Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 11
การฝังเข็มวันนี้ยังคงทรมานเหมือนวันแรกไม่มีผิดเลยครับ แถมยังทรมานมากกว่าเดิมเพราะผมต้องนอนเวลาถอนเข็มออกคนเดียว
เร็นหายไปไหนน่ะหรอครับ?
ไอ้คุณชายมันก็อยู่เป็นเพื่อนผมนี่แหละครับตอนคุณหมอเริ่มฝังเข็มลงกับท้องผม แต่พอคุณหมอฝังเข็มเสร็จ โทรศัพท์ของไอ้คุณชายมันก็ดังขึ้น มันบอกผมว่าเดี๋ยวมาแล้วมันก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกครับ ไม่รู้มีความลับอะไรหรือยังไงกัน
“เสร็จแล้วใช่ไหม? ขอโทษทีนะ”
ผมทำแก้มพองนิดหน่อย งอนที่มันปล่อยผมไว้คนเดียว เร็นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วหยิกแก้มผมเบาๆครับก่อนจะโน้มมาใกล้จนปลายจมูกเราชิดกัน
“งอนหรอครับ?”
“เปล่าซะหน่อย หิวต่างหาก” ผมโมเมบอกไปอย่างนั้นครับทั้งๆที่ยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไหร่ แต่เขินครับ จะให้ยอมรับได้ไงว่างอน
“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะ”
ผมพยักหน้างึกงักแล้วก็ลุกขึ้นจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ยอมให้ไอ้เร็นเดินจูงมือไปจ่ายเงินแล้วก็ออกจากคลินิกกันครับ
“กินอะไรดีล่ะ อยากกินอะไรหรอซัทสึกิ?”
ถูกตามใจอีกแล้วครับ การมีคนมาคอยตามใจเรานี่ชักจะทำให้เรากลายเป็นจะคนนิสัยเสียเข้าไปทุกที
“อยากกินหม้อไฟ!!”
ผมร้องบอกแล้วเข้าไปนั่งในรถ ไอ้คุณชายมันชะโงกหน้าเข้ามาหาผมแล้วเอื้อมมือไปดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้
“ไปมาร์เก็ตซื้อผักมาต้มหม้อไฟกันเถอะ”
เร็นมันยิ้มรับคำบอกของผมครับ แล้วตบท้ายด้วยการชิงจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของผมก่อนจะเอนตัวกลับไปประจำที่ ทิ้งให้ผมนั่งแก้มแดงเขินใจเต้นตึกตักจนต้องแอบหันไปลอบยิ้มกับตัวเองกับข้างทางครับ
ถ้าไม่ติดที่ผมชอบนึกถึงคนรอบข้างแล้ว
ผมก็มีความสุขดีครับเวลาอยู่กับผู้ชายที่ชื่อริวซากิ เร็นคนนี้ครับ
แต่ผมยังคงบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา...ว่าจะหลงระเริงไปกับความสุขที่ ไม่รู้ว่าจะแน่นอนยั่งยืนนี้เด็ดขาด!! หากไม่อยากเสียใจในวันหลังแล้วล่ะก็นะ
“กินคาราเมลมิลค์แฟรปเป้ได้ไหมอ่ะ?”
มาถึงมาร์เก็ตแล้วผมก็กระตุกชายเสื้อของคนที่พามาก่อนจะบุ้ยใบ้ไปยังคอฟฟี่ช็อปน่ารักๆที่อยู่ข้างๆ เร็นมันหันไปมองก่อนจะเอานิ้วมาแตะท้องผม
“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ผมทำปากยู่ใส่ไอ้คุณชายพลางมองไปยังคอฟฟี่ช็อปตาละห้อย ผมอยากกินของหวานจริงๆนะ
“จะตามใจกันหน่อย..ไม่ได้หรอ..”
ไม้ตายกันสุดๆครับ ผมเอาก้มหน้าแล้วแกล้งเดินหงอยๆเข้าไปในมาร์เก็ตแต่ไอ้คุณชายมันไม่ได้เดินตามจูงผมไปคอฟฟี่ช็อปอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้
โอเค!! ไม่กินก็ได้!!
ผมเดินงอนๆไปเอารถเข็นแล้วเข็นมันไปที่แถบโซนอาหารสด ไม่สนใจว่า ไอ้คุณชายมันจะเดินตามมาหรือเปล่า ผมโกยของลงมาหลายอย่างจนเกือบเต็มตะกร้าในรถเข็นก็ยังไร้วี่แววว่าไอ้คุณชายจะตามมาครับ
ผมเลยเข็นรถไปโซนอาหารทะเล และกำลังนึกลังเลอยู่ว่าจะเอากุ้งแบบไหนไปลงหม้อไฟดีตอนที่บางอย่างมันมาชนแก้มให้เย็นวูบจนต้องสะดุ้ง
“แก้วเล็กพอนะ” เร็นมันส่งแก้วมาให้ผมแล้วก็รับหน้าที่เข็นรถต่อแทน ผมยกแก้วนมปั่นคาราเมลขึ้นมาดูพลางอมยิ้มกับความน่ารักของไอ้คุณชายที่มันตามใจผม
“กินด้วยกันนะ” ผมเดินตามเร็นไปแล้วเอาหลอดดูดไปจ่อปากมัน เร็นมันงับหลอดดูดแต่โดยดี ว่าง่ายมากครับ หลังจากนั้นผมก็เอามาดูดต่อพลางชี้นิ้วให้ไอ้คุณชายหยิบเอาของที่ผมอยากกินลงตะกร้าครับ ไม่นานหลังจากนั้นเราสองคนก็ออกจากมาร์เก็ตพร้อมกับของกินมากมาย
ดูท่าแล้ว..คอสฝังเข็มของผมมันดูจะไร้ประโยชน์แล้วสิ จะเจ็บตัวฟรีหรือเปล่านะอิชิฮาระ ซัทสึกิ
วันนี้เรามาค้างกันที่คอนโดของไอ้คุณชายกันครับ พอมาถึงแล้ว เร็นมันก็ทำตัวน่ารักด้วยการขนของหนักๆอาทิ พวกเนื้อสัตว์กับน้ำผลไม้เองครับ ปล่อยให้พวกขนมขบเคี้ยวกับพวกผักเป็นหน้าที่ของผม ขึ้นไปถึงห้องแล้วเราก็เอาของมากองรวมกันไว้ตรงโต๊ะทานอาหาร
“เอาผักไปล้างเลย เดี๋ยวพวกเนื้อจัดการเอง”
ถ้าให้ไอ้คุณชายจับมีดหั่นเนื้อปอกกุ้งมันจะเหลือซากให้ผมได้กินหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ ทางที่ดีที่สุดคือทำเองเลยดีกว่า แต่ไอ้เรื่องล้างผักนี่ไอ้คุณชายมันคงทำได้ล่ะนะ
ผมถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วหยิบเขียงอันเล็กมาวางตรงหน้าพร้อมกับลากเอาถุงเนื้อมา จริงอยู่ครับที่ตามซุปเปอร์มักจะมีเนื้อสไลด์สำเร็จรูปวางขายอยู่ แต่ผมเป็นพวกชอบทานแบบหั่นเอง เพราะเนื้อหนาๆมันจะให้ความนุ่มมากกว่าพวกที่สไลด์อยู่ ว่าแล้วผมก็ชักน้ำลายสอเสียแล้วสิ
อดไม่ได้เลยครับที่จะแอบเลียปากน้อยๆขณะหยิบเอาเนื้อขึ้นมาวางบนเขียงแล้วเตรียมตัวแล่เป็นชิ้นวางลงในจานที่ไอ้คุณชายเอามาวางไว้ให้ พอจะลง มีดกับเนื้อสีแดงสด มือของไอ้คุณชายมันก็มาสะกิดเอวผมครับ
“เห?” คิ้วผมกระตุกน้อยๆขณะหันไปหาไอ้คุณชาย ผ้ากันเปื้อนสีขาวในมือของมันก็คล้องเข้าที่คอของผมก่อนที่เร็นมันดึงเชือกไปผูกข้างหลังให้
“ขอบคุณนะ”
ผมบอกก่อนจะหันกลับมาสนใจกับเนื้อต่อ จะให้ไปผูกผ้ากันเปื้อนให้ไอ้คุณชายมั่งก็เห็นทีจะไม่ไหว เพราะมือผมติดกลิ่นเนื้อไปแล้ว เดี๋ยวไปเลอะถูกเสื้อมีแบรนด์ราคาแพงของมันเข้าจะรับผิดชอบไม่ไหวตามไปด้วย
ไอ้คุณชายเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะเรียกร้องให้ทำอย่างนั้นด้วย เพราะพอผูก ผ้ากันเปื้อนให้ผมเสร็จมันเองก็เองหยิบเอาอีกอันมาคล้องคอตัวเองแล้วจัดการผูกเสร็จสรรพก่อนจะหันไปหาผักที่ผมสั่งให้มันล้างเมื่อครู่นี้
ไอ้คุณชายโหมดพ่อครัวนี่ดูแปลกตาเอามากๆครับ แถมพ่อครัวหน้าหล่อคนนี้ยังดูเก้ๆกังๆได้สุดยอดมากๆจนน่าเอาวีดีโอมาถ่ายลงยูทูปประจานให้คนทั้งโลกรู้อีกต่างหาก เร็นมันเอาหัวผักกาดเอาไว้ไปโบกๆผ่านน้ำแล้วก็สะเด็ดน้ำด้วยการสลัดแรงๆจนน้ำเลอะไปทั้งอ่าง ผมต้องวางมีดที่มันยังไม่ได้ลงเฉือนเนื้อบนเขียงลงแล้วเดินไปหา
“เดี๋ยวๆ ทำแบบนั้นผักก็ช้ำหมดน่ะสิ”
โทษฐานของการล้างผักไม่เป็น ไอ้คุณชายเลยถูกผมตีมือไปหนึ่งทีแรงๆครับ (และจะโดนมากกว่านี้ถ้าเผอิญมันไม่เอาหน้าหล่อๆของมันหันมามองผม)
“ล้างผักต้องทำแบบนี้”
ผมทำตามสูตรของบ้านผมที่แม่สอนมาตั้งแต่เล็กครับ คือเด็ดใบออกมาทีละก้านๆ แล้วแช่ลงในน้ำ ผมเด็ดให้ไอ้คุณชายมันดูสองสามใบก่อนจะยัดใส่มือให้มันกลับไปทำเอง
“เด็ดเบาๆนะ” ผมบอกก่อนจะรองน้ำใส่กะละมังที่ใส่ผักอยู่ แล้วหยิบเอาเกลือมาโรยใส่ไปในน้ำ
“ทำไมต้องโรยเกลือ?” เร็นหันมาถามครับ ผมก็เลิกคิ้วแล้วยกขวดเกลือในมือชูขึ้น
“เกลือน่ะช่วยลดสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผักไง ถ้าใช้ล้างผลไม้ แช่เกลือก็จะทำให้ผลไม้กรอบอร่อยด้วยนะ” ผมบอกก่อนจะทิ้งให้เร็นมันอยู่กับอ่างผักแล้วหันไปลงมือกับเนื้อที่รอผมอยู่บนเขียงเอาเสียที
ผมแล่เนื้อชิ้นใหญ่ๆที่ซื้อมาจนหมดเลยครับ แถมด้วยพวกของทะเลอีก เร็นที่จัดการแช่ผักเสร็จแล้วก็ถูกผมสั่งให้เอาหม้อไฟไปตั้งรอไว้และกลับมาลำเลียงของสดที่ผมแล่เสร็จแล้วไปวาง
สำหรับพวกผัก ผมก็แค่เทน้ำออกและล้างน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะยก ไปหาเร็นที่กำลังรินน้ำผลไม้ลงใส่แก้วอยู่ ผมจัดการเอาก้านผักลงไปต้มในน้ำซุปอยู่ในตอนที่โทรศัพท์มือถือของเร็นดังขึ้นอีกครั้ง
ไอ้คุณชายมันหยิบออกมาจากกระเป๋า พอดูหน้าจอแล้วมันก็เดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียง ส่อแววน่าสงสัยกันสุดๆ สองหนแล้วที่วันนี้มีคนโทรเข้ามาหาแล้วมันเดินหนีออกไปคุยในๆที่ผมไม่ได้ยิน จริงๆก็อยากแอบออกไปฟังหรอกนะ แต่เผอิญไอ้คุณชายมันคุยโทรศัพท์ไปก็หันมามองทางผมอยู่ด้วย ผมก็เลยแอบไปฟังไม่ได้ จำต้องนั่งเขี่ยเนื้อลงหม้อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ใครโทรมาน่ะ?”
ผมโพล่งถามทันทีที่ไอ้คุณชายเดินผ่านกรอบประตูเข้ามาด้านใน ไอ้คนถูกถามมันไม่ยอมตอบครับแต่เดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา
“ทำไมไม่ตอบ?” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิดแล้วสกัดตะเกียบมันด้วยตะกร้อลวกในมือ
“มิซึรุโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงให้เข้าไปซ้อมต่อบทรอบแรกกันด้วย” พอรับรู้มูลเหตุแล้วผมก็ยอมให้มันคีบเนื้อขึ้นจากหม้อได้ครับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโอดครวญ
“อะไรกัน!! พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ ยังต้องเข้าไปซ้อมบทแต่เช้าด้วยหรอ?”
ไอ้คุณชายไม่พูดอะไรครับนอกจากคีบเนื้อใส่ปากผม
“หน่า..ก็พรุ่งนี้มันวันหยุดนี่นา”
ก็จริงอย่างที่ไอ้คุณชายมันว่าครับ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เหมาะแก่การนัดซ้อมเพราะทุกคนไม่ค่อยจะว่างตรงกันสักเท่าไหร่ ผิดก็แต่ไอ้คุณชายนี่แหละ ดูเหมือนมันจะว่างตรงกับชั่วโมงว่างของผมอยู่ตลอด
แต่ยังไงผมก็อดจะนึกเซ็งไม่ได้ ก็พรุ่งนี้มันวันเกิดของผมนี่นา
แทนที่จะได้อยู่สบายๆ หรือไปทำอะไรให้มันเหมาะสมกับวันเกิด ซะหน่อย แต่ต้องมานั่งซ้อมบทละครเนี้ยนะ
เป็นวันเกิดที่แย่ที่สุดเลย อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!
ว่าแต่?...พรุ่งนี้วันเกิดผมนะ ไอ้คุณชายมันจะมีของขวัญให้ผมหรือเปล่านะ?
“มองแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?” เพราะความสงสัยที่ผุดขึ้นมาทำให้ผมหันไปจ้องหน้าหล่อๆของไอ้เร็นมันครับ เลยต้องรีบหันกลับมาหาหม้อไฟแสนอร่อยโดยด่วนก่อนหัวใจจะเต้นโครมครามหนักไปกว่านี้
จริงๆก็อยากถามเหมือนกันครับว่าไอ้คุณชายมันเตรียมไรไว้ให้ไหม แต่แบบนั้นมันจะไม่ค่อยเซอร์ไพร์สสักเท่าไหร่
เอาเป็นว่า...อิชิฮาระ ซัทสึกิจะอดใจรอของขวัญที่จะได้จากริวซากิ เร็นอย่างใจเย็นแล้วกันครับ!!
หม้อไฟกลายสภาพเป็นหม้อแห้งๆ ที่มีเพียงเศษผักเหลือติดอยู่ก้นหม้อเท่านั้นครับหลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง อิ่มอร่อยและสบายกระเป๋ายิ่งกว่าไปกินตามร้านอีกครับแถมยังไม่ต้องคอยเก็บล้างอีกด้วยเพราะไอ้คุณชายบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้คุณแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดหลังจากพวกเราออกจากห้องไป ตอนนี้ผมเลยมานอนตีขาอยู่ในอ่างน้ำอุ่นอยู่ครับ
“เอากลิ่นเมื่อเช้า”
ผมพาเอาตัวเองไปเกยคอกับข้างอ่างที่ไอ้คุณชายมันนั่งอยู่แล้วบอกครับ กลิ่นน้ำหอมที่ไอ้คุณชายหยดใส่อ่างเมื่อเช้ามันหอมดี ผมชอบ
บอกเร็นเสร็จแล้วผมก็พลิกตัวหงายมาเล่นฟองสบู่นุ่มๆที่ล้อมรอบกายของผมอยู่ นึกอยากจะเป่าฟองไปแกล้งไอ้คุณชายที่มันไม่ยอมมา อาบน้ำด้วยกันอยู่หรอกครับ แต่เห็นมันบอกว่าจะกลับไปนั่งทำงานต่อก็เลยเห็นใจคนงานเยอะ ไม่แกล้งดีกว่า
“กลิ่นวานิลลานี่อ่ะหรอ?” มันถามแล้วหยดกลิ่นน้ำหอมลง ผมพยักหน้างึกงักเมื่อได้กลิ่นหอมหวานเหมือนกลิ่นขนมลอยเข้าจมูกมา
“แล้วอย่าแช่นานล่ะ รีบๆอาบแล้วกลับไปนอนได้แล้วนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”
บางทีริวซากิ เร็นก็เหมือนจะกลายร่างเป็นพ่อคนที่สองครับ แต่ด้วยความที่เริ่มง่วงและขี้เกียจต่อความอะไรมาก ผมก็เลยพยักหน้ารับคำให้ไอ้คุณชายมันวางใจและออกจากห้องน้ำไปในที่สุด
แต่ก่อนจากไป ไอ้คุณชายมันก็ไม่ลืมที่จะเปิดเพลงกล่อมผมและจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มอีกต่างหาก นี่ถ้าผมหลับคาอ่างไปนี่ไม่ต้องโทษใครเลยครับเพราะริวซากิ เร็นคนเดียวเลยขอบอก
เพลงก็เพราะ บรรยากาศก็ดี น้ำอุ่นๆแช่แล้วสบายตัว กลิ่นหอมๆพาให้ผ่อนคลาย แต่ไหงพอไม่มีเร็นแล้วผมก็รู้สึกอยากรีบๆขึ้นกันนะ
อาบได้อยู่ไม่ถึงสิบนาทีผมก็พาตัวเองออกจากห้องน้ำมานั่งเล่นอยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่ผมนอนอ่านบทอยู่เมื่อเช้าครับ ไอ้คุณชายเองก็นั่งทำงานอยู่ที่เดิม หน้าตาก็ยังหล่อเหมือนเดิมด้วยครับ
“ไม่ง่วงหรอ? ไปนอนได้แล้วนะ”
ไอ้คุณชายมันมองนาฬิกาแล้วหันมามองหน้าผมครับ พอผมคลี่ยิ้มแล้ว แบมือไป ไอ้คุณชายมันก็เอียงคอแล้วทำหน้างงครับ
“เข้าวันเกิดฉันแล้วนะ ไหนล่ะของขวัญ?”
ไอ้คุณชายเลิกคิ้วสูงครับแล้วถอดเอาแว่นตาวางลงกับโต๊ะก่อนจะเดินมาหาผมที่ยิ้มแป้นรอของขวัญชิ้นแรกในวันเกิดครบรอบอายุสิบเก้าปีบริบูรณ์ครับ
“ไม่มีให้หรอก”
เร็นว่าแล้วดีดนิ้วลงกับหน้าผากของผมก่อนจะเดินเลยเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมทำแก้มพองอยู่ที่โซฟาตามลำพัง
อะไรกันวะ!! ไม่มีให้อย่างนั้นหรอ!!
ริวซากิ เร็นนายมันแย่ที่สุดเลย!!
แย่!! แย่ที่สุดเลย!!!
ผมหงุดหงิดใจจางๆตั้งแต่ก่อนนอนหลับยันตื่นนอนและถูกไอ้คุณชาย ลากมาห้องชมรมละครที่คณะที่ตอนนี้มีคนบางส่วนที่ถูกเรียกมาบางคนอย่างเคนอิจิกับไดจังและมาโดกะจังกำลังรวมตัวกันอยู่เพื่อซ้อมบทครั้งแรก
ไอ้คุณชายยังแจกยิ้มโปรยปรายความหล่ออุทิศส่วนบุญให้กับคนรอบกายได้อย่างดีผิดกับผมที่ทำหน้างอ ไอ้เรื่องที่ต้องมาซ้อมละครในวันเกิดนี่เป็นปัญหาหนึ่งครับ แต่อีกปัญหาที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจก็คงหนีไม่พ้นไอ้พระเอกคู่บุญทูนหัวที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆนี่แหละครับ
วันเกิดของผมทั้งที แต่ไอ้คุณชายทำราวกับเป็นวันธรรมดาที่แม้แต่คำอวยพรยังไม่มี แบบนี้มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะ!!
วันเกิดปีที่สิบเก้ามีแค่หนเดียวนะเฟ้ย!!
“นี่มันฉากสารภาพรักนะ!! ทำหน้าแบบนี้แล้วใครเขาจะไปรักแกลงห๊ะ อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!” โดนพี่มิซึรุตะคอกใส่แถมยังม้วนบทในมือมาตีหัวผมอย่างแรงจนต้องสะดุ้งสุดตัวเลยครับงานนี้
“ก็ไม่ได้อยากให้มารักนี่ มารักเอง ช่วยไม่ได้..”
ผมบอกแล้วยักไหล่ ประโยคที่หลุดออกจากปากนี่มันอินเนอร์จากข้างในสุดๆ ผมไม่ลืมที่จะมองไอ้คุณชายด้วยสายตาขุ่นๆอีกด้วย
“ซัทสึกิ..” ไอ้คุณชายมันเรียกชื่อผมด้วยโทนเสียงต่ำๆ สายตามันส่งมาตำหนิผมชัดเจนมาก ผมผิดอะไรกัน!!
ช่วยไม่ได้ อยากมารักเองแต่ทำมาเมินวันสำคัญของผมตั้งแต่ปีแรก แบบนี้ เห็นทีเราจะไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆริวซากิ เร็น ก็ดีเหมือนกันจะได้ปิดฉากไอ้ไดอารี่เล่มนี้ให้มันจบลงไปในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์
ชีวิตของอิชิฮาระ ซัทสึกิคงอาภัพสุดๆ เสียตัวให้กับผู้ชายที่ยังไม่ทันจะเรียกว่าเป็นแฟนกันแถมยังมีเรื่องให้ต้องจบกันก่อนจะได้เป็นแฟนด้วย!!
“หรือว่าไม่จริง!!”
ผมสวนมันกลับไปแล้วปาบทละครในมือใส่หน้ามันไปด้วย จริงๆเรื่องมันไม่น่าจะใหญ่แบบนี้หรอก แต่ตอนนี้ผมห้ามและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เลยสักนิด ยิ่งมันเฉยและเอาความสงบเข้าข่ม ผมจะร้อนและอาละวาดใส่มันให้ดู!!
“เว้ย! นี่มันละครเวที อย่าเอาชีวิตจริงมาปนได้ไหม! มีปัญหาครอบครัวก็เอากลับไปแก้กันทีหลัง อย่ามาทำตัวมีปัญหาที่นี่เข้าใจไหม!”
โดนพี่มิซึรุเขกหัวอีกรอบครับ ผมยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ สายตาจ้องสู้กับไอ้คุณชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เร็นมันสงบและนิ่งมากจนผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรยังไง
“ถ้ามีปัญหามากนัก ก็เปลี่ยนตัวนักแสดงไป”
ผมชะงัก เหมือนกับพี่มิซึรุและคนอื่นๆเมื่อจิฮารุเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเครียดๆ เธอโยนกระดาษหนึ่งปึกลงกับโต๊ะข้างๆผม
“บทละครสำรองเผื่อจะหาคนอื่นมาแทนคนมีปัญหา”
เน้นย้ำเสียงหนักจริงเว้ยไอ้ตรงคำว่าคนมีปัญหาน่ะ
เธอจ้องผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงแขนพี่มิซึรุไปหา กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่สองคนไม่รู้ก่อนที่พี่มิซึรุจะเดินกลับมาและประกาศเสียงดัง
“บทไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแค่ตัวนักแสดงพอ เอามาโดกะมาเป็นนางเอก แล้วซัทสึกิไปแทนบทมาโดกะ ที่เหลือเหมือนเดิม! ให้เวลามาโดกะจำบทในหน้าที่สิบเก้ายี่สิบนาทีแล้วเริ่มซ้อมได้! ส่วนนายไปนั่งสงบสติอารมณ์ซะ แต่ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด! ไดจัง! เคนอิจิ! พาซัทสึกิไปนั่งคุมอารมณ์ซะ!!”
เผด็จการที่สุด พอพี่มิซึรุหันมาสั่ง ผมก็ถูกเคนอิจิกับไดจังเข้ามาประกบติดแล้วลากไปนั่งอยู่
“งอนอะไรผัวมึงวะเนี้ย ถึงได้เหวี่ยงเหมือนกินรังผึ้งรังต่อรังแตนมา แบบนี้”
เคนอิจิปากดี ผมจะกินรังต่อหัวเสือด้วยถ้ามันไม่หยุดปากเอาไว้ ใช่ว่าผมจะหงุดหงิดแล้วไม่ได้สังเกตหรอกนะว่ามันเองก็ลืมวันเกิดผมเหมือนกัน พอๆ กับไดจังแล้วก็พี่มิซึรุเหมือนกันน่ะแหละ ผมโกรธทุกคนแล้ว!!
“ใจเย็นๆสิซัทจัง เกิดอะไรขึ้นถึงได้เหวี่ยงแบบนี้”
ไดจังเอ่ยดุผมครับ ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่ตอบคำถามของเพื่อนรัก ยังดีนะที่ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนในห้อง ถ้าไม่นับมาโดกะจังแล้วล่ะก็ ที่เหลือก็เป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างผมกับไอ้คุณชายหมด นี่ถ้าเป็นตอนเที่ยงที่พี่มิซึรุบอกว่านัดทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผมคงขายหน้าน่าดู
มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!? ถ้ามีก็เข้ามาเลย!!
อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมวีนและเหวี่ยงเต็มอัตราศึกแล้วงานนี้!!
และอารมณ์เหวี่ยงของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเร็นกับมาโดกะจังถูกเรียกตัวเข้าไปซ้อมบทด้วยกัน ท่าทางของไอ้คุณชายที่มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาๆ ดูไว้ นักแสดงมืออาชีพเขาต้องทำยังไง” เพราะผมนั่งหันหน้ามองดูนาฬิกาที่มันติดฝาผนังอยู่ พี่มิซึรุเลยเดินมาหยิกแขนผมแล้วพยักเพยิดหน้าให้ไปดูเร็นซ้อมบทกับนางเอกคนใหม่ของมันโดยมีจิฮารุไปคอยกำกับบทแทน
รัศมีมันเปล่งประกายออกมากระแทกตาจนผมต้องกัดฟันกรอด ถึงคนจะเล่นคู่กับมันไม่ใช่ผม มันก็เล่นกับใครก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม!?
“พี่มิซึรุ...จิฮารุจังเขาจะให้ซ้อมถึงคิสซีนหรือเปล่าน่ะ ผมจะได้ไปล็อกห้องไม่ให้คนอื่นเข้ามาก่อน?” ผมสะดุ้งแล้วหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ ไดจังกำลังชี้ไปที่หน้าห้องซึ่งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่
“อืม..คงซ้อมถึงคิสซีนแล้วก็คงหลายรอบด้วย งั้นไปล็อกเถอะ”
ว่าไงนะ!!
ผมหันไปอีกที ไอ้คุณชายมันก็มองนางเอกสายตาหวานเชื่อมให้น่าขนลุกแล้วครับ แถมยังขยับเข้าไปใกล้จนจะแดกปลายจมูกกันอยู่แล้ว
แคร์กันมั่งไหมวะริวซากิ เร็น!! กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนมึงจะไปจูบกับผู้หญิงอื่นอย่างนั้นหรอไง!!
ภาพตรงหน้ามันกลายเป็นภาพเบลอๆ ผมเห็นแค่หน้าของไอ้คุณชายมันขยับเข้าใกล้มาโดกะจังเท่านั้นก่อนที่ผมจะตัดสินใจฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อที่จะไม่ต้องมองมัน
ห้องทั้งห้องมันเงียบจนน่าขัดใจ ผมรู้สึกเหมือนขอบตามันร้อนผ่าวแถมยังบีบรัดอยู่ในอก นี่มันอะไรกัน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแม้แต่น้อย
ไม่ชอบเลยสักนิด!!
แย่ที่สุดเลยวันเกิดปีนี้!!
“ซัทจัง...ซัทจัง..”
ไดจังเขย่าเรียกผมครับแต่ผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง ไดจังก็น่าจะรู้นะว่าถ้าผมก้มหน้าก็คือผมกำลังร้องไห้อยู่และไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนร้องไห้ด้วย
เงียบไปอีกชั่วอึดใจ ผมได้ยินเสียงเหมือนใครเปิดประตู และก็มีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ ผมพยายามหยุดร้องไห้แต่ก็ไม่ทัน มีใครสักคนดึงตัวให้ผมลุกขึ้น แล้วผมก็พบว่าห้องทั้งห้องมันมืดอยู่และตรงหน้าก็มีแสงไฟสีส้มนวล
ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาออก ก่อนจะเห็นว่าไอ้ที่อยู่ตรงหน้ามันก็คือเค้กก้อนโตปักเทียนอยู่และไอ้คนที่ถือก็คือไอ้คนที่ผมเคืองมันอยู่
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะซัทสึกิ!!”
ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันจนผมพูดอื้อขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่ผมได้ยินชัดเจนกลับเป็นเสียงของไอ้คนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้หลังแสงไฟบนเค้กก้อนนั้น
“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเก้านะครับซัทจัง..”
พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกัน!!
ผมได้ยินตัวเองตะโกนคำนี้ดังซ้ำๆก้องไปก้องมาอยู่ในอก ขณะที่สายตาก็ยังคงมองจ้องหน้าไอ้หล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าไปด้วย ผมควรจะรู้สึกยังไงกับการเซอร์ไพร์สวันเกิดแบบนี้? จริงๆแล้วผมควร ดีใจที่ทุกคนไม่ลืมวันเกิดของผมใช่ไหม
แต่ทำไมต่อมความโกรธของผมถึงทำงานล่ะ
ภายในห้องมันเงียบเสียจนน่าอึดอัด จากรอยยิ้ม..ตอนนี้ทุกคนเริ่มยิ้ม ไม่ออกแล้วเมื่อเห็นผมนิ่ง ผมมองไอ้คุณชายมันอย่างตัดพ้อก่อนจะผลักเคนอิจิกับไดจังให้หลีกทางให้ก่อนจะเดินตรงออกจากห้องไป
ผมโกรธ!! โกรธที่ไอ้คุณชายกับทุกคนบังอาจวางแผนเล่นกับความรู้สึกของผมแบบนี้!!
สองขาพาผมวิ่งลงไปตามบันไดเพราะความอดทนของผมมีไม่มากพอที่ จะรอลิฟต์ ผมอยากพาตัวเองออกไปให้ห่างๆจากทุกคน เพราะถ้าขืนผมอยู่ต่อไปต้องมีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ความรู้สึกของผมตอนนี้มันกลายเป็นปรมาณูที่พร้อมจะทำลายล้างทุกอณูรอยยิ้มของคนรอบข้างโดยเฉพาะไอ้คุณชายมัน
ผมได้ยินเสียงใครสักคนกำลังวิ่งตามมา สมองของผมสั่งให้อย่าหันกลับ ไปมองและวิ่งลงบันไดให้ไวกว่าเดิม แต่วินาทีนั้นเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ผมสะดุดกับขอบบันไดขั้นที่สามก่อนจะถลาล้มลงไปกระแทกกับพื้น
“โอ๊ย!!”
ผมสบถลั่นก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นจากพื้น แย่ที่สุด!! มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!!
แล้วมันก็มีจริงๆ ข้อเท้าซ้ายของผมเจ็บแปลบๆ ดูท่าข้อเท้าอาจจะพลิกก็ได้ ไอ้คนที่วิ่งตามผมมารีบถลามาหาผมทันที
“ซัทสึกิ..เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เห็นๆอยู่ว่าหกล้มยังจะมีหน้ามาถามอีก ผมตีหน้าบึ้งใส่เร็นก่อนจะปัดมือมันที่เอื้อมมาจะพยุงให้ผมลุกขึ้นแล้วพยายามลุกขึ้นเอง
“ระวัง!!”
เจ็บแปลบตอนลงน้ำหนักที่เท้าข้างซ้ายจนผมเซถลาเลยครับงานนี้ ไอ้คุณชายมันคว้าเอวผมเอาไว้ก่อนจะพาผมไปนั่งที่ขั้นบันได ผมกัดปากแล้วหันหน้าหนีไม่มองหน้ามันที่ค่อยๆถอดรองเท้าของผมออก
“ไปหาหมอดีไหม?” มันถามแล้วนวดข้อเท้าผมเบาๆ ผมชักขากลับแต่มันก็ยังยื้อไว้
“ไม่ต้องมายุ่ง!!” ผมตวาดใส่มันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรองเท้ามา ผมดันตัวลุกขึ้นอีกครั้งแล้วก็ปัดมือมันไม่ให้มายุ่งด้วย จนเกือบจะเผลอลืมตัวเอารองเท้าในมือปาใส่หน้ามัน
“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!”
ยิ่งเจ็บตัวก็ยิ่งพาให้ผมหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก เร็นมันถอนหายใจก่อนจะเข้ามาล็อคเอวผมไว้ไม่ให้เดินหนีมัน
“ขอร้องล่ะซัทสึกิ อย่าดื้อสิ นายกำลังเจ็บอยู่นะ”
มันยังจะมีหน้ามาดุผมอีก ผมไม่ซัดมันไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว เพราะมันน่ะแหละทำให้ผมเจ็บตัว!!
“ก็เพราะมึงน่ะแหละ”
ผมสบถเสียงเบา ไอ้คุณชายขมวดคิ้วทันทีครับกับวลีที่หลุดออกไปจากปากของผม เร็นมันคงไม่พอใจกับสิ่งที่ระคายหูมันแน่ๆเพราะนาทีต่อจากนั้นมันก็ดึงผมจนเซไปปะทะกับอกของมันแล้วใช้สายตามองผมอย่างดุๆ ผมเม้มปากแล้วเชิดหน้ามองมันกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
เอาสิ!! ดุมาเลย!!
อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมจะวีนแล้วเหมือนกัน!!
ผมกลั้นหายใจมองมันด้วยความโกรธอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะไอ้เหี้ยริวซากิ เร็นมันไม่ได้ดุผมอย่างที่ผมคาดเอาไว้ แต่มันเลื่อนมือมาล็อคท้ายทอยผมเอาไว้แล้วบดจูบลงมาอย่างดุดันแทน
“อื้อ!!”
ผมใช้รองเท้าในมือฟาดใส่กลางหลังของมันครับ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ริมฝีปากของมันยังเบียดกับปากของผมอย่างหนักหน่วงจนผมแทบจะขาดใจเพราะหายใจไม่ทัน
มันจูบจนมันพอใจแล้วถึงจะถอนริมฝีปากออก ผมหน้าร้อนไปหมดจนถึงคอและแทบจะเอารองเท้าปาใส่หน้ามันแต่เร็นมันจับมือผมเอาไว้ ก่อนจะทันตั้งตัวได้ผมก็ถูกไอ้หล่อมันจับพาดบ่าไปเสียแล้ว
“ไปหาหมอกัน!!” มันบอกอย่างนั้นก่อนจะอุ้มผมพาดบ่าเดินดุ่มๆลงบันไดไปแม้ว่าผมจะดิ้นไปตลอดทางก็เถอะ
“เดี๋ยวก็ตกไปหรอก!!” เร็นมันร้องบอกก่อนจะยกมืออีกข้างมาตีก้นผมด้วย ผมได้แต่กัดริมฝีปากอย่างขัดใจแล้วตะโกนใส่มันไป
“งั้นก็ปล่อยสิวะ!!”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ!!”
โดนอีกเพี๊ยะแล้วครับ มันตีก้นผมเหมือนผมเป็นเด็กๆอีกแล้ว คอยดูเหอะริวซากิ เร็น งานนี้ไอ้หล่อไม่ได้รับการอภัยให้ง่ายๆอย่างแน่นอน!!
หลังจากนั้นเร็นมันพาผมไปที่รถของมันซึ่งจอดอยู่ตรงลานหน้าคณะของผมครับ พอมันวางผมนั่งกับเบาะหน้าแล้วผมก็จะลุกหนีมัน แต่เร็นมันก็ขวางเอาไว้แล้วขึงตาดุผมก่อนจะดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผม
“ซัทสึกิ..” เอาอีกแล้วครับ น้ำเสียงทุ้มที่มันใช้เรียกชื่อผมเบาๆข้างหูแล้วก็มือที่ยกขึ้นมาลูบหัวผมนี่มันสั่นความรู้สึกของผมอีกแล้วครับ
“เงียบไปเลย!! ไม่อยากฟัง!!” ผมบอกก่อนจะยกสองมือขึ้นมาปิดหู ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นตอนที่ความรู้สึกมันขุ่นมัวขนาดนี้
เห็นจากหางตาครับว่าไอ้เร็นมันชะงักไปก่อนจะปิดประตูรถลงแล้วมันก็เดินข้ามไปอีกฝั่ง เปิดประตูขึ้นมานั่งประจำที่คนขับก่อนจะพารถคันหรูของมันทะยานออกจากมหาลัยมุ่งสู่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ
“ซัทสึกิ...ที่นายโมโหขนาดนี้ เพราะนายหึงฉันอย่างนั้นหรอ?”
ไอ้หล่อมันพูดประโยคนี้ขึ้นมาตอนที่มันเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล ผมชะงักเหมือนโดนผีหลอกแล้วหันหน้าไปมองมัน รู้สึกเหมือนกำลังทำปากพะงาบๆอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก
พอไอ้หล่อมันจอดรถเข้าที่แล้วมันก็หันมาหาผมแล้วยิ้มมุมปากด้วย เสน่ห์ร้ายกาจของมันพร้อมกับอีกคำถามที่แทงใจผมดังฉึก
“นายรักฉันแล้วใช่ไหมซัทสึกิ?”
อะ..ไอ้!!...ไอ้บ้า!! ไอ้ขี้ตู่!!
หน้าผมร้อนฉ่าจนคิดว่ามันต้องแดงเหมือนตูดลิงแน่ๆ ไอ้บ้านี่พูดเสร็จแล้วมันก็ลงจากรถอ้อมมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วจัดการเปิดประตูเข้ามาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ผมก่อนจะประคองผมที่แข็งเหมือนไปจ้องตากับเมดูซ่ามาออกจากรถเพื่อไปหาคุณหมอ
ใครจะไปรักคนอย่างริวซากิ เร็นกัน!!...
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้รักนาย”
ผมเอนตัวไปกระซิบบอกมันระหว่างรอคิวคุณหมอ ไอ้หล่อมันทำพยักหน้ารับรู้ แต่รอยยิ้มกริ่มบนใบหน้าของมันนี่ชวนให้ชกสักหมัดจริงๆ ผมได้แต่กัดปากอย่างขัดใจเมื่อได้ยินคำตอบจากมัน
“จะเชื่อก็แล้วกันนะ”
ห่า!! ไม่อยากจะบอกว่าน้ำเสียงมึงขัดแย้งกับคำพูดเป็นอย่างมาก
-TBC-
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตาม และทุกคอมเม้นส์นะคะ
