Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018  (อ่าน 113756 ครั้ง)

ออฟไลน์ basza2x

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 799
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
คนเขียน อยากบอกว่า โคตรสนุกเลย ขอใช้คำนี้

มันสนุกมากๆๆจริง (อย่า ดราม่าเยอะน่ะ น้ำตาซึมเลย) ฮ่าๆๆๆๆๆ

รอตอนต่อไป ติดตามต่อไป :) ขอบคุณครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
****ขอย้ำว่าตัวละครทุกตัวล้วนมีอยู่จริง  เรื่องราวบางอย่างในนิยายก็มาจากความจริงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่คนเขียนจินตนาการขึ้นมา ก่อนอ่านทุกครั้งโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ******
Pontz x Joe :เป็นเพื่อนกัน รุ่นเดียวกัน
Pipe x Plus:ไปป์เป็นรุ่นพี่อยู่ม.4ส่วนพลัสเป็นรุ่นน้องอยู่ม.3 (ชีวิตจริงไปป์อยู่ม.4ส่วนพลัสอยู่ม.5)
Limp x Toptail:ลิ้มเป็นรุ่นพี่อยู่ม.4ส่วนท็อปเทลเป็นรุ่นน้องอยู่ม.2 (ชีวิตจริงอยู่ม.เดียวกัน แล้วก็ไม่ค่อยสนิทกันหรอกแต่ว่าคนเขียนชอบไงเพราะน้องหน้าตาน่ารักทั้ง 2 คน)
PJ Poom และอื่นๆก็จะเป็นเพื่อนๆของป๊อนซ์กับโจนั่นแหละ

ออกมาบอกอย่างนี้หวังว่า "ตัวละคร" ในเรื่องที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจจุดประสงค์ในการแต่งนะจ๊ะ
อีกอย่าง......
ที่ท็อปเทลโดนกดบนโต๊ะตอนที่แล้วนี่คือกดเฉยๆนะคะ ยังไม่ได้มีอะไร (มีคนอ่านบางคนแอบหื่น==')
สุดท้ายนี้............
จะมาบอกว่าวันวาเลนไทน์นี้มีสเปเชียลแน่นอน และครบทุกคู่เลย
อย่าลืมติดตามนะค่ะ
.....................Katiezz..............................

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อร๊ายยย อ่านแล้วฟินตาม ความจิงจะมีซัมติงมั้ยนะ

รอรออ่านต่อ ตามต่อด้วยคน

3BⅠt$.

  • บุคคลทั่วไป
ก้ม ลงมาเเล้ว ? อ๊ายยยยยยย  :o8:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Special Valentine’s Day



Part I



[Pontz x Joe]



[Joe]




ป๊อนซ์” ผมเรียกไอ้ตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆผม แต่ไม่ยอมพูดกับผมมาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว แม่งวันพีชนั้นมันมีดีกว่ากูตรงไหนวะ

“....” เงียบครับ แต่เรื่องอะไรไอ้โจคนนี้จะยอมละครับ

“ปอนป๊อนซ์~” ไม่เรียกเปล่าครับ ผมยื่นหน้าเข้าไปอยู่ระหว่างไอ้การ์ตูนเวรนั่นกับหน้าไอ้เวรนี่ที่นั่งอ่านอยู่

“โจ นั่งนิ่งๆได้ป่ะ” ป๊อนซ์หันมาทำเสียงดุๆนิด แต่ผมไม่สนหรอก~

“ป๊อนซ์ พากูออกไปกินไอติมหน่อยกูเบื่อ~” เบื่อจริงไรจริงครับ วันนี้โรงเรียนผมปิดเป็นการภายในอ่ะครับ ป๊อนซ์เลยพาผมมาอยู่ที่บ้านมัน อยู่มาครึ่งวันแล้วเนี่ยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนดูทีวีแล้วก็เล่นไอโฟน  แม่งกูถูจนหน้าจอเป็นหลุมแล้วเนี่ย

“แป๊ปดิ” มันบอกปัดๆแถมยังไม่หันหน้ามามองผมด้วย

“ป๊อนซ์~”ผมลงไปนอนบนโซฟาพร้อมกับดิ้นไปมา  แม่งไม่พากูไปใช่มั้ย เหวี่ยงอ่ะเหวี่ยงหมดทุกสิ่งอย่าง

“โจนั่งนิ่งๆ!!!” ป๊อนซ์ตวัดสายตามามองผมอย่างดุๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มกับการ์ตูนของมันต่อ อะไรวะ???

“กูเบื่อ~” ผมลุกขึ้นนั่งอีกครั้งแล้วกูหันไปจ้องหน้ามัน (ทั้งๆมันก็ไม่ได้มองมาหรอกนะ)

“เบื่อก็กลับบ้านไปดิ เพราะกูก็เริ่มเบื่อมึงแล้วเนี่ย” อ้าวเฮ้ย ไรวะ เป็นคนพากูมาเองแท้ๆ แล้วมาบอกว่าเบื่อกูเหรอ เออ ไอ้เชี่ย!!!!!

“เออแม่ง!!!!  เชิญมึงอยู่กับไอ้หมวกฟางปากกว้างนี่เลย กูไปแล้ว!!!” ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะหยิบเป๋าตังค์กับไอโฟนแล้ววิ่งออกมาจากห้องมันเลย  เออ กูกลับบ้านก็ได้วะ

ผมเดินออกมาหน้าบ้านมันแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า กูจะกลับไงวะ คือบ้านผมอยู่ค่อนข้างจะห่างกับบ้านมันอ่ะครับ รถก็ไม่มี เอาไงละทีนี้

-รัก คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

ผมรีบล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วก็พบว่าผมมีที่พึ่งแล้วว

-PJเว้ยเฮ้ย-

“โหลพีเจ กูรักมึงที่สุด~”

(อย่ามาพูดแบบนั้นได้ป่ะ ขนลุกว่ะ) แม่งหมดอารมณ์เลยกู

“เชอะ”

(เออ แล้วตกลงที่มาบอกว่ารักกูเนี่ยต้องการอะไรรึเปล่า) นั่นแน่ะ รู้ทันซะด้วย

“นิดหน่อย   มารับกูที่บ้านไอ้ป๊อนซ์หน่อยดิ”

(กูว่าแล้ว  เป็นไรกันอีกอ่ะ)

“ก็ไอ้ป๊อนซ์แม่งพากูมาที่บ้านแล้วมาบอกว่าเบื่อกู แม่งเลวว” ขอระบายหน่อยเหอะแม่ง  มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ  พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้ว แม่งไม่ได้มีทีท่าว่าจะให้อะไรผมเลย

(เออๆ กูขอ 3 นาที เพราะว่าตอนนี้กูอยู่แถวบ้านมันพอดี)

“อืมๆ” ผมกดวางสายจากพีเจ แล้วก็ยืนรอแค่ไม่ถึง 3 นาทีมันก็มาถึงหน้าบ้านไอ้ป๊อนซ์แล้วล่ะครับ

“ไงมึง จะไปไหนมั้ย” ไอ้พีเจหันมาถามผมพร้อมกับขับรถออกจากหน้าบ้านป๊อนซ์

“กินไอติม” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าเบิกบานสุดๆ ก็แหมไม่ได้กินนานแล้วอ่ะ โคตรอยากกินเลย

“โอ๊ยยยย ตายๆ ให้กูพามึงไปนั่งกินไอติมกันสองต่อสอง นี่มึงไม่อยากเห็นกูมีชีวิตอยู่ต่อใช่มั้ย” ไอ้พีเจหันมาถามผมด้วยใบหน้าหวาดๆ

“ทำไมวะ ไม่เห็นจะแปลกเลย” ผมกับพีเจก็เพื่อนกัน ไปกินไอติมกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกว่ามั้ย

“เออๆเอางี้ มึงโทรไปตามไอ้ภูมิมากินด้วยกันดีกว่า” ผมพยักหน้ารับก่อนจะกดโทรออกหาไอ้ภูมิ

(อันย๊อง) ไอ้นี่มันคนชาติไหนกันแน่วะ

“ยองแม่มึงดิ ทำไรอยู่”

(สวิมมิ่ง) ไอ้เหี้ยนี่กวนตีนชิบหายเลย

“สวิมมิ่งแล้วมึงมารับโทรศัพท์ก็ไงวะ”

(กูก็ใช้ครีบหลังในการยกโทรศัพท์ แล้วก็ใช้หางในการว่าย อ๋อๆ แถมกูยัง..) พอที กูจะไม่ทนแล้ววว

“ไอ้พีเจมึงพูดกับมันดิ ก่อนที่กูจะยื่นมือไปบีบคอมัน” ผมยื่นไอโฟนให้พีเจ พีเจมันก็รู้นะครับว่าไอ้ภูมิมันแม่งเป็นยังไง มันเลย
เลี้ยวจอดข้างทางก่อนจะรับโทรศัพท์ไปคุยแทน

“ฮัลโหลภูมิ”

“เออๆ มึงฟังกูก่อนดิ”

“กูจะชวนไปกินไอติม”

“โรงยิมเหี้ยไรวะ ไอติมเว้ยไอติม” โอ๊ยยย  ปวดหัวแทนเลยกู

“เออๆ ที่ห้างXXนะ ตามมาเร็วๆล่ะ” แล้วพีเจมันก็ส่ายหัวนิดๆก่อนจะกดวาง

“กูบอกแล้วว่าแม่งปวดหัว” ผมตบไหล่พีเจเบาๆเป็นการปลอบใจ ฮ่าๆๆๆ

“เออ แม่งมึนเลยกู” พีเจสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะออกรถอย่างช้าๆ



“รับอะไรบ้างค่ะ” พนักงานสาวสวยในชุดรัดรูป โอ้วววว *0*

“น้อยๆหน่อยโจ” ไอ้พีเจทักหลังจากที่ผมน่าจะแสดงสีหน้าหื่นๆออกไป  ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย แต่เอ๊ะปกติคำพูดนี้มันต้องเป็นของ
ไอ้ป๊อนซ์นี่ เฮ้ยๆๆๆๆ ยังคิดถึงมันอีก มันเบื่อมึงจำไม่ได้รึไง

“เอาอันนี้ครับ เปลี่ยนไอติมเป็นช็อกโกแลตชิพก้อนนึงรัมลูกเกดก้อนนึง” ไอ้พีเจสั่งก่อนจะส่งเมนูมาให้ผมต่อ เอิ่มมม กินไรดีวะ
อยากกินทุกอย่างเลย

“เอาอันนี้ครับ ไอติมเปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รี่เชอเบตทั้ง 2 ลูกเลย” สั่งเสร็จผมก็ปิดเมนูพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้พี่พนักงานสุดสวยคนนั้น

“ค่ะ แล้วน้องล่ะคะ” พี่เค้ายิ้มรับก่อนจะหะนไปถามไอ้ภูมิที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะแดกอะไรดี

“ปูม้าผัดผงกะหรี่” แม่มึงสิภูมิ

“เอ่อ คือ...” พี่พนักงานนี่คือเงิบอ่ะครับ งงเลย

“ขอโทษครับพี่ เอาเหมือนที่ผมสั่งไปอีกที่นึงแล้วกันครับ” แล้วไอ้พีเจก็แก้หน้าได้สำเร็จจนได้  เฮ้อออ ผมขอสาบานต่อหน้าทิชชู่ในแก้วเลยนะว่าผมจะไม่มีวันมากินไอติมกับไอ้ภูมิสองคนเด็ดขาด!!!!

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พี่เค้ากลับมายิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปที่เคาเตอร์


ไม่นานเกินรอพวกผมก็ได้กินไอติมกันสมใจ มันอร่อยมว๊ากกกกก โคตรมีความสุขเลย แต่ถ้าคนที่มาด้วยเป็นป๊อนซ์ก็คงจะดีกว่านี้อ่ะ

กินไอติมเสร็จพวกผมก็ออกมาเดินตากแอร์เล่นกันเรื่อยๆเพราะแม่งไม่รู้จะไปไหนต่อดี ว่างโคตรๆ จะออกไปข้างนอกก็แดดร้อนเลยเดินแม่งในห้างนี่แหละ วนกันสามสี่รอบแล้วเนี่ย

“ไอ้โจ กลับบ้านดีกว่ากูเริ่มง่วงแล้วว่ะ” ไอ้พีเจหันพูดกับผมหลังจากที่เราเดินเงียบๆกันมานาน

“เออ กูจะหลับทั้งยืนแล้วเนี่ย”ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับกระทืบเท้าไปมาเหมือนเด็กจะเอาของเล่น  แม่งโคตรน่ารักเลยสัด

“เออ กลับก็ได้” ผมกลับบ้านเลยก็ได้ โรงเรียนไม่น่าปิดเลยปิดแล้วไม่มีไรทำ อยู่ว่างๆเซ็งๆแฟนก็ไม่สนใจ เดี๋ยวกูเอาเส้นมาม่าผูกคอตายเลยแม่ง!!!


“อ้าว เฮ้ยๆๆ นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านกู” ผมหันไปบอกพีเจเมื่อเห็นว่าพีเจเลี้ยวเข้าซอยบ้านไอ้ป๊อนซ์

“อ้าววว  กูมารับมึงที่ไหนกูก็มาส่งมึงที่นั่นไง” เชี่ยกวนตีนแล้วว

สูดลมหายใจเข้าออก 2 ทีรถยี่ห้อหรูของพีเจก็จอดสนิทติดรั้วประตูบ้านไอ้ป๊อนซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เร็วเกิ๊นนน  กูยังไม่ได้คิด
เลยว่าจะเดินทำหน้าแบบไหนเข้าไปหามันดี

“ขับรถดีๆล่ะมึง” ผมหันไปบอกพีเจก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

“อืม บาย” แล้วไอ้พีเจก็ออกรถไปอย่างเร็ว แม่งเป็นไรวะ

ปึก!!!!

“เฮ้ย!!” ตกใจซิครับหันหลังกลับปุ๊ปชนปั๊ปซะขนาดนี้ แล้วก็ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร เพราะมันก็มีอยู่คนเดียวแหละครับที่จะมายืนชิดซะขนาดนี้

“ไปไหนมา”ไอ้ป๊อนซ์ถามเสียงเรียบพร้อมกับรั้งเอวของผมให้เข้าไปชิดจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว

“สนใจกูด้วยรึไง” เอาละครับ มาคาดคั้นผมมากๆ ผมก็เหวี่ยงใส่ซิครับ แม่งทำไมต้องมาทะเลาะกันก่อนวันวาเลนไทน์ด้วยวะ

“เข้าบ้านก่อน” ไอ้ป๊อนซ์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของผม แต่พยายามที่จะดึงมือผมให้เดินตามมันเข้าไปในบ้าน และนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมขึ้นมากกว่าเดิม

“ไม่!!! มึงเบื่อกูไม่ใช่เหรอ มึงบอกให้กูกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ปล่อยดิกูจะกลับบ้าน” ความอดทนของผมขาดลงก่อนที่ผมจะหันไป
ตะคอกใส่หน้าป๊อนซ์ไม่ยั้ง

“เข้าบ้าน” หน้าป๊อนซ์ยังคงเรียบสนิทไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น และมันก็ยังคงพยายามที่จะลากผมเข้าบ้านอยู่ดี

“ไม่เข้า!!!! กูบอกว่า ไม่เข้าไม่ได้ยินรึไง” ผมพยายามที่จะสะบัดแขนออกจากมือไอ้ป๊อนซ์แต่มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

“ดื้อ!!!อย่าต้องให้กูพูดอีกครั้ง” ป๊อนซ์ขึ้นเสียงจนผมสะดุ้ง พร้อมกับลากผมเข้าบ้านแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้พยายามจะขัดขืนเหมือนครั้งที่แล้วแต่ผมกลับเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่ายไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะขัดขืนมันแล้วน่ะสิ

“ป๊อนซ์” เสียงของผมสั่นเครือจนคนด้านหน้าหยุดเดินก่อนจะหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

“ร้องทำไม” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะอยู่ที่ข้างแก้ม

“กูไม่เข้าใจป๊อนซ์กูไม่เข้าใจ เมื่อตอนเที่ยงมึงยังไล่กูอยู่เลย ฮึก แล้วตอนนี้มึงมาลากกูเข้า ฮึก บ้านน  มึงจะเอายังไงป๊อนซ์  มึงจะเอายังไง” ผมถามออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับทั้งทุบทั้งตีไปที่หน้าอกของป๊อนซ์อย่างแรง

“เข้าบ้านแล้วเดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจเอง” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปซุกที่ไหล่ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แล้วกดจูบหนักลงบนหน้าผากของผม

ผมเดินตามหลังป๊อนซ์เข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย  แล้วป๊อนซ์ก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเองก่อนจะปล่อยมือผมออกแล้วเดินถอยมายืนด้านหลังของผม

“อะไรอ่ะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์อย่างงงๆ

“เปิดประตูเข้าไปดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนจะยีหัวผมนิดๆแล้วดันผมให้เดินเข้าไปใกล้ประตูยิ่งกว่าเดิม

นี่มันคงไม่ได้ขังงู ขังแมงป่องไว้ใช่มั้ย ผมแอบกลัวนะเนี่ย

ผมค่อยๆยื่นมือไปจับที่ลูกบิดประตูแล้วบิดเบาๆก่อนจะค่อยๆผลักให้มันเปิดเข้าไปในห้อง

ภาพที่ปรากฏทำเอาผมยืนตัวแข็งทื่อขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เลย

“เป็นไงชอบมั้ยครับ” ป๊อนซ์เดินเข้ามาประชิดตัวผมจากด้านหลังแล้วเอามือกอดเอวผมไว้หลวมๆก่อนจะก้มลงกระซิบถามผมเบาๆ

“...”ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของผมได้เลย

ห้องของป๊อนซ์ทั่วทั้งเพดานเต็มไปด้วยลูกโป่งสวรรค์สีชมพูกับสีขาวคละๆกันลอยไปติดอยู่ ส่วนโซฟาตรงกลางห้องก็มีแต่กรอบรูปของผมเต็มไปหมด มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ทุกๆรูปจะมีเขียนอยู่ที่กรอบด้านล่างว่า Pontz’s  และไฮไลท์มันก็อยู่บนเตียงนอนของป๊อนซ์เพราะบนเตียงนอนนั้นมีตุ๊กตากระต่ายสีขาววางเรียงกันเป็นสัญลักลักษณ์รูปหัวใจแล้วต่อด้วยคำว่า JOE
ผมหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่หลังผม ปรากฎว่าเค้าคนนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้ผมอย่างอ่อนโยน

“ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์เบาๆก่อนจะโถมตัวเข้าหาป๊อนซ์อย่างแรงจนป๊อนซ์เซถอยหลังไปนิดนึง

“ครับ?” ป๊อนซ์ขานตอบพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ขอบคุณนะป๊อนซ์ ขอบุณมาก” ผมพร่ำพูดคำว่าขอบคุณให้ป๊อนซ์อย่างไม่มีหยุด

“ชู่ ไม่ต้องพูดแล้ว รู้แล้วครับว่าคิดอะไรอยู่” ไอ้ป๊อนซ์ดึงตัวผมออกก่อนจะจรดนิ้วชี้ลงที่ปากผมเพื่อเป็นการบอกให้หยุดพูดคำว่า
ขอบคุณได้แล้ว

“ขอบคุณจริงๆ” ผมพูดคำว่าขอบคุณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อขอบคุณด้วยการกระทำ

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

“ว๊า แค่เนี้ย” ป๊อนซ์ถามก่อนจะเลียริมฝีปากเบาๆ

“เออดิ จะเอาแค่ไหนอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาหื่นกระหายของคนตรงหน้า

“หึๆ เอาแค่นี้แหละครับ  สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแล้วจูบหนักๆลงบนหัวของผม

“วันวาเลนไทน์มันพรุ่งนี้เหอะ”

“ฮ่าๆๆๆ ก็อยากเซอร์ไพรส์วันนี้อ่ะ มีไรป่ะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะทำหน้าตากวนตีนใส่ผม

“กวนเหรอ กูยังโกรธมึงอยู่นะเรื่องเมื่อเช้าอ่ะ”ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าป๊อนซ์

“โกรธเหรอจ๊ะ”

“เออดิ”ผมเอามือลงมากำหมัดแน่นทั้งสองข้างเพื่อเป็นการขู่

“ก็ถ้ากูไม่หาวิธีให้มึงออกไปข้างนอกกูจะได้จัดมั้ยห้องอ่ะ”

“อ้าวว มึงไม่ได้เบื่อกูเหรอ” ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้ามันอีกครั้งนึง

จุ๊บ

“จะเบื่อเมียตัวเองได้ไงละจ๊ะ” ป๊อนซ์จูบที่นิ้วของผมเบาๆก่อนจะยืนยิ้มกอดอกมองผมที่กำลังจะละลายลงไปอยู่กับพื้น ตล
อดดดอ่ะ

“แล้วพรุ่งนี้อยู่บ้านทั้งวันเหรอ” ผมถามเปลี่ยนประเด็นในการพูดเมื่อเห็นว่าหัวข้อเก่าเริ่มจะเสียเปรียบ

“ใครบอก”

“เอ๊ะ??” อ้าววเฮ้ยย

“พรุ่งนี้กูนัดกับไอ้พวกนี้ไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวทะเล”

“หา!!!ทะเล”

“อืมม” โอ้มายบุดด้า  ทะเล~

“ไปจริงนะ” ผมรีบวิ่งเข้าไปเอาหัวถูๆที่ไหล่มันทันที

“จริงดิ แต่..”

“แต่อะไร”

“แต่ดื้อต้องบอกรักป๊อนซ์ก่อน” ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา



ผมเงยหน้าขึ้นจากไหล่ป๊อนซ์ก่อนจะหอมแก้มมันเบาๆแล้วพูดสิ่งที่ป๊อนซ์ต้องการจะได้ยิน

“ดื้อรักป๊อนซ์ที่สุดในโลกเลย”


........................TBC in Part II P&P..............................

เหลืออีก 3 พาร์ทนะจ๊ะ อาจจะไม่หมดภายในวันนี้แต่ก็ไม่เกินพรุ่งนี้แน่นอน

พาร์ทต่อไป P&P ทายซิใครเอ่ยยย????  o13

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
คู่ต่อไป Pipe&Plus ใช่ป่าวจ๊ะ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Part II




[Pipe x Plus]





[Pipe]




“มึงอยู่ส่วนไหนของสนามบินว่ะ!!!!” ผมตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์เมื่อคนที่อู่ในสายเริ่มจะทำให้ผมอารมณ์เสีย

(เอ่อ พลัสอยู่ตรงข้างๆกระถางต้นไม้อ่ะครับ) สาดดดด  ให้ตาเหอะแม่ง  ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามที่จะสะกดอารมณ์ของตัวเองไม่ให้มันเดือดไปมากกว่านี้

“มึงแหกตาดูพลัส กระถางต้นไม้มีเป็นร้อย มึงช่วยบอกจุดที่มันชัดเจนกว่านี้ได้มั้ย หา!!” และแล้วผมก็สะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่อ่ะ
ครับ เฮ้อออ ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่โทรให้มันบินมาหาผมแล้วว่าจะไปฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน แต่แม่งดูมันทำ มันทำซะผม
อยากจะยัดมันกลับเข้าไปในเครื่องแล้วส่งมันกลับโคตรๆอ่ะ

(เอ่อ อ๋อ พลัสอยู่ข้าง ติ๊ด..) อยู่ดีๆสัญญาณโทรศัพท์ก็โดนตัดไป อะไรอีกวะเนี่ยย

“ฮัลโหล โหล พลัส พลัส!!!” ผมตะคอกใส่ไปแต่ก็กลับไร้ผล พอยกหน้าจอขึ้นมาดูก็หายข้องใจเลยครับ แม่งสายตัดไปแล้ว

ผมรีบกดโทรหาพลัสใหม่ทันที ไม่ใช่อะไรหรอกนะถึงมันจะเคมาที่นี่หลาครั้งแล้วแต่แม่งก็เดินหลงตลอดอ่ะ

(หมาเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อดะ..ติ๊ด) ผมกดตัดสายก่อนที่ระบบจะพูดจบ ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย เอาแล้วว ทำไงล่ะทีนี้ติดต่อก็ไม่ได้แล้วด้วย

ผมรีบออกวิ่งตามหาทันที แต่ก็นั่นแหละจะให้ผมไปหาที่ไหนล่ะ ในเมื่อมันบอกแค่ว่า ‘ข้างกระถางต้นไม้’

ผมวิ่งหาจนทั่วในตัวอาคารแล้วแต่ก็ยังไม่เจอพลัสอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจลองออกมาดูด้านนอกเผื่อว่ามันจะยืนรอรถด้านนอกแล้ว

“มากับพี่เหอะน้อง”เสียงๆหนึ่งลอยมาเข้าหูผม จนทำให้ผมเอะใจแล้วหันไปมอง

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น เสียงนั้นดูสั่นนิดๆเหมือนจะกำลังกลัวอยู่ และนั่นมันก็ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นขึ้นมาได้
ง่ายๆเลย

“มึงทำเชี่ยไรวะ” ผมกระชากไหล่ของผู้ชายคนนั้นแล้วก็ไม่รอช้าผมก็ซัดหมัดตามไปทันที

“โอ๊ยย!!”ผู้ชายคนนั้นลงไปกองกับพื้น ผมจึงเข้าประชิดตัวก่อนจะซ้ำลงไปอีกหลายครั้งจนคนข้างล่างดูเหมือนจะหมดสติ

“พี่ไปป์พอเหอะ”พลัสถลาเข้ามาจับที่ข้อมือผมที่ง้างขึ้นเตรียมจะซัดไอ้เหี้ยข้างล่างเป็นหมัดสุดท้าย

“เออ!!!” ผมหันไปตะคอกใส่หน้าพลัสแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าของพลัสที่ตั้งอยู่ก่อนจะเดินไปที่รถทันที แม่งทำให้อารมณ์
เสียตลอดอ่ะ

ถึงไม่ได้หันไปมองก็มั่นใจอ่ะครับ ว่ามันต้องเดินตามมาแน่ๆ ไม่ใช่ซิ ต้องใช้คำว่าวิ่งเลยต่างหาก

“พี่ไปป์ พี่ไปป์ รอพลัสด้วย” ผมหยุดเดินตามคำเรียกของคนข้างหลัง

ปั๊ก!!!!

โอ๊ยยย กูว่าแล้วว่าแม่งต้องวิ่งมาชนกูอีก เฮ้ออออ เหนื่อยโว๊ยยยยยยยย

“พลัสขอโทษครับ พี่ไปป์เจ็บตรงไหนรึเปล่า” พลัสรีบวิ่งมายืนตรงหน้าผมก่อนจะจับผมหมุนไปมาเพื่อหาร่องรอยของการบาดเจ็บ

โอ๊ยยย กูจะไปเจ็บอะไรล่ะมึงสิควรเจ็บ แม่งเวรจริงงงง

“ไหนขอพลัสดูหน่อยสิ” โอ้โห แม่งยังไม่เลิกครับ อะไรของแม่งนักหนาว่ะ

“ดูปากกูนะ กู-ไม่-ได้-เป็น-อะไร-เลย  ชัดป่ะ” ผมหันไปบีบที่ต้นแขนของมันก่อนจะก่อนจะสะบัดมือพลัสที่อยู่ที่แขนผมออก แล้ว
หันหลังเดินไปที่รถ

ไอ้พลัสก็หงอยตามระเบียบครับเดินคอตกตามหลังผมมาแบบไร้คำพูดคำจาใดๆทั้งสิ้น



พอขึ้นบนรถมันก็ยังคงหงอยอยู่ครับ แต่ผมชอบนะเวลามันหงอยๆอ่ะ มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ (แอบจิตนะไปป์)

แต่เงียบแบบนี้มันก็ทำให้น่าอึดอัดอ่ะเกินไปอ่ะ ผมควรจะชวนมันพูดก่อนใช่มั้ยเนี่ย

“เอ่อ เมื่อกี๊ทำไมอยู่ดีๆสายตัดไปว่ะ” เอาละครับได้หัวข้อคุยแล้ว

“แบตมันหมดอ่ะ” กูว่าแล้ว แม่งไม่เคยคิดจะเตรียมตัวให้ดีก่อนหรอก

“แม่ง ชอบทำให้เป็นห่วงตลอด”

“ห๊ะ??” พลัสหันมามองผมอึ้งๆ เหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ทำไม??”ผมถามกลับทั้งๆที่ตาก็ยังคงมองถนนด้านหน้า

“พี่ไปป์บอกว่าเป็นห่วงพลัส” ตาน่ะจะโตไปไหน แถมยังชี้นิ้วเข้าหาหน้าตัวเองอีก

“เออดิ ทำไม  แล้วกูขออย่างนึง เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว” ผมเอามือข้างนึงออกจากพวงมาลัยก่อนจะชี้ไปที่หน้าของมัน

“ทำไมอ่ะ” มันยังคงทำหน้าอึ้งๆ งงๆ โง่ๆ ต่อไป

“มึงเคยเสียตัวบนรถมั้ยพลัส?” ผมหันไปถามมันได้น้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ แต่มันก็ได้ผลนะครับ  พลัสก้มหน้าลงสนทนากับแผ่น
ยางรองพื้นรถทันที หึๆ แม่งหน้าแดงไปนะ เดี๋ยวกูก็จัดบนรถซะเลย

“........”เงียบครับ เงียบไปเลย ผมชำเลืองมองมันนิดๆก็เห็นว่ามันนั่งกุมมือเม้มปากแน่นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมารับแอร์เลย

หึ!!! หน้าแดงเหรอ น่ารักว่ะ

ปอร์เช่สีดำสนิทของผมขับเข้าไปจอดหน้าร้านขายสัตว์เลี้ยงช้าๆ

“พลัส”

“.........”  เงียบ

“พลัสเตอร์!!!!!!!” ผมหันไปตะคอกเสียงใส่มันหลังจากที่มันไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับกับผม

“ครับ” พลัสเงยหน้าขึ้นมาแบบตื่นๆ

“ลงไปได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับกดปลดล็อกประตูให้มันลง

“เอ่อ แล้วพี่ไปป์พาพลัสมาที่นี่ทำไมอ่ะ” พลัสหันมาถามพร้อมกับทำหน้างงๆใส่ผม

“ลงไปเหอะ” ผมดับเครื่องและลงจากรถโดยไม่วนใจว่าคนข้างหลังจะเดินตามมาหรือไม่

แต่รอไม่นานมันก็วิ่งตามหลังผมลงมาจากรถแหละครับ หึๆ

ผมเดินผ่านกรงสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิดไปด้วยสีหน้าเบื่อๆแตกต่างจากคนที่เดินตามหลังผมอยู่ตอนนี้เพราะแม่งไม่ว่าจะเดิน
ผ่านตัวอะไรมันก็ดูจะชอบจะตื่นเต้นไปซะหมด

“มึงชอบตัวอะไรอ่ะ” ผมถามพลัสทั้งๆที่ไม่ได้หันไปมองมันเลยแม้แต่นิดเดียว

“พลัสเหรอ พลัสชอบกระต่าย แต่เอาจริงๆก็ชอบแมวมากกว่าน่ารักดี”หลุดไปอีกโลกนึงแล้วครับ ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นปลีกตัว
ออกมาแล้วปล่อยให้มันอยู่ในโลกของมันเพียงคนเดียว

ผมเดินไปเรื่อยๆมองลอดกรงเข้าไปสบตากับแมวหลากหลายสายพันธุ์ แต่แม่งไม่รู้สึกถูกชะตาเลยสักตัวเดียว เห็นแล้วแบบว่า
แอบเบื่ออ่ะ เพราะว่าหน้าตามันเหมือนไอ้คนที่ยืนเพ้ออยู่คนเดียวโน่นไง

เอ๊ะ  ไอ้นี่มันเป็นตัวอะไรวะ หน้าตาเข้าท่าดีว่ะ

“เอ่อ ขอโทษครับพี่ ไอ้ตัวนี้มันคือตัวอะไรอ่ะครับ” ผมชี้ไปกรงที่ขังไอ้นั่นอยู่

“ไอ้นี่เหรอน้อง” พี่พนักงานเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับเดินไปทำท่าจะเปิดประตูหยิบไอ้ตัวในกรงออกมา

“ครับ”

“มันคือหนูแฮมสเตอร์อ่ะน้อง” อ๋อ ไอ้นี่เองน่ะเหรอ หนูแฮมสเตอร์ หน้าตาแอบน่ารักนิดนึงแฮะ

“ผมเอาตัวนี้เลยครับ ใส่กรงให้ด้วยนะครับ”

“ได้ครับน้อง รอสักครู่นะครับ”

“ครับ” ผมยืนกอดอกรอพี่พนักงานได้ไม่นานพี่เค้าก็เอากรงที่ใส่ไอ้หนูนั่นไว้มายื่นให้ผม

“อ่ะเรียบร้อยน้อง” พอพี่เค้ายื่นกรงมาให้ปุ๊ปผมก็ติดต่อจ่ายตังค์ทันที

พอจ่ายตังค์เสร็จผมก็เดินอุ้มกรง เดินตามหาไอ้พลัสทันที

“ฮึก ฮึก ฮืออ” เสียงคุ้นไปมั้ยเนี่ย

ผมหันไปหาต้นเสียงและก็พบกับร่างเล็กของพลัสที่ยืนร้องไห้จนไหล่ไหวอยู่ข้างๆกรงแมวที่ผมเดินทิ้งมันมา 

อะไรอีกวะเนี่ยยยยย

“พลัส” ผมเดินเข้าไปก่อนจะยื่นมือข้างนึงที่ว่างไปสะกิดไหล่ของพลัส

“อ๊ะ พี่ไปป์”พลัสสะดุ้งนิดนึงก่อนจะรีบกอดเข้าที่เอวเมื่อเห็นว่าคนที่สะกิดคือผม

“มึงร้องทำไม” ผมยังคงอึ้งๆอยู่ที่ จู่ๆไอ้พลัสก็ถลาเข้ามากอดซะขนาดนี้

“พลัส ฮึก นึกว่าพี่ไปป์จะ ฮึก ทิ้งพลัสอ่ะ” มันพูดออกมาเสียงอู้อี้เนื่องจากว่าตอนนี้มันกำลังซุกหน้าอยู่กับอกของผมไม่ยอมปล่อย

“กูจะทิ้งมึงได้ไงวะ มึงอย่าเพ้อเจ้อดิ” ผมพูดบอกมันก่อนจะพยายามดันตัวมันออก

“แล้วพี่ไปป์หายไปไหนมาอ่ะ พี่ไปป์ทิ้งให้พลัสยืนอยู่คนเดียวตั้งนาน” มันเงยหน้าที่ตาแดงๆบวมๆ จมูกก็แดง ขึ้นมาพูดกับผม
ก่อนจะรีบก้มลงไปซุกที่อกของผมต่อ

“เฮ้ออออ  กูไปซื้อนี่มาให้” ผมดันตัวพลัสออกเบาๆก่อนจะยื่นกรงที่ถืออยู่ในมือไปให้พลัส

“เอ๊ะ??” พลัสรับไปพร้อมกับสีหน้างงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจในเวลาอันรวดเร็ว

“เฮ้ยยยยย น่ารักอ่ะ” อีกแล้วครับ หลุดเข้าไปในโลกของตัวเองอีกแล้ว กูคิดผิดหรือคิดถูกวะที่แม่งซื้อให้มึงเนี่ย

“....” เชิญมึงดื่มด่ำอยู่กับไอ้หนูท่อนี้ไปได้เลย แม่งคืนร้านเข้าดีมั้ยเนี่ยยยย

“พี่ไปป์ มันชื่อไรอ่ะ” พลัสถามผมทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าผมเลย นี่มึงเห็นไอ้หนูนี่ดีกว่ากูงั้นเหรอ

“ไม่รู้แม่ง” มันไม่ผิดใช่มั้ย ถ้าผมจะอิจฉาหนู

“เอ่อออ  ชื่อไรดีอ่ะเรา”

“พลัสไปขึ้นรถ” เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะเสียดุลให้ไอ้หนูเวรนี่ 

“อื้อๆ” พลัสเมื่อกี๊มึงยังร้องไห้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ

ตลอดทางบนรถแม่งก็คุยอยู่กะไอ้หนูนั่นอ่ะไม่สนใจกูแล้วว

“เออ ไหนพี่ไปป์บอกว่าเลี้ยงสัตว์แล้วเป็นภาระไง”

“เลี้ยงมึงก็ภาระ”

“...” เงียบครับ  หงอยอีกแล้ววววว

“เงียบเลย เป็นไรวะ  งอนเหรอ”

“ป่าว” ชัดเลยครับ หึๆ ปากแข็งจังนะ

“เหรอออ  ที่กูซื้อให้อ่ะก็ไม่มีไรหรอกกูก็แค่ยินดีจะมีภาระ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ

“....”

“หึ” ผมส่งเสียงออกมาในลำคอก่อนจะชำเลืองไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะครับ”

“หือ??” มามุขไหนอีกละเนี่ย

“ขอบคุณที่รักพลัส ขอบคุณที่ตามใจพลัสนะครับ”

“กูเคยบอกว่ารักมึงเหรอ” เอาละครับ  ลองแหย่ๆมันดูดิ

“......” เงียบ หึๆ เงียบอีกแล้วววว

“พลัส” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ตายังคงมองไปบนถนน

“ฮึก” เอาแล้วไงกู  โอ๊ยยยร้องอีกแล้ววว

“หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปบอกมันก่อนจะหันหน้ากลับมามองถนนต่อ

“ฮึก ฮืออออออ” สาดดดด ยาวเลยไอ้เหี้ยย

เอี๊ยดดดดดด

ผมหักรถลงข้างทางก่อนจะเบรกอย่างกะทันหัน

“พลัสเตอร์ฟังกูนะ” ผมหันไปจับไหล่ทั้งสองข้างของมันแล้วบังคับให้หันหน้ามามองผม

“.....” พลัสนั่งเม้มปากก้มหน้า เหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้ไหลออกมามากไปกว่านี้

“เฮ้อออ  มึงลองคิดดูดีๆนะพลัสว่าถ้ากูไม่รักมึงก็จะทำแบบนี้ให้มึงทำไม กูจะตามใจ ไปรับไปส่ง ไปซื้อของให้มึงทำไม” ผมพูด
รัวออกมา ก่อนจะหยุดเพื่อรอดูปฏิกิริยาของพลัส

พลัสเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆก่อนที่เราจะสบตากัน

“เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

“ครับ” พลัสรีบพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า

“เออใช่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวทะเลกับกูนะ”

“เอ่อออ ทะเลเหรอครับ”

“ใช่ ไอ้โจไอ้ป๊อนซ์ พีเจ ไอ้ภูมิ ไอ้พวกนี้ไปกันหมดแหละ”

“โอเค ก็ได้ครับ” พลัสตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมนิดๆ

ผมออกรถและขับต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย  แต่ระหว่างทางนั้นผมก็คิดสิ่งหนึ่งมาในหัวตลอด 

และตอนนี้ผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่าผมจะพูดมันออกไป

“พลัส”

“ครับ”

“กูรักมึงนะ”

“เอ่อออ” ผมหันหน้าไปมองหน้าพลัสก็พบว่าแม่งหน้าแดงจนเหมือนจะระเบิดแล้วละครับ

“นี่ไงกูบอกมึงแล้วนะ ความรู้สึกของกูอ่ะ  ทีนี้มึงก็เลิกคิดมากได้แล้ว”

“ครับ” พลัสพยักหน้ารัวๆอย่างเขินๆ

จู่ๆพลัสก็ค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะจุ๊บเบาๆลงบนแก้มของผม

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่ไหวแล้วววว

ผมหักรถลงข้างทางอีกครั้งแต่ครั้งนี้ข้างๆทางมันดูค่อนข้างจะเปลี่ยวหน่อย  จากนั้นผมปรับเอนเบาะฝั่งพลัสลงก่อนจะขึ้นไปคร่อมบนเบาะของพลัส

“เฮ้ยย พี่ไปป์ จะทำไรอ่ะ”

“ช่วยไม่ได้ว่ะพลัส  มึงยั่วกูเอง” พูดจบผมก็ไม่ฟังเสียงใดๆทั้งสิ้น  แต่ผมกลับเริ่มทำภารกิจของผมทันที

“พี่ไปป์ อื้ออออออออออ~”


....................................TBC in Part III L&T...........................................

มาอัพให้แล้วนะจ๊ะ

ตอนต่อไปน่าจะมาตอนกลางวันนะ

สุดท้ายนี้นเขียนก็ขอบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้นแต่มีมวลความจริง  ในโลกนี้ไม่มีคำว่ามั่วนะจ๊ะ  o18

อย่าลืมเม้นต์ และ ติดตามอ่านต่อไปด้วยนะคะ  :pig4:

mengsama

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ basza2x

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 799
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :-[ อิอิ น่ารัก ชอบครับ ^^

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
L&T นี่ใครหว่าา

P&P ก็เดาผิด ตอนแรกเดาเป็น พีเจ&ภูมิ 555555555555555555

 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไปป์ฮาร์ดคออ่ะน้องพลัสก็นะน่ารักมากมายยยยยยย มารอคู่ลิ้มเทลค่ะ คนเขียนสู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
น้องพลัสรักไปป์ตรงไหนอ่ะ ไม่เข้าใจเลย
แต่แกหื่นเกินไปหรือเปล่าไปป์ ข้างถนนนะโว้ย

3BⅠt$.

  • บุคคลทั่วไป
ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด  :m25:

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6
น่ารักอ้า.........................

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ถ้าเจอแบบนี้ละลายกันเลยล่ะนะ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
P&P รุนแรงกันจริงๆ :z3:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Part III




[Limp x Toptel]




[Limp]




“น้องครับๆ” ผมตัดสินใจเรียกน้องผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องเรียนกวดวิชาที่ผมมานั่งเฝ้าอยู่จะเป็นชั่วโมงแล้ว

“คะ??”

“น้องรู้จักท็อปเทลป่ะ”

“รู้จักค่ะ” น้องเค้าตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

“เอ่อ น้องตามน้องท็อปเทลให้พี่หน่อยได้มั้ย”

“อ๋อ ได้ค่ะ รอแป๊ปนึงนะคะ” แล้วน้องผู้หญิงผู้แสนดีคนนั้นก็วิ่งหายกลับเข้าไปในห้องเรียนก่อนจะออกมาพร้อมกับคนที่ผมโคตรจะอยากเจอเลยย

“อ้าวพี่ลิ้ม มีอะรึเปล่าครับ” พอท็อปเทลเห็นว่าผมคือคนที่มาหาน้องก็รีบวิ่งออกมาทันที แอบปลื้มนะเนี่ย

“เรียนเสร็จกี่โมงอ่ะ” ผมถามไปก็เขินไป  ว่าแต่กูจะเขินทำไมเนี่ยยย

“เอ่อ ตอนนี้ก็เสร็จแล้วนะครับ” อ้าววว  แล้วมึงนั่งทำอะไรอยู่ในห้องวะ

“อ้าว จริงดิ”

“ครับ พี่ลิ้มมีอะไรรึเปล่า” น้องท็อปเทลถามผมกลับแบบงงๆ โอ๊ยน่าร้ากอ่ะ

“คือ พี่จะมาชวนไปเที่ยว เทลจะไปมั้ย” เอาละครับ  เรามารอฟังคำตอบกันดีกว่า

“เอ่ออ.....” ท็อปเทลอ้ำอึ้งอยู่ครู่นึง พร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ  อั๊ยย๊ะ น่ารุกจุงเบยย

“ว่าไงครับ?” พอเห็นว่าน่ารุกผมก็รุกต่ออย่างต่อเนื่องเลยครับ

“เอ่อออ  คือ.....” น้องยังคงอ้ำอึ้งแต่ครั้งนี้กลับแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา  เฮ้อออ  แห้วแล้วไอ้ลิ้ม

“ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ” ผมหันหลังกลับ พร้อมกับคิดถึงสิ่งที่จะทำวันนี้แทนที่การไปเที่ยวกับท็อปเทล  หึ  แดกเหล้า
เสริมความแข็งแรงให้ตับดีกว่ากู

“เดี๋ยวครับ” แต่ผมเดินออกมาได้แค่ไม่กี่ก้าวก็มีมือเล็กๆ 2 ข้างมากำรวบที่ข้อมือข้างขวาของผม

“หือ??”

“เอ่อ  เทลจะไปเทลกับพี่ลิ้มครับ” อุบ๊ะ ให้มันได้อย่างนี้สิหยาหยี  เหล้าจ๋า ลิ้มลาก่อนนนน

“ครับ งั้นเทลเข้าไปเก็บของเหอะเดี๋ยวพี่รอข้างนอก” ท็อปเทลปล่อยมือจากข้อมือผมช้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปเก็บของใน
ห้องอย่างรวดเร็ว

ผมนั่งรออยู่ประมาณ 5 นาที ท็อปเทลก็เดินแบกกระเป๋าที่ดูจะใหญ่เกินตัวออกมาอย่างทุลักทุเล

“เอาอะไรมานักหนาเนี่ย” ผมถามพร้อมกับเดินไปแย่งกระเป๋าในมีท็อเทลมาถือไว้ซะเอง  โหแม่งโคตรหนักอ่ะ

“เทลก็เอาหนังสือเรียนมาอ่ะครับ บางทีก็พกการบ้านมาทำด้วย” โอ๊ยยยย  ขยันไปแล้วหนู

“ทีหลังไม่ต้องพกมาเยอะขนาดนี้ เอามาแค่ที่จะเรียนในห้องพอเข้าใจป่ะ” ผมพูดเสียงดุๆพร้อมกับหันไปมองหน้าท็อปเทลแบบบังคับ

“ครับ” ท็อปเทลรับคำก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม  โอ๊ยยย  อย่ายิ้มซิเดี๋ยวลิ้มละลายยย


 
ผมกับท็อปเทลเดินมาเรื่อยๆจนถึงมินิคูเปอร์สีดำแดงลูกรักของผมที่จอดอยู่

“เข้าไปนั่งเลยเทล เดี๋ยวพี่เอาของเก็บก่อน” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูหลังเพื่อเอากระเป๋าของท็อปเทลเข้าไปเก็บ   ท็อปเทลก็
เปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย

“เอาล่ะ เราจะไปไหนกันดี” เก็บของเสร็จผมก็เดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับแล้วขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปถามท็อปเทลที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อ้าวว  ก็พี่ลิ้มชวนเทลไปเที่ยว”

“ใช่ ก็พี่แค่อยากไปเที่ยวกับเทลแต่ไม่รู้จะไปไหนดี” อั๊ยย๊ะ น้องลิ้มพูดออกไปแล้ว เขินว่ะ  เดี๋ยวแทะพวงมาลัยแม่งเลย ง่ำๆๆ

“เอ่ออ...” ท็อปเทลหน้าขึ้นสีอีกครั้ง  น้องเม้มปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะก้มหน้าลงจนเกือบจะจูบกับเบาะ

“ว่าไงล่ะ อยากไปไหน” เมื่อเห็นว่าน้องเป็นแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

“เอ่อออ เทลหิวอ่ะครับ”

“โอเค แล้วจะกินอะไรอ่ะ”

“เอ่ออ  ไม่รู้อ่ะครับ” ถึงน้องจะยอมปริปากพูดแต่ก็ยังคงก้มมองพื้นรถอยู่เหมือนเดิม

“อืมมมม เอางี้ไปกินซูกิชิบุฟเฟ่กันดีกว่า” ผมดีดนิ้วดังเป๊าะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบบิ่งรถไปยังที่หมายที่ผมตัดสินใจเองโดยไม่ได้ถามน้องสักคำ



เข้าไปถึงร้านผมก็ทำตัวเป็นเจ้ามือที่ดีด้วยการเดินไปเดินมาหยิบบรรดาซูชิ เทมปุระ และอีกมากมายจนไม่ได้นั่งประจำโต๊ะเลย

“พี่ลิ้ม” ท็อปเทลเอื้อมมือมาจับที่ชายเสื้อของผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินไปหยิบของกินอีกรอบ

“ครับ เทลจะเอาอะไรอีกเหรอ” ผมชะงักเท้าไว้ก่อนจะหันไปถามน้องที่นั่งอยู่

“เทลว่าพอก่อนดีกว่า แค่นี้เทลก็กินไม่หมดแล้ว” ผมมองปากของท็อปเทลที่กำลังขยับพูดมันช่างดูเย้ายวนจริงๆเลย  บ้าจริงลิ้ม
><///  แอ๊กกก เขินอ่ะ

“โอเคครับ แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ” ผมยิ้มให้น้องก่อนจะลงที่ฝั่งตรงข้าม

นี่เป็นการกินซูกิชิครั้งแรกที่ผมไม่โหวกเหวก สกปรกและมูมมาม??

แต่ผมกลับแทบจะไม่ได้กินเลย เพราะมัวแต่นั่งมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเพลิดเพลิน แอ๊กก หมดแรงว่ะ

“พี่ลิ้มครับ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะเรียกชื่อผม

“ครับ?”

“พี่ลิ้มไม่หิวเหรอ” ท็อปเทลถามผมพร้อมกับเอียงหน้านิดๆ แบ๊วอ่ะ!!!!!

“หิวซิครับ พี่ก็กินอยู่นี่ไง” ผมพูดพร้อมกับชี้ตะเกียบลงไปในถ้วยที่มีแต่ผักกับน้ำ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ผมกลัวว่าน้องจะกินไม่
อิ่มเพราะน้องเรียนมาหนักมากก

“พี่ลิ้มไม่เห็นจะกินเนื้อเลย พี่ลิ้มเป็นมังเหรอ” ก๊ากกกก  ฮาเลยครับน้อง ใสๆของจริงนะเนี่ย

“เปล่าครับ พี่แค่กลัวเทลจะกินไม่อิ่ม”

“เทลกินคนเดียวไม่หมดหรอกนะครับ พี่ลิ้มต้องช่วยเทลกินนะ” ไม่พูดเปล่า น้องตักบรรดาหมูหมึกกุ้งที่ลอยอยู่ในหม้อต้มขึ้นมาใส่
ในถ้วยผมซะเกือบหมด

“แล้วเทลอ่ะ”

“เทลอิ่มแล้วครับ เดี๋ยวเทลไปตักไอติมก่อนนะครับ พี่ลิ้มต้องกินให้หมดนะ” ท็อปเทลพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาชี้อารมณ์ประมาณ
ว่านี่เป็นคำสั่ง  น่ากลัวซะเหลือเกินนน  เค้าจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียวแต่มันกลับเหมือนแมวตัวเล็กๆที่
พยายามจะขู่ฟ่อๆ ฮ่าๆๆๆ น่ารักเกินไปแล้วว

ผมนั่งกินของที่น้องตักให้จนหมดแต่น้องก็ยังไม่เดินกลับมาผมเลยกะว่าจะเดินไปตามซะหน่อย

“มาแล้วครับ” แต่ผมยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังซะก่อน

“ทำไมไปนานจังละครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงดุนิดๆ

“เทลตักมาให้พี่ลิ้มด้วยอ่ะ แต่เทลไม่รู้ว่าพี่ลิ้มชอบกินรสอะไรเลยเลือกนานไปหน่อย”

“อ๋อ แล้วนี่ตักรสอะไรมาล่ะไหนดูซิว่าจะใช่รสที่พี่ชอบรึเปล่า” น้องเม้มปากทำหน้าเครียดเลยครับ  ผมพูดไปงั้นอ่ะ ที่จริงผมกิน
หมดทุกรสแหละ แต่ถ้าเอาแบบว่าชอบที่สุดก็ต้องช็อกโกแลตชิพเลย

“เทลตักช็อกโกแลตชิพมาให้อ่ะครับ ไม่รู้ว่าจะชอบรึเปล่า” น้องยื่นถ้วยไอติมมาให้ผมช้าๆเหมือนจะกลัวว่าผมจะไม่ชอบ  เดาซะ
ถูกเลยเทล

“อ่า ถูกได้ไงเนี่ย”

“หืออ  พี่ลิ้มชอบช็อกโกแลตชิพเหรอ”

“ครับ” ผมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มเบาๆไปให้น้อง

“เย้ ดีจังที่เทลเดาถูก” น้องทำหน้าโล่งใจก่อนจะลงมือกินไอติมสตรอเบอร์รี่ตรงหน้า ชอบอะไรได้เข้ากับหน้ามากน้องเทล~



กินซูกิชิกันเสร็จผมก็พาท็อปเทลเดินเล่นไปเรื่อยๆ เพราะผมกำลังรวบรวมความกล้าขอท็อปเทลอยู่น่ะสิ

“เอ่อ ท็อปเทล” เอาวะลิ้ม เอาเลยยย

“ครับ?”

“คือ เทลปะ...” อั๊ยย๊ะ ลิ้นแข็ง ตายๆๆๆๆ

“อะไรนะครับ” ท็อปเทลหันหลังกลับมาทั้งตัวเพื่อเผชิญหน้ากับผม ป๊าดดดด  อย่ามองแบบนั้น กูป๊อด!!!!!!
เอาวะลิ้ม พูดออกไปเลย

“ไปทะเลกับพี่มั้ย!!!!!!!” ก็แค่นั้นแหละไอ้ลิ้ม  เฮ้อออโล่ง~

“เอ่อ ทะเลเหรอครับ”

“ใช่”

“เทลต้องโทรขอป๊าก่อนอ่ะครับ”

“โทรเลยๆๆ” ไอ้ลิ้มเชียร์เต็มที่เลย

“ครับๆ” น้องรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วกดโทรออกทันที

“ฮัลโหลป๊าครับ”

“เอ่อ เทลขอไปเที่ยวทะเลได้มั้ยครับ”

“ไปกับพี่เค้าอ่ะครับ”

“ก็พี่คนที่ไปส่งเทลตอนหัวแตกอ่ะครับ”

“โอเคครับๆ” ท็อปเทลยื่นโทรศัพท์มาให้ผม อ้าวยื่นมาทำไมอ่ะน้อง

“ป๊าจะคุยด้วยอ่ะครับ” เฮือกกกก  ตายห่าแล้วกู คุยกับพ่อเลยรึ

“ครับๆ” ผมรับคำก่อนจะรับโทรศัพท์ของน้องมาด้วยมือสั่นๆ  อย่าสั่นดิวะอย่าสั่น

“หวัดดีครับป๊า”

(ใครป๊ามึง) อั๊ยย๊ะโดนไปหนึ่งดอก

(แล้วจะพาลูกฉันไปไหน)

“ก็ไปทะเลไงครับ น้องบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับเมื่อกี๊อ่ะ” ป๊าดดดด  โดนไปหนึ่งดอกจากพี่ลิ้ม 

(กวนล่ะ จะไปยังไงไปกี่วัน)

“ไปกับรถแล้วค่อยลงเรือครับ อืมไปประมาณ 3 วัน 2 คืนอ่ะครับ”

(อืมม  ดูแลลูกฉันได้แน่นะ) นี่กูขอพาไปเที่ยวหรือขอแต่งงานวะ

“แน่นอนครับ”

(อืมงั้นก็โอเค)

“ขอบคุณครับป๊า”

“อ่ะ คุยกะพ่อต่อมั้ย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ท็อปเทลที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆ

“อ่ะ ครับๆ”

“ฮัลโหลป๊า”

“อ่าครับๆ ฮ่าๆๆๆ ครับ หวัดดีครับ”

“หัวเราะไรอ่ะ” ผมหันไปถามน้องที่กำลังเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอยู่

“ป๊าฝากมาบอกว่าไม่ต้องมาเรียกว่าป๊า เพราะไม่มีลูกกวนๆแบบพี่ ฮ่าๆๆ” อ้าววว ป๊า

“ก็ไม่ได้อยากเป็นลูกเฉยๆอยู่แล้ว”

“ห๊ะ แล้วอยากเป็นลูกอะไรละครับ” น้องทำหน้างงๆ ใส่ผม ไม่ต้องงงหรอกเด็กน้อยย

“ลูกเขยไงล่ะ” โดนไปหนึ่งดอกครับ หน้าแดงอีกแล้วว  หึๆ กว่าจะกล้าบอกกับเค้าตรงๆแบบนี้ต้องรอมาตั้ง 3 ปีเลยเหรอไอ้ลิ้ม แต่ก็ไม่เป็นไรเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่หน่า คุณว่ามั้ย???


.....................................TBC in The end of Valentine's Day .....................................

อัพคู่สุดท้ายเสร็จแล้ว ทีนี้ก็จะเหลือแต่พาร์ทรวมตอนไปทะเลแล้วนะจ๊ะ

รับรองว่าพาร์ทที่ทะเลนี่มันส์แน่นอนจ้าาาาาา   o13

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ไม่ค่อยอยากจะมาอ่านตอนนี้เลย ไม่มีคู่อ่ะ T^T

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ้ากกกกกกกก. น่ารักทั้งลิ้มทั้งน้องเทลเลยอ่ะ ชอบคู่นี้สุดใจ :-[ รอตอนไปทะเลนะคะ ฮิฮิ

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






3BⅠt$.

  • บุคคลทั่วไป
3 ปี ? งง
พี่ลิ้มกับท้องเทล น่ารักกกกกกกกกกก  :กอด1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
แปลว่า ลิ้มแอบชอบน้องท็อปเทลมา 3 ปีแล้วหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
*เนื้อหาในนิยายตอนนี้ส่วนใหญ่ของเนื้อเรื่องเป็นเรื่องจริง(ไอ้คลิปอ่ะจริงนะจ๊ะ คำก็เป๊ะ ไ่ม่มี"มั่ว" แต่ก็มีตัดออกแล้วก็ใส่เพิ่มนิดหน่อย) บุคคลที่ไปในเรื่องก็มีทั้งที่ไปจริงๆและไม่ได้ไป เพราะเนื้อหาส่วนที่เหลือเกิดจาก"จินตนาการ"ของคนเขียน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะจ๊ะ
 
End of  special valentintine’s day part




[Pontz x Joe / Pipe x Plus / Limp x Toptel / Poom /  PJ]





[Joe]






“โจ เดินระวังๆหน่อยดิ” เสียงป๊อนซ์แหวดังมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะกระโดดลงในเรือแทนที่จะเดินลงไปดีๆ

“ค้าบบบบบ” ผมตอบลากเสียงยาวก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ป๊อนซ์

“เฮ้ออออ ตลอดเลยดื้อ อย่าทำให้เป็นห่วงนักได้มั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ

“ฮ่าๆๆๆๆ ก็รู้ว่าจะมีคนเป็นห่วงไง ก็เลยทำตัวให้น่าเป็นห่วง” ผมพูดพร้อมกับโผเข้าไปกอดที่เอวป๊อนซ์แล้วซุกหน้าลงที่พุงของป๊อนซ์พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“โอ๊ยยยยยยยย  พีเจมึงรู้สึกเหมือนกูมั้ย ว่าเรือนี้แม่งดูชมพูอมม่วงแปลกๆ” ภูมิแขวะขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นฉากสวีทของผมกับ
ป๊อนซ์พอดี  ช่วยไม่ได้อ่ะนะคนมันรักกัน

“เออแม่ง ม๊วงม่วง” พีเจก็เออออห่อหมกไปกับไอ้ภูมิด้วย  แม่งอิจฉาละซิ

“พลัสเดินดีๆหน่อย” อีกแล้วครับเสียงไอ้ไปป์เวลาอยู่กับน้องพลัสแม่งจะต้องเป็นโทนนี้ตลอด

“อื้อออ พี่ไปป์ พลัสปวดหัวอ่ะ” พูดไม่ทันจะขาดคำน้องพลัสก็ทำท่าเหมือนจะล้มลงไปแต่ดีที่ไอ้ไปป์เข้าไปรับไว้ทัน เฮ้อออ ทุลักทุเลตลอดอ่ะคู่นี้

“พลัสเตอร์!!! เมื่อวานกูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้มึงกินยา แล้วมึงก็ไม่กิน เป็นไงล่ะทีนี้ แม่งเป็นภาระกูอีกแล้ว”

“ฮึก พลัสขอโทษ ฮึก ฮือออ” เอาแล้วไอ้เหี้ยยยย  กูว่าแล้วว่าต้องออกมาอีหรอบนี้ 

“จะขอโทษกูทำไม ห๊ะ!!!”

“ก็ ฮึก ขอโทษที่ทำตัวเป็นภาระ ฮืออ”

“โอ๊ยยยย ไอ้ไปป์มึงช่วยพูดดีๆกับน้องเค้าหน่อยเนี่ยมึงจะตายมั้ย” ไอ้ภูมิวางของในมือก่อนจะยกนิ้วขึ้นนวดขมับแล้วหันไปพูดกับไอ้ไปป์ด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

“เออ แล้วอีกอย่างน้องพลัสเค้าก็ไม่ใช่คนผิดซะหน่อย มึงเองไม่ใช่เหรอที่เสือกล่อน้องเค้าซะข้างทางหลวงเลยไอ้สาดดด”
ห๊ะ!!!!! อะไรนะ ข้างทางเลยเนี่ยนะ สาดแล้วเพื่อนกู

“หึ ทำไงได้วะก็มันยั่วกูเองอ่ะ” ป๊าดดดดด  ไม่ได้มีคำว่ารู้สึกผิดปรากฏอยู่บนใบหน้าหนาๆของมันเลย ให้ตายเถอะ

น้องพลัสเอามือตีที่ไหล่ของไปป์เบาๆก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆผม

“ไงเรา ไหวมั้ย” ผมหันไปถามพลางลูบหัวน้องเบาๆ

“ไหวครับ” น้องพลัสพูดก่อนจะหลับตาลงแล้วพิงหัวบนไหล่ผม ผมก็ปล่อยให้น้องพิงได้ตามสบายเพราะดูจากท่าทางแล้วน้อง
เหมือนจะเป็นไข้ด้วยนิดๆเลยอ่ะ

“ภูมิ  พีเจ  ยกของเสร็จยัง” ป๊อนซ์ยิ้มให้ผมนิดๆก่อนจะหันไปตะโกนถามภูมิกับพีเจที่กำลังคนของอยู่อย่างขมักขเม้น แต่ไม่ใช่ว่า
มันจะสมัครใจทำหรอกนะ แต่แค่มันเป่ายิงชุบแพ้พวกผมก็แค่นั้นเอง~

“จะเสร็จแล้วครับท่านครับ รอพวกกระผมอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้นครับ” ไอ้ภูมิตะโกนกลับมาด้วยคำไทยโบราณดูสละสลวยแต่แม่ง
เอ๊ยน้ำเสียงมึงนี่คือจะประชดไปไหน แล้วอีกอย่างที่ผมรับไม่ได้รอเรือตรงคำว่าครู่อ่ะมันดูเน้นๆแปลกๆ

“เออ ดีแล้ว” ป๊อนซ์ตะโกนกลับก่อนจะหยิบหมวกออกมาจากกระเป๋าเป้ที่ป๊อนซ์พกติดตัวแล้วใส่ลงบนหัวผม เมื่อเห็นว่าแดดเริ่ม
จะแรงแล้ว

“ขอบคุณนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้ป๊อนซ์ที่กำลังจัดหมวกให้ผมอยู่

“ครับ”

“โทษทีว่ะพวกมึงกูมาช้าไปนิดนึง”ไอ้ลิ้มที่เพิ่งจะขึ้นมาบนเรือฉีกยิ้มหวานเป็นการขอโทษก่อนจะหันหลังกลับไปพยุงท็อปเทลที่
เดินขึ้นเรือตามมาติดๆ แหมได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะเพื่อนกู

“ไม่นิดมั้งสาดลิ้ม” ไอ้ภูมิที่น่าจะเก็บของเสร็จแล้วก็เดินมาสมทบกับผมที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“เออน่า   เทลยังปวดหัวอยู่อีกป่ะ” ไอ้ลิ้มหันมาทำหน้ารู้สึกผิดภายในเวลาแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันกลับไปทำหน้าตอแหลกับน้อง
ท็อปเทลต่อ

“นิดหน่อยแล้วละครับ” น้องหันมายิ้มให้ลิ้มประมาณว่า ‘ศรีทนได้~’

“น้องเทลลลลล ยังปวดหัวอยู่อีกปร่ะ” อื้อหือภูมิถ้ามึงจะวิบัติขนาดนั้นนะ แล้วไอ้ลอลิงตรงคำว่าเทลน่ะไม่ต้องม้วนลิ้นมากก็ได้มั้ง
แม่งกลัวคนไม่รู้รึไงว่ามึงมีลิ้นอ่ะ

“นิดหน่อยแล้วอ่าค้าฟฟ” มึงก็เป็นไปกับเค้าด้วยตลอดเลยนะพีเจ

“พอเลยพวกมึง แม่งล้อเพื่อน” ผมหันไปปรามไอ้ภูมิกับพีเจนิดๆ

“แล้วน้องท็อปเทลเป็นอะไรถึงได้ปวดหัวอ่ะครับ”หลังจากดุไอ้ภูมิกับพีเจเสร็จผมก็หันหลับไปถามท็อปเทลแทน  แล้วผมก็หวังว่า
สาเหตุของการปวดหัวเนี่ยคงจะไม่ได้เหมือนของน้องพลัสนะ

“อ๋อ คือเมื่อคืนเทลทำงานดึกอ่ะครับเลยได้นอนน้อยไปหน่อย”

“อื้มมมม  คนก็ครบกันแล้วงั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันเหอะ” ผมพูดขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปหาป๊อนซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ

“โอเค Let’s go!!!!!!!!!”




“ถึงสักที แม่งนี่ถ้ากูอยู่บนเรืออีกแค่นาทีเดียวนี่กูอาจจะขาดใจตายได้เลยนะเนี่ย”

“เออ แม่งรากงอกอ่ะไอ้สัด”

“เหี้ยยยย เหนื่อยเหี้ยๆ”

และเสียงบ่นอีกมากมายที่ลอยออกมาจากปากของพวกผมที่ตอนนี้ค่อนข้างจะเพลียจากการนั่งเรือเพื่อเดินทางมาพักที่เกาะสุกร  ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองหรอกนะว่าแม่งจะพยายามมาเพื่อนอนที่เกาะนี้ทำไมในเมื่อบ้านของผมเองก็เปิดรีสอร์ทอยู่ที่เกาะอีกเกาะหนึ่งทางทะเลฝั่งอันดามันเหมือนกัน

“เอ่อนี่กุณแจห้องนะพวกมึง อ่ะนี่ของมึงไอ้ไปป์ นี่ก็ของมึงไอ้ลิ้ม ส่วนอันสุดท้ายก็ของไอ้ภูมิกับพีเจ” ป๊อนซ์แจกจ่ายกุญแจห้อง
พักจนครบหมดทุกคนก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายเพื่อที่จะเก็บของห้องใครห้องมันกัน

ผมเข้าไปช่วยไอ้ป๊อนซ์ที่ตอนแรกจะโชว์แมนถือของคนเดียวหมดแต่แม่งก็ดูลำบากเกิ๊นนน

ไอ้ภูมิกับพีเจก็อย่างเคยละครับ จู่ๆมันก็หัวเราะกันสองคนดูสนุกสนานเฮฮาแต่ผ่านไปได้ไม่ถึงสามนาทีมันก็ยืนเถียงกันเอาเป็น
เอาตาย  อาการน่าเป็นห่วงนะเพื่อนกู

ไอ้ไปป์นี่ดูจะอาการหนักหน่อยเพราะต้องถือของทั้งของตัวเองและของน้องพลัสแล้วยังต้องคอยพยุงน้องพลัสที่ดูจะล้มแหล่ไม่
ล้มแหล่ให้อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด

มาถึงคู่สุดท้ายนี่หวานเกิ๊นนนน  ไอ้มาเฟียของเราจากที่บ้าๆบอๆ เล่นๆไปวันๆมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ค่อนข้างจะขรึมกว่า
เดิมแถมยังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย

“พี่ลิ้มถือไหวมั้ยครับ” เสียงของน้องท็อปเทลดังขึ้นเมื่อเห็นว่าลิ้มพยายามที่จะถือของทั้งหมดด้วยตัวเอง

“ไหวดิ แค่นี้สบายมาก” สบายมากเหรอลิ้ม กูว่าเหงื่อมึงนี่เยอะไปนะ

“โจกูถือคนเดียวได้จริงๆนะ” ป๊อนซ์แม่งยังพยายามที่จะขอถือของเองจนหมด

“กูช่วยถือดีกว่า” ผมยังคงยืนยันที่จะถือของบางส่วนด้วยตัวเองเพราะมันก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายเลย

“โจอ่ะ กูอยากถือให้อ่ะ” มาอีกแล้วครับโหมดนี้  โหมดที่ไม่ค่อยมีเหตุผล

“กูรู้ป๊อนซ์ว่ามึงอยากถือให้กู  แต่กูของแค่นี้อ่ะกูถือเงอได้เข้าใจมั้ย” ผมพูดหว่านล้อมไอ้เด็กไร้เหตุผลด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเอา
มากๆ

“อือออ  ก็ได้” ป๊อนซ์จำใจทำตามที่ผมต้องการก่อนที่จะเดินนำหน้าผผมเพื่อเอาของไปเก็บในห้อง

หลังจากที่เอาของเก็บในห้องเสร็จพวกผมทั้งแก๊งค์ก็กระโดดลงทะเลทันทีให้หายอยากเลยละครับ ก็จะมีแต่ไอ้ป๊อนซ์แล้วก็น้อง
พลัสที่ไม่ยอมลงทะเล  น้องพลัสนี่ก็น่าจะรู้เหตุผลนะครับ แม่งไอ้ไปป์จะเอาโซ่มาล่ามพลัสอยู่แล้วเพราะว่าพลัสอยากลงเล่นน้ำ
มากแต่น้องไม่สบายอยู่ก็เลยอดไปซะ  แต่ไอ้ป๊อนซ์นี่สิไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆมันก็บอกว่าไม่เอาอ่ะไม่เล่นกลัวดำ  แม่งเหตุผลตุ๊ดโคตรๆ
เลย

เล่นน้ำไปได้สักพักไอ้ภูมิก็นึกสนุกบอกว่าอยากถ่ายวิดิโอ interview เกี่ยวกับการมาเที่ยวครั้งนี้ของพวกเราไปลงในโซเชียลแคม
พวกผมก็ไม่ขัดศรัทธากันหรอกครับนานๆมาทำอะไรแบบนี้ทีนึงก็จัดให้มันเต็มที่ไปเลย

“สวัสดีเพื่อนๆชาวโซเชียลแคมนะครับ” ไอ้ภูมิเริ่มพูดหลังจากที่ไอ้พีเจที่เป็นคนถ่ายส่งสัญญาณให้ว่าเริ่มพูดได้

“ผมภูมินะครับ  วันนี้ก็จะมาเป็นคนดำเนินรายการนะครับ” ไอ้ภูมิพูดจบก็ทำท่าแบ๊วใส่กล้อง  ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยน่ารักสัดๆอ่ะ

“ส่วนไอ้ที่ถือกล้องอยู่นั่นก็ไอ้พีเจครับ” ไอ้ภูมิพูดเสร็จพีเจก็หันกล้องเข้าหาตัวเองโบกมือสองสามทีก่อนจะหันกล้องกลับมาทาง
ไอ้ภูมิเหมือนเดิม

“เราจะเห็นได้ว่าวันนี้โจกับป๊อนซ์เค้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนะครับ” ไอ้ภูมิทำท่าเหมือนว่ากระซิบกับกล้องแต่แม่งกูได้ยินหมดแหละ

“ทำไมละครับ แล้วปกติเค้าเป็นอะไรกันเหรอ” ไอ้เหี้ยพีเจก็เสริมไปกับเค้าด้วยยย

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ปกติเค้าก็จะอยู่ตัวติดกันตลอดดด” ขึ้นเสียงสูงทำไมวะไอ้ภูมิ!!!

“เอาละครับเรามาเริ่มกันที่คนแรกกันเลย คนนี้ถือว่าเป็นผู้ชายที่ฮอตที่สุดในสายชั้นเราเลยก็ว่าได้” แม่ง อวยกันเข้าไป อวยจ๊างง
งงงงงงงง

“น้องโจครับ  เฮ้ยน้องโจ!!!! มาให้สัมภาษณ์หน่อยดิ” ไอ้ภูมิตะโกนเรียกผมที่อยู่ในน้ำให้เดินขึ้นมาบนฝั่งผมก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะ
เดินเข้าไปหาไอ้ภูมิที่ยืนอยู่

“อื้อหือ  อื้อหือกล้ามเป็นมัดๆเชียว ดูขาเค้าสิครับ ขาวมาก เล็กมากเลยนะครับเนี่ย” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะยืนมือมาจับขาของผมที่โผล่
อยู่เนื่องจากกางเกงมันร่นขึ้นไปกองอยู่ด้านบนจนเกือบหมด

“พอๆๆ”

“เอาละครับ เป็นไงครับมาเที่ยวครั้งนี้สนุกมั้ยครับ”

“สนุกสิครับ มาเที่ยวกับเพื่อนก็ต้องสนุกอยู่แล้ว” ผมหันไปมองกล้องก่อนจะตอบคำถามแบบโคตรดารา

“อ๋ออออ  แล้วคุณคิดว่าในทริปของเราครั้งนี้ใครเปิ่นสุดครับ” ผมใช้เวลาคิดไม่ถึง 1 นาทีก็สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ

“ไอ้ลิ้มรึเปล่าอ่ะครับ”

“คำตอบแรกของเราเป็นไอ้ลิ้มนะครับ เอาล่ะ  เราไปกันที่คนต่อไปเลย   ไอ้ไปป์โว๊ยยยย มาให้สัมภาษณ์หน่อยดิ!!!” แล้วผมก็
หลุดพ้นจากการทำรายการบ้าๆบอๆของมันจนได้ครับ

“สวัสดีครับ” อื้อหือไปป์ กูนึกว่ามึงจะไม่เอากับเค้านะเนี่ย สาดดดดด

“เป็นไงครับวันนี้ มาเที่ยวทะเลกัน”

“โกโกโกโก้ เย้!!!!!!!” อะไรของมึงวะไปป์ ==’

“พอเลยสัดพูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องเลย” ไอ้ไปป์น่างงๆหลังจากที่ไอ้ภูมิกับพีเจเดินหนีมันออกมา ก็นะไปป์มึงไม่ค่อยเป็นแบบนี้สักเท่า
ไหร่

“เราไปกันที่คนต่อไปดีกว่าครับ  พี่ป๊อนซ์ขอสัมภาษณ์หน่อยครับพี่”

“ขอสัมภาษณ์หน่อยครับผม” เอาแล้วไอ้ป๊อนซ์มึงโดนไอ้ภูมิกับไอ้พีเจแน่!!!

“เป็นไงบ้างครับ มาเที่ยววันนี้”

“เอ่อ ก็.....”

“หมวกอ่ะครับ จะใส่ทำไมมันรก” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะดึงหมวกที่ป๊อนซ์ใส่อยู่บนหัวออก  แม่งแซะได้ทุกเรื่องจริงๆ

“ไม่ว่าหาดจะเป็นยังไงมากับเพื่อนก็สนุกอยู่ดีอ่ะครับ” อัยย๊ะ ไม่ธรรมดาเลย แฟนผม แฟนผม

“อ๋อ มีอะไรฝากถึงแฟนๆที่โรงเรียน FC ที่โรงเรียนมั้ยครับ”

“เอ่อออ”

“ขอเคลียร์ข่าวหน่อยครับ” ไอ้ป๊อนซ์ไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมาก็โดนพีเจดักไว้ซะก่อน

“ห๊ะ??”

“อ๋ออออ  เรื่องกับน้องโจอ่ะครับ”เอาแล้วสัด วกเข้ากูตลอดดด

“เลอะเทอะครับ” อ้าวไอ้สัด  ไอ้ป๊อนซ์นอนนอกห้องเลยมึงแม่งคืนนี้

“อ๋อ เลอะเทอะเหรอครับ” มึงก็ด้วยภูมิ เดี๋ยวกูจับโยนลงทะเลเลยแม่ง!!!

“เออ คืออย่ามามั่วได้มั้ย มันไม่เป็นความจริงเลย” สาดดดดดดดดดดด  ตายซะเถอะมึง  ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆมาทางผม

“โอเคครับ แล้วในทริปนี้ที่มานี่คิดว่าใครเปิ่นสุดครับ”

“ละมิ่มลิ้มรึเปล่าครับ” มีการเติมยศให้ไอ้ลิ้มด้วยสาดดด

“ลิ้มอีกแล้วนะครับลิ้มอีกแล้ว  โอเคครับ กับพี่ป๊อนซ์ก็แค่นี้ก่อนนะครับ เคลียร์กันดีๆนะจ๊ะ” ไอ้ภูมิโบกมือให้ไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเดิน
ไปยังเหยื่อรายสุดท้ายที่นั่งเหม่ออยู่ในน้ำนั่นก็คือคนที่พวกเราลงความเห็นกันว่าเปิ่นสุด  ไอ้ลิ้มนั่นเองครับ

“ลิ้ม ไอ้ลิ้ม!!!!มานี่ดิ”

“หืออออ”

“เราไปถามทุกคนมาเค้าบอกว่าคุณเปิ่นอ่ะครับ” พอไอ้ภูมิพูดจบ น้องท็อปเทลก็หัวเราะขึ้นมานิดๆ แหมน่ารักเชียววว

“โจ” ไอ้ป๊อนซ์เดินลงมาในน้ำ ก่อนจะมายืนข้างๆผม

“...” แม่งกูโกรธ แม่งพูดงั้นได้ไงวะ

“ผมเปิ่นเหรอครับ บ้าแล้ววว” เสียงไอ้ลิ้มตะโกนปฏิเสธไอ้ภูมิกับพีเจดังก้องไปทั้งหาด

“โจ กูล้อเล่นเอง” ป๊อนซ์เดินมาดักหน้าผมไว้ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด แต่มีเหรอผมจะยอม ระดับนี้แล้ว ก็ต้องขัดขืนสิครับ

“แม่งเอ๊ยยยยยย  พอเหอะ กูขี้เกียจพูดแล้วอ่ะ” เสียงไอ้ภูมิดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะหันไปด่าอะไรไอ้ลิ้มสักอย่างแล้วจึงหัน
ไปบอกลากล้อง

“โจ โกรธเหรอ หื้มมม” ป๊อนซ์ดึงผมให้กลับเข้ามาสู่โลกแห่งเราสองอีกครั้ง (ใช่เวลามั้ยเนี่ยยย)

“เออ”

“หึ น่ารักอ่ะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงมาขโมยจูบผมอย่างรวดเร็ว ไอ้เลววววว

“เหี้ย!!!!!!” ผมรีบผลักไอ้ป๊อนซ์ออกหลังจากหันไปเห็นสายตากรุ่มมกริ้มของท็อปเทลกับพลัสที่นั่งอยู่บนฝั่ง

“โอ๊ยยยยย” ป๊อนซ์เสียหลักล้มลงไปในทะเล แต่แม่งไม่ได้ไปคนเดียวน่ะสิ แม่งเสือกลากผมไปด้วย

ถึงน้ำแม่งจะตื้นมาก แต่ตอนนี้ผมก็สามารถเรียกว่ากำลังจมได้เพราะว่าหลังป๊อนซ์ติดกับพื้นทรายใต้ทะเลส่วนผมก็นอนอยู่บนมัน
อีกทีอ่ะครับ ลองคิดภาพตามดูแล้วกันว่ามันจะพิสดารขนาดไหน

ถึงผมกำลังตกใจในการจมน้ำตื้นของเราสองคนอยู่ แต่ป๊อนซ์กลับยิ้มนิ่งๆอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง แต่
ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ปากประกบปากน่ะสิ  แต่มันเป็นดีฟคิส แม่งเอ๊ยย แม่มึงเป็นเงือกรึไงถึงหายใจใต้น้ำได้อ่ะ

ป๊อนซ์ค่อยๆส่งลิ้นเข้ามาในปากของผมอย่างๆช้าเพราะกลัวว่าน้ำทะเลที่ล้อมอยู่รอบด้านจะเข้ามาด้วย ก่อนจะค่อยๆรุกต้อนลิ้น
ของผมจนจนมุม

หลังจากที่เล่นกับลิ้นผมจนสนุกผมแล้วป๊อนซ์ก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆก่อนจะใช้มือสอดใต้เสื้อแล้วลูบเข้ามาในแผ่นหลัง

“อื้อออ” ผมเริ่มจะส่ายหน้าเพื่อพยายามจะบอกว่า กูหมดอากาศหายใจแล้ววว แต่ป๊อนซ์กลับเฉย และยังคงสนุกกับการลูบไล้
แผ่นหลังเปลือยเปล่าของผม แต่ครั้งนี้มันไม่ลูบเปล่า เพราะมันกัดลงที่ต้นคอของผมเบาๆไปด้วย

“อื้อออออออออ” ผมส่งเสียงอีกครั้งเมื่อผมรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆแล้ว

ป๊อนซ์ยิ้มอย่างยั่วยวนก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของผมไว้แต่มืออีกข้างหนึ่งนั้นใช้ยันพื้อนเพื่อดันตัวเลมันและตัวผมให้ยืนขึ้น

“แฮ่กๆๆๆๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดหลังจากขากออกซิเจนมานาน

“โอ๊ย ไอ้เหี้ยเสียดายอ่ะ นึกว่าจะได้กันซะแล้ว” ไอ้ภูมิพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“เออแม่งเสียเวลาว่ะ ไปๆๆ ไปหาของมาย่างกินกันดีกว่า” ไอ้พีเจก็เออออไปกับไอ้ภูมิก่อนจะหันไปตบไหล่ไอ้ภูมิที่นั่งอยู่ข้างๆให้
ลุกขึ้นตามไปด้วย

โอ๊ยยย ไอ้สัดนี่พวกมึงนั่งดูพวกกูตลอดกิจกรรมเลยรึไงวะ

“หึๆ เทลหน้าแดงอ่ะ”ไอ้ลิ้มส่งยิ้มกวนๆมาให้พวกผมก่อนจะหันไปแซวคนข้างๆที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกแล้วว

“พี่ลิ้มอ่ะ อย่าดิ” ท็อปเทลเอามือมาตีที่ไหล่ลิ้มเบาๆหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไป  แต่จะหนีไปไหนได้ละครับ ในเมื่อไอ้ลิ้มก็ลุก
ขึ้นเดินตามไปติดๆ

“มึงทำหน้าแบบนั้นทำไมพลัส” เสียงดุๆของไอ้ไปป์ดังขึ้นเมื่อน้องพลัสส่งสายตามาล้อเลียนผม

“ก็พี่เค้าน่ารักกันดีอ่ะ”

“มึงจะเอาบ้างงั้นเหรอ” ไอ้ไปป์หันไปถามพลัสหน้านิ่งๆ แต่หน้าพลัสกับไม่ได้นิ่งเหมือนหน้าไปป์น่ะสิ เพราะตอนนี้หน้าของพลัส
ค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆจนลามไปถึงหูแล้ว

“พี่ไปป์” น้องพลัสหันไปเหมือนจะพยายามดุไอ้ไปป์ แต่ก็ทำได้แค่จะ เมื่อไอ้ไปป์ส่งสายตาอาฆาตกลับมา ก่อนจะดึงน้องพลัสที่
นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืนและเดินตามพวกที่เหลือไปหาของกินกัน

“โจ” เอาแล้วครับ หลังจากที่เงียบไปนานมันก็พูดขึ้นมาแล้วครับ

“อืมม”

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเลื่อนมือที่จับอยู่ที่ข้อมือมาจับที่มือของผมแบบหลวมๆ

“อืมม เหมือนกัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะมึง” ผมก็หันไปบอกมันเหมือนกันหลังจากที่มันบอกผมแล้ว

“วาเลนไทน์นี้กูขออะไรอย่างได้มั้ย”

“ได้ดิ จะเอาอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์ทันทีเพราะผมเองก็แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะที่ไม่ได้ทำอะไรให้มันเลยในวัน
วาเลนไทน์ในขณะที่มันทั้งเตรียมเซอร์ไพรส์ทั้งพาผมมาเที่ยว นี่มันขอแค่อย่างเดียวผมให้ได้อยู่แล้ว

“ทำตัวน่ารักให้น้อยกว่านี้หน่อยได้มั้ย” อ้าวว ไอ้เหี้ยทำไมมาแนวนี้วะ

“ทำไม” ผมตอบกลับมันไปกวนๆ

“ก็ป๊อนซ์ไม่อยากรักโจไปมากกว่านี้แล้วอ่ะ” เอิ่มมมมม  นะ ไม่มองไม่เห็นทางที่ผมจะสามารถชนะผู้ชายคนนี้ได้เลยจริงๆ


.................................End Of Valentine's Day....................................................................

กราบขอโทษงามๆหนึ่งที  โทษฐานที่หายไปนานมากๆ  :call:

ไม่ใช่ว่าไม่อยากอัพหรอกนะ  อยากอัพใจจะขาดแต่งานเยอะมากจริงๆ คนเขียนต้องจัดสถานที่วันปัจฉิมให้พี่ๆม.6อ่ะ  :L1:

หวังว่ามันยังจะทันวาเลนไทน์อยู่นะ

วันนี้คนเขียนมีอะไรจะมาเล่าให้ฟัง ครั้งนี้มันเกินคำว่าฟินไปมากจริงๆ  :impress2:

โมเม้นต์สดๆร้อนๆ ในงานปัจฉิม!!!!!!!!!!!

คือเรื่องมันมีอยู่ว่าอยากที่คนเขียนแต่งไปอ่ะนะว่าน้องเค้ามีวงดนตรีแล้วทีนี้วันนี้น้องเค้าก็ต้องขึ้นแสดงวันปัจฉิมวันนี้  ตอนแรกนักร้องก็จะเป็นน้องไปป์กับน้องพีเจก่อน พอขึ้นมาถึงไปป์ก็พูดว่า
ไปป์:ตอนนี้โจป๊อนซ์ยังไม่ขึ้นนะครับ
คนเขียนก็งงๆเพราะปกติถ้าขึ้นก็ขึ้นเฉพาะป๊อนซ์นะ(ไม่เคยเห็นโจขึ้นร้องเลย) แต่ก็นะแค่น้องๆคนอื่นๆขึ้นก็ฟินพอแล้ว(ลิ้ม ภูมิ พีเจ ไปป์ แล้วก็น้องอีกสองคน ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่บอกชื่อเพราะว่าคนเขียนรู้จักแต่ฉายาไม่รู้จักชื่อเล่นจริงๆ) แล้วไปป์กับพีเจก็เริ่มร้องเพลง ง่ายๆ ของโปเตโต้  พอร้องจบปั๊ปสิ่งที่คนเขียนไม่คิดไม่ฝันมันก็เกิดขึ้น  เมื่อน้องป๊อนซ์กับน้องโจเดินขึ้นมารับไมค์ต่อจากพีเจกับไปป์แล้วร้องเพลง "แดนเนรมิต" คือช่วงแรกๆก็หลับหูหลับตากรี๊ดอย่างเดียวเลยอ่ะนะ แต่พอท่อนฮุคเท่านั้นแหละ พังเลยชีวิต คือท่อนฮุคของเพลงแดนเนรมิตมันจะร้องว่า "จะทำให้รักเราเป็นตำนาน จะทำให้รักเราเป็นดั่งฝัน" ตอนร้องนี่คือมองตากันนานมากจนคนเขียนแทบจะสำลักความฟินตาย  แล้วป๊อนซ์มีการบอกกับคนล่างเวทีว่า
ป๊อนซ์:ช่วยโจร้องด้วยนะครับ (อันนี้ไม่ได้ยินเองนะคะ แต่เพื่อนคอนเฟิร์มมาว่าชัวร์!!!!)
บางทีตอนร้องๆอยู่ก็มีเดินมาให้คนจับมือด้านหน้าเวทีด้วย แต่คนเขียนไม่กล้าจับหรอกนะ เขิน อีกอย่างถือกล้องรัวชัตเตอร์อยู่ เดี๋ยวถ้าว่างๆจะเอามาลงให้แล้วกันเนาะ 


โมเ้ม้นต์มันก็มีเยอะกว่านี้แหละนะแต่ว่าพรุ่งนี้คนเขียนต้องสอบ  :a5:  แล้วตอนนี้มันก็จะตีสองแล้ว ขอคนเขียนไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะแล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่

อ๋ออออ  อย่าลืมติดตามนิยายตอนหลักด้วยล่ะ ตอนหน้าเราก็มาลุ้นกันว่าป๊อนซ์จะก้มหน้าลงมาทำอะไรโจ หึๆ :-[

อย่าลืมเม้นต์&บวกเป็ดให้กำลังใจกันด้วยเน้ออออออ   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยๆ ฟินไปกับคนเขียนอ่ะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ชักฟินกับโจป๊อนซ์คู่จริงซะแล้ว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
แอร๊ยยยย มีคลิป interview ป่ะ 55555

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตายๆอ่านเรื่องนี้แล้วเลือดสุบฉีด โอ้ยยยยยยยยย ><

อยากมีบ้าง คิคิ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ทะเลเชื่อม 5555

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 14







[Pontz x Joe]





[Joe]




“แฮ่กๆๆ ป๊อนซ์พอก่อนกูหายใจไม่ทัน”

“หึ สมควรแล้วล่ะ”ไอ้ป๊อนซ์พูดตอบผมด้วยเสียงที่โคตรจะเหี้ยมเกรียม

“แต่ปะ...อื้ออออออออออออออ” นั่นไงเอาอีกแล้ว

“หึๆ”

“ป๊อนซ์เอาออกไปก่อนกูมะ..ไม่ไหวแล้วอ่า” ผมพยายามพูดอ้อนวอนป๊อนซ์แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

“แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ แม่งตอนกูไม่อยู่นี่คงไปม่อไว้เยอะล่ะสิมึง” แม่งเป็นชุดเลย มาเป็นชุดดด  แต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วจริงๆอ่ะ

“ป๊อนซ์ อื้ออออ กูไม่ไหวแล้วจริงๆอ่ะ พอแล้วเหอะ” ผมก็ยังคงพยายามที่จะอ้อนวอนมันทั้งๆที่ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะทำตามคำขอ
หรือไม่

“เออ ก็ได้ แต่อย่าให้กูรู้ว่ามีแบบนี้อีกนะ มึงเจอหนักกว่า ‘หมอน’ แน่” เฮือกกกก ผมรีบอัดออกซิเจนเข้าปอดทันทีที่มันเอาหมอน
ใบใหญ่ออกจากหน้าของผม

ใช่แล้วล่ะครับ ป๊อนซ์มันลงโทษผมด้วยการเอาหมอนมาอัดไว้ที่หน้าผมจนผมเกือบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว แม่งก็แค่พี่
ต้นหลิวส่งไลน์มาบอกรักผมก็แค่นั้นเอง  โด่วว คิดมากกก

“แม่งคำพูดของพวกมึงนี่โคตรจะล่อแหลมเลย” จู่ๆไอ้พีเจก็พูดขึ้นมาซะเฉยๆ  ล่อแหลมตรงไหนวะ

“ทำไมวะมึง ล่อแหลมตรงไหนวะ”

“โอ๊ยยย ป๊อนซ์ ไม่ไหวแล้ว เอาออกไปก่อน แม่งไอ้สัด ถ้าได้ยินแต่เสียงนี่อย่างกับเซ็กโฟน” และไอ้ลิ้มก็ได้ไขข้อข้องใจให้ผม
ได้อย่างกระจ่างแจ้ง ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย

“แม่งเสื่อม!!” ผมหันไปตะโกนกราดใส่หน้าทุกคนที่อยู่ในห้องเพราะไม่ใช่แค่ไอ้พีเจกับไอ้ลิ้มเท่านั้นที่คิดอะไรอุบาทว์ๆแบบนั้น
ผมมองสายตาของไอ้นายไอ้ภูมิไอ้ไปป์ก็รู้แล้วว่าแม่งคิดอะไรกันอยู่

“หึ” ไอ้ปลวกนี่ก็แม่งไม่เคยช่วยไรก็ได้เล้ยยยย  ทำได้อยู่สองอย่างแม่งไม่ยิ้มก็หัวเราะ เดี๋ยวกูงับคอเลยไอ้ป๊อนซ์ แฮ่ๆๆๆๆ

ผมเอามือไปทุบที่ท้องไอ้ป๊อนซ์อย่างแรงทีนึงก่อนจะเดินไปนั่งสงบสติอารมณ์เงียบๆที่โซฟากับไอ้พีเจ ปล่อยให้ไอ้พวกที่เหลือ
แม่งเสื่อม เอ๊ย ซ้อมกันต่อไป



“พอก่อนได้มั้ย กูหิววว”หลังจากที่ซ้อมกันติดต่อเป็นเวลาเกือบๆ 2 ชม.โดยไม่มีหยุดพัก ไอ้ภูมิก็เป็นคนแรกที่เริ่มจะโอดครวญขึ้นมา

“เออช่ายยย  กูหิวจนจะแดกเบสอยู่แล้วอ่า” ไอ้ลิ้มก็เป็นคนถัดมาที่เริ่มจะเรียกร้อง

“เออป๊อนซ์กูว่าพักก่อนเหอะ” หลังจากที่ผมเห็นว่าการโอดครวญของไอ้ภูมิกับไอ้ลิ้มดูจะไม่เป็นผลสำเร็จผมก็เลยต้องออกโรง
ช่วยพูดหน่อยเพราะดูจากสภาพทุกคนก็คือแทบจะไม่ไหวกันแล้ว เพียงแต่ไอ้พวกที่เหลือแม่งพยายามกัดฟันทนกันอยู่

“อืออ งั้นพักกันก่อนมั้ยไอ้ไปป์ ไอ้นาย” พอป๊อนซ์เห็นสีหน้าเป็นห่วงของผม มันก็ยอมอ้อนข้อให้แต่ก็ยังต้องหันไปปรึกษากับอีก 
2 คนที่เหลือด้วย

“เออ ก็ได้ มึงโอเคนะนาย”ไอ้ไปป์ตกลงก่อนจะหันไปถามไอ้นายเป็นคนสุดท้าย

“กูแม่งรอเวลานี้มานานแล้วว่ะ ไปหาไรแดกกันเหอะ” ไอ้นายทำหน้าโคตรจะโล่งใจก่อนจะวางกีต้าร์และวิ่งพุ่งออกไปจากห้อง
ซ้อมอย่างรวดเร็ว

แล้วทุกๆคนก็วางเครื่องดนตรี เก็บแผ่นโน้ตแผ่นคอร์ดเพลงก่อนจะค่อยๆทยอยกันออกจากห้องซ้อม

 “เสียงดังไรกันวะ อ้าวสัด ไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย” ไอ้พีเจที่หลับไปนานก็ตื่นขึ้นมาทำหน้างงๆหลังจากที่เห็นว่าทั้งห้องมีแค่ผม
ไอ้ป๊อนซ์แล้วก็มัน

“แดกข้าว”ผมหันไปบอกพีเจสั้นๆ

“เออสัด ไส้กูจะย่อยตัวเองอยู่แล้ว”ไอ้พีเจบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเอง ก่อนจะเดินงงๆออกไปจากห้อง

 “ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์เมื่อเห็นว่าป๊อนซ์ยังเก็บของไม่เสร็จสักที ในขณะที่คนอื่นเค้าออกกันไปหมดแล้ว

“หือ” ป๊อนซ์ขานรับผมในขณะที่ตัวเองก็กำลังเก็บเนื้อเพลงเข้าแฟ้มอยู่

“มึงขึ้นร้องกี่เพลงเนี่ย” ผมถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ป๊อนซ์เบาๆ

“เพลงเดียว” ไอ้สัด มึงทำหน้าเครียดเหมือนร้องหลายเพลงเลยแม่ง

“อ้าววว แล้วที่เหลือไอ้ไปป์ร้องคนเดียวเหรอ”

“อืมมม”

“มึงเป็นไรเนี่ยป๊อนซ์ดูเครียดๆ” แล้วผมก็ตัดสินใจถามออกไปหลังจากยืนดูอาการมานาน

“พรุ่งนี้ชาวหอ”

“แล้ว??” ชาวหอแล้วไงวะ  ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ตื่นเต้นนะ ผมตื่นเต้นมากเลยแหละเพราะเพื่อนๆเล่าให้ฟังว่าวันชาวหอเนี่ยถือเป็นวัน
มันส์แห่งปีให้เด็กหอโดยเฉพาะ เพราะว่าจะเป็นกิจกรรมพวกการแสดงของแต่ละหอแล้วก็การแสดงดนตรีติดต่อกันเป็นสี่ห้า
ชั่วโมงเลย แค่คิดยังมันส์เลย

“กูต้องขึ้นเวทีตั้งเพลงนึง”

“แล้วไง??” ผมก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี

“ใครจะเฝ้ามึงวะ” อ้าวไอ้สัด เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ ถึงต้องมาเฝ้าเนี่ย

“เฝ้าทำไม กูไม่ไปไหนหรอก มึงเพี้ยนป่ะเนี่ย”

“กูรู้ว่ามึงไม่ไปแต่มันก็ต้องมีคนเข้ามาหามึงอยู่แล้วอ่ะ กูไม่ชอบ” นั่นไงโหมดงอแงของมันมาอีกแล้วครับ โอ๊ยยยย กูปวดหัว

“พีเจก็อยู่ มึงจะกลัวอะไร”

“เออวะ ฮ่าๆๆๆ ไปกินข้าวกัน” พอผมบอกว่ามีพีเจไอ้ป๊อนซ์ก็ยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นมาทันที  ป๊อนซ์บางทีมึงก็น่ากลัวเกินไปนะเว้ย



ปกติพวกผมจะชอบออกไปกินข้างนอกโรงเรียนนะ แต่ว่าวันนี้ไม่ไหวอ่ะ เพราะเดี๋ยวพวกเพื่อนๆผมมันต้องซ้อมกันต่ออีกยาวแน่นอน  พวกผมเลยตัดสินใจมานั่งกินกันในโรงอาหารของโรงเรียนแทน

“โจไปนั่งที่โต๊ะไป” ไอ้ป๊อนซ์ดันผมที่กำลังจะเดินตามมันไปซื้อข้าวให้หันหลังกลับไปหาโต๊ะนั่ง

“แล้วกูจะซื้อข้าวไงอ่ะ”

“จะเอาอะไรเดี๋ยวซื้อให้” เยี่ยมยอดเลย กูกำลังไม่อยากเสียตังค์อยู่พอดี

“เอาข้าวผัด หมี่ไก่ตุ๋น ขนมหวานสักอย่างแล้วก็น้ำส้ม”

“สั่งซะคุ้มเลยสัด” ไอ้ป๊อนซ์บ่นงุบงิบก่อนจะยื่นมือมาดีดหน้าผากของผม แต่มันก็เดินไปซื้อให้อยู่ดีนั่นแหละ

นั่งโต๊ะไหนดีล่ะผม  ในระหว่างที่ผมกำลังกวาดสายตาหาโต๊ะนั่งอยู่นั้น สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับโต๊ะๆหนึ่ง

ผมจะไม่ขนลุกแบบนี้เลยถ้าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นไม่ใช่น้องท็อปเทลกับรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนนึง เอาล่ะ ผมต้องหาทางพาไอ้มาเฟีย
ออกจากโรงอาหารก่อนไม่งั้นมีหวังเละทั้งโรงอาหารแน่

“ทำไมไม่ไปหาโต๊ะนั่งวะดื้อ” ในระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีจนหัวหมุนอยู่นั้น สวรรค์ก็ได้ส่งเจ้าชายขี่บีเอ็มเข้ามาช่วย ฮ่าๆๆๆๆ

“ปอนป๊อนซ์ มึงต้องช่วยกูคิด”

“ว่า??”

เพล้งงง!!!!!!

เสียงของแก้วน้ำที่กระทบกับพื้นด้วยความตั้งใจนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ว่า มันไม่ทันแล้ว

“เฮ้ย ลิ้มไรของมึงเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์เดินผละจากผมไปหาไอ้ลิ้มทันที

เสียงของแก้วเมื่อกี๊ก็สามารถเรียกความสนใจของคนทั้งดรงอาหารได้ รวมถึงท็อปเทลด้วย

สีหน้าของท็อปเทลดูตกใจปนกลัวนิดๆ เป็นผม ผมร้องไห้ไปแล้วล่ะ ก็ลิ้มแม่งเล่นจ้องเขม็งซะขนาดนั้น บรึ๋ยอ่ะ~

“ป๊อนซ์มึงพาไอ้ลิ้มออกไปด้านนอกก่อนดิ” ผมเดินไปกระซิบป๊อนซ์ที่ยืนจับแขนขอลไอ้ลิ้มไว้อยู่ ไอ้ป๊อนซ์ก็พยักหน้ารับเบาๆ 
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ลิ้มกับน้องท็อปเทลเค้าอะไรยังไงกันขั้นไหนแล้ว แต่เท่าที่เห็นปฏิกิริยาของไอ้ลิ้มนี่ผมก็คิดว่าน่าจะค่อน
ข้างซับซ้อนแล้วละมั้ง

“ไอ้ลิ้มเป็นอะไรวะ”ไอ้พีเจเดินเข้ามาถามผมหลังจากเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี

ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่บุ้ยปากไปทางโต๊ะที่ท็อเทลนั่งอยู่

“อ๋ออ ตายห่าละ แล้วพรุ่งนี้มันจะเล่นไงวะเนี่ย”

“เออนั่นดิ กูก็คิดอยู่”ผมเห็นด้วยกับไอ้พีเจนะ การที่เราจะเล่นดนตรีได้มันต้องมีความสุขแล้วก็สนุกไปกับมันแต่ดูจากสีหน้าของมัน
ตอนนี้แม่งสนุกไม่ออกว่ะ

“ให้ตายเถอะโรบิ้น!!! พรุ่งนี้จะเอาไงวะ” ไอ้ภูมิเดินมาหยุดที่ผมก่อนจะโอดครวญออกมาพร้อมกับทำหน้าประมาณว่าสติหลุด

“กูว่าอย่าว่าแต่พรุ่งนี้เลย เอาวันนี้ให้รอดก่อนเหอะ”

“เออกูก็ว่างั้นแหละนาย” ผมให้ไปพูดกับไอ้นายที่มายืนอยู่หลังผมอีกที

“ป๊อนซ์ทำไมไม่ลากไอ้ลิ้มออกไปซะทีวะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์เพราะตอนนี้ป๊อนซ์ยังคงจับแขนไอ้ลิ้มไว้แค่หลวมๆ

“มันบอกว่ามันโอเค ไม่เป็นไร”ป๊อนซ์หันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ผม แม่งไอ้ป๊อนซ์นี่ก็ดีแต่หล่ออย่างเดียวอ่ะ

“หึ เล่นเลยสัด รอไรอยู่วะ” ไอ้ไปป์ ไอ้ตะขบ ไอ้เหี้ยปากเสีย!!!!!!

“ไม่ว่ะ ไม่สำคัญกับกูขนาดนั้น” ไอ้ลิ้มเปลี่ยนจากสีหน้าแค้นโคตรๆมาเป็นเรียบเฉยพร้อมกับดูถูกแบบนี้ตอนไหนผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้
แค่ว่าผมยอมให้มันหน้าแค้นๆแบบโน้นยังดีกว่าแบบนี้เพราะหน้าแบบนี้ของมันดูเลือดเย็นยังไงก็ไม่รู้

คำพูดของลิ้มค่อนข้างจะดัง  ทำให้น้องท็อปเทลที่นั่งอยู่นิ่งๆในตอนแรกเริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วไหล่ของน้องก็สั่นอย่างรุนแรง
จากการร้องไห้  ส่วนไอ้ปลวกนั่นที่นั่งตรงข้ามท็อปเทลก็เดินไปนั่งด้านเดียวกันก่อนจะกอดที่ไหล่เพื่อเป็นการปลอบ

ผมแอบสังเกตเห็นว่ามือไอ้ลิ้มแม่งกระตุกนิดนึง หน้าก็เริ่มจะขมวดขึ้นมาอีกครั้งอย่างปิดบังไม่ได้ แต่คราวนี้มันกลายเป็นแค้นแบบ
แผ่รังสีออกมาจนสัมผัสได้ เอาแล้วสัดเอ๊ยย ดนตงดนตรีแม่งคงไม่ได้ซ้อมต่อแล้วล่ะ

“เฮ้ยลิ้ม!!!!”ไอ้ป๊อนซ์ร้องตะโกนออกมาหลังจากที่ไอ้ลิ้มสะบัดมือไอ้ป๊อนซ์ออกก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะที่ท็อปเทลนั่งอยู่

ผมทำท่าจะเดินไปขวางไอ้ลิ้มแต่ก็โดนไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ไปป์ดักไว้ซะก่อน

“ทำไมวะ”

“กูมาคิดดูแล้วนะเว๊ย ถ้าเป็นกู กูก็ทำแบบนี้”ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมนิดๆ

“เออ กูก็ทำ แล้วตอนนี้กูว่าปล่อยให้มันจัดการเองดีกว่า” ไอ้ไปป์พูดเสริมไอ้ป๊อนซ์

ผมพยักหน้านิดๆก่อนจะยืนรอดูเหตุการณ์ต่อไป

ตึ้ง!!!!!!!!!

“มึงอยากตายใช่มั้ย ไอ้สัด!!!!!” ไอ้ลิ้มเดินตรงไปยังโต๊ะที่ท็อปเทลนั่งอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะทุบโต๊ะจนเสียงดังลั่นไปทั้งโรง
อาหารแล้วก็ตะโกนด่าใส่หน้าของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ทันที

“ฮึก ฮืออออออ” ท็อปเทลร้องไห้หนักกว่าเก่าอีก ผมว่าชักไม่เข้าท่าแล้วแฮะ

“ไปไหน” ไอ้ป๊อนซ์จับแขนผมก่อนจะดึงเข้าไปหาตัวมัน

“กูจะไปห้ามไอ้ลิ้ม”

“ไม่ต้องไป เชื่อกูเดี๋ยวก็ดีเอง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับบีบที่มือของผมเบาๆ

“เฮ้ยน้องไรวะ” ไอ้รุ่นพี่หน้าปลวกที่นั่งเงียบอยู่นานก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆแล้วเหมือนกัน

“หุบปากไปเลยสัด!!” ไอ้ลิ้มตะคอกก่อนจะชี้หน้ารุ่นพี่คนนั้นอย่างไม่ได้กลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะไปกระชากแข
นท็อปเทลให้เดินตามมาติดๆ

“พวกมึงกินข้าวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวกูขอกลับไปเคลียร์ปัญหาแป๊ป” พูดจบไอ้ลิ้มก็เดินลากท็อปเทลออกไปทันที

“เอาไงดีวะ?” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามป๊อนซ์ที่ยืนคร่อมอยู่ด้านหลัง

จุ๊บ

“ไม่เอาไงอ่ะ ไปกินข้าวต่อกันเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงมาขโมยจูบผมอย่างรวดเร็ว แม่งช่วงนี้ถึงเนื้อถึงตัวกูเกินไปแล้ว

“สัดอายคนบ้างเหอะ กลางโรงอาหารนะไอ้ควาย!!!” ผมตะโกนด่ามันที่เดินนำหน้าไปแบบไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่เหมือนผมที่
ตอนนี้อยากจะลงไปรวมตัวกับราที่ร่องกระเบื้องในโรงอาหารจะตายอยู่แล้ว



หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกผมก็เดินกลับมาที่ห้องซ้อมกัน พอมาถึงหน้าห้องซ้อมก็พบกับไอ้ลิ้มที่นั่งกำมือ ตาแดงก่ำนั่งอยู่คนเดียว

“ลิ้ม น้องท็อปเทลอ่ะ” ผมเดินเข้าไปหาลิ้มช้าๆ

“ข้างใน” เสียงลิ้มดูสั่นเครือนิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่ากับรอยมือบนหน้ากับรอยข่วนบนคอมันแล้ว

“เฮ้ย..” ผมกำลังจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่สงสัยที่ป๊อนซ์กลับส่งสายตามาประมาณว่าอย่าถามเลยก่อนจะชี้มือให้ผมเข้าไปดูท็อป
เทลในห้อง

“อืม”ผมรับคำป๊อนซ์เบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องซ้อม

และสิ่งแรกที่ผมพบก็คือร่างของท็อปเทลที่นั่งกอดเข่ามองมาที่ผมด้วยสายตาสั่นระริกด้วยความกลัว

น้องอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ตามคอไล่ไปจนถึงไหปลาร้ามีรอยแดงเป็นปื้นๆอยู่หลายแห่ง  แค่นี้ผมก็พอจะเดาเหตุการณ์ที่
ผ่านมาออกแล้ว

ผมเดินเข้าไปหาน้องช้าๆก่อนจะหยิบผ้าผืนใหญ่ที่ผมเอามาให้ไอ้ป๊อนซ์เพราะมันค่อนข้างจะเหงื่อออกเยอะเลยต้องพกผ้าอยู่
ตลอด เอาไปปิดให้น้องก่อนจ่ะอยๆประคองน้องให้ยืนขึ้น

ตอนแรกๆน้องก็ดูกลัวๆและเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่พอน้องมองมาชัดๆและเห็นว่าเป็นผม น้องก็โผเข้ากอดผมอย่างแรง
จนผมเซไปด้านหลังนิดนึง

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก” ผมพูดพร้อมกับลูบหัวท็อปเทลเบาๆ

“พี่โจ พี่ ฮึก พี่ลิ้มเค้า ฮึก ฮืออ” ท็อปเทลเหมือนจะพยายามพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็กลายเป็นว่าเสียงสะอื้นมันดังกลบจน
หมด

“พี่รู้ๆ แล้วพี่มั่นใจว่าไอ้ลิ้มมันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้หรอก แต่มันคงจะโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้” ผมพยายามที่จะพูดอธิบาย
ให้ท็อปเทลเข้าใจไอ้ลิ้ม ไอ้ลิ้มมันก็เป็นคนแบบนี้แหละเวลาโกรธมันจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย เพราะงี้ปกติเวลาโกรธมัน
เลยจะขอปลีกตัวไปกินเหล้าอยู่คนเดียวทุกครั้ง

“ฮืออออออ” ท็อปเทลไม่ได้ตอบอะไร แต่น้องก็พยักหน้าให้ผมรับรู้ว่าน้องเข้าใจแล้ว

“ไป เดี๋ยวพี่พาไปอยู่ที่บ้านพี่ป๊อนซ์ก่อนแล้วเดี๋ยวตอนไอ้พวกนี้มันซ้อมดนตรีกันเสร็จก็ค่อยมาคุยกันอีกที โอเคมั้ย”

“ครับ”

ผมพยุงม็อปเทลออกมาจากห้องซ้อม ทันทีที่ผมเปิดประตูออกมาไอ้ลิ้มก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องก้มหน้าลงไป
ทันทีที่เห็นสภาพของน้องท็อปเทล

“ป๊อนซ์เอากุญแจรถมาดิ เดี๋ยวกูจะพาท็อปเทลไปอยู่บ้านมึงก่อน แล้วพอพวกมึงซ้อมดนตรีเสร็จก็ค่อยตามไป” ผมพยุงท็อปเทล
ให้เดินตามผมไปหาไอ้ป๊อนซ์

“ขับไหวเหรอดื้อ”

“เออมึง ให้กูขับไปส่งมั้ย” ไอ้พีเจนี่ก็อีกคน จะบ้ารึไงน้องท็อปเทลต่างหากที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ผม

“ไหวดิ กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“อือ ขับดีๆละกัน อย่าขับเร็วล่ะ” ไอ้ป๊อนซ์ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะส่งมาให้ผม

“อืมม ซ้อมเสร็จแล้วก็โทรมาบอกกูด้วยแล้วกัน”

“ครับ” ผมหันกลับมาพยุงท็อปเทลให้เดินไปยังรถไอ้ป๊อนซ์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถที่ไม่ไกลจากห้องซ้อมมาก

“เทลพี่ขอโทษ” ไอ้ลิ้มเดินมายืนดักตรงหน้าผมกับท็อปเทล

“ฮืออออ” ท็อปเทลสะดุ้งสุดตัวก่อนจะดึงเอาตัวผมมาบังไว้ด้านหน้า

“ตั้งใจซ้อมเหอะไอ้ลิ้ม เดี๋ยวซ้อมเสร็จแล้วค่อยไปเคลียร์กันที่บ้านไอ้ป๊อนซ์นะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่ไอ้ลิ้มเบาๆ

ไอ้ลิ้มมันก็พยักหน้ารับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แต่ข้างๆรอยยิ้มนั้นกลับมีรอยน้ำตาที่เพิ่งจะไหลออกมาปรากฏอยู่อย่าง
ชัดเจน



พอผมขับรถมาถึงบ้านไอ้ป๊อนซ์ปั๊ป แม่ไอ้ป๊อนซ์ก็อุ้มไอ้โปมายืนรออยู่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สีหน้าแม่ดูจะตกใจนิดๆที่
เห็นสภาพของท็อปเทล ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวจะลงมาเล่าให้ฟัง ขอผมพาน้องขึ้นไปบนห้องก่อน 

พอผมพาน้องขึ้นมาถึงบนห้อง ผมก็บอกให้น้องไปล้างหน้าล้างตาแล้วนอนพักไปก่อน แล้วเวลาไอ้พวกที่ซ้อมดนตรีอยู่มาถึงผม
จะขึ้นมาเรียกเอง น้องก็ทำตามอย่างว่าง่ายผมเลยเดินลงมาหาแม่ไอ้ป๊อนซ์ด้านล่าง

“หนูคนนั้นเค้าเป็นใครอ่ะลูกโจ” แม่พูดพร้อมกับมือลูบหัวไอ้โปที่นั่งอยู่บนตัก

“เด็กไอ้ลิ้มอ่ะครับ”

“อ้าว แฟนน้องลิ้มเองเหรอ น่ารักดีนะ ว่าแต่เค้ามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”ผมยื่นมือไปขอไอ้โปจากตักแม่มาอุ้มไว้

“ก็นิดหน่อยอ่ะครับแม่” ผมพูดพร้อมกับเกาพุงไอ้โปไปด้วย แม่งอ้วนขึ้นอ่ะ แม่เลี้ยงดีเกิน

“แล้วนี่มีปัญหากันนานรึยัง”

“ก็เพิ่งจะมีอ่ะครับ แล้วไอ้ลิ้มมันก็เผลอตัวใช้กำลังกับน้องเค้าไป”

“ตาเถร แล้วน้องได้กินยาได้อะไรรึยัง” แม่เอามือทาบอกก่อนจะทำท่าว่าจะลุกไปหายา

“เอ่อ คือไม่ถึงขั้นนั้นอ่ะครับแม่ แต่ก็น่าจะเกือบ” ที่ผมรู้ได้ก็เพราะผมมั่นใจเลยว่าถ้ามันถึงขั้นนั้น น้องคงจะสลบหรือไม่ก็เป็นลม
แล้ว อีกอย่างน้องคงจะเดินเองไม่ไหวหรอก

“อ๋อ งั้นก็แล้วไป” แม่ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง

หลังจากคุยเรื่องท็อปเทลจบแม่ก็เริ่มชวนผมคุยเรื่องอื่นๆเรื่อยเปื่อยทั้งเรื่องไอ้ป๊อนซ์ เรื่องคุณพ่อ แม้กระทั่งเรื่องของไอ้โปก็คุย



ผมนั่งคุยกับแม่มานานมากหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานจนกินเวลาไปเกือบๆสองชั่วโมงแล้วป๊อนซ์ก็โทรมาบอกว่ามาถึงหน้าบ้านแล้ว

ผมกับแม่ก็เดินออกมารับไอ้ป๊อนซ์กับพวกที่เหลือที่หน้าบ้าน

ทุกคนเดินลงจากรถจนหมดยกเว้นไอ้ลิ้มที่เอาแต่นั่งจับพวงมาลัยรถไม่ยอมลงมา

ผมเลยเดินเข้าไปหามันก่อนจะเกลี้ยกล่อมให้มันลงมาเคลียร์กับน้องให้เสร็จๆไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอด ไอ้ลิ้มก็เลยยอม
ลงมาจากรถ ผมก็บอกมันไปว่าน้องท็อปเทลอยู่ห้องไหน ก่อนจะบอกให้มันขึ้นไปหาน้องคนเดียว แล้วพวกผมที่เหลือจะนั่งรอกัน
ด้านล่าง



ผมนั่งรอมาได้สักพักใหญ่ก็เริ่มจะเครียดเพราะไอ้ลิ้มกับท็อปเทลยังไม่ลงมาซะที แต่พอผมจะหันไปปรึกษากับคนอื่นๆก็ต้องงง
เมื่อเห็นว่าไอ้พวกที่เหลือแม่งไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์นี้เลยแม้แต่น้อย

ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ไปป์ก็นั่งดูถ่ายทอดสดบาสกันอย่างขะมักเขม้น ไอ้นายก็ไปสนใจกับโมเดลรถของสะสมของไอ้ป๊อนซ์ ไอ้พีเจนั่ง
เฝ้าแต่เค้กที่แม่ไอ้ป๊อนซ์ทำมาประเคน ส่วนไอ้ภูมิก็แม่งไปนั่งคุยกับไอ้โปอยู่ นี่แม่งไม่คิดจะเครียดกันหน่อยรึไงวะ

“ตัวเธอ หันหน้ามาคุยกะเราหน่อยจิ” ไอ้ภูมิพยายามที่จะพูดให้ไอ้โปหันหน้าไปทางมันแต่ไอ้โปก็เอาแต่หันก้นให้ สมแล้วสัด

“เฮ้ย พวกมึงไม่ห่วงไอ้ลิ้มกันบ้างรึไงวะ” ผมตะโกนถามขึ้นหลังจากเก็บกดมานาน

“ห่วงดิ แต่ไอ้ป๊อนซ์คันนี้มึงซื้อมาจากไหนวะ” แม่งไอ้นายยยยยยยย

“อิตาลีอ่ะ พ่อกูไปประชุมเลยซื้อมาฝาก”

“อ๋อ โคตรเจ๋งเลยมึง”

“ใช่ป่ะ กูก็ชอบคันนั้นสุดแล้ว” สนใจกูมากเลย แต่ละคนแม่งงงงงงง

“เอ่อป๊อนซ์ เค้กแม่มึงนี่อร่อยว่ะ บอกแม่มึงดิว่าวันหลังทำเค้กช็อกโกแลตบ้างกูอยากกิน” เอ๊ะพีเจ มึงมาแดกของบ้านเค้าแล้วยัง
มีหน้าไปสั่งเค้าอีก

“ได้ๆ แม่กูชอบทำขนมอยู่แล้วไม่มีปัญหา” ไอ้ป๊อนซ์พูดตอบพีเจทั้งๆที่ตายังมองอยู่ที่จอโทรทัศน์

“เออ กูขึ้นไปดูคนเดียวก็ได้”ผมพูดประชดก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน แล้วไอ้พวกเพื่อนทรพีทั้งหลายก็เลยวางกิจกรรมที่ตัวเองทำ
อยู่ลงก่อนจะเดินตามผมขึ้นมา

แล้วผมก็ต้องตกใจแทบจะตกบันไดเมื่อเห็นน้องท็อปเทลวิ่งร้องไห้หน้าตาตื่นออกมาจากห้อง และทันทีที่เห็นผมน้องก็รีบพุ่งเข้า
มาหาทันที

“ท็อปเทลเป็นอะไร” ผมจับไหล่ท็อปเทลให้ประจันหน้ากับผมก่อนจะเขย่าเพื่อเรียกสติ

“พี่ลิ้ม ครับ ลิ้ม ฮึก ช่วยพี่ลิ้มด้วย” ผมงงกับคำพูดของน้องมาก แต่ก็หายงงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสภาพไอ้ลิ้มที่เดินออกมาจาก
ห้อง

“เฮ้ย ลิ้มมึงไหวป่ะ”ไอ้ป๊อนซ์รีบวิ่งเข้าไปประคองไอ้ลิ้มอย่างรวดเร็ว

“พี่ลิ้มเทลไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้น้องท็อปเทล

“สมควรแล้วแหละที่พี่ต้องโดนแบบนี้” ไอ้ลิ้มพูดออกมาช้าๆ และทำท่าเหมือนจะหมดสติ

“พี่ลิ้ม!!!!!”



.......................................TBC..........................................................

อัพอีกแล้วจ้าาาาา  ไม่รู้จะเบื่อกันรึเปล่า อัพบ่อยเกิ๊นนนน :really2:

ตอนนี้ก็จะเน้นหลักไปทางคู่ของลิ้มเพราะว่าเพิ่งจะมาใหม่นะจ๊ะ

อ๋อ แล้วก็อยากจะบอกว่าตอน special อ่ะ เนื้อหามันไม่เกี่ยวข้องกับตอนหลักนะคะ  :z2:

โมเม้นต์แถม!!!!!!

คือโรงเรียนเราอะ่น้องม.4ต้องเรียนฟันดาบ(ดาบไม่นะจ๊ะ)ในคาบพละ แล้วมันต้องฟันกันเป็นคู่ใช่ป่ะ แล้วน้องโจกับน้องป๊อนซ์นางก็คู่กันตามระเบียบ  แล้วเหมือนกับมันก็จะมีแบบหยอกๆกันบ้าง เถียงกันบ้าง น่ารักมากกกก มันทำให้ดูกุ๊กกิ๊กกันไปอีกแบบ อ๋อออ แล้วก็จะบอกว่าคนเขียนมีคลิปนะจ๊ะ ถ้าอยากดูก็รีเควสกันเข้ามาละกันเนาะ  o13

สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมบวกเป็ด&เม้นให้ด้วยนะจ๊ะ  :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ฮืออออออออ อยากอ่านต่ออ่ะเค้าสงสารลิ้มอ่ะ ลิ้มโทษตัวเองทำไม น้องเทลก็น่าสงสารว่าแต่เทลทำไรลิ้มอ่ะอยากรู้ ภูมิตลกอ่ะเค้าชอบ ส่วนคู่หลักป๊อนซ์โจก็หวานกันตลอดเลยน้าาาาาาา. ปล.อยากดูอยากดูคลิปเด็กๆฟัน(ดาบ)กันอ่ะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด