Ren’s Diary : Chapter 3
“ดูเรื่องอะไรดี?” ตามประสา(ว่าที่)แฟนที่ดี ก็ต้องตามใจกันครับ
ในเมื่อผมเผด็จการพาน้องมาดูแล้ว ผมก็ให้โอกาสน้องเลือกครับว่าจะดูเรื่องอะไร น้องกอดอกแล้วหรี่ตามองดูตารางหนังก่อนจะยักไหล่ ทำท่าห้าวได้น่าฟัดมากครับจุดนี้
“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่นายก็แล้วกัน” แล้วแต่ผมก็เข้าทางสิครับ ผมแอบยิ้มในใจก่อนจะล้วงกระเป๋ามาหยิบเงินให้เขา
“นายไปซื้อขนมแล้วรออยู่แถวนั้นก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วเอง”
ผมจะมัดมือชกพาน้องเข้าไปดูหนังประเภทที่น้องเกลียดมากที่สุดในโลกครับ ผมเคยเห็นเขางอแงใส่เคนอิจิกับไดสุเกะคุงอยู่หลายหนเพราะสองคนนั้น ชอบดู แต่น้องไม่ชอบหนังแนวนี้ตามเพื่อน
เคนอิจิบอกว่าน้องกลัวผีครับ ถ้าเป็นปกติเขาจะไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่นอนคนเดียวได้ แต่ถ้าเจออะไรเกี่ยวกับผีไม่ว่าจะใครเล่าอะไรมาให้ฟังหรือดูละครที่มีผี รายการผี หนังผี หรืออะไรทั้งหลายทั้งแหล่ น้องจะกลัวจนนอนคนเดียวไม่ได้ กลัวหนักขนาดน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบกันเลยทีเดียว
แบบนี้ก็หวานริวซากิ เร็นล่ะครับ ยังไงผมต้องหลอกพาน้องไปดูหนังผีกับผมให้ได้ ถึงน้องจะกลัวก็เถอะ แต่หลังจากนั้นคือกำไรของผมนี่ครับ
“ซื้อโค้กมาแก้วเดียวหรอ?” จริงๆผมไม่น่าถามอะไรแบบนั้นออกไปครับ เพราะน้องซื้อป็อปคอร์นถังใหญ่แบบไซด์กินกันได้ทั้งหอพักมากับโค้กแก้วใหญ่ มา แค่นี้ก็เต็มสองมือเล็กๆของเขาแล้วครับ
น้องไม่ตอบคำถามของผมแต่กับยักไหล่แล้วยกแก้วโค้กขึ้นมาดูด ผมก็เลยเนียนไปแย่งแก้วโค้กของน้องมาดูด
อา..จูบทางอ้อมสินะ
ผมพาน้องเดินเข้าโรงหนังไปอย่างภาคภูมิครับ เดทในโรงหนังอย่างเป็นทางการครั้งแรก มีหลายคนมองผมกับน้องครับผมเลยเนียนยกมือขึ้นโอบไหล่น้องที่เอาแต่เดินเคี้ยวป็อปคอร์นอยู่ อีกนัยหนึ่งคือพยายามเอาตัวเองบังโปสเตอร์หน้าโรงหนังไม่ให้น้องรู้ครับว่าเราจะดูเรื่องอะไรกัน
เดินกันมาจนจะถึงที่นั่งแล้ว น้องก็ตัวแข็งไม่ยอมเดินต่อ ผมสงสัย นิดหน่อยตอนเห็นน้องหันไปตามเสียงซุบซิบของพวกสาวๆที่เดินตามมา คาดว่าน้องจะเขินผมก็เลยยอมปล่อยไหล่เขาแล้วเปลี่ยนมาจูงมือให้น้องเดินมานั่งตรงที่นั่ง
ขอบอกว่าเลิฟเวอร์ซีทนี่คุ้มค่าเงินมากครับ ผมคลี่ผ้าห่มที่พับอยู่บนโซฟาคลุมขาน้องให้เพราะแอร์ในโรงนี้ค่อนข้างเย็นจัดเลยทีเดียว น้องขยับขาไปมาถอดเอารองเท้าทิ้งไว้กับพื้นก่อนจะเอาขาขึ้นมาขัดสมาธิไว้แล้วเอาถังป็อปคอร์นวางบนตัก โยนเอาข้าวโพดคั่วเม็ดเล็กเข้าปากไปอย่างไม่สนใจผมเลยครับ
เอาเถอะ ผมเรียกร้องความสนใจจากน้องเองก็ได้
“กินมั่งดิ”
ไฟสลัวๆในโรงหนังยังพอให้ผมเห็นว่าน้องเลิกคิ้วมองหน้าผมก่อนที่เขาจะเอนถังมาให้ผมอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
“ป้อนหน่อย” ไม่ได้หวังหรอกครับว่าน้องจะมาป้อนให้ผม เพราะถ้าน้องป้อนจริงผมอาจได้เป็นรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเขาที่ถอดทิ้งไว้ที่พื้นแทน
“มือมี กินเองดิ”
การันตีคำพูดของผมไหมล่ะ นี่แหละครับซัทสึกิจังที่น่ารักของผม
“อยากให้ป้อน” ผมบอกเขาเสียงเบาก่อนจะยื้อข้อมือเล็กมางับป็อปคอร์นที่เขาหยิบไว้เอาเสียเอง แหย่น้องนิดๆหน่อยแค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้วครับ
ผมแย่งน้องกินป็อปคอร์นไปสักพัก น้องก็เริ่มป้อนให้ผมบ้าแต่เป็นการ ป้อนในลักษณะแบบยัดเยียดไม่ลืมหูลืมตาจนผมเกือบสำลัก ต้องอาศัยโค้กแก้วโตที่น้องซื้อมา พอคล่องคอแล้วผมก็กลับไปแกล้งน้องใหม่ ดึงมือน้องมากินป็อปคอร์น แถมท้ายด้วยการแกล้งงับนิ้วน้องมาดูดเบาๆ ตอนหนังเริ่มฉายพอดี
น้องกระชากนิ้วกลับคืนไปแล้วเอามือมาป้ายเช็ดกับเสื้อของผมแถม ร้องยี้ใส่หูผมอีก มาทำท่ารังเกียจกันได้ยังไงกันครับอิชิฮาระซัง แต่หลังจากนั้นละครับ น้องหันไปมองจอแล้วก็เอนหัวมามาถามผมเสียงแข็งติดปลายสั่นน้อยๆ
“เอ่อ..ริวซากิ เร็น นายพาฉันมาดูเรื่องอะไร?” น้องรู้ตัวแล้วครับว่าผมพาเขามาดูอะไร ผมว่าต่อมความรู้สึกของน้องช้ากว่าปกตินะครับ อันที่จริงผมรู้มา นานแล้วล่ะ เพราะถ้าเขาเป็นคนความรู้สึกไว เขาก็คงรู้มานานแล้วละครับว่าผม แอบรักเขาอยู่ แถมยังแอบตามเฝ้าเขามาตั้งครึ่งปีแล้วอีกต่างหาก
“อินซิเดียส น่าดูนะเรื่องนี้ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงด้วย”
ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้หรอกครับ แต่บังเอิญได้ยินจากกลุ่มสาวๆที่เข้าคิวซื้อตั๋วอยู่ข้างหลังผม
“งั้นกลับละ” น้องพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ผมเลยสอดมือไปล็อกตัวเขา ไว้กับที่นั่งก่อนพลางกระซิบข้างหูเขา
“ป๊อดหรอ?”
“ไม่ได้ป๊อด แค่ไม่ชอบ” น้องกระชากเสียงแต่เขายังรักษามารยาทด้วย การใช้ระดับเสียงที่ผมได้ยินอยู่คนเดียว เสร็จแล้วเขาก็ดึงคอเสื้อขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เข้าใจอยู่ครับเพราะตอนนี้ซาวด์ประกอบหนังมันหลอนประสาทกันน่าดู
“ก็ป็อดล่ะว้า ไม่กล้าดูล่ะสิ ไม่แมนเลย” คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิ หยามความแมนกันไม่ได้ครับ ผมใช้ไม้นี้เพื่อท้าให้น้องดูหนังต่อกับผม แล้วก็อย่างที่ผมบอกแหละครับ น้องยอมดูหนังต่อกับผมจนจบ
ใจจริงผมก็สงสารน้องครับ ดูซัทสึกิจะกลัวหนังประเภทนี้เอามากๆ เขาสะดุ้งทุกครั้งที่มันมีฉากหลอนๆ แล้วผมก็ว่าเขาไม่ได้ดูหนังเลยล่ะ เพราะเขาเอาแต่ซุกหน้าลงกับไหล่ของผมทั้งเรื่องเลยครับ
“ทีหลังไม่มาดูด้วยแล้วนะขอบอก”
ออกจากโรงมาน้องก็พูดขึ้นทันทีเลยครับ คนดีทำหน้างอใส่ผม น้องเม้มปากจนเป็นเส้นบางๆเลยครับ ดวงตาก็ขุ่นมัวสุดๆ
“แล้วนี่นายได้ดูที่ไหนกัน เอาแต่ซุกไหล่ฉันตลอดเลยไม่ใช่หรือไงกัน”
ท่าทางผมจะเป็นโรคจิตอ่อนๆแหะ ถึงได้ชอบแหย่คนที่ตัวเองชอบให้เขาหงุดหงิด แต่ผมก็มีเหตุผลของผมนะ เพราะพอแหย่เขาแล้วน้องก็ยิ่งทำท่าฮึดฮัดใส่ผม จุดนี้เขาฮึดฮัดได้น่ารักมากครับ หน้างอแต่แก้มพองลมเหมือนเด็กๆเลย
สำหรับผมที่ได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆไม่ปรากฏตัวตนให้อยู่ในสายตา ของเขามาครึ่งปี ได้แหย่เขาได้เถียงกับเขาบ้างแบบนี้ เหมือนกับฝันเลยครับ!
“ฮึ่ย! คนอย่างนายนี่มัน!!” น้องสบถในลำคอแล้วเอาศอกถ่องมาที่ ท้องผมครับ แต่ผมหลบทันเสียก่อนแล้วดึงแขนเขาไว้
“ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเลี้ยงไถ่โทษ” อย่างซัทสึกินี่ต้องง้อด้วยของหวานตอนนี้จะให้ไปกินของคาวก็ใช่ที่ทั้งอาหารญี่ปุ่นกับป็อปคอร์นมันยังอัดแน่นอยู่ในกระเพาะอาหาร ขืนใส่อะไรหนักๆลงไปอีกมีหวังท้องแตกตายกันทั้งคู่พอดี
“เลี้ยงนะ!”
พอพูดถึงของหวานแล้วน้องก็ทำตาวิบวับเลยครับ แถมยังหันมาถามผมเสียงใสแบบไร้ความขุ่นมัวเลย เด็กจริงๆแหละอาการชอบของหวานแบบนี้
“อือ” พอผมพยักหน้าเท่านั้นแหละครับ น้องเดินนำผมลิ่วไปยังร้านประจำของตัวเองเลยทันที ผมจะสปอยเขามากเกินไปหรือเปล่านะ...แต่อย่างว่า
เฮ้อ..เกิดเป็นริวซากิ เร็น ไม่คอยสปอยอิชิฮาระ ซัทสึกิแล้วจะไปสปอยใครที่ไหนกันล่ะครับ
ผมยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งเลยครับ น้องก็สั่งของกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คนดีเขานั่งเอามือสองข้างขึ้นมาเท้าคางแล้วยิ้มไม่หุบที่จะได้กินของที่ตัวเองชอบ พลางพูดเจื้อยแจ้วว่าพาเฟ่ต์ที่นี่อร่อยนักอร่อยหนา แต่ผมดันสั่งแค่อเมริกาโน่ ไม่สมกับที่เข้ามากินของหวานเลย
ใครบอกว่าผมไม่อยากจะลองชิมของหวานล่ะครับ แต่ผมแค่อยากกิน ถ้วยเดียวกับน้องเท่านั้นเอง พอพนักงานร้านเขายกมาเสิร์ฟ ผมก็ว่าผมคิดถูกแล้วครับที่ไม่สั่งของหวานเพิ่ม เพราะน้องคนเดียวก็สั่งพาเฟ่ต์มาตั้งสองถ้วยโตๆแถมยังสั่งพุดดิ้งชาเขียวมาด้วยอีกต่างหาก แบบนี้จะกินคนเดียวหมดได้ยังไงกัน
เอ๊ะ? หรือว่าน้องจงใจสั่งมาเผื่อผม?
“ทำไรน่ะ!” ผมได้คำตอบแล้วครับ น้องไม่ได้สั่งมาเผื่อผมหรอก เด็กดีแต่นิสัยดื้อเอาช้อนตีข้อนิ้วผมทันทีเลยครับพอผมหยิบช้อนอีกคันขึ้นมาตักไอติม จากถ้วยของเขา แถมยังเอามือป้องถ้วยไว้เหมือนกับเด็กหวงของกินอีกต่างหาก
ถ้าเป็นเด็กคนอื่นผมคงนึกรำคาญใจ แต่เผอิญเด็กหวงของคนนี้ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกิผมเลยได้แต่ยิ้มขำเขาอย่างเอ็นดูไว้ในใจ...ต่อหน้าน้องผมต้องพยายามไม่เผยพิรุธออกไปมากครับว่าผมคลั่งน้อง
แต่ขืนน้องยังทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะความพยายามนี้ของผมจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่เหมือนกันครับ
“จะช่วยกินไง ตั้งสามถ้วยนายจะกินหมดหรือไงกัน”
“หมดหน่า อยากกินก็สั่งเองดิ” หวงของกินจริงๆเด็กคนนี้
“ก็ดี กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ เวลากอดจะได้ตัวนุ่มๆ ลูบทีเนื้อจะได้นิ่มๆ เพลินมือ” ผมแกล้งว่าแล้วก็หันหน้าหนี ใช้หางตามองดูปฏิกิริยาของคนแมนๆเขาครับ น้องกัดช้อนแล้วผลักพาเฟ่ต์ทั้งสองถ้วยมาหาผม เขาทำแก้มพองอีกแล้ว
“ให้กินด้วยก็ได้!”
คุณก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าพาเฟ่ต์สองถ้วยนี้....หวานจับใจแค่ไหน?
กว่าเราจะกลับมาถึงหอพักมันก็เริ่มมืดแล้วครับ น้องลงจากรถได้ก็เดิน ตัวปลิวเข้าบ้านไปไม่รอกันเลย ผมที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าหอพักตามน้องไปก็ถูก หยุดไว้ด้วยเสียงมือถือของตัวเอง
พอล้วงมาดูก็อยากจะกดตัดสายไปเลยครับ มนุษย์สัมภเวสีนามฟุจิชิมะ ยูตะส่งยิ้มมาให้ผ่านคอลลิ่งมาเลยครับ มันคงโทรมาขอส่วนบุญเป็นเรื่องราวของผมกับน้องไปเสพให้ชื่นฉ่ำปอดฉ่ำใจของมันล่ะครับ
“โทรมานี่มีอะไรไม่ทราบ? ถ้าไม่สำคัญกูวางละนะ” ผมดักคอมันก่อนเลยครับ ผมไม่อยากเสียเวลามาก กลัวจะผิดแผนที่วางเอาไว้ ปล่อยให้น้องขึ้นไปก่อนแบบนี้ ถ้าคนดีเผลอหลับไปก่อนจะทำยังไง ยิ่งกินอิ่มๆกันมาแบบนี้มันชวน ง่วงน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะครับ แถมเมื่อกี้ตอนอยู่ในรถ น้องก็ยังแอบสัปหงกอยู่ หลายรอบเลยครับจนผมต้องชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาหลับไปเสียก่อน
“อื้อหือ แค่ได้ไปเดทกับน้องแค่เนี้ยทำเป็นหมางเมินกับเพื่อนกับฝูง นะครับริวซากิซามะ” ฟังมันกวนประสาทแล้วผมก็ยักไหล่ แต่ไม่อยากบอกว่ารู้สึกปลื้มอยู่ลึกๆ ขนาดไอ้ยูมันยังรู้ไวขนาดนี้ ตอนนี้ข่าวผมกับน้องไปเดทกันคงจะ แพร่สะพัดแล้วล่ะครับ
“ธุระมีแค่นี้ใช่ไหม งั้นแค่นี้นะ กูไม่ว่าง”
“มีอะไรต้องทำอีกวะ อย่าพูดนะมึงว่ามึงไม่ว่างเพราะกำลังจีบน้องอยู่ อย่าพูดเชียวนะครับไอ้คุณชาย”
ไอ้นี่สู่รู้มากไปแล้วนะ ผมจิ๊ปากใส่โทรศัพท์ไปด้วยทีหนึ่ง
“กูไม่ได้จีบน้องอย่างที่มึงคิดหรอก” ยูตะทำเสียงเป่าปากมาเลยครับ ผมแสยะยิ้มแล้วเงยหน้ามองไปที่ห้องของผมกับน้องที่เปิดไฟอยู่
“แต่กูกำลังจะใช้เวลาค่ำคืนนี้กับน้องสองต่อสองบนเตียงของกูกับน้อง มึงอยากรู้อะไรอีกไหมครับฟุจิชิมะซัง”
ไร้เสียงตอบรับจากปลายสายครับ มันคงช็อกไปแล้ว ผมเลยชิงตัดสายไปก่อนที่จะได้รับเสียงโหยหวนจากมันมาเป็นบทต่อทางสนทนากันครับ
เวลาค่ำคืนนี้ของผมมีค่าทางประวัติศาสตร์มากเพราะอย่างนั้นจะปล่อยให้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้ครับ
“ลงทุนพาไปดูหนังผีมาขนาดนี้ หวังจะเผด็จศึกเพื่อนผมเต็มที่เลยสินะครับนี่” มาแล้วครับมนุษย์คู่หูที่รู้ทันผม ถ้าซัทสึกิเป็นคนรู้ทันคนพอๆกับทั้งสองคนนี่ผมคงแย่ครับ แต่การที่น้องมีเพื่อนเป็นมนุษย์ชอบรู้ทันคนแบบนี้ก็ทำให้ผมผวาอยู่เหมือนกันครับ
“พูดอะไรแบบนั้น พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย”
ผมบอกแต่ส่งยิ้มกริ่มไปให้ทั้งสองคนครับ ไม่จำเป็นต้องปกปิดครับว่าผมคิดอะไรอยู่เพราะยังไงสองคนนั่นก็รู้ทันผมอยู่แล้วนี่นา เคนอิจิส่ายหัวช้าๆครับ
“พวกผมไม่น่าเล่าให้รุ่นพี่ฟังเลย” สายไปแล้วครับเคนอิจิ
“ยังไงก็เพลาๆมือบ้างแล้วกันนะครับ”
ผมฉีกยิ้มให้กับคำพูดของไดสุเกะคุงก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปหาน้อง
เข้ามาในห้องแล้วผมก็เกิดอาการใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก น้องนอนคว่ำ อยู่บนเตียงครับ ไม่รู้หลับไปแล้วหรือยัง แต่ผมที่ไม่ยอมให้เขาหลับก่อนที่เราจะ สร้างความทรงจำแนบแน่นคืนนี้ไปได้เด็ดขาดครับ เลยจำต้องเดินไปตีก้นน้องปลุกให้ตื่นขึ้นมา
“อาบน้ำก่อนนอนด้วย ฉันไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนซกมก” น้องเด้ง ตัวลุกขึ้นมาเลยทันทีครับพอผมตีก้นเขา สัมผัสฉิวเฉียดแค่ชั่ววินาทีก็ไม่อยากจะบอกว่าก้นน้องเด้งมากครับ ช่างเป็นผู้ชายที่ก้นนิ่มเด้งสวยเกินเพศจริงๆ
“ขี้เกียจ” น้องบอกแล้วก็เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขากับไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ นอนกอดกลมดิกอยู่ใต้ผ้าห่มเลยครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะโยเยไม่ยอมไปอาบน้ำ แบบนี้ก็เข้าทางผมล่ะครับ
“ขี้เกียจหรือกลัว ดูหนังผีมาเลยกลัวไม่กล้าไปอาบน้ำล่ะสิ”
ผมคลี่ยิ้มมองดูก้อนผ้าห่มที่ดุ๊กดิ๊กอยู่บนเตียง น้องสอดมือออกมานอกผ้าห่มแล้วชูนิ้วกลางให้ผม ห้าวแบบนี้มันน่าจับมาสั่งสอนจริงๆเลยครับ
“ไม่ได้กลัว!” น้องเถียงผมกลับมาแล้วยื้อผ้าห่มที่ผมดึงออกอีกต่างหาก
“งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน” คุณก็คงรู้ว่าน้องจะทำหน้าแบบไหนตอนผมพูดประโยคนี้ออกไป เขาทำหน้าตกใจได้น่ารักมากๆแถมยังส่งเสียงดังออกมาอีกก่อน จะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากเพราะเผลอทำเสียงดังออกมา
“ทำไมฉันต้องอาบกับนาย!!”
“ก็นายกลัวผี ฉันก็อุตส่าห์ใจดีอาบเป็นเพื่อนนายไง” จุดนี้พูดยากมากครับเพราะต้องตีสีหน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินที่จะได้อาบน้ำกับน้องไปด้วย
“ไม่จำเป็น”
มาปฏิเสธความหวังดี(?) ของพี่แบบนี้ได้ยังไงกันครับอิชิฮาระคุง
น้องปฏิเสธเสียงสูงใส่ผมเสร็จแล้วก็ทำแก้มป่องใส่ด้วยครับ ผมเลยเอื้อม ไปดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว ซัทสึกิแลบลิ้นใส่ผมได้น่าจับตีก้นมากครับ
“หรือนายไม่กล้า? กลัวฉันจะล้อหรือไงว่าน้องชายของนายมันกระจุ๊ง กระจิ๊ง”
บอกแล้วครับว่าน้องเป็นพวกฆ่าได้แต่หยาม(ความแมน)ไม่ได้ พอผมพูดแบบนี้น้องก็กระโดดลุกขึ้นยืนบนเตียงให้ผมเอ็นดูกับความสูงของเขาที่แม้จะยืนอยู่บนเตียงหัวก็ไม่ชนเพดานต่ำๆของหอพักนี่ด้วย
“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะเว้ย!”
ผมถอยห่างจากเตียงและระยะขาสั้นๆของน้องครับเพราะดูแล้วมีโอกาสเสี่ยงมากที่จะโดนน้องเตะเสยขามาครับ
“หรือกลัวจะใจเต้นกับหุ่นฉันเลยไม่กล้าอาบด้วยกัน?”
พอผมอยู่นอกระยะการทำร้ายกันน้องเลยต้องกระโดดจากเตียงลงมายืนกับพื้น คนชอบทำตัวห้าวปราดเข้ามาประชิดผมแล้วกระชากคอเสื้อผมเข้าไป หาเรื่องด้วยความแมนขั้นสุดของเขาครับ
“ทำไมฉันต้องใจเต้นกับนาย ฉันแมนนะเว้ย! ไม่ได้เป็นเกย์แล้วก็ไม่ได้เป็นไบเหมือนนายด้วย! นมโคแท้จากเต้าเท่านั้นเว้ยที่ทำฉันใจเต้นได้!”
โอเค ยืนยันเสียงหนักแน่นแบบนี้ พี่จะเชื่อน้องก็ได้ครับ
“แมนแล้วทำไมกลัวเกย์ล่ะ? แบบนี้ไม่แมนจริงนี่หว่า” ผมเชื่อจริงๆนะครับว่าน้องแมน แต่เชื่อแค่ 0.01% เท่านั้นครับ
“อาบก็อาบดิ ไม่กลัวอยู่แล้ว”
เยส! รู้สึกได้ถึงชัยชนะขั้นแรกมากเลยครับ ผมยังคงกลั้นยิ้มขณะที่มองน้องทำตัวกร่างๆใส่ผม คนดีเขาเดินทำท่านักเลงนำผมเข้าห้องน้ำไปครับ แถมยังหันมาถอดเสื้อแจ็คเก็ตเหวี่ยงใส่หน้าผมอีกต่างหาก
“แน่จริงก็ถอดดิ! แล้วจะได้รู้ว่าใคร...ใหญ่กว่ากัน!”
น้องมองหน้าผมอย่างหาเรื่องแล้วกดสายตาลงมองต่ำมาตรงส่วนที่คุณก็น่าจะรู้ว่าตรงไหน เห็นแล้วผมก็กระหยิ่มในใจครับ
เดี๋ยวก็รู้กัน...อิชิฮาระ ซัทสึกิ (ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกหน)
น้องหันหลังให้ผมแล้วจัดการถอดเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่สวมไว้กับกางเกง ออกครับ เขายังไม่ยอมถอดบ็อกเซอร์ที่สวมอยู่แต่หันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ผม
“ทำไมไม่ถอดวะ!” พูดไม่สุภาพกับ(ว่าที่)แฟนอีกแล้วนะซัทสึกิจัง น่าจับมาสอนใหม่ตั้งแต่การกระดกลิ้นกันเลยจริงๆ
ผมยักไหล่แล้วดึงเสื้อที่สวมอยู่ออกจากทางหัว ใจมันเต้นรัวมากครับ ที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าน้องที่กำลังกอดอกแล้วกระดิกเท้าจ้องมองมาแบบนี้
บ็อกเซอร์ของน้องน่ารักสมความแมนของเขาดีครับ น้องใส่บ็อกเซอร์สีขาวขอบชมพู พอเห็นผมมอง เขาก็แยกเขี้ยวใส่ผมแล้วชี้นิ้วใส่ผมแบบห้าวๆ
“มาเลย ถอดพร้อมกัน!”
นิ่งสนิทครับ น้องนิ่งสนิทไปเลยหลังจากเราถอดกางเกงกัน แถมยังหน้าซีดแล้วจิ๊ปากใส่ผมอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็คงรู้ใช่ไหมครับว่าใคร....ชนะ ^^
น้องมองมาที่ชัยชนะของผมแล้วก็เงยหน้ามามองผมก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่เดิมก่อนจะเชิดหน้าใส่ผม
“ไง รู้ยัง...ว่าใครใหญ่” ผมถามพลางก้าวเดินไปประชิดน้องก่อนที่น้องจะเดินหนีครับ พอเข้าไปใกล้เขาแล้วผมก็รุนให้น้องเดินเข้าไปในห้องน้ำ มาอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้ต้องบอกอย่างเดียวครับว่าน้องตัวนุ่มแล้วก็หอมมาก ไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือ กลิ่นกายแบบผู้ชายเลยสักนิด
“ชิสส์!” น้องจิ๊ปากใส่ผมอีกรอบแล้วก็ย่นจมูกใส่ผมด้วยครับ ผมยกมือขึ้นบีบปลายจมูกของเขาพลางเบียดตัวเข้าไปใกล้อีกนิด หาเศษหาเลยกับคนที่รักนี่มันมีความสุขมากเลยครับ
“จะมาเบียดทำไมเนี้ย!” น้องตะโกนใส่หูผมแล้วเอาศอกถ่องท้องผม แต่ แรงน้อยนิดของเขาถูกผมดึงเข้ามาหา ผมกอดเขาไว้แล้วก็โน้มหน้าไปใกล้หูเขา
“ตัวขาวจังซัทสึกิ ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อยได้ไหม เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดเลยนายก็เอามือปิดซะงั้น”
น้องดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของผมแล้วเอามือปิดส่วนน่ารักของเขาไว้ แน่นเลยครับ ผมดึงมือเขาออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อย
“อยากดูก็ไปดูของตัวเองซิวะ!” น้องโวยวายใหญ่เลยครับแล้วดิ้นไม่หยุด ผมรวบข้อมือเขายึดเอาไว้ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสเขา
“เฮ้ย! อย่าจับนะ!”
“ทำไม?...กลัวจะตื่นเพราะมือเกย์อย่างงั้นหรอ?”
น้องหยุดดิ้นแล้วครับแต่หันมามองด้วยสายตาที่เขาคงว่ามันดุ แต่สำหรับผมแล้วมันดูอ้อนให้รักมากเลยครับ
“อย่ามามองอ้อนกันแบบนี้สิ ถ้าฉันอดใจไม่ไหว นายลำบากแน่”
น้องสบถพึมพำในลำคอจนจับใจความไม่ได้เลยครับ แต่เดาง่ายๆว่าเขาคงด่าผมอยู่ ผมฟัดแก้มเขาแรงๆทีหนึ่งด้วยปากของตัวเองก่อนจะขยับมือที่จับน้องชายของเขาเอาไว้
อย่างที่รู้ครับ น้องตื่นง่ายมากกับสัมผัสของผม ซัทสึกิเขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเขากำลังระทวยเพราะสัมผัสที่ผมมอบให้จนต้องทิ้งน้ำหนักลงมาอิงอยู่กับอก ของผมอย่างนี้
“ขยายได้ใหญ่เหมือนกันแหะ” แหย่น้องแล้วผมก็มีความสุขมากครับ น้องก้มหน้าลง ก็คงมองดูสิ่งที่ผมพูดถึงอยู่น่ะแหละครับ ผมรู้สึกเจ็บแปลบตรงหลังมือ น้องกำลังหยิกมือผมอยู่ครับ
“ปล่อยนะ!”
“นายนี่..ความรู้สึกไวดีนะ” ผมบอกข้างหูเขาแล้วไซ้คอเขาเบาๆ คอน้อง ขาวจนผมอยากเปลี่ยนให้มันเป็นสีแดงมากครับ ผมจุ๊บเบาๆแล้วย้ำริมฝีปากลงหนักๆกับฐานคอเขา น้องเอียงคอไปมาเหมือนจั๊กจี๋ก่อนจะร้องครางเสียงเบา
“อะ...อา..”
“เคลิ้มแล้วหรอซัทสึกิ?”
ผมแหย่เขาอีกรอบครับ น้องเหมือนจะได้สติขึ้นมาตอนผมเบียดส่วนหน้าของตัวเองเข้าประกบบั้นท้ายกลมๆของเขา
“หยุดนะ!”
น้องร้องเสียงดังแล้วดิ้นอีกรอบ เขาพยายามบิดตัวหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้วขึงตาใส่ผมที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่
“ไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ แล้วนายจะติดใจ”
“ถ้านายทำอะไรมากกว่านี้ ฉันจะต่อยหน้านาย!” น้องตวาดเสียงดังกว่าเดิมครับ แต่คิดหรอว่าผมจะกลัวแค่ถูกต่อยหน้าผมจับมือเขามาสัมผัสกับส่วนกลางของผมที่พร้อมรบ แค่นี้น้องก็แดงไปทั้งหน้าแล้วครับ
“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”
ผมบอกน้องก่อนจะรั้งน้องเข้ามาในอ้อมแขนของผม มือของผมลูบไปทั่วหลังเนียนของน้องเหมือนกับปลอบประโลมร่างกายของเขาไม่ให้หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิด แต่มันคงไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ครับ น้องตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของผม แถมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ด้วยอีก ถ้าผมใจอ่อนล่ะเสร็จแน่ๆ
ใจแข็งไว้โว้ยริวซากิ เร็น! ถ้าอยากได้น้องเป็นของตัวเอง!!
ผมจูบเบาๆที่ข้างแก้มของเขา ผมเลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสสะโพกงอนๆก่อนจะกดปลายนิ้วคลึงอยู่กับจุดสำคัญที่น้องจะต้องใช้งานเป็นครั้งแรกคืนนี้แล้วสอดปลายนิ้วเข้าไปด้านในอย่างเบามือ
ช่องทางของน้องแคบมาก ผมสัมผัสมันเป็นครั้งแรกก็พบกับความอบอุ่นและอ่อนนุ่มด้านใน แต่น้องคงเจ็บไม่น้อย เขาทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้แล้วพูดเสียงเครือกับอกของผม
“เจ็บ..เอาออกไปนะ...” ฟังเสียงน้องแล้วผมก็ใจสั่น จะถอนสองนิ้วที่สอดอยู่ในร่างกายของน้องออกมาก็รู้สึกจะช้าไปแล้วครับ ปากทางของน้องรัดข้อนิ้วผมแน่นผิดกับคำสั่งของเจ้าตัวสิ้นเชิง
“ไม่ได้หรอก..” ผมบอกเขาแล้วพรมจูบกลางกระหม่อมของคนที่เริ่มดิ้น อีกครั้งและพยายามผลักอกผมออก
“ก้นนายรัดนิ้วฉันอยู่..” ผมต้องบอกเหตุผลด้วยครับไม่งั้นน้องจะหาว่า ผมรังแกทั้งๆที่เขาไม่สมยอม จิตใจเขาอาจจะไม่สมยอมครับ แต่ร่างกายของเขาสมยอมผมแน่ๆ พอน้องได้ยินก็นิ่งลงครับ ไม่ได้ดิ้นอีกแล้วแต่เงยมาทำหน้างอใส่ผมที่พอเห็นแล้วก็รู้สึกอยากทำให้น้องเป็นของตัวเองเร็วๆมากเลยครับ
ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยในขณะที่ขยับมือปรนเปรอความสุขให้น้องจนเขา งอตัวลงแล้วครางเสียงสั่นดังก้องไปทั่วห้องน้ำ
“อ๊ะ..อะ” น้องไร้แรงต้านทานผมโดยสมบูรณ์แบบที่สุดครับ มือเขาจากตอนแรกที่ยันอยู่กับอกของผม ตอนนี้เปลี่ยนมาจับบ่าผมไว้แน่น
ผมสอดนิ้วเล่นกับช่องทางเล็กจนมันขยายกว้างมากพอที่จะรับผมเข้าไปในกายของเขาจนไม่เจ็บได้แล้ว ผมก็ดึงเอานิ้วออกและหมุนตัวน้องกลับไป พอ แยกเรียวขาขาวออกกว้าง ผมก็สอดตัวเข้าไปด้านในเชื่องช้าเท่าที่ความอดทน ของผมจะมีพอ
“เจ็บนะโว้ย!” น้องร้องลั่นเลยครับ ช่องทางของเขากระตุกเกร็งขึ้นมาจน ผมเข้าไปต่อไม่ได้ ผมช้อนตัวน้องขึ้นแล้วพรมจูบไปตามไหล่เนียนจนถึงแก้มใส
“ก็อย่าเกร็งสิ” ผมบอกเขาก่อนจะใช้มือรูดน้องชายของเขาช้าๆ เบน ความสนใจของเขาไปจากส่วนที่เจ็บและคืบเข้าไปทีละนิดๆ แต่ยิ่งสอดกายเข้าไปลึกขึ้น น้องก็ยิ่งเกร็งตัวบีบรัดผมไว้จนไม่อาจทน
“อะ..อ๊ะ..อ๊า!” น้องครางเสียงดังมากครับ ผมเลยสอดนิ้วเข้าไปในปากของเขา พอมีของให้เขาระบายอารมณ์น้องก็ขบฟันลงกับปลายนิ้วของผมจนเจ็บ แต่ก็คงไม่เท่ากับความเจ็บของเขาที่เกิดขึ้นเพราะความต้องการของผม เพราะ อย่างนั้นต่อให้น้องกัดนิ้วผมจนขาดผมก็ทนได้ครับ
“อะ..อ๊า!!”
เสียงน้องครางดังก่อนจะกลายเป็นเสียงหอบหายใจแทนครับ น้ำสีนมพุ่งจากท่อนเนื้อสวยของเขาไปยังฝาผนังก่อนจะอ่อนตัวลงในมือของผม
ผมส่งน้องไปถึงสวรรค์แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะร่างกาย ของน้องบีบรัดตัวผมรุนแรง ผลมันก็มาจากการไปถึงสวรรค์ของน้องนั่นแหละครับ เล่นเอาผมทนฝืนตัวเองให้ขยับสะโพกเข้าหาเขา
“ยะ..อย่าปล่อยข้างในนะเว้ย!!”
น้องสบถเสียงดังลั่นเลยครับ แต่ช้าไปแล้ว ผมปล่อยความรักของผมเข้าไปในตัวของเขาตอนน้องสบถพอดี
พอผมถอนกายออกมา น้องก็หันมามองหน้าผมแบบทั้งโกรธทั้งหน้าเสียแถมยังดูไม่มีแรงจนผมต้องประคองเอวเขาไว้แล้วพามาที่เตียง
แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่า....เกิดอะไรขึ้นที่เตียงต่อจากนั้น…
-TBC-
อรั้ยยะ ไม่ได้เข้ามาดูเรื่องนี้เสียนาน นึกว่าไม่มีใครอ่าน แต่พอเข้ามาแล้ว แอร๊ มีคนอ่านนี่นา TT^TT เค้าขอโทษษษษ

:mew1:ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน