ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฉลามขาว กับ หอยนางรม by「aonair」  (อ่าน 63095 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :a5: เตชัสนายจะจัดหนักนางรมน้องซะเเล้ว... เปม  :เฮ้อ: สับสนเเทน แต่ก็นะ

ตอนที่ถามว่ามีความสุขมั้ยเมื่อไม่ได้อยู่กับข้า...นี่มัน เเล้วนายล่ะเต มีความสุขมั้ยที่ไม่ได้อยู่กับเปม

 :m16: อดไม่ได้จริงๆ แม้จะรู้ว่าเตชัสรักเปมน้อยหอยนางรมเเค่ไหน... แต่ก็รับพฤติกรรมของพวกฉลามไม่ได้

 :z3: หลายอย่างอ่ะเตชัส... แต่เตก็น่าสงสารนะ... คิดมุมกลับก็ต่างเคยสูญเสีย และโหดร้ายด้วยกันทั้งสองฝ่าย

อยากให้ได้รัก ได้ครองคู่กันเเบบปราศจากเรื่องราวเลวร้าย อดีตหลอกหลอน หรือเเม้เเต่ใครก็ตามที่พยายาม

เเบ่งเเยกความรักของทั้งสองคน  :กอด1: ...รเนศก็แอบน่าสงสารนะเนี่ย ฟ้าโปรดส่งใครมาให้รเนศทีเถอะ

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
ดีใจที่เข้าใจกันได้เสียที
แต่ต่อณเรศจะเป็นยังไงบ้างนะ.... :o12:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
โดนฉลามบุกซะแล้วหอยน้อย อิอิ


nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
ฉลามบุก  :impress2:

thari

  • บุคคลทั่วไป
หลาม....หลามกินหอยแล้ว
พี่หมึกล่ะ พี่หมึกจะทำยังไง   :sad4:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เชียร์3p เบยยย

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
พี่ฉลามถ้าเป็นแบบนี้แล้วอย่าทิ้งน้องหอยนะ
ไม่อย่างนั้นจะเชียร์พี่หมึกจริง ๆ ด้วยยยยย  :z3:
แต่นเรศอบอุ่นมากอ่ะ คนดีเป็นได้แค่พระรองนะ เอิ้กกกกก  o18

ออฟไลน์ S_za

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ทั้งฉลามทั้งปลาหมึกรักน้องหอยนางรม

งั้นไม่ต้องแย่งกัน  3P ไปเลยสนุกเว่อ มันส์แซบ :z1:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
> ตอนนี้แต่งไม่ทันเลย 55 แบบไม่ได้แต่งต่อ เที่ยวบ่อยไปหน่อย แถมใกล้เปิดเทอม แง้ TT;
> จะบอกว่าาา แบบคิดเรื่อง 3P อยู่เหมือนกันอะ 5555555 แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คือวางพล็อตไว้จนจบแล้วนะ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดตอนจบแบบจริงๆจังๆ แอร้ยย ชอบปลาหมึกมากไป จะเลื่อนขั้นให้มันซะงั้น 5555 รอติดตามกันแล้วกันค่ะ ><
> รู้สึกว่านิยายทั้งเรื่อง จะแบ่งออกเป็นช่วงๆอยู่เหมือนกัน อย่างตอนแรกเป็นช่วงตั้งแต่พบเจอจนได้สนิทกัน ต่อมาก็เป็นเรื่องณิชา จบเรื่องณิชาก็มาเป็นเรื่องแม่/ล้มระบบบรรณาการ ส่วนเนื้อหาหลังจากนี้จะได้ไปเกี่ยวข้องกับเขตสัตว์ปีกค่ะ ;w;
> ขอให้นักอ่านทุกคนมีความสุขมากๆในปี 2556 นี้ด้วยนะคะ ;D


---------------------------------------------------

บทที่ 15
จลาจล

 

“เจ้าไหวนะ ยังเจ็บอยู่ไหม?”

“อือ ข้าไม่เป็นไร”

“เปม... วันหลังข้าจะไม่ปิดบังอะไรเจ้าอีกแล้ว”

เตชัสยกมือขึ้นทำท่าปฏิญาณตนพลางขยับตัวไปนั่งข้างๆเปมบนเตียงนอน ในเช้าวันถัดมา หลังจากคืนอันหวานซึ้งที่เพิ่งพ้นผ่าน

“ดีมาก”

“แล้วข้าก็จะหัดใจเย็นให้มากขึ้นด้วย”

“อื้อ”

“ละ..แล้วก็ ถ้าข้าเผลอตีเจ้า ข้าก็จะตัดมือข้างนั้นทิ้งไปเลย ดีไหม”

“เหอๆ”

เปมได้แต่หัวเราะแห้งๆ เพราะไอ้อารมณ์แบบนี้มันคุ้นๆชอบกล เหมือนที่รเณศเคยคิดจะทำไม่มีผิด สรุปก็บ้าพอกันนะสองคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะปลื้มไปกับความพยายามของเตชัสไม่ได้

“เฮ้ย!” อยู่ดีๆเปมก็ร้องขึ้นมาเสียงดังเหมือนนึกอะไรที่สำคัญมากๆออก ทำเอาคนข้างๆตกใจแทบแย่

“อะไรน่ะ”

“นี่เจ้า! ทำไมถึงไม่มีใครผ่านมาแถวนี้เลย”

“ลืมแล้วเหรอ ก็เมื่อคืนข้าสั่งให้พวกทหารเข้าเวร กันไม่ให้ใครหรือตัวอะไรเข้ามาในบริเวณนี้ได้น่ะสิ”

“โอ้ย ตายๆ! ข้าลืมรเณศไปเลย นี่เจ้าต่อยหน้าเขาไปด้วยนี่น่า”

เปมเริ่มโวยวายเหมือนคนสติแตก จนเตชัสทนไม่ได้ต้องดึงข้อมือเล็กเข้ามาใกล้แล้วตบหัวเบาๆเพื่อให้สงบอารมณ์ แต่มันน่าหงุดหงิดจริงแฮะ พอนึกถึงรเณศขึ้นมาหน่อย ก็ทำตัวเป็นห่วงออกนอกหน้าเชียวนะ ทั้งๆที่ตนก็นั่งหัวโด่อยู่นี่แท้ๆ ถ้าไม่เกรงใจกัน ก็น่าจะนึกถึงความรู้สึกกันบ้างสิ

“แค่โดนต่อยมันไม่ตายหรอก”

“ละ แล้ว เขาอยู่ไหนก็ไม่รู้อะ”

“บ้าไปแล้วเรอะ เห็นเจ้าไม่ออกมานานขนาดนั้น ก็คงกลับบ้านนอนไปแล้วล่ะ อ๊ะ แต่นี่ก็เช้าแล้วนี่น่า มันอาจจะมาทำงานแล้วก็ได้ ถ้าเป็นห่วงนักก็ออกไปหาซะเลยสิ”

เตชัสพยายามพูดให้คนตัวเล็กใจเย็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบกดเสียงต่ำประชดไปแรงๆเอาท้ายประโยค ถึงอย่างนั้น เปมก็ไม่ได้สนใจว่าเตชัสจะงอนหรือจะโกรธ เพราะในใจตอนนี้กลับจินตนาการไปถึงสายตาตำหนิของรเณศซะแล้ว แน่ล่ะสิ เล่นโดนลากออกมาแบบนั้น หมอนั่นต้องเป็นห่วงแน่ แถมเปมยังเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับไอ้ฉลามบ้าข้างๆนี่ทั้งคืน โดยที่ทิ้งรเณศไปเลยอีก มีหวังต้องโดนดุด่าแน่นอน ไม่ไหวเลยแฮะ สายตาตำหนิระคนเสียใจของรเณศน่ะ ไม่ชอบเลยให้ตายสิ

“งั้นข้าไปก่อนนะ”

‘อ่าว’

อ่าวคำโตปรากฏตัวอีกครั้งภายในหัวของเตชัส ที่ได้แต่นั่งมองคนตัวเล็กในอ้อมกอดเมื่อครู่ รีบลุกไปแต่งเนื้อแต่งตัวและถลาออกไปจากห้องโดยไม่กล่าวอะไรต่อสักคำ ไม่รู้จริงๆว่าควรโทษความซื่อบื้อของเปม หรือโทษตัวเองที่หลุดปากออกไปแบบนั้นดี

เจ้าหอยนางรมน้อยรีบผลักประตูไม้ออกและวิ่งฝ่าแถวของทหารเฝ้ายามที่มีมากผิกปกติ และก็ยิ่งไม่ปกติเมื่อสังเกตเห็นว่าใบหน้าและร่างกายของทหารทุกนาย เต็มไปด้วยบาดแผลราวกับเพิ่งผ่านศึกรบครั้งใหญ่มาก็ไม่ปาน เปมค่อยๆลดความเร็วเท้าลงและหันหน้ากลับไปพิจารณาบาดแผลกับสีหน้าเหนื่อยๆของเหล่าทหาร พลางคิดว่าควรจะกลับไปรักษาแผลให้ก่อนดีไหม แต่ไม่ทันที่เปมจะได้ข้อสรุป ร่างบางของตนก็วิ่งไปชนกับอะไร หรือใครเสียก่อน

คนตัวเล็กรีบหันกลับมาก้มหัวต่ำถี่ๆอย่างรีบร้อนลนลาน พลางกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าชนเข้ากับอะไร จริงๆมันอาจจะเป็นแค่เสาไฟก็ได้.... แต่จะบ้าเรอะ เสาไฟที่ไหนจะมาอยู่ในตัวปราสาทได้ พอคิดอย่างนั้นถึงได้ค่อยๆยืดตัวขึ้นและเงยหน้ามองภาพตรงหน้าให้ชัดเจน แต่ดูเหมือนความจริงมันจะโหดร้ายกว่าที่คาด ในเมื่อสายตาตำหนิระคนเสียใจของคนที่ไม่ต้องการจะเห็นมากที่สุด ได้มาปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาตนเสียแล้ว!

“ร..รเณศ”

“เปม...”

“อึก...”

เปมค่อยๆกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อรเณศขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น โดนแน่ โดนดุแน่ๆเลย มันก็น่าไหมล่ะ ในเมื่อตัวเองดันทำกับรเณศเหมือนเป็นพวกตัวคั่นเวลาอะไรเทือกนั้นไปได้น่ะสิ

“เจ้า...มาช้านะ...”

“หะ?”

‘อ่าว’

นั่น! ไอ้อ่าวมันมาอีกแล้วไง ทำไมจากที่คิดว่าจะต้องโดนดุด้วยเสียงเข้มๆ กลับกลายเป็นคำพูดแปลกๆแสนธรรมดา ที่มาพร้อมน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างกะพระเอกการ์ตูนแบบนี้ได้ หรือว่ารเณศจะสติแตกไปแล้ว มะ...ไม่สิ ถ้าสังเกตดีๆแล้ว ทั้งหน้าตาที่ดูโทรมเต็มที เนื้อตัวที่เปื้อนแผลเล็กๆเต็มไปหมด กับเสื้อผ้าเน่าๆของเมื่อวาน.....บ้าชิบ!

“รเณศ...นี่เจ้า!”

ความกลัวความเกรงทั้งหมดในตัวเปมขาดผึ่งทันที ก่อนที่คนตัวเล็กจะรุดเข้าไปคว้าคอเสื้อของรเณศจนคนตัวสูงต้องโน้มตัวลงต่ำตามแรงกระชาก ปากก็ปิดสนิท พร้อมสายตาที่หลุบลงอย่างชัดเจน

“...”

“นี่เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยเหรอ”

“...”

“บ้า! ทั้งบ้าทั้งโง่ ไอ้ปลาหมึกเส็งเครง แล้วยังไปมีเรื่องกับพวกทหารหน้าห้องเตอีก จะบ้าไปถึงไหน หา!!”

เปมออกแรงเขย่าตัวรเณศแรงๆ และพยายามจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเขาเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ไม่ว่าจะตะคอกอะไรออกไป หรือทุบตีมากแค่ไหน คนตัวใหญ่ก็เอาแต่นิ่งเฉยเท่านั้น ยิ่งยั่วโมโหเปมมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ถึงอย่างนั้น คนตัวเล็กก็เลือกที่จะหยุดการกระทำทั้งหมดลง ก่อนจะค่อยๆคลายแรงที่คอเสื้อของรเณศและยืนหอบเป็นบ้าอยู่คนเดียว

“ข้า...ขอโทษ”

ปึ่ก!

สิ้นเสียงแผ่วเบาของรเณศ เปมก็ปล่อยหมัดที่คิดว่าหนักที่สุดในชีวิตออกไปปะทะกับท้องแข็งๆตรงหน้าแทบจะทันที ทำเอาคนตัวสูงจุกไปแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตีสีหน้านิ่งเฉยตามเดิม

“ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ... ขอโทษในทุกๆอย่าง”

“...”

รเณศดูจะอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเปมเอ่ยออกมาด้วยสายตารู้สึกผิดอย่างจริงใจ ดูเผินๆเหมือนน้ำตาจะไหลอย่างนั้นแหละ บ้าจริง ผู้ชายคนนี้จะน่ารักไปถึงไหน แล้วแบบนี้จะให้ไม่รักได้ยังไงเล่า!

คนตัวใหญ่นิ่งไปชั่วครู่เหมือนกำลังชั่งใจบางอย่าง จนในที่สุดก็ลองเสี่ยงขยับเข้าไปประชิดตัวเปม และคว้าเอาร่างบางมาไว้ในอ้อมกอดหลวมๆ ส่วนเปมก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน แต่แทนที่จะผละตัวออกมา เขากลับยอมอยู่นิ่งๆ และปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ โดยไม่ได้สนใจสักนิดเลยว่า จะมีทหารหรือเด็กรับใช้ที่เดินผ่านไปมาเห็นเหตุการณ์นี้บ้างหรือเปล่า

“ขอโทษนะรเณศ”

“อือ...”

พอเห็นว่าเจ้าหอยนางรมว่านอนสอนง่าย ทำตัวเป็นเคะน้อยในโอวาทแบบนี้แล้ว ปลาหมึกยักศ์แสนเจ้าเล่ห์ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอย ค่อยๆกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น พลางโน้มตัวลงไล้สันจมูกเข้ากับแก้มเนียนเลยต่ำไปจนถึงซอกคอขาว ทำให้เปมต้องเริ่มออกตัวดิ้นหนีอย่างถุลักถุเล แต่เพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง รเณศก็เป็นฝ่ายที่ผละตัวออกไปในระยะไกลเสียเอง แถมยังจ้องกลับมาด้วยสายตารังเกียจแปลกๆอีกต่างหาก

“เหม็นกลิ่นฉลาม”

“เอ่อะ”

เมื่อความกดดันเข้าครอบคลุมทั่วบริเวณได้สักพัก รเณศที่ควรจะมีความสุขที่คนตัวเล็กตามมาง้อถึงที่ กลับเริ่มชักสีหน้าอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะคว้าแขนบางของเปมไว้แน่น และกดเสียงต่ำลงอย่างน่ากลัว

“นอน..กับเตชัส แล้วเหรอ”

เสียงทุ้มแปลกๆถามขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาคนตัวเล็กต้องรีบหลบสายตาทันที แก้มและใบหูทั้งสองข้างค่อยๆขึ้นสีระเรื่อ และร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจเต้นถี่รัวจนเหมือนจะแตกออกเมื่อในสมองเอาแต่ฉายภาพเมื่อคืนซ้ำไปซ้ามาอยู่ได้ น่าอายยิ่งนัก!

“บะ..บ้าหรือ เปล่า...อ๊ะ!” เปมพยายามตอบกลับไปแต่ทั้งน้ำเสียงต่ำผิดปกติ แถมยังตะกุกตะกักอย่างชัดเจน ทำให้แรงบีบที่ข้อมือยิ่งเพิ่มขึ้นจนรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมา

“งั้นเหรอ...”

“...”

“จะไปทำอะไรก็ไป เดี๋ยวข้าต้องเข้าพบกษัตริย์เตชัส เพื่อเอาคำตอบของข้อเสนอที่ยื่นไป” รเณศสะบัดแขนของเปมออกอย่างแรง ทำเอาคนตัวเล็กเซไปหน่อยๆ ก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปตามแนวบันไดของห้องโถง

ภายในสมองขององครักษ์หนุ่มมีแต่ความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเตชัสกับเปม ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวคล้ายกับว่ามันจะระเบิดออกมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่นั่นก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ สักพักมันก็จะสูบฉีดถี่รัวด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อไอ้เจ้าชายฉลาม แต่สักพักก็ราวกับจะหยุดนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง จากความโศกเศร้าที่ไม่สามารถครอบครองเจ้าหอยนางรมนั้นได้ สุดท้าย...เตชัสก็ได้ทั้งหมดของเปมไป ไม่ว่าจะตัวหรือใจ และไม่ว่าตัวเองจะทำดีให้ตาย จะรักให้ตาย ก็ไม่มีทางได้อะไรเลย...

อ้อมกอดของเปมที่ไม่ได้มีความรักอยู่เลย เขาไม่ต้องการหรอก... รอยยิ้มของเปมที่ไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งอยู่เลย เขาก็ไม่อยากได้ และรสจูบของเปม ที่เต็มไปด้วยความหวานที่ปนความขม จากความไม่เต็มใจ ก็ยิ่งไม่ต้องการเข้าไปใหญ่

เพราะต่อให้หวานสักแค่ไหน แต่มันก็ยังขม...

แต่ความรุนแรงของความรู้สึกนี้ ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้รับความรักตอบ แต่มันเกิดขึ้น เพราะว่าไม่สามารถเลิกรักได้ต่างหาก...

คนตัวสูงหยุดฝีเท้าลงที่ขั้นหนึ่งของบันไดขนาดยาว ก่อนจะหันหลังกลับไปสบสายตาที่อยู่แสนไกลของคนตัวเล็ก ซึ่งกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน มองกลับมาด้วยสายตาที่รู้สึกผิดอย่างจริงจัง สายตาที่เขาไม่อยากนึกเห็นเลยจริงๆ รเณศค่อยๆฝืนยิ้มออกมา เพื่อส่งสัญญาณให้เปมรู้ว่าเขาไม่เป็นไร ก่อนจะหันหลังกลับและก้าวขึ้นบันไดต่อไปอย่างยากเย็น

ไม่เข้าใจเลยแฮะ ทำไมอยู่ดีๆมันก็ร้อนขึ้นมาที่ตรงขอบตาก็ไม่รู้ แล้วไอ้ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เหมือนว่าบางส่วนในตัวมันแตกสลายลงไปนี่มันคืออะไรกันแน่ อะไรก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดยิ่งกว่าศึกสงครามครั้งไหนๆเสียอีก ทำไมกัน...ทำไมตนเองถึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้...

‘เปม... ความรักของเจ้าน่ะ มันแบ่งมาให้ข้าไม่ได้เลยใช่ไหม..?’

 

‘ไม่อนุมัติ’

หลังจากที่กษัตริย์เตชินท์ยื่นคำขาดไม่อนุมัติข้อเสนอต่างๆของรเณศ ข่าวก็ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนพวกชาวบ้านที่เริ่มรวมตัวกันด้านนอก พากันบุกเข้ามาถึงหน้าปราสาท พร้อมอาวุธนานาชนิดตามมีตามเกิด แต่กำลังที่จะต่อต้านคนของปราสาทในตอนนี้ ไม่ใช่อาวุธครบมือ มันคือแรงใจที่คั่งแค้นต่อระบบบรรณาการอันน่ารังเกียจที่ถูกกดทับไว้มานานต่างหาก

ในตอนนี้ แม้แต่รเณศเองก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อันวุ่นวายได้ มีแต่ต้องออกไปร่วมกับเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทเพื่อต้านคลื่นมวลชนด้านนอก พร้อมๆกับส่งปักษายักษ์ไปส่งข่าวให้กองทหารที่ออกไปซ้อมรบและทหารฝ่ายสนับสนุนให้กลับมาช่วยกันคุ้มกันทางด้านนี้

“เปม เข้าไปหลบกับพวกนางบำเรอ”

ปลาหมึกยักษ์ค่อยๆแปลงช่วงล่างของตัวเองให้กลายเป็นหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ย ก่อนจะหันมาไล่คนตัวเล็กให้กลับเข้าไปหลบอยู่ในส่วนลึกของปราสาท พร้อมๆกับเหล่านางบำเรอต่างๆที่เอาแต่กรีดร้องโวยวายไม่หยุด

“ระวังตัวด้วย!”

เปมรีบตะโกนไล่หลังรเณศที่กำลังใช้หนวดรั้งประตูบานใหญ่ด้านหน้าปราสาทไว้ เพื่อช่วยกันแรงกระแทกจากด้านนอก ซึ่งดูเหมือนว่าพวกชาวบ้านจะพากันเอาท่อนซุงขนาดใหญ่มาช่วยกันพังประตู

ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งตรงเข้ามาคว้าเจ้าหอยตัวเล็กไว้และพาเข้าไปหลบในห้องที่มีแต่พวกผู้หญิง โดยมีทหารจำนวนหนึ่งคอยเฝ้ายามเอาไว้อย่างแน่นหนา ถึงอย่างนั้น เสียงแห่งความอลหม่านวุ่นวายภายนอกก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความหวาดกลัวไม่ได้ลดน้อยลงเลย จนเมื่อมีคนร้องว่า ไฟ ไฟ นั่นแหละ ถึงได้ทำให้พวกทหารเฝ้ายามแตกตื่นกันใหญ่ ก่อนจะวิ่งออกไปสังเกตการณ์ และกลับมารายงานด้วยสีหน้าตึงเครียด ถึงเหตุที่ชาวบ้านลอบจุดเพลิงแนวป่าที่ล้อมรอบตัวปราสาทไว้ ยิ่งกระตุ้นความหวาดกลัวให้กับทุกผู้ในห้องนี้ให้มีมากขึ้น นางบำเรอและเด็กรับใช้หลายคนเริ่มปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ส่วนคนอื่นทีเหลือก็เอาแต่นั่งกอดกันตัวสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“พลธนู!?”

ทหารอีกนายวิ่งหน้าตั้งกลับมารายงานอะไรบางอย่าง จนทหารที่ดูเหมือนยศจะสูงกว่าหน่อยต้องร้องออกมาอย่างแปลกใจ ก่อนจะรีบลดเสียงลงเพื่อไม่ให้พวกผู้หญิงตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ แต่เปมรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรแน่ๆ เลยผละตัวออกจากวีและค่อยๆแนบหูไปกับบานประตูเพื่อลอบฟัง

“ทำไมพวกชาวบ้านถึงมีพลธนูได้”

“เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบชายป่าฝั่งตะวันออกครับ พวกนั้นหากินโดยการล่าสัตว์ จึงเชี่ยวชาญการใช้มีดสั้นและธนูเป็นพิเศษ”

“ท่านครับ ตอนนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบเทือกเขา เริ่มนำทัพปักษายักษ์เข้ามาล้อมบริเวณโดยรอบแล้วครับ” ไม่นานนัก ทหารอีกนายก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ ก่อนจะรีบรายงานถึงความร้ายแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้านนอก

“แย่ล่ะสิ พวกทหารกองหนุนก็ยังมาไม่ถึง แถมพวกชาวบ้านยังรวมตัวกันมากเกินไป ถ้าเอาความถนัดของแต่ละชุมชนมาผสานกันแบบนี้ ต่อให้ทหารที่ฝึกการรบมาอย่างดี ก็มีสิทธิเพลี่ยงพล้ำเหมือนกัน”

“เอ่อ ที่แย่กว่านั้นก็คือ.. ตอนนี้ เจ้าชายหายตัวไปแล้วครับ”

“ว่าไงนะ!!”

เปมทรุดตัวลงแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงพูดคุยของทหารด้านนอก จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆหลายคู่เริ่มไกลออกไป คนตัวเล็กถึงหันมาชี้นิ้วออกไปด้านนอกเพื่อเป็นสัญญาณให้วีรู้ว่าตนจะลองออกไปดูลาดเลา และทั้งๆที่วีพยายามจะร้องห้าม เปมก็ไม่สนใจจะฟังอีกแล้ว กลับแง้มประตูออกและยิ้มแห้งๆให้กับทหารหน้าโหด ก่อนจะออกตัววิ่งไปสุดขา โดยมีทหารนายหนึ่งวิ่งตามหลังมาติดๆ

คนตัวเล็กรีบเลี้ยวตรงมุมที่จะเชื่อมไปถึงหอปีกตะวันตกซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นลูกไฟขนาดยักษ์ที่กำลังลามไปทั่วแนวป่าใกล้ๆได้อย่างชัดเจนที่สุด หลังจากที่เปมพาตัวเองไต่ขึ้นมาตามบันไดวนขนาดสูง ก็ได้ยินเสียงร้องแปลกๆ พอหันกลับไปดูก็เห็นว่าทหารที่ตามตนมานั้น กำลังถูกชาวบ้านจำนวนหนึ่งบุกเข้าทำร้าย ถึงอย่างนั้นเปมก็ทำได้แต่วิ่งต่อไป โดยทิ้งความรู้สึกขอโทษไว้ภายหลังเท่านั้น

ถ้าเปมคำนวนไม่ผิดล่ะก็ เตชัสจะต้องอยู่บนนี้แน่ๆ เพราะเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งรอให้ความวุ่นวายสงบลง หรือต้องให้ใครมาปกป้องตัวเอง แต่เป็นพวกบ้าบิ่น ที่คงจะหนีออกไปเข้าร่วมในศึกต่างๆเป็นแน่ และที่หอปีกตะวันตกนี้ก็เป็นสถานที่ที่ร้างที่สุดของปราสาท เพราะมันถูกใช้เป็นห้องขังนักโทษและเชลยศึก ซึ่งไม่ได้มีมานานมากแล้ว ถ้าหากอยากจะลอบโจมตี ก็ต้องเป็นบนนี้นี่แหละถึงจะเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นจุดสนใจน้อยที่สุดแล้ว

ตึก ตึก ตึก...

“เต!”

“เปม เจ้ามาได้ยังไง!”

คนตัวใหญ่ที่กำลังแบกปืนยาวอยู่บนบ่าหันมาหาเปมอย่างตกใจ แต่ไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เข้ามาหากัน เสียงลั่นไกก็ดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนที่กระสุนห่วยๆจะเฉี่ยวแขนของเตไปปะทะกับกำแพงหิน เจ้าชายฉลามรีบกระชับปืนในมือขึ้นและหันไปจ้องผู้มาเยือนอย่างเคียดแค้น ผู้ชายวัยกลางคนที่มีท่าทีกล้าๆกลัวๆ กำลังถือปืนมือไม้สั่นอย่างคนไม่ชำนาญการเท่าที่ควร เขาเล็งมาจากบนหลังของปักษายักษ์ที่ดูตัวเล็กผิดจากที่เคยเห็นมาก่อน

ไม่ทันที่เตชัสจะได้ตัดสินใจทำอะไร ชาวบ้านคนดังกล่าวก็ปลดไกไปแล้ว กระสุนลูกเล็กๆพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง ถึงอย่างนั้นก็ไม่เร็วไปกว่าเจ้าหอยตัวน้อยที่ตั้งท่ารออยู่ตั้งแต่เสียงกระสุนครั้งแรกแล้ว

“เปม!!”

เปมรีบพาตัวเองเข้าไปกันเตชัสที่ร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่เจ้าชายฉลามจะได้ผลักคนตัวเล็กตรงหน้าออกไป ก็ต้องผงะ เมื่ออยู่ดีๆเปลือกหอยสีหม่นดูไม่เป็นรูปเป็นร่างก็โผล่พรวดออกมาจากแนวสันหลังของเปม พร้อมๆกับเสียงกระสุนที่กระทบเปลือกหอยจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่

ชั่ววินาทีต่อมา เปลือกหอยที่ใช้เป็นโล่กำบังทั้งคู่ก็แตกออก กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้น เตชัสชักสีหน้าก่อนจะผลักคนตัวเล็กออกไป และเลือกยิงไปที่ปีกข้างหนึ่งของปักษายักษ์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า ทำเอาชาวบ้านคนดังกล่าวเผลอปล่อยปืนในมือลงไปด้วยความตกใจ ก่อนที่จะค่อยๆร่วงไปพร้อมๆกับเจ้านกตัวใหญ่

“เปม เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เตชัสรีบรุดเข้ามาคว้าตัวร่างบางไว้ในอ้อมกอดเมื่อจัดการข้าศึกพลเมืองไปได้แล้ว เปมส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้น

“ไม่เป็นไร”

“แล้ว นั่นคือ...”

“ร่างหอยนางรมของข้าเอง

“ตะ..แต่เปลือกมันแตกหมดแล้วนะ” เตชัสเอี่ยวตัวไปมองแผ่นหลังของเปมที่ค่อยๆกลับมาเป็นเนื้อหนังเหมือนเดิม พร้อมรอยขาดขนาดกว้างที่ตัวเสื้อ

“ก็คงแปลงเป็นหอยไม่ได้ไปสักพัก จนกว่าที่จะฟื้นฟูตัวเอง”

“อ่า”

ปัง! ปัง! ปัง!

ทั้งสองคนรีบพากันไปเกาะขอบระเบียงของหอ เมื่อเกิดเสียงอึกทึกผิดปกติดังขึ้นจากด้านหนึ่งของเหตุชุลมุนเบื้องล่าง ไม่นานนักลูกปืนใหญ่ก็ถูกยิงออกมาจากยอดปราสาทเข้าทำลายพื้นที่เป็นวงกว้าง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆอย่างพร้อมเพรียงของเหล่ากองทหารทั้งแนวหน้าและหน่วยสนับสนุน ที่ถูกต้อนกลับมาจากการซ้อมรบในป่าลึก

ท่ามกลางความวุ่นวายที่เพิ่มมากขึ้นถึงจุดสูงสุด ประตูไม้ขนาดยักษ์ซึ่งเป็นบริเวณที่รเณศกำลังต้านพวกชาวบ้านอยู่ก็เปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างใหญ่โตน่าเกรงขามของกษัตริย์แห่งเขตสัตว์น้ำ เตชินท์

ทหารสองนายซึ่งเดินขนาบข้างเตชินท์ออกมา เริ่มยกแตรทองขนาดใหญ่ขึ้นเป่าจนเกิดเสียงดังยาว เรียกความสนใจจากทุกคนในศึกพลเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี กษัตริย์ฉลามก้าวออกมาอีกก้าว ก่อนจะประกาศเสียงก้องอย่างชัดเจนทั่วกัน

“ถึงประชาชนเขตสัตว์น้ำทุกคน ข้าขอประกาศ ยกเลิกระบบบรรณาการนับแต่วันนี้เป็นต้นไป!!”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
 :a5: ชนะแล้ว

รอติดตามนะ

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
อ่านไปตอนแรกเริ่มตะหงิด ๆ กับน้องหอย
ไหงอยู่ ๆ ก็รีบไปหาพี่หมึกล่าา  :z3:
แต่ยังดีที่ตอนหลังมาปกป้องพี่ฉลามเอาไว้  :เฮ้อ:
ยังไง ๆ ก็เชียร์พี่ฉลามนะ  :m1:

ออฟไลน์ Jinn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพิ่งตามมาอ่านเรื่องนี้ เลยตามมาเม้นต์ให้กำลังคนเขียนบ้าง :3123:


ตั้งแต่อ่านมาก็สงสารนายเอกน้องหอยน้อยของเรามาก พระเอกทั้งพี่ฉลามและหมึกหยอกเล่นทีเล่นจริงจนเป๋ไปเป๋มา จนคนอ่านอย่างเราลุ้นกันใหญ่ว่าใครจะมาวิน แต่พี่ฉลามเราปาดหน้าเค้กไปกินก่อนเสียแล้วเอื๊อก ได้แต่หวังว่าน้องหอยเราคงเลือกพี่ฉลามเนอะ (แบบว่าเราไม่เชียร์ 3P)

แต่ตกใจที่มีคนอ่านบางคนชอบเชียร์ให้ 3p เหลือเกิน ไม่คิดบ้างเลยหรือ ว่าถ้าคุณมีแฟนมีคนรักแล้วเขามีคนอื่นพร้อมกับคุณ คุณจะรับได้ (เหอะ ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่รู้หรอกว่า 3P ในความจริงไม่ได้งดงามแบบในนิยายนะ มันเจ็บปวดกันทั้งสามคนล่ะ เพียงแต่พยายามหลอกตัวเอง ให้ใช้สมองน้อยลงบอกว่า วินวินทั้งสามคน)

ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้คนเขียนคงไม่บ้าจี้ ตามกระแสคนอ่านไปเสียก่อนนา การเป็นนักเขียนขอให้เขียนตามพล็อตที่ตัวเองวางเอาไว้ ไม่ต้องเป็นไผ่ลิ่วลมเอาใจคนอ่านหรอก

คงไม่ว่าอะไรกันนะ ถ้าเรื่องนี้ลงเอยด้วย 3P เมื่อไหร่ เราก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่ขอโบกมือบ๊ายบ๋าย เอาไว้รอติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ หรือเรื่องหน้าของคนเขียนต่อไปก็แล้วกัน


ป.ล. ไม่ได้ตั้งใจมากดดันคนเขียนนา  เชิญคนเขียนเขียนตามพล็อตที่วางเอาไว้ได้เต็มที่จ้า ถ้าความคิดเห็นของเราทำให้คนเขียนไม่สบายใจ ก็ต้องขออภัยด้วย แค่อยากมาสะกิดคนเขียนว่า คนอ่านที่ไม่ชอบ 3P ก็มี(ถึงจะเป็นส่วนน้อยกว่าก็เถอะ)


ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนแต่งเรื่องนี้ต่อไป  :bye2:



ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
เปม !! รักพี่เสียดายน้องเหมือนเรารึป่าวนะ
แต่อยากให้เปมลองเอาไปคิดดุในเมื่อไม่อยากให้ใครเสียใจก็3Pเถอะนะ :impress2:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารกันทั้งสามคน

เเต่ก็ต้องมีสักคนที่ไม่สมหวัง

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 16
คำขอโทษ

 

“บอกตรงๆนะ ข้าลำบากใจ ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับ ลูกชายของผู้หญิงทั้งสามคน ซึ่งส่งผลกระทบกับชีวิตของข้าอย่างมากมาย” เตชินท์ไล่สายตามองเตชัส เปม และ รเณศทีละคน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หนังคุณภาพสูง ครอบด้วยทองคำวาวสลักเป็นรูปหัวฉลามขาว

หลังจากเตชินท์ประกาศยกเลิกระบบบรรณาการ พวกชาวบ้านที่ก่อความไม่สงบ ก็ค่อยๆเย็นลง และยอมถอนตัวออกไปในที่สุด โดยเตชินท์เองก็ไม่ได้คิดเอาเรื่องอะไรกับประชาชนพวกนั้น แต่ตอนนี้คงได้เวลาพิพากษาต้นเหตุของปัญหาเสียที เมื่อรเณศ เปม รวมทั้งเตชัส ถูกเรียกให้มาพบที่ห้องทำงาน โดยล้อมรอบไปด้วยเหล่าทหารระดับเอสพร้อมอาวุธครบมือ

“ข้ารู้ว่าควรพูดมันตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีหน้าจะพูดออกไปเสียที ยังไงก็ตาม สำหรับพวกเจ้าทั้งสามคน... ข้าขอโทษจากใจจริง”

เปมที่เหมือนอยากจะพุ่งเข้าต่อยหน้าเจ้าแห่งฉลามคนนี้ ถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของรเณศและเตชัสจากทั้งสองข้าง ก่อนที่เตชินท์จะเริ่มพูดต่อไปโดยไม่สนใจปฏิกิรยาของคนตัวเล็กแม้แต่น้อย

“เตชัส ข้าขอโทษที่ไม่สามารถให้ความรักอย่างจริงใจกับแม่ของเจ้าได้ แถมยังดูแลเจ้ามาไม่ดีพอแบบนี้”

“ถ้าข้าสนใจเรื่องนั้น ข้าคงไม่ปล่อยให้ท่านยืนพูดอยู่ถึงทุกวันนี้หรอก”

เจ้าชายฉลามตอบเหมือนขอไปที ติดจะกวนประสาทหน่อยๆ หากแต่ในดวงตาทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอภัยอย่างจริงจัง ทำให้เตชินท์ค่อยๆเผยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา

“และมันถึงเวลาแล้วใช่ไหม ที่ข้าจะขอขมาเจ้า...ลูกชายคนแรกของข้า”

เตชัส เปม และทหารในห้องดูจะตกใจกันไปเป็นแถบ เมื่ออยู่ๆเตชินท์ก็พูดถึง ลูกชายคนแรก โดยที่หันหน้าไปทางรเณศที่กำลังยืนนิ่ง ตีสีหน้าที่แปลไม่ออกอยู่แบบนี้

“นี่มัน หมายความว่ายังไง!?” เตชัสรีบขึ้นเสียงพลางหันมองเตชินท์กับรเณศสลับกันไปมา ส่วนเปมเองก็เอาแต่เงยหน้ามองรเณศด้วยสายตาตกใจ

“รเณศ เป็นลูกคนแรก ที่เกิดจากผู้หญิงคนแรกของข้า”

“ผู้หญิงคนแรก?”

“แม่ปลาหมึก เป็นผู้หญิงคนแรกที่ถูกส่งตัวเข้าวังในฐานะนางบำเรอของข้า นางตั้งท้องและหลบหนีไป แต่ภายหลังก็ถูกปู่ของเจ้าฆ่าตาย แต่ข้าที่ยังเด็กและสับสน ก็ได้ขอชีวิตของรเณศไว้ แลกกับคำสาบานที่จะไม่ให้รเณศเข้ามามีส่วนร่วมในราชวงศ์”

เตชินท์หันไปอธิบายเรื่องราวให้เตชัสที่ได้แต่ทำหน้าเหวอรับฟังอย่างไม่เชื่อหู ก่อนที่ทั้งห้องจะถูกความเงียบอันชวนอึดอัดเข้าปกคลุมเป็นเวลานาน จนรเณศเริ่มขยับตัวและเอ่ยปากเสียงเย็น

“ข้าถามคำถามหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา ว่าหากท่านไม่คิดจะรัก แล้วจะรับแม่ของข้าเข้ามาทำไม แต่สุดท้ายก็ได้เข้าใจว่า ความผิดที่แท้จริงนั้นเกิดจากระบบบรรณาการที่โสมมนี้ต่างหาก ฉะนั้นก็อย่ากังวลเลย ข้าก็คงเหมือนเตชัสนั่นแหละ ถ้าโกรธแค้นมากถึงขนาดนั้นจริง ท่านคงไม่มีโอกาสมายืนพูดอยู่แบบนี้หรอก”

“นั่นสินะ..”

“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีความเกลียดให้เลยหรอกนะ เพราะยังไงข้าก็ไม่ยอมรับว่าท่านเป็นพ่อ ไม่อาจยอมรับพระอัครมเหสี ที่มาช่วงชิงตำแหน่งของแม่ และไม่อาจยอมรับเตชัส ที่มาแทนที่ข้า ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบใจเด็กนี่ ที่ทำให้ข้าไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป”

รเณศพูดไปเรื่อยๆเหมือนเป็นบทสนทนาปกติธรรมดา ก่อนจะหันมาลูบหัวเปมเอาตอนท้ายประโยค ซึ่งก็ทำให้เตชัสรีบชักสีหน้าและปัดมือหนาของรเณศออกแทบจะทันที ส่วนเปมก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆเท่านั้น เตชินท์ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเปมนัก แต่ก็ยิ้มรับคำตอบของรเณศอย่างยินดี เพราะเขาเองก็ไม่ได้หวังให้ลูกคนนี้อภัยให้เต็มร้อยอยู่แล้ว การที่รเณศพูดแบบนั้น ก็นับว่าเกินกว่าที่คาดไว้มากแล้ว

“ดีแล้วล่ะ ขอบใจ ขอบใจจริงๆ”

รเณศถอนหายใจออกมาเบาๆ เหมือนคนเก็บกดที่ได้ระบายความในใจเสียที ผิดกับเปมที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความสับสนที่เริ่มก่อตัวข้างในใจ เพราะจะว่าเกลียดเตชินท์ที่พรากชีวิตของแม่ไป ก็เกลียด แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่มาก ที่ยึดติดกับอดีตมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เคยถูกสอนให้เรียนรู้ที่จะละทิ้งความทุกข์ไปแล้วตั้งหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องราวของเตชัสกับรเณศที่ทำให้เปมยิ่งสับสนกับตัวเองมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ทั้งสองคนก็สูญเสียแม่ไปเหมือนกัน แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจโลกมากพอที่จะไม่เก็บเรื่องราวในอดีตมาฝั่งใจ และไม่ปล่อยให้มันมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ บางที เปมก็ควรจะให้อภัยเหมือนกัน...

“เปมทัต สำหรับมินตรา แม่ของเจ้า นางคือผู้หญิงที่ข้ายอมมอบทั้งหัวใจให้อย่างแท้จริง แต่ต้องยอมรับว่าฉลามอย่างข้า ไม่ได้เก่งกาจมากพอที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ถึงต้องมาขอโทษเจ้าอยู่แบบนี้ และไม่ว่าจะขอโทษสักกี่ครั้ง ก็คิดว่ายังไม่พอ...”

“....”

“ถึงอย่างนั้น ก็ยังอยากจะขอโทษ และอยากให้รับรู้ไว้ด้วยว่า การที่เสียแม่ของเจ้าไป ข้าเองก็เสียใจไม่แพ้กัน”

“....”

เตชินท์เหมือนคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียว ในเมื่อเปมเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตานิ่งๆ และไม่แม้แต่จะขยับตัวด้วยซ้ำ ทำให้ทั้งเตชัสและรเณศต้องย่อตัวลงมาใกล้ และพยายามกุมมือคนตัวเล็กอย่างให้กำลังใจ ดูเหมือนว่าแม้แต่เหล่าทหารชั้นสูงในห้องนี้เอง ก็เริ่มลดอาวุธลงและลุ้นไปกับคำตอบของเปมเหมือนกัน

ความเงียบและอึดอัดแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูให้ห้องทำงานขนาดกว้าง เสียงหายใจของคนด้านในชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกดทับความรู้สึกหนักหน่วงลงมามากขึ้น จนเวลาเลยผ่านไปสักพัก เปมก็ได้ฤกษ์ ขยับตัวเข้าไปใกล้โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้า และเงยหน้ามองเตชินท์นิ่งๆ

“ถ้าข้าเอาแต่โกรธแค้นและยึดติดกับอดีต แม่ก็คงไม่ดีใจ...”

“นี่แปลว่า...”

เตชินท์พรวดพราดลุกขึ้นและจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของเปมอย่างมีความหมาย จนเมื่อคนตัวเล็กค่อยๆพยักหน้าลงช้าๆ รอยยิ้มกว้างถึงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของกษัตริย์ฉลามผู้นี้ได้

“อือ ข้าให้อภัยท่าน”

ก่อนที่จะรู้ตัว รอยยิ้มมากมายก็ฉายอยู่บนใบหน้าของทั้งเตชัส รเณศ เปม และทหารทุกนายในที่นี้ไปแล้ว เตชินท์ก้าวเข้ามาใกล้ทั้งสามคนตรงหน้าก่อนจะรวบตัวทุกคนเข้ามาในอ้อมกอดเดียว พร้อมๆกับที่ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือการให้อภัยนั่นเอง...

 

หลังจากวันแห่งการจลาจลและความเข้าใจในเวลาเดียวกัน นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งคืนเต็มๆแล้ว ถ้าในปราสาทจะวุ่นวาย ก็คงเป็นเพราะทหารทุกนาย เด็กรับใช้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พวกนางบำเรอทั้งหลาย ก็ถูกต้อนให้มาช่วยกันเก็บกวาด และซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดกันอย่างขมักเขม้น

สำหรับกษัตริย์เตชินท์ ก็ยอมเผยว่าที่ไม่อนุมัติข้อเสนอเรื่องระบบบรรณาการในทีแรกนั้น เพราะอยากจะเห็นท่าทีของรเณศ เพื่อที่จะได้พิสูจน์ถึงความโกรธแค้นในใจของเขา ถ้ารเณศสงบก็แปลว่าไม่ได้ติดใจในอดีตอีกแล้วจริงๆ แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ก็เตรียมใจโดนรเณศโค่นบัลลังค์ไว้อยู่แล้ว

“ทำไมถึงไม่ให้เปมมาเป็นองครักษ์ของข้าแทนล่ะ” เตชัสหันไปถามผู้เป็นพ่อ ซึ่งกำลังยืนสังเกตการณ์การทำงานของคนในปราสาท จากระเบียงชั้นบนสุดคนนั้น

“เพราะรเณศเป็นคนพาเปมทัตเข้ามา ก็ถือว่าเขาเป็นคนของรเณศน่ะสิ อีกอย่าง ข้าอยากให้เปมทัตอยู่ใกล้ๆรเณศ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมากเวลาอยู่กับเด็กคนนั้น”

“คนที่มีความสุขมากเวลาอยู่กับเปม ไม่ได้มีแต่รเณศสักหน่อย”

“ข้าขอเถอะนะ ข้าอยากเห็นรอยยิ้มจากใจของรเณศเวลาที่ได้อยู่กับเปมทัต เพราะข้าทำร้ายเขาและแม่ของเขามามากเกินไป ข้าให้ความรักทั้งหัวใจกับแม่ของเปมทัต และยกอำนาจ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับแม่ของเจ้า แต่กับแม่ของรเณศแล้ว นางไม่ได้รับอะไรไปเลย...”

เตชัสถอนหายใจยาวๆอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอะไร ดูเหมือนเขากับรเณศจะลดความชิงชังที่มีต่อกันได้มากขึ้นเยอะแล้ว ตั้งแต่ที่เตชัสได้รับรู้อดีตของรเณศซึ่งลำบากลำบน และโหดร้ายเหลือเกิน ต่อให้จิตใจเขาจะเข้มแข็งกว่านี้ ก็ต้องยอมอ่อนให้กับโชคชะตาที่ราวกับถูกเล่นตลกของรเณศอยู่ดี แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมปล่อยมือจากเปมหรอกนะ ก็แค่ยอมให้รเณศยังได้มีรอยยิ้มอยู่แบบนี้ก็เท่านั้น แต่ไม่มีวันเลย จะไม่มีวันให้ไอ้ปลาหมึกนั่นมาแย่งเปมไปได้เด็ดขาด

เจ้าชายฉลามรีบลาเตชินท์และตามไปสมทบกับพวกทหารที่กำลังช่วยกันแบกโน้นแบกนี้เข้าออกปราสาทเป็นว่าเล่น จนเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่หอยนางรมน้อยซึ่งกำลังยกแจกันใบใหญ่อย่างถุลักถุเล ถึงได้รีบรุดเข้าไปคว้าเอาแจกันหนักๆในมือเปมมาถือไว้อย่างสบายด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างที่ว่างก็รวบเอวบางเข้ามาประชิดตัว

“เต!”

“ข้าให้คนจัดห้องพักให้เจ้าแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องไปนอนบ้านไอ้รเณศแล้วนะ มาอยู่ใกล้ๆข้านี่”

“เฮ้ย แต่ข้าเป็นแค่ลูกจ้างของปราสาทเองนะ” เปมรีบโวยวาย พลางเขย่งเท้าจะคว้าเอาแจกันกลับคืนมา เตชัสเลยยิ่งยกแขนสูงขึ้นและพยายามดันหลังร่างบางให้เดินไปข้างหน้าเร็วขึ้น

“สำหรับคนอื่นน่ะนะ แต่สำหรับข้า เจ้าเป็นคนรักนี่น่า”

“บ..บ้าเปล่า”

คนตัวเล็กรีบสาวเท้าไวขึ้นพลางก้มหน้างุดปิดบังความเขินอายที่พุ่งเข้าใส่ จนในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องเก็บของขนาดใหญ่ เตชัสรีบผลักให้เปมก้าวขาเข้าไปในห้องอับๆที่มีเพียงแสงเรืองๆจากหน้าต่างบานเล็กไม่กี่บานเท่านั้น และก่อนที่เปมจะทันได้ว่าอะไรต่อ เตชัสก็หันไปลงกลอนประตูห้องเสียแล้ว ยิ่งทำให้ตอนนี้ทั้งคู่แทบจะจมอยู่ในความมืดเลยทีเดียว

“เปม..”

คนตัวใหญ่หันไปวางแจกันบนโต๊ะไม้เก่าๆ ก่อนจะขยับเข้าหาร่างบางอย่างจู่โจม ลมหายใจอุ่นๆค่อยๆเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้า วินาทีต่อมาริมฝีปากบางของเปมก็ถูกเตชัสครอบครองไปเสียแล้ว

เจ้าหอยนางรมรีบยกแขนขึ้นหวังจะรั้งตัวเตชัสออกห่าง แต่เอวบางกลับถูกแขนแกร่งคว้าเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น ฉลามขาวเริ่มขยับปากอย่างมีจังหวะพลางดูดริมฝีปากบนล่างของคนตัวเล็กอย่างเร่าร้อน เตชัสค่อยๆผละริมฝีปากออกมาเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะกดทาบมันลงไปอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเปมเริ่มดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเพราะหายใจไม่ทัน จนเตชัสต้องยอมปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระ แต่กลับหันมาสนใจซอกคอขาวๆตรงหน้าที่ราวกับจะสะท้อนออกมาจากความมืดนี่แทน

เตชัสกดริมฝีปากร้อนลงกับเนื้อเนียนๆ ใช้มือข้างหนึ่งดึงคอเสื้อคนตัวเล็กให้ต่ำลง ก่อนจะลากลิ้นลงมาหยุดที่ด้านล่างไหปลาร้า และออกแรงดูดจนเกิดเป็นรอยแดงชัดเจน จนเมื่อคนตัวใหญ่เริ่มเลื่อนริมฝีปากกลับขึ้นมาพ้นคอเสื้อ เปมถึงรีบดันไหล่กว้างตรงหน้าออกทันที

“อย่าทำรอยนะ”

“ทำไม กลัวรเณศเห็นหรือไง” เจ้าชายฉลามชักสีหน้าหน่อยๆ ก่อนจะโน้มตัวกลับเข้าไปขบติ่งหูเปมเบาๆ

“อ๊ะ ป..เปล่าสักหน่อย”

“งั้นก็อย่าสนใจ..”

“จะบ้าเหรอ ถ้าพี่วีหรือคนอื่นเห็นจะว่าไง” เปมพยายามดันตัวเองออก แต่กลับยิ่งทำให้เตชัสกระชับอ้อมแขนมากขึ้น

“ช่างเขาสิ”

สิ้นเสียงทุ้ม เตชัสก็ก้มลงจูบปิดปากร่างบางอีกครั้ง ก่อนจะสอดมือที่ว่างเข้าไปในเสื้อ ลูบไล้ไปตามแผงอกเนียน จนคนตัวเล็กเริ่มอ่อนระทวยไปตามรสสัมผัสที่ได้รับ

“อืออ...อืม..ม”

เสียงดูดปากสลับกับเสียงครางหวานดังไปทั่วห้องทึบๆแห่งนี้เป็นเวลานาน เตชัสค่อยๆดันร่างบางเข้าไปติดชั้นวางของเก่าๆที่มุมหนึ่งของผนังก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา และพรมจูบไปทั่วตัว ไล้ต่ำลงเรื่อยๆจนตัวเองลงไปนั่งกับพื้น โดยที่ส่วนสงวนของเปมมาจ่ออยู่ระดับเดียวกับใบหน้าพอดี แต่ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ คนตัวเล็กก็รีบดันหัวที่เข้ามาใกล้กางเกงของตัวเองออกและขยับตัวหนีจนหลังไปชนกับชั้นเกิดเสียงดัง พร้อมๆกับเศษกระดาษขาดๆที่หล่นลงมาที่พื้น

เปมรีบคว้าโอกาสหนี ผละตัวออกมายืนรักษาระยะห่างจากไอ้ฉลามหื่น ก่อนจะทำเนียนหยิบกระดาษใบหนึ่งที่หล่นลงมาขึ้นดูอย่างสนใจ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพลิกกลับมาแล้วปรากฏเป็นรูปภาพเก่าๆ ผู้หญิงรูปร่างสมบูรณ์กำลังยิ้มกว้าง แขนสองข้างโอบเด็กผู้ชายตัวเล็กๆสองคนไว้ซ้ายขวา และไม่ผิดแน่ๆ ไอ้เด็กผู้ชายหน้าหวานคู่นี้ต้องเป็น เตชัส กับ รเณศ อย่างไม่ต้องสงสัย

“ฮ่ะๆ ดูทำหน้า”

เปมยื่นรูปถ่ายในมือให้เตชัสที่กำลังยืนงงดู พลางชี้ไปที่หน้าของเตชัสตอนเด็กๆ ทำเอาคนตัวใหญ่หน้าขึ้นสีระเรื่อ ก่อนจะพยายามแย่งรูปในมือเปมมา แต่เปมก็รีบชักมือกลับเสียก่อน

“เอามานี่ดิ”

“เดี๋ยว ขอดูก่อน”

ถึงหน้าตาจะดูอ่อนวัย แถมตอนเด็กๆหน้าหวานชะมัด แต่สีหน้าท่าทางในรูปก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย เพราะทั้งเตชัสและรเณศต่างยืนทำหน้าบูด ไม่ชอบใจใส่กันมาตั้งแต่ก่อนแล้ว

“นี่ใครหรอ” เปมยังคงจับรูปในมือไว้แน่น แต่ก็เสี่ยงหันไปถามชื่อของผู้หญิงในภาพกับเตชัสที่ทำท่าจะเข้ามาแย่งรูปไปอีก

“เด็กรับใช้คนหนึ่งเท่านั้นแหละ... เป็น คนที่เลี้ยงดูรเณศมา”

“....อ่า”

เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กดูนิ่งๆไป เตชัสก็เลิกคิดที่จะแย่งรูปถ่ายมา และปล่อยให้เปมได้พิจารณารูปภาพนั้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดปากบางก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ที่ใครได้ยินก็ต้องยอมทุกรายเป็นแน่

“ขอนะ ข้าขอรูปนี้นะ”

“ก็... เอาไปสิ”

เตชัสชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ทำเอาคนตัวเล็กกระโดดหยองอย่างดีใจพลางเก็บรูปภาพในมือใส่กระเป๋ากางเกงอย่างระวัง

“ขอบใจนะ” เปมยิ้มกว้างน่ารัก พร้อมทั้งขยับเข้าไปใกล้เตชัสมากขึ้น

วินาทีต่อมา ร่างบางก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในวงแขนแกร่งเสียแล้ว เปมออกแรงดิ้นน้อยๆด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เตชัสเข้าครอบครองทั่วทุกพื้นที่บนเนื้อเนียนๆของตัวเองอย่างว่าง่าย คนตัวใหญ่พรมจูบไปทั่วใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ ก่อนจะมาหยุดลงที่ข้างหู พลางกระซิบเสียงหยอกเย้า

“เดี๋ยวนี้หัดยั่วข้าแล้วนะ”

“หา!?”

เปมรีบดันอกคนตรงหน้าออกห่าง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเพื่อซ่อนความเขินอาย แต่ไม่วาย ยังถูกเตชัสตามมาเชยคางให้กลับไปสบตากัน

“เปม..”

เจ้าชายฉลามทำท่าคว้าเอาอากาศธาตุมากุมไว้ในมือก่อนจะทาบมือข้างนั้นลงกับอกบางของเปม พร้อมกล่าวคำพูดที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงชัดเจนลามจนถึงใบหู

“หัวใจของข้า... ให้เจ้า”

“สะ..”

“...”

“เสี่ยวอะ”

คนตัวเล็กสะบัดใบหน้าออกจากการเกาะกุม และรีบสาวเท้าออกไปจากห้องนี้ทันที เตชัสหัวเราะตามออกมา เพราะรู้ดีว่า คำพูดเมื่อครู่ทำให้เปมดีใจแค่ไหน

ทั้งสองคนตามออกไปสมทบเด็กรับใช้กับพวกนางบำเรอ ที่ยกขบวนกันออกมาช่วยเก็บกวาดเศษซากจากการจลาจลของเมื่อวาน ส่วนรเณศก็ต้องไปจัดการช่วยเหลือและคุมพวกทหารทางด้านนอก รอบตัวปราสาท เลยเป็นโอกาสดีสำหรับเตชัส ที่จะได้อยู่กับเปมโดยไม่ต้องมีปลาหมึกโรคจิตมารบกวน ถึงอย่างนั้นก็ไม่พ้น มีพี่สาวคนสวยตามติดตลอดเวลาอยู่ดี

“วาสินี มานี่หน่อย”

คนถูกเรียกวางกล่องกระดาษผุๆในมือลง ก่อนจะเดินตามเตชัสที่ลากแขนตัวเองออกมาในมุมหนึ่งของห้องโถง ท่ามกลางสายตาแปลกๆจากพี่น้องหอยทะเลที่จ้องตามหลังมาไม่วางตา

“มีอะไรเนี่ย ทำแบบนี้ข้าก็โดนวีจับตามองสิ”

“ข้าจะบอกให้เจ้าเอาตัวจารวีออกไปให้พ้นข้าหน่อย”

“หา แล้วจะให้ทำยังไง”

“ยังไงก็ได้ ออกไปเดินเล่นในเมืองเลยก็ได้ เดี๋ยวข้าช่วยงานทางนี้เอง”

เตชัสซุบซิบกับวาสีนีไปพลาง หันหลังไปสังเกตสายตาอำมหิตแปลกๆทางด้านหลังไปพลาง น้ำเสียงก็ยิ่งเร่งให้วาสินีช่วยเหลือตน จนหญิงสาวทนไม่ได้ ยอมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ

“ท่านเนี่ยน้า ผูกปมไว้เอง ก็ไม่ยอมแก้เอง นับวันมันจะยิ่งรัดแน่น รู้บ้างไหม”

“รู้อยู่แล้วน่า...”

“เฮ้อออ!” วาสินีถอนหายใจแรงๆอีกที ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้กับสองพี่น้องที่กำลังจับตามองอยู่ไม่คลาดสายตา

“วี ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีของต้องรีบไปซื้อ แล้วร้านมันจะเปิดขายแค่วันนี้ ช่วงนี้เท่านั้น เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยนะ อยู่ในเมืองตรงนี้เอง”

“แต่เราต้องอยู่ช่วยจัดการของพวกนี้นะ”

วีรีบทำทีเป็นหยิบกองเอกสาร และกล่องกระดาษบนพื้นที่เตรียมเอาไปทิ้ง และเก็บเข้าห้องเก็บของขึ้นมาถืออย่างลนลาน แต่วาสินีก็ไม่ได้สนใจ กลับปัดของในมือวีทิ้งและคว้าขอมือสวยออกไปจากปราสาทเสียเฉยๆ ท่ามกลางเสียงโวยวายแหลมสูงที่ดังเรียกความสนใจไปทั่วบริเวณ

“เออดี ลากไปง่ายๆเลยเว้ย”

เตชัสพึมพำกับตัวเอง ทำให้เปมต้องตรงเข้ามาตีแขนใหญ่อย่างรู้ทัน คนตัวสูงยิ้มแห้งๆให้ ก่อนจะหันไปสนใจเก็บกวาดกองของเก่าตรงหน้า ถึงอย่างนั้นก็ยิ้มเป็นคนบ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะตอนนี้น่ะได้โอกาสอยู่กับเจ้าตัวเล็กสองต่อสองเสียที ค่อยชุ่มชื้นหัวใจขึ้นมาหน่อย และแม้ว่าคนตัวเล็กที่ว่าจะไม่ได้พูดอะไรหรือแสดงออกมากนัก ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะความดีใจเช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนช่วยกันจัดเก็บของ และทำความสะอาดปราสาทไปเรื่อยจนถึงมืดค่ำ แถมยังไม่เห็นวี่แววของตัวก่อกวนทั้งหลายอีก ทำเอาวันนี้ต้องจารึกไว้ว่าเป็นอีกวันที่มีความสุขที่สุดทีเดียว แต่ก่อนจะรู้ตัว เตชัสก็เผลองีบไปกับผนังในห้องเก็บของที่ยิ่งมืดขึ้นไปอีก โดยมีแค่แสงสว่างจากดวงจันทร์ลอดผ่านเข้ามาเท่านั้น

“คนอะไร... ไม่น่าโต”

เปมนั่งยองๆลงตรงหน้าของเจ้าชายฉลามซึ่งกำลังหลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่เงียบๆ พลางหยิบรูปถ่ายที่ได้มาวันนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง ใช่...ไม่น่าโต ตอนเด็กๆออกจะดูน่ารักคาวาอี้ แล้วดูสิ โตขึ้นมากลายเป็นพวกหื่นกามเฉยเลย

คนตัวเล็กจ้องใบหน้าเรียวของคนรักเพศชายคนนี้เป็นเวลานานพอตัว ในที่สุดก็ตัดสินใจสูดอากาศเข้าปอดเต็มที่ และทำท่าคว้าเอาอากาศมากำไว้แน่น พร้อมยื่นไปทาบลงกับแผงอกกว้างตรงหน้า ก่อนจะพึมพำเบาๆและรีบพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ทันที

“เอ้านี่... หัวใจข้า”

“...”

ไม่กี่วินาทีหลังจากเสียงประตูห้องปิดลง เจ้าชายฉลามก็ค่อยๆปรือตาลืมขึ้น รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าราวกับจะหุบมันลงไปไม่ได้อีก ภายในหัวก็มีเพียงเสียงใสของคนตัวเล็กเมื่อครู่ ดังวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น มือหนาวางทาบลงกับอกซ้ายของตัวเองหวังจะซึมซับความอบอุ่นที่ยังคงหลงเหลือจากมือเล็ก

เตชัสที่ยิ้มไม่หุบอยู่ภายในห้องเก็บของมืดๆ และเปมที่เอาแต่ก้าวขาไวๆอย่างไร้จุดหมายด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งสองคนคงตระหนักแล้วว่า บัดนี้ไม่ได้แบกรับหัวใจไว้แค่เพียงดวงเดียวอีกต่อไป หากแต่ ทั้งคู่ได้ทำข้อตกลง ที่จะใช้หัวใจทั้งสองดวง ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว.....

-----------------------------------------

> เตกะเปม มีความสุขแล้วน้า TwT
> มุกหัวใจเสี่ยวอะ 5555 เล่นเอง ด่าเอง lol
> ตอนนี้ไม่ได้แต่งต่อเลย ต้องเตรียมตัวเปิดเทอม สมุดโน้ตยังไม่ได้ซื้อ ;w; ไม่อยากเปิดเลยอะ 5555 เกรดเทอมที่แล้วก็ยังไม่ออก อ๊ากกกก คืออาจจะหายไปบ้างนะคะ แต่คงไม่หายไปนาน เพราะชอบอู้งานอยู่แล้ว กร้ากก
> ตอนต่อไปตามที่พล็อตไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งวันชิวๆของฉลามหอย แล้วหลังจากนั้นค่อยขึ้นภาคใหม่ ที่ว่าจะไปเอี่ยวกับเขตสัตว์ปีกค่ะ
> คือพล็อตไว้จนจบแล้วแหละ เดี๋ยวไปเรื่องเขตสัตว์ปีกแล้วน่าจะต่ออีกประมาณสองภาค ก็จะจบแล้วค่ะ >_____< แต่ก็ไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก 55555
> เดี๋ยวว่างๆจะนั่งทำไทม์ไลน์ อดีตถึงปัจจุบันให้ด้วยนะ ;D (ทำเพื่อให้คนแต่งไม่งงเองด้วยแหละ 5555 หลงๆลืมๆอยู่ด้วยสิ)
> ส่วนเรื่อง 3P อันนี้แอบคิดจริง ไม่อิงคอมเม้นนักอ่านค่ะ แต่ก็ต้องขอย้ำคำว่า 'แอบคิด' 55555 (เหมือนบอกตอนจบแล้วเลยอะ = =; )
> ยังไงก็ฝากติดตาม และติชมกันด้วยนะคะ ไม่ว่าจะคอมเม้นแบบไหน ก็ขอน้อมรับและขอบคุณหมดเลยค่ะ :D

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
หวานกันอย่างไม่เกรงใจพี่หมึกเลยอะ T^T สงสารพี่หมึก

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
หาคู่ให่หมึก  :oo1: :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
พี่หมึกกกกกTT

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
http://i325.photobucket.com/albums/k387/mooaiir/scan0001_zps1ae9f36a.jpg

อันนี้เป็น ไทม์ไลน์ ของอดีตจนถึงปัจจุบัน (เปมพบกับเต/รเณศ) ของเรื่องนี้นะคะ
เราเขียนไว้เพื่อให้ตัวเองไม่สับสน แล้วก็เอามาลง เผื่อใครงงด้วย



----------------------------------------------------------

บทที่ 17
สัญญา

 

“พ่อเป็นยังไงบ้าง?”

ทั้งเปมและวีพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้านหินแถบชายฝั่งทะเล นี่ก็เป็นเพราะว่าหลังจากการซ่อมแซมปราสาท กษัตริย์เตชินท์ก็อนุญาตให้เปมกับวีกลับมาเยี่ยมพ่อได้ โดยมีเตชัสกับวาสินีติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนรเณศที่ยังมีงานกองเป็นภูเขาก็ต้องติดแหงกอยู่ที่ปราสาทตามเดิม

“ข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะสบายดีกว่าแต่ก่อนมาก อาจเป็นเพราะสบายมาจากใจ ที่รู้ว่าลูกของตัวเองทั้งสองได้มีชีวิตที่ดีในปราสาทใหญ่ แน่นอนว่าต้องไม่รู้เรื่องเหตุการณ์จลาจลและเหตุผลของมันเป็นแน่

“วันก่อนข้าให้ทหารส่งอาหารมาให้มากมาย ท่านได้กินบ้างหรือเปล่า” วีเอ่ยปากถามพลางมองไปรอบๆบ้าน

“ข้ากินแล้ว ฝีมือเจ้ายังดีไม่ตกเลย”

“ดูเหมือนพ่อแม่ข้าจะกลับมาแล้ว ข้าขอตัวสักพักนะ”

วาสินีพูดขึ้นหลังจากที่ทอดสายตาออกไปมองที่บ้านของตัวเอง โดยที่ชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่งจะก้าวขาเข้าประตูไปเมื่อสักครู่ คนอื่นๆต่างพยักหน้ารับรู้ จนวิสนีเดินออกจากห้องไป ทั้งสามคนที่เหลือก็มานั่งล้อมวงกันอยู่ตรงหน้าพ่อมนุษย์

“เปม ข้ารู้เรื่องณิชาแล้วล่ะนะ”

“อึ่ก...” ทันทีที่พ่อยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เตชัสและวีก็รีบหันควับไปมองปฏิกิริยาของเจ้าหอยนางรมทันที

“ทางพ่อแม่เขาก็ไม่ได้จะกล่าวโทษอะไรเราหรอก แต่ข้าก็นึกสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงไปบอกเลิกนางเสียอย่างนั้น”

“ข้า.....”

“เอาเถอะ ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องพูด”

“แต่แบบนี้ก็แย่เลยนะ..” ทุกสายตาหันไปจับจ้องที่เสียงแหลมของวีแทน เมื่อนางเริ่มออกปากพูด แถมยังตีสีหน้าเห็นใจแปลกๆ

“ทำไมล่ะ”

“ก็นอกจากณิชาแล้ว ไม่รู้เปมของเราจะหาภรรยาคนไหนได้อีก เพราะวันๆเอาแต่ช่วยเหลือคน จนไม่สนใจผู้หญิง... ข้าหมายถึงไม่เคยคิดจะไปจีบใครน่ะ”

เปมรีบหันกลับมานั่งก้มหน้างุด โดยมีสายตาของเตชัสจ้องอยู่ไม่วางตา แม้อยากจะเข้าไปกอดเพื่อคลายความสับสนและวุ่นใจให้คนตัวเล็ก แต่ก็ทำได้เพียงนั่งมองอยู่นิ่งๆเท่านั้น ส่วนพ่อเมื่อได้ยินก็เริ่มทำท่าคิดตามคำพูดของวี ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ก็จริงนะ แล้วเข้าไปอยู่ในปราสาทน่ะ หาได้บ้างหรือเปล่าล่ะ”

พ่อเริ่มพูดติดตลกและหัวเราะน้อยๆ ต่างกับคนฟังที่อยากจะเอาหัวมุดใต้ถุนบ้านหนีออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเหมือนว่ายิ่งสนทนากันไป มันจะยิ่งเหลือเถิดมากเกินไปเสียแล้ว แถมวียังยกมือมาแตะไหล่เปมเหมือนจงใจจะกดดันตัวเองซะอีก

“ก็ได้เจ้าชายไง”

“พี่วี!”

เปมรีบเงยหน้าขึ้นมองวีอย่างเอาเรื่อง เมื่อพี่สาวคนสวยหลุดคำพูดเมื่อครู่ออกมา ทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ เตชัสเองก็เริ่มอึดอัดจนต้องยกแขนขึ้นปาดเหงื่อตามใบหน้า วีดูจะไม่สะทกสะท้านเท่าไร กลับยิ้มกว้างและพูดต่อไป

“ข้าหมายถึง ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าชาย ส่วนเรื่องผู้หญิงน่ะ ไม่เอาไหนเลย”

วีหัวเราะชอบใจอยู่สักพัก ก่อนที่ประตูบ้านจะเปิดออกพร้อมกับวาสินีและพ่อแม่ของนาง ที่หอบปลามาเต็มถัง สุดท้ายเตชัสก็ต้องโดนวีลากไปช่วยกันทำอาหารในครัว พวกผู้ใหญ่ก็อยู่คุยกันในห้องนั่งเล่น ทิ้งให้เปมกับวาสินีต้องออกมานั่งหงอยกันสองคนด้านนอก

“เจ้าไม่ไปช่วยเขาทำอาหารเหรอ” เปมทำลายความเงียบด้วยการถามวาสินีที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆมาให้

“ข้าไม่เก่งเรื่องนี้น่ะ เดี๋ยวจะทำครัวเจ้าพังเสียก่อน ฮ่ะๆ แล้วเจ้าไม่ไปช่วยเหรอ”

“พี่วีคงไม่อยากให้ข้าช่วยหรอก”

“อูย...”

วาสินีได้แต่หันหน้าหนีเหมือนรู้สึกผิดเต็มทีที่เลือกคำถามนั้นออกไป แต่หลังจากความเงียบยาวนาน เธอก็ค่อยๆหันกลับมาสังเกตสีหน้าน้อยใจของผู้ชายร่างเล็กตรงหน้า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เปมคงไม่รู้หรอกว่า เธอเองก็เป็นอีกคนที่ถูกดึงเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์อลเวงของเขา เจ้าชาย และ วี เพราะว่าเตชัสมักจะมาระบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตัวเองฟัง ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอเป็นคนเดียวที่รู้จักสองพี่น้องหอยทะเลดี

“เปม... นี่เจ้า มีความสัมพันธ์แบบไหนกับท่านเตชัสกันแน่?” นางบำเรอสาวถามขึ้นเพื่อทดลองหยั่งเชิง ทำเอาเปมรีบหันควับมามองอย่างตกใจ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ส่ายหัวแบบเอาเป็นเอาตาย

“ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็แค่เพื่อนกันนี่”

“แน่ใจ?”

“....อือ.. ไม่มีอะไรจริงๆ..”

“เปม”

เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ทันทีที่เปมพูดจบ ทั้งสองคนรีบหันกลับไปมอง ก็เห็นเตชัสกำลังโผล่หน้าออกมาจากประตูบ้าน แถมยังตีสีหน้าน้อยใจไม่สมกับหน้าตาเอาเสียเลย วาสินีได้แต่ส่ายหน้าสองสามทีและฟาดมือลงกับหน้าผากตัวเองเบาๆ ส่วนเปมก็แทบจะพุ่งตัวออกไปทันทีที่เห็นสายตาของเตชัส แต่ไม่ทันที่จะไปถึง คนตัวใหญ่ก็ปิดประตูหนีหายกลับเข้าไปเสียแล้ว

“เต! เอ่อะ...”

เปมทีรีบเปิดประตูตามไป ผงะเล็กๆ เมื่อสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสามหันมามองเป็นตาเดียว หอยนางรมน้อยได้แต่ก้มหัวไปจนใกล้ถึงห้องครัว แผ่นหลังกว้างที่จำได้ดีปรากฏอยู่ตรงหน้า จึงรีบตรงเข้าไปคว้าแขนแกร่งไว้ทันที เตชัสหันกลับมามองด้วยสีหน้านิ่งเฉยผิดกับทุกที แถมยังทำท่าจะชักแขนออก ด้วยว่าจะกลับเข้าไปในห้องครัว ซึ่งวีกำลังง่วนอยู่กับกระทะใบใหญ่

“ข้าขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร ‘เพื่อนกัน’ ไม่โกรธอยู่แล้ว”

“เต!”

คนตัวเล็กรีบกอดแขนใหญ่ไว้แน่น เมื่อเตชัสทำท่าเหมือนจะสะบัดออกอีกครั้ง สายตาก็มองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของตนกับห้องครัวใกล้ๆนี้

“อะไร”

“ยะ..อย่า...”

“...”

“...อย่าไปหาพี่วีเลยนะ”

เปมพูดเสียงอยู่ในลำคอ ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปจนถึงใบหูที่ขึ้นสีชัดเจน สายตาออดอ้อนแบบเด็กๆถูกช้อนขึ้นไปสบกับสายตาเรียบเฉยของคนตัวใหญ่ เตชัสนิ่งเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะพรวดพราด เป็นฝ่ายลากคนตัวเล็กเข้าไปในห้องห้องหนึ่งทันทีอย่างคนไม่รู้ทิศทาง และก็บังเอิญว่าเป็นห้องน้ำพอดี เตชัสจึงรีบจัดแจงล็อกประตูแน่นหนา ก่อนจะหันกลับมาเอาเรื่องร่างบางที่ยังคงตีสีหน้าตกใจ

“มากเกินไปแล้วนะ”

“หะ??...อุบบ”

เจ้าชายฉลามไม่พูดพร่ำทำเพลง บดขยี้ริมฝีปากของตัวเองลงไปกับริมฝีปากบางตรงหน้าทันทีอย่างดุเดือดจนคนตัวเล็กหายใจแทบไม่ทัน ร่างบางถูกดันจนชิดขอบอ่างล้างหน้า มือใหญ่ถูกสอดผ่านตัวเสื้อเข้าไปลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียน

“อื้มม..ม”

คนตัวใหญ่ถอนริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะดูดลิ้นเล็กเสียงดัง เตชัสลากลิ้นชื้นของตัวเองลงกับลิ้นเล็กของเปมและเริ่มตวัดไปมาแรงๆ คนตัวเล็กที่เริ่มคุ้นชินกับการกระทำเช่นนี้ ก็ค่อยๆโต้ตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆไปบ้าง ทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดลิ้นร้อนกันไปมาเป็นเวลานาน กว่าจะได้โอกาสถอนตัวออกจากกันเพื่อสูดเอาอากาศหายใจ

“ฮั่ก...ฮ..”

“เพราะเจ้าน่ารักมากเกินไป ข้าถึงโกรธไม่ลงเลย”

เตชัสพูดเสียงหอบน้อยๆ และขยับเข้าไปจูบเปมซ้ำอีกไม่รู้กี่หน มือใหญ่ถลกเสื้อยืดตัวบางขึ้น ก่อนจะวนลิ้นอุ่นลงไปรอบๆจุกทับทิมสีสวย มือสองข้างก็คอยประคองนวดเค้นไปทั่วร่างสวย เรียกเสียงครางหวานจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี

“อ๊ะ! เต.. หยุด”

เปมพยายามออกแรงแขนสองข้างเพื่อดันไหล่คนตัวใหญ่ออกไป แต่ก็ไม่เกิดผล เตชัสยังคงปรนเปรอร่างบางไม่หยุด โดยที่เหลือบตาขึ้นมามองเหมือนต้องการจะถามหาเหตุผล

“นี่มันในห้อง อ้ะ.. น้ำ นะ...คนอื่นก็ ย..อยู่ตั้งเยอะ”

คนตัวเล็กยังคงไม่เลิกดันไหล่เตชัสออกห่างจากตัวเอง พลางอธิบายอย่างยากเย็น เพราะแม้ว่าปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจเองก็รู้สึกดีไปกับสัมผัสที่ได้รับ

“งั้นคืนนี้ข้าไปหาที่ห้องนะ”

เตชัสยอมผละตัวออกมาจนได้ แต่ก็ไม่วายทิ้งลายหื่นตบท้าย ทำเอาเปมเขินจัดจนต้องเสมองไปทางอื่น โดยไม่ตอบอะไร

ทั้งสองคนค่อยๆแง้มประตูออกเพื่อดูลาดเลา เมื่อไม่เห็นใคร ก็รีบพากันออกมาด้านนอก และทำตัวเนียนเป็นปกติไปจนหมดวัน ตกเย็นทั้งสี่ก็ร่ำลาพ่อแม่และขึ้นหลังปักษายักษ์กลับปราสาทอย่างสงบสุข ถือว่าโชคดีที่วีไม่เอาเรื่องที่จู่ๆเตชัสก็หายตัวไปนาน เพราะกำลังอารมณ์ดีที่ได้กลับมาเห็นหน้าพ่ออยู่ดีมีความสุข

ถึงอย่างนั้น เรื่องบ้าๆบอๆของวันก็ยังไม่จบไปเสียทีเดียว เมื่อจู่ๆเตชัสก็ลากวาสินีออกมาหาที่ห้องนอนของเปมเอากลางดึก นางบำเรอคนสวยในชุดนอนสบายๆเดินงัวเงียเปิดประตูห้องเข้ามาแกมหงุดหงิด ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงของเปมอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้ย ไม่ได้เรียกให้มานอน”

เตชัสหันไปตีแขนวาสินีแรงๆโดยไม่สนใจว่าจะเป็นการทำรุนแรงกับผู้หญิงแต่อย่างใด ผิดกับเปมที่กำลังตกใจกับแขกผู้มาเยือน ทั้งๆที่ตัวเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไร เหตุก็เพราะเพิ่งโดนไอ้ฉลามตัวใหญ่นี่ลวนลามเข้าให้เหมือนเคย เปมลนลานจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะนั่งมองวาสินีที่ค่อยๆยกหัวตัวเองขึ้นจากหมอนอย่างยากลำบาก

“เต นี่มันอะไร” เปมถามอย่างงุนงง เตชัสก็เลยได้โอกาสตรงเข้ามาโอบกอดเอวบางไว้แน่น พลางพยักเพยิดไปทางวาสินีที่กำลังขยี้ตาอย่างแรง

“ข้าอยากได้ยินชัดๆ ว่าสรุปว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วจะได้ให้วาสินีเป็นพยานด้วยไง”

“เอ่อะ...”

“ว่าไง ข้าเป็นอะไรสำหรับเจ้า บอกวาสินีไปสิ ไม่ใช่เพื่อนใช่ไหม”

เตชัสขยับเข้ามาอยู่ตรงหน้าเปมที่กำลังก้มหน้างุด ส่วนวาสินีที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ยังคงอ้าปากหาวหวอดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้นก็จับจ้องไปที่ปากที่ปิดสนิทของเปมอยู่ตลอด ความเงียบและความกดดันถูดพัดผ่านไปหลายนาที จนในที่สุดร่างเล็กก็สั่นน้อยๆด้วยความเขินอาย ก่อนที่ริมฝีปากบางจะค่อยๆเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูดแผ่วเบาแต่ทว่าชัดเจนออกมา

“เต...ปะ เป็น..”

“...”

“เป็นคนรักของข้า!”

เปมรีบก้มหน้าก้มตาพูดรัวๆให้จบประโยคไปเสียที แต่แค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มกว้างของเตชัสได้มากแล้ว เจ้าชายฉลามค่อยๆประคองใบหน้าหวานของเจ้าหอยนางรมที่บัดนี้กำลังแดงก่ำขึ้น ก่อนจะประทับริมฝีปากนุ่มลงไปอย่างอ่อนโยน

ทั้งสองคนเริ่มจูบตอบกันอย่างออกรสมากขึ้นทุกขณะ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าภายในห้องนี้ไม่ได้มีกันแค่สองคน วาสินีที่กำลังง่วงๆจะหลับแหล่มิหลับแหล่เมื่อครู่ ตอนนี้ก็เอาแต่จิกหมอนข้างอย่างห้ามไม่ได้ สายตาจับจ้องไปที่ภาพผู้ชายสองคนกำลังแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม จะว่าตกใจก็ตกใจ แต่จะว่าฟินก็ฟินอยู่มาก จนแทบละสายตาไม่ได้เลย

ไม่นานนัก เปมก็ผลักเตชัสออก และเริ่มหอบถี่ จนเมื่อนึกขึ้นได้ถึงค่อยๆหันมามองวาสินีที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ

“อะ...อะ..”

“ไม่ต้องพูด ข้าจะกลับไปนอนแล้ว ถือซะว่าข้าไม่เห็นแล้วกัน” หญิงสาวรีบพูดรัวๆก่อนจะปาหมอนในมือทิ้งและวิ่งออกไปจากห้องทันที

“เปม ข้ารักเจ้านะ” เตชัสละสายตาจากประตูห้องที่ถูกปิดลง และหันมาสนใจผู้ชายร่างบางตรงหน้าที่เอาแต่เขินไปเขินมาจนตัวบิดไปหมดแล้ว

“อ..อือ”

“ไว้ข้าจะพาเจ้าไปที่แถบเทือกเขา แถวนั้นขายของเกี่ยวกับปักษายักษ์มากมาย เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้เจ้าลูกชายกันนะ”

“อื้อ!”

คราวนี้เปมตอบขึ้นมาทันควันอย่างดีใจ เมื่อเตชัสพูดถึงเจ้าลูกชายที่ว่า ก็คือปักษายักษ์ขนน้ำตาลของเปมที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ ที่โรงเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นเอง แล้วก็รู้ๆกันอยู่ ว่าเตชัสเป็นคนกำหนดเองเออเอง ให้เจ้านกตัวน้อยนั้นเป็นเหมือน ‘ลูก’ ของเขาและเปม และแม้คนตัวเล็กจะปฏิเสธขาดใจในตอนแรก ตอนนี้กลับยอมรับเอาดื้อๆซะอย่างนั้น ก็นะ บางที.. เจ้านกสีน้ำตาลตัวนี้ อาจจะกำเนิดออกมาจากความรักของทั้งคู่จริงๆก็ได้

 

“เอากรงไม้อันนี้แหละ”

“ไม่เอา”

“เอา”

“ไม่เอา!”

“เอา!”

“เฮ้ย!”

เปมขึ้นเสียงพร้อมๆกับผลักไหล่กว้างของเตชัสออก จนคนตัวสูงเซไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมายืนเก๊ก ชักสีหน้าเอาแต่ใจใส่เจ้าหอยนางรมตรงหน้าได้เหมือนเคย ท่ามกลางสายตาลำบากใจของพ่อค้าแม่ขายละแวกนั้น

“เจ้านั่นเป็นปักษายักษ์พันธุ์ใหม่ ที่มีจำนวนไม่ถึงยี่สิบตัวในโลก จะให้อยู่ในกรงเหล็ดดัดกากๆได้ยังไง”

“แต่ก็ต้องไม่ใช่อันนี้!”

คนตัวเล็กรีบแย่งกรงไม้เนื้อดีฉลุลายมโนราห์ในมือของเตชัสกลับไปวางบนแท่นขายเหมือนเดิม ทั้งๆที่ออกมาจากปราสาทด้วยความอารมณ์ดีแท้ๆ กลับต้องมาหงุดหงิดเสียอย่างนั้น เพียงเพราะเตชัสจอมเอาแต่ใจ ที่คิดจะซื้อเฉพาะของดีราคาแพงเท่านั้น

“ไม่มีอันไหนสวยกว่าอันนี้แล้วนะ”

“จำเป็นมากปะ พอมันโต ก็ต้องออกจากกรงอยู่ดี”

 “ก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเราอะ ผิดมากปะ”

เปมแทบจะฟาดมือเล็กลงกับแขนแกร่งแทบจะทันทีที่เตชัสพูดจบ แก้มทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ แถมเจ้าของร้านยังมองมาด้วยสายตาจับผิดอีกต่างหาก ไอ้เจ้าชายบ้า ใครใช้ให้พูดคำว่า ‘ลูกเรา’ ตรงนี้มิทราบ! แล้วอะไร ลูกบ้านใครเป็นนกกันมั่ง!

“เออ จะซื้ออะไรก็ซื้อ แล้วออกไปจากตรงนี้ให้ไวเลย” เปมชี้นิ้วสั่งอย่างอารมณ์เสีย สุดท้ายก็ต้องยอมจนได้ เพราะขี้เกียจยืนต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ฉลามนี่อีกแล้ว

“โห ทำตัวเป็นภรรยาเชียว”

“เตชัส!!”

เตชัสหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้เจ้าของร้านที่กำลังทำหน้าประหลาดใจ มองเตชัสกับเปมสลับกันไปมาอยู่นาน จนเมื่อรับเงินทอนมาเรียบร้อย เตชัสก็ยกเอากรงไม้ชั้นดีมาไว้ในมือ โดยที่โดนคนตัวเล็กเดินหนีออกไปไกลแล้ว

คนตัวสูงเอาแต่เดินตามสีหน้ายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางที่เปมจะโกรธตัวเองได้จริง ทั้งสองคนยังคงเดินเล่นอยู่บนถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกชาวบ้านแถบเทือกเขาเป็นเวลานาน กว่าจะรู้ตัวฟ้าก็มืดสนิทจนเห็นแสงดาวชัดเจน สักพักก็เกิดเสียงพลุดังขึ้นมาเรียกความสนใจของทุกคน ร้านค้าต่างๆก็เริ่มทยอยเก็บของ และผู้คนส่วนใหญ่พากันมุ่งหน้าไปที่ลานกว้างไม่ไกลนัก

จนเมื่อทั้งคู่เดินตามคลื่นผู้คนเข้าไป ก็ได้ยินเสียงประกาศ พร้อมโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ที่แสดงว่าในคืนนี้ เวลาอีกไม่นาน จะมีฝนดาวตกระลอกใหญ่ลงมาให้ชม และจุดนี้ก็เป็นจุดรวมพลที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด ตลาดข้างทาง ก่อนเข้าไปในตัวลาน มีการตั้งขายเครื่องดื่มแปลกๆมากมายหลายบูธ นั่นก็คือ ‘น้ำกุหลาบ’

“ดื่มเปล่า?”

เตชัสก้มลงถามเปมห้วนๆ ท่ามกลางความวุ่นวายของชาวบ้านมากมายที่กำลังแห่กันเข้ามาในบริเวณงาน คนตัวเล็กพยักหน้าสองสามทีและพยายามอย่างมากในการซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นแบบเด็กๆเอาไว้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีวันลอดสายตาของเตชัสไปได้อยู่ดี ก็ที่ถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าอยากลองดื่มน่ะสิ

คนตัวใหญ่ฝากกรงนกราคาสูงไว้ที่เปมก่อนจะแทรกผู้คนจำนวนมากเข้าไปยื้อแย่งกันซื้อน้ำกุหลาบที่บรรจุอยู่ในแก้วลวดลายสวยงาม ไม่นานเตชัสก็เดินออกมาพร้อมแก้วหนึ่งใบในมือ คนตัวเล็กจึงเลิกคิ้วถามขึ้นมาทันที

“ทำไมซื้อมาแก้วเดียวอะ”

“ก็แบ่งกันไง”

“เออดี ที่เรื่องงี้ล่ะทำเป็นงก”

เตชัสไม่สนใจเอาแต่หัวเราะน้อยๆพลางดันหลังคนตัวเล็กให้เดินตามฝูงคนเข้าไปภายในลานกว้าง ก่อนจะไปจับจองที่นั่งตรงมุมหนึ่ง เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะมาเดี่ยวๆ เป็นคู่ หรือเป็นกลุ่ม และทุกๆที่ก็จะต้องมีแก้วน้ำกุหลาบอยู่ด้วยเสมอ

เวลาผ่านไปพอตัว จนคลื่นผู้คนเริ่มสงบลง ความเงียบและความหนาวเริ่มจับตัวไปทั่วบริเวณ สักพักดาวดวงแรกก็ร่วงหล่นอย่างสวยงาม ตามมาด้วยดาวอีกหลายร้อยดวงที่พัดผ่านลงมาเป็นสาย ไม่ว่าจะมองยังไงก็มีแต่ความสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ หลายๆคนเริ่มยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ทำให้เตชัสต้องรีบสะกิดไหล่บางเพื่อให้ลองดื่มน้ำกุหลาบดูบ้าง

เปมยิ้มน้อยๆก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สายตาก็ยังเหลือบมองไปบนท้องฟ้าที่อาบไปด้วยฝนดาวตกสุกไสว รสชาติหวานๆแตะกับปลายลิ้นยิ่งเร้าให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างตื่นเต้น เจ้าหอยนางรมค่อยๆดื่มด่ำความหอมหวานกลมกลืนอย่างน่าประหลาดของเครื่องดื่มในมือ สักพักก็ยื่นต่อให้เตชัสลองดื่มบ้าง

คนตัวสูงรับแก้วใบสวยมาดื่มทีเดียวหมดแก้วพลางยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อแลซ้ายมองขวาไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจ ก็ถือโอกาสคว้าตัวร่างบางมาแนบชิดกับอกกว้างของตัวเอง เปมพยายามผละตัวออกแทบจะทันที แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตัวนิ่งอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆจนได้

“ตอนที่ซื้อน้ำกุหลาบ คนขายเขาว่ามันเป็นประเพณีของคนพื้นเมือง”

“อ่าวเหรอ ว่าอย่างไรล่ะ” เตชัสกระชับอ้อมแขนขึ้น ก่อนจะละสายตาจากฟากฟ้า ก้มลงมองใบหน้าขาวซีดของคนรักในอ้อมกอด

“ถ้าคนหนึ่งชมฝนดาวตกแล้วดื่มน้ำกุหลาบไปด้วย เขาเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ถ้าแบ่งกันดื่ม... มันจะกลายเป็นสัญญา”

“สัญญา?” ฟังมาถึงตรงนี้ เปมก็ละสายตาจากฝนดาวตกด้านบนและหันมาสบสายตาอันลึกซึ้งของเตชัสแทน

“สัญญาที่จะแบ่งปันความสุขร่วมกัน และแบ่งเบาความทุกข์ให้แก่กันไง”

รอยยิ้มที่ไม่ต้องฝืนใดๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหวาน กว่าที่เปมจะรู้สึกตัวว่าไม่อาจหุบยิ้มที่ลงได้ เตชัสก็เข้าครอบครองริมฝีปากของตนเองไปเสียแล้ว กลิ่นกุหลาบอ่อนๆยังคงโชยไปทั่ว ราวกับจะเร้าให้ทั้งสองคนแสดงความรักออกมาอย่างไม่ต้องเกรงกลัวสายตาใคร

ค่ำคืนนี้ เตชัสได้มอบจูบที่อ่อนโยนมากกว่าทุกครั้ง ทำเอาเปมแทบละลายไปกับสัมผัสอบอุ่นที่ได้รับ จนเมื่อทั้งคู่ค่อยๆผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าที่ขาวซีดเมื่อครู่ ก็กลับขึ้นสีชัดเจนและร้อนผ่าวไปจนถึงหู ไม่รู้ด้วยความหนาวเย็นหรือเพราะรสจูบเมื่อครู่กันแน่

ทั้งเปมและเตชัสเลือกที่จะนั่งโอบกันมองฝนดาวตกต่อไป โดยไม่สนใจที่จะหันมองคนอื่นๆในบริเวณนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม แต่ในตอนนี้เท่านั้น ที่อยากจะปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นอิสระ ไม่อยากใส่ใจสายตาของคนอื่นๆ นอกเสียจากเราสองคนเท่านั้น

ฝนดาวตกแสนประทับใจนี้ดำเนินไปอีกสักพักก็ค่อยๆหยุดลง ท่ามกลางมวลชนที่เริ่มลุกออกจากลานกว้าง เปมคว้าแก้วน้ำเปล่าๆมา พร้อมกับเตชัสที่รีบยกกรงนกลุกขึ้น ค่ำคืนแสนหวานอีกคืนควรจบลงเพียงแค่นั้น ถ้าหากว่าสายตาเจ้ากรรมของหอยนางรมต้วน้อยไม่ไปปะทะเข้ากับแผ่นหลังคุ้นเคยไกลๆเสียก่อน

เจ้าของผมสีทรายที่เป็นเอกลักษณ์ ซอยสั้นระต้นคออย่างดูดี มาในชุดไปรเวทเรียบๆ กำลังยืนเคียงคู่กับผู้หญิงตัวเล็กเจ้าของผมสีน้ำตาลเพลิงแสบตา ในมือของเธอคนนั้นถือแก้วน้ำเปล่าที่เตรียมทิ้ง พร้อมรอยยิ้มกว้างที่ผิดกับผู้ชายข้างๆซึ่งเอาแต่ตีสีหน้าเรียบเฉย

“นั่นมัน... รเณศไม่ใช่เหรอ?”

 --------------------------------------------

รเณศ มุงมีคนอื่นหราาาาาา !!?   :angry2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2013 22:03:03 โดย mooaiir »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
คนแต่งปล่อยระเบิดอ่ะ

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 18
ธิดาเหยี่ยว

 

“เหอะ มากับสาวนี่หว่า ไอ้เวร” เตชัสรั้งเอวเปมเข้ามาประชิดตัวพลางจ้องตรงไปทางรเณศกับสาวปริศนา แถมยังจงใจพูดแรงๆให้เปมรู้สึกอีกต่างหาก

“น้องสาวหรือเปล่า?” เปมพยายามยกข้อสังเกตหนึ่งขึ้นมาอ้าง ทำเอาเตชัสต้องรีบชักสีหน้าหงุดหงิดและจ้องหน้าเปมอย่างเคืองๆ

“คงไม่ได้พูดปลอบใจตัวเองอยู่หรอกนะ”

“จะบ้าเหรอ เปล่าสักหน่อย”

“ก็ดี อีกอย่าง รเณศไม่มีพี่น้อง.. ปะ ไปทักมันกันหน่อยดีกว่า”

เตชัสดันหลังคนตัวเล็กให้เดินตรงไปหาแผ่นหลังคุ้นเคยตรงหน้า แม้ว่าเปมจะพยายามรั้งคนตัวใหญ่ไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ก็ไอ้ไปทักของเตชัสน่ะ ดูท่าทางไม่ใช่เพราะเป็นมิตรหรืออะไรเลยน่ะสิ แต่แววตาที่ฉายออกมา มันเหมือนต้องการไปเยาะเย้ยเสียมากกว่า

“เฮ้ย! รเณศ...”

“อ้าว ท่านพี่เตชัส!”

ไม่ทันที่เตชัสจะทักจบ ผู้หญิงข้างๆรเณศก็หันหน้ากลับมาและชิงทักเตชัสขึ้นก่อนซะอย่างนั้น เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้เป็นใคร เตชัสก็กลับตีสีหน้าเซ็งๆระคนตกใจทันที ผิดกับรเณศที่จ้องเปมเขม็งเหมือนต้องการจะสื่อสารผ่านดวงตา แต่แย่หน่อยตรงที่ว่า คนตัวเล็กไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่รเณศต้องการจะอธิบายเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็พอจะรู้ว่าเขาดูสับสนเพียงใด

“ยัยขวัญ เจ้าเองเรอะ”

“ทำไม คิดว่าเป็นใคร หรือว่าท่านรเณศมีหญิงอื่น!”

สาวน้อยหน้ามนรีบตีโพยตีพายและหันไปจ้องรเณศเขม็ง ส่วนคนตัวใหญ่ก็เอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมพูดอะไรสักคำ เตชัสที่รู้สึกไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เจอเด็กผู้หญิงที่ชื่อขวัญคนนี้ก็ยังพยายามไล่กัดเธอต่อ โดยไม่สนใจจะหันมาอธิบายให้เปมรู้เรื่องสักนิด

“ไม่มีสาวไหนทั้งนั้นอะ ว่าแต่เจ้าเถอะ มาทำไม ถึงฤดูผสมพันธุ์แล้วหรือไง ถึงต้องถ่อมาหาผู้ชายที่นี่”

เปมเงยหน้ามองเตชัสอย่างแปลกใจ เพราะเท่าที่รู้ก็แค่ว่าเขาเป็นพวกปากร้ายเอาแต่ใจ แต่ไม่คิดว่าจะจัดขนาดด่าเด็กสาวได้แรงขนาดนี้ ส่วนขวัญที่เพิ่งโดนด่าไปก็เอาแต่เชิดหน้าไม่ใส่ใจ และหันกลับไปควงแขนกับรเณศต่อ ดึงความสนใจของเปมกลับไปอีก แต่ที่สนใจน่ะไม่ใช่อะไรหรอก เพราะแค่สงสัยและใคร่รู้ในความสัมพันธ์ของทั้งสองเท่านั้น ดูๆแล้ว สองคนนี้ก็ดูเข้ากันดีนี่น่า

“เอ่อ...” ในที่สุดเปมก็กลั้นใจ ส่งเสียงออกมาขัดจังหวะทุกคน ทำเอาทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

“ใครอะ?”

ขวัญชิงถามขึ้นก่อนเป็นคนแรกด้วยน้ำเสียงดูถูกหน่อยๆ ทำให้เตชัสต้องขยับเข้าไปตีหน้าผากเธอเบาๆ พร้อมๆกับที่รเณศยกแขนของขวัญออกจากแขนตัวเองทันที

“นี่คือเปมทัต คนรักของข้า”

“ห๊ะ!?/เฮ้ย!”

เสียงของขวัญกับเปมดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เพราะต่างตกใจกับคำตอบแบบตรงไปตรงมาสุดขีดของเจ้าชายฉลามผู้นี้ รเณศเองเมื่อได้ยินก็ชักสีหน้าหงุดหงิดระคนหมั่นไส้ขึ้นมาพลางขยับตัวออกห่างจากขวัญมากขึ้น

“เอ่อ ขอโทษนะ แต่เดี๋ยวนี้ท่านชอบแบบนี้?”

“ไม่ใช่ชอบ รักต่างหาก”

“เฮ้ย ล้อเล่น?”

“เปล่า มีอะไร ทำไม?” เตชัสรุกไล่ถามขวัญด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง จนหญิงสาวห่อไหล่ด้วยความกลัวน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

“แล้วท่านเนี่ย เป็นใบ้ไปแล้วเหรอ” ขวัญเลิกสนใจเตชัสและหันไปเอาเรื่องผู้ชายข้างๆแทน แถมยังดึงแขนใหญ่ของรเณศกลับมาให้ประชิดตัวเองเหมือนเดิมอีก

“กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวข้าไปส่ง”

รเณศยังคงมองเปมไม่วางตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ และยอมพูดอะไรสักอย่างออกมาพลางดึงแขนเล็กของขวัญ ตั้งท่าจะเดินออกไปจากบริเวณ ทว่าหญิงสาวกลับรั้งแขนใหญ่ไว้และชี้นิ้วไปที่หน้าของเตชัสอย่างมาดมั่น

“ไม่ต้อง ข้าจะค้างที่ปราสาทของท่านพี่เตชัส”

 

“ข้าขอตัวไปทักทายท่านลุงก่อนนะ”

ขวัญบอกทันทีที่ปักษายักษ์ทุกตัวร่อนลงตรงหน้าปราสาทใหญ่ ส่วนเตชัสเองก็ถูกจารวีที่มาดักรอตั้งแต่ช่วงเย็นลากให้ไปชิมอาหารอะไรก็ไม่ทราบ ทิ้งให้เปมยืนหงอยอยู่กับรเณศสองคน

“เอ่อ งั้นข้าขอตัวก่อนนะ กลับบ้านดีๆล่ะ”

คนตัวเล็กหันไปยิ้มแห้งๆให้รเณศที่ยังคงใบ้กินมาตลอดทาง แต่แทนที่องครักษ์หนุ่มจะขึ้นหลังปักษายักษ์ไป กลับคว้าข้อมือบางของเปมไว้แน่นและลากออกมาที่มุมหนึ่งนอกปราสาท เปมที่พยายามโวยวายก็ไม่ได้ทำให้รเณศรับฟังอะไรมากขึ้นเลย

“มะ.. มีอะไร”

“ข้าอยากอธิบายเรื่องผู้หญิงคนนั้น”

“อ่า”

เปมส่งเสียงเข้าใจแม้ว่าจริงๆจะไม่ต้องการคำอธิบายก็ตาม เพราะอย่างไรเสีย เขากับรเณศก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ประเภทที่ว่า ต้องคอยอธิบายเรื่องแบบนี้ให้ฟังอยู่แล้ว

“เธอชื่อกรองขวัญ เป็นธิดาของกษัตริย์แห่งเขตสัตว์ปีก ข้าต้องคอยดูแลนางเพราะมันส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขต เท่านั้นเองจริงๆ”

“แต่ข้าคิดว่านางชอบเจ้านะ”

“แต่ข้าไม่ได้ชอบนางนะ ไม่เลย”

“อ่าฮะ เออๆ” เปมรีบพยักหน้าเข้าใจเมื่อรเณศเริ่มตีสีหน้าจริงจังและตรงเข้าคว้าแขนสองข้างของตัวเองเขย่าไปมา

“เจ้าระวังตัวหน่อยนะ กรองขวัญเป็นเด็กอารมณ์รุนแรงมาก ถ้ารู้ว่าข้าสนใจเจ้า เจ้าก็ต้องโดนเพ่งเล็งแน่”

“อ้าว ไหงมาซวยที่ข้าอะ” ฟังไปฟังมาชักจะทะแม่งๆ ทั้งที่เปมไม่ได้รู้สึกอะไรกับรเณศด้วยสักหน่อย ทำไมต้องคอยระวังตัวจากผู้หญิงที่ชอบรเณศด้วย

“ช่วยไม่ได้นี่น่า ก็ข้ารักเจ้าหนิ”

“เอ้า งั้นเจ้าก็เลิกรักข้าซะเซ่”

เปมลากเสียงกวนๆที่ท้ายประโยค ด้วยว่าอยากจะกลบความรู้สึกตกใจ ที่จู่ๆรเณศก็มาพูดว่ารักเสียดื้อๆอย่างนี้ แต่ดูเหมือนรเณศจะไม่ขำ กลับชักสีหน้าหงุดหงิดระคนเสียใจแปลกๆออกมาเสียอย่างนั้น แถมยังขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น พร้อมบีบแขนทั้งสองข้างของเปมแรงๆ เสียงแผ่วเบาทว่าจริงจังถูกเปล่งออกมาท่ามกลางความเงียบสนิท จนคนตัวเล็กหยุดนิ่งไปทั้งร่างราวกับต้องมนตร์

“อย่าพูดอย่างนั้นอีก เพราะเจ้าก็รู้...”

“...”

“ว่าข้าทำไม่ได้”

“รเณศ...”

คิ้วบางของเปมถูกขมวดเข้าหากันด้วยความอึดอัดใจ น้ำเสียงแผ่วเบาเปล่งออกไปอยากลำบาก ไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหน หรือทำอะไร ที่จะไม่เป็นการทำร้ายคนตรงหน้า เพราะรเณศเองก็คงรู้อยู่แก่ใจเหมือนกัน ว่าเขาเองไม่ได้มีความรักที่จะมอบให้ได้

“ท่านรเณศ!”

เสียงแหลมเล็กของกรองขวัญดังขึ้นมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ และดึงแขนใหญ่ของรเณศออกจากตัวเปมอย่างเคืองๆ

“กรองขวัญ”

“ข้าขอให้ท่านลุงจัดห้องสำหรับท่านไว้แล้ว จนกว่าข้าจะกลับ ท่านก็มานอนที่ปราสาทแล้วกัน ห้องเราติดกันเลยนะ”

เด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขเต็มที ผิดกับคนตัวสูงที่ได้แต่ตีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก พลางลอบถอนหายใจอยู่หลายหน ทำเอาเปมอดนึกสงสารกับหน้าที่การตามดูแลเอาใจธิดาเหยี่ยวองค์นี้ไม่ได้

“ไม่ต้องหรอก ยังไงข้าก็มาทำงานทุกวันอยู่แล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

กรองขวัญดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดและสีหน้าของรเณศสักนิด กลับออกแรงลากมือใหญ่ให้เดินตามตัวเองเข้าไปภายในปราสาท แล้วรเณศเองก็เหมือนจะขัดขืนอะไรไม่ได้ เพราะต้องทำตามหน้าที่อันเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างเขต ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า ถ้าทำให้เจ้าหญิงขี้วีนคนนี้ไม่พอใจเมื่อไร เรื่องมันจะไม่จบง่ายๆแน่

ไม่นานเตชัสก็เป็นฝ่ายเดินหน้ามุ่ยออกมาลากตัวเปมที่ยังคงยืนคิดเรื่องราวต่างๆจนเพลิน กลับเข้าไปในปราสาทอีกคน สีหน้ากังวลใจของหอยนางรมคนรักคงจะส่อออกมาผิดปกติเกินไป เตชัสถึงหยุดเดินเอากลางห้องโถง และรวบตัวเปมเข้าไปกอดเอาดื้อๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงมันออกนอกหน้านัก”

คำพูดลอยๆของเจ้าชายฉลามดังขึ้นใกล้ๆหู เปมเข้าใจดีกว่าเตชัสกำลังพูดถึง สีหน้าท่าทางของตนเองที่กำลังแสดงออกถึงความเป็นห่วงที่มีต่อรเณศ และรู้ดีว่าเขาต้องหึงเป็นธรรมดา ถึงอย่างนั้นเปมก็ห้ามความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะสำหรับเขาแล้ว รเณศก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง หากการเป็นห่วงและเห็นใจเพื่อนของตนจะต้องทำให้เตชัสโกรธเคือง เปมคิดว่า เขาคงต้องยอมให้เตชัสโกรธไปนั่นแหละ เพราะการละเลยเพื่อนของตัวเอง มันแย่ยิ่งกว่าสิ่งใดเสียอีก

 

“ท่านรเณศ ข้าอยากกินไก่อบน้ำผึ้ง”

ขวัญทำท่างอแงและชี้นิ้วไปที่จานไก่อบน้ำผึ้งเกรดเอบนโต๊ะอาหารขนาดยาว รายล้อมไปด้วยเหล่านางบำเรอที่ยังไม่ถูกถอดให้ไปเป็นเด็กรับใช้ แน่นอนว่ารวมถึงเจ้าชายฉลาม องครักษ์ และเปมทัตด้วย

“เฮ้ย ก็มากไป เจ้ามีมือก็ตักเองสิ” เตชัสโวยขึ้นพร้อมกับที่รเณศกำลังคีบไก่บนจานใหญ่มาใส่จานข้าวของกรองขวัญ ท่ามกลางสายตาหลายคู่

“ไม่จำเป็น เพราะยังไงท่านรเณศก็ต้องดูแลข้าอยู่แล้ว”

“ถ้าข้าจำไม่ผิด รเณศมันเป็นคนของเขตสัตว์น้ำไม่ใช่เหรอ เรื่องอะไรต้องมาตามใจเด็กอย่างเจ้าด้วย”

เตชัสวางช้อนส้อมในมือลงและหันไปต่อความกับกรองขวัญที่เริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ เปมที่นั่งอยู่ใกล้ๆรีบส่งสายตาไปปรามเจ้าชายฉลามเลือดร้อน แต่เตชัสกลับพยักหน้าตอบเหมือนต้องการจะบอกว่า ขอให้ได้ด่าเด็กนี่เถอะ

แล้วที่ทำเนี่ย ก็อย่าคิดว่าเพราะเป็นห่วงรเณศเหมือนคนตัวเล็กเสียล่ะ เพียงแค่ไม่ชอบใจกับท่าทีเอาแต่ใจเกินเหตุของยัยกรองขวัญ ที่เหมือนว่าจะมากกว่าตัวเองสักร้อยเท่าได้ แถมยังหงุดหงิดที่กรองขวัญมาใช้อำนาจผิดที่ผิดทางในถิ่นของตัวเองอีกด้วย เป็นแค่เด็กผู้หญิงแท้ๆ กลับทำตัวกร่างไม่น่าดูเอาเสียเลย ในฐานะที่เป็นเจ้าของปราสาทและอาวุโสกว่า มันก็ต้องมีการสั่งสอนกันหน่อย เพราะเขาไม่ใช่รเณศจอมซื่อบื้อที่เอาแต่กลัวปัญหาจนไม่กล้าหือแม้แต่กับเด็กตัวเล็กๆนี่

“แต่ท่านพ่อและท่านอาเคยฝากฝังข้าให้ท่านรเณศดูแล ฉะนั้นท่านรเณศก็เท่ากับเป็นคนของข้าเช่นกัน อีกอย่าง ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”

“ที่ทำตัวแบบนี้นี่แหละถึงว่าเด็ก”

“เหอะ ท่านพี่ไม่ทราบอะไร ทางผู้ใหญ่เขาเริ่มพูดคุยกัน เกี่ยวกับการอภิเษกสมรสของข้ากับท่านรเณศแล้ว แบบนี้จะไม่เรียกว่าเป็นคนของข้าได้อย่างไร”

“อภิเษก!?”

คราวนี้สายตาทุกคู่กลับจับจ้องไปที่เปม เจ้าของเสียงดังเมื่อครู่แทน ทำเอาหอยนางรมน้อยได้แต่ยิ้มแห้งๆและห่อไหล่ลงอย่างเกร็งๆ กรองขวัญและเตชัสตีสีหน้าเคืองๆใส่เปมแทบจะทันที ผิดกับรเณศที่หลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งทำให้เปมอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียจริงๆ ก็แค่ตกใจเท่านั้นเอง ทำไมต้องมองกันแบบนี้ด้วย

“ตัวกะเปี๊ยกเดียว คิดเรื่องแต่งงานแล้ว บ้าเปล่า ถามผู้ชายเขาก่อนเหอะ”

“ไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้ว ในเมื่อท่านรเณศไม่มีคนรัก และข้าก็เป็นผู้หญิงที่ท่านรเณศสนิทด้วยมากที่สุด มันก็แปลได้ตรงตัวแล้วไม่ใช่หรือไง” กรองขวัญยืดอกพูดอย่างมั่นใจ โดยไม่ทันได้หันไปมองสีหน้ากระอักกระอ่วนของรเณศเลยแม้แต่น้อย

“ทฤษฎีอะไรเนี่ย แล้วรู้ได้ไงว่ามันไม่มีคนรัก”

 ทั้งโต๊ะละสายตาจากอาหารตรงหน้าไปมองเตชัสที่วันนี้พูดดีผิดปกติ เพราะทุกทีก็เกลียดรเณศเข้าไส้ จะพูดจะจาถึงเขาที ถ้าไม่กัด ไม่ด่า ก็ต้องตำหนิอะไรสักอย่างให้ได้เชียว ถึงอย่างนั้นเตชัสก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะรู้แก่ใจดีว่าที่ทำอยู่ ไม่ใช่เพื่อรเณศ แต่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะกรองขวัญเท่านั้น จะพูดให้ถูกก็คือ เป็นโชคดีของรเณศ ที่เตชัสไม่ถูกชะตากับเด็กกรองขวัญนี่เอาเสียมากกว่า ถึงยอมพูดจาช่วยเหลือกันแบบนี้ ไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นปกติก็คงจะรีบผลักไสไล่ส่งรเณศให้รีบๆออกไปให้ไกลจากเปมเป็นแน่

“ก็ข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีนี่ แต่ถ้าท่านมีคนที่รักจริง ข้าก็จะยอมไป”

กรองขวัญตอกกลับเตชัสก่อนจะหันมาจ้องหน้ารเณศด้วยสายตาจริงจัง แต่คนตัวสูงรู้ดีอยู่แล้ว ว่าคำพูดของเด็กเอาแต่ใจน่ะเชื่อถือไม่ได้ คำว่าจะยอมไปของกรองขวัญมันต้องไม่ใช่การจากไปธรรมดาๆ ถ้าให้ลองจินตนาการ คิดว่าคงเป็นการฆ่าคนรักของตนเสียก่อนแล้วถึงจะยอมเลิกลาไปล่ะสิไม่ว่า

สิ้นสุดบทสนทนาอันชวนอึดอัดและน่าเห็นใจ ทุกคนก็เริ่มต้นรับประทานอาหารกันต่ออย่างสงบเสงี่ยม จนเมื่อกรองขวัญลากตัวรเณศออกไปเที่ยวเล่นเหมือนทุกที ทำให้งานที่ดองไว้ของเขาต้องถูกส่งต่อมาให้เตชัสช่วยเหลือชั่วคราว ก็เป็นคราวดีที่จารวีจะเข้ามามีส่วนรวมในเรื่องวุ่นๆครั้งนี้

เจ้าของผมยาวสวยกวักมือเรียกน้องชายตัวเองเข้าไปคุยกันในห้องนอน ก่อนที่จารวีจะเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำพูดลอยๆที่ไม่ค่อยจะเข้าใจ

“เจ้าก็ได้ยินแล้วนี่”

“หะ? ใครสั่งสอนให้เริ่มต้นบทสนทนาแบบนี้กัน ข้างงนะเนี่ย”

“ข้าก็หมายถึงรเณศกับกรองขวัญไง ข้ารู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นห่วงรเณศที่ต้องกลายมาเป็นเบี้ยล่างของยัยเด็กนั่น แต่เจ้าก็ได้ยินทางออกแล้ว กรองขวัญบอกเองว่า ถ้ารเณศมีคนรัก หล่อนจะยอมถอนตัว”

“แล้วไง รเณศไม่มีคนรักสักหน่อย”

“ก็เจ้าไง!”

“หา!?”

เปมเบิกตากว้างจ้องกลับไปที่จารวีซึ่งกำลังทำท่าครุ่นคิดต่อไป ปากอยากจะเถียงแต่ก็ไม่มีโอกาส เมื่อคนพี่ดูเหมือนจะไม่สนใจฟังอะไรเลย ถึงอย่างนั้น จารวีก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ เปมกับรเณศไม่ใช่คนรักกันสักหน่อย

“รเณศน่ะเป็นคนดีเกินไป ไม่ยอมบอกว่ารักเจ้า เพราะกลัวเจ้าจะโดนเพ่งเล็ง แล้วก็ไม่ยอมปฏิเสธไปตรงๆเพรากลัวกระทบต่อปัญหาบ้านเมือง แต่ความดีและใจเย็นของรเณศกำลังจะทำร้ายตัวเขาเอง ในฐานะเพื่อน เจ้าก็ควรจะช่วยไม่ใช่หรือ”

“...”

“ถ้าเจ้าแสดงตัวว่าเป็นคนรักของรเณศ ยัยเด็กนั่นก็ต้องยอมกลับไป เราทำเพื่อให้กรองขวัญเป็นฝ่ายปฏิเสธรเณศเอง แทนที่เขาจะผลักไสหล่อนไงล่ะ จะได้ไม่เกิดปัญหาระหว่างเขตด้วย”

“แต่ว่า ถ้าจะใช้แผนการนั้น ก็ให้ผู้หญิงสวยๆมาแสดงแทนจะไม่ดีกว่าเหรอ ข้าเป็นผู้ชายนะ ใครจะไปเชื่อ”

“จะบ้าหรือไง เพราะเป็นผู้ชายนี่แหละ กรองขวัญถึงจะยอมทิ้งรเณศได้ อีกอย่างนะ ถ้าเอาคนอื่นมาแสดง รเณศก็ไม่ยอมเล่นด้วยหรอก เขาแสดงได้เนียนเวลาอยู่กับเจ้าเท่านั้นไม่ใช่หรือไง”

เปมหยุดคิดตามคำพูดของจารวีที่ดูจะจริงจังมากเป็นพิเศษ บางทีพี่สาวคนนี้อาจจะเห็นใจรเณศเช่นกัน ถึงได้วางแผนนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเขา นั่นสิ แล้วเพื่อนอย่างเปม ทำไมถึงจะไม่ช่วยล่ะ และแผนการนี้ถึงจะดูมีช่องโหว่มากมาย แต่ก็น่าลองเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ถ้าสิ่งที่รเณศกลัวจนไม่กล้าปฏิเสธกรองขวัญคือ เรื่องความสัมพันธ์ของเขต และความปลอดภัยของเปม แผนของจารวีก็ดูไม่แย่เท่าไร

“เปม... เจ้ายอมตกที่นั่งลำบาก เพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนไม่ได้เหรอ?”

“...”

นั่นสิ ความปลอดภัยของตัวเองน่ะ เขาไม่สนใจหรอก เขาแค่อยากจะช่วยเหลือรเณศเท่านั้น แล้วเด็กขี้วีนอย่างกรองขวัญคงทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้วกระมัง เพราะถึงยังไงก็เป็นแค่เด็กนี่น่า ถ้าจะเดือดร้อนก็อาจจะแค่โดนเกลียดโดนแกล้งเล็กน้อยเท่านั้นแหละ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเปมอยู่แล้ว และถ้าผู้หญิงปกติรู้ว่าคนรักของตัวเองดันไปรักผู้ชายเนี่ย มันก็สมควรจะใจสลายและเลิกราไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นแผนนี้ก็อาจจะได้ผลจริงๆก็ได้ ใช่แล้วล่ะ ในฐานะของเพื่อน จะมาคอยให้รเณศปกป้องตัวเองอย่างเดียวไม่ได้ แต่เปมจะต้องเป็นฝ่ายปกป้องรเณศบ้างเหมือนกัน

“อื้อ ข้าจะทำ... ข้าจะเป็นคนรักของรเณศเอง!”

------------------------------------

รเณศสมหวังแล้วสิ  :z2:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
แหงะะะ มีเรื่องมาอีกแล้ววว :z3: :sad4:

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 19
เพื่อนคนสำคัญ

 

“เต”

“ท่านเตชัส”

“ท่านเตชัส”

“ไม่”

เจ้าชายฉลามนั่งทำหน้าไม่พอใจในขณะที่เปม จารวี และวาสินี กำลังคุกเข่าขอร้อง หลังจากที่เล่าแผนการณ์ช่วยเหลือรเณศให้พ้นมือมาร หมายถึง เด็กกรองขวัญนั่น แต่แค่บอกว่าต้องยอมให้คนรักของตนไปแสดงว่าเป็นคนรักของคนอื่น แถมคนอื่นที่ว่ายังเป็นรเณศ แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้ว

“ก็แค่แสดงเท่านั้นเอง ใช่ว่าเป็นจริงเสียเมื่อไร” เปมรีบขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆคนตัวใหญ่ที่เอาแต่เสมองไปทางอื่น ตามมาด้วยเสียงแหลมแกมขู่ของวีที่ดังขึ้นมา

“ใช่ๆ ถ้าท่านไม่ยอมนะ จะยุให้เปมไปเป็นคนรักรเณศจริงๆเสียเลย ดีไหม”

“เหอะ ทุกวันนี้ก็ทำตัวช่างยุอยู่แล้วนี่”

“อึ่ก”

วีเงียบปากลงทันทีที่โดนสวนกลับมาด้วยถ้อยคำโหดร้าย แต่ทว่าก็ล้วนเป็นเรื่องจริงที่จี้ใจดำ เธอเริ่มหันไปสะกิดวาสินี ที่โดนลากมาทั้งๆที่ตอนแรกไม่เกี่ยวด้วยสักนิด ทำให้เพื่อนคนสวยต้องยอมขอร้องด้วยอีกคน เพราะถึงยังไงเธอก็แอบสงสารรเณศอยู่เช่นกัน

“ท่านเตชัสทำแบบนี้ก็เท่ากับไม่เชื่อใจเปมนะ”

“เออใช่ นี่ข้าไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” คนตัวเล็กรีบเสริมทัพทันที พลางดึงชายเสื้อเตชัสแรงๆจนคนตัวใหญ่ต้องยอมหันหน้ากลับมา

“ที่ข้าไม่ไว้ใจคือไอ้ปลาหมึกโรคจิตนั่นต่างหาก”

“ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นะ” วาสินียังชักจูงจิตใจของเตชัสไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยวีและเปมที่คอยเสริมอยู่ตลอดๆ

“พูดเหมือนมันจะไปตาย อย่างร้ายก็อาจจะต้องแต่งกับขวัญจริงๆเท่านั้นเอง”

เตชัสรีบสวนกลับอย่างหงุดหงิด และพยายามอย่างมากที่จะไม่ใส่ใจแขนเล็กของเปมซึ่งเอาแต่รั้งชายเสื้อตัวเองไปมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

“ก็นั่นแหละที่แย่! อายุรเณศกับขวัญนี่มันพ่อลูกได้เลยนะ แล้วรเณศก็ไม่ได้รักขวัญเลย ถ้าเป็นท่านเองที่ต้องถูกบังคับให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รัก จะรู้สึกยังไง”

“จริงด้วย อีกอย่าง เด็กกรองขวัญดูร้ายจะตาย รเณศคงได้ถูกจิกหัวใช้จนตายนั่นแหละ น่าเห็นใจออก”

“เต ข้าแค่อยากช่วยรเณศในฐานะเพื่อนเท่านั้น ข้าไม่มีวันทรยศเจ้าเด็ดขาดเลย”

สาวทั้งสองเร่งเร้าเตชัสเข้าไปอย่างหนัก จบท้ายด้วยเสียงจริงใจของเปมที่ทำเอาเตชัสถึงกับชะงัก ใบหน้าเรียวหันไปหยุดลงตรงหน้าเปมเป็นเวลานาน ในหัวมีแต่ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ก่อนที่จะจำใจยอมรับคำขออนุญาตนี้ เตชัสก็ลองยกอีกสักเรื่องมาเถียงอีกสักหน่อย

“แต่ข้าบอกขวัญไปแล้วว่าเปมคือคนรักของข้า แล้วยัยนั่นจะไปเชื่อได้ยังไง”

“ง่ายออก แค่บอกว่าท่านทึกทักเอาเองก็จบ ทุกคนเชื่อแน่ เพราะท่านก็ชอบคิดเองเออเอง ตัดสินเองอยู่แล้วหนิ”

“วาสินี!” เตชัสรีบตวัดสายตาดุๆไปทางเจ้าของเสียงใสที่ต้องรีบหดหัวทำตัวเกร็ง พลางยิ้มแห้งๆใส่

“โทษๆ แมวพูด”

“ถ้าขวัญเลิกราไปเมื่อไร ข้าจะเอาคืนเจ้าให้สาสมเลย คอยดู”

ร่างบางของเปมถูกมือใหญ่คว้าเข้าไปชิดตัว ใบหน้าเปมและเตชัสอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น แถมสายตากรุ้มกริ่มระคนเคืองที่จ้องมาก็ยิ่งทำเอาคนตัวเล็กใจคอไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่ฝืนยิ้มกว้างออกมา เพราะนี่ก็ถือเป็นคำตอบแล้วว่าเตชัสอนุญาตให้เราดำเนินการตามแผนได้ ส่วนให้การเอาคืนที่ว่าน่ะ ค่อยไปผวาเอาหลังจากนี้ก็ไม่สาย ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิด มีเพียงแค่เรื่องช่วยเหลือรเณศเท่านั้น

รุ่งสางต่อมา เปมรีบจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าและย่องผ่านความเงียบและความมืดไปที่ห้องนอนซึ่งไว้รองรับแขก เสียงละเมอแปลกๆของเด็กสาวลอดผ่านประตูไม้ออกมาใกล้ๆ ดูเหมือนว่าขวัญจะยังหลับสนิทอยู่ แต่ก็สมควร เพราะนี่มันเพิ่งจะตีสี่เท่านั้น

คนตัวเล็กค่อยๆย่างเท้าตรงไปที่ประตูบานข้างๆ ก่อนจะใช้กุญแจที่จารวีลอบเอามาให้เปิดประตูออกช้าๆอย่างระมัดระวัง เกิดเสียงดังคลิกเล็กน้อยก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออก พร้อมกับร่างบางที่รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องและรีบปิดประตูลงอย่างเบามือ

เปมค่อยๆหันหน้าเข้าหาเตียงช้าๆ แต่ก็ต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากกันเสียงของตัวเองเมื่อภาพตรงหน้ากลับเป็นรเณศที่กำลังนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่นิ่งๆแถวปลายเตียง ไอ้ปลาหมึกนี่หลับท่านี้จริงเหรอ หรือว่านอนไม่หลับถึงได้ต้องลุกมาทำสมาธิเอาเวลาอย่างนี้กัน แต่ไม่ว่าจะยังไง ดูเหมือนตอนนี้เขาจะยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องตัวเองแล้ว

เจ้าหอยนางรมค่อยๆก้าวเท้าช้าๆไปหยุดอยู่ตรงหน้ารเณศที่ยังคงหลับตาสนิท ร่างกายสงบนิ่งอย่างเหลือเชื่อ คนตัวเล็กย่อเข่าลงเล็กน้อยเพื่อให้สายตาตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของคนตัวใหญ่ เปมจ้องมองรเณศอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาชั่วครู่ มีเพียงเสียงลมที่ดังชัดเจน ก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมออกไปข้างหน้า แต่ไม่ทันที่จะสัมผัสโดนอะไร ดวงตาคู่สวยตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมทั้งแรงบีบที่ข้อมือ จนเปมต้องร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“เปม... เจ้าเข้ามาได้ยังไง” เมื่อสายตาคุ้นชินกับความมืดในห้องแล้ว รเณศถึงค่อยคลายแรงที่ข้อมือบางออก แต่ก็ไม่ได้ปลดการเกาะกุมแต่อย่างใด

“ข้าขอกุญแจเด็กรับใช้มา จะได้ไม่ต้องเคาะประตู” รเณศเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนต้องการจะถาม ทำให้เปมต้องรีบพูดต่อด้วยเสียงระดับกระซิบ “เดี๋ยวขวัญรู้ตัว”

“หมายความว่ายังไง เจ้าเข้ามาทำไม”

“ข้าจะมาพาเจ้าออกไป”

“??”

“ออกไปจากการครอบงำของกรองขวัญ”

“...”

รเณศนิ่งไปสักพักหนึ่งเหมือนกำลังประมวลผล จนพอเข้าใจเรื่องราว เขาจึงใช้โอกาสในจังหวะที่เปมไม่ระวังตัวนี้ ลุกขึ้นผลักร่างบางลงกับเตียงนุ่มก่อนจะตามไปขึ้นคร่อมไว้ทุกทาง และแม้คนข้างล่างจะอยากกรีดร้องออกมาก็ต้องกลั้นใจสงบปากสงบคำไว้เพราะไม่อยากให้คนข้างๆห้องตื่น

“ข้าเตือนให้เจ้าระวังตัวใช่ไหม แล้วทำไมถึงยังทำแบบนี้”

“ก็ข้าอยากช่วยเจ้านี่”

“ไม่จำเป็น”

“ข้าไม่อยากเห็นเจ้าต้องตกเป็นเบี้ยล่างเด็กอย่างกรองขวัญ ไปเถอะ เดี๋ยวจะเช้าแล้ว”

“ไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมทำให้เจ้าเดือดร้อน”

“แต่ข้ายอมเดือดร้อน!”

เปมหลุดขึ้นเสียงออกมาพลางยันตัวเองลุกขึ้นเล็กน้อย มือเล็กทั้งสองข้างพยายามผลักอกกว้างของรเณศออกแต่ไม่เป็นผล ทำให้ร่างบางต้องยอมล้มตัวลงบนที่นอนเหมือนเดิม พร้อมรับสายตาที่ซ่อนความหมายมากมายเอาไว้ของคนด้านบน

“ตอบมาสิ... ข้าสำคัญกับเจ้าขนาดนั้นเลยเหรอ”

รเณศผละตัวออกนั่งนิ่งบริเวณปลายเตียง จึงเป็นโอกาสของเปมที่จะรีบขยับตัวออกห่างด้วยกลัวว่าจะถูกจับกดแบบเมื่อครู่อีก คนตัวเล็กขยับไปจนหลังชิดหัวเตียง น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก สายตารีบเสมองไปทางอื่นอย่างอึดอัดใจเมื่อถูกคนตัวสูงจ้องมองกลับมาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม

รเณศกระตุกยิ้มอย่างพอใจในท่าที ก่อนจะขยับตัวเข้ามาอยู่ตรงหน้าเปมด้วยความรวดเร็ว จนร่างบางไม่ทันได้หลีกหนี ริมฝีปากบางของเจ้าหอยนางรมค่อยๆขยับออกช้าๆ ทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขินหรืออาย แต่เพราะเกลียดสายตาแบบนี้ของรเณศต่างหากถึงได้ไม่อยากมอง

“สำคัญสิ เพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า”

“เฮอะ... เอางี้ไหม...”

ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่ค่อยชอบใจกับคำตอบของเปมนัก เพราะเขาเกลียดที่คนตัวเล็กเอาแต่ตอกย้ำความเป็นเพื่อนอยู่ได้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ว่าเขาน่ะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนสักหน่อย แต่รู้สึกว่าตอนนี้จะคิดแผนแกล้งเปมออก ถึงได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางที่พยายามยืดตัวออกห่าง

“อ..อะไร”

“จูบข้า แล้วข้าจะยอมให้เจ้าทำตามใจ”

“หา!?”

เปมส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่กลัวว่าขวัญจะตื่นออกมาโวย แขนบางรีบดันออกแกร่งตรงหน้าออกห่างจากตัวและรีบส่งสายตาโกรธเคืองไปให้รเณศทันที แต่ไอ้สีหน้าเวลาโกรธของคนตัวเล็กมันกลับยิ่งเร้าให้รเณศอยากจะแกล้งมากขึ้นจริงๆ แต่ที่เสนออะไรแบบนี้ออกไป ก็เพราะรู้ดีว่าเปมไม่มีวันทำ เพราะเขาก็ไม่คิดจะยอมให้เปมทำตามใจหรือมาช่วยเหลืออะไรตัวเองอยู่แล้ว ถ้าทำแบบนั้น เปมต้องเดือดร้อนแน่ ก็ขวัญน่ะอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าใหญ่ ที่เขายอมตามใจเด็กนั่นก็ด้วยไม่อยากให้มีปัญหานั่นแหละ

“กรองขวัญจะทำอะไรกับข้าก็ช่าง แต่ข้าไม่ยอมให้นางทำอะไรเจ้าแน่ เข้าใจนะ”

รเณศรวบรัดสรุปเอาดื้อๆเพื่อจงใจตัดบทสนทนาอันยืดยาวนี้ ก่อนจะผละตัวออกจากร่างบางและตั้งท่าจะลุกออกไปจากเตียง เสี้ยววินาทีนั้นเอง ที่เปมตัดสินใจคว้าชายเสื้อของรเณศไว้เพื่อช่วยรั้งตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนที่คนตัวเล็กจะฝังปลายจมูกลงไปกับผิวแก้มเนียนของปลาหมึกยักษ์ตรงหน้า

เวลาที่กำลังเดินไปเรื่อยๆราวกับหยุดนิ่งในวินาทีนั้นเอง ดวงตาของรเณศเบิกกว้างอย่างตกใจ ผิดกับคนใกล้ๆที่เอาแต่หลับตาปี๋ ใบหน้าขึ้นสีชัดเจน ไม่กี่อึดใจต่อมา เปมก็รีบถอนใบหน้าออกห่างและข่มความอายทั้งหมดไว้ พลางจ้องหน้ารเณศเขม็ง

“ทะ...ทีนี้ให้ข้าช่วยเจ้าได้หรือยัง”

“...”

“/////”

องครักษ์หนุ่มนิ่งไปสักพัก คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ไม่นาน ร่างเล็กของเปมก็ถูกดึงเข้าไปอยู่แนบอกของรเณศเสียแล้ว ไม่ทันที่เขาจะได้ขัดขืน ทั้งร่างก็ลอยขึ้นมาอยู่บนบ่าแกร่ง ทำให้เปมต้องหลุดกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พลางทุบตีแผ่นหลังกว้างอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับตรงไปเปิดหน้าต่างบานใหญ่ ก่อนจะผิวปากดังๆเพื่อเรียกปักษายักษ์ขนขาวสง่างาม

“บ้านเจ้าเรียกการกระทำเมื่อครู่ว่าจูบหรือไง”

“อึ่ก.. ////”

กุก กัก...

เปมเริ่มได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังออกมาจากห้องข้างๆ ยิ่งทำเอาใจไม่ดี จนเผลอเปลี่ยนจากแรงทุบเมื่อครู่ เป็นการขย้ำเสื้อของรเณศจนยับยู่ยี่แทน

“ขวัญตื่นแล้วแน่เลย”

“ก็เจ้าร้องเสียงดังเองนี่ เอ้อ แต่ข้าก็ชอบเวลาเจ้าร้องนะ”

“ไอ้บ้ารเณศ!”

รเณศหัวเราะชอบใจพลางแกล้งยกตัวเปมขึ้นเล็กน้อยจนคนตัวเล็กร้องดังลั่น ต้องรีบผวาเข้าโอบรอบคอของคนตัวสูงไว้แน่น รเณศกระตุกยิ้มออกมาอย่างพอใจ จนเมื่อปักษายักษ์บินมาเทียบหน้าต่างบานกว้างที่พอให้คนสองคนผ่านไปได้ไม่ยากนัก เขาก็กระชับตัวเปมให้แน่นขึ้นก่อนจะกระโดดออกไปอย่างชำนาญ พอดีกับที่เสียงเคาะประตูรุนแรงดังขึ้น

“ท่านรเณศ! ท่านรเณศเปิดประตูให้ข้าหน่อย!” เสียงแหลมสูงของขวัญดังลอดออกมา ในจังหวะที่เจ้านกยักษ์ค่อยๆร่อนขึ้นที่สูง ทั้งคู่ค่อยๆออกห่างจากห้องนอนของรเณศมากขึ้นจนลับสายตาไป

“นี่ ฟังนะ ต่อไปนี้ข้าคือคนรักของเจ้า”

“หา!?” รเณศเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของคนตัวเล็กที่พยายามจะหันหลังมาคุยกับเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ทุกคนได้วางแผนช่วยเหลือเจ้า โดยการให้ข้าสมมติว่าเป็นคนรักของเจ้า กรองขวัญจะได้ยอมตัดใจและเลิกราไปไง”

“พวกเจ้านี่มันคิดอะไรตื้นๆ ไม่คิดถึงปัญหาที่อาจตามมาบ้างเลย”

“เจ้าต่างหาก! ไม่คิดบ้างว่า ถ้าปล่อยให้กรองขวัญทำตัวเป็นเจ้าของแบบนี้ ในอนาคตจะเดือดร้อนขนาดไหน” เปมพูดไป ขยับตัวกลับหลังไป จนในที่สุดก็หันหน้ามาเผชิญกับรเณศจนได้

“ข้าแค่เลือกหนทางที่จะสร้างปัญหาในวงแคบได้มากที่สุด อย่างน้อยข้าก็ไม่คิดจะดึงคนอื่นมาเดือดร้อนไปด้วยหรอก”

“บ้าหรือเปล่า! ต่อให้เกิดปัญหาหนักหนาแค่ไหน เราก็แค่ฝ่ามันไปด้วยกันก็ได้นี่!”

คนตัวเล็กดูจะโมโหกับความบ้าบิ่นที่จะยอมรับเรื่องเดือดร้อนอยู่เพียงลำพังของรเณศเต็มที ถึงได้ตรงเข้ากระชากคอเสื้อของคนตัวสูงอย่างแรงจนรเณศต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่ได้ตกใจแค่ในท่าทีไม่พอใจของเปม แต่ตกใจในคำพูดที่ดูห่วงใยมากเหลือเกิน

“จริงๆเลย... ทำไมถึงทำแบบนี้” รเณศกุมข้อมือเล็กออกจากคอเสื้อตัวเองพลางตีสีหน้าเหนื่อยใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ดีใจเป็นอย่างมาก การที่ได้เห็นเปมคิดถึงตัวเองมากขนาดนี้ เขาอาจไม่ต้องการอะไรอีกแล้วก็ได้

“ก็เราเป็นเพื่...อุบ!”

ไม่รอให้เปมพูดจบ ปลาหมึกยักษ์ที่กำลังหลงระเริงไปกับท่าทีเป็นห่วงของคนตัวเล็ก ก็ชิงทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปเพื่อดูดกลืนคำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมาเสียก่อน เปมเริ่มดิ้นหนีทันทีเมื่อปากแตะปาก แต่ก็อย่างทุกที ที่จะต้องแพ้แรงของคนตัวใหญ่ โดยเฉพาะบนหลังนกยักษ์แบบนี้ เขาก็ยิ่งไม่กล้าขยับตัวมากเกินไปเพราะความกลัว จึงต้องฝืนใจยอมหลับตาปี๋ ปล่อยให้รเณศรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากหวาน มือใหญ่สองข้างรวบตัวร่างบางไปไว้ในอ้อมกอดแน่นพลางลูบไล้ไปทั่วแนวแผ่นหลัง

กำปั้นเล็กๆของเปมยังคงไม่หมดความพยายามที่จะทุบลงไปกับแผงอกกว้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้องครักษ์หนุ่มรู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับเร้าให้เขาอยากจะแกล้งหยอกคนในอ้อมกอดมากขึ้นไปอีก อยากจะสัมผัสมากขึ้นไปอีก อยากจะลิ้มรสมากขึ้นไปอีก อยากจะครอบครอง... ทั้งตัวและหัวใจ...

คนตัวสูงถอนริมฝีปากออก และปล่อยให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสสูดอากาศเข้าปอด ก่อนจะลงลิ้นอุ่นกับซอกคอขาว ลากไล้ลงมาทั่วทุกจุดที่สายตามองเห็น

“อ๊ะ ร..รเณศ หยุด!”

เปมพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อดันไหล่กว้างของรเณศ พร้อมทั้งยืดตัวออกห่างจากผมสีทรายตรงหน้า คนตัวสูงจำใจผละออกมาจากเนื้อเนียนเล็กน้อย เพื่อเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าสีแดงก่ำที่ดูกี่ทีก็ยังน่ารักของเจ้าหอมนางรมนี้

คนตัวเล็กจ้องรเณศกลับด้วยสายตาเจ็บใจระคนหวาดเกรง ก็เพราะเขารู้สึกได้ถึงความนึกสนุก อีกทั้งความกระหายอ่อนๆที่ฉายออกมาจากแววตาเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าน่ะสิ

“ก็เจ้าบอกเองนี่ ว่าต่อไปนี้ เจ้าคือคนรักของข้า”

----------------------------------

ใครว่าเตหื่น รเณศหื่นกว่าเยอะอะ จริงๆ ..
ปัญหาเรื่องนี้มันเยอะ เพราะเราชอบแกล้งตัวละคร ฮา~
แต่เดี๋ยวหลังจบปัญหานี้จะปล่อยให้มีความสุขกันสักช่วงหนึ่งละกัน 555
ฉลามหอยคงต้องผจญปัญหาใหญ่ๆไปอีกสักสองเรื่องเนาะ
แล้วก็จะถึงจุดจบของเรื่องสักที ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ><'
อย่าเพิ่งหายไปไหนเลยน้า  :sad4: :z10:

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
เดี๋ยวโดนเต จับทำหมึดย่างสดหรอกกกกกก !! :z6:
อย่ามาลวนลามน้องหอยนะ  :angry2:

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
3p จงเจริญ
พี่หมึกจงเจริญ

 o13

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 20
มัวเมา

 

“นี่เรากำลังจะไปไหน”

เปมถามขึ้นเมื่อปักษายักษ์เริ่มลดระดับลงหลังจากบินในระยะที่สูงผิดปกติมานาน รเณศที่เพิ่งบังคับให้เปมนั่งนิ่งๆได้ค่อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็กในอ้อมกอด

“บ้านของคนที่ขายเจ้านี่ให้ข้า” รเณศว่าพลางตบขนสีขาวสวยสองสามทีอย่างเบามือ

“เจ้าซื้อปักษายักษ์มาจากชาวบ้านแถบเทือกเขาเหรอ”

“อือ เจ้าอยากได้หรอ ข้าซื้อให้ได้นะ”

“อ..เอ่อ ข้ามีแล้ว เตชัสให้ข้ามา...”

เปมรีบเบือนหน้าหนีสายตาที่จับจ้องเข้ามาใกล้กว่าเดิมพลางลดระดับเสียงลงตรงท้ายประโยค ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำตัวอย่างไรไม่ให้คนตรงนี้เสียใจดี ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้รเณศมานึกชอบตนเองเอาเสียเลย เพราะแบบนี้มันน่าอึดอัดและลำบากใจออก ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องเผลอไปทำร้ายเขาทุกที... ทั้งๆที่คิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีแท้ๆ

“งั้นเหรอ”

คนด้านหลังกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ก่อนจะเกยคางลงกับไหล่บางอย่างถือวิสาสะ ส่วนเปมที่เริ่มเหนื่อยจากการขัดขืนก็ได้แต่ยอมนั่งเป็นตุ๊กตาอยู่อย่างนั้นไปตลอดทางจนถึงที่หมาย

บ้านหินแข็งแรงที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ ตั้งอยู่ห่างจากเขตชุมชนไปสักหน่อย มีปักษายักษ์วัยกำลังโตถูกล่ามอยู่สองตัว เปมยืนมองรเณศที่กำลังเข้าไปเคาะประตูบ้านพลางตะโกรเรียกชื่อเจ้าของอย่างคุ้นเคย

“การันต์!”

“มาแล้วๆ”

เสียงนุ่มของผู้ชายดังลอดออกมา ก่อนที่ประตูบ้านจะเปิดออก เผยให้เห็นชายร่างสูงผิวขาวเหลือง เจ้าของดวงตาสีเหลืองน่ากลัว ผมซอยสั้นถูกปล่อยยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง หากแต่เส้นผมส่วนหน้าสีน้ำตาลเข้ม ที่ค่อยๆไล่ไปจนถึงสีขาวโพลนตรงส่วนปลายนั้น ดูแปลกตายิ่งกว่าครึ่งมนุษย์คนไหนที่ได้เคยเจอมา

ชายเจ้าของบ้านนาม การันต์ ตามที่รเณศเรียก ค่อยๆขยับตัวเข้ามาใกล้เปมที่เอาแต่ยืนแข็งทื่อราวกับโดนสะกด หน้าท้องและแขนขาเป็นมัดกล้ามไม่มากไม่น้อย รับกับขนาดตัวอย่างกำลังดี ยิ่งเสริมให้คนตรงหน้าดูสง่างามอย่างน่าประหลาด มือใหญ่ยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าเรียว วินาทีนั้นเอง ที่แรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้ามาภายในตัวของเปม ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังสำหรับสัตว์ตัวเล็กๆอย่างเขา ไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรออกไป ร่างเล็กของหอยนางรมก็ทรุดลงกับพื้นเสียแล้ว

“เปม!”

รเณศรีบตรงเข้ามาพยุงร่างบางขึ้นมา ก่อนจะผลักอกกว้างของการันต์อย่างรุนแรง และอุ้มตัวเปมเข้าไปในบ้านอย่างไม่เกรงใจ

“อะไรกัน เจ้านั่นมันเป็นตัวอะไร”

การันต์เดินตามเข้ามาในบ้านอย่างหงุดหงิด พลางชี้มือไปที่เปมซึ่งเอาแต่กลอกตาไปมาด้วยความหวาดกลัว มือเล็กทั้งสองเข้าเกาะกุมชายเสื้อของรเณศไว้แน่น

“หอยนางรม”

“หา!? นี่เจ้าพาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างนี้มาด้วยทำไมเนี่ย ถ้าเป็นอาหารล่ะก็รีบๆกินซะ”

“เปมไม่ใช่อาหาร แต่เป็นคนรักของเจ้าชายฉลามต่างหาก”

การันต์นิ่งไปนานเหมือนต้องการจะสังเกตท่าทีของทั้งรเณศและเปม เมื่อไม่เห็นอะไรน่าสนใจ ก็ได้แต่หันหลังเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ทิ้งให้เปมกับรเณศอยู่ด้วยกันตามลำพัง

เมื่อไม่มีแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวของการันต์แล้ว เปมก็เริ่มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น และกลายมาเป็นฝ่ายคิดด้วยว่าเป็นห่วงคนข้างๆแทน ก็ไอ้คำตอบเมื่อกี้ รเณศน่ะ.. พูดออกไป ด้วยน้ำเสียงเจ็บใจมากเลยนี่น่า อีกแล้วเหรอ นี่เขาทำให้รเณศต้องเสียใจอีกแล้วใช่ไหม

“เขาเป็นใครเหรอ?” เปมปล่อยชายเสื้อของรเณศออกและเริ่มต้นบทสนทนา

“หมอนั่นชื่อการันต์ เป็นคนของเขตสัตว์ปีกที่มาอาศัยที่นี่”

“แล้วทำไมถึงมีแรงกดดันมากขนาดนั้น ข้าคิดว่าน่าจะมากกว่กษัตริย์เตชินท์เสียอีก สัตว์ตัวเล็กๆอย่างข้าจะตายเอาได้เชียวนะ”

“ขอโทษนะ แต่หมอนั่นมันเป็นอินทรีน่ะ”

“อินทรี!? ตะ.. แต่ว่า...”

เปมรีบถามอย่างตะกุกตะกัก ในหัวก็เริ่มประมวลผลอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็อินทรีน่ะ เป็นพวกลูกครึ่งหายาก ที่มีข่าวว่าสูญพันธ์ไปแล้วนี่น่า ในสมัยก่อนก็เคยเป็นเจ้าแห่งเขตสัตว์ปีกด้วย แต่หลังจากถูกโค่นล้มโดยพวกเหยี่ยวเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ไม่มีใครได้เจอพวกเขาอีกเลย แล้วทำไมถึง...

“ก็นี่แหละ อินทรีรุ่นสุดท้าย”

“จ..จริงเหรอเนี่ย!” เปมยกมือขึ้นปิดปากอย่างตื่นเต้น นี่ก็หมายความว่าการันต์คือทายาทของอดีตจอมกษัตริย์แห่งปักษาทั้งมวลเลยน่ะสิ

“อือ ยังมีเหลืออีกสิบกว่าคนแหนะ แต่ก็กระจายตัวไปใช้ชีวิตของตัวเองกันหมดแล้ว”

“สุดยอดเลย ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอ ลูกครึ่งมนุษย์ที่คิดว่าสูญพันธ์ไปแล้วแบบนี้”

“ที่ต้องมาที่นี่เพราะกรองขวัญไม่รู้จักแน่ แต่เจ้าน่ะ อย่าไปยุ่งกับมันเชียว”

“ทำไมล่ะ?”

“มันไม่ค่อยชอบพวกสัตว์ตัวเล็กๆน่ะ มันว่าน่ารำคาญที่ทนแรงกดดันของมันไม่ได้”

“หวา น่ากลัวอะ”

สัตว์ตัวเล็กที่ว่ารีบกอดตัวเองไว้แน่นพลางส่ายหน้าน้อยๆเพื่อไล่ความรู้สึกกลัวออกไป ถึงไม่บอกก็กะจะไม่ยุ่งอยู่แล้วล่ะนะ แค่ยืนใกล้ๆยังจะไม่ไหวเลย จะให้ทำอะไรได้ ไม่ใช่แค่รังสีนักล่าที่แผ่ออกมาเท่านั้นนะ แต่ไอ้ดวงตาสีเหลืองสดนั่น ก็น่ากลัวอย่าบอกใคร นี่มันโชคชะตาบ้าอะไรกันถึงทำให้เปมต้องพบเจอแต่พวกลูกครึ่งสัตว์ใหญ่แสนอันตรายทั้งนั้น

ยังไม่ทันคิดจบ ร่างบางก็ถูกกดลงนอนราบไปกับโซฟาตัวยาว ตามมาด้วยร่างของรเณศที่ขึ้นคร่อมเขาไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นให้เห็นพร้อมกับแววตาเจ้าเล่ห์อย่างที่เปมนึกเกลียดมาตลอด ดูเหมือนว่าท่าทีที่แสนน่ารักของเขาจะกลับมาเล่นงานตัวเอง ด้วยว่าไปกระตุ้นความกระหายของคนข้างๆเข้าให้เสียนี่

“ถ้าปล่อยให้มีกลิ่นหอยนางรม เจ้าจะถูกจับกินเอาได้นะ”

“เฮ้ย!”

เปมร้องขึ้นทันทีที่รเณศก้มลงจูบที่ต้นคอของตน มือใหญ่รวบข้อมือของเปมไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่เสื้อตัวบางของหอยนางรมน้อยจะถูกดึงออกไปอย่างชำนิชำนาญ แม้ว่าเปมจะพยายามขัดขืนแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

“อ..อ๊ะ! รเณศ! อย่านะ อย่า!!”

คราวนี้คนตัวเล็กเริ่มดิ้นพล่านพร้อมทั้งร้องสุดเสียง เมื่อรเณศวางนิ้วเรียวลงกับสะดือสวย ก่อนจะลากลงไปเรื่อยๆตามแนวของจุดสงวน

“ไม่ว่าตรงไหน เตชัสก็ได้สัมผัส...” คนตัวสูงขมวดคิ้วเข้าหากันพลางชักสีหน้าคับแค้นใจ ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เปมเคยเห็นมา นี่มันเรื่องอะไรกัน อยู่ดีๆก็เป็นแบบนี้..

“รเณศ ข้าขอร้อง...อึ๊!”

ดูเหมือนเสียงอ้อนวอนของเปมจะส่งไปไม่ถึงรเณศที่ถูกความบ้าเข้าครอบงำอย่างฉับพลัน ปลาหมึกยักษ์ลากลิ้นอุ่นไปทั่วทั้งแผงอกเนียน ก่อนจะหยุดลงที่เม็ดทับทิมสีสวย มือที่ว่างก็ยังทำหน้าที่บีบเค้นแก่นกายของคนข้างใต้ผ่านเนื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจเลยว่าเปมจะส่งเสียงร้องมากแค่ไหน หรือพยายามขัดขืนมากเท่าไร

“ร..รเณศ อ๊ะ ฮึก...”

“เปม.. ข้ารักเจ้านะ”

คนตัวสูงถอนปากออกจากยอดอก และยอมหยุดมือที่เคลื่อนไหว สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าแดงก่ำของคนตัวเล็ก น้ำตาปริ่มออกมาที่ขอบตาทั้งสองข้าง บวกกับสีหน้าเจ็บใจนี้ก็ยิ่งดูเร้าอารมณ์ แต่ก่อนที่รเณศจะได้เล่นบทขืนใจต่อด้วยความมัวเมา เปมก็รีบชิงพูดขึ้นเรียกสติของเขากลับมาเสียก่อน

“ถะ..ถ้าเจ้ารักข้า ฮึก.. แล้วทำ แบบนี้ทำไม...”

น้ำตาหนึ่งหยดของเปม แลกกับสติสัมปชัญญะของรเณศ เมื่อเขาได้สังเกตใบหน้าเสียใจของเปมดูดีๆ ก็ต้องรีบคลายแรงบีบที่มือออก ก่อนจะผละตัวออกมาในระยะที่ห่างพอสมควร

“ข..ข้า ข้าขอโทษ ข้าเสียใจ”

“ฮือ.. อ..”

เปมพยายามอย่างมากที่จะสงบอารมณ์และกลั้นน้ำตาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเสียงสะอื้นมันก็ยังดังออกมาไม่หยุด ยิ่งตอกย้ำความผิดมหันต์ขององครักษ์หนุ่มมากขึ้นไปอีก รเณศเริ่มขมวดคิ้วมุ่ยพลางทึ้งหัวตัวเองอย่างโกรธแค้น

“ข้าบ้าเอง เพราะต้องการเจ้ามากเกินไป ข้าคิดว่าหากได้ร่างกายนี้ ก็คงจะได้หัวใจนี้...”

“...ฮึ..ก..”

“แต่มันไม่ใช่ ใช่ไหม?”

รเณศพูดเสียงแผ่วก่อนจะขยับตัวกลับขึ้นไปบนโซฟา แต่ทันทีโซฟายุบตัวลง เปมก็รีบถอยออกไปพลางยกแขนขึ้นป้องตัวเอง ยิ่งบีบให้หัวใจของคนมองแทบแตกสลายลงกับตา ปลาหมึกยักษ์เว้นจังหวะให้คนตัวเล็กหยุดร้อง และค่อยๆเอื้อมมือเข้าหาอีกครั้ง

“เปม ข้าขอโทษ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าแล้ว หันหน้ามาหาข้าหน่อย” รเณศยังคงต้องรอไปอีกสักพักกว่าที่เปมจะยอมลดแขนที่กันตัวเองลง แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งร่างก็ยังคงสั่นเทิ้ม

คนตัวใหญ่ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าเชยคางเรียว ให้เปมหันหน้ามาหาตน คราบน้ำตาบนใบหน้าเนียนนี้ยิ่งทำให้รเณศรู้สึกผิดมากขึ้นอีกเท่าตัว แล้วยังแววตาที่ดูหวาดกลัวระคนรังเกียจอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ก็แทบจะฉีกหัวใจของเขาให้ขาดสะบั้น

“รเณศ..ข้า..ข้ากลัว นะ”

“ข้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ เปม ข้าสัญญา ข้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก”

“...อ..อือ”

“อย่าเกลียดข้าเลยนะ”

มือใหญ่ยังคงค้างอยู่ที่คางสวย ร่างของเปมเริ่มสั่นน้อยลงจนแทบเป็นปกติ แววตาหวาดหวั่นเมื่อครู่เริ่มอ่อนลงตามลำดับ ดูเหมือนท่าทีเจ็บปวดและรู้สึกผิดอย่างจริงจังของรเณศจะพอทำให้เปมสงบใจลงได้บ้าง

“อือ...”

“ส่วนเรื่องที่จะช่วยข้าจากขวัญ ก็ไม่ต้องแล้ว”

“อะ..”

ดูเหมือนอะไรๆจะตีกันในหัวของเปมเต็มไปหมด ทั้งความรู้สึกกลัวกับการกระทำเมื่อครู่ของรเณศ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจที่ต้องทำให้รเณศเสียใจ... จนเมื่อคนตัวสูงทำท่าจะลุกออกไปเท่านั้นแหละ สมองก็รีบสั่งการให้รีบตรงเข้าคว้าชายเสื้อเอาไว้ทันที

“มะ..ไม่! ยังไงข้าก็จะช่วยเจ้า!”

“อยะ..”

“นี่! ข้าตั้งใจจะเอามาให้เจ้า”

เปมรีบควานหาของในกระเป๋ากางเกงที่เกือบหลุดลุ่ยและยัดมันลงในมือของรเณศเสียก่อนที่เขาจะได้สวนอะไรกลับมา เพราะรเณศก็คงจะต้องปฏิเสธเหมือนเคยเป็นแน่

“นี่มัน..”

“ข้าเจอตอนเก็บกวาดปราสาท เลยขอเตชัสมา คิดว่าเจ้าคงอยากเก็บมันไว้”

องครักษ์หนุ่มมองภาพถ่ายที่ยับไปสักหน่อยในมืออย่างพิจารณา ในนั้นคือภาพของเด็กรับใช้ที่เปรียบเสมือนแม่ของเขา เพราะนางเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูเขาให้เติบโตขึ้นมาภายใต้หลังคาปราสาทใหญ่ ข้างๆคือตัวเขาและเตชัสสมัยเด็ก ที่ไม่เคยนึกจะถูกกันเอาเสียเลย

รเณศยึดภาพในมือไว้แน่น พลางเงยหน้ามองเปมที่กำลังใส่เสื้อผ้ากลับดังเดิม คนตัวเล็กโผล่หัวออกมาจากคอเสื้อรูปวี ก่อนจะฝืนส่งยิ้มแห้งๆมาให้ หวังจะช่วยคลายกังวลของคนตรงหน้าได้บ้าง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะทำให้เปมนึกโกรธก็จริง แต่เขาก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ เพราะรู้ดีว่ารเณศมีความรักที่จริงใจมากแค่ไหน และยังรู้ด้วยว่า ผู้ชายคนนี้ไม่มีวันตั้งใจทำร้ายเขาเป็นแน่ จะเป็นเพราะความมัวเมาอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างเมื่อครู่ เปมก็คิดว่าจะให้อภัยอยู่แล้ว ตราบใดที่รเณศยังไม่ได้ทำอะไรจนเกินเลยกับตน เขาก็พร้อมจะให้อภัยอยู่แล้ว เพราะว่าสุดท้ายคนที่ปวดร้าวที่สุด ก็ยังเป็นรเณศอยู่ดี...

“หยุดได้แล้ว!”

“อ้ะ!”

ปลาหมึกยักษ์รีบเก็บรูปถ่ายในมือเข้ากระเป๋ากางเกงอย่างลวกๆ ก่อนจะตรงเข้าไปคว้าร่างบางบนโซฟาขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแน่น ความอบอุ่นประหลาดถูกส่งผ่านจากเนื้อสู่เนื้อ ทำให้เปมไม่อาจต่อต้านหรือขัดขืนอะไรได้ ยิ่งน้ำเสียงเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ ก็ยิ่งทำให้เปมไม่สามารถจะผลักรเณศออกไปได้เลย ราวกับว่า หากเขาทำแบบนั้นแล้ว คนตรงหน้าจะต้องแตกสลายไปอย่างนั้นแหละ

“หยุดเสียที..”

“...”

“หยุดทำให้ข้ารักเจ้าเสียที”

.

.

ก๊อก! ก๊อก!!

“ท่านรเณศ เปิดประตู!”

รเณศรีบผละตัวออกทันทีเมื่อเสียงประตูบ้านดังขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งสองคนค่อยๆหันหน้าไปตามเสียงเรียกด้วยใจหวาดหวั่นไม่แพ้กัน ไม่นานเจ้าของบ้านที่เอาแต่ปิดหูปิดตาหมกตัวอยู่ในห้องนอนก็ได้ฤกษ์เดินออกมาหน้ามุ่ย มือหนายกขึ้นยีผมตัวเองให้ยิ่งยุ่งกว่าเก่า แต่ไม่ยุติธรรมเลยแฮะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยังดูดีได้อีกนะพ่ออินทรีคนนี้

แต่ประเด็นตอนนี้ไม่ใช่ความสง่าของนายอินทรีที่เอาแต่แผ่รังสีน่ากลัวจนเปมทนยืนไม่ไหว ต้องเกาะแขนแกร่งของรเณศไว้เป็นที่พึ่งพิง กลับเป็นเสียงร้องแหลมสูงที่ฟังดูเอาเรื่องจากด้านนอกนั่นต่างหาก

“รเณศ หรือว่าจะเป็น..”

คนตัวเล็กปาดเหงื่อที่ขมับออกด้วยความพรั่นพรึงจากรัศมีอินทรีของการันต์ พลางเชยตามองรเณศอย่างร้อนใจ ปลาหมึกยักษ์เองก็มีสีหน้าวิตกกังวลไม่แพ้กัน ไม่น่าเชื่อว่าจะตามมาถึงที่นี่ได้ ทั้งที่คิดว่าไม่น่าจะรู้จักแล้ว แต่เขาเองก็คงประมาทความสามารถของยัยนั่นมากเกินไป...

“อื้อ.. กรองขวัญ ไม่ผิดแน่”

“!!!!”

ออฟไลน์ second

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
เป็นเปมนี่ก็เซ็ง อุตส่าห์ช่วยอย่างใจจริง ดันไปทำให้คนอื่นเค้าหลงรักได้ซะนี่  :เฮ้อ:
ที่ถ้าเตรู้ กลายเป็นหมึกย่างซีฟู้ดแน่  :laugh:
แต่กรองขวัญ เธอมาทำอะร้ายยยยยยยยยยย  :angry2:
ปล. อินทรีย์น่าสน มีบทอ่ะป่าวเอ่ยยยยยย  :m1:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อัยยะ กรองขวัญมาหรือนี่ อย่างนี้ต้องเจอกับอินทรีของเราหน่อยละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด