Intro
[Pontz x Joe]
[Joe]
ม.4 โรงเรียนใหม่........นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ผมเกลียด
ผมเกลียดการเริ่มต้นใหม่
ผมเกลียดการโกหก
และที่สำคัญ...ผมเกลียดการหักหลัง
กลับมาเรื่องไอ้โรงเรียนใหม่นี่ดีกว่า ผมไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลยจริงๆว่าจะส่งผมมาเรียนที่นี่ทำไม ในเมื่อโรงเรียนเก่าของผมก็ดีอยู่
แล้ว ถึงจะดีไม่เท่าโรงเรียนนี้ก็เถอะ แล้วนี่ไหนผมจะต้องหากลุ่มเพื่อนใหม่ และโรงเรียนนี้มันก็ยังเป็นโรงเรียนประจำอีก ผมต้อง
อยู่หอพักในโรงเรียน ได้กลับบ้านแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ให้ตายซิ
“โจ เอาของไปเก็บบนหอซิลูก” แม่พูดพลางดันไหล่ผมให้เดินเข้าไปในหอพัก
“ม๊า โจถามจริงเหอะ ทำไมต้องให้โจมาเรียนที่นี่ด้วย” ผมไม่ยอมเดินขึ้นหอแต่กลับหันไปถามแม่ด้วยคำถามที่สามารถทำให้แม่
หัวเสียได้ง่ายๆ
“โจ ม๊าคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ”
“ไม่จริงอ่ะ ม๊าไม่ถามความคิดโจเลย” ผมตอบกลับไปแทบจะทันที
“โจ ม๊าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว โรงเรียนนี้ดีเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัดเราเลยนะลูก แล้วลูกก็อุตส่าห์สอบติดเข้ามาได้จากเด็กเป็นหมื่น ลูกก็ควรจะเรียนไป เข้าใจมั้ย”
“มีอะไรกันอ่ะแม่” นั่นไงล่ะ ของจริงมาแล้ว
“ก็โจน่ะสิพ่อ ไม่ยอมเอาของไปเก็บสักที” อย่างพูดอย่างนั้นม๊า มันจะทำให้ผมซวยได้ง่ายๆ
“โจ แกมีปัญหาอะไรอีก” พ่อหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่โคตรดุ ถามอย่างนี้จะให้ผมตอบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก....
“ไม่มีครับ” ผมตอบพลางส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ท่าน
“ก็ดี งั้นก็เอาของขึ้นไปเก็บให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวค่อยลงมาคุยกันอีกที”
“ครับ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย จะให้ทำไงได้ละครับท่านเป็นคนที่น่ากลัวมากๆสำหรับผม
ผมเดินไปดูรายชื่อที่ติดอยู่หน้าหอว่าผมต้องอยู่ชั้นไหนปีกไหน และผลปรากฏว่า...ชั้น 4 ปีก ขวา เชี่ยยยยยยยยยยย ขี้เกียจขึ้นบันไดโคตรๆอ่ะ
“เฮ้ย มึงอ่ะดูเสร็จยังหลบให้คนอื่นดูบ้างเหอะ” มาเฟียเชียวสัด เดี๋ยวปั๊ด....เหี้ยยยสูงไปไหนวะ ผมว่าผมก็สูงใช่ได้แล้วนะ แต่ไอ้เปรตนี่สูงกว่าผมเป็น 10 เซน เลยมั้งเนี่ย
“จะจ้องกูอีกนานมั้ย กูรีบ!!!!!” มีขู่ครับ มีขู่
“เหอะ แม่งเหี้ยวะ” เอาละครับ ผมก็ใช่ว่าจะยอมคน
“มึงว่าใคร” มันถามกลับทันทีครับ หน้ามันนี่แบบว่าแทบจะม่วงอยู่แล้วอ่ะ
“เสือก” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะเดินหนีขึ้นหอไปทันที หนทางนี้อีกยาวไกล~
“ไอ้เหี้ย มึงด่ากูเหรอสัด มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นใคร มึงกลับลงมาพูดกะกูเดี๋ยวนี้เลย!!!! #@$%&*$%%##$@@” และอีกมากมายที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้
โอ๊ยยยยย แม่งถึงสักทีชั้น 4 นี่ถ้าต้องเดินขึ้นลงอย่างนี้ทุกวัน ผมมีหวัง ได้ตายอยู่ชั้นไหนสักชั้นด้านล่างก่อนแน่นอนเลย
แล้วผมก็ลากสังขารตัวเอง เข้าไปในปีกทางด้านขวาที่ผมอยู่ครับ และเมื่อเข้าไปถึงมันก็จะเป็นเตียงนอน 2 ชั้น สองล็อก ถัดไป
อีก 2 ล็อกเป็นล็อกเกอร์เก็บเสื้อผ้าแยกเป็นคนๆ และอีก 2 ล็อกเป็น ห้องน้ำกับห้องส้วม
แต่ละล็อกนอนจะมีเตียงทั้งหมด 3 เตียง ก็นอนกันล็อกละ 6 คนอ่ะครับ ดีน้อยดี ผมเป็นคนไม่ชอบคนเยอะๆอยู่แล้ว อยู่กันแค่นี้ก็ดี
ผมเดินไล่ดูชื่อที่ติดอยู่ที่เตียงไปเรื่อยๆ และก็เจอครับ ผมนอนด้านบน เตียงผมอยู่ด้านในสุดเป็นล็อกที่ติดกับล็อกเกอร์เลย แล้ว
เตียงผมก็ติดทางเดินด้วยสะดวกดีจังผมชอบ
ผมเอาของใช้พวกเครื่องนอนตั้งไว้บนเตียงก่อนจะเดินเอาเสื้อไปเก็บในตู้เสื้อผ้า
อื้มล็อกเกอร์ผมอยู่ติดทางเดินเหมือนกันแฮะ สะดวกสบายเกินไปแล้วโจ ฮ่าๆๆ
“โอ๊ยยยย เมื่อยโว๊ย เมื่อยยยยยย” เสียงนี่คุ้นจนน่ากลัวเลยอ่ะ
ผมชะเง้อคออกมาจากล็อกเกอร์มองไปที่เตียงแล้วก็พบว่าตอนนี้เจ้าของเตียงที่อยู่ล่างผมได้มาถึงแล้ว....ไอ้เปรตตตตตต
ซวยชิบเลย แม่งอย่างนี้ผมก็ต้องนอนบนมันไปตลอดทั้งปี จนกว่าเค้าจะเปลี่ยนชั้นเปลี่ยนปีกให้ ตายยยย ตายแน่กู!!!!!
ผมจัดของในตู้จนเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อยก่อนจะเดินมาที่เตียงเพื่อปูเตียง
“ไรนะม๊า ทำไงนะ มัดมุมผ้าเหรอ เออออ ทุกมุมเลยป่ะ โอ๊ยฟูกแม่งหนักว่ะ ไรอีกม๊าเร็วดิฟูกมันหนัก” เอิ่ม ถ้ามึงจะขู่แม่ขนาดนั้นละก็นะ
ผมพยายามเดินทำตัวปกติไปที่เตียงเพื่อที่จะจัดของ ผมปูเตียงเป็นนะอย่างน้อยๆแม่ผมก็เคยสอนมาอ่ะ
“เฮ้ย มึง” ถ้าจะทักกูแบบเป็นมิตรขนาดนี้
“มีไร” เอาล่ะครับ เหี้ยมาก็เหี้ยตอบ
“แค่นี้ก่อนนะม๊า ป๊อนซ์เจอเพื่อนแล้ว” มันวางสายแม่มันไปเรียบร้อยแล้ว แต่กูอยากจะถามมันมากว่า ใครเพื่อนมึงเหรอ
แล้วมันก็มองมาที่ผมอย่างมีเลศนัย
“มึงอ่ะ”
“...” ผมไม่ตอบครับ แม่งเริ่มรำคาญไอ้เหี้ยนี่แล้ว คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนวะ
“มึงอ่ะ กูเรียกทำไมไม่ตอบ”
“กูไม่ได้ชื่อมึง” เริ่มมีน้ำโหแล้วนะแล้วนะ
“โอเคๆ ก็ควรจะทำความรู้จักเพื่อนใหม่อย่าเป็นทางการสินะ” มันพูดแล้วหยุดยิ้มก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง
“เราชื่อป๊อนซ์นะ มาจากโรงเรียน..... แล้วนายล่ะชื่ออะไร” ไอ้เหี้ยนี่แม่งเริ่มน่ากลัวแล้วครับ เปลี่ยนโหมดอารมณ์โคตรเร็ว
“กูชื่อโจ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ
“โอเค เอาเป็นว่าเรารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันแล้ว และเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ดังนั้น มึงต้องช่วยกูปูเตียง” มันพูดไปยิ้มไปดูอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้
“ไม่”
“มึงต้องทำ”
“กู ไม่ ทำ” ผมพูดเน้นทีละคำ เพราะเผื่อว่ามันจะไม่เข้าใจ
“มึงต้องทำ เพราะตอนนี้มึงเป็นเพื่อนกูแล้ว” เหตุผลมึงแม่งฟังขึ้นมากกกก
“กูก็มีเตียงของตัวเองให้ปูนะมึง” ผมลองพูดใช้เหตุผลกับมันดูรับ เผื่อว่าจะได้ผล
“ถ้างั้นก็เอางี้ดิ ไม่ต้องปูเตียงมึง ปูแค่เตียงกูเตียงเดียวแล้วเราค่อยนอนด้วยกัน”มันพูดแล้วฉีกยิ้มกว้าง
มึงพูดอะไรออกมาน่ะ ไอ้เชี่ยป๊อนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!
end
นิยายเรื่องนี้เกิดจากความฟินของคนเขียนล้วนๆ

มีอะไรติชมก็ติชมกันเข้ามาได้เลยนะค่ะ
ช่วยกันเป็นกำลังใจให้ด้วยล่ะ
