ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」  (อ่าน 63131 ครั้ง)

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

---------------------------------------------

* ภาษาที่ใช้จะออกแนวย้อนยุคนิดนึงนะคะ สรรพนามใช้เป็น ข้า-เจ้า ค่ะ
* เรื่องราวและความเป็นไปทั้งหมดเกิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆ อาจผิดแปลกไปจากความเป็นจริงได้ค่ะ
* เป็นนิยายแนว ชาย-ชาย เรื่องแรก ถ้าแต่งไม่ดียังไง ผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัย และฝากติชมกันด้วยนะคะ



--- เกริ่นนำ ---

ฉลาม น่ะโหดเหี้ยม เอาแต่ใจ ไม่สามารถรักใครจริงได้หรอก...
ปลาหมึก น่ะโดดเดี่ยว ใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้ โดยไม่ต้องรักใครเลย...
หอย น่ะสวยงาม แม้ตัวเล็กดูบอบบาง แต่ก็เข้มแข็ง...

เหมือนว่าเป็นเรื่องราวความรักที่แปลกพิศดาร
แต่ก็เป็นเพียงความต้องการธรรมดาของหัวใจ
หากถึงคราที่จะรักใคร ไม่ว่าเรื่องใดใดก็ไม่สำคัญ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2014 21:44:11 โดย mooaiir »

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม
«ตอบ #1 เมื่อ23-11-2012 22:15:33 »

บทที่ 1
เมื่อได้พบเจอ


   ในยุคสมัยที่มนุษย์สามารถผสมพันธุ์กับสัตว์ได้ ทำให้ก่อเกิด ครึ่งมนุษย์ขึ้นมา พร้อมๆกับที่มนุษย์แท้ๆลดลงครึ่งต่อครึ่ง ทำให้มีการทำสัญญาแบ่งแยกดินแดนระหว่างมนุษย์กับครึ่งมนุษย์ โดยมนุษย์จะอาศัยในซีกโลกฝั่งซ้าย และครึ่งมนุษย์ที่ฝั่งขวา

   ซีกโลกฝั่งขวาเองก็ถูกแบ่งออกเป็น 4 เขต ตามประเภทของสัตว์นั่นคือ เขตสัตว์บก มีราชสีห์เป็นกษัตริย์, เขตสัตว์น้ำ มีฉลามขาวเป็นกษัตริย์, เขตสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก มีกุมภีร์เป็นกษัตริย์, และเขตสัตว์ปีก มีพญาเหยี่ยวเป็นกษัตริย์

   หลายสิบกิโลเมตรห่างจากตัวปราสาทของพวกฉลามผู้ปกครองเขตสัตว์น้ำ มีบ้านหินขนาดเล็กตั้งตระหง่านอยู่ริมผาติดชายฝั่งทะเล ชาวบ้านโดยเฉพาะคนยากคนจนมักเข้าออกที่นี่บ่อยครั้ง ด้วยว่าที่แห่งนี้คือบ้านของชายหนุ่มผู้มีพลังที่น่าอัศจรรย์ สามารถรักษาบาดแผลและโรคร้ายต่างๆได้ภายในพริบตา อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีน้ำใจกับทุกคนไม่แบ่งแยกชนชั้น จึงทำให้เป็นเหมือนพ่อพระของคนแถบนั้นเลยก็ว่าได้

   “โห พ่อ วันนี้ตกได้ปลาตัวใหญ่เลยนี่” หนุ่มน้อยพิเศษที่ว่าร้องเสียงดังเมื่อเห็นชายชราผู้เป็นพ่อลากถังใส่ปลาเข้ามาในตัวบ้าน เผยให้เห็นปลาเล็กปลาน้อยรวมไปถึงปลาตัวอ้วนใหญ่ที่ดูน่ากิน

   “โชคดีน่ะ แต่ก็คงต้องใช้เป็นเครื่องบรรณาการอย่างเคยแหละ” ชายชราได้แต่ยิ้มแห้งๆก่อนจะคว้าเอากล่องโฟมขนาดใหญ่ไปใส่น้ำแข็งก้อน เพื่อจะได้นำปลาตัวโตที่อุตส่าห์ตกได้ไปบรรจุส่งให้กับปราสาทใหญ่

   หนุ่มน้อยรีบรุดเข้าไปช่วยผู้เป็นพ่อ ก่อนที่ประตูบ้านจะเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างเพรียวที่ก้าวเท้าเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเหมือนเคย สตรีรูปงามที่ปรากฏตัวขึ้น สะบัดผมยาวสีน้ำตาลอ่อนแซมเขียวถึงกลางหลังของหล่อนอย่างไม่พอใจ

   “อุตส่าห์ได้ปลาดีมา ก็ต้องส่งให้ไอ้พวกชนชั้นปกครองอีกและ น่ารำคาญจริงๆ!”

   “เขายอมรับแค่ผลผลิตกับอาหารของเราก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้ไหมว่าวันก่อน นังวาสินีเพิ่งถูกลากตัวไปเป็นนางบำเรอของเจ้าชาย”
 
ผู้เป็นพ่อเล่าพลางหันมองนอกหน้าต่างที่ฉายให้เห็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยาก หลังจากที่เสียลูกสาวคนเดียวไป เพียงเพราะเดือนนี้ไม่สามารถส่งเครื่องบรรณาการให้ปราสาทได้ จึงมีคำสั่งจากท่านกษัตริย์ให้นำตัวลูกสาวของครอบครัวไปเข้าวังเพื่อเป็นนางบำเรอให้กับลูกชายของตน

   “พูดถึงเจ้าชาย มีคนเขาเล่าลือกันว่าทรงมีพระสิริโฉมงดงามนัก จะจริงหรือเปล่านะ?” เจ้าของผมยาวสวยยืนเพ้อด้วยดวงตาเป็นประกาย ทำเอาคนมองทนไม่ได้ต้องขอออกปากปรามการกระทำที่เกินหญิงนี่สักหน่อย

   “อย่าแรดให้มันมากนักนะ ถึงเจ้าชายจะหน้าตาดีเพียงใด แต่ก็เป็นถึงลูกครึ่งฉลามขาว เผลอๆจะได้จับเจ้ากินแทนอาหารเย็นน่ะสิ”

   “หุบปากไปเลยนะเปม! เจ้าจะมาเข้าใจอะไรลูกผู้หญิงอย่างข้า วันๆก็เอาแต่ช่วยรักษาคนจน เงินก็ไม่เก็บสักบาท จนบ้านเราจะต้องกินเกลือแทนข้าวกันอยู่แล้ว”

   “อย่างน้อยข้าก็ทำอะไรที่เป็นสาระกว่าเจ้าแล้วกัน พี่วี”

   “ไอ้น้องบ้า!” จารวี ลูกครึ่งหอยแมลงภู่ ผู้เกิดจากเมียคนแรกของพ่อที่เป็นมนุษย์ คว้าเอาขวดน้ำใกล้หมดแถวนั้นมาปาใส่น้องชายต่างแม่อย่างไม่พอใจ

   เปมทัต หรือที่ใครๆต่างพากันเรียกว่าพ่อพระแห่งชายฝั่งทะเล เกิดจากเมียคนที่สองของพ่อซึ่งเป็นหอยนางรม ทำให้เปมออกมาเป็นลูกครึ่งหอยนางรมแถมยังเป็นระดับหายากที่ได้รับเอาพลังในการรักษาของแม่ติดมาด้วย ถึงแม้พี่น้องคู่นี้จะจิกกัดกันเป็นประจำ และถึงแม้ว่าจารวีจะดูร้ายไปสักหน่อย แต่แท้จริงแล้วทั้งคู่ก็รักกันมาก เพียงแต่แสดงออกไม่เป็นก็เท่านั้น

   “ได้เวลาส่งเครื่องบรรณาการแล้ว!”

ไม่ทันที่เปมจะได้โต้ตอบพี่สาว เสียงแตรซึ่งเป็นสัญญาณจากคนของปราสาทก็ดังขึ้นลากยาวจนน่าหนวกหู เมื่อเสียงแตรสงบลง ทหารหนุ่มไม่คุ้นหน้าก็ก้าวขาลงมาจากขบวนรถและประกาศก้อง

   เปมรีบยกกล่องโฟมที่บรรจุปลาตัวยักษ์ขึ้นและเดินลงบันไดไปที่ลานหน้าบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยชาวบ้านในละแวกนี้ที่กำลังขนเครื่องบรรณาการของแต่ละครอบครัวส่งให้เหล่าทหาร ปกติทหารที่มารับเครื่องบรรณาการในชุมชนแถบนี้จะเป็นพวกหน้าเดิมๆที่เห็นกันจนชิน แต่วันนี้กลับนำทัพมาด้วยทหารหน้าใหม่ซะได้ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหาก็คือทหารหน้าใหม่เอาแต่จองหน้าเปมตาไม่กระพริบ เมื่อพิจารณาจนพอใจก็รีบรุดเข้ามารับกล่องโฟมในมือของเปมไป พร้อมหันไปสั่งการทหารคนเล็กคนน้อยให้เช็ครายชื่อครอบครัวนี้ซะ

   “ในรายงานบอกว่าครอบครัวเจ้ามีผู้หญิงแค่นางเดียวคือแม่หอยแมลงภู่มิใช่รึ ไม่คิดว่าจะมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักเช่นเจ้าอยู่ด้วย” นายทหารหนุ่มไม่พูดเปล่า กลับเอื้อมมือมาเชยคางเปมขึ้นและจ้องไม่วางตาอีกครั้ง

   “โอ๊ยๆ พ่อทหารรูปหล่อกำลังคิดจะทำอะไร ‘น้องชาย’ ของข้ามิทราบ”

เพียงไม่กี่อึดใจ แม่หอยแมลงภู่ที่ถูกพูดถึงก็ก้าวขามาอยู่ประชิดทั้งคู่ วินาทีต่อมานายทหารก็รีบชักมือของตัวเองกลับและรีบสาวเท้าออกไปจากบริเวณทันทีด้วยความอับอาย ก็ใครจะไปรู้กันว่านั่นคือชาย ทั้งที่หน้าตาก็ออกจะสวยหวานปานนั้น อีกทั้งรูปร่างก็ดูอ้อนแอ้น อรชรเหลือเกิน ผิวพรรณนี่ไม่ต้องพูดถึง แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสก็แทบหลงแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวของเปม ที่ว่าเขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่เสมอ จนหลายครั้งก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน นี่ขนาดลงทุนออกกำลังจนพอจะมีกล้ามน้อยๆกับเขาบ้างแล้วนะ แต่ดูเหมือนมันจะน้อยมากเกินไปเสียนี่

“ข้าว่าข้าจะลองไว้หนวด” เปมเริ่มตีหน้าปลาตายใส่วีและถอนหายใจยาว

“เจ้าจะบ้าเรอะ เจ้าเป็นหมอนะไม่ใช่โจร หนวดบ้าหนวดบออะไร ช่างไม่เข้ากับหน้าใสๆของเจ้าเลย”

“ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าอยากตายแล้ว”

“ฮ่าๆๆ”

ดูเหมือนวีจะไม่สนใจคำขู่เสียงเรียบของเปมแม้แต่น้อย กลับเข้ามาบีบแก้มเปมเล่นอย่างเด็กๆจนค่อยๆกลายเป็นแรงหยิกเพราะความหมั่นไส้หรือเอ็นดูนี่ก็ไม่อาจทราบได้

“พี่วี ข้าขอตัว”

จู่ๆเปมก็สลัดตัววีออกและรีบเดินตัดผ่านกลุ่มคนไปที่อีกฝากของถนนซึ่งมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักเจ้าของดวงตาสุกใสกำลังยืนยิ้มรับการมาของเขาอยู่

“ณิชา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ข้าสบายดี เดือนนี้พ่อข้าตกปลาตัวใหญ่ได้หลายตัวเชียว แล้วเจ้าล่ะ คงไม่มีปัญหาอะไรนะ”

“ข้าไม่มีปัญหาหรอก ข้าเป็นห่วงก็แต่เจ้านั่นแหละ หมู่นี้ผู้หญิงสวยๆโดนจับไปเป็นนางบำเรอให้ไอ้เจ้าชายวิตถารเป็นว่าเล่น ข้ากลัวจริงๆ” เปมขยับตัวเข้าชิดณิชา ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นทัดผมหยักศกสีเขียวเข้มให้สาวร่างเล็ก พร้อมทั้งกุมมืออีกฝ่ายไว้ด้วยความเป็นห่วง

“แค่มีเจ้าอยู่ ข้าก็อุ่นใจ”

“คืนนี้เจ้าว่างไหม ข้าอยากชวนเจ้าออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

“คืนนี้ข้าต้องช่วยแม่ทำงาน คงไปไม่ได้หรอก”

สายตาผิดหวังถูกส่งไปให้หญิงสาวแทบจะทันทีที่เธอพูดจบ ณิชาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยพลางถอนมือตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย เล่นเอาเปมถึงกับใจหาย รีบจ้องณิชากลับด้วยต้องการคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตาย
สาวน้อยร่างเล็กหัวเราะคิกคักกับท่าทางน่ารักของชายตรงหน้า ก่อนจะรีบล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อและส่งให้เปมที่ยังคงตีหน้าคำถาม

“ที่หนีบผมนี้ข้าทำเอง เจ้าช่วยรับมันไว้ได้หรือไม่”

เปมยิ้มรับแทนคำตอบก่อนจะพินิจที่หนีบผมสีขาวที่ติดหินประดับรูปสาหร่ายทะเลไว้ตรงปลาย ดูเหมือนว่าแม้แต่ณิชาก็ยังพยายามทำให้เขาดูคล้ายผู้หญิงยิ่งขึ้นด้วยการมอบของแบบนี้ให้ ที่หนีบผมแบบนี้ชายใดจะคิดติดกันเล่า แต่เพื่อนางอันเป็นที่รักแล้ว ต่อให้ต้องสวมชุดกระโปรงเสียตรงนี้ก็ย่อมได้อยู่แล้ว

“ขอบใจมาก สวยเหลือเกิน”

“งั้นข้าติดให้เจ้านะ”

“อื้อ เอาสิ” เปมโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ณิชาติดที่หนีบผมให้ กว่าจะรู้ตัวชาวบ้านที่เคยออกันอยู่แถวนี้ก็หายไปเกือบหมดแล้ว ขบวนรถของปราสาทเองก็กลับไปแล้วเช่นกัน

เมื่อมองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร เปมจึงคว้าตัวณิชาเข้าไว้ในอ้อมอกอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่หญิงสาวจะได้ทันขัดขืน เปมก็โน้มตัวลงมาจุมพิตบางเบาที่หน้าผากของตนเสียแล้ว

“ข้ารักเจ้า ณิชา”




ที่อีกฝั่ง ใกล้ตัวปราสาทแห่งเขตสัตว์น้ำ เจ้าชายจอมเอาแต่ใจผู้ที่มีตำแหน่งเป็นมกุฏราชกุมารก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการล่าไก่มากินเป็นของว่าง

“เตชัส นี่เจ้าอ่อนหัดขนาดแม่ไก่ ก็ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเนี่ยนะ”

เสียงทุ้มน่ารังเกียจของไอ้ลูกครึ่งปลาหมึกยักษ์ผู้เป็นองครักษ์มือหนึ่งของกษัตริย์ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้คนถูกปรามาสต้องรีบตวัดสายตากลับไปมองอย่างฉุนเฉียว วินาทีต่อมาแม่ไก่ตัวที่ว่าก็ถูกลากคอกลับมาอยู่ในปากของเจ้าชายเพชรฆาตเสียแล้ว

“รเณศ เจ้าเลิกมายุ่งกับข้าเสียที!” หมึกยักษ์รเณศเสยผมสีทรายของตัวเองขึ้นอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะก้าวมาประจันหน้ากับเจ้าของผมสีเงินเลือดร้อน

“เจ้าไม่คู่ควรที่จะเล่นไล่จับไก่”

แค่เพียงคำพูดประโยคเดียวก็ทำให้เตชัสเข้าใจสถารณการณ์ดี ไอ้หมอนี่กำลังมาท้าสู้ ดีเลย เพราะตอนนี้เขาเองก็กำลังเบื่อหน่ายกับพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอยู่เหมือนกัน วันนี้ขอลองเขมือบไอ้หมึกปากดีนี่ดูหน่อยแล้วกัน!

ไม่รอให้พูดอะไร รเณศก็ออกตัววิ่งในขณะที่เตชัสก็พุ่งตัวเข้าไปใกล้ ทั้งคู่วิ่งกวดกันอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยถึงพลบค่ำ ยามที่เตชัสเข้าประชิดตัวรเณศได้ก็จะแปลงกายส่วนศรีษะให้เป็นฉลามขาวและชิงกัดแขนขององครักษ์ผู้นี้เสีย แต่เป็นถึงมือขวาของจอมกษัตริย์ก็คงไม่ได้อ่อนขนาดจะให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้มาทำอันตรายได้ แม้ว่าแขนจะขาดหลุดออกไป ก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ได้ในฉับพลัน และเพียงเสี้ยววินาทีที่กระพริบตาลงนั้น รเณศก็จะแปลงกายส่วนแขนและท่อนล่างของตนให้เป็นหนวดปลาหมึกและเข้าโรมรันใส่เตชัสอย่างไม่ยั้งมือ ทำเอาคนหนุ่มกว่าต้องผละตัวออกมาตั้งรับใหม่ทุกครั้งไป

การต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินไปจนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงโครมครามต่างก็กลัวจนไม่กล้าออกมาจากบ้าน ล้วนแต่ลงกลอนประตูและปิดหน้าต่างเสียสนิท จนเมื่อทั้งคู่ไล่กันมาจนถึงแถบชายฝั่งทะเล รเณศก็เปลี่ยนตัวเองให้เป็นร่างปลาหมึกยักษ์โดยสมบูรณ์ เพราะเป็นที่รู้กันว่าพวกลูกครึ่งมนุษย์ จะมีพลังแก่กล้ามากที่สุดยามอยู่ในถิ่นที่ตนคุ้นเคย ถึงอย่างนั้นความอ่อนเยาว์ทั้งอายุและฝีมือของเตชัสก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะกลับคืนร่างฉลามได้ทั้งตัว จึงถูกรเณศฟาดหนวดขนาดใหญ่เข้าใส่ท้องอย่างจังจนถึงกับกระเด็นไปในระยะที่ไกลพอสมควร

แรงฟาดดูจะมากเหลือเกิน ถึงขั้นว่าร่างของเตชัสกระทบเข้ากับหน้าต่างบ้านหลังหนึ่งจนหน้าต่างแตกออก ก่อนที่เตชัสจะหยุดร่างตัวเองลงได้เมื่อแผ่นหลังกระแทกเข้ากับผนังด้านหนึ่งของห้องดังกล่าวอย่างจัง

“เฮ้ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย” เสียงผู้ชายวัยหนุ่มดังขึ้นใกล้ๆ ไม่นานนักดวงตาใสๆสองข้างก็มาหยุดจ้องอยู่ตรงหน้าของเตชัสเสียแล้ว ดูเหมือนว่าผลของแรงกระแทกเมื่อครู่จะทำให้เขายังคงมึนอยู่ จึงไม่อาจขยับตัวหรือแม้แต่ส่งเสียงใดออกมาได้

ถึงอย่างนั้น เขาก็พอจะออกมองอย่างเลือนลางว่าชายหนุ่มเจ้าของดวงตากลมโตนั่นกำลังขยับเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น เตชัสพยายามเปิดเปลือกตาออกเมื่อรู้สึกถึงลมอุ่นๆบริเวณต้นแขนของตัวเอง

“นี่.. เจ้า ทำ อะไร..”

“ข้ากำลังรักษาแผลให้เจ้าไง เอ้า หันหลังซะ”

ไม่ต้องรอให้เตชัสตอบรับ ชายหนุ่มตรงหน้าก็เข้ามาหมุนตัวเขาให้หันหลังเสียแล้ว เวลาต่อมาลมอุ่นๆแบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกทั่วบริเวณแผ่นหลัง พร้อมๆกับความเจ็บแสบที่เริ่มทุเลาลงจนแทบหายไป

“เจ้ามีพลังรักษารึ?”

เมื่อได้สติคืน เตชัสก็รีบหันหน้ากลับมาเผชิญกับหนุ่ม.. เอ๊ะ หรือสาวหน้าหวาน แต่ทันทีที่คนตัวเล็กพยักหน้ารับ เตชัสก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจและรีบคว้าข้อมือของแพทย์ผู้นี้ไว้ก่อนจะพาออกไปจากบ้านโดยที่ไม่สนใจฟังเสียงทักท้วงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองดูทั่วบริเวณยังไม่เห็นร่างของรเณศ เตชัสก็รีบหยิบนกหวีดที่ห้อยคออยู่ขึ้นมาเป่า ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาดูคล้ายกับว่าเขากำลังเป่าลมเปล่าๆเท่านั้น แต่เพียงไม่กี่อึดใจ ปักษาขนดำขนาดใหญ่ก็ร่อนลงมาอยู่ตรงหน้าเขาทั้งครู่ เตชัสรีบอุ้มตัวคนข้างๆให้ขึ้นไปนั่งบนตัวนกยักษ์ ก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นมา

“นี่!! จะพาข้าไปไหน เฮ้ยยยย!”

เสียงทั้งหมดราวกับถูกดูดกลืนหายไปเมื่อนกยักษ์เริ่มสยายปีกและกระพืออย่างรวดเร็ว ทันทีที่ทั้งคู่ลอยขึ้นเหนือหลังคาบ้าน คนตัวเล็กก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ๆมือใหญ่ทั้งสองข้างก็เข้ามาจับเอวของตนไว้ แถมไอ้ชายแปลกหน้าผู้มาพร้อมแผลก็ยังทำท่าทางน่ารังเกียจด้วยการโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนลมหายใจแทบจะรดอยู่บนไหล่ แต่ก็ยังดีที่ระยะของทั้งคู่ไม่ได้แนบชิดกันนักเพราะคนด้านหลังกำลังนั่งท่าขัดสมาธิอย่างสบายใจ ทั้งๆที่อีกคนได้แต่หนีบขาสองข้างและพยายามเกาะกุมขนหนาๆของนกตัวนี้ไว้แทบตาย

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”

“เจ้าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ข้าดูไม่ออกเลย”

“ข้าเป็นผู้ชายโว้ย! ออกไปห่างๆข้าเดี๋ยวนี้เลย”

“อ้อเหรอ ถ้าเป็นตัวผู้ข้าก็ไม่อยากจะใส่ใจนักหรอก แต่ปัญหาคือข้าไม่ได้กินอะไรมาร่วมอาทิตย์แล้ว”

จากความตกใจที่จู่ๆก็มีชายร่างสูงกระเด็นผ่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามา จนถึงนกยักษ์ตัวนี้ ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อเงียบเสียงลง กลับเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศน่าเกรงขามที่แผ่ขยายอยู่รอบตัว ใครกันแน่ ชายแปลกหน้าผู้นี้เป็นใครกัน!

“เฮ้ยๆๆ!!” เสียงร้องแสดงความตกใจถึงขีดสุดหลุดออกมาจากปากของร่างบางอย่างต่อเนื่อง เมื่อจู่ๆเตชัสก็ออกแรงยกตัวเขาขึ้นมาไว้บนหน้าตักตนเอง จนคนตัวเล็กต้องรีบผวาเข้ากอดเตชัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะกลัวว่าจะตกลงไปตายเสียก่อน

“เจ้าชื่ออะไร” เตชัสถามขึ้นหลังจากพ่นเสียงหัวเราะในท่าทีของคนบนตัก

“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย เจ้ามันแค่คนแปลกหน้า!”

“คนแปลกหน้าที่ฆ่าเจ้าได้ไง”

“ข้าชื่อเปม เปมทัต!!” เตชัสยิ้มพอใจเมื่อเปมรีบร้อนบอกชื่อของตัวเองซะเสียงดัง เพราะแค่เตชัสแกล้งเอนซ้ายเอียงขวาเพียงหน่อยเดียวเท่านั้น

“อึ๊!”

เตชัสไม่ได้พูดอะไรต่อแต่กลับลงลิ้นอุ่นๆบนหัวไหล่ขาวผ่องที่โผล่พ้นจากคอเสื้อกว้างๆของเปม ก่อนจะใช้ฟันแหลมขบเน้นลงไปเป็นการชิมและแกล้งในคราเดียว เล่นเอาคนตัวเล็กถึงกับตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กับเตชัสได้มากยิ่งขึ้น

“หยุดเดี๋ยวนี้ ไอ้โรคจิต!”

“เจ้านี่คล้ายพวกตัวเมียเสียจริงนะ ยิ่งไอ้ผิวขาวๆเนียนๆนี่ แล้วยังหวานนัก”

แม้ว่าเปมอยากจะผลักคนตัวใหญ่ออกแล้วลุกขึ้นต่อยหน้าสักหมัดสองหมัดเช่นไร ก็ทำได้เพียงแค่ข่มความโกรธทั้งหมดไว้เพราะตอนนี้ความกลัวตายมันมีมากกว่า ที่ต้องยอมอยู่เฉยๆเพราะกลัวว่าไอ้โรคจิตนี่จะจับตัวเองโยนลงจากนกนี่หรอกนะ แต่หากพ้นจากสถานการณ์นี้เมื่อไร สาบานเลยว่าจะขอจ้วงเอาเลือดสดๆของหมอนี่มาให้จงได้

“เจ้าเป็นตัวอะไร” เสียงทุ้มถาม พลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เปมพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไร้แรงจะสู้จึงได้แต่นั่งอยู่บนตักของเตชัสนิ่งๆ มือสองข้างเกาะกุมแขนเสื้อของคนตัวใหญ่ไว้แน่น

“ขะ.. ข้า เป็นหอยนางรม”

“น่าสนใจ ข้าไม่เคยรู้ว่ามีหอยนางรมผู้ครอบครองพลังรักษาอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้อยู่”

“...”

“ข้าเป็นฉลามขาว นามว่าเตชัส”

แค่เพียงได้ยินว่าฉลามขาวก็ทำเอาเปมผวาสุดตัวอีกรอบ ถ้าเป็นฉลามจริงก็ต้องเป็นพวกชนชั้นปกครองหรือพวกผู้ดีน่ะสิ ไอ้คนพวกนี้ยิ่งชอบทำอะไรตามใจอยู่ด้วย แต่ที่แย่ก็คือ แบบนี้เปมยิ่งไม่สามารถขัดขืนหรือหือกับเตชัสได้อีก เพราะหากทำให้ชนชั้นปกครองโกรธล่ะก็ ครอบครัวเขาก็คงถึงคราวอวสานเป็นแน่

“ข้อขอโทษที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน และขอบคุณที่ช่วยรักษาแผลให้ข้า คืนนี้เจ้าค้างที่บ้านข้าแล้วกันนะ”

“หา?” เปมยอมผละตัวออกจากเตชัสเล็กน้อย ไม่รู้ว่าด้วยชินกับการเหาะเหินอยู่บนอากาศแล้ว หรือเพราะรู้สึกเชื่อใจคนข้างๆนี้มากขึ้นแล้วกันแน่

“นั่นไง บ้านข้า”

เปมค่อยๆหันหน้ากลับมามองทิวทัศน์ด้านหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆทั้งที่มือยังคงขยุ้มเสื้อของคนตัวสูงอยู่ และดูเหมือนแรงที่มือสองข้างจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวแรงจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาจากอก เมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นปราสาทสีทองขนาดใหญ่ ที่พักอาศัยหลักของกษัตริย์แห่งเขตสัตว์น้ำ... มะ ไม่จริงน่า อย่าบอกนะว่า เตชัสก็คือ...

ไอ้เจ้าชายวิตถารคนนั้น!!!??

chae

  • บุคคลทั่วไป
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม #บทที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ24-11-2012 00:21:07 »

เอ้า ฟินเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ว่าแต่ไม่ได้กินอะไรมาร่วมอาทิตย์นี่คือจะจับหอยเอาไปกินว่างั้น????????

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม #บทที่ 1
«ตอบ #3 เมื่อ24-11-2012 00:35:00 »

เจ้าชายวิตถาร :laugh:
เป็นแนวที่แปลกดี ต้องอ่านละเอียด แล้วก็ต้องจินตนาการภาพตาม หอยนางรมน่ารักอ่ะ!
รอตอนหน้านะจ๊ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม #บทที่ 1
«ตอบ #4 เมื่อ24-11-2012 01:38:47 »

 :mc4:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม #บทที่ 1
«ตอบ #5 เมื่อ24-11-2012 10:51:17 »

อุ้มมาดื้อๆเลยวุ้ย  :m20:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
Re: ฉลามขาว กับ หอยนางรม #บทที่ 1
«ตอบ #6 เมื่อ24-11-2012 13:57:00 »

บทที่ 2
เย็นชาและน่ากลัว



“เตชัสเจ้าไปไหนมา!!”

เสียงคำรามน่ากลัวแผ่ออกมาพร้อมๆกับความน่าเกรงขามลูกใหญ่ในทันทีที่ทั้งสองคนก้าวเท้าเหยียบลงบนพื้นปราสาท ร่างสูงใหญ่ แขนและขาเป็นมัดกล้าม แม้จะดูชราไปมากแต่ก็ยังคงงดงาม คนนี้แหละกษัตริย์แห่งเขตสัตว์น้ำ เตชินท์!!

“ข้าแค่ออกไปเดินเล่น”

“นั่นพาใครมาด้วย นางบำเรอคนใหม่หรือไง” ท่านเตชินท์มองผ่านเตชัสไปหยุดสายตาลงที่เปมซึ่งเอาแต่เกาะชายเสื้อเตชัสอย่างกลัวๆ

“นายบำเรอล่ะสิไม่ว่า อย่าไร้สาระน่าพ่อ ไอ้ตัวเล็กนี่มันเป็นตัวผู้ต่างหากล่ะ”

เตชัสพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญแกมขยะแขยงเมื่อถูกหาว่ามากับสาวทั้งๆที่ข้างๆเนี่ยมันเป็นเด็กหนุ่มชัดๆ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังหันหลังไปดึงมือเล็กที่เอาแต่สั่นเป็นเจ้าเข้าของเปมออกจากชายเสื้อตัวเองและรั้งให้มายืนประจันหน้ากับเตชินท์ โดยที่ไม่รู้สักนิดว่าคนตัวเล็กตรงหน้าน่ะกลัวรัศมีของกษัตริย์ผู้นี้จนแทบจะยืนด้วยขาสองข้างไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ

“นี่พ่อข้า”

“ทะ..ท่าน..”

เปมได้แต่พูดติดอ่างไปมาเหมือนคนขาดอากาศหายใจ จนเตชินท์ต้องยกมือขึ้นปรามและสบัดชายผ้าคลุมเดินออกไปจากโถงกลาง ด้วยรู้ดีว่าพวกครึ่งมนุษย์ที่เกิดจากสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยจะมิอาจต้านทานรังสีของผู้ยิ่งใหญ่ที่โตเต็มวัยระดับตนได้ ผิดกับลูกชายจอมเอาแต่ใจ ทั้งที่ไอ้ตัวเล็กนั่นสั่นจนแทบล้มทั้งยืน กลับไม่ใส่ใจสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะไม่ทันสังเกตหรือจงใจแกล้งเล่นกันแน่

“ท่านเตชัส กลับมาแล้วหรือคะ” เสียงใสดังขึ้นที่มุมหนึ่งของห้อง เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใคร เปมก็ร้องขึ้นมาทันที

“วาสินี!”

“เปม!”

ทั้งวาสินีและเปมรีบรุดเข้ามาหากันและเริ่มพูดคุยด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เป็นเหตุให้คนตัวสูงเริ่มไม่พอใจเพราะถูกทั้งคู่เมินตนไปซะดื้อๆ จึงต้องเข้าไปดึงตัวเปมออกจากวาสินีจนแทบจะล้มลงไป

“นี่พวกเจ้ารู้จักกันด้วยรึ”

“เปมเป็นเพื่อนข้า”

วาสินีในชุดคลุมนอนยาวลากพื้นที่ถูกถักทออย่างงดงามหันบอกเตชัสที่จู่ๆก็รวบตัวนางเข้าแนบอกอย่างหึงหวง ภาพแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้นแน่ถ้าหากว่าครอบครัวของวาสินีมีเครื่องบรรณาการพอในวันนั้น และก็เป็นอย่างที่เปมเคยคิด แม้เจ้าชายจะทรงสิริโฉมงดงามเพียงใด ก็ไม่อาจได้หัวใจของผู้หญิงที่ถูกพาตัวมา เพราะการที่ต้องอยู่เคียงข้างเจ้าชายองค์นี้ มันหาใช่ความรักไม่ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คงจะเป็นภาพตรงหน้านี่แหละ เพราะแม้วาสินีจะยังยิ้ม แต่ก็ดูฝืนเต็มที อีกทั้งรอยแดงใต้ตาที่ปรากฏชัดเจนนั้น คงเดาได้ไม่ยากว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหนาเพียงใด

“เปม วันนี้เจ้านอนห้องข้าแล้วกันนะ”

เตชัสดูเหมือนต้องการไล่เปมให้ไปเสียพ้นๆตาเมื่อมีแม่หญิงมาเคียงใกล้ เขากวักมือเรียกทหารสองคนแถวนั้นมาและสั่งให้พาเปมไปที่ห้องนอนของตน แต่ก่อนที่จะได้ก้าวขาออกไปจากบริเวณ วาสินีก็รั้งไว้ได้ก่อน

“เดี๋ยวสิ ถ้าเปมนอนห้องท่านเตชัส แล้วท่านจะไปนอนที่ไหน” ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเตชัส แต่ที่ถามเพราะเป็นห่วงตัวเองต่างหาก แล้วก็นั่นแหละ สิ่งที่คิดดูเหมือนจะกลายเป็นจริงเสียด้วย

“ข้าก็นอนห้องเจ้าไง”

“ตะ.. แต่ เมื่อคืนท่านก็มาห้องข้าแล้ว...”

“ถูก แล้วข้าก็โดนเจ้าถีบออกมา จำได้ไหมยอดรักของข้า คืนนี้ข้าถึงต้องเอาคืนไงจ๊ะ”

เปมพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจภาพตรงหน้าที่ดูน่ารังเกียจจนอยากอาเจียนออกมา แม้จะสงสารวาสินีขนาดไหนแต่เขาก็ไม่ได้มีกำลังมากพอจะทำอะไรได้ จึงทำได้แค่ส่งสายตาบอกผ่านความรู้สึกเห็นใจไปให้เท่านั้น ก่อนที่จะเดินตามทหารออกมาพ้นห้องโถง ขณะที่ภาพของเตชัสที่ยืนกอดจูบลูบไล้วาสินีที่มีน้ำตาปริ่มยังคงติดอยู่ในหัว

“นี่คือห้องของท่านเตชัส เชิญท่านพักผ่อนตามสบาย หากต้องการสิ่งใดโปรดเรียกใช้พวกเราได้ไม่ต้องเกรงใจ”

ทหารทั้งสองพูดจบก็เดินกลับออกไป ทิ้งให้เปมได้แต่ยืนตะลึงกับประตูห้องนอนขนาดใหญ่ เนื้อไม้ชั้นดีที่ตกแต่งด้วยลายเลื่อมทองแท้ดูงดงามและยิ่งใหญ่สมกับเป็นห้องนอนของเจ้าชายโดยแท้ เปมค่อยๆก้าวขาไปใกล้ประตูห้องมากขึ้นแต่ก่อนที่จะได้เปิดออกก็ต้องชะงักเพราะเสียงแปลกๆที่แว่วออกมา เสียงกุกกักบางอย่างดังอยู่ด้านในที่ไม่ควรมีใครอยู่ทำเอาเปมใจเต้นถี่รัวด้วยความกลัวระคนตื่นเต้น

เปมค่อยๆเอื้อมมือทั้งสองข้างไปแตะที่บานประตูสองฝั่ง เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอมเต็มที่ ก็ออกแรงผลักประตูให้เปิดออกพร้อมๆกัน ชั่ววินาทีนั้นเองที่มีวัตถุประหลาดคล้ายกระบอกพุ่งตรงออกมาจากห้องนอน เปมรีบยกแขนสองข้างขึ้นป้องตามสัญชาตญาณ ดวงตาสองข้างหลับสนิทด้วยความกลัว

เสียงหัวใจที่เต้นโครมครามกลบประสาทการรับรู้อื่นหมดจนไม่ทราบแน่ชัดว่าหลังจากที่เปิดประตูออกไปพบสัตว์ประหลาดนั่น มันได้ผ่านมากี่วินาที หรือกี่นาทีกันแล้ว จนเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เปมจึงค่อยๆลดแขนลงและเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ

หนวดปลาหมึกสีทรายขนาดยักษ์พอๆกับแขนของเขามัดรวมกันสักสี่ห้าแขนกำลังค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ พอดีกับตำแหน่งลูกตาของเปมพอดี วินาทีต่อมาไอ้หนวดยักษ์ที่ว่าก็หุบกลับเข้าไปในห้องดังเดิมทำเอาคนตัวเล็กได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เมื่อทำใจได้แล้วก็ค่อยๆจ้องกลับเข้าไปในห้อง แต่แทนที่จะได้พบปลาหมึกยักษ์อย่างที่คาด เขากลับเจอแค่ผู้ชายร่างสูงโปร่ง หุ่นพอๆกับเจ้าชายเตชัสไม่ผิดเพี้ยน โครงหน้าดูงดงามไม่แพ้พวกผู้ดี อีกทั้งการแต่งกายดูเต็มยศคล้ายกับพวกขุนนางก็ไม่ปาน สายตาเย็นเยียบมองลอดผ่านแว่นตาทรงครึ่งวงกลมยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูน่ากลัวยิ่งนัก

“เอ่อ...”

“ต้องขออภัยด้วย ข้าคิดว่าเจ้าเป็นองค์ชาย” เหมือนจะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่กลับเป็นประโยคที่แปลกประหลาดเหลือเกิน ที่โจมตีมานั่นเพราะคิดว่าเป็นองค์ชายอย่างนั้นหรือ?

“ข้าเป็นแขกที่ถูกเจ้าชายพาตัวมา”

“แล้วตอนนี้เตชัสอยู่ที่ไหน เจ้าพอจะทราบไหม”

เสียงเอ่ยถามของร่างสูงดังขึ้นใกล้มากจนเปมตกใจถึงกับผงะถอยหลัง และก็น่าตกใจจริงๆ เมื่อตอนนี้ชายคนนั้นไม่ได้ยืนห่างออกไปเหมือนตอนแรก แต่กลับเข้ามาใกล้เปมมากถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้ ความรวดเร็วที่ดวงตาของครึ่งมนุษย์ยังไม่อาจตามทันยิ่งเร่งให้เปมนึกโกรธโชคชะตาที่พาตัวเองให้ต้องมาเจอคนที่ดูน่ากลัวเช่นนี้

“ขะ.. ข้าคิดว่า คงอยู่ที่ห้องของวาสินี”

“วาสินี... อ้อ นางบำเรอคนล่าสุดนั่นน่ะเหรอ”

“อ.. อืม”

“แล้วเจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน” เอาแล้วไง ทั้งๆที่เปมคิดว่าพอบอกที่อยู่ของเตชัสแล้วชายผู้นี้จะได้ไปให้พ้นๆ แต่กลับถูกชวนคุยต่อซะได้

“เอ่อ... ข้าชื่อเปม เปมทัต มาจากแถบชายฝั่งทะเล เป็นหมอ”

เมื่อเปมแนะนำตัวเสร็จ คนตัวสูงก็ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางพินิจเปมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่เปมจะทันรู้ตัวก็ถูกชายผู้นี้ดึงข้อมือเข้าไปในห้องนอน แถมปิดประตูลงกลอนอย่างหนาแน่นเสียแล้ว

ไม่ทันที่เปมจะได้โวยวาย ร่างของเขาก็ถูกโยนขึ้นไปบนเตียงที่คลุมด้วยผ้าแพรเนื้อดี ตามมาด้วยร่างใหญ่ของอีกคนที่ขึ้นมาคร่อมตัวเขาไว้ แขนข้างหนึ่งช่วยยันตัวเอง ส่วนอีกข้างก็เอื้อมขึ้นถอดแว่นตาออกพลางจ้องเปมเขม็ง เมื่อคนตัวเล็กคิดหาทางรอดไม่เจอก็ได้แต่นอนคดตัวหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ทั้งรังสีของจิตที่น่าเกรงขาม ทั้งกิริยาที่แปลกประหลาด อีกทั้งสายตาที่เย็นชาน่ากลัว ทุกอย่างที่เป็นชายคนนี้ ช่างบีบคั้นจิตใจบอบบางของหอยนางรมตัวน้อยนี้เสียจริงๆ แม้อยากจะหนีแต่กลับขยับตัวไม่ได้ แม้อยากจะร้องหาความช่วยเหลือก็กลับเปล่งเสียงออกไปไม่ได้ราวกับถูกมนตร์สะกด

เวลาล่วงเลยไปหลายนาที จนเหมือนร่างเล็กจะเริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศชวนมาคุรอบบริเวณ จึงค่อยๆทำใจกล้าลืมตาขึ้นประสานกับดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่ยังคงจ้องมองลงมาแทบไม่ได้กระพริบตาด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่สองสายตาได้ประสานกันอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดเปมก็ค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปแตะแก้มของคนตัวใหญ่ที่อยู่ด้านบนก่อนจะไล้นิ้วไปตามสันจมูกจนถึงเปลือกตาด้านซ้าย ใช่แล้ว... นี่คือความต้องการของเขาผู้นี้นี่เอง

“เจ้าอยากให้ข้ารักษาดวงตาข้างนี้ให้ ใช่หรือไม่”

“ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับพ่อพระแห่งชายฝั่งทะเล แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริง”

“...”

“ข้าชื่อรเณศ เป็นองครักษ์ฝั่งขวาของกษัตริย์เตชินท์”

รเณศลุกออกไปจากเตียงและนั่งนิ่งเหมือนรออะไรบางอย่าง หลังจากที่เปมทราบความต้องการของรเณศก็หาได้กลัวเกรงเช่นตอนแรกอีก จึงค่อยๆลุกขึ้นมาหยุดนั่งลงตรงหน้าของคนตัวใหญ่ ก่อนจะขอให้รเณศหลับตาลง

นิ้วเรียวของเปมไล้ไปตามแนวขอบดวงตาด้านซ้าย วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางท่องอะไรบางอย่างขมุบขมิบ เพียงไม่นานเขาก็ถอนนิ้วออก รเณศค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น คราวนี้ดวงตาคู่สวยทอประกายสีน้ำตาลเท่ากันพอดิบพอดี

“ขอบใจเจ้ามาก แขกของเตชัส”

รเณศทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะคว้าแว่นตาขึ้นสวมอย่างเดิมและก้าวขาออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ ไม่มีอะไรมากเกินกว่านั้น ไม่มีการขานชื่อ ไม่มีการยิ้มรับ มีเพียงแค่คำขอบคุณที่ดูจริงใจน้อยเหลือเกิน

อะไรกัน ผู้ชายคนนี้...

ช่างดูโดดเดี่ยวเหลือเกิน...




อีกฝั่งของปราสาท ที่ห้องของนางวาสินี เตชัสกำลังง่วนอยู่กับการโอ้โลมวาสินีให้ยอมหลับนอนด้วยดีๆ จากที่ล้มเหลวไปแล้วเมื่อคืนแถมยังถูกสาวเจ้าถีบตกเตียงเสียนี่ ช่างเสียเกียรติเจ้าชายฉลามขาวจริงๆ ฉะนั้นคืนนี้จึงต้องจัดการเผด็จศึกให้จงได้

ทั้งๆที่ควรเป็นแบบนั้นแต่กลับมีเสียงโหวกเหวกของพวกทหารที่นอกห้อง จนเตชัสทนไม่ได้ต้องออกมาเอ็ดตะโรเป็นการใหญ่

“ขออภัยอย่างสูงพะยะค่ะองค์ชาย แต่เมื่อครู่มีทหารหลายนาย เห็นท่านองครักษ์รเณศเดินออกมาจากห้องบรรทมขององค์ชาย...”

“แล้วไอ้เด็กหอยนางรมนั่นล่ะ?” เตชัสรีบถามถึงเปมทั้งที่ทหารยังรายงานไม่จบด้วยซ้ำ

“ก็อยู่ในห้องบรรทมขององค์ชายเช่นกันพะยะค่ะ”

“เออดี ขัดความสุขข้ากันเข้าไปสิ”

ทหารทั้งหลายรีบถอยกรูดหลีกทางให้เตชัสที่กระแทกเท้าไปตามทางอย่างหงุดหงิดทั้งๆที่ยังเปลือยท่อนบนอยู่แท้ๆ ไม่กี่นาทีก็มาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง เตชัสทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะผลักประตูเปิดออกเสียงดังจนคนข้างในใจหาย แต่เมื่อเปมเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นเพียงฉลามโรคจิตก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“...”

เตชัสไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่กวาดสายตาไปรอบห้องอย่างพิจารณา และเริ่มทำตัวเป็นปลาฉลามด้วยการส่ายหัวไปมาคล้ายคนบ้าเพื่อดมหากลิ่นบางอย่าง เขาค่อยๆตามกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ที่สุดมาแถวๆเตียงนอนที่บัดนี้เละเทะจนน่าสงสัย จนในที่สุดก็มาหยุดปลายจมูกลงแถวตัวของเปมที่ได้แต่นั่งทำหน้าปลาตายอยู่นิ่งๆ

“เอ่อ...”

“กรอด...”

เสียงคำรามต่ำดังลอดไรฟันของเตชัสออกมาจนแม้แต่พวกทหารที่รออยู่ด้านนอกก็ยังผวา แล้วมีหรือที่หอยตัวเล็กๆอย่างเปมจะทนไว้ บัดนี้เตชัสเริ่มมีรังสีน่ากลัวคล้ายกับรเณศและกษัตริย์เตชินท์จนทำเอาเปมถึงกับตัวเกร็งและพูดอะไรไม่ออก

“เจ้าได้พบกับรเณศรึ?” เตชัสถามเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยมาก่อน เปมจึงทำได้เพียงพยักหน้าต่ำและเอาแต่ก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนตัวใหญ่นี้อีก

“แล้วมันทำอะไรเจ้า?”

คราวนี้เปมส่ายหน้าเบาๆ แต่กลับยิ่งเร่งอุณภูมิความเดือดดาลของเตชัสให้เพิ่มขึ้นอีก สุดท้ายคนตัวสูงก็ทนไม่ได้จนต้องคว้าตัวร่างบางที่สั่นหงิงๆอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาประชิดตัว ก่อนจะส่งเสียงคำรามดังลั่น

“เจ้าเป็นแขกของข้า ห้ามใครคนอื่นมายุ่งกับเจ้านอกจากข้า!”

“อึ่ก”

เปมกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่ข้อมือ วินาทีต่อมาร่างบางก็ถูกผลักลงกับเตียงอีกครั้ง พร้อมๆกับเตชัสที่โน้มตัวลงมาโดยใช้แขนข้างหนึ่งยันตัวไว้ มือข้างที่เหลือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าขาวเนียนของเปมเหมือนอย่างเด็กที่หวงของเล่นชิ้นใหม่

“แล้วเจ้าเองก็ห้ามไปยุ่งกับใครที่ไม่ใช่ข้าด้วย!”


---------------------------

ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านมากเลยค่ะ :DD
พระเอกของเราอารมณ์ขึ้นๆลงๆ อย่าเพิ่งรำคาญกันนะคะ 555

ออฟไลน์ Pigstar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เบาๆๆมือกันหน่อยครับ
เด๋วเปมช้ำหมด

ออฟไลน์ august_may

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หอยนางรมน้อยจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย พ่อฉลามขาวดูโมโหร้ายน่าดูเชียว

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โอ้ยค่อยๆหน่อยพ่อคุณ หอยนางรมตัวมันนิ่มนะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
น่าสนุก ๆๆๆ


สงสาร หอยนาางรมน้อย จัง
 :sad4:

ต่อ ด่วนๆๆๆๆ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
สงสารน้องหอยยย :z13:

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
อยากให้รเนศเป็นพระเอกง่ะ ดูเป็นคนดีกว่าเตชัส
หอยนางรมสู้ๆนะ ^^

chae

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้ทำเอาต้องใช้จินตนาการอย่างมากมายมหาศาลลลล
ครึ่งคนครึ่งสัตว์ทะเลแบบกัปตันปลาหมึกใน pirates of the caribbean รึป่าว ถ้าเหมือนนี่รู้สึกปวดร้าวเลยนะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
สนุกดี เตชัสรมแปรปวนแบบนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆๆ
ยังไงเบาๆๆกะหอยหน่อยน่ะเดี่ยวช้ำ อิอิ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ประจำเดือนจะหมดเหรอเตซัส แปรปรานมากไปป่ะ  :laugh: สงสารน้องหอยนางรมหน่อย นิดเดียวก็ช้ำนะเฮ้ย
คุณองครักษ์ท่าทางส่อทำมิดีมิร้ายมาก แค่จะให้รักษาดวงตานี่ต้องเกือบเล่นบทจำเลยรักเลยเรอะ 555
ไปๆมาๆ เปมอาจได้ค้างบ้าน(วัง)เตซํสมากกว่าคืนก็ได้ใครจะรู้ 555 แลดูคุณชายจะติดใจอะไรซักอย่าง
ส่วนน้องวาสินี หวังว่าเธอคงไม่เป็นตัวร้ายทีหลังนะ >"<

รอตอนหน้า คนเขียนสู้ๆ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากเลยค่ะ มีกำลังใจขึ้นเยอะอะ TwT
พระเอกนี่จะขี้หวง และเอาแต่ใจมากค่ะ เพราะว่าอะไรลองอ่านในบทนี้ดู
ส่วนน้องหอยก็น่าสงสาร ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ตลอดเลย :'(
ถือว่าอ่านเรื่องนี้แล้วได้ฝึกสกิลจินตนาการไปด้วยเลย 555 เพราะมันดูแฟนตาซีละเกินนนน xD
แต่ขอบอกว่าพวกครึ่งสัตว์น้ำในเรื่องนี้ รูปลักษณ์หล่อสวยเท่ ไม่น่ากลัวเหมือนในหนังโจรสลัดแน่นอนค่ะ! 55555

------------------------------

บทที่ 3
ต่อสู้แย่งชิง



“เจ้าเป็นบ้าอะไร!” เปมรีบร้อนผลักเตชัสออกไปและเดินไปหยุดอยู่ใกล้ๆประตูห้องเผื่อสถานการณ์ไม่สู้ดีจะได้หนีทัน ทางทหารที่คอยสังเกตการณ์อยู่ก็เริ่มหน้าซีดเป็นแถบๆเหมือนจะรู้อยู่แล้วถึงสิ่งที่ใกล้จะเกิดขึ้น

“รเณศมันเป็นพวกไม่น่าไว้ใจ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าไปเข้าใกล้มัน” เตชัสลดเสียงต่ำลงและก้าวขาเข้ามาใกล้เปมมากขึ้น

“ข้าแค่รักษาดวงตาให้รเณศเท่านั้น”

“...”

สิ้นคำตอบของเปม ราวกับมือมารที่ตรงเข้ามาขย้ำหัวใจของเตชัสก็ไม่ปาน ก็เพราะดวงตาข้างซ้ายที่ใกล้บอดสนิทเต็มทีของไอ้ปลาหมึกน่ารังเกียจนั่น เป็นฝีมือของเขาเองน่ะสิ แถมยังไม่ง่ายเลยกว่าที่จะฝากรอยแผลไว้กับคนฝีมือระดับรเณศได้ แต่เจ้าหนูนี่มันเป็นใคร อยู่ดีๆก็ไปรักษาแผลที่เป็นเหมือนความภาคภูมิใจของเตชัสซะได้

เตชัสที่สั่งสมแรงโกรธไว้เต็มที่ ถึงคราวปลดปล่อยด้วยการตรงเข้าบีบคอร่างเล็กที่ยังคงตีสีหน้าไม่เข้าใจ วินาทีต่อมาร่างของเปมก็ลอยไปติดผนังห้องจนฝุ่นฟุ้งกระจาย ทหารบางนายรี่เข้ามาหวังจะช่วยแต่ก็ถูกเตชัสโยนออกไปนอกห้องเกิดเสียงดังวุ่นวาย ส่วนลำคอของชายหนุ่มผู้เดือดดาลกำลังขยายตัวออกพร้อมๆกับสีผิวที่กลายเป็นสีเทาหม่น ไม่นานศรีษะของเตชัสก็กลายเป็นรูปร่างของหัวฉลามขาว ฟันแหลมๆเป็นประกาย ทำเอาทุกคนในที่นั้นใจหาย

เปมพยายามดันตัวเองลุกขึ้นหวังจะหนีจากเพชฌฆาตตรงหน้า เตชัสที่รู้ทันการเคลื่อนไหวรีบพุ่งตัวเองเข้ามาในจังหวะที่เปมกำลังจะกระโจนขึ้นเตียงพอดี ฟันแหลมๆฝากรอยลึกไว้ที่ต้นขา กางเกงขาดวิ่นจนเห็นเลือดที่ค่อยๆซึมผ่านเนื้อขาวๆออกมาชัดเจน เปมได้แต่ร้องไม่เป็นภาษาเพราะความเจ็บปวดแต่ก็ยังคงตะเกียกตะกายอยู่บนเตียงเพื่อหาทางรอด ทหารหลายนายเริ่มใจไม่ดี อยากจะเข้าช่วยแต่ก็คงถูกเล่นงานด้วยเป็นแน่

ไอ้ฉลามขาวไร้จิตสำนึกที่คงเป็นบ้าไปแล้วจากความเกรี้ยวโกรธ ดูเหมือนจะไม่สามารถคุมความรู้สึกของตัวเองได้เช่นกัน ถึงยังตามขึ้นไปคร่อมตัวเปมไว้บนเตียง เปมผละมือออกจากแผลที่ต้นขาและพยายามรวบรวมกำลังเพื่อจะต้านคนด้านบนไว้ ลมหายใจเย็นๆของฉลามเตชัสรดอยู่บนหน้าและยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

รอยเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้าพร้อมกับดวงตาที่หลับสนิทเหมือนคนที่รอความตาย เสี้ยววินาทีหลังจากที่เตชัสคำรามเสียงต่ำเหมือนเป็นสัญญาณสุดท้ายก่อนจะลงมือขย้ำหัวเล็กๆตรงหน้า เปมก็ได้แต่อ้อนวอนเสียงแผ่ว

“ต..เต ข้า.. ข้า กลัว”

ฉลามขาวชะงักไปทั้งๆที่เงื้อปากกว้างจนฟันซี่แหลมเรียงตัวกันรอบคอของเปมพร้อมจะขย้ำลงไปให้แหลกอยู่แล้ว ผ่านไปสักพักหนึ่งลมหายใจเย็นเยียบรุนแรงถึงได้ค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นลมอุ่นๆที่รดอยู่บริเวณต้นคอขาว

“เต..ชัส...”

เปมได้แต่ขานเรียกคนตรงหน้าที่กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์สมบูรณ์ด้วยน้ำเสียงสั่น เช่นเดียวกันกับทั้งร่างที่บัดนี้เอาแต่สั่นเทิ้มไปหมดอย่างควบคุมไม่ได้ เหงื่อตามใบหน้าจับตัวเย็นจนขนลุก ความรู้สึกเมื่อสักครู่ถูกอัดแน่นรวมเป็นก้อนเดียว ซึ่งหากปะทุออกมา หัวใจดวงน้อยคงแตกละเอียดเพราะทนทานรังสีน่ากลัวของคนตัวใหญ่ไม่ไหวเป็นแน่

“ข้าจะออกไปข้างนอก” เตชัสพ่นลมหายใจอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะผละตัวออกจากร่างบางที่แทบจะกลืนหายไปกับผ้าห่ม

เมื่อองค์ชายพระทัยร้อนพ้นจากสายตา ทหารที่เหลืออออยู่หน้าห้องก็รีบตรงเข้ามาช่วยประคองร่างของเปมให้นอนพัก บางคนก็ลนลานตามเด็กรับใช้ให้รีบมาพยาบาลแผลใหญ่ที่ต้นขา พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆนาๆ ในใจของบริวารแห่งปราสาทฉลามคงคิดตรงกันว่า ชายร่างเล็กผู้นี้ช่างโชคร้ายนัก ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวพันและตกเป็นที่รองรับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเจ้าชายที่เอาแต่พระทัยเยี่ยงนี้



ทางฝั่งเตชัสก็ได้แวะห้องน้ำล้างปากก่อนจะออกไปสงบสติอารมณ์ที่นอกปราสาท กระจกเงาส่องสะท้อนฟันแต่ละซี่ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยิ่งกระตุกอารมณ์สับสนในใจให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้งที่เจ้าหอยนางรมนั่นเป็นแขกของตนแท้ๆ แต่รเณศก็ยังเข้ามายุ่มย่ามด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะชิงของของตนไปอีกแล้ว ใช่แล้ว สิ่งที่ทำให้โกรธมากขนาดนั้นก็เพราะเป็นรเณศ เพราะเกลียดชายผู้นั้นมากจนไม่อยากให้มายุ่งเกี่ยวกับแขกที่ตนพามา และยิ่งคิดว่ารเณศคงล่อลวงให้เด็กใสซื่อนั่นรักษาดวงตาให้ยิ่งทนไม่ได้

เจ้าชายฉลามรีบเช็ดเอาคราบเลือดของเจ้าตัวเล็กออกไป ก่อนจะจรไปไกลจากตัวปราสาทจนถึงชายฝั่งทะเล ทั้งที่ต้องการมาเพื่อสงบสติอารมณ์และคลายความเดือดดาลแท้ๆ กลับต้องมาเจอบุคคลที่ไม่พึงประสงค์อันดับหนึ่งซะได้

“มาหาของกินหรือไง” เสียงเย้ยหยันดังออกมาจากปากของปลาหมึกยักษ์ที่มาในคราบองครักษ์เต็มยศ

“ใช่ ก็ว่าจะกินปลาหมึกแถวนี้แหละ”

“งั้นเหรอ ข้าก็นึกไปว่าเด็กหอยนางรมนั่นคือของว่างสำหรับคืนนี้เสียอีก ไม่เช่นนั้นข้าก็จะขอร่วมวงด้วยสักหน่อย”

“กรอด...” เตชัสคำรามต่ำอย่างไม่พอใจในขณะที่รเณศเอาแต่ยิ้มเยาะอย่างอารมณ์ดี “แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็ชอบแย่งของของข้าอยู่เสมอ ทั้งพ่อ แม่ ผู้หญิง สหาย ข้ารับใช้ เหยื่อ หรือแม้แต่ของเล่น”

“ใช่ ข้าจะแย่งมาให้หมด ทุกอย่างที่เป็นของเจ้า ทุกคนที่เข้าใกล้ตัวเจ้า ข้าจะแย่งมาให้หมดนั่นแหละ!”

สิ้นเสียงรเณศก็พุ่งตัวเข้ามาและฟาดหนวดที่แปลงตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบเข้าที่แก้มขวาของเตชัสเต็มแรงจนคนหนุ่มถึงกับเซไปหลายก้าว เตชัสรีบประคองร่างตัวเองไว้และเข้าประชิดตัวรเณศพร้อมปล่อยหมัดหนักหน่วงออกไป แต่ไม่ทันที่จะโดนเนื้อของไอ้ปลาหมึกปากดี รเณศก็เคลื่อนที่หลบไปโผล่อยู่ด้านหลังของเตชัสพร้อมสวนหนวดใหญ่เข้าที่กลางหลังอีกครั้งจนเตชัสหน้าคว่ำ แต่ก่อนที่หัวจะแตะพื้นหินฉลามขาวก็ดีดตัวเองขึ้นยืนประจันหน้ากับองครักษ์ของพ่ออีกครั้ง

เตชัสพยายามเร่งความเร็วสูงสุดเพื่อเข้าประชิดตัวรเณศให้ทัน และในที่สุดเขาก็สามารถฝากรอยเลือดไว้ที่มือขวาของรเณศได้ก่อนที่ปลาหมึกยักษ์จะรีบสะบัดมือให้หลุดจากฟันแหลมๆและรีบกระแทกหนวดเข้าซ้ำที่แก้มขวาของเตชัสจนเซด้วยความปวด ไม่รอให้ตั้งหลักได้รเณศก็พุ่งหนวดหนาเข้าที่กลางอกจนร่างเตชัสกระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ริมฝั่งเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมไปทั่วบริเวณ

รเณศแปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์ก่อนจะหยิบเอากริชที่เหน็บไว้ตรงเข็มขัดออกมาและค่อยๆเดินตรงเข้าไปยังร่างของเตชัสที่บัดนี้นิ่งสนิท ความโกรธเกรี้ยวฉายออกมาจากดวงตาสีซีดของคนหนุ่มที่ได้แต่นอนกุมหน้าอกตัวเองไว้ ไม่สามารถขยับร่างกายได้เพราะความเจ็บปวด

กริชเงินส่องประกายรับกับแสงจันทร์ดูงดงาม รเณศจับกริชในมือมั่นและค่อยๆลากคมผ่านขมับขวาและออกแรงกรีดลึกลากไล้ลงมาเกือบถึงต้นคอ คนถูกกรีดก็ทำได้แต่ร้องโอดครวญอย่างทรมานพลางดิ้นพล่านเมื่อยามที่รเณศถอนกริชออกจากใบหน้าและจ้วงเข้าที่ท้องของตนเต็มแรง

กริชในมือรเณศถูกถอนออกมาอีกครั้ง และหวังจะแทงเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม แต่วินาทีที่เงื้อกริชขึ้น มือเล็กที่สั่นเทาของชายแปลกหน้าก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน ดวงตาของรเณศและเตชัสเบิกกว้างด้วยความฉงนตกใจ

“เจ้า... แขกของเตชัส”

“เปม เจ้ามาได้อย่างไร!”

เตชัสตวาดเสียงแข็งอย่างไม่เจียมสังขารตัวเองจนต้องสำลักเลือดข้นออกมา พร้อมๆกับแผลบริเวณหน้าท้องที่เปิดกว้างกว่าเดิม เรียกเสียงคราญครางได้มากยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก รเณศเมื่อเห็นท่าทางทรมานกายของไอ้เจ้าชายเอาแต่ใจตรงหน้าก็กระตุกยิ้มอย่างพอใจ ผิดกับหอยทะเลตัวน้อยที่รีบผละออกจากกริชและเข้ามาประคองร่างเตชัสไว้อย่างเป็นห่วงเป็นใย

“เจ็บ เจ็บมากไหม..” คนตัวเล็กถามเสียงสั่น ด้วยทั้งยังกลัวเตชัสเมื่อครู่และก็สับสนตกใจกับภาพการต่อสู้ที่เห็น

“ยังจะถาม..”

เตชัสตอบเสียงแผ่วพลางก้มลงปิดแผลที่ท้อง เปมพยายามพยุงร่างเตชัสให้พิงแนบไปกับอกตัวเองก่อนจะส่งสายตาคำถามระคนตำหนิไปที่รเณศที่ได้เก็บกริชในมือไปแล้ว

“เรื่องในวัง คนนอกอย่างเจ้าอย่าเข้ามาแส่จะดีกว่า” รเณศพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนที่จะใช้การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วพาตัวเองหายลับไปแทบจะทันที

เปมหรี่ตามองตามการเคลื่อนไหวสุดท้ายของรเณศแล้วก็ทันเห็นรอยแผลที่มีเลือดหยดออกมาจากมือขวา แต่คงไม่อาจเห็นใจได้เมื่อเทียบกับบาดแผลเต็มตัวที่จะตายแหล่มิตายแหล่ของชายในอ้อมแขนตอนนี้

“ทำไมทุกครั้งที่เจอกัน เจ้าจะต้องเต็มไปด้วยบาดแผลทุกทีเลย”

ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆอาจเป็นเพราะเหนื่อยมากหรือตายไปแล้วก็ไม่ทราบ แต่เปมก็ยังคงประคองร่างหนักๆของเตชัสไว้และเริ่มลงมือรักษาบาดแผลไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงไปถึงกลางดึก เตชัสถึงได้ยอมตื่นขึ้นมาคุยกันอย่างปกติได้พร้อมกับรอยแผลที่จางหายไปเยอะพอตัว แต่คิดว่าความเจ็บปวดคงยังต้องใช้เวลากว่าที่จะรักษาได้หมด

ที่เปมตามมาถึงชายฝั่งทะเลนี้ได้ก็เป็นเพราะปักษายักษ์นั่นเอง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้แต่ขึ้นนั่งเจ้านกนี่กลับปราสาทโดยไม่มีใครกล่าวพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ทั้งที่ในใจของทั้งคู่กลับเต็มไปด้วยคำพูดมากมายเป็นล้านๆคำแท้ๆ



“เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร” เปมที่บัดนี้กำลังนอนคดตัวอยู่ใต้ผ้าแพรเนื้องามภายในห้องนอนของเตชัสเอ่ยปากถามหลังจากที่เตชัสรวบตัวเขาเข้าไปใกล้และใช้ขาหนักๆหนีบไว้อย่างไม่สนใจอะไร

“หมอนข้างไง ข้าบอกแล้วว่าคืนนี้เจ้าต้องมาเป็นหมอนข้างให้ข้า”

ให้ตายเถอะ ไอ้ฉลามนี่มันอารมณ์ขึ้นลงจนน่าเวียนหัว ต่อให้มีคนใจเย็นอย่างเปมสักสิบคนก็ยังทนไม่ไหวหรอก และเรื่องทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่กลับถึงปราสาทในช่วงดึก เตชัสอ้างว่าไม่มีอารมณ์จะทำอะไรวาสินีแล้วจึงกลับมานอนที่ห้องตัวเอง แต่เพราะตอนที่ตัวเองอาละวาดไว้ก่อนไปนั่นแหละถึงทำให้หมอนข้างตัวโปรดขาดลุ่ยไม่มีชิ้นดี แต่กลับโยนความผิดมาที่คนตัวเล็กซะได้ สุดท้ายเปมเลยต้องรับเคราะห์มานอนเป็นหมอนข้างให้ไอ้เจ้าชายโรคจิตนี่แทน

“เฮ้ย!!”

ไม่รู้ว่าไอ้ฉลามมันเกิดจิตวิปริตอะไรขึ้นมา หรือเพราะสายตาพร่าเลือนจนมองเห็นแผ่นหลังบางของเปมคล้ายกับแม่หญิงไปแล้ว ถึงเกิดจิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เผลอกดเน้นริมฝีปากลงไปที่หลังคอขาวๆตรงหน้าซะได้
ฝ่ายเปมเองเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของคนตัวใหญ่ก็เริ่มดิ้นขลุกขลักแต่กลับถูกขาหนักทับแน่นขึ้นกว่าเดิมจนสะเทือนไปถึงรอยแผลที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ต้นขา แม้ว่าจะทำการรักษาตัวเองไปแล้วก็ตาม

“ข้าหิวอะ”

“อ๊ะ!”

สิ้นเสียงเอาแต่ใจของเจ้าชายฉลามขาว มือใหญ่ก็เอื้อมมาตรึงข้อมือเล็กไว้จากทางด้านหลัง ฟันแหลมๆขบลงบนเสื้อตัวบางบริเวณไหล่ ยิ่งเน้นให้เปมรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาเสียตรงนี้ด้วยขยาดสัมผัสจากชาย ผิดกับเตชัสที่บัดนี้คงมัวเมาด้วยรูปโฉมที่คล้ายหญิงสาวของคนในอ้อมแขนถึงได้ยิ่งรุกไล่เข้าประชิดแนบกับแผ่นหลังบาง พร้อมขยับขาที่หนีบร่างเล็กไว้ไปมาหวังให้เนื้อสีเนื้อ แต่นั่นกลับสร้างความเจ็บแสบที่บริเวณรอยกัดให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

“โอ้ยย!”

เปมร้องเสียงหลงเมื่อเตชัสกดทับขาหนักๆลงที่บริเวณแผล ทำให้คนตัวใหญ่ได้สติกลับคืนมาและรีบผลักเจ้าตัวเล็กออกไปหนึ่งช่วงแขน ก่อนจะลุกขึ้นดึงผ้าแพรออกไปและจ้องเขม็งไปที่รอยกัดจางๆที่ต้นขาเนียน

“นี่เจ้าไม่ได้รักษาแผลให้ตัวเองรึ”

“ทำแล้ว แต่ข้าไม่ใช่เทวดานะ ถ้าแผลมันหนักมากข้าก็ทำได้แค่ให้ทุเลาเท่านั้น”

“จะกล่าวโทษข้าหรือไง”

“เปล่าสักหน่อย”

เปมลุกขึ้นตามพลางเอื้อมมือไปลูบไหล่ตัวเองอย่างขยะแขยง ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่สัมผัสน่ารังเกียจ แต่ไอ้ฉลามยังฝากรอยเปียกไว้ให้ด้วยสิเนี่ย ถ้าเกิดเตชัสไม่ใช่เจ้าชายล่ะก็ เปมคงได้ฆ่าหมกโถหมากไปแล้วเป็นแน่

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียวนี้ ทำให้เปมยิ่งนึกห่วงวาสินี เพราะเตชัสน่ะเป็นเจ้าชายอารมณ์แปรปรวน เอาแต่ใจเหนือใคร ส่อเค้ากะล่อนเป็นที่สุด แถมยังทำอุบาทว์ได้ไม่เว้นหญิงชายอีก นี่มันแย่เกินบรรยายเลยไม่ใช่หรือไง

“เตชัส ข้าขอร้องอะไรเจ้าสักอย่างได้หรือไม่” เปมกล้าๆกลัวๆถามออกไปในที่สุด คนตัวใหญ่เลิกคิ้วและส่งสัญญาณให้เปมพูดต่อไป “ข้าขอให้เจ้าเว้นวาสินีไว้สักคน อย่าล่วงเกินนางเลย”

“จะบ้ารึ ข้ารับวาสินีมาเป็นนางบำเรอ ไม่ใช่ของตกแต่งบ้านถึงจะได้ให้อาศัยไปวันๆ”

“แต่วาสินีมีชายที่นางรักอยู่แล้ว!”

“ใคร เจ้าหรือไง”

“จะบ้ารึ!” เปมเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเตชัสเริ่มคุยไม่รู้เรื่องและดูเหมือนจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้นด้วย สมกับเป็นเจ้าชายวิตถาร ในหัวคงมีแต่เรื่องน่ารังเกียจเป็นแน่

“ก็ว่า... ชายร่างเท่าขี้มดอย่างเจ้า หญิงใดเล่าจะมารัก”

“หน็อย ไอ้เจ้าชาย!!”

เปมคว้าหมอนขึ้นปาใส่คนตรงหน้า แต่เตชัสก็รับไว้ได้อย่างสวยงามก่อนจะปากลับเข้าใส่หน้าคนตัวเล็กอย่างจัง หมอนสีขาวตกลงบนตักในขณะที่เปมได้แต่ลูบจมูกตัวเองป้อยๆอย่างหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“เอาเช่นนี้ไหม..”

“อะไร?”

“ข้าจะเลิกยุ่มย่ามกับวาสินี ก็ต่อเมื่อเจ้ายอมมาเป็นองครักษ์ให้กับข้า”


ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
มาต่อไวๆนะ สนุกดีครับ
:D Thank You.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
ติดตามชมตอนต่อไป... :man1:

ออฟไลน์ วชิรา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ชอบเเนวนี้มาก
 :z2:รับมาต่อนะ :z2: :z2:

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
น่ารักมากอ่ะค่ะ
แต่ตอนนี้เราอยากรู้มากว่า รเณศมีปมอะไรกับพระเอกกันน้า ถึงได้จงเกลียดจงชังกันขนาดนี้ - _ -

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
“ข้าจะเลิกยุ่มย่ามกับวาสินี ก็ต่อเมื่อเจ้ายอมมาเป็นองครักษ์ให้กับข้า”


แน่ใจหรอ ว่าเป็นแค่ องครักษ์

หุหุหุ

ต่อๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ thearboo

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่มSkip...!
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
    • thearbooเพจจ๊า
ติดตามค๊า
เปมน่ารักอ่ะ
เจ้าเตชัสนี่ก็รุนแรงเหลือเกิน
พี่รเณศดูลึกลับซับซ้อนดีจัง
ชอบค๊า

ออฟไลน์ KhunToOk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-4
สนุกดีค่ะ น่าติดตามมากเลย  รอตอนต่อไปน๊าาา   :bye2:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ แต่เล่นเป็นมนุษย์ครึ่งหอยนี่ ไม่รู้จะจิ้นยังไง

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เปมจะรอดมั้ยเนี่ยมาอยู่กับเจ้าชาย  :z3: :z3:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นมากนะคะ ช่วงแรกๆเห็นเราอัพบ่อย อย่าเพิ่งได้ใจค่ะ 555
เพราะเดี๋ยวจะสอบไฟนอลแล้ว คงหายไปสัก 2-3 อาทิตย์เลย ว้า :(
แต่จะพยายามหาเวลามาแต่งต่อนะคะ ฝากติดตามกันต่อไปด้วย อย่าเพิ่งหายไปไหนน้า 55

ก่อนเริ่มบทที่ 4 จะขอพูดถึงชื่อตัวละครนิดนึง ชื่อทุกตัวเป็นชื่อไทย ที่เป็นคำยืมจากบาลี-สันสกฤตค่ะ
แล้วก็ ชื่อของทุกตัวมีความหมายหมดเลย ไปดูกันค่ะว่าแต่ละชื่อหมายถึงอะไรบ้าง

เตชัส = อำนาจ
รเณศ = จอมทัพ
เปมทัต = ผู้ให้ความรัก
จารวี = ผู้งดงาม
ณิชา = สะอาด บริสุทธิ์
เตชินท์ = เป็นใหญ่ด้วยเดช



---------------------------------------------------------


บทที่ 4
ละเลย



“ส่งข้าตรงนี้แหละ” เปมรีบรั้งก่อนที่ปักษายักษ์จะบินเข้าเขตหมู่บ้านชายฝั่ง เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าหายไปอยู่กับเจ้าชาย แถมยังก่อเรื่องไว้เยอะแยะอีกด้วย

“ข้าอยากแวะบ้านเจ้า”

“จะไปทำไม”

“ได้ข่าวว่าเจ้ามีพี่สาวสะสวยอยู่ด้วย”

“อย่าคิดมายุ่งกับพี่ข้า”

คราวนี้คนตัวเล็กเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียงเย็น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้เตชัสรู้สึกเกรงเลยแม้แต่น้อย กลับเรียกเสียงหัวเราะจากท่าทีหวงพี่ที่ดูน่ารักน่าชังนี้เสียมากกว่า เตชัสขยับเข้ามายีหัวเปมจนผมเผ้าไม่เป็นทรง ทำเอาหอยนางรมตัวน้อยต้องร้องออกมาอย่างไม่พอใจ

“โอ้ย อย่ามายุ่งกับข้า” เปมรีบสะบัดตัวออกห่างจากเตชัสก่อนจะใช้นิ้วสางผมยุ่งๆของตัวเองและติดที่หนีบผมของณิชาใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง

“นี่อะไร ข้าเพิ่งสังเกต”

“ที่หนีบผมไง”

“ก็แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องติดที่หนีบผมเหมือนเด็กสาวอย่างนี้ด้วยเล่า”

“พะ.. เพราะ คนรักของข้าให้มาต่างหาก ข้าไม่ใช่เด็กสาวนะ!”

“คนรักของเจ้า?” เตชัสเลิกคิ้วสูงพลางโอบตัวเปมไว้จากทางด้านหลังและรั้งให้แผ่นหลังบางแนบกับอกตัวเอง

“ก็ใช่น่ะสิ”

“เจ้าอย่าโง่นักเลย แม่นั่นคงโอ้โลมเจ้าเพียงเพราะตัวเจ้าหวานอร่อยน่ะสิ สักวันเจ้าก็จะต้องถูกจับกินเป็นแน่”

“อึ๊ย!” ไม่พูดเปล่าแต่เตชัสกลับรั้งแขนที่โอบเอวบางให้กระชับขึ้นก่อนจะโน้มหน้าลงไปเลียไล้ความหอมหวานที่ว่าจากแก้มเนียนของคนตัวเล็ก เล่นเอาเปมถึงกับผวาจนหน้าถอดสี

“คนรักของข้าไม่ใช่พวกสัตว์กินเนื้อจอมกะล่อนอย่างเจ้าสักหน่อย!” เปมรีบชิงจังหวะหนึ่งผละตัวออกมาจากเพชฌฆาตจอมเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่แสดงความหิวต่อหน้าตนเองอยู่เรื่อย

“อ้อเหรอ”

“ใช่ คนรักของข้าชื่อณิชา เป็นลูกครึ่งสาหร่ายทะเล”

“สรุปว่าชุมชนชายฝั่งมีแต่พวกอ่อนแออย่างนั้นสิ”

“ใช่สิ พวกข้าใช้สมองดำเนินชีวิต ไม่ใช่พวกตัวโตแข็งแรงอย่างฉลาม...หรือปลาหมึกยักษ์”

“เจ้าลงไปเลยไป”

เตชัสส่งเสียงไม่พอใจในลำคอก่อนจะส่งสัญญาณให้นกยักษ์ร่อนลงเทียบพื้นหินและรีบออกปากไปเปมทันทีที่พูดถึงปลาหมึกยักษ์ขึ้นมา ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะมีความสุขกับการกระตุ้นอารมณ์ร้ายของเขาเสียจริง

“เจ้ากลับบ้านถูกแน่นะ”

“เออ”

เปมเริ่มส่งเสียงรำคาญระหว่างที่กำลังพยายามพาตัวเองลงจากนกยักษ์ และเตชัสเองก็ไม่ได้นึกคิดจะช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย กลับพาตัวเองลงไปยืนผิวปากรออย่างสบายอารมณ์ที่พื้นแล้ว จนเมื่อเปมกระโดดลงมาได้ก็คิดที่จะรีบลาไปให้ไกลจากเจ้าชายบ้าๆนี่สักที แต่ไม่วายมือใหญ่ยังตามมารั้งข้อมือเข้าไว้อีกจนได้

“เปม..”

“อะไรอีก?”

“มาเป็นองครักษ์ให้ข้าเถอะ”

ไม่เลิก... ตั้งแต่เมื่อคืน เตชัสก็เอาแต่พูดเรื่องที่จะขอให้เปมไปเป็นองครักษ์ของตัวเองมาตลอด โดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะปฏิเสธหัวชนฝาขนาดไหน ที่สำคัญก็คือเปมไม่ได้มีฝีมือการต่อสู้ และไม่รู้วิธีใช้พาหนะจำเป็นอย่างเช่นม้าหรือนกด้วยซ้ำ แล้วจะเอาอะไรไปปกป้องเจ้าชายที่คงจะก่อเรื่องได้ทุกวันเช่นนี้

“ขอปฏิเสธ”

เปมไม่ใส่ใจคนตัวใหญ่ที่พยายามรั้งเขาไว้ กลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมและวิ่งเข้าไปตามทางเดินที่ทอดทะลุป่าขนาดย่อมเพื่อออกไปสู่หมู่บ้านแถบชายฝั่ง โดยไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมามองหน้าเตชัสด้วยซ้ำ จึงไม่ทันได้เห็นว่าคนตัวสูงกำลังมีสีหน้าเจ็บปวดขนาดไหน และก็ไม่ทันได้ยินน้ำเสียงที่ดูแหบพร่าผิดกับความเป็นเจ้าฉลามเพียงใด

“เปม... ข้าไม่ชอบเลย... ภาพของแผ่นหลังที่ค่อยๆหายไปเช่นนี้”

แกร็บ...

เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นใกล้ๆทำให้เตชัสรีบกวาดสายตาไปรอบๆอย่างระแวง ในใจก็กลัวว่าจะเป็นรเณศ เพราะแม้เปมจะรักษาแผลให้แล้วแต่มันก็หนักหนาเกินไป จนยังไม่หายดี ถ้าต้องสู้กับไอ้หมึกนั่นอีก ครั้งนี้คงได้ตายสมใจมันจริงๆแน่

“เปม นั่นเจ้าหรือเปล่า?”

“...”

“เป..”

“เจ้าเป็นใคร แล้วทำอะไรน้องชายข้า?”

เสียงแหลมอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของป่า ก่อนที่ร่างเพรียวของสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนแซมเขียวจะโผล่พ้นลำต้นของไม้ขนาดใหญ่ออกมา เธอยกมีดเล่มเล็กขึ้นชี้ไปที่เตชัสหวังจะเค้นคำตอบก่อนจะค่อยๆขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่บัดนี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าด้วยว่าเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว

“ข้าคือเจ้าชายฉลามขาว นามว่าเตชัส ยินดีที่ได้รู้จักพี่สาวของเปม”

“ห๊ะ! เจ้าชาย!?”

“อื้อ” เตชัสยิ้มร่าในขณะที่วีกลับลนลานเสียจนทำมีดในมือตกแถมยังเริ่มพูดจาตะกุกตะกักอย่างควบคุมไม่ได้

“อะ อะ อะไร ท.. ทำไม โอ้ย!”

“ฮ่าๆ เจ้านี่น่ารักนะ”

เป็นเหมือนทุกครั้งที่พบหญิงงาม เจ้าชายจอมกะล่อนรีบเข้าไปรวบตัววีไว้แนบอกก่อนจะรั้งข้อมือบางไว้แน่นและก้มลงมอบจุมพิตทักทายให้แม่หอยแมลงภู่คนสวย วินาทีต่อมาวีก็รีบผลักตัวเตชัสที่เอาแต่ยิ้มอย่างพอใจออกพร้อมกับรีบหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นทันที เพราะไม่ต้องการให้เห็นว่าตอนนี้นางเองก็หน้าขึ้นสีชัดเจนจนหน้าอับอาย ก่อนที่วีจะได้วิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เสียงกวนๆก็ดังไล่หลังมาอีกครั้ง

“ข้าชักสนใจเจ้ามากกว่าน้องชายเจ้าแล้วสิ”



“เปม! เจ้าหายไปไหนมา” เสียงแรกที่ดังขึ้นหลังจากที่เปมโผล่หน้าออกมาจากแนวป่าก็คือเสียงใสที่เต็มไปด้วยความกังวลใจของณิชา

“เอ่อ.. ข้าออกไปเดินเล่น แล้วบังเอิญหลงป่า”

นั่นคงเป็นคำโป้ปดที่แย่นัก ถึงอย่างนั้น แม่สาวก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแต่รี่เข้ามาปัดเนื้อปัดตัวให้ชายที่รักอย่างเป็นห่วง ทำเอาเปมใจชื้นขึ้นมาก ทั้งคู่รีบกลับไปที่บ้านเพื่อพบพ่อของเปมที่กำลังร้อนใจและอธิบายเรื่องราว (หลอกๆ) ให้ฟัง

ทุกอย่างควรจะคลี่คลายด้วยดี ยกเว้นเพียงแต่พี่สาวคนสวยที่ยามเมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบรุดเข้ามาฉุดตัวเปมเข้าไปในห้องและไต่ถามถึงเรื่องเจ้าชายเตชัสอย่างโจ่งแจ้ง คนเป็นน้องก็ถึงกับใบ้กินด้วยสงสัยว่าวีไปรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร

“นี่เจ้ารู้ได้อย่างไร”

“ก็ข้าไปตามหาเจ้าในป่า แล้วก็พบกับเจ้าชายเข้าน่ะสิ”

“ห๊ะ แล้วเตชัสได้ทำอะไรเจ้าหรือเปล่า”

แค่รู้ว่าพี่สาวรูปงามของตนได้พบกับเจ้าชายวิตถารนั่นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงออกหน้าออกตา เพราะรู้ดีว่าอย่างเตชัสคงไม่ปล่อยให้สาวสวยระดับนี้หลุดมือไปได้ด้วยเพียงแค่การพูดคุยตอบโต้เป็นแน่

“ทะ.. ทำอะไร ป..เปล่าสักหน่อย!”

เปมเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยในท่าทีลนลานระคนเขินอายของพี่สาวคนนี้ ทั้งที่ปกติก็ออกจะเย่อหยิ่ง ทำไมวันนี้ดูราวกับนกน้อยเช่นนี้ ไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ ขอตัดสินเลยแล้วกันว่าต้องโดนเตชัสทำอะไรเสื่อมๆเข้าให้อีกแล้วแน่ๆ

“ไอ้เจ้าชายนั่นทำอะไรพี่รึ?” เปมขยับเข้าใกล้วีและรั้งข้อมือเธอไว้พลางถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนแม้แต่วีเองก็ยังตกใจ สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้างุดและตอบเสียงแผ่ว

“จ..จู บ.. ”

“ฮึ่มม...”

เปมสะบัดมือพี่สาวออกด้วยแรงโกรธในตัวเตชัส แต่เหมือนดั่งฟ้าจงใจขีดชะตาแสนตลก เมื่อพ่อเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแขกผู้มาเยือน แขกที่สามารถปะทุความรู้สึกในอกของทั้งสองพี่น้องให้แตกออกได้ในคราเดียว ทั้งความเคืองโกรธของเปม และความเขินอายของวี

“วี มีคนมาหาเจ้าน่ะ”

“นี่เจ้าจะมาทำไมไม่ทราบ!” เปมรีบออกหน้ารับก่อนทันที แต่ดูเหมือนเตชัสจะไม่ได้สนใจชายตัวเล็กคนนี้สักเท่าไรแล้ว เพราะตอนนี้สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่วีซึ่งเอาแต่หลบสายตาไปมาอยู่ทางด้านหลัง

“ข้ามาหาพี่สาวเจ้าต่างหาก”

“อะไรนะ?”

เตชัสไม่ตอบแต่กลับเดินผ่านตัวเปมไปที่วีซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนไม่ทันเห็นว่าเจ้าชายบ้าอำนาจได้เข้าไปประชิดตัวถึงขนาดนั้นแล้ว กว่าที่จะรู้ตัวเตชัสก็ลากข้อมือของวีออกไปจากห้องโดยที่ไม่แม้แต่จะขออนุญาติจากพ่อสักคำ ท่ามกลางความงุนงงของทุกฝ่าย เปมดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่สงสัยกับการกระทำเอาแต่ใจตัวแบบนี้ แต่อารมณ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจเด็กหนุ่มกลับเป็นความโกรธเคืองเสียมากกว่า ไม่รู้ว่าจะโกรธเพราะมายุ่มย่ามกับพี่สาวตน หรือเคืองที่ถูกลดความสำคัญลงกันแน่

ฝ่ายวีที่ถูกถูลู่ถูกังให้ขึ้นนกยักษ์ตรงไปที่ปราสาทก็ได้แต่ใบ้กินไม่สมกับนิสัยดั้งเดิมสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะเกิดอาเพสจากรอยจูบเมื่อแรกพบหรือเกิดถูกใจเจ้าชายองค์นี้เข้าแล้วจริงๆ แต่ที่แน่ๆก็คือตอนนี้เธอได้มาเหยียบปราสาทใหญ่ของพวกฉลามเสียแล้ว

“อยู่ทานอาหารเที่ยงเป็นเพื่อนข้านะ” เตชัสเลื่อนเก้าอี้ทรงสูงที่มุมหนึ่งของโต๊ะขนาดยาวในห้องอาหารและกดไหล่วีให้นั่งรอ ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปสั่งรายการกับเด็กรับใช้

“เจ้าเห็นปราสาทข้าเป็นอะไร ถึงได้พาใครต่อใครเข้าออกไม่เว้นวันแบบนี้” เสียงใหญ่ๆดูองอาจของกษัตริย์เตชินท์ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เตชัสต้องรีบหันกลับไปก้มหัวน้อยๆเป็นการทักทายผู้เป็นพ่อ

“ข้าก็ได้นิสัยท่านมานั่นแหละ”

“ไอ้ลูกเวร! แค่ผู้หญิงที่มาเป็นเครื่องบรรณาการยังไม่พออีกหรือไง”

“ไม่ใช่ไม่พอ แต่ไม่ถูกใจ แล้วถึงได้มาสุดท้ายไอ้รเณศคนโปรดของพ่อก็คาบไปกินทุกที”

“ก็เพราะแกไม่ดูแลของของตัวเองให้ดีนั่นแหละ ถึงได้ถูกแย่งไปหมดเช่นนี้” กษัตริย์เตชินท์เริ่มลดระดับเสียงลงด้วยว่าเบื่อหน่ายที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ลูกชายคนนี้เต็มที

“ใช่ ถูกแย่งไปหมด รวมทั้งเวลาของพ่อด้วย”

“...”

“...”

“แล้วไอ้เด็กผู้ชายเมื่อวานไปไหนซะแล้วล่ะ?” เมื่อผู้เป็นพ่อพยายามเปลี่ยนเรื่องอย่างเห็นได้ชัด เตชัสก็ได้แต่ถอนใจบางเบาและพยายามไม่สนใจบทสนทนาไร้สาระเมื่อครู่อีก

“เปมน่ะเหรอ กลับบ้านไปแล้ว”

“เจ้าคิดจะปล่อยไอ้เด็กนั่นไปงั้นสิ”

“ใครบอก”

“เฮอะ แล้วคิดจะเก็บไว้ในฐานะอะไรล่ะ ของเล่นหรือของกิน?”

“ก็กำลังคิดๆอยู่เหมือนกัน ว่าจะให้เป็นของกิน.. หรือของเล่นดี”



พึ่บ พึ่บ

เปมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดที่เตชัสอาจจะทำอะไรแผลงๆกับพี่สาวตัวเองถึงได้ไม่ยอมมาส่งจนดึกดื่นขนาดนี้ ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าตามเสียงลมที่แรงผิดปกติ แล้วก็ต้องตกใจจนลูกตาแทบกระดอนออกมากลิ้งเล่น เมื่อสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้คือปักษายักษ์ที่มีขนสีขาวนวลดูองอาจยิ่งนัก แถมยังค่อยๆร่อนลงตรงหน้าของเปมด้วยเสียนี่ แม้อยากจะรีบหนีเข้าบ้านตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อเจ้านกขนสวยกำลังย่างเข้ามาใกล้และจิกเอาชายเสื้อของเปมไว้เหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง

“อะ อะไร”

เจ้านกยักษ์ค่อยๆดึงชายเสื้อเปมแรงขึ้นจนคนตัวเล็กไม่เป็นอันยืน ในที่สุดมันคงทนไม่ไหวกับความซื่อบื้อของเปมถึงได้ใช้จะงอยปากแข็งแรงขนาดใหญ่จิกเอาเสื้อยืดที่เปมใส่อยู่และออกแรงเหวี่ยงเจ้าหอยนางรมตัวน้อยให้ขึ้นไปอยู่บนหลังของมันและเริ่มกระพือปีกทะยานขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง

ไม่นานนักเจ้านกยักษ์ขนขาวก็ค่อยๆร่อนลงที่หน้าบ้านหินหลังเล็กๆแต่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่าใกล้เขตปราสาท เจ้านกไม่รอให้เปมลงจากหลังดีๆแต่กลับเอียงตัวอย่างจงใจให้ชายหนุ่มไหลลงมากองอยู่กับพื้นจนต้องลูบก้นป้อยๆด้วยความปวด

เปมหันมาส่งเสียงดุเจ้านกอย่างว่างมาดผู้เหนือกว่า แต่ก็ถูกนกยักษ์ส่งเสียงขู่ต่ำทำเอาใจหายแล้วยังใช้จะงอยปากดันหลังให้เปมเข้าไปในบ้านหลังนี้เสียอีก

เมื่อเปมเปิดประตูบ้านออกช้าๆด้วยใจกล้าๆกลัวๆก็ค่อยๆปรากกภาพของชายหนุ่มร่างงามที่ไม่ได้อยู่ในชุดเต็มยศเหมือนเคย กำลังนอนพิงผนังด้านหนึ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง เหงื่อผุดตามร่างกายเต็มไปหมด อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เปมรีบใช้สองมือขึ้นปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องของตัวเองเมื่อเห็นรเณศกำลังนอนจมกองเลือดโดยที่ทั่วใบหน้าและตัวยังเต็มไปด้วยรอยโคลน แต่ที่แย่ก็คือเนื้อหนังบวกกับเครื่องในตรงส่วนท้องของรเณศน่ะ หายไปหมด!! เหมือนกับว่าถูกสัตว์ร้ายควักเอาไปทั้งสดๆอย่างนั้นแหละ!

“รเณศ!!”

ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่ถูกเรียก แต่เปมก็ไม่ได้สนใจรีบเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลอย่างเต็มที่ แต่ไม่ไหวหรอก เพราะแผลนี้มันหนักหนาเกินไป จะอาศัยแค่ลมอุ่นๆคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้คงต้องจำใจยอมใช้ไอ้นั่น...

“รอก่อนนะ จริงๆแล้วยารักษาที่ดีที่สุดเกิดจากน้ำลายของข้าน่ะ ข้าต้องใช้เวลาสักครู่ผลิตไข่มุก เพื่อเอามาเป็นเม็ดยาให้กับเจ้า” เปมรีบอธิบายทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อเพราะไอ้การที่ยาชั้นเลิศที่สุดผลิตมาจากน้ำลายนี่มันฟังดูงี่เง่าและน่าขยะแขยงชะมัด

“..อื..อ...”

“ช่างน่าอับอายจริงๆ ข้าต้องใช้น้ำลายสร้างเม็ดยาเหรอเนี่ย”

“เร็ว..เถอะ..เจ้าน่ะอาย..ต.. แต่ข้า จะตายแล้วนะ...”

“ขะ.. เข้าใจแล้ว”

เปมนิ่งเงียบไปและเริ่มขยับกรามไปมาท่ามกลางเสียงหอบและครางอย่างเจ็บปวดของคนข้างๆ เวลาผ่านไปสักพักไข่มุกที่ใต้ลิ้นก็เริ่มเข้าทรงเป็นเม็ดกลมได้ที่ เปมจึงรีบหันมาพยักหน้าให้รเณศเป็นสัญญาณให้เขาเบาใจ แต่ทั้งๆที่คนตัวเล็กกำลังจะคายไข่มุกในปากออกไปล้างน้ำก่อนจะเอามาให้รเณศกิน พ่อปลาหมึกยักษ์กลับฝืนดันตัวเองขึ้นและคว้าเอาร่างบางมาชิดตัวจนเสื้อเปรอะไปด้วยเลือด วินาทีต่อมารเณศก็เข้าครอบครองริมฝีปากของเปมเสียแล้ว

ทางด้านเปมเมื่อถูกผู้ชายเข้าประกบปากก็ได้แต่อัมพาตกิน ภายในหัวขาวโพลนไปหมด ดูเหมือนจะตกใจมากจนสติล่องลอยไปไกลแล้ว กว่าที่จะรู้สึกตัวแผลขนาดใหญ่ของคนด้านล่างก็ค่อยๆหายดี พร้อมกับลิ้นอุ่นที่ถูกสอดเข้ามาในปากของเปมอีกครั้งทั้งๆที่มันไม่ควรจะมีอะไรแล้ว!

“อ..อื้อ!”

เปมพยายามดันตัวเองออกห่างจากรเณศ แต่คนตัวใหญ่กลับใช้มือกดหัวเขาไว้ พร้อมทั้งแขนอีกข้างก็รั้งตัวเปมให้ยิ่งแนบชิดกับตนเข้าไปอีก แม้จะทุบตีเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย รเณศเริ่มรุกไล่ควาญหาความหวานไปทั่วทั้งโพร่งปากของเจ้าหอยนางรม ก่อนที่จะเริ่มแปลงแขนใหญ่ให้กลายเป็นหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ยอยู่ตามแนวสันหลังของคนตัวเล็ก สักพักไอ้หนวดเจ้าเล่ห์ก็ถูกสอดผ่านเข้าไปในกางเกงของเปมทำเอาร่างบางถึงกับผวาสุดตัวรีบรวบรวมกำลังทั้งหมดต่อยไปที่แก้มของรเณศเต็มแรง

“ฮ..แฮ่ก..”

“ถ้าจะกล่าวโทษ ก็จงไปโกรธเอากับเตชัสเถอะ”

“ว่าไงนะ!” เปมขึ้นเสียงและยิ่งขยับออกห่างจากรเณศที่ตอนนี้เริ่มลุกขึ้นยืนได้แล้ว

“จงกล่าวโทษเตชัส ที่ปล่อยปละละเลยตัวเจ้าเช่นนี้...”


-------------------------

โอ้ยตายตาย แอบเทใจให้รเณศค่ะ 55555
 :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2012 22:20:43 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เตชัสจะทำไงน้า ถ้ารู้ว่าเปมจูบกับณเรศแล้วว  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด