไอ้บ้า!!



ไอ้ขี้ตู่!!



ไอ้โคตรขี้ตู่!!



ไอ้อภิมหาโคตรขี้ตู่!!!



มันคิดได้ไงว่าผมร้องไห้เพราะผมรักและเป็นห่วงมัน!!



ผมแค่ตกใจเท่านั้นเข้าใจมั้ย!! คุณคนอ่านอย่าไปคิดตามมันเด็ดขาดและเด็ดขาดนะผมขอเตือนไม่งั้นคุณจะโดนเหมือนมันในตอนนี้!!



“โอ๊ย!! มาหยิกกันทำไม ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ?”



ดูมัน!! ดูมันสิ!!!



โดนผมหยิกแรงๆแล้วมันยังจะหน้ามึนว่าผมรักมันอีก



“ไม่มีทาง!! ฉันไม่ได้รักนายแล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงนายด้วย!!”



ผมสะบัดเสียงสูงใส่มันแล้วเชิดหน้าหนี ไอ้บ้านี่ยังจะขยับเข้ามากอดแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มผมอีก
แสส!!



อย่ามาหวานนักได้มั้ยวะ!!!



“โอเค....ไม่ได้รักก็ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นห่วงก็ไม่ได้เป็นห่วง”



มันทำเสียงอึนใส่ผมแล้วล็อคหน้าผมให้หันไปหามัน ผมผงะถอยหัวหนีแต่แม่งล็อคไว้ไม่ให้หนีพลางโน้มหน้ามาใกล้มากขึ้น



“งั้นมาเมคเลิฟกัน”



เฮ้ย!! มึงเปลี่ยนเรื่องง่ายๆไม่พอยังจะมาขอกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ!!



“หน่า...นะ”



คุณนึกสภาพดูว่าถูกผู้ชาย(ตัวใหญ่กว่า)เอาปลายจมูกมาถูๆแก้มไปมาแถมยังลามลงไปถึงซอกคอด้วยกับสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียว(แถมเปียกด้วย!!) กึ่มไวน์นิดๆ แสงเทียนรอบ สระว่ายน้ำ....



คุณคิดว่า...อิชิฮาระ ซัทสึกิจะเสียตูดเป็นรอบที่สามมั้ยล่ะคืนนี้!!?



ไม่เฉลย....แต่เก็บเอาไปคิดกันเองแล้วกันนะ



แล้วเจอกันใหม่...เช้าวันนี้
..................





-โปรดติดตามตอนที่7-

Alone Alone หนังสือยังมีอยู่อีกนิดหน่อยค่ะ ติดต่อหลังไมค์นะคะ  :mc4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
หายไปเลยอ่าาา เร็นจมน้ำไปแล้วหรืองายยยยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
เรื่องราวน่ารักมาก มาต่อเร็วๆนะคะ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     โฮ่ สนุกดีนะ
     นายเอกซึนได้ที่เลย



ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 7

วันนี้เป็นรันทด(ใจ)ของอิชิฮาระ ซัทสึกิครับ



จริงๆมันก็ไม่ได้ดราม่านักหรอก เพียงแต่ผมกำลังรันทดใจอยู่กับตัวเอง ความรันทดใจมันเกิดตั้งแต่ลืมตามาตอนเช้าแล้วเจอไอ้บ้าเร็นมันนอน ชันศอกเท้าหัวมันมองผมที่นอนคว่ำอยู่ข้างๆ สายตามันกรุ้มกริ่มมากขอบอก อิ่มอกอิ่มใจล่ะสิได้ฟันตูดกูไปอีกรอบแล้วนี่



“อรุณสวัสดิ์ครับ”



ตอนแรกกะจะทำเนียนนอนหลับต่อ แต่ในเมื่อไอ้คนที่จ้องอยู่มันเอ่ยทักทายยามเช้าด้วยเสียงและใบหน้าหล่อๆของมันก็เลยต้อง ทำให้ผมต้องผงกหัวรับคำทักทายของมันยามเช้าก่อนจะเบี่ยงตัวออกจาก อ้อมกอดของมัน(นี่กูปล่อยให้มันนอนกอดถึงเช้าเลยหรอวะเนี้ย) แล้วดึงเอา ผ้าห่มมาคลุมโปงเตรียมจะหลับต่อ



ในเมื่อความง่วงมันยังจิกเกาะอย่างสลัดไม่หลุด ไอ้คุณชายมึงก็นอน มองก้อนผ้าห่มกลมๆที่ยึดพื้นที่เตียงครึ่งหนึ่งของมึงไปก่อนก็แล้วกัน



“หนาวหรอ?”



ไอ้บ้านี่ตีความว่าผมเอาผ้าห่มคลุมโปงว่าผมหนาวครับ มันถามไม่พอมันยังเอาตัวเองมาเสริมความอบอุ่นให้กับผ้าห่มผืนหนาสีเทาของมันอีกด้วย ผมดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ใต้ผ้าห่มก่อนจะใช้ศอกถ่องท้องมันที่เนียนเข้ามา กอดแล้วครางเสียงเบาอย่างรำคาญใจ



“แดดมันแยงตา”



ก็ไอ้บ้านี่เล่นเปิดผ้าม่านเอาไว้ แถมผนังทั้งแถบยังเป็นกระจกใสรับแดดยามเช้าเต็มๆ อาจจะดูว่ารับบรรยากาศเช้าวันที่สดใสดี ด้วยแสงแดดอ่อนๆเสริมวิตามินดีให้กับร่างกาย



แต่ขอโทษ..เช้าวันที่เพิ่งผ่านบทบู๊มาทั้งคืนผมต้องการหลับพักผ่อนมากกว่าเสริมวิตามินให้กับผิวหนัง ไม่งั้นหนังหน้าของผมนี่แหละจะเหี่ยวประหนึ่งขาดคอลลาเจนเพราะนอนไม่พอ



ไอ้คุณชายมันหัวเราะในลำคอกับคำพูดของผมก่อนมันหันไปทำอะไร สักอย่างไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่ามันไม่ได้ลุกไปจากเตียงหรอก เพียงแค่อึดใจเดียว มันก็หันกลับมายุ่งกับผมอีกครั้ง มันพยายามแย่งผ้าห่มที่ผมยึดไว้คลุมหัวออก



“ไม่ต้องคลุมโปงแล้ว ปิดม่านให้แล้ว”



มันบอกผมเสียงอ่อน ผมยอมเอา ผ้าห่มลงจากหัวแล้วหรี่ตามองกะว่าถ้ามันโกหกจะต่อยมันแรงๆสักที



แต่ไม่ครับ ไอ้คุณชายมันพูดจริง ผ้าม่านมันรูดกลับไปปิดเหมือนเดิมแล้ว ผมเอาดวงตาที่ลืมไม่ถึงสามสิบองศาหันกลับไปหามัน เลยเห็นว่าในมือ ของไอ้คุณชายมันมีรีโมตอยู่ พอมันเห็นผมมองมามันก็ยักไหล่แล้ววางรีโมตไป ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะดึงผมเข้าไปหาอกมัน



ผมเลยต้องนอนต่อด้วยการซบอกมัน โคตรจะเป็นท่านอนที่ทรมาน ความแมนยิ่งนักพลางกัดนึกหมั่นไส้ในความรวยของไอ้คุณชายมัน ที่แม้แต่จะปิดม่านยังมีรีโมตให้กด!!



สายๆหน่อยผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ในที่สุด พอผมตื่นไอ้คุณชายมันก็ กุลีกุจรเอาเบรกฟาสต์มาเสิร์ฟให้ถึงเตียง อารมณ์เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ผัวกำลังเอาใจเมียมากเลยครับ



ผมคงจะซึ้งไม่น้อยถ้าไม่ได้รู้ว่าไอ้อาหารเช้าแบบอเมริกันสไตล์ที่ดูหรูเลิศบนโต๊ะตัวเล็กที่คร่อมขาผมอยู่มันไม่ได้เป็นฝีมือคุณพ่อบ้านที่มาจัดการทำความสะอาดห้องให้กับไอ้คุณชายมัน



“เว่อร์ว่ะ แค่อาหารเช้าง่ายๆแบบนี้ ทำเองไม่เป็นหรือไงกัน?”



ผมว่าแดกมันก่อนจะจิ้มแฮมแสนอร่อยเข้าปากไปเคี้ยวหยับๆ ไอ้คุณชายที่มันกำลังใช้มีดแบ่งไข่ดาวให้เป็นชิ้นพอคำก็เหลือบตามามองผมก่อนจะส่งไอ้ไข่ชิ้นนั้นเข้าปากผมแทน



“ถ้าทำเป็นก็คงไม่ให้พ่อบ้านทำให้หรอก”



เออจริง มันพูดก็จริงอยู่ ขนาดผ้าม่านมึงยังมีรีโมตกดปิดแบบไม่ต้อง โยกตูดลุกขึ้นไปเดินปิดเองแบบนี้ พนันได้เลยว่าไอ้หมอนี่เผลอๆแม่งยังแยกกระทะกับหม้อไม่ออกชัวร์!!



ชีวิตหรูหราของริวซากิ เร็นแม่งยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นครับ หลังจากปล้ำอาบน้ำกันอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง ผมกับมันถึงได้เวลาไปมหาลัย กันเสียที



ริวซากิ เร็นทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความรวยของมันอีกครั้งด้วยรถเล็กซัส คันโตสีดำป้ายแดง ผมที่กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของมันก็ได้อานิสงค์ไปถึงคณะอย่างสบายๆ แต่สบายกายอย่างเดียวนะ



เพราะพอถึงคณะแล้วความรันทดใจแม่งเริ่มตั้งแต่มนุษย์สี่ตัวแรกที่ ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงทางเท้าที่ไอ้ลูกคุณหนูมันเทียบรถจอดแล้ว แม่งเสือกหันมามองกันเป็นตาเดียว แถมแค่นั้นยังไม่พอ ไอ้บ้าที่ได้รับเกียรติขับรถมาส่งผมถึงหน้าคณะมันยังเสือกคว้าแขนผมตอนที่ผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถเข้าไปหาแล้วยังฉกฉวยโอกาสผมเซกลับเข้าไปหอมแก้มผมอีก



“จะกลับเมื่อไหร่โทรบอกนะ..จะมารับ”



ครับ...ไอ้เร็นมันสั่งไว้อย่างนั้นแล้วส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับผมที่นิ่งอึ้งแล้วเอามือลูบแก้มตัวเองอย่างงงๆ มาฉวยโอกาสกับคนอื่นเขาไม่พอ ยังจะสะเออะโปรยยิ้มหล่อให้ด้วยอีกแม่ง!!



“เออ จะโทรแล้วกัน!!”



ผมกระแทกเสียงตอบมันไปแบบนั้นทั้งๆที่หน้าร้อนผ่าวก่อนจะรีบลงจากรถก่อนจะมีการหอมแก้มลากันครั้งที่สองเกิดขึ้นกลางที่สาธารณะอีก



เดินไปไม่กี่ก้าวผมก็เจอกับสายตาของคนที่หันมามองเป็นทางเดียวกัน ผมพยายามไม่แคร์เพราะปกติคนก็ชอบหันมามองความหล่อของผมอยู่แล้ว (ถึงในใจจะรู้ก็เหอะว่าคราวนี้คนพวกนั้นหันมามองเพราะอะไร)



ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยถึงปานกลาง ในที่สุดผมก็ พาตัวเองเดินไปถึงโต๊ะประจำได้และรู้สึกดีมากที่เพื่อนเกลอทั้งสองของผมนั่ง อยู่ประจำที่แล้ว



“ไง! มาไหวด้วยหรอวันนี้!?”



ไอ้คนถามคือโคยามะ เคนอิจิที่ไม่รู้ชะตากรรมชีวิตของมันครับ ผมยิ้มหวานให้มันก่อนขยับเข้าไปใกล้และฟาดสันมือสับลงกลางหัวมันเต็มแรง



“โอ๊ย!! กล้าดีไงวะทำร้ายเพื่อนสุดหล่อคนนี้!!”



มันโอดโอยครับ โอดโอยอย่างเดียวไม่พอมันยังกระแดะทิ้งตัวไปพิงซบไดจังอีก รู้นะเว้ยว่าเนียน!!
“แล้วไอ้เพื่อนที่เคารพครับ กล้าดียังไงปล่อยให้คนอื่นหิ้วเพื่อนไปแบบนั้นเมื่อคืน”



พอผมถามไปแล้วไอ้เคนมันก็ทำแก้มพองครับ ดูแล้วน่าตบให้ฟีบพร้อมกันด้วยสองมือนี่จริงๆ
“ฉันอนุญาตให้รุ่นพี่ริวซากิพานายไปเองล่ะซัทจัง”



อ่าวไงงั้นล่ะครับ ไดจังทำไมสนับสนุนให้เพื่อนกลายเป็นเมียคนอื่นจังวะเนี้ย?



“ไงงั้นล่ะ?”



“ก็ฉันอยากให้นายกับพี่ริวซากิปรับความเข้าใจกันนี่ แล้วนี่ดีกันแล้วใช่มั้ยล่ะ?”



โดนไดจังถามย้อนกลับมาด้วยคำถามที่เราก็รู้กันแบบนี้มันเลยยากที่จะปฏิเสธจังเลยแหะ ผมแพ้สายตาจับผิดของไดจังเลยได้แต่เกาคอเขินๆแล้ว พยักหน้าส่งๆไป



“ดีแล้วล่ะ อ่อ..บ่ายนี้เข้าชมรมด้วยนะ พี่มิซึรุบอกว่าบทละครเรื่องใหม่เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยววันนี้จะจัดการแจกแจงให้ว่าใครต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง”



“จริงดิ!! ปีนี้ฉันจะได้เล่นด้วยอีกหรือเปล่าหว่า?”



ผมอมยิ้มแล้วเริ่มวาดฝัน ปีที่แล้วผมแจ้งเกิดอย่างงดงามกับบทของน้องชายพระเอก ถึงบทมันจะไม่เด่นมากแต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่น้อยเพราะจากละครเวทีครั้งนั้นมันก็ทำให้หลายๆคนในชมรมยอมรับฝีมือการแสดงของผม



“ได้สิ เห็นพี่มิซึรุบอกว่าบทเด่นด้วยนะ”



ฟังคำพูดของไดจังแล้วผมก็ต้องร้องเยสขึ้นมาอย่างดีใจ ก่อนจะหันไปหาไอ้เคนที่อยู่ดีๆแม่งก็หัวเราะอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย



“หัวเราะแบบนี้ อิจฉาล่ะดิ๊!!”



ผมถ่องศอกไปกระทุ้งท้องมันเบาๆ ไอ้เคนมันหยุดหัวเราะแล้วป้ายน้ำตาออกจากแก้ม แม่งหัวเราะจนน้ำตาไหลเลยเรอะ!!



“เออ อิจฉา ข้าน้อยอิจฉาซัทสึกิซามะยิ่งนัก” ผมค้อนใส่มันก่อนจะหันไปหาไดจังที่ยิ้มมาให้



“แล้วบทอะไรรู้หรือเปล่าอ่ะ? พระเอกเลยป่ะ?”



ไดจังส่ายหน้าแทนคำตอบให้ผมก่อนจะรวบเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ไดจังส่งสมุดเล็คเชอร์ของผมมาให้ คงจะไปหยิบมาจากในห้องของผมสินะ



“ไม่รู้สิ เดี๋ยวบ่ายนี้ซัทจังก็รู้ แต่ตอนนี้ไปเรียนกันเถอะ”



ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปจับมือของไดจังที่ยื่นมาดึงให้ผมลุกจากเก้าอี้ (ท่ามกลางสายตาอิจฉาน้อยๆของเคนอิจิ) ก่อนจะเดินควงแขนไดจังไปเข้าเรียนอย่างร่าเริง



บทเด่นอย่างนั้นหรอ?



ไม่พระเอก ก็ต้องพระรองแน่ๆ!! ไม่ว่าจะบทไหนผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ



อันที่จริงคือแค่ได้เล่นละครเวทีของชมรมเป็นปีที่สองติดต่อกันแบบนี้ ผมก็ดีใจจะแย่อยู่แล้วล่ะ!!





ทนรอให้หมดคาบเรียนแล้วผมก็เดินตัวปลิวลากไดจังกับเคนอิจิออกจากห้องเล็คเชอร์แต่โดยไวเพื่อไปหาพี่มิซึรุที่ชมรม ขนาดผมว่าผมมาไวแล้ว ก็ยังมีมนุษย์ชมรมนั่งรวมตัวกันอยู่หลายคนแล้ว ผมทักทายพี่ๆน้องๆในชมรมได้ไม่ทันครบพี่มิซึรุก็เดินมาตาม



“ไปที่โรงละครเร็ว จะได้คุยเรื่องละครกันซะที”



มหาลัยเรามีโรงละครเป็นของตัวเองครับ มันก็ไม่ใช่โรงละครใหญ่อะไรหรอกเพราะแต่เน้นว่าสะดวกสบายกว่าใช้ห้องประชุมปกติทำเป็นโรงละครครับ เพราะว่าชมรมกับเอกการละครของคณะเราดังมากจนละครเวทีของมหาลัยเราติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นจนทางคณะตัดสินใจทุ่มทุนสร้างโรงละครไว้เสริมความอลังการให้กับละครเวทีที่จัดเป็นประจำทุกปีในที่สุด



ผมเดินลั่นล้ามาหาพี่มิซึรุแล้วกอดแขนซบพี่ชายหน้าสวยแบบอ้อนๆ พลางชำเลืองมองดูปึกกระดาษในมือของพี่มิซึรุไปด้วยเผื่อจะเห็นรายชื่อของ ผมอะไรทำนองนั้น



“เมื่อคืนหายไปไหนกันทั้งคู่เลย ทั้งซัทจังแล้วก็เร็นด้วย?”



พี่มิซึรุถามแล้วเอานิ้วดันหน้าผากผมออกห่าง ผมทำหน้ายู่ใส่พี่ชายหน้าสวยก่อนจะตอบอุบอิบไป



“ไปค้างที่คอนโดของริวซากิน่ะ แต่อย่าถามอะไรมากกว่านั้นนะ”



พี่มิซึรุคงพอใจกับคำตอบแค่นั้นและรู้ความหมายในประโยคท้ายของผมเลยได้แต่อมยิ้มอยู่บนมุมปาก รอยยิ้มของพี่มิซึรุนี่น่ากลัวบอกไม่ถูกนะ



เดินมาถึงโรงละครที่อยู่บนชั้นสองของตึกใหม่แล้วผมก็เดินแยกไปนั่ง กับไดจังและเคนอิจิที่ขอบเวที หลายคนจับจองที่นั่งคนดู อีกหลายคนก็ สมัครใจยืนพิงตามขอบเวทีใกล้ๆกับพวกผม พี่มิซึรุเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงกลางพร้อมกับผู้ช่วยสองคนที่เดินยกเอกสารมาลังหนึ่งอ



“ละครเวทีปีนี้เราจะเล่นเรื่อง Cinderella Man กัน”



เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่ของพวกเราทุกคน แน่นอนว่าประเด็นของเรื่องมันพุ่งตรงไปยังมาโดกะจังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม เธอเป็นนักแสดงมืออาชีพและเป็นตัวเก็งว่าจะได้รับบทนางเอกในปีนี้



“งั้นบทซินเดอเรลล่าก็เป็นของมาโดกะจังใช่ป่ะ?” ปากผมไวอีกแล้ว ถามไปปุ๊บพี่มิซึรุก็หันกลับมามองด้วยความไวเหมือนกันแล้วก็ต้องย่นคอเมื่อ พี่มิซึรุม้วนเอากระดาษในมือมาตีหัวผม



“ซินเดอเรลล่าฉบับนี้นางเอกเป็นผู้ชาย และนางเอกคนนั้นก็คือนายน่ะแหละอิชิฮาระ ซัทสึกิ”



“อ่อ...”



เอ๊ะ?...เมื่อกี้พี่มิซึรุว่าอะไรนะ?



“ผมน่ะหรอนางเอก!!!”



พระเจ้าเหอะ ผมว่าคนทั้งมหาลัยคงได้ยินเสียงตะโกนของผมแล้วล่ะ นอกจากตะโกนด้วยความตกใจขั้นสูงแล้วผมยังเบิกตากว้างจนตาจะหลุดออกมาจากเบ้าอีก ผมส่ายหน้าไปมาทันที



“โน!! โน!! โน!!! อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้สิพี่ ไม่ตลกเลยนะ!!”



ในใจผมเริ่มรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก พี่มิซึรุดูจริงจังกว่าทุกทีด้วย แถมยังเดินเอารายชื่อนักแสดงมาให้ผมดู



“ไม่ต้องกลัวไปนะ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องดัง แถมยังได้ริวซากิคุงพระเอกคู่ขวัญนอกเวทีของนายมาเล่นด้วยแบบนี้ต้องดังเปรี้ยงปร้างแน่ๆ”



นั่นมันใช่ประเด็นมั้ยเล่า!!
แล้วอะไรกัน ไอ้คนนอกชมรมนั่นจะมาเล่นด้วยหรอ ขอทีเถอะ แค่นี้ผมกับมันก็ดังเกินเรื่องไปแล้ว ผมขยี้ตาสองสามหนแล้วเพ่งกระแสจิตมองดูรายชื่อนักแสดงอีกที



ลอเรนซ์ (ซินเดอเรลล่า) แสดงโดย อิชิฮาระ ซัทสึกิ ปี 2 นิเทศ เอกละคร



ดิมิทรี (เจ้าชาย) แสดงโดย ริวซากิ เร็น ปี 3 สถาปัตย์



พ่อง!! ใครแม่งกำหนดวะ!!



“ไม่เอา ผมไม่เล่น!!”



ผมออกตัวทันที เรื่องอะไรจะเล่นให้ขายความแมนของผมล่ะ ไม่ต้องดู เนื้อเรื่องก็รู้ว่าเสียเปรียบความแมนกันสุดๆล่ะงานนี้



“ไม่เล่นก็ต้องเล่น เพราะฉันอุตส่าห์เขียนบทเรื่องนี้มาให้นายเล่นโดยเฉพาะเลยอิชิฮาระ ซัทสึกิ” โอ๊ย!! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมันพูดประโยคนี้ แค่เสียงพูดมา ตัวยังไม่ออกมาพ้นเงาผมก็รู้



ยัยนักเขียนตัวร้าย!!



ยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่มิซึรุครับ เป็นคนที่คอยเขียนบทส่งให้กับชมรมของเรา ผมไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่เพราะเธอชอบกวนประสาทผม



“ยัยแม่มด!!” ผมอุทานออกไปทันทีก่อนจะถูกพี่มิซึรุตีหัวด้วยม้วนกระดาษอันเดิม



“ไปเรียกจิฮารุเค้าแบบนั้นได้ยังไงกัน เขาเป็นพี่นายนะ”



พอถูกว่าแบบนั้น ผมก็ทำหน้ามุ่ยใส่ทั้งพี่มิซึรุกับยัยแม่มดที่ยืนกอดอกหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ



“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่เล่น”



“นายต้องเล่น เพราะถ้านายไม่เล่น ฉันจะไม่ส่งฉากสุดท้ายให้กับชมรมนาย” อ๊ะ ยัยนี่ขู่ผมหรอ?



“ถ้าจิฮารุไม่ส่งฉากสุดท้ายให้กับชมรมเรา นายรู้ใช่มั้ยว่าอะไรจะเกิด ขึ้นน่ะอิชิฮาระ ซัทสึกิ?”



พี่มิซึรุไม่เห็นใจน้องชายหล่อๆคนนี้บ้างหรอถึงได้หันมาขู่แถมยังหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บใส่กันแบบนี้อีก



“หาคนอื่นไม่ได้หรอ?...” ผมถามเสียงอ่อยแล้วชี้ไปยังคนอื่นที่อยู่ไม่ห่างกัน



“เอจิคุงก็ได้ เอจิคุงก็หน้าหวานเป็นนางเอกได้นะ..ไม่งั้นเคนอิจิก็ได้ ไอ้เคนหน้าตามันเหมาะกับริวซากิ เร็นดีนะพี่!!”



“แต่นายเหมาะกับเร็นที่สุด!”



ฮึ่ย!! ไม่ต้องสวนมาพร้อมกันก็ได้ ผมมองค้อนไล่ตั้งแต่พี่มิซึรุ ยัยนักเขียนตัวร้าย ไดจังแล้วก็เคนอิจิที่บังอาจบอกว่าผมเหมาะกับไอ้บ้า เร็นนั่นที่สุด



“ไม่เอาอ่ะ ยังไงผมก็ไม่เล่น พี่หาคนอื่นได้เลย” ยังไงผมก็ดื้อแพ่งไว้ก่อนล่ะ ถ้าผมไม่เล่นแล้วใครจะทำไม



“งั้นบทละครเรื่องนี้ฉันคงต้องขอบายกับชมรมนายนะมิซึรุ เพราะถ้าตัวละครไม่ได้ตามที่ฉันวางไว้ ฉันก็ไม่อยากให้เล่นแล้ว”



ดูสิยัยบ้านั่นมันกดดัน ผมทางอ้อมนี่หว่า!! ปากก็ทำพูดกับพี่มิซึรุแต่ตามองผมเขม็งเลย



“เอ่อ..รุ่นพี่เล่นเถอะนะคะ อย่าให้คนอื่นเดือดร้อนสิคะ มันไม่ดีนะ”



คนพูดคือมาโดกะจังที่ยังคงยิ้มแย้มอยู่ครับ แต่คำพูดของเธอทำเอาผมจี๊ดขึ้นหัวใจ เหมือนเธอจะว่าอ้อมๆว่าผมจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนครับ



ตามประสาคนจิตใจดีอย่างผมเลยต้องคอตกรับบทนี้ไป



“แต่ริวซากิมันไม่ได้อยู่ชมรมเรานะ จะเล่นได้ไง?”



อย่างน้อยถ้าพระเอกไม่ใช่ไอ้เร็นมันก็คงดี ผมไม่อยากเล่นกับมัน ไม่อยากเป็นข่าวกับมัน



คิดดูดิ!! ถ้าข่าวออกไปว่ามันเล่นละครกับผมด้วยอีกอย่าง ชีวิต ความแมนของอิชิฮาระ ซัทสึกิคงต้องถึงเวลาฌาปนกิจกันแล้วสินะ



“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ริวซากิคุงเค้ารับเล่นตั้งแต่ฉันยังไม่ได้เขียนบทเลยล่ะ” ดูเถอะ...ยัยบ้านั่นยังมีหน้ามาอวดอีก…..TToTT!!




หน้าของผมกลายสภาพเป็นตูดไปแล้วครับพอเสร็จจากประชุมชมรมเสร็จ แถมเดินลงบันไดมาก็เจอกับไอ้เร็นมันมายืนหล่อเปล่งประกาย เจิดจรัสท้าสายตาอยู่อีก



ดีครับ!! เจริญครับ!! ยืนรอไม่พอมันยังปราดเข้ามาหาผมอีก



อิชิฮาระ ซัทสึกิเอ๋ยไม่ต้องเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วลูก



พลพรรคชมรมของผมที่เดินออกมาทุกคนเห็นกันหมดแล้วครับว่าไอ้หล่อมันมาหาใคร



“ฉันมารับนายกลับด้วยกัน”



มันบอกผมอย่างงั้นครับ แต่ผมไม่ได้สนใจมองมัน ผมมองมือตัวเองที่รั้งชายเสื้อของไดจังอยู่



“จะกลับกะไดจัง”



ผมบอกมันเสียงเบา หน้าร้อนผ่าวเพราะหูมันอุปทานไปว่าได้ยินเสียงคนซุบซิบๆกันอยู่ข้างหลัง



“ฉันว่าจะแวะไปดูหนังกับเคนอิจินะ”



อ่าว มีนัดหมายกันโดยไม่บอกล่วงหน้านี่หมายความว่าไงครับ



“ไปด้วย...”



“จะไปดูอินซิเดียสนะ ซัทจังจะดูอีกรอบหรอ? เพิ่งดูกับรุ่นพี่ไปวันก่อนไม่ใช่หรือไงกัน?”



เอ่อ...ไดสุเกะซามะครับ ได้โปรดอย่าขายความแมนของเพื่อนไปมากกว่านี้ บอกแค่ว่าจะไปทำไรก็พอไม่ต้องตอกย้ำว่าผมเคยไปเดทกับไอ้คุณชายมันในโรงหนังก็ได้



“ซัทจังกลับไปกับรุ่นพี่น่ะดีแล้ว อ่อว่างๆก็ซ้อมบทให้รุ่นพี่ด้วยนะ” ไดจังขยี้หัวผมก่อนจะลากไอ้เคนที่ยิ้มเยาะเย้ยผมไปอีกทางปล่อยให้ผมยืนหน้าหงิกอยู่กับไอ้เร็นตามลำพัง



“ไป!! กลับ!!”



ผมบอกสั้นๆแล้วดึงชายเสื้อของไอ้เร็นที่ยืนปล่อยรังสีความหล่อของมันอยู่ข้างๆลากออกจากจุดที่เกิดเหตุ ให้ตายสิ ผมไม่ชอบเลยกับสายตาของคนที่เอาแต่จ้องมองพวกเราแบบนี้



แล้วอย่างนี้ วันที่เล่นละครกันจริงๆ ผมจะต้องเผชิญหน้ากับสายตาเป็นร้อยๆคู่ ผมจะรับไหวมั้ยเนี้ย!!




ฮาโหล...ขณะนี้ เป็นเวลา หนึ่งนาฬิกา สามสิบเก้านาที สิบสามวินาที~~~



เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วผมกำลังนอนอ่านบทละครที่ได้มากับไอ้เร็น มันครับ พอออกจากมหาลัยมาได้ ไอ้เร็นมันก็พาผมไปกินอาหารไทยเป็น มื้อเย็นมา ขอบอกว่าอร่อยมาก!!



แต่ผมเป็นพวกลิ้นอ่อนกินเผ็ดมากไม่ค่อยได้ เจอต้มยำกุ้งรสแซ่บไปนั่น ก็แทบแย่



ยังดีนะไอ้เร็นมันรีบป้อนบัวลอยเผือกรสหวานมันมาให้ถึงปากต่อจากนั้นทันที(ไอ้นี่น่าสงสัย แม่งรู้ได้ไงว่าผมกินเผ็ดไม่ได้เลยจัดการเตรียมสั่ง บัวลอยมาไว้ล่วงหน้าแบบนี้)



ผมยอมให้มันป้อนด้วยความลืมตัวที่เผ็ดจนน้ำตาไหลจนเกือบหมดนั่นแหละครับถึงฉุกคิดได้ แต่ช่างมันเหอะ



กลับมาถึงหอพวกเราแล้ว เราก็เสียเวลาไปอีกหนึ่งชั่วโมงในการ ทำเหมือนเมื่อเช้าเมื่อวานไม่มีผิด...คือไอ้เร็นมันด้านจะอาบน้ำพร้อมผม คือถ้าต่างคนต่างอาบมันคงไม่เสียเวลาเท่านี้หรอก



อาบน้ำเสร็จมันก็จับผมปะแป้ง มัดจุกน้ำพุน้อยๆ (อย่างกะเด็กอนุบาล!!) นี่ถ้ามันห่มผ้าตบตูดให้ด้วยผมคงนึกว่าผมเป็นลูกชายคนเล็กที่ พลัดพรากจากอกมันมาสิบเก้าปีแน่ๆ



แต่ไม่ครับ มนุษย์อย่างริวซากิ เร็นมันเหนือชั้นกว่านั้น มันชวนให้ผมอ่านบทละครของยัยจิฮารุต่อก่อนนอน โดยทำเลที่มันยึดครองก็คือกองหมอนทั้งหมดบนเตียงที่มันเอาไปซ้อนหนุนหลังมันของมัน ผมที่ไม่มีหมอนเหลือเลยแม้แต่ใบเดียวเลยถูกมันจับให้นอนหนุนตักมันแทน (พรุ่งนี้เช้าผมจะลากมันไป ซื้อหมอนเพิ่ม!!)



“นายรู้จักกับจิฮารุมานานแล้วหรอ?”



อยู่ดีๆผมก็นึกอยากรู้ขึ้นมา จำได้ว่ายัยนักเขียนมันบอกว่าเร็นมันรับเล่นเรื่องนี้ก่อนเธอจะเขียนบทซะอีก



พอผมถามออกไปแล้วไอ้หล่อมันไม่ยอมลดบทในมือลงเพื่อมองหน้า ผมแล้วคุยกันเหมือนที่ผ่านมา มันกลับเอากระดาษบังหน้ามันไว้ แบบนี้มีพิรุธแหะ ผมยันตัวขึ้นมานั่งข้างๆแล้วดึงมือมัน



“ริวซากิ!!~”



มันยังไม่เลิกเอากระดาษบังหน้ามันครับแถมยังเอา แนบหน้าด้วย พอผมเขย่ามือมันก็เบี่ยงหน้าหนีผม



“ริวซากิ เร็น!! ตอบมานะ”



ผมเขย่ามันแรงๆแต่ดูเหมือนมันไม่สะเทือนอะไรแล้วยังทำท่าจะขยับหนีอีก ผมที่อยากได้คำตอบมาก ณ จุดนี้เลย ใช้ความเร็วตะกายไปบนตักมันแล้วบีบคอถามเอาซะเลย



“ตอบเร็ว!!”



ผมดึงบทมันออกจากหน้าได้แล้วครับ ถึงเห็นว่าไอ้เร็นมันหน้าแดงอยู่ หมายความว่าไงวะ ถามถึงยัยนักเขียนตัวร้ายนั่นแล้วทำไมต้องหน้าแดง ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด...รึไอ้นี่จะแอบชอบยัยตัวร้ายนั่น?



“อย่าบอกนะ...ว่านายแอบชอบยัยนั่น!!?”



มันตาโตกับข้อสันนิษฐานของผมครับ แล้วยกมือขึ้นมาโบกไปมาก่อนจะหัวเราะ



“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? จิฮารุเป็นเพื่อนฉันต่างหาก” ผมยังไม่พอใจในคำตอบของมันครับ อาการมันดูกลบเกลื่อนชอบกล
“แล้วทำไมพอถามแล้วต้องหน้าแดง?”



“กะ..ก็...” มันหยิบบทที่ผมกำอยู่ในมือมาครับ แล้วชี้ให้ผมดู



“มีคิสซีนของฉันกับนายในฉากที่งานเต้นรำด้วยล่ะ” แค่เนี้ยนะ?



ห๊ะ!!



คิสซีน!!



ผมตาถลนแล้วดึงบทในมือของไอ้เร็นมาอ่านทันที มีจริงด้วย คิสซีนของผมกับมันในฉากเต้นรำ แถมมีมาร์คตัวแดงๆขีดเส้นใต้ไว้ด้วยปากกาไฮไลท์อีกว่า *จูบจริง ห้ามมุมกล้อง!*



แม่ง!! ผมอยากฆ่าซาดะ จิฮารุมาก ใครก็ได้ล่าตัวยัยนี่มาให้ผมที!!





“ไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่นแล้ว!!”



ผมโวยวายใส่ไอ้เร็นมันคนเดียวไม่พอยังวิ่งลงมาโวยวายกับ พี่มิซึรุที่นั่งเล่นเกมส์อยู่กับเคนอิจิแล้วก็ฮิโรโตะอยู่กลางบ้าน ข้างหลังผมมี ไอ้คุณชายที่มันเดินตามลงมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่หน้าแดงน้อยๆ



“โวยวายอะไรกันซัทจัง? นี่มันจะตีสองแล้วนะ?”



“ก็เนี้ย!! ทำไมต้องมีคิสซีนด้วยอ่ะ!!”



พอผมบอกจุดประสงค์ของการโวยวายออกไปแล้วพี่มิซึรุก็ทำหน้าหน่ายแล้วผลักหัวผมออก



“แค่เนี้ย!! ทำมาเป็นโวยวายอย่างกับใครเผาบ้าน”



ทำไมพี่มิซึรุถึงมองปัญหาระดับชาติของอิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นเรื่องแค่เนี้ยล่ะ ไม่ได้นะ ผมไม่ยอม



“ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่เล่นแล้ว!!”



“บอกเหตุผลมาซิว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่นกะอิแค่คิสซีน”



“ก็มันต้องจูบนี่!!”



“แล้วไง!?”



“ก็มันต้องจูบอ่ะมันต้องจูบ!!”



ทำไมพี่มิซึรุถึงทำหน้ามึนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดนะ ปกติผมแทบไม่ต้องพูดพี่มิซึรุก็เข้าใจผมนี่นา ผมโวยวายแล้วก็นึกอยากร้องไห้จริงๆ เลยทำหน้างอแทน



“ก็จูบแล้วมันยังไงล่ะ? นายจะบอกว่านายจูบกับริวซากิบนเวทีไม่ได้ หรือไงกัน?”



โอ๊ย!! นั่นแหละ!! ใช่เลย!!



“ถึงขั้นนี้แล้วยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอ ป๊ะเทิ่งๆกันไปไม่รู้กี่รอบแล้วมึงยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอวะ?”
ผมปรี่เข้าหาไอ้คนพูดทันทีแล้ว ตบหัวมันก่อนจะบีบคอมันเขย่าจนไอ้เคนมันหัวคลอน



“แค่สามรอบเองเว้ย!! หลายรอบที่ไหนกัน!!”



โอ๊ะ!! ผมเผลอตัวหลุดไป ไอ้เคนแม่งรีบทำตาโตเลย



“อะไร! อาทิตย์เดียวสามรอบแล้วหรอวะ!?!”



อ่าว...กลายเป็นผมป้อนข้อมูลข่าวสารให้มันไปเสียอีก กรรมของอิชิฮาระ ซัทสึกิเสียจริง



“หุบปากไปเลยมึง ไม่งั้นกูจะแช่งให้มึงเสียตูดให้ไอ้รุ่นพี่อิโต้กับยามาดะพร้อมกันเลยดีมั้ย!!”



ไอ้เคนมันปิดปากแล้วส่ายหน้าพรืดแถมอิ๊บนิ้วใส่ผมอีกต่างหาก



“ก็นั่นแหละ..ได้เสียกันไปแล้วจะมาเหนียมอายอะไรกับอิแค่จูบ”



โอ๊ย!! ผมอยากบ้าตาย พี่มิซึรุช่วยใช้คำอื่นหน่อยได้มั้ย คำว่าได้เสียกันนี่มันรันทดผมจริงๆนะ



“ก็นี่มันต้องจูบต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยนะ!!”



ผมตะโกนไปลั่นบ้านอย่างอึดอัดใจ ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมเลย ถ้าลงไป ชักดิ้นชักงอที่พื้นเหมือนเด็กๆได้ผมก็จะทำแล้ว



“อ่อ...เขินก็ว่างั้นเถอะ”



“อือ!!” ผมกระแทกเสียงตอบไปแล้วทำหน้างอ รอให้พี่มิซึรุเข้ามาง้อ เข้ามาลูบหัวปลอบว่าจะไปบอกยัยจิฮารุให้เปลี่ยนบทให้



“งั้นเราต้องทำให้ซัทจังหายเขิน”



อะ..อ่าว?



พี่มิซึรุยิ้มพรายแล้วหันไปมองหน้าไอ้หล่อที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ ข้างหลังผมไปสิบก้าวแล้วชี้นิ้ว



“ต่อไปนี้ นายต้องจูบกับซัทจังโชว์พวกเราทุกคนในบ้านวันละสามรอบ จนกว่าจะซัทจังจะหายเขิน!!”



อ๊าก!!! พี่มิซึรุ!!!



ฆ่าผมให้ตายเลยเถอะ!!!



-TBC-
yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ ^^~

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
บทละครเวทีเรื่องนี้สร้างมาเพื่อเร็นและซัทนจังจริงๆ น่ารักอ่ะ ชอบมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    เหอะๆๆ เหมือนนายเอกของเราโดนรุมรังแกเลยอ่า




ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
55555 เร็นบอกได้เรย สบายมว๊ากกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 8

ฆ่ากันให้ตายเลยเถอะ!!


หลังจากนั้นแล้ว ผมก็กำลังนอยด์นิดหน่อยครับ พี่มิซึรุไม่แค่พูดเฉยๆ แต่ให้ลงมือปฏิบัติเลยหลังจากพี่เขาพูดเสร็จ ผมถูกพี่เขากับไอ้เคนล็อคตัวเอาไว้แล้วพี่มิซึรุก็เรียกไอ้เร็นให้เข้ามา


“มาเลยเร็น”


“เฮ้ย!!อย่านะ!!”


ถึงจะโดนล็อคแขนเอาไว้แต่ผมก็ตั้งการ์ดสู้ได้เหมือนกันนะ ผมยกมือเตรียมพร้อม ถ้าไอ้เร็นมันจะเข้ามาจูบผมจริงๆ ผมจะต่อยมัน ถึงจะยกมือไม่ถึงคางมันได้ แต่ผมก็ต่อยพุงมันได้นะเว้ย!!


ไอ้หล่อมันเดินก้าวเข้ามาหาผมพร้อมกับหน้านิ่งๆที่เดาอารมณ์มันไม่ถูก ทุกคนชะงักเพราะมันเดินเข้ามาจับแขนผมแล้วแกะมือของพี่มิซึรุกับเคนอิจิออกไป


วูบหนึ่งผมลดการ์ดของตัวเองลงเพราะรู้สึกว่ามันจะไม่พอใจกับคำสั่งของพี่มิซึรุเหมือนกันถึงได้ทำหน้านิ่ง


แต่...ไม่ครับ


ผมคิดผิดอย่างมหันต์!!


ไอ้เร็นมันรวบผมเข้ามากอดแล้วจูบทันที!!


“นั่นแหละๆ!! ซัทจังอย่างเม้มปากอย่างนั้นสิ!!”


พี่มิซึรุกำกับบอกพลางตีตูดผมเพราะผมเม้มปากแน่นหลับตาปี๋อีกต่างหาก สารพัดเสียงของพี่มิซึรุกับเคนอิจิที่ยืนกำกับอยู่อย่างระยะ ประชิดมันไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด


ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนไอ้คุณชายเกือบสามนาทีได้กว่ามันจะยอมปล่อยผม เล่นเอาปากผมชาเลยเหอะ


“หยุด!! ห้ามโวยวาย!!”


พี่มิซึรุอ่ะ!! สั่งขึ้นมาทันทีแถมยังชี้หน้าผมที่กำลังจะอ้าปากโวยวายด้วย พอหันไปมองไอ้หล่อ เร็นมันก็ทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเอานิ้วโป้งปาดริมฝีปากของมันอีกด้วย งื้อ!!


“รักจะเป็นนักแสดงก็ต้องแสดงได้ทุกบทบาทสิ กับอิแค่จูบเอง ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ไม่ใช่มืออาชีพแล้วอิชิฮาระ ซัทสึกิ”


โอ๊ยแทงใจกันสุดๆ ผมก้มหน้าแล้วก็พยักหน้างึกงักรับคำสอนของพี่ชาย แต่ในใจนึกค้านสุดเหวี่ยงเพราะผมรู้สึกว่าบทของยัยจิฮารุมันกลั่นแกล้งผมนี่นา


ผมยังคงทำแก้มพองอยู่ตอนที่เร็นมันเดินจูงผมกลับขึ้นมาบนห้อง พอขึ้นห้องมาได้ผมก็โยนบทไปไว้บนโต๊ะแล้วคลานกลับขึ้นไปนอนบนเตียง หันหลังให้ไอ้หล่อที่มันปิดไฟแล้วเดินตามกลับมาที่นอน


“โกรธหรอ?” ไอ้บ้าอย่ามาพูดเสียงทุ้มใส่ข้างหูแบบนี้ได้มั้ยวะ!!


“เปล่า” คนเรามักจะปากไม่ตรงกับใจว่ามั้ยครับ


ผมกำลังโกรธ แต่ผมไม่รู้ว่าผมโกรธไอ้คุณชายหรือจิฮารุหรือพี่มิซึรุมากกว่ากันก็เท่านั้น แล้วก็ขี้เกียจต่อความกับไอ้คุณชายมันตอนกำลังอารมณ์ ไม่ดี ผมเลยเลือกที่จะตอบมันไปเช่นนั้น


“ไม่จริงหรอก ซัทสึกิกำลังโกรธอยู่”


เอ๊ะไอ้นี่!! ชักจะรู้ดีมากไปแล้วนะ


“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน อย่าทำมาเป็นอ่านใจกันออกหน่อยเลยเหอะ”


“นายน่ะดูง่ายจะตายไป นิสัยเหมือนแมวดื้อชัดๆ ไม่ต้องรู้จักนานฉันก็ มองนายออก” มันบอกอย่างนั้นครับแล้วก็ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะรวบกอดผมไว้จากข้างหลัง


“แค่จูบเองนะซัทสึกิ นายเขินฉันก็เขินเหมือนกัน เรามาพยายามด้วยกัน ไม่ดีกว่าหรอ? ฉันดีใจนะที่ได้เล่นละครเรื่องนี้กับนาย นายไม่ดีใจบ้างหรอที่จะ ได้เล่นกับฉัน?”


“ไม่รู้..” จริงๆแล้วตอนแรกที่รู้ว่าต้องเล่นกับเร็น บอกตามตรง ผมไม่ดีใจเลยสักนิดครับ แต่ถ้าบอกไปตรงๆกันแบบนั้น ไอ้หล่อที่มันกำลังพูดกับผมอย่างอ่อนโยนอยู่นี่แม่งต้องเสียใจแน่ๆ ตามประสาเด็กดีแล้ว อิชิฮาระ ซัทสึกิไม่ควรทำให้คนอื่นเสียใจใช่มั้ยครับ?


“เอาเถอะ แต่หลังจากนี้ไป ฉันจะทำให้นายรู้สึกดีใจที่ได้เล่นละครกับฉัน ได้มีความทรงจำครั้งหนึ่งที่เราได้ทำอะไรร่วมกัน มันจะต้องเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับซัทสึกิ...ฉันสัญญา”


ไอ้บ้า!! พูดหวานใส่หูกูก็จะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องเอามือกูไปจูบด้วยได้มั้ยวะ!!


“อือ จะรอดู” ผมบอกมันแล้วก็เอาหน้าซุกหมอน เดี๋ยวแม่งรู้ว่าผม หน้าแดงหมด เพราะถึงจะปิดไฟกลางห้องแล้ว ไอ้คุณชายแม่งก็ยังเสร่อเปิดไฟ หัวเตียงเอาไว้อีก


“งั้นนอนกันเถอะนะ” มันลูบหัวผมเบาๆอีกรอบแล้วกอดเอวผมไว้ มันจูบกลางกระหม่อมผมเบาๆก่อนกระซิบเสียงทุ้ม


“ฝันดีนะครับซัทสึกิ”


ถ้านี่กูเป็นสาวน้อยคงร้องวี๊ดว๊ายถูกใจแล้วหันกลับไปบอกราตรีสวัสดิ์ เสียงหวานให้แน่ๆ แต่ขอโทษ..นี่อิชิฮาระ ซัทสึกินะ


“อือ” ผมแค่ครางรับในลำคอแล้วพลิกตัวหันกลับมาซุกในอ้อมกอด ของ มันแค่นั้นเอง


“เริ่มจะรักฉันบ้างหรือยังซัทสึกิ?”


จากง่วงๆอยู่ผมลืมตาโพลงเลยกับคำถามของมัน พอจะดิ้นออกจากอ้อมกอดแม่งก็รัดแขนกอดผมไว้แน่นอีก


“ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย!!”


“แล้วไง!?”


“ก็ผู้ชายอ่ะผู้ชาย จะให้รักนายได้ไง!!”


“มันไม่ใช่กฎตายตัวเลยนะซัทสึกิว่าผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง ซัทสึกิเองก็รู้ ไม่ใช่หรือไงกัน?”


ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ารู้อยู่เต็มอก แต่จะให้ผมรักกับผู้ชายเนี้ยนะ ชาวบ้านชาวช่องเขาจะมองยังไงกัน แล้วพ่อกับแม่ผมเขาจะรับได้หรอ ผมไม่อยากมีปัญหาอะไรทั้งนั้น ขอผมเดินในเส้นทางที่มันปกติมนุษย์มนาเขาดีกว่า


“ไม่รู้ ไม่รู้!!”


“งั้นฉันคงคิดไปฝ่ายเดียวสินะ ว่าที่นายยอมมีไรกับฉันก็เพราะนายเริ่ม มีใจให้ฉันแล้ว”


ดูมัน!! เอาน้ำเสียงผิดหวังมาใส่หูผมอีกแล้ว


“อย่า-ขี้-ตู่-ไป-เอง!!” ผมเน้นทีละคำแล้วชกอกมันไปด้วยก่อนจะทำแก้มพองค้อนใส่มันในความมืด


“ก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ อย่ามาทำเป็นได้ใจไปนะ”


“งั้นจะรอวันที่เซ็กส์เฟรนด์ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักแล้วกันนะ”


โธ่เว้ย!! หัวใจอย่าเต้นมากได้มั้ยเล่า!!


กับอิแค่คำหวานกับจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนนอนแค่นั้นเองนะ!!





เช้าวันนี้ตื่นมาแล้วก็ไม่เห็นเงาไอ้เร็นครับ


ข่าวจากเคนอิจิที่ยืนง่วงช่วยฮิโรโตะจัดจานอาหารเช้าอยู่บอกว่า ไอ้เร็นโดนเพื่อนมันที่ชื่อยูตะกับจุนยะลากออกไปตั้งแต่เช้ามืด (เคนอิจิมันใกล้จะได้ตำแหน่งเจ้ากรมข่าวประจำสำนักริวซากิ เร็นแล้วครับ แม่งรู้ดีรู้จริงรู้ทุกเรื่องเลย!!)
ผมใช้เวลานึกหน้าของสองคนนี่อยู่เกือบนาทีก่อนจะยักไหล่เบาๆเพราะ นึกไม่ออก จำได้แต่ว่าไอ้กลุ่มคุณชายมันสูงและวิ๊ง มีออร่าแบบฉบับคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทุกคนก็เท่านั้น (ไม่อยากเน้นคำว่าสูงแต่ขอตัวหนาและขีดเส้นใต้หน่อยเหอะ ความสูงของมนุษย์ในกลุ่มก๊วนริวซากิ เร็นมันทรมานใจผมมาก!!)


“ตื่นแล้วหรอซัทจังเอ้านี่!!” พี่มิซึรุเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ถือ ในมือให้ผม


“อะไรหรอพี่?”


“ตารางทำสปาขัดตัวนวดหน้า ทำทรีตเม้นส์ของนาย อ่อมีตารางฝังเข็มด้วย” พี่มิซึรุอธิบายด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ผมฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว


“ห๊ะ!! เอ่อ...ทำไม?”


“จะได้บลิ๊งค์ๆเวลาถ่ายรูปโปรโมทกับขึ้นแสดงจริงไง”


“ผมไม่มีเงินทำหรอกนะ” แค่เงินจะกินยังกระเบียดกระเสียรจะแย่อยู่แล้ว ให้ไปทำพวกนี้อีกผมต้องกู้เงินธนาคารแล้วล่ะ


“ใครบอกให้นายออกเอง ริวซากิออกให้ต่างหาก เอานี่!! บัตรเครดิต หมอนั่นฝากไว้ให้นายรูดใช้ได้ตามใจชอบแต่เกรงใจริวซากิมันหน่อยก็แล้วกัน”


อะหือแสดงว่าไอ้หล่อนั่นรู้เห็นเป็นใจด้วยใช่มั้ย?


“เดี๋ยวนะ ทรีตเม้นส์กับทำสปานี่ผมพอจะเข้าใจนะ แล้วฝังเข็มนี่มันอะไรกัน?” ผมรับบัตรเครดิตของไอ้หล่อมันมาแล้วก็ทำหน้าสยองเมื่อนึกขึ้นได้ ผมเป็นพวกไม่ถูกกับเข็มอย่างรุนแรงนะขอบอก!!


“ลดต้นแขนกับต้นขานายไง บวมซะขนาดนี้ ตอนถ่ายรูปมันจะอืดเกินไป”


พี่มิซึรุตีแขนผมดังแปะๆ ผมเอี้ยวหน้ามองดูแขนตัวเองแล้วก็ทำหน้างอ ไดจังยังแขนใหญ่กว่าผมเลยนะ


“ทำไมไม่ใช้โฟโต้ช็อปล่ะ” ผมยังไม่วายเถียง ก็คนมันไม่อยากไปฝัง เข็มนี่!!


“แล้ววันแสดงจริงนายจะให้ฉันเอาโฟโต้ช็อปไปแก้ให้อีกหรือไงกัน ไปฝังซะ ถ้าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าต้นแขนกับต้นขานายยังไม่เข้าที่ เจอดีแน่”


ขู่ได้ขู่เอา ผมทำหน้าง้ำใส่พี่ชายคนเก่งที่เอานิ้วปาดคอเชือดให้ดูเป็นตัวอย่าง ไอ้เคนแม่งหัวเราะได้หัวเราะเอา


คอยดูเถอะ!! จบละครเมื่อไหร่ผมจะไปอัพกล้าม!!


“เริ่มไปวันนี้เลยนะ อีกครึ่งเดือนเราจะฟิตติ้งกันแล้ว หุ่นนายต้องเข้าที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้รู้มั้ย แล้วต่อจากนี้ก็ห้ามกินของที่จะทำให้อ้วนด้วย!!” ผมที่กำลังจิ้มไส้กรอกจะเข้าปากเลยโดนคนสั่งตีมือดังเพี๊ยะทันที


“ให้ผมไปผ่าตัดแปลงเพศเสริมนมด้วยเลยดีมั้ย?”


“ได้ก็ดี”


“พี่มิซึรุ…!!”


วันนี้อาหารเช้าฝีมือฮิโรโตะไม่อร่อยเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะฝีมือของฮิโรโตะตกต่ำลงหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมอารมณ์ไม่ดีมากกว่า


และอารมณ์ของผมมันก็ขุ่นมัวตลอดทั้งวันที่ไม่รู้ว่าไอ้คุณชาย มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!!


-TBC-

yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ซัทจังเค้าให้ทำอะไรก็ทำเถอะ ฟรีนะ ไม่ทำก็เอามาแบ่งเราก็ได้ 555555

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     หือ คุณผู้กำกับและแนวร่วมโหดชะมัดเลย
     แล้วนี่ซัทจังจะไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอ
     คุณชายเค้าทุ่มทุนอ้อนตามจีบขนาดนี้เลยนะ




ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
เข้ามาทักทายมีหนังสือแล้ว

คอนเฟิร์มว่าซัทจังน่าแกล้งจริงไรจริง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
คุณชาย หวานตล๊อดๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 9

9th Chapter

ไอ้เร็นมันกลับมาแล้วครับ มันกลับมาเมื่อตอนหกโมงเช้าพอดิบพอดี ผมไม่ได้โงหัวขึ้นมามองว่ามันกลับมาในสภาพไหนหรอกครับ แต่เหลือบมองดูนาฬิกาตรงหัวเตียงอยู่ตอนที่มันล้มตัวลงมานอนกอดผมที่นอนหันหลังให้กับมันอยู่
เจริญมากครับ ปล่อยให้ผมไม่มีเรื่องเขียนต่อเมื่อวานเพราะมันดัน หายตัวไปเกือบครบ 24 ชั่วโมงแล้วอยู่ดีๆโผล่มานอนกอดกันซะอย่างนั้น


นี่ถ้าความง่วงมันหยุดโคจรในวิถีชีวิตของผมไปแล้ว ผมคงลุกขึ้นมาอัดคำถามว่ามันหายหัวไปไหนมาแน่ๆ แต่เผอิญว่าความง่วงมันยังเหวี่ยงอยู่ในวิถี โคจรชีวิตของผมอยู่ ไอ้หล่อมันเลยได้นอนกอดผมต่อไปอย่างสบายๆ ต่อไปอีกชั่วโมงสองชั่วโมง


วันนี้ผมมีตารางต้องตื่นแต่เช้าครับ ตามตารางที่พี่มิซึรุบังคับให้ทำ คือผมต้องไปฝังเข็มตอนสิบโมงเช้า ถึงไม่อยากทำก็ต้องทำครับเพราะไม่อย่างนั้นถ้าพี่มิซึรุรู้ว่าผมขัดคำสั่งเข้า ผมตายยิ่งกว่าเจอเข็มแน่


แต่ผมไม่ต้องไปคนเดียวครับ ไอ้หล่อมันสถาปนาตัวว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วยเพราะวันนี้มันว่างทั้งวัน


ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะดีใจดีมั้ยที่มีเพื่อนไปด้วยไม่ต้องไปขึ้นเขียงคนเดียว หรือจะเสียใจดีที่จะให้มันเห็นสภาพกลัวเข็มยิ่งชีพของผม


หลังจากให้ไอ้หล่อมันยกนิ้วสาบานว่ามันจะไม่เอาเรื่องผมกลัวเข็มมาล้อเลียนในภายหลังแล้ว เราสองคนก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้านกันตอนเก้าโมงกว่าๆ นั่งรถไปผมก็ใจสั่นไป คอยดูเถอะถ้าเกิดผมกลัวจนขาดใจตายคาเตียงฝังเข็มไป ผมจะเป็นผีมาบีบคอพี่มิซึรุคนแรกเลย!!(ถ้าไม่ถูกพี่แกจับยัดใส่หม้อแล้วถ่วงน้ำไปก่อนอ่ะนะ)


“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆไม่ไปไหน”


เหลือบหันหน้ามองไอ้คนพูดที่ถือวิสาสะเอามือผมไปกุมแล้วจูบเบาๆ มองแล้วให้อารมณ์เหมือนผัวพาเมียไปคลอดชอบกล นี่ถ้าผมพุงป่องหน่อยก็คงใช่เลย


ไม่ติดว่ามือมันหายสั่นเพราะถูกมันกุมอยู่ผมจะกระชากมือมาแล้วบอก มันว่าเว่อร์เกินไปแล้วนะ


สถานที่ขึ้นเขียงของผมอยู่ไม่ไกลนัก ไอ้หล่อมันขับรถมาประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงเสียแล้ว มันต้องลงมาเปิดประตูให้ผมเพราะผมนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ


“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”


มันเท้าแขนกับบานประตูแล้วโน้มมาสะกิดเรียกผมเบาๆ ผมค่อยๆหันไปหามันแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองทำหน้าแบบอยากร้องไห้เต็มแก่ใส่มันไปด้วย


“ไม่ไปไม่ได้หรอ” เสียงแม่งโคตรสั่นเถอะ เหมือนกับตัวผมตอนนี้เลย


“ไม่ต้องกลัว มันอาจไม่เจ็บอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”


เร็นมันลูบหัวผมเบาๆแล้วเอื้อมมือมาจับมือผม ดึงกายหยาบที่ไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหนของผมออกจากรถและจูงเข้าไปข้างในคลีนิค


“เดี๋ยวคุณพี่ชายพาน้องเข้าไปเตรียมตัวข้างในนะคะ เสร็จแล้วเข้าไปรอในห้องฝังเข็มได้เลยค่ะ” ตอนนี้ไอ้หล่อมันเหมือนได้หน้าที่ผู้ปกครองของผมไปโดยปริยาย ผมหันมองหน้าไอ้เร็นมันว่ามีส่วนไหนเหมือนกับหน้าผมบ้าง พี่สาวคนสวยตรงเคาน์เตอร์ถึงได้เข้าใจผิดว่าไอ้หล่อมันเป็นพี่ชายของผม


“เอ่อ มะ..” ผมรีบกระตุกแขนไอ้หล่อทันทีเพราะรู้ว่ามันกำลังจะแก้ไขความเข้าใจผิดของพี่สาวคนสวยนี่แน่ๆ แล้วเรื่องอะไรผมจะยอมให้มันทำอย่างนั้น ให้พี่เขาเข้าใจไปเหอะว่าผมเป็นน้องมัน ไม่งั้นพี่เขาต้องคิดไปไกลแน่ๆว่าผมเป็นอะไรกับไอ้หล่อมัน


“นี่จัง~...ไปช่วยซัทจังเตรียมตัวหน่อยนะฮะ” ผมบอกมันเสียงหวานแต่ส่งสายตาข่มขู่มันทางอ้อมว่าห้ามพูดอะไรเด็ดขาดก่อนจะลากมันไปทางห้องเตรียมตัว


ไอ้หล่อได้แต่หัวเราะลงลูกคอแล้วเดินตามแรงจูงของผมมา


การเตรียมตัวก็ไม่มีไรมากครับ แค่ผมต้องถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือ แค่กางเกงในที่สวมมาแล้วเอาผ้าเช็ดตัวนุ่งไว้ ขอบอกว่า ณ จุดนี้ทำเองไม่ได้ครับ แค่ยืนยังสั่นจะล้ม ไอ้คุณพี่ชายจำเป็นของผมที่มันยังหัวเราะขำอยู่มันเลยจัดการถอดให้ (คิดว่าคงเป็นงานถนัดของมัน) พอมันจัดการนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสั้นนุ่งให้ผมแล้วมันก็เดินจูงผมมาหาคุณหมอที่นั่งรออยู่ในห้องฝังเข็ม


“คุณพี่ชายจะรอดูหรือจะไปรอข้างนอกก็ได้นะคะ ตามสบายค่ะ”


คุณหมอบอกเปิดทางให้กับมันอีก สงสัยจะรู้ว่าถ้าอยู่ตามลำพังกับผม (ที่สั่นกลัวเอามากๆ)แล้วผมอาจจะเตะหน้าหมอตอนหมอจิ้มเข็มลงขาผมอะไรทำนองนั้น ผมหันมองมันแล้วเผลอคว้ามือมันไว้


“อยู่กับซัทจังก่อนนะฮะนี่จัง...”


ให้ตายเหอะ..อดสูใจชิบหายที่ต้องอ้อนมันแบบนี้ แต่ทำไงได้..ผมอยากได้ใครสักคนอยู่กับผมตอนนี้นี่!!


“ไม่ต้องกลัวนะซัทจัง นี่จังจะอยู่เป็นเพื่อนซัทจังนะครับ”


ไอ้บ้านี่เล่นกลับมาไม่พอ ยังโน้มตัวมาจุ๊บเบาๆที่หน้าผากผมอีก ผมเหลือบมองมันตาเขียวเมื่อคุณหมอหัวเราะคิกคัก
“เป็นพี่น้องที่รักกันดีจังเลยนะคะ”


อย่ามาใช้น้ำเสียงเอ็นดูอย่างนั้นสิครับคุณหมอ!! ไอ้นี่มันไม่ได้เป็นพี่ชาย ที่แสนดีอย่างที่คุณหมอคิด!! (ผมเถียงเสียงสูงอยู่ในใจ)


“ครับ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องน่ะครับ ผมเลยรักน้องชายคนนี้ของผมมาก” ไอ้บ้านี่นอกบทไปไกล แล้วพี่ชายอะไรมองน้องด้วยสายตากรุ้มกริ่มแบบนี้ วะครับ!!


ผมมองค้อนไอ้คุณพี่ชายมันอีกรอบก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับเตียง ไอ้อาการสั่นกลัวมันหายไปแล้วครับตอนนี้ แต่พอได้ยินเสียงคุณหมอแกะเข็มออกจากห่อ มันก็เริ่มสั่นอีกหน


“ไม่ต้องกลัวนะคะ อย่าเกร็งด้วยนะคะ เพิ่งฝังครั้งแรกจะใช้เข็มเล็กให้ นะคะจะได้ไม่เจ็บ” ผมอยากจะบอกกับคุณหมอว่าเอาเป็นเข็มเล็กไปจนจบคอส เลยก็ได้ครับจะเป็นพระคุณกับผมอย่างยิ่ง


ไอ้เร็นมันยังคงทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่แสนดีครับ มันจับมือผมไม่ได้เพราะคุณหมอบอกว่าเดี๋ยวต้องฝังที่มือด้วย มันเลยมายืนลูบหัวผมแทน ดูมันเองก็ลุ้นๆเหมือนกันว่าตอนคุณหมอลงเข็มแล้วผมจะเตะเสยคางคุณหมอคนสวย หรือเปล่า
เข็มแรกฝังลงกับพุงของผมครับ พี่มิซึรุเลือกคอสลดสัดส่วนทั้งต้นแขน ต้นขาและรอบเอวให้กับผม (เผด็จการที่สุด ไหนว่าแค่ลดต้นแขนกับต้นขาไง!!) คุณหมอฝังเบามากครับ แทบไม่รู้สึกเจ็บเลยจริงๆ ออกจะรู้สึกจั๊กจี๋เสียมากกว่า


“เจ็บก็บอกนะคะ บางทีอาจจะไปถูกลำไส้ หมอจะได้ดึงออกแล้วฝังให้ใหม่” ไอ้คำว่าถูกลำไส้ของคุณหมอทำให้ผมสะดุ้งไม่น้อย แล้วเข็มที่สี่มันก็ถูกจริงๆครับ


“โอ๊ย!!” ผมนิ่วหน้า มันปวดตึ๊บขึ้นมาทันทีเลยครับ ปฏิกิริยาของผมทำให้ คุณหมอถอนเข็มเล่มนั้นออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะฝังมาใหม่ใกล้ๆกัน


คุณหมอฝังเข็มรอบสะดือกับท้องน้อยของผมแล้วก็ตรงข้างๆเอว สภาพของผมคงคล้ายๆพุงเม่นไปแล้ว ผมไม่กล้าเหลือบมอง ได้แต่มองเพดาน มองไฟเหนือหัวไปแทนก่อนจะหันมามองหน้าไอ้หล่อ ไอ้หล่อมันจ้องเขม็งไปตามมือของคุณหมอที่ฝังเข็มลงกับตัวผม ตอนนี้คุณหมอเริ่มฝังเข็มลงกับต้นขาผมแล้วครับ ระยะใกล้จุดศูนย์กลางของชีวิตมากครับ ถ้าคุณหมอฝังพลาดไปทิ่มเอากับน้องน้อยของผมจะเป็นยังไงกันเนี้ย ผมกำลังคิดอย่างว้าวุ่นคุณหมอก็ปักเข็มจึ่กลงกับหน้าแข้ง


“โอ๊ย!!!” ผมร้องดังกว่าตอนเข็มถูกลำไส้ครับ เพราะมันเจ็บกว่าทุกเข็มที่ผ่านมา มันคงไปโดนเส้นประสาทหรืออะไรสักอย่างมันเลยเหมือนไฟช็อตแล่นจื๊ดไปทั่วขาของผมครับ คุณหมอก็แค่ทำตามเดิมคือถอนเข็มออกแล้วฝังลงไปใหม่
หมดจากขาแล้วก็มาถึงแขนครับ ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงเวลาเค้าสตาร์ฟผีเสื้อครับ ผมเคยเห็นวิธีการสตาร์ฟอยู่คือเขาต้องเอาเข็มแทงปักไว้ทุกส่วนเพื่อให้มันคงรูป อารมณ์แม่งใช่เลย สภาพแบบนี้เลย ชาติที่แล้วแม่งผมคงเป็นนักสตาร์ฟผีเสื้อแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรมให้คุณหมอเอาเข็มแทงทั้งตัวแบบนี้ ขยับก็ไม่ได้ด้วยครับ ทรมานสุดๆ


กว่าจะฝังหมด ผมไม่รู้ว่าถูกเข็มกี่สิบอันฝังอยู่บนตัว แต่ที่รู้แน่ๆก็คือคุณหมอหยิบเอาไอ้เครื่องที่หน้าตาเหมือนที่ชาร์ตไฟรถมาครับ มันเป็นตัวหนีบอันเล็กๆขนาดหนึ่งนิ้วได้และเธอกำลังหนีบมันลงกับปลายเข็มรอบท้องผมครับ


“กระตุ้นไฟฟ้าหน่อยนะคะ ถ้าแรงไปก็บอกนะ”


อื้อหือ!! ทรมานกว่าเดิมครับ กระแสไฟฟ้ามันแล่นลงเข้าท้องผมไม่หยุด นี่ถ้าผมฝังครั้งนี้แล้วทิ้งคอสที่เหลือจะถูกพี่มิซึรุกินกบาลเอามั้ยนะ


“ต้องทิ้งไว้นานเท่าไหร่ครับ?”


ไอ้หล่อทำหน้าที่ได้ดีมากมันลูบหัวผมอีกทีแล้วหันไปถามคุณหมอ ผมเหล่มองดูด้วยหางตาก็เห็นคุณหมอคนสวยคลี่ยิ้มให้พร้อมกับบอกว่า


“ประมาณยี่สิบนาทีค่ะ” เธอบอกอย่างนั้นก่อนจะเดินจากไป ปล่อยห้องนี้ให้เป็นของผมกับไอ้หล่อมันตามลำพัง
ฆ่า...กูให้ตายเลยเหอะ ยี่สิบนาที!!


“เจ็บมากมั้ย?” ผมเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลตอนที่โดนฝังเข็มครับ ที่รู้ก็เพราะไอ้หล่อมันถามแล้วมันก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้กับผม ผมกัดปากแล้วส่ายหน้าเบาๆไม่กล้าส่ายแรง เข็มแม่งสะเทือน ทรมานชิบหาย


“ไม่เจ็บ แต่ทรมาน” พูดตามความสัตย์จริง มันไม่เจ็บครับตอนฝังเข็มลงมา แต่ทรมานโคตรๆสำหรับคนที่เกลียดเข็มเป็นชีวิตจิตใจอย่างผม


“เจ็บน้อยกว่าเข็มของฉันอีกหรอ?”


ผมกรอกตาไปมาเพราะไม่เข้าใจในวลีของมันครับ ไอ้หล่อมันคงตีความ งุนงงในสายตาของผมได้ครับ มันเลยโน้มตัวลงมากระซิบข้างๆหูของผม


“ก็ตอนฉันฝังเข็มของฉันเข้าไปในก้นนาย นายเอาแต่ร้องเจ็บๆ นี่นา”


แสส!!


ถ้าไม่ติดว่ามีเข็มปักอยู่ทั่วร่างเหมือนเม่นน้อย ผมจะลุกขึ้นไปเตะผ่าหมากให้เข็มของมันหักคาตีนผมเลยคอยดู!!


ผมนอนเข่นเขี้ยวอยากไล่เตะไอ้เร็นอยู่พักใหญ่ครับ คุณหมอถึงเข้ามาดึงเข็มออกให้ผม ความรู้สึกมันแอบทรมานนิดหน่อยตอนเขาดึงเข็มออก มันเสียววูบๆบอกไม่ถูก กว่าจะออกจากห้องฝังเข็มได้ แข้งขาผมก็เหมือนไม่มีแรง ไอ้คุณชายมันเลยมาประคองผมออกไป


“ให้ตายเหอะ ไม่มาฝังแล้วได้มั้ยวะเนี้ย”


ผมบ่นอุบก่อนจะโผล่หัวออกจากคอเสื้อที่ไอ้คุณชายเอามาสวมให้ ไอ้คุณชายมันหัวเราะขำๆ แล้วหยิบกางเกงมาให้ผมสวม


“ทนหน่อยหน่า แค่อาทิตย์ละสามวันเอง เดือนนึงก็หมดคอสแล้วนี่”


“ตั้งเดือนนึง!!” ผมแย้งมันก่อนทำแก้มพองยอมให้มันจูงออกไปจ่ายเงิน เดือนนึงมีสี่อาทิตย์ อาทิตย์ละสามวัน นี่ผมต้องถูกฝังเข็มทั้งหมดสิบสองครั้งหรอนี่ แล้วนี่เพิ่งจะผ่านไปครั้งแรก


โอ๊ย!! อยากบ้าตาย!!




“ว่าแต่วันนี้อยากไปไหนต่อหรือเปล่า? หิวหรือยังหืม?”


ไอ้คุณชายมันถามขึ้นมาหลังจากมันพาผมมาขึ้นรถแล้ว พอมันถามผมก็ถึงรู้สึกได้ว่ากำลังหิวอยู่เหมือนกัน
“อือ หิวแล้วๆ” ผมบอกก่อนจะขาขึ้นมาชันแล้วเอาบทละครมาวางแหมะกับหน้าขาเพื่ออ่าน เหล่มองดูไอ้เจ้าของรถไม่ว่าอะไรผมก็ไม่เอาขาลงแล้วกันก็ผมอยากนั่งท่านี้นี่นา


“อยากกินอะไรล่ะหืม?” มาอีกแระไอ้แนวออกตามใจผมเนี้ย แต่ก็ดีผมชอบให้คนตามใจนะ


“อะไรดีล่ะ มีอะไรกินแล้วไม่อ้วนมั่ง? ถ้าน้ำหนักขึ้นตอนนี้โดนพี่มิซึรุ เล่นงานแน่ๆ” ผมบอกกลับไปและให้เวลาคุณชายมันนั่งคิดต่ออีกชั่วอึดใจก็ได้ รับคำตอบว่าเมนูมื้อเที่ยงเราจะไปกินอะไรกัน


“งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นก็แล้วกัน” โอเค ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ตราบใดที่ไอ้คุณชายมันเป็นคนจ่ายตังค์ล่ะก็นะ
มื้อเที่ยงของวันเราเลยได้ไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นระดับหรู (ผมว่าไอ้คุณชายมันกินร้านอาหารถูกๆไม่เป็น สงสัยรสชาติชาวบ้านจะไม่ถูกปากมัน)


อ่อ ลืมบอกไปว่าคนละร้านกับวันก่อนที่ผมไปดูหนังกับมันครับ ร้านนี้ ไม่ได้อยู่ในห้างและดูเผินๆคุณจะนึกว่าเข้ามาอยู่ในรีสอร์ทที่ตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นเลยล่ะ


ไอ้คุณชายท่าทางจะคุ้นเคยที่นี่เป็นอย่างดี มันจูงมือผมไปหาพนักงานที่ ใส่ชุดกิโมโนลายซากุระก่อนจะพยักหน้ากับเธอโดยไม่ได้สั่งอะไร เธอก็พาผมกับมันเดินไปตามระเบียงไม้ตรงนอกชานเรือน


บรรยากาศดีมากครับ ทิวไผ่สีเขียวกับธารน้ำเล็กๆที่ไหลลงจากโขดหินประดับในสวนหินให้บรรยากาศญี่ปุ่นมากครับ ที่ทานอาหารของเราเป็นเรือนเล็กแยกจากเรือนใหญ่ที่ผมเดินผ่านมา ไอ้คุณชายมันบอกว่าเป็นโซนไพรเวทของพวกวีไอพีครับโซนนี้ เลยมีแค่เราสองคนอยู่ในเรือนนี้กับคุณพนักงานที่กำลังรับออเดอร์ที่ไอ้คุณชายมันกำลังสั่งอยู่ครับ


ผมหันไปสั่งสองสามอย่างที่อยากกินแล้วก็เดินไปนั่งห้อยขาเล่นที่ริมชานเรือนด้านในครับ มันมีคูน้ำเล็กๆที่น้ำไหลผ่านตลอด มีปลาคาร์ฟสีสวยตัวโตว่ายน้ำอยู่ด้วยครับ ดูมันคุ้นเคยกับคนดีนะ ขนาดผมหย่อนเท้าลงไปในน้ำมันยังไม่ว่ายน้ำหนีผมเลย


“ชอบมั้ย?” ไอ้เร็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ มันเดินมานั่งข้างหลังแล้วถามอยู่ข้างหูให้ผมสยิวเล่น ผมสะดุ้งก่อนจะลูบหูเบาๆ


“ก็ดี” ไม่อยากบอกว่ามันดีมากครับ เดี๋ยวไอ้คนพามามันจะได้ใจเอาซะก่อนอ่ะนะ


“อย่ามาทำปากแข็งรู้นะว่าชอบมาก”


แน่ะไอ้นี่!! รู้แล้วยังมีหน้ามาถามอีก


“ถ้าคิดว่าชอบมากแล้วจะถามทำไมอีกล่ะ”


ผมย้อนมันไปแล้วทำแก้มพองใส่ มันเอานิ้วมาเขี่ยแก้มผมแล้วตบท้ายด้วยหอมแรงๆอีกฟอดนึง เฮ้ย!! นี่กูไม่ได้ต้องการให้มึงหอมแก้มง้อนะเว้ย!!


“ก็อยากได้ยินจากปาก ถ้าชอบมากนี่จังจะได้พาซัทจังมาอีกไง”


ไอ้นี่เอาประเด็นนี้ขึ้นมาล้อผมจนได้ มันน่าอายกว่าล้อกันเรื่องกลัวเข็มอีกนะ ผมหันไปมองค้อนมันแล้วเหน็บมือเข้ากับเอวมัน


“นี่จังก็ลงพุงเหมือนกันนะนี่ คราวหน้าไปฝังเข็มด้วยเลยดีมั้ยฮะนี่จัง~”


มันขำครับ ขำแล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้จนปลายจมูกเราถูไถกัน


“ได้เลยครับ นี่จังไม่กลัวอยู่แล้ว”


เออ!! กูมันกลัวเข็มคนเดียวนี่เชอะ!!


ผมอยากจะต่อปากต่อคำกับมันต่อครับ แต่พอดีอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟแล้ว ผมเลยพาตัวเองเข้ามาข้างใน จับจองเอาพื้นที่ข้างโต๊ะแล้วจัดการหยิบตะเกียบมาทันที อยากบอกว่าเป็นตะเกียบไม้แกะสลักอย่างดี ไม่ใช่ตะเกียบราคาถูกที่ต้องมานั่งแยกเป็นสองส่วนเองด้วยครับ!!


ไอ้คุณชายก็คงรู้ว่าเวลากินไม่ใช่เวลาที่จะสนทนากับผมได้อีก มันเลยพากายเข้ามาประจำที่ (ข้างๆผม) และคอยคีบอาหารเข้าปากให้ผมอย่างเอาใจ


เอาเลยครับ!!


คอยเอาใจแบบนี้ระวังเถอะ!!


กูจะเสียคนให้ดู!!


อิ่มแปล้จนน่ากลัวว่าน้ำหนักมันจะเพิ่มขึ้นให้ไอ้ที่ฝังเข็มไปมันไม่มีความหมายมากครับกับมื้อกลางวันนี้ แต่ผมก็ยังนั่งเหยียดขาอ้าปากงับเอา แคนตาลูปหวานๆที่ไอ้คุณชายจิ้มมาป้อนให้เข้าปากกลืนลงท้องไปอีก


“พอแล้ว..อิ่มจะตายอยู่แล้ว”


ผมยกมือเบรกเอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมเริ่มอึดอัดพุงแล้วล่ะ ถ้าขืนยังปล่อยให้มันป้อนไปเรื่อยๆ ผมต้องพุงแตกตาย อาหารที่กินเข้าไปมันอาจจะทะลักออกมาตามรูเข็มที่หมอแหย่เข้าไปในพุงผมเมื่อเช้าก็ได้นะใครจะรู้


“งั้นคิดเงินเลยแล้วกันนะ”


มันพูดเหมือนจะถามครับ แต่ไม่หรอก มันสั่นกระดิ่งที่เขาวางไว้บนโต๊ะเรียกพนักงานมาเก็บเงินหลังจากที่พูด เห็นมันยื่นเอาบัตรเครดิตให้กับพนักงานไปผมก็นึกถึงบัตรเครดิตที่มันฝากพี่มิซึรุมาให้


“นี่ๆ บัตรนี้ให้ฉันใช้ได้จริงอ่ะ?” ผมล้วงเอาบัตรของมันขึ้นมาโบกไปมา มันหันมามองแล้วก็พยักหน้า


“อืม แต่วงเงินแค่หนึ่งล้านต่ออาทิตย์หนึ่งเท่านั้นนะ”


ผมชะงักแล้วทำตาโต พระเจ้า!! ตั้งหนึ่งล้านต่อหนึ่งอาทิตย์แม่งยังบอกว่าแค่หนึ่งล้านอีกหรอวะ!!


ผมยืนช็อคกับรายได้(?)ที่ผมได้รับจากมันไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วยื่นบัตรคืนให้กับมัน


“ไม่เอาหรอก!! ถ้านายมาเรียกเงินคืนทีหลังฉันไม่มีให้หรอกนะ”


“ฉันให้แล้วไม่เอาคืนหรอก แล้วบัตรนั่นมันก็เป็นชื่อนายแล้วด้วย”


ผมยกบัตรขึ้นมาดู มันเป็นชื่อของผมจริงๆด้วย!! ตัวปั๊มนูนสีทองติดลงบัตรแบบถาวรเลยด้วย!!


“แล้วถ้าพ่อกับแม่นายรู้ไม่เล่นงานฉันตายเลยหรือไงกัน?”


ผมถามอย่างระแวง ว่าแต่ไอ้บัตรนี่เป็นชื่อผมแล้วมันจะมาเรียกเก็บเงินที่ผมเปล่าวะ?


“พวกเขาจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะ นี่มันเงินฉันนะ แล้วนายก็ไม่ต้องกลัว นายจะรูดไปเท่าไหร่ฉันก็จะจ่ายให้นายเอง”


ผมยืนมองมันตาปริบๆ ไอ้คุณชายมันบอกว่าเงินของมัน


มันเพิ่งเรียนปีสาม งานยังไม่มีทำ ที่บ้านให้เงินมันเดือนเท่าไหร่วะนี่ ถึงได้แบ่งมาให้ผมใช้ได้เดือนละสี่สิบล้านแบบนี้?


“ฉันมีเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่บ้านแล้วก็จากเงินลงทุนหุ้นเล็กๆน้อยที่ฉันเล่นแก้เครียด”


เล่นหุ้นแก้เครียด!!


โอ๊ย!!


นี่มึงอยู่คนละโลกกับกูแล้วละไอ้คุณชาย!!


อย่างผมเวลาเครียดๆก็จะแก้เครียดด้วยการวิ่งไล่เตะตูดเคนอิจิไม่ก็หาของหวานๆยัดใส่ปาก แต่ไอ้บ้านี่เครียดแล้วเล่นหุ้น!!


โอ๊ย!! ไม่รู้จะอุทานเป็นอะไรยังไงดีแล้วงานนี้!!




ออกจากร้านอาหารมาได้ ไอ้คนรวยมันก็บอกว่าจะพาผมไปบำรุงผิวต่อตามโปรแกรมที่พี่มิซึรุวางไว้ แต่ไอ้ที่ๆมันพาผมมาดูยังไงมันก็ไม่ใช่สถานที่เสริมความงามหรืออะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย มันดูเหมือนเป็นคฤหาสน์ของพวกคนรวยแบบที่ผมเคยเห็นในละครอะไรแบบนั้นมากกว่า


“ที่นี่ที่ไหน?” ผมถามอย่างงงๆเมื่อไอ้คุณชายมันจอดรถตรงหน้าบันไดหินอ่อนและอ้อมมาเปิดประตูรถให้กับผม


“บ้านฉันเอง” ผมเผลอทำตาโตใส่มันไปก่อนจะลงจากรถมาให้มันจูงมือเดินเข้าไปในบ้าน ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นพ่อบ้านกับสาวใช้มาคอยรับมันอยู่


“มาเร็วจังเลยค่ะ คุณมี๊นึกว่าลูกจะเข้ามาค่ำๆเสียอีก”


แม่มันครับ!! สวยเช้งตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งๆที่อยู่ในบ้านเลยครับขอบอก เห็นแม่แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงโขลกลูกออกมาได้หล่อแบบนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ


ประเด็นสำคัญของผมตอนนี้อยู่ที่สรรพนามที่หญิงวัยกลางคน(แต่สวยกว่าหญิงวัยรุ่นหลายๆคน) ใช้เรียกแทนตัวเองกับลูกชายของเธอครับ


คุณมี๊..สรรพนามกิ๊บเก๋ไฮโซเสียจริง หม่ามี๊ธรรมดาไม่ได้ คุณแม่ก็คงจะสามัญชนเกินไป ระดับแม่ไอ้คุณชายมันต้องคุณมี๊เลยสินะ แล้วนี่พ่อมันเรียกว่าไงวะเนี้ย?


“พอดีผมว่าจะพาซัทสึกิเขามาสตรีมเสียหน่อยครับ ยืมห้องสตรีมของคุณมี๊หน่อยนะครับ”


ไอ้หล่อมันฉีกยิ้มหวานให้แม่มัน ผมอยากจะถามว่ามันถามผมสักคำยัง ว่าผมจะสตงสตรีมอะไรกับมันมั้ย? แล้วไอ้สตรีมนี่มันคืออะไรกัน


ผมยืนเอ๋อให้เครื่องหมายเควสชั่นมาร์คมันลอยอยู่บนหน้าตอนมัน โอบเอวผมเข้ามาหาคุณมี๊ที่เลิกคิ้วทำตาโตหันมามองผม


เอ่อ...แม่มึงกำลังคิดอะไรอยู่วะริวซากิ เร็น ช่วยอธิบายความบนสีหน้าของแม่มึงให้กูฟังหน่อยได้ไหม?


“นี่หรอคะซัทสึกิจังของเร็น หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยค่ะ ผิวก็เนียนดี สตรีมอีกนิดก็อมชมพูสวยไปเลย” ผมมองหน้าแม่ของไอ้คุณชายมันตาปริบๆแล้วหันไปมองดูไอ้คุณชายที่ มันยืนยืดอกทำหน้าภูมิใจอะไรของมันอยู่ก็ไม่รู้ด้วยความรู้สึกประหลาดๆ แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกประหลาดๆตรงจุดไหน จนกระทั่งเธอพูดต่อ


“ตาถึงไม่เบานะคะลูก คนนี้คุณมี๊ให้ผ่านค่ะ”


“เอ่อ..? ผ่านอะไรครับ” ผมถามอย่างงงๆ รู้สึกการเรียงลำดับเรื่องราวจะตามไม่ทันคำพูดของเธอสักเท่าไหร่นัก


“ผ่านเกณฑ์ลูกสะใภ้ตระกูลริวซากิไงคะลูก”


ห๊ะ!! ลูกสะใภ้!!


เดี๋ยวๆๆ แม่ของไอ้คุณชายเขาประมวลสถานะของผมยังไงถึงออกมา เป็นลูกสะใภ้ของเธอได้กันล่ะนี่


“อ่า..ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชายนะครับ”


ผู้ชายทั้งแท่งด้วยขอบอก ขอประทานโทษที ยืนกระเดือกจะทิ่มลูกกระตาอยู่แล้วไม่เห็นหรอครับคุณมี๊


“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมี๊ไม่ถือ แค่หนูน่ารักแล้วก็นิสัยดีอย่างที่พ่อตัวดีเค้าการันตีมา คุณมี๊ก็ยินดีรับหนูเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วล่ะ”


ฮ่วย!! ผมไม่ได้กังวลว่าเธอจะรับหรือไม่รับ


แต่ผมจะบอกเธอว่าผมเป็นผู้ชาย!!


เป็นผู้ชายแมนๆที่ไม่ได้ต้องการสถานะลูกสะใภ้จากเธอเลยสักนิดต่างหาก!!


“ผมกับเร็นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นครับ” ผมกดเสียงต่ำบอกเธอไป แต่เหมือนเธอจะไม่รับฟังสักเท่าไหร่เพราะเธอโบกมือเหมือนกับมันเป็นเรื่องเล็กๆ


“เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นิคะลูก วันนี้เป็นเพื่อน วันต่อไปอาจเป็นคู่ชีวิตกันก็ได้ ค่อยๆคบกันไปจากการเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วค่ะ เพราะคู่ชีวิตที่ดีที่สุดคือต้องเป็นเพื่อนชีวิตกันนะคะรู้ไหม”


ยังจะมาสอนผมอีก!!


ให้ตายผมก็ไม่มีทางเป็นคู่ชีวิตกับไอ้คุณชายมันหรอกคร้าบ!!


“พอเถอะครับคุณมี๊ หยอกน้องแรงๆแบบนี้ ซัทสึกิเกร็งจะแย่อยู่แล้ว”


ไอ้หล่อมันเอื้อมมือมาหยิกแก้มของผมที่ทำหน้ายุ่งอยู่ ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันไปโทษฐานที่ไม่รู้ว่ามันเอาอะไรมาเล่าให้แม่มันฟังบ้าง เธอเลยคิดเป็นตุเป็นตะขนาดนี้


“โอเคค่ะ คุณมี๊เลิกแกล้งแล้วก็ได้ แต่คุณมี๊อยากได้ซัทสึกิจังเป็นลูกสะใภ้จริงๆนะคะลูก” ดูเถอะครับ เธอบอกว่าจะเลิกแกล้งแต่ยังมีการหันมาหยอกกันแบบที่ผมกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว


“ว่าแต่เย็นนี้อยู่ทานข้าวเย็นกันด้วยนะคะลูก คุณมี๊ว่าคุณป๋ากับรินะคงอยากเจอซัทสึกิจังของเร็นอยู่นะคะ”


โอเคผมได้รู้สรรพนามเรียกพ่อของ ไอ้คุณชายมันแล้วครับ แล้วนี่ผมต้องอยู่เจอพ่อกับพี่สาวที่ไม่รู้ว่าจะคิดเป็นตุ เป็นตะเหมือนกับคุณมี๊หรือเปล่านี่ผมจะรอดมั้ยวะเนี้ย!!


“ตกลงครับ แต่ขอเป็นอาหารชีวจิตหน่อยนะครับคุณมี๊ ซัทสึกิเขาต้องควบคุมน้ำหนักครับ” จะซึ้งใจดีมั้ยที่มันมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยผมแบบออกนอกหน้านอกตากับแม่มัน(ที่จินตนาการความสัมพันธ์ของผมกับมันไปแบบสุดกู่อย่างนั้น)


“บอกแต่น้องเขาต้องควบคุมน้ำหนัก เร็นเองก็ควรควบคุมน้ำหนัก ได้แล้วนะคะลูก พุงเริ่มออกแล้วนะเรา ว่างๆเข้าไปเฟิร์มหุ่นสักนิดก็ดีนะคะ”


ไอ้คุณชายถูกแม่มันเตือนครับ คุณมี๊เธอตีพุงไอ้คุณชายมันดังแปะๆแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ ดูเธอเป็นคนสุขภาพจิตดีนะครับ เวลาหัวเราะก็ยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้ ถ้าเธอไม่คาดหวังให้ผมเป็นลูกสะใภ้ของเธอ ผมคงจะนึกชอบเธอไม่น้อยเลยล่ะครับ (แต่ไอ้ประเด็นนี้มันค้ำคอทำให้ผมทำใจชอบเธอลำบากอยู่พอสมควรเลยนะนี่!!)


“ผมมีวิธีลดของผมอยู่ครับคุณมี๊” ไอ้คุณชายบอกแม่มันแต่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม


“ลูกลดยังไงคะ คุณมี๊ไม่เห็นลูกเข้ายิมมานานแล้วนะ?”


คุณหญิงเธอเอียงคอมองดูลูกชายคนเดียวครับ แล้วเลยหันมามองหน้าผมที่ไอ้เร็นมันจ้องอยู่ด้วย ผมหลบตาเธอเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลกับคำพูดของไอ้คุณชาย


“อ่อ..ช่วงนี้ผมฝังเข็มกับซัทสึกิครับ”


(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ไอ้!!#@$#@$%@#@!!!


ไอ้บ้า!! ไอ้หน้าด้าน!!


มันบอกแม่มันว่ามันไปฝังเข็มกับผมครับ แล้วมันก็จูงมือผมชิ่งเดินจากแม่มันที่เอียงคอมองตามไล่หลังมา เธอคงเข้าใจว่าลูกชายของเธอหันไปหาคอสฝังเข็มลดหุ่นลดกระชับสัดส่วนอะไรทำนองนั้น


แต่ขอโทษทีเถอะ!! ฝังเข็มที่ไอ้คุณชายมันพูดน่ะคนละความหมายกันเลยขอบอก!!


“นายไปเล่าอะไรให้แม่นายฟังน่ะ!?”


ผมดึงมันมาถามครับหลังจากเราขึ้นมาตรงชั้นสองที่เป็นโซนสปาของบ้าน ไอ้คุณชายมันเพิ่งให้คนเข้าไปจัดเตรียมห้องสปาเอาไว้ให้แล้วพาผมมาตรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าครับ


“ก็ไม่มีอะไรนี่” มันไม่ยอมตอบครับ ไอ้คำว่าไม่มีอะไรของมันนี่ต้องมีแน่ๆ


“ริวซากิ เร็น บอกมาซะดีๆ” ผมกดเสียงต่ำขู่มันครับ แต่มันกลับยื่นหน้าเข้ามาหาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด


“บอกก็ได้..ฉันบอกคุณมี๊ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาหา โอเคมั้ย?”


โนเลย!!


ไม่โอเค!! ไม่โอเคเลยสักนิด!!


เรื่องอะไรไปบอกแม่มึงว่าจะพาลูกสะใภ้มาหาแล้วดันพากูมาล่ะ!!


“ไม่โอเค” ผมบอกมันแล้วทำหน้างอ แต่ก็ถูกมันหยิกแก้มจะต้องยู่หน้าใส่มัน


“ไม่โอเคก็ไม่โอเค ไปถอดเสื้อผ้าได้แล้ว หรือจะให้ฉันถอดให้.....อีก”


ดูมันมีหน้ามาลากเสียงอีก ผมสะบัดหน้าใส่มันแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง มันยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กพอๆกับที่คลินิกเตรียมไว้ให้มาให้ผม


“ถอดชั้นในด้วยนะ เดี๋ยวเข้าห้องสตรีมแล้วมันจะเปียกไม่มีอะไรใส่ซะก่อน” ผมทำหน้าเหวอน้อยๆมองดูผ้าขนหนูที่ดูแล้วถ้าเอามานุ่งชายมันคงเหมือนกับเสื้อเชิ้ตอัปรีย์ที่วันนั้นผมใส่น่ะแหละ


“จะบ้าหรอ!!”


“หรือจะเปลือย? ไม่ต้องห่วงมีฉันแค่คนเดียวไม่มีคนอื่น”


ดูมันยังมีหน้าหันมาเลิกคิ้วถามอีก ผมกัดฟันแล้วยอมพาตัวเองเข้าห้องไปเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าขนหนูออกมา


กลับออกมาอีกทีพวกสาวใช้ก็ออกไปหมดแล้วครับ ไอ้คุณชายมันจูงผม มาเข้าห้องสปาที่ตกแต่งแบบสไตล์บาหลีแต่มันก็ไม่ใช่ห้องสตรีมอะไรนั่น มันพาผมทะลุเข้ามาด้านในครับ ผมเข้ามาแล้วก็เจอกับไอน้ำร้อนๆพ่นกระจายอยู่เต็มห้อง กลิ่นหอมๆของสมุนไพรทำให้หัวผมรู้สึกโล่งดีครับ ไอ้คุณชายมันจูงผมมาที่นั่งข้างในครับ


“เราต้องอยู่ในนี้นานเท่าไหร่?”


ผมรู้สึกแก้มมันร้อนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศร้อนในห้องสตรีมนี่หรือเป็นเพราะไอ้คุณชายมันเอาสายตามาแทะโลมร่างกายของผมกันแน่ แล้วคือห้องมันก็ร้อนอยู่แล้ว มันยังขยับเข้ามานั่งกระแซะผมอีก


“ก็ประมาณสามถึงห้านาทีแล้วก็ออกไปแช่น้ำเย็นรอบนึงก่อนจะเข้ามาใหม่อีกสักสองรอบ” ฟังแล้วทำไมมันยุ่งยากจังวะ แต่ดูท่าทางไอ้คุณชายมันจะเคยชินกับการบำรุงผิวอะไรแบบนี้ เพราะดูมันจะไม่สะทกสะท้านกับความร้อนในห้องสตรีมนี้เท่าไหร่


เราหมดเวลาไปกับตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมงครับ ก่อนที่มันจะพาผมมาลง อ่างจากุชชี่แบบน้ำอุ่นพอประมาณ พอลงมาแล้วก็ผ่อนคลายดีครับถ้าไม่ติดตรงที่ ว่าไอ้หล่อมันเอาตัวเข้ามาเบียดกระแซะผมอีกแล้ว


“ที่มีตั้งเยอะ ไปนั่งไกลๆดิอึดอัด”


ผมบอกมาแล้วก็ดันมันออก แต่มันไม่ขยับครับ (หนักไขมันตรงพุงกับก้นของมันแน่ๆครับเชื่อผมสิ!!)


“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่”


มันบอกว่ามันอยากนั่งตรงนี้ครับ อย่างนั้นผมจะพาตัวเองออกไปนั่งตรงอื่นก็ได้ แต่พอผมจะขยับลุกขึ้น มันก็เกี่ยวเอวผมไว้แล้ว รั้งให้ลงไปนั่งทับตักมันครับ


“เฮ้ย!! ปล่อย!!”


ผมมองมันตาเขียวเลยครับ แต่ไอ้คุณชายมันไม่สนใจกลับสอดแขนกอดเอวผมไว้แน่นเลยครับคราวนี้


“ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่กัน”


ดูมันชวนครับ!! ชวนออกกำลังกายในสภาพล่อแหลมแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่ามันคิดจะฝังเข็มกับก้นผมแน่ๆ (แหงล่ะเข็มมันเริ่มตั้งมาทิ่มก้นผมฟ้องกันเห็นๆแบบนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง!!)


“ลามกที่สุด”ผมว่ามันแล้วก็ต้องหน้าร้อนผ่าวเมื่อมันเลื่อนมือที่โอบกอดเอวผมอยู่ลงไปลูบขาอ่อนช้าๆ แค่แรงดันน้ำในสระจากุชชี่นี่ก็สร้างความวาบหวามให้มากพอแล้วนะเว้ยเฮ้ยไม่ต้องมาเร้าอารมณ์กันเพิ่มก็ได้ เดี๋ยวเข็มก็กูตั้งตามมึงหรอกไอ้คุณชาย!!


“แล้วอยากให้ลามกด้วยหรือเปล่าล่ะ? ซัทสึกิเองก็ลามกเหมือนกันน่ะแหละ” ไอ้คุณชายมันเย้ากลับมาแล้วไซร้หน้าเข้ากับแก้มผม มือมันจับที่หลักฐานความลามกที่(ตั้ง)เด่นชัดของผม


เฮ้ย!! ได้ไงวะ!!


“นายก็อยากให้ฉันลามกใส่เหมือนกันน่ะแหละ”


ไอ้คุณชายมันว่าแล้วทำอมยิ้มเอามือจับความลามกใต้ร่มผ้าขนหนูผืนน้อยของผมไม่พอมันยังรวบมือผมที่ดิ้นไปดิ้นมาบนตักมันให้ไปจับอีก


“อย่านะเว้ยเฮ้ย!!”


มันเคยฟังคำปรามของผมบ้างมั้ยวะนี่!! บอกว่าอย่า แม่งยิ่งทำ ทีหลังผมควรประชดมันให้ทำหรือเปล่ามันจะได้หยุด


“หยุดไม่หรอก..ก็ซัทสึกิออกจะน่ารักขนาดนี้”


น่ารักยังไงวะ ผมอยากจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อแล้วแม่งเสือกบอกว่าน่ารักอีก ไอ้นี่ท่าจะซาดิส!!


หลังจากคำพูดของมันไม่นานมันก็พลิกตัวให้ผมกลับไปหามันครับ ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกมันกระชากทิ้งไปไหนแล้วไม่รู้ ผมพยายามผลักมันแล้วลุกหนี แต่มันก็ดึงผมไปนั่งทับตักมัน โน้มคอผมลงไปจูบกับมันก่อนที่จะเสียบทันทีที่ผมเผลอ


“เจ็บนะ!!” ผมอุทานเมื่อมันเสียบเข้ามาเต็มความยาว ความเจ็บแม่งแล่นจี๊ดมาถึงไขสันหลังเลยเหอะ ไอ้บ้านี่!! มึงจะไม่เตรียมความพร้อมให้ร่างกายของกูสักหน่อยหรือไงกัน!!


“เดี๋ยวก็หายเจ็บ”


มันครางบอกผมอย่างนั้นก่อนจับเอวผมให้เด้งขึ้นลงบนตัวมัน อย่างที่มันว่าครับไม่นานมันก็หายเจ็บ ไม่อยากยอมรับว่ามันเสียวสุดยอด!!


แต่นี่ในบ้านมันนะ คุณมี๊มันก็คอยรอเข้าใจผิดอยู่ ถ้าเกิดมีพวกเมดเข้ามาเห็นหรือได้ยินแล้วเอาไปบอกคุณมี๊จะทำไง


“หยุดเถอะ..” ผมท้วงมันเสียงเบาก่อนจะซุกหน้ากับคอมัน ไม่ไหวแล้วของไอ้คุณชายแม่งคงสีอยู่กับจุดไวสัมผัสด้านในของผม มันถึงได้ส่งความเสียวเป็นระลอกๆเข้ามาตามแรงขยับของเราสองคน


“ฉันหยุดไม่ได้แล้ว นายก็รู้..” มันบอกก่อนจะจูบแก้มผม เลื่อนมือของมันลงต่ำไปช่วยผมระบายความอึดอัดออกไปบ้าง ผมกัดปากกับคำบอกของมันก่อนที่ในใจจะนึกภาวนาให้ไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ในห้องสปานี้
แต่ดูเหมือนจะโชคไม่ช่วยผมเลยแม้แต่น้อย เพราะผมยังไม่ทันภาวนาเสร็จ เปิดประตูก็เข้ามาพร้อมกับเสียงของคุณมี๊ที่ทำให้ผมอยากตายมันเสียตรงนี้


“คุณมี๊เอาขนม...เร็นลูกกับน้องกำลังทำอะไรกันอยู่นี่!!”


ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของคุณมี๊...ไม่อยากบอกเลยว่ามีซาวน์ประกอบเป็นเสียงเพล้งของจานขนมที่เธอถือมาให้เราสองคนด้วย


นาทีนี้เอาอะไรมาเชือดคอผมให้ตายคาตักไอ้คุณชายมันเลยเหอะ ถูกแม่มันเห็นในสภาพที่ผมกำลังออนท็อปกับลูกชายเธอแบบนี้ ปฏิเสธความสัมพันธ์บ้าๆนี่ระหว่างผมกับไอ้คุณชายมันไม่ได้แบบงดอุทธรณ์คณะลูกขุนไม่ยอมความกันเลยทีเดียว!!


แต่ทำไมนาทีที่มันวิกฤตแบบนี้ ไอ้คุณชายมันถึงยังยิ้มกริ่มได้อยู่อีกนะ!!




สภาพในห้องสปาเมื่อสักครู่มันไม่เหมาะสมที่จะคุยอะไรกันทั้งนั้น คุณมี๊เธอบอกให้ผมกับเร็นไปแต่งตัวแล้วตามเธอลงไปข้างล่างครับ ผมหน้าร้อนจนชาไปหมดแล้ว อับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าตอนที่โดนเร็นมันฟันตูดผมไปวันแรกเสียอีก


“ลูกทำแบบนี้ได้ไงเร็น”


แม่ไอ้หล่อเธอดุลูกชายครับ ผมอยากพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอมากๆ ว่าลูกชายเธอทำแบบนี้ได้ไงกัน แต่อยู่ในสภาวะเจียมตัวเป็นผู้เสียหายอยู่ครับเลยไม่กล้า


“คุณมี๊รู้นะคะว่าวัยรุ่นสมัยนี้ใจเร็วด่วนได้ แต่น้องเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะคะลูก” ผมนั่งฟังแล้วก็ชะงักครับ คุณมี๊เธอรู้ได้ไงว่าผมอายุสิบเก้า?


แล้วดูท่าเค้าลางมันจะไม่ดีแล้วยังไงก็ไม่รู้สิครับ ไอ้หล่อมันก็นั่งนิ่งเงียบ ไม่เถียงแม่มันเลยครับ


“ยังไงลูกก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะเร็น...บ้านของซัทสึกิจังอยู่ที่ไหนหรอคะลูก?”


ประโยคแรกเธอบอกลูกชายของเธอครับ ส่วนประโยคหลังเธอหันมาถามผม ผมสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอที่ยกมือมาแตะไหล่ผมแล้วกระพริบตาน้อยๆอย่างตามเรื่องไม่ทันสักเท่าไหร่


“เอ่อ...ทำไมหรอครับ?”


“คุณมี๊จะให้พ่อตัวดีไปขอโทษพ่อกับแม่ของซัทสึกิไงคะ แล้วก็จะสู่ขอซัทสึกิด้วยเลย”


เฮ้ย!! ไม่เอา!!


มาสรุปเรื่องแบบนี้ได้ไง ผมไม่ยอม!!


มีอะไรกับไอ้หล่อสามสี่หน ผมไม่เดือดร้อนจนถึงขั้นต้องให้มันไปสู่ขอกับพ่อกับแม่เลยนะ ผมเป็นผู้ชายไม่เสียหาย ไม่ต้องมาเสียผีด้วย!!


“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น..”


บอกไปแบบนี้แล้วผมเหมือนผู้ชายง่ายหรือเปล่าวะ แต่ไม่รู้ล่ะ ผมสนใจแค่ว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้เรื่องผมเท่านั้น นี่ถ้าพี่ชายของผมรู้ด้วย ผมคงตายดับอนาถแน่ๆ


“เรื่องใหญ่สิคะ คุณมี๊ไม่ยอมให้เร็นทำผิดธรรมเนียมแบบนี้กับซัทสึกิหรอกนะคะลูก!!” โอ๊ย!! ไอ้คุณชาย เมื่อก่อนมึงไปสอยตูดชาวบ้านเค้า แม่มึงกระตือรือร้น จะไปสู่ขอตูดนั้นมาให้มึงแบบนี้ป่าววะเนี้ย!!


“ไม่จำเป็นเลยครับ!! ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรผมทั้งนั้น!! ผมยอมเร็นเองแล้วก็ไม่ได้เสียหายจนต้องมารับผิดชอบตามธรรมเนียมอะไรนั่นด้วย!!” เผลอไปแล้วครับ เถียงแม่ไอ้หล่อเขาไปแบบเผลอตัวสุดๆ แถมน้ำเสียงยังดูก้าวร้าวด้วย
แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจหรอกนะว่าแม่ไอ้หล่อเขาจะหมดความเอ็นดู ผมหรือเปล่า ตอนนี้ผมต้องการให้เธอล้มเลิกความคิดของเธอซะ


ดูเหมือนแม่ไอ้หล่อจะตกใจที่ผมขึ้นเสียงเถียงกับเธอครับ เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแล้วเบิกตากว้างมองผม ในชีวิตของเธอจะมีใครกล้าขึ้นเสียงใส่แบบผมมั้ยหว่า ผมเองก็ใจสั่นเหมือนกันเพราะไม่เคยก้าวร้าวกับผู้ใหญ่มากก่อน พอรู้สึกตัว..ผมก็ก้มหน้ามองตักตัวเองแล้วพูดเสียงเบา


“ขอโทษครับ..” ไอ้เร็นก็ไม่ช่วยแก้วิกฤตใดๆเลยครับ มันเอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่พูด ไม่จาจนผมอึดอัดเกินทน ท้ายที่สุดผมก็ต้องหันไปสะกิดมัน


“ฉันจะกลับแล้วนะ” บอกแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน ค้อมศีรษะให้กับคุณมี๊แล้วเดินออกมาทันที ไม่ว่าไงผมก็ไม่อยู่ต่อแล้วล่ะ
ไอ้หล่อมันเดินตามผมมาครับ แต่แปบเดียวมันก็เดินมาตีคู่กับผมแล้ว คว้ามือผมไว้ ลากผมไปขึ้นรถมันแล้วขับรถแล่นออกจากบ้านมันไปด้วยความเร็วสูงจนผมกลัวมันจะแหกโค้งพาผมไปตายเสียก่อนเลยต้องหันมาหามัน


“นายโกรธฉันหรือไง?” หน้าตามันถมึงทึงมากครับ ดูแล้วออกแนวพระเอกโหดบวกโฉดเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่เคยเห็นหน้าตามันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยครับ พาลอดไม่ได้ที่จะนึกกลัวขึ้นมา


มันเบรกรถดังเอี๊ยดจนหัวผมแทบโหม่งออกจากกระจกหน้ารถไป ยังดีครับที่มันจอดคือหน้าบ้านพักของพวกเราพอดีไม่ใช่กลางถนนไม่งั้นรถข้างหลังจนเบรคไม่ทันแล้วอัดตูดท้ายรถมันแน่ๆ มันไม่ตอบผมครับ แต่มันกดปลดล็อคประตูแล้วเอ่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“ลงไปซะซัทสึกิ” มันไล่ผมครับ แต่ผมไม่ยอมลง ผมจะเคลียร์กับมันก่อน ไม่ใช่ปล่อยเรื่องทิ้งไว้แบบนี้


“ไม่ลง หันมาคุยกันก่อนสิ!!”


ผมเอามือเหนี่ยวหน้ามันที่เอาแต่มองถนนข้างนอกให้หันมาหาผมแล้วล็อคเอาไว้ แต่มันถอยคอหนีแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูลงไปจากรถเสียเอง ผมเลยรีบลงจากรถแล้วตามมันไป


“เดี๋ยวก่อนสิ!! เดี๋ยวก่อนสิวะ!!”


ผมร้องเรียกมันแล้วจ้ำขาเดินตามมันขึ้นห้องไป เสียงโวยวายของผม ทำให้เคนอิจิกับพี่มิซึรุโผล่หน้าออกมามองแต่ผมก็ไม่ได้สนใจกับสายตาของพวกเขาที่มองมาอย่างสงสัย


“ซัทสึกิฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยอะไรทั้งนั้นตอนนี้”


ในที่สุดพอขึ้นมาอยู่บนห้องไอ้หล่อมันก็หันกลับมามองผมแล้วพูดกับผมในที่สุด ผมที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่ตรงประตูเพราะรีบก้าวเดินให้ทันมันก็หันไปถีบประตูให้ปิดลงแล้วเดินมาประจันหน้ามัน


“ไอ้บ้า!! เรื่องมันไม่ใช่เพราะฉันเลยนะเว้ย!! ฉันห้ามนายแล้วนายก็ยังทำ แล้วพอเกิดเรื่องขึ้นนายก็มาทำท่าโกรธฉัน บ้าที่สุด!!”


ผมปราดเข้าไปอยากจะชกหน้าหล่อๆของมันสักหมัดสองหมัด แต่ก็อย่างเคย ผมถูกไอ้คุณชายมันจับล็อคตัวไว้ มันกอดผมไม่ให้ผมทำร้ายมันได้ก่อนจะยอมพูดเสียงอ่อน


“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันกำลังโกรธตัวเอง”


กูไม่เชื่อมึงหรอก หน้ามึงบอกกูอยู่นะว่ามึงโกรธกูน่ะไอ้คุณชาย


“ฉันแค่คาดหวังมากเกินไป ที่แอบคิดอยากให้ซัทสึกิยอมรับการรับผิดชอบจากฉันอย่างที่คุณมี๊บอกว่าฉันควรทำ แต่เมื่อนายยืนกรานไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉันขนาดนั้น ฉันเลยเสียใจแล้วก็ผิดหวัง ลงท้ายเลยโกรธตัวเองที่ทำให้นายไม่ไว้ใจเลยไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉัน” ไอ้คุณชายมันพูดพล่ามบอกอยู่ข้างหูครับ


ผมหยุดที่จะพยายามต่อยหน้ามันแล้วก้มหน้าฟังนิ่งก่อนจะถามมันย้อนกลับไปในคำถามที่ผมกำลังถามตัวเองอยู่


“นายเข้าใจคำว่ารับผิดชอบของแม่นายแค่ไหนกันเร็น” ไอ้คุณชายมันนิ่งเงียบครับ ผมเลยเป็นคนต่อคำพูดเองอย่างอึดอัดใจ


“แม่นายบอกให้นายรับผิดชอบฉัน มันหมายความว่าไง อย่างแม่นายคงไม่ใช่ให้เอาเงินมาฟาดหัวฉันเป็นค่าที่ฉันเสียตัวให้นายหรอกจริงมั้ย”


“คุณมี๊คงอยากให้ฉันแต่งงานกับนาย”


ใช่เลย!! นั่นแหละ!! เข้าใจตรงกันนี่หว่า


“นั่นแหละปัญหาใหญ่” ผมบอกมันก่อนจะดึงตัวออกจากอ้อมแขนของมัน แต่มันกอดผมไว้แน่นเลยครับ


“ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่งงานกับฉันไม่ดีหรือไงกัน?”


เสียงมันเหมือนน้อยใจครับ ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองมัน


“ริวซากิ เร็น นายกับฉันรู้จักกันมากี่วันกัน”


“เก้าวัน” ไอ้คุณชายมันตอบมาอย่างรวดเร็วจนผมต้องแปลกใจว่าคนอย่างมันจะมานั่งนับวันที่รู้จักกับผมด้วยหรอ พอมันตอบแล้วมันก็เลิกคิ้วใส่ผมครับ ผมยกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว


“เราเพิ่งรู้จักกันแค่เก้าวันเองนะ นายเข้าใจบ้างมั้ย”


“ฉันไม่เข้าใจ” ผมเคยคิดว่ามันฉลาดนะครับ แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่ามันเข้าใจอะไรยากจริง


“รู้จักกันมาแค่เก้าวัน มันยังไม่ได้ทำให้เรารักกันหรอกนะ แล้วจะแต่งงานกันได้ไง!!” ผมโพล่งตอบมันไปในที่สุด มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผมมากเลยนะ ผมสาบานกับตัวเองว่าผมจะไม่แต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักเพราะผมไม่อยากผูกติดตัวเองกับคนที่ผมไม่ได้รักไปทั้งชีวิต


“ซัทสึกิ..วันนี้เราอาจจะไม่ได้รักกัน แต่นายไม่คิดหรือไงว่าวันข้างหน้าเรา จะรักกัน แล้วเวลาเก้าวันที่รู้จักกันมา ฉันรู้สึกดีกับนาย รู้สึกอยากรักนาย นายไม่รู้สึกดีกับฉัน อยากรักฉันบ้างเลยหรือไงกัน” มันตัดพ้อผมผ่านสายตาและน้ำเสียงครับผมรู้สึกได้อย่างนั้น


“ไม่รู้..”


คำว่าไม่รู้ของผมหมายถึงผมไม่รู้ครับว่าผมรู้สึกยังไงกับมันตอนนี้ แต่วลีของผมมันอาจจะสั้นและห้วนเกินไปหน่อย ไอ้หล่อมันถึงได้ทำหน้าผิดหวังและเสียใจใส่ผมจนผมต้องรีบพูดต่อ


“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไงกับนายกันแน่ นายจะมาถามฉันตอนนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ เรารู้จักกันน้อยเกินไป”


“เก้าวันสำหรับนายมันอาจจะน้อยเกินไป แต่ฉันบอกนายได้เลยว่าถ้าอยากจะรักกัน นายทำได้อยู่แล้ว เวลามันไม่ใช่เครื่องกำหนดอะไรทั้งสิ้นเลยนะซัทสึกิ แค่นายเปิดใจให้ฉันเท่านั้น ไม่ใช่นายตีบังกั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกตัวเองแบบนี้ นายกำลังคิดว่านายรักฉันไม่ได้เพราะฉันเป็นผู้ชายและนายเองก็เป็นผู้ชาย ขอร้องเถอะซัทสึกิ ทิ้งความรู้สึกนั้นไปได้มั้ย แล้วนายลองมองในมุมที่มีแค่ฉันกับนายเท่านั้น”


ผมนิ่งและฟังมันครับ ไม่อยากบอกเลยว่าใจผมสับสนมากในตอนนี้ มันประคองหน้าผมให้เงยมองสบตากับมัน


“มองแค่มุมของเราสองคนดูสิ..แล้วนายจะรู้...”


.
.
“ว่าเรา...รักกันได้”


-TBC-
yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณมากนะคะ มาเม้นส์ตอนหลังๆทุกตอนเลย  :L2:

 Forget_Me_Not  แต้งกิ้ววว o13

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    โฮ่ คุณหญิงแม่. . . ดูเหมือนบ้านนี้จะไม่ค่อยปกติกันทั้งบ้านนะ
    อารมณ์ว่ามีเงินเยอะ เลยอยากรับผิดชอบทุกความผิดพลาดและความไม่ผิดพลาด
    ความรับผิดชอบสูงกันทั้งบ้านเลย
    แต่คุณหญิงแม่ใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกลูกสะใภ้คะนี่




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด