Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018  (อ่าน 113761 ครั้ง)

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 10




[Pontz x Joe]




[Joe]








“ป๊อนซ์เป็นอะไร” เสียงของผมแผ่วเบาซะจนเกือบไม่ได้ยิน  แต่มันก็สามารถทำให้พีเจสะดุ้งจนสุดตัวได้

“เอ่อ  คือ..” พีเจหันมามองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมตอบ

“ไปพีเจ” เสียงไอ้ลิ้มตะโกนมาถึงก่อนที่ตัวมันจะเดินออกมา

“.....” ความเงียบเข้าครอบคลุมเราทั้งสามคน  ไม่มีใครพูดอะไรและพร้อมใจกันปล่อยให้บรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ดำเนินต่อไป

“กูถามว่าป๊อนซ์เป็นอะไร” ผมถามย้ำช้าๆอีกครั้งพร้อมกับต้องพยายามที่จะบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือไปด้วย

“เอางี้ มึงก็ไปด้วยกันกับพวกกูเนี่ยแหละ เดี๋ยวพวกกูค่อยไปเล่าให้ฟังบนรถ” ไอ้ลิ้มพยายามที่จะพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“อืมม” ผมตอบรับก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินตามมันไปที่รถ




ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลรถทั้งคันก็เงียบสนิทอีกเช่นเคย  ไม่มีเสียงของคำชี้แจงหรือบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับป๊อนซ์แต่อย่างใด

“ตกลงว่าป๊อนซ์เป็นอะไร” ผมตัดสินใจถามคำถามเดิมที่ผมต้องการรู้ออกไปอีกครั้ง

“เอ่อออ  คืองี้นะ กูพยายามจะบอกมึงหลายครั้งแล้ว  แต่มันก็ไม่สบโอกาสสักที” พีเจอธิบายออกมาเรื่อยๆ  แต่ผมกลับมองว่าคำอธิบายพวกนั้นมันเป็นเหมือนข้อแก้ตัวซะมากกว่า

“......” ผมเงียบเพื่อรอฟังประโยคถัดไปที่พีเจจะพูดออกมา

“แล้ว คือ คือ...อีกอย่างกูคิดว่าป๊อนซ์คงจะไม่อยากให้มึงรู้”

“มึงเป็นไอ้ป๊อนซ์เหรอ?” ผมถามพีเจออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“เอ่อ...” พีเจดูอึ้งกับคำพูดของผมมาก ทำไมผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ ก็ในเมื่อพีเจไม่ใช่ไอ้ป๊อนซ์แล้วมันจะรู้ได้ไงว่าป๊อนซ์
ต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร

“ใจเย็นๆก่อนมึง” ไอ้ลิ้มละสายตาจากถนนข้างหน้ามามองผมกับพีเจแทน

“ไอ้ลิ้ม อยากพาพวกกูไปตายรึไง มองถนนไป ไอ้สัด!!!!!” พีเจตะคอกแล้วตบหัวไอ้ลิ้มไปหนึ่งทีเมื่อเห็นว่าลิ้มไม่ได้มองถนนข้าง
หน้าแล้ว

“เออๆ แม่ง”ลิ้มสบถออกมาอย่างอนๆแต่พีเจก็ไม่ได้หันไปสนใจแต่อย่างใด

“คือเรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากที่ไอ้ป๊อนซ์มาหามึงที่โรงเรียนวันนั้นนั่นแหละ...”



[Pontz’s Part]

โอ๊ยยย เมื่อคืนผมไม่น่าดื่มหนักเกินไปเลย แม่งตื่นมานี่คือแบบว่าโลกหมุนเคว้ง

ปกติผมไม่ใช่คนที่จะดื่มมากมายอะไรอย่างนี้นะ แต่ครั้งนี้มันมีสาเหตุไง

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโจต้องทำอย่างนั้นกับผมด้วย  เค้าจะรู้มั้ยนะว่าคำพูดของเค้ามันสามารถทำให้ผมตายทั้งเป็นได้เลย 

ให้ปล่อยมึงไปงั้นเหรอ  โทษทีว่ะ กูทำไม่ได้

“อืมมมม” ผมโอดครวญออกมาเมื่อผมพยายามจะลุกขึ้นแต่หัวมันหนักเกินไป

“ป๊อนซ์ลูก  ปวดหัวใช่มั้ย” เสียงถามด้วยความห่วงใยจากแม่ของผมดังขึ้น

“นิดหน่อยครับ” ผมพูดออกไปว่านิดหน่อยแต่ก็นะ เอาจริงๆตอนนี้แม้แต่ตายังลืมไม่ขึ้นเลย

“เฮ้อออ  วันนี้ไม่ต้องไปเรียนนะลูก” แม่พูดพร้อมกับกระชับผ้าห่มของผมให้สูงขึ้นมาถึงอก

“ไม่ได้ครับม๊า ป๊อนซ์ต้องไปเคลียร์กับโจ” ผมพยายามจะขืนตัวออกจากผ้าห่มที่แม่ห่มให้

“ป๊อนซ์ ลูกกำลังทำให้ม๊าเป็นห่วงนะรู้มั้ย” แม่ยื่นมือมากุมไว้ที่มือของผมเบาๆพลางลูบที่หลังมือเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

“คือ..ป๊อนซ์....”ผมอยากจะพูดเถียงแม่นะ แต่ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่ที่อกทำให้พูดออกมาไม่ได้

 “ป๊อนซ์ม๊าเข้าใจนะลูก แต่ลูกก็ต้องนึกถึงตัวเองบ้างไม่ใช่นึกถึงแต่คนอื่น”

“ครับ” ผมรับคำแม่อย่างเหนื่อยๆ  ก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงอกโดยที่มีแม่ช่วยดึงอยู่ข้างๆ

“ม๊าไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นๆม๊ากลับมาแล้วค่อยพาไปหาโจ โอเคมั้ย” แม่พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวผมเล่น

“...” ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าผมเข้าใจแล้ว

แม่จูบที่หน้าผากของผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปด้านนอก  ปล่อยให้ผมจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงคนเดียวก่อนจะหลับไป


-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ปลุกผมให้ตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับไป

ผมเหลือบตาไปมองที่นาฬิกาก็เห็นว่ามันเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว  หลับนานชิบ..


-PJ^^-


ไอ้พีเจโทรมาแสดงว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับโจแน่นอน

ผมรีบกดรับทันทีที่ตั้งสติได้  ก่อนจะยิงคำถามไปอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหลไอ้พีเจ โจเป็นไงบ้าง” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจากพิษไข้ที่มี  ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปหยิบน้ำที่แม่ตั้งไว้
ให้ที่หัวเตียงมาจิบให้คล่องคอขึ้น

(ใจเย็นดิ  แล้วนี่มึงไม่สบายเหรอ) พีเจถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มันทำให้ผมรู้สึกอยากได้ยินคำถามนี้หลุดออกมาจากปาก
ของโจ

“นิดหน่อยว่ะ แล้วตกลงโจเป็นไงบ้าง”

(เอ่ออ  ก็เหมือนจะปกติอ่ะนะ ถ้าไม่สังเกตดีๆ)

“ยังไงวะ”

(ก็มันยิ้ม มันร่าเริงปกติ  แต่แววตามันไม่ได้เป็นอย่างที่มันแสดงออกมาเลยไงล่ะ) คำบอกเล่าของพีเจทำเอาผมใจกระตุกวูบ

“กูขอโทษ” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  และหวังในใจลึกๆว่าโจจะได้ยินทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้

(ไปขอโทษมันเหอะ  ไม่ต้องมาขอโทษกู)

“อืม”

(เออ แล้ววันนี้มึงจะมาโรงเรียนป่ะ) คำถามของพีเจทำให้ผมนิ่งไปนิดนึง  ก่อนจะตอบกลับไปในเวลาต่อมา

“กูกำลังจะไป”



หลังจากวางสายจากพีเจผมก็กัดฟันทนกับอาการปวดหัวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวสบายๆด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำสนิท

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินลงมากินข้าวเที่ยงที่ชั้นล่าง


“คุณหนูจะไปไหนคะ” เสียงของแม่บ้านคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกินข้าวเสร็จแล้วและกำลังจะรีบเดินออกไปด้านนอก

“อ๋อ ป๊อนซ์ไปทำธุระนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวไม่นานก็กลับ” ผมหันไปยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้องกินข้าว
อย่างรวดเร็ว



วันนี้ผมเลือกที่จะเอา camry ไปเพราะไม่อยากจะเด่นมาก (ฮ่าๆๆๆ) แต่เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถผมก็ต้องหลับตาพร้อมกับกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเมื่ออาการปวดหัวที่หายไปแล้วมันกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง


แต่ผมก็นั่งอยู่นิ่งได้ไม่นานผมก็ตัดสินใจสตาร์ทรถออกตัวไปอย่างรวดเร็วเพราะผมต้องรีบไปถึงโรงเรียนให้ทันช่วงพักเที่ยง เพราะถ้าไปไม่ทันตอนนี้ผมก็ต้องรอตอนเลิกเรียนทีเดียวเลย


เมื่อขับเข้ามาในเขตโรงเรียนผมก็ลดความเร็วลงให้เหลือน้อยที่สุด ก่อนจะค่อยๆสอดส่ายสายตาไปทั่วๆ  และผมก็พบเข้ากับร่างที่ผมต้องการจะเจอมากที่สุดในตอนนี้ที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่


ผมรีบหาที่จอดรถก่อนจะเดินลงจากแล้วสาวเท้าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะให้ได้เจอกับโจเร็วที่สุด

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเท้าเอาไว้เมื่อมีพี่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาหาโจ ก่อนที่บทสนทนาที่ทำเอาผมล้มทั้งยืน จะเริ่มขึ้น


“น้องโจคะ” เสียงเรียกจากงพี่ผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น  ทำให้โจเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันไปมองด้วยสีหน้างงๆ

“ครับ” โจตอบกลับพร้อมกลับส่งยิ้มไปให้อย่างอ่อนโยน  รอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมันมาเป็นเวลานาน และคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับ
มันอีก

“เอ่อ คือว่าพี่ขอไลน์ของโจได้มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆพร้อมกับหลบสายตาโจ หึ ผมยืนดูต่อว่าโจจะทำอย่างไรเพราะ
ปกติโจเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนที่ไม่รู้จักกันเข้ามาถามหรือเข้ามาคุยด้วย 

“ได้สิครับ เอาเบอร์ผมไปแล้วกันนะ” แก้มของพี่เค้าขึ้นสีนิดๆ เฮ้ยย คำพูดของโจทำให้ผมเริ่มจะยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้

“ค่ะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นรับคำก่อนจะเตรียมจดเบอร์อย่างตั้งใจ

“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ” โจเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ให้เบอร์พี่เค้าไปเสร็จ  ผมว่าแปลกๆแล้วนะ  โจทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน

“พี่ชื่อต้นหลิวค่ะ” พี่เค้าตอบกลับโจด้วยสีหน้าตื่นเต้นก่อนจะยิ้มกว้างให้โจ

“อ่าๆครับ ทักได้ตลอดนะครับ” โจหันไปบอกกับพี่เค้าอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดบอกลากัน

ผมดูออกว่าโจไม่ได้ชอบพี่เค้าเลย แต่ทำไม? ทำไมโจต้องทำแบบนี้

“โหวยยยยย  เอาแล้วเว้ยยยยยย”เสียงโห่ของเพื่อนๆดังขึ้นในขณะที่พี่เค้ายังเดินออกไปได้ไม่ไกล

“ไรมึง”  โจตอบกลับห้วนๆ แต่ยิ้มมุมปากด้วยสีหน้ามาดร้าย 

มึงคิดจะทำอะไรวะดื้อ??

“เดี๋ยวนี้เล่นรุ่นพี่เลยเหรอมึง” ไอ้ลิ้มแซวก่อนจะวางกระเป๋าและนั่งลงข้างโจ

“เปล่า เค้าก็แค่มาขอไลน์กู กูก็เลยให้ไป”โจตอบกลับแบบชิวๆ

“อ๋อเหรอออออ  มึงกลายเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”คำถามของไปป์ทำให้โจเงียบไปนิดนึง  เออ ขอบใจวะไปป์เพราะกู
ก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

“หึ”แต่คำถามนั้นก็ไม่ได้คำตอบ มีเพียงเสียงแค่นจากลำคอ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

ผมเลยตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาโจ เพื่อที่จะขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำผิดต่อเค้าและเพื่อที่จะถามคำถามที่คั่งค้างอยู่ใน
ใจของผม

“โจ” ผมออกเสียงเรียกโจเบาๆ ทำให้คนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยเงียบกันทั้งหมดก่อนจะหันมามองที่ผม

“......” แต่คนที่ผมต้องการจะพูดด้วยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับมาเลย  มีเพียงความนิ่งเงียบเท่านั้นที่ผมได้กลับมาจากเค้า

“โจ กูขอร้องโจ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ฟังออกว่าอาจจะมีพิษไข้อยู่นิดหน่อย

“.....”  แต่โจก็ยังคงไม่ยอมหันหน้ามาหาผม จนคนอื่นๆในโต๊ะเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“เอ่ออ  โจกูว่า...” ไอ้ลิ้มหันมามองหน้าผมก่อนจะพยายามช่วยผมพูด     

“กูไปก่อนนะ” แต่แล้วโจก็ขัดขึ้นมาแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไปคนเดียว โดยไม่หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่โจเดินออกไปจนพ้นรัศมีที่สามารถจะมองเห็นได้  ทุกๆคนในโต๊ะก็เดินมาลากให้ผมไปนั่งในโต๊ะที่มันนั่งกันอยู่

“ใจเย็นๆก่อนนะ มายเฟรนด์  กูว่าเดี๋ยวให้มันอารมณ์ดีกว่านี้หน่อยมึงค่อยมาคุยแล้วกัน” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับยื่นมือมาตบที่ไหล่ผมเบาๆ

“อืมม” ผมตอบกลับภูมิอย่างไร้สติ  ผมรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ผมหมดหวังในทุกสิ่งทุกอย่าง  มันทำให้ผมหดหู่มาก จนพาลจะไม่
อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

“อย่าคิดสั้นเด็ดขาดเข้าใจมั้ย  มึงไม่ต้องกังวลหรอก  ตอนนี้มึงก็กลับบ้านไปก่อนไปรักษาตัวให้หายแล้วค่อยกลับมา” คำพูดของ
พีเจทำให้ผมได้สติขึ้นมาบ้าง

“โอเค” ผมพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนๆทุกคน  ตอนนี้ทุกๆคนล้วนแต่หันมามองผมด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง
อย่างชัดเจน และนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียว

“มึงขับรถกลับไหวเหรอ  ให้พวกกูไปส่งมั้ย” ไอ้ไปป์ที่เงียบอยู่นานก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไหว” ผมพูดออกไปทั้งๆที่พอจะรู้ตัวเองดีว่าขณะที่นั่งคุยกับพวกมันอยู่ตอนนี้ผมก็วูบบ่อยมาก

“งั้นก็โชคดีนะมึงหายไวๆนะ” ไอ้ลิ้มพูดก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะเดินมาส่งผมที่รถแล้วเดินกลับไปเรียน

“เฮ้อออออ.” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักก่อนจะสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่อาการปวดหัวที่มีอยู่  แต่มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

ผมจึงรีบสตาร์ทรถและขับออกมาจากโรงเรียนอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะถึงบ้านให้เร็วที่สุด จะได้กลับไปพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยให้อาการมันดีขึ้น

ผมขับรถไปด้วยสติที่เลอะเลือนเต็มที แต่ต้องพยายามฝืนเอาไว้


ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


เสียงบีบแตรยาวทำให้สติของผมกลับมาจนเกือบจะปกติแล้วผมก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่ารถของผมกำลังจะพุ่งเข้าไปชนเด็กนักเรียนอนุบาลที่กำลังข้ามถนนอยู่

ผมตัดสินใจหักหลบทันทีแต่แล้วผมก็ต้องตกใจเป็น 2 เท่าของครั้งเมื่อกี๊เมื่อทางที่ผมหักหลบไปนั้นมีรถบรรทุกน้ำมันสวนมาพอดี

โครมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เสียงกระแทกกันของรถ 2 คันดังสนั่นแต่มันช่างแผ่วเบาในความรู้สึกของผม 

ตอนนี้สติของผมมีอยู่น้อยเต็มที แต่ผมก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

ผมปิดตาและปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่มันต้องเป็น

แต่ก่อนที่สติของผมจะดับวูบนั้น ผมก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงคนๆนี้ คนที่เค้าโกรธผม และคิดว่าคงจะไม่มีวันให้อภัยผมแล้วด้วย  แต่ผมก็
อยากบอกประโยคนี้ให้เค้าได้ยินอีกครั้ง

“ป๊อนซ์รักดื้อนะ”

แล้วทุกอย่างก็มืดสนิทลง
 
[End of Pontz’s Part]



หลังจากจบคำบอกเล่าของพีเจน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้

พีเจหันมามองที่ผมก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมเหมือนครั้งก่อนๆที่ผมร้องไห้

“เพราะกูเอง  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นก็เพราะกู” ผมพูดออกไปอยากคนเสียสติ พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจากการร้องไห้

“มันไม่ใช่เพราะใรทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากให้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นหรอก” ไอ้ลิ้มพยายามที่จะพูดปลอบใจผม แต่มันก็ไม่เป็นผลเลย  ผมรู้สึกว่าตัวผมเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้ป๊อนซ์เป็นแบบนี้  เพราะตอนนี้ผมคิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ

“ฮือออออ   ป๊อนซ์  ป๊อนซ์!!!!!!!!!!” ผมแผดร้องออกมาจนเสียงก้องไปทั้งรถ

“โจใจเย็นๆก่อน ใจเย็น” ไอ้พีเจจับไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมไว้ก่อนจะบังคับให้หันไปทางมัน

“ฮือออออ  ฮือออออออ” ผมได้แต่ส่ายหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“เฮ้ออออ  ไอ้ลิ้ม ไอ้ภูมิกับไอ้ไปป์รู้ยังว่าป๊อนซ์อาการทรุด” พีเจถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปถามไอ้ลิ้ม

“รู้แล้ว ตอนนี้ไอ้ไปป์ขับรถไปรับน้องพลัสอยู่ส่วนไอ้ภูมิก็คงจะมาคันเดียวกับไอไปป์นั่นแหละ” คำว่าพลัสทำให้ลมหายใจผมสะดุด  ทำไมเค้าต้องมาด้วย???

“นี่มึงกำลังคิดมากเรื่องน้องพลัสใช่มั้ย” ไอ้พีเจทำหน้าเหนื่อยๆก่อนจะหันมาถามผม

“.....” ผมก็เงียบไป  แต่ผมคิดว่าพีเจคงเข้าใจในความหมายของการเงียบนั้น

“เฮ้อออ  น้องพลัสอ่ะกลายมาเป็นน้องชายไอ้ป๊อนซ์แล้ว  ที่น้องแกมาเนี่ยก็เพื่อที่จะมาหาป๊อนซ์ในฐานะพี่ชาย” พี่ชาย พี่ชายงั้นเหรอ???

“มึงไม่ต้องห่วงหรอกโจ ไอ้น้องพลัสนั่นน่ะเสร็จไอ้ไปป์เรียบร้อยแล้ว”

“หา!!!!!!!!” ผมตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ

“หมายความว่าไง” ผมถามออกไปอย่างข้องใจ

“ก็หมายความตามที่กูพูดนั่นแหละ  โว้ววว” ไอ้ลิ้มส่งเสียงร้องอย่างขัดอารมณ์

“เอาเป็นว่าตอนนี้มึงสบายใจเรื่องของป๊อนซ์กับน้องพลัสได้เลยเพราะมันไม่มีอะไรแล้ว  ไอ้ป๊อนซ์มันเคลียร์กับน้องเค้าจบตั้งแต่วันที่มันกลับมาหามึงแล้ว” ป๊อนซ์เคลียร์จบไปแล้วไม่มีอะไรแล้ว  มีแต่ผมที่มัวแต่ตีโพยตีพายโดยไม่ฟังอะไรเลย  ผมมันโง่จริง!!!!



เมื่อรถจอดสนิทในชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลชื่อดัง ผมก็พุ่งลงจากรถอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าป๊อนซ์อยู่ส่วนไหนของโรงพยาบาล

“เฮ้ยย ใจเย็นดิโจ มานี่” ไอ้พีเจตะโกนเรียกชื่อผมก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือผมที่ไม่ค่อยจะมีสติให้เดินตามหลังมันไป

“อ้าว นั่นไง ไอ้ไปป์มาถึงพอดี  ไปป์!!  สัดไปป์!!!!!!” ไอ้ลิ้มตะโกนเรียกชื่อไอ้ไปป์จนดังก้องไปทั้งลานจอดรถ  เอ๊ะ ไปป์มา
แสดงว่าน้องพลัสก็ต้องมาด้วยดิ  ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเค้า

ผมเบี่ยงตัวหลบจากเดิมที่ยืนอยู่ข้างๆพีเจให้กลายเป็นไปยืนซ้อนหลังพีเจแทน

“อะไรของมึงเนี่ย” พีเจหันมากระซิบถามให้ได้ยินกันแค่ 2 คน

“เปล่า” ผมตอบออกไปเสียงสั่นๆ

“อ๋ออออ” พีเจร้องอ๋อออกมาเสียงยาวก่อนจะหันกลับมายิ้มล้อเลียนผม  แม่งไอ้เลววว

“สวัสดีครับ”เสียงสวัสดีที่ดูออกจะกล้าๆกลัวๆดังออกมาจากปากของคนที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้า และไม่กล้าจะมอง ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

“สวัสดีครับ น่ารักอ่ะ” ไอ้ลิ้มสวัสดีกลับก่อนจะโดนไอ้ไปป์โบกหัวไปตามระเบียบ

“อย่าแม้แต่จะคิด  มึงก็เหมือนกันถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่เฉยๆ” ไอ้ไปป์หันมาขู่ไอ้ลิ้มก่อนจะกลับไปขู่น้องพลัส  กูว่ามึงฮาร์ดคอร์ไปว่ะไปป์

“รู้แล้วน่า” น้องรับคำเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

“นี่ไอ้พีเจ นั่นไอ้ลิ้ม ส่วนข้างหลังไอ้พีเจก็ไอ้โจ” ไปป์เริ่มแนะนำพวกผมทีละคน

“พลัสอยากเห็นหน้าพี่โจจัง” น้องพลัสกระซิบบอกไอ้ไปป์ แต่กูได้ยินนะโว้ยยยยย

“โจ มึงไปยืนทำอะไรตรงนั้นว่ะ” ไปป์ตะโกนถามผมที่ยืนแอบอยู่หลังพีเจ

แล้วพีเจเพื่อนที่แสนดีของผมก็ได้ผลักผมออกไปยืนด้านหน้าจนเกือบจะชนกับน้องพลัส แต่เอ๊ะ  น่ารักจัง ><////

“พี่โจใช่มั้ยครับ” ยิ่งเวลาพูดยิ่งน่ารัก ผมเริ่มจะไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมันถึงชอบน้องเค้า ขนาดผมเห็นผมยังแอบชอบเลย(อ้าว
ว???) แต่เป็นชอบแบบอยากได้เป็นน้องชายอะไรประมาณเนี่ย

“เอ่ออ ครับ” ผมพูดตอบไปอย่างประหม่า

“โอ๊ยยยย  พวกยูจะยืนพูดกันอีกนานมั้ย ขาไอจะเป็นตะคริวอยู่แล้วเนี่ย” และแล้วไอ้ภูมิที่ยืนอยู่นานก็พูดขึ้นมา และมันก็ทำให้เรา
ทุกคนนึกขึ้นได้ว่าเรามาเยี่ยมไอ้ป๊อนซ์กัน

พวกผมเดินไปเรื่อยๆจนเกือบจะสุดทางเดินของโรงพยาบาล แล้วไอ้พีเจก็หยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปที่ห้องตรงหน้า

“ห้องนี้แหละ” เสียงพูดของพีเจทำให้ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาครอบงำผมอีกครั้ง

“โจ เข้าไปอาการมันหน่อยดิ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับดันไหล่ผมเบาๆ

“เอ่ออ แล้วพวกมึง กับเอ่ออ น้องพลัสจะเข้าไปดูด้วยกันมั้ย” ผมหันไปถามทุกๆคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเพราะไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป
คนเดียว

“ปะ..อื้อออ” น้องพลัสที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมาก็โดนไอ้ไปป์เอามือปิดปาก

ก่อนจะลากกลับไปทางที่เดินมาเมื่อกี๊

“เดี๋ยวกูมานะ ส่วนมึงเงียบเลย ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ” โอ๊ยยย  สงสารน้องพลัสอ่ะ ที่ต้องมาอยู่กับคนอย่างไอ้ไปป์???

“เออ มึงเข้าไปเหอะเดี๋ยวพวกกูตามเข้าไปทีหลัง” ไอ้ภูมิพูดเพื่อเป็นการย้ำอีกครั้ง

“เออๆ” ผมตอบรับคำก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนลึกเพื่อเรียกพลัง  เอาวะ ไม่ว่ามึงจะเป็นอย่างไร อยู่ในสภาพไหน  จะรับรู้ถึง
การมาของกูได้มั้ย กูก็อยากให้มึงรู้นะว่า

‘กูรักมึง’

แอ๊ดดดดดด 

ผมค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ  และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำเอาผมแทบจะหยุดหายใจ

ผมเดินเข้าไปที่เตียงอย่างช้าๆ กอ่นจะเรียกชื่อของคนที่อยู่บนเตียงเบาๆ


“ป๊อนซ์~”


........................................TBC...................................................

อัพอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปนานนนนนน   :z10:

คนเขียนต้องขอโทษจริงๆเพราะแบบว่าช่วงนี้น้องป๊อนซ์กับน้องโจเค้าน่ารักมากกกกก  :impress2:

มีโมเม้นต์ให้คนเขียนฟินหลายต่อหลายครั้งต่อวัน (แบบว่าตามน้องเค้าจนไม่ได้รงได้เรียนกันแล้ว ฮ่าๆๆๆ)

วันนี้มีโมเ้นต์แถมจ้าาาาา

-วันจันทร์ที่ผ่านมานี่เอง (สดๆร้อนๆ) โจไปเฝ้าป๊อนซ์แข่งฟุตซอล(ตล๊อดดดดด) แล้วป๊อนซ์ก็บาดเจ็บเล็กน้อยตอนกำลังแข่ง รู้สึกว่าจะเจ็บเข่าอ่ะนะ ตอนป๊อนซ์ล้มลงไปนี่คือแบบว่าโจแทบจะยืนอ่ะ (แบบว่าคนเขียนกับเพื่อนๆนั่งอยู่สแตนด์ฝั่งตรงข้าม) แล้วหลังจากแข่งเสร็จคนเขียนก็ไปแอบซุ่ม(แบบว่านั่งมองตรงๆเลยอ่ะนะที่จริงอ่ะ) โจกับป๊อนซ์ก็เดินออกมาจากโรงยิมด้วยกัน แล้วโจก็พูดอะไรก็ไม่รู้ (มันอยู่ไกล คนเขียนไม่ได้ยินน่ะ) แล้วป๊อนซ์ก็ถลกขากางเกงขึ้นให้โจดู  โจก็ก้มลงดูก่อนจะพูดอะไรสักอย่างประมาณว่าบ่นๆหน่อย ไรเงี้ยยยย  คนเขียนนี่คือกรี๊ดแบบไม่กลัวแล้วอ่ะ
[/color]
อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ

แอบแวะเข้ามาแก้คำผิดนะจ๊ะ ผิดเยอะง่ะ (แบบว่ารีบมากกก ต้องขออภัยด้วยนะคะ  :call:)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2013 20:14:35 โดย katiezz »

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ในที่สุดก็ได้รู้ว่าป๊อนซ์เป็นอะไร สงสารป๊อนซ์อ่ะป๊อนซ์สำนึกผิดแล้วน้าาาาาา  ฮือเค้าไม่อยากให้โจโทษตัวเองเลยสงสารทั้งคู่ ชอบไปป์กับน้องพลัสอ่ะไปป์หวงน้องจังน้า คิคิ แต่เค้าโดนใจพีเจที่สุดเลยเพื่อนที่แสนดีอ่ะ ชอบพีเจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเท่ห์มากอ่ะน้องชายยยยย o13รักคนเขียนจุงงงงมาอัพต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
บะ สั้นอะ ให้อภัยครึ่งนึง เพราะยังระแวงความประพฤติอยู่ แต่ก็ขอให้หายไวๆแล้วกัน กลับมาง้อโจดวนเลย แต่สงสัยจะหายโกรธแล้วแหละมั้ง ถ้ายังไม่เปลี่ยนตัวเองใหม่นะ จะยุให้โจไปมีใหม่แน่

Aini_es

  • บุคคลทั่วไป
สาเหตุมาแล้ว อยากรู้ตอนต่อไปเลยอ่ะ สู้ๆ นะคะนักเขียน o13

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
โจมาเยี่ยมแล้วป๊อนซ์ต้องหายไวๆ นะ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 11





[Pontz x Joe]





[Joe]






เสียงเกากีต้าร์เบาๆดังมาจากร่างที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลแถมมือข้างที่ใช้เล่นกีต้าร์นั้นยังใส่เฝือกอยู่อีกด้วย 

“เมื่อก่อนไม่เคยได้คิด  ผิดอะไรไม่เคยจะรู้ 
ไม่ได้ดูว่าในสิ่งที่กระทำ จะมีบางคนเสียใจ”


เสียงร้องที่แหบพร่าที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากพิษไข้ที่เกิดจากอาการบาดเจ็บ ร้องเพลงคลอไปกับเสียงกีต้าร์เบาๆ

“จนเมื่อจบตรงการแยกทาง  ทุกๆอย่างที่เคยทำไว้
ก็ได้กลับมาเตือนย้ำใจให้คิด ว่าฉันนั้นโง่แค่ไหน”


ผมเดินตรงเข้าหาเตียงช้าๆ ทำไมตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกโกรธที่เค้าโกหกผมว่าอาการทรุดหนัก แต่ผมกลับรู้สึกดีใจ โล่งอก และอีกหลายๆความรู้สึกที่มันผสมปนเปกันไปหมด เมื่อผมได้เห็นกับตาว่าเค้ายังไม่ได้เป็นอะไรไป

“อยากจะหมุนเวลาให้กลับยังไง ก็ไม่ย้อนมันคืนได้แล้ว
ได้แต่ขอให้เธอได้โปรดอภัยให้กัน สักครั้งจะยอมได้มั้ย”


น้ำตาของผมไหลลงมาอาบแก้มอย่างช้าๆ  มันไม่ได้เกิดจากความผิดหวังหรือเสียใจแต่อย่างใด  แต่มันเกิดจากความดีใจ ตื้นตัน ที่คนที่ผมรักมากที่สุดยังมีชีวิตอยู่ 

“ช่วงชีวิตฉันที่ขาดเธอเหมือนจะตาย  หัวใจมันทนไม่ไหว
มันคอยแต่มองร้องหาว่าเธออยู่ไหนและเป็นอย่างไร”


ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของป๊อนซ์ก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปสัมผัสที่แก้มของป๊อนซ์เบาๆเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านี่ใช่ป๊อนซ์รึเปล่า
และเมื่อผมสัมผัสโดนที่แก้มอุ่นๆของป๊อนซ์ผมก็มั่นใจได้เลยว่านี่เป็นป๊อนซ์จริงๆ  ป๊อนซ์จริงๆด้วยยย

“กลับมาหาฉันได้โปรดเถอะนะคนดี
ต่อจากนี้ที่เคย  อุ๊บบบ...”


ผมไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าได้ร้องเพลงต่อไปได้อีก

ผมเอามือประคองหน้าของป๊อนซ์ไว้ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวลและแผ่วเบา

ป๊อนซ์ที่ดูจะอึ้งๆในตอนแรกก็วางกีต้าร์ลงข้างๆตัวก่อนจะยื่นมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกออกมารั้งเอวของผมให้เข้าไปชิดมากกว่าเดิม

“อื้อออ” ผมเริ่มจะส่งเสียงประท้วงในลำคอเมื่อจูบของป๊อนซ์กำลังจะทำให้ผมขาดอากาศหายใจ

มือของผมที่ประคองใบหน้าป๊อนซ์เอาไว้ในตอนแรก ก็ต้องเปลี่ยนมาอยู่ที่ไหล่ป๊อนซ์แทนเพื่อเป็นที่ยึดเกาะไม่ให้ผมล้มลงไปกองกับพื้น  อ๊ากกกก  มึงกำลังฆ่ากูอยู่รู้มั้ยไอ้ชั่วป๊อนซ์!!!!


แอ๊ดดดด


เสียงประตูที่เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องทำให้ผมต้องดันตัวป๊อนซ์ออกอย่างแรง
และเมื่อผมหลุดพ้นจากไอ้หื่นได้ผมก็หันไปมองคนอื่นๆที่เดินเข้ามาในห้อง

ผมไล่สายตาจากไอ้ลิ้มกับไอ้ภูมิที่ยกนิ้วหัวแม่มือมาให้ไอ้ป๊อนซ์ อารมณ์ประมาณว่า มึงนี่สุดยอดดดด

ส่วนไอ้พีเจนี่คือกุมขมับแล้วส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับแสดงสีหน้ารับไม่ได้ออกมา

สุดท้ายก็มาถึงไอ้ไปป์กับน้องพลัส ไอ้ไปป์เอามือปิดตาน้องพลัสไว้ในขณะที่น้องพลัสโวยวายให้เอามือออก เพราะว่าน้องแกอยากดู (แอบหื่นนะพลัส)

“เอ่ออ คือ กู.....” ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก  และรู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้า  ตายๆๆๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละเนี่ย

ผมเลยตัดสินใจเดินกลับไปหาไอ้ป๊อนซ์แล้วซุกหน้าลงกับอกมัน พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง   อารมณ์ประมาณว่าปิดกั้นตัวเองออกจากทุกสิ่งบนโลกใบนี้ YY

ป๊อนซ์ใช้มือข้างที่ไม่ได้เจ็บลูบหัวผมแล้วดันให้เข้าไปชิดกับอกของตัวเองมากกว่าเดิม

“ว๊ายยยยยยย  บัดสีบัดเถลิงเนอะว่ามั้ย B1” ไอ้ลิ้มพูดเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อเป็นการล้อเลียนผม  อย่าล้อกูได้มั้ยยยยย กูเขินนนนน -0-

“ก็ว่าอย่างนั้นแหละ B2 มีอย่างที่ไหนอ่ะ วิ่งกลับไปซบที่อกเค้าอีก แรดอ่ะ” ส่วนไอ้ภูมินี่คือยิ่งกว่าลิ้มอีก  โอ๊ยยยยยยยย  ผมอยากจะบ้าตาย

“หึๆ” เสียงหัวเราะของป๊อนซ์ดังขึ้นเบาๆ ทำให้ผมอดหมั่นไส้มันไม่ได้ ผมเลยทุบเข้าไปที่อกมันแรงๆทีนึง

“โอ๊ย” ป๊อนซ์ร้องออกมาเมื่อผมลงมือทุบอกของมัน  เฮ้ยยย ผมลืมไปเลยว่ามันเจ็บอยู่อ่ะ

“ป๊อนซ์ กูขอโทษ” ผมผละตัวออกจากอกป๊อนซ์ก่อนจะยื่นมือไปลูบเบาๆบริเวณที่ผมทุบลงไปเมื่อกี๊

“ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก แค่ดื้อเป็นห่วงป๊อนซ์ก็ไม่เจ็บแล้ว”

“โอ๊ยยยยย  ช่วยเห็นหัวพวกกูบ้างเหอะ กูไม่ใช่เสาน้ำเกลือนะไอ้สัด” ไอ้ลิ้มพูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง

“เงียบไปเลยมึงอ่ะ” ผมหันไปตะคอกใส่หน้าไอ้ลิ้ม ประมาณว่าทำโมโหกลบเกลื่อนความเขินไรเงี้ย

“ฮ่าๆๆๆ  อ้าวว พลัสมาด้วยเหรอ” ป๊อนซ์หัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปทักน้องพลัสเมื่อเห็นว่าน้องยืนอยู่

“มาสิครับ ก็พี่ไปป์โทรไปบอกว่าให้กลับมาดูฉากสำคัญ” ฉากสำคัญงั้นเหรอ  ไอ้พวกเพื่อนชั่วววว

“หน้าแดงว่ะ” พีเจที่เงียบอยู่นานก็แซวผมขึ้นมาเบาๆ

“หึๆ แล้วเป็นไงล่ะ ได้เห็นฉากสำคัญมั้ย” ป๊อนซ์ส่งเสียงในลำคออย่างล้อเลียนก่อนจะหันไปถามน้องพลัสอีกครั้ง

“ได้เห็นนิดเดียวตอนแรกอ่ะครับ แต่ตอนหลังพี่ไปป์ปิดตาเลยมองไม่เห็นอะไรเลย” น้องพลัสเล่าพร้อมกับเบะปากแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ไม่พอใจ

“พูดมากนะ อยากเห็นนักเหรอ เดี๋ยวกูไปจูบมึงแล้วส่องกระจกเอามั้ย มึงจะได้เห็นแบบชัดๆ” ไอไปป์พูดออกมายาวเหยียดทำให้น้องพลัสถึงกับเงียบและก้มหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัดนั้นลงกับพื้น

“หื่นว่ะ” ผมพูดออกมาเบาๆ

ไปป์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยักไหล่กลับมาเบาๆ

“เออ แต่เดี๋ยวนะ แสดงว่านี่พวกมึงรวมหัวกันหลอกกูใช่มั้ย”

“เออดิ ตอนแรกก็กลัวว่าพอมึงรู้แล้วมึงจะโกรธไอ้ป๊อนซ์เข้าไปใหญ่อ่ะ แต่ที่ไหนได้ เพลงที่ไอ้ป๊อนซ์ซ้อมมาแม่งร้องได้แค่ขึ้นฮุค
ก็โดนปิดปากซะแล้ว” มึงจะพูดขึ้นมาอีกทำไมวะไอ้พีเจ!!!!

“หึๆ เออ พวกมึงก็กลับไปนอนกันต่อเหอะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้าแล้วอีกอย่างพรุ่งนี้โรงเรียนก็ปิดด้วย  กลับไปพักผ่อนกันให้
สบายเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับ

“กูอยู่กับมึงได้มั้ย” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับส่งยิ้มแบบอ่อนโยนมาให้ผม

“หมดประโยชน์แล้วก็ไล่พวกกูกลับเลยนะ” ไอ้ภูมิพูดแขวะขึ้นมา

“กูก็แค่เป็นห่วงพวกมึงกลัวพวกมึงนอนไม่พอ” ป๊อนซ์พูดกลับเสียงเรียบๆ

“เออๆๆ พวกกูกลับก่อนนะ มึงไปกับกูเลยแล้วกันไอ้ภูมิ ไอ้ไปป์จะได้ไม่ต้องแวะไปส่งมึงที่บ้านก่อนอีก” ไอ้ลิ้มพูดพลางหันไป
มองทางไอ้ภูมิ  ส่วนไอ้ภูมิก็พยักหน้ารับเบาๆ

“ส่วนมึง โจ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาเสื้อผ้ามาให้ คืนนี้ถ้าจะอาบน้ำก็ใส่เสื้อไอ้ป๊อนซ์ไปก่อนแล้วกัน” พูดกับไอ้ภูมิเสร็จมันก็หันมาพูดกับผม

“อืม” ผมตอบรับคำสั้นๆ

“ไปก่อนนะมึง บาย” เพื่อนๆที่มาเยี่ยมเริ่มจะทยอยบอกลากันทีละคน

“เดินทางดีๆนะพวกมึง” ผมเดินไปส่งเพื่อนๆที่หน้าประตูห้อง(จะเดินไปเพื่อ??) ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“หิวมั้ย อยากดูทีวีช่องไหนรึเปล่า แอร์เย็นไปมั้ย หนาวรึเปล่า”ผมยิงคำถามออกไปเป็นชุดก่อนจะหยุดเพื่อรอฟังคำตอบ

“.....” ป๊อนซ์ไม่พูดอะไรออกมา เพียงแต่ส่งยิ้มหวานๆมาให้ผม

“ยิ้มอะไรอ่ะ” ผมถามป๊อนซ์แล้วทำแก้มป่องเมื่อรู้ว่าป๊อนซ์เหมือนจะล้อๆผมยังไงก็ไม่รู้

“เป็นห่วงเหรอ” นั่นไงว่าแล้วววว มันต้องถามแบบนี้ พลาดแล้วไอ้โจเอ้ย

“ก็เออดิ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเบาๆ พร้อมกับก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่กล้าที่จะสบตากับป๊อนซ์ตรงๆ

“หึๆ มานี่มา” ไอ้ป๊อนซ์เรียกพร้อมกับตบลงที่ที่ว่างข้างๆมันบนเตียง เป็นเชิงว่าให้ผมไปนั่งตรงนั้น

ผมก็เดินไปนั่งอย่างว่าง่าย  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“เฮ้อออ กูนึกว่ากูจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับมึงแบบนี้แล้วซะอีก” ป๊อนซ์พูดเบาๆพร้อมกับวางคางบนไหล่ผม

“กูก็แค่น้อยใจมึง อ๋อไม่สิโกรธด้วย  แต่บางเวลาก็เกลียดนิดๆเลยแหละ” ผมบอกความรู้สึกของผมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ไปกับป๊อนซ์จนหมด

“ตรงจัง” ป๊อนซ์พูดบอก แต่เผอิญว่าหัวมันตั้งอยู่ที่ไหล่ผมทำให้เวลามันพูดออกมา ก็จะมีลมร้อนๆมากระทบที่หูของผมเบาๆ โอ๊ย
ยยยย ไม่ไหวแล้ววนะ  กูจั๊กจี้!!!

“กูขอโทษนะโจ กูมั่นใจเลยว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก กูจะไม่แม้แต่จะคิดนอกใจมึงอีก” ป๊อนซ์พูดออกมาเบาๆแต่
น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น

“อืมม กูเชื่อมึง” ผมพูดตอบป๊อนซ์ไปแล้วพิงหัวลงกับหัวป๊อนซ์ที่วางอยู่บนไหล่ผม

“แล้วนี่จะอาบน้ำมั้ยเนี่ย” ป๊อนซ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะแสดงอาการง่วงนอนออกมา

“เออใช่ๆ กูต้องไปอาบน้ำนี่หว่า” พอป๊อนซ์พูดขึ้นมาผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปอาบน้ำ ผมเลยลุกจากเตียงป๊อนซ์อย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยยยยยยยย  โจ!!!!!” เสียงป๊อนซ์ร้องออกมาอย่างโหยหวน เมื่อผมลุกขึ้นอย่างเร็วโดยที่ผมลืมไปว่าป๊อนซ์วางคางไว้บนไหล่ของผม

“อ๊ากกก  กูขอโทษ ไหนดูดิ” ผมรีบพุ่งเข้าไปขอโทษขอโพยป๊อนซ์เป็นการใหญ่แล้วจึงเชยคางป๊อนซ์ขึ้นเพื่อดูว่าเป็นรอยอะไร
หรือไม่

“โอ๊ยยยย เจ็บอ่า” ป๊อนซ์บ่นงุบงิบเมื่อผมเอามือแตะตรงใต้คางของป๊อนซ์เบาๆ

“เฮ้อออ  ฟู่ววว หายไวๆนะ” ผมตัดสินใจเป่าลมอุ่นๆใส่ตรงที่คางป๊อนซ์ที่โดนไหล่ของผมกระแทก

“หายและ” ป๊อนซ์กลับมายิ้มร่าทันที  แหมเปลี่ยนอารมณ์เร็วเชียวนะมึง

“กูไปอาบน้ำก่อนนะ”

“อืมม” ป๊อนซ์รับคำ แล้วนอนในท่าที่เอามือข้างที่ไม่เจ็บไปหนุนไว้ใต้หัวของตัวเองแล้วมองมาทางผม


ผมอาบน้ำจนเพลิน และคิดว่าคงกินเวลาไปมากแล้วเลยปิดฝักบัว และหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางไว้ตรงชั้นวางของมาเช็ดตัวจนแห้ง แล้วหยิบผ้าผืนเล็กกว่าที่ตั้งอยู่ข้างๆกันมาเช็ดผม

แต่เอ๊ะ  นี่ผมไม่ได้หยิบเสื้อผ้าเข้ามาด้วยอ่ะ เฮ้ออออ  สะเพร่าตลอดเลยย

ผมเปิดประตูเพื่อจะออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผ้าเช็ดตัวพันที่ช่วงล่างเอาไว้ และมีผ้าผืนเล็กคลุมอยู่บนหัว  เมื่อเดินออกมาจาก
ห้องน้ำความเย็นของแอร์ในห้องก็ทำให้ผมต้องห่อไหล่นิดๆ

ผมเดินผ่านหน้าโทรทัศน์ที่ไอ้ป๊อนซ์นอนดูอยู่แล้วตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง เพื่อค้นดูว่ามีตัวไหนที่ผมพอจะใส่ได้บ้าง

“ป๊อนซ์กูใส่ตัวไหนได้บ้างอ่ะ” ผมตะโกนไปถามป๊อนซ์ทั้งๆที่ไม่ได้ละสายตาออกจากตู้เลย

“อะ เอ่ออ ใส่ได้หมดแหละ” เสียงป๊อนซ์ดูสั่นๆนิดๆ อาจจะเป็นเพราะความหนาวของแอร์ในห้องล่ะมั้ง

“อืมๆ” ผมตอบกลับก่อนจะตัดสินใจหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูที่ดูเหมือนจะตัวเล็กที่สุดของมันแล้ว(แต่มันก็ใหญ่สำหรับผมอยู่ดีอ่ะ =3=) ส่วนกางเกงก็เลือกกางเกงบอลสีขาวที่ดูจะใส่สบายที่สุดออกมา เอ๋  แต่ผมไม่มีกางเกงในเลยนี่หน่า แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะปกติผมก็ไม่ใส่กางเกงในนอนอยู่แล้ว (มันวูบวาบดี 555+)

หลังจากเลือกเสื้อผ้าเสร็จผมก็หอบเสื้อผ้าที่เลือกมาแล้วเดินผ่านหน้าโทรทัศน์อีกครั้งแต่ตอนนี้ผมไม่ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เพราะผมตั้งใจจะเดินไปเพิ่มอุณหภูมิของแอร์ในห้องซึ่งรีโมทมันตั้งอยู่ที่หัวเตียงก่อน

“ทำไรอ่ะ” ป๊อนซ์ถามเสียงเกร็งเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ๆ

“ก็เห็นเสียงมึงสั่นๆก็เลยคิดว่ามึงอาจจะหนาวไง กูเลยจะมาเพิ่มอุณหภูมิขึ้นให้” ผมหันไปพูดกับป๊อนซ์พร้อมกับส่งยิ้มไปให้ แอบ
เห็นป๊อนซ์ตัวเกร็งขึ้นมาอีกแล้วแหละ

เอ่อ ว่าแต่มันปุ่มไหนนะ?? ผมลองกดไล่ทีละปุ่มแล้วยกจ่อไปทางที่ตัวแอร์ติดตั้งอยู่ แต่มันก็ไม่เพิ่มอุณหภูมิให้สักที

“พอเลย มึงเข้าไปแต่งตัวเลย แม่ง!!” ป๊อนซ์ตะคอกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมทำไม่ได้ซะที  เชอะแค่นี้ทำเป็นโมโห 

“เออ แม่งแค่นี้ทำโมโห” ผมหอบเสื้อผ้าเดินกระแทกไปทางห้องน้ำทันที

"โมโหไร ที่มึงมายืนจะเปลือยแหล่ไม่เปลือยแหล่นี่มึงรู้มั้ยกูต้องใช้ความพยายามแค่ไหนในการหักหามใจ ไม่จับมึงกดกับเตียงอ่ะ" ป๊อนซ์พล่ามยาวเป็นขบวน ก่อนจะชี้หน้าคาดโทษผม  ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่ามึงจะหื่นตลอดเวลาขนาดนั้น

ผมรีบหอบเสื้อผ้าเดินก้มหน้างุดๆไปทางห้องน้ำ  อย่างรวดรเร็วเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและเวอร์จิ้นของตัวเอง

พอแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่แบบว่ากางเกงบอลถึงเข่า ส่วนแขนเสื้อนี่คือเลยมือออกมาเป็นคืบเลย นี่ผมเลือกตัวที่เล็กที่สุดแล้วนะ

แล้วผมก็เดินสะบัดมือออกมาจากห้องน้ำแต่เนื่องจากว่าเสื้อมันยาวมากมันเลยกลายเป็นว่าผมเหมือนมีปีกซะมากกว่า

“เฮ้ออ เล่นไรอ่ะ มานี่มาเดี๋ยวพับแขนเสื้อให้” ป๊อนซ์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะกวักมือให้ผมเดินเข้าไปหาเพื่อที่ป๊อนซ์จะได้พับแขนเสื้อให้

“แล้วมึงจะพับยังไงอ่ะ มือมึงใช้ได้ข้างเดียวเอง” ผมถามมันด้วยความสงสัย

มันยิ้มนิดๆก่อนจะถอดผ้าที่ใช้คล้องมือเอาไว้ออกแล้วเหลือแค่เฝือกด้านใน

“เฮ้ยย ได้ไงอ่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ กูจะถอดเฝือกพรุ่งนี้แล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มนิดๆอีกตามเคย  นี่ผมรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าไอ้ป๊อนซ์มันยิ้มบ่อย
ขึ้น

“อ๋อ” แล้วผมก็ยื่นแขนไปหันป๊อนซ์ทีละข้าง  ป๊อนซ์ก็พับแขนเสื้อของผมให้ขึ้นมาจนถึงประมาณศอกได้มั้ง  ผมชอบแบบนี้มากกว่าเมื่อกี๊เยอะเลย เพราะว่าแบบนี้มันทำให้ดูทะมัดทะแมงกว่า

“เสร็จแล้ว” ป๊อนซ์พูดหลังจากที่พับแขนเสื้อข้างที่ 2 เสร็จ ก่อนจะเอามือข้างที่ไม่มีเฝือกมายีหัวผมเบาๆ

“จะเช้าอยู่แล้วยังไม่ได้นอนเลย นอนกันได้แล้ว” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อไปปิดไฟ

“เดี๋ยว”

“หืมมม”

“เช็ดผมให้แห้งก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” ป๊อนซ์พูดเป็นเชิงดุๆโดยใช้เสียงนิ่งๆ

“ก็ได้...” ผมเดินกลับมานั่งลงข้างๆป๊อนซ์บนเตียงก่อนจะเริ่มเช็ดผมอย่างเมามันส์



“อ่า แห้งแล้ว นอนกันเหอะ” ผมหันไปบอกป๊อนซ์เมื่อผมเช็ดผมจนแห้ง

“อ้าววว” แต่เมื่อหันไปก็พบว่าป๊อนซ์นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมเลยจัดท่าป๊อนซ์ให้อยู่ในท่าที่น่าจะนอนแล้วสบายที่สุด ก่อน
จะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงอก

หลังจากจัดการให้ป๊อนซ์นอนเสร็จผมก็เดินไปปิดไฟและโทรทัศน์    ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงไอ้ป๊อนซ์อีกรอบ

ผมยืนมองหน้าป๊อนซ์ตอนหลับแล้วยิ้มเล็กๆกับร่างที่หลับอยู่ตรงหน้า 

“เฮ้อออ  กูหวังว่าความรักของกูกับมึงมันคงจะไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้วนะ  แต่ถึงจะมีอีกกูก็ขอสัญญาว่ากูจะไม่คิดเองเออเอง ไม่ประชดมึงอีกแล้ว”

“.....” ผมใช้มือเกลี่ยผมที่ปิดหน้าของป๊อนซ์ออกอย่างแผ่วเบา

“กูรักมึงนะป๊อนซ์  ดื้อรักป๊อนซ์นะครับ” ผมพูดบอกรักป๊อนซ์ก่อนจะก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนที่หลับอยู่เบาๆ

“ฝันดีนะ ที่รักของดื้อ” ผมบอกฝันดีป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟาเพื่อจัดแจงที่นอนของตัวเอง 

ผมหันไปมองที่ป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า  เฮ้ออออ  ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไงต่อไปแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลงไปนี้ก็ทำให้ผมได้เห็นว่าผมรักคนๆนี้ขนาดไหน  รักมากกกก  รักมากๆๆๆๆๆ   รักจนไม่สามารถจะไปรักคนอื่นได้อีกแล้ว....


.................................TBC...............................................

อ่า อันนี้สั้นหน่อยนะเพราะคนเีขียนเขินจนพิมพ์ต่อไม่ไหวแล้วววว (ข้ออ้างล้วนๆ)  :z2:

แล้วอีกอย่างคืออัพเร็วมากกกกก  ก็เพราะว่าคนเขียนมีสอบวันจันทร์เลยกะว่าอัพวันนี้ซะเลย  แล้วค่อยอัพอีกทีตอนประมาณวันพุธ (นานหน่อยนะ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ค้างแล้วนี่  o18)

อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจด้วยนะ  คนเขียนจะได้มีแรงในการอัพ (แอบขู่)

วันนี้ก็มีอีกเช่นเคย...

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาาาา

-เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี่เอง  คือตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียนป๊อนซ์แวะไปอึ  :a5: ปกติเค้าน่าจะรอกันมั้งคนเขียนไม่มั่นใจ  แต่คือครั้งนี้โจไม่รอไง โจไปเข้าห้องเรียนเลย  พอป๊อนซ์ทำธุระเสร็จ ป๊อนซ์ก็เดินมาเข้าห้องเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลย อารมณ์ประมาณว่างอนกันอะไรประมาณนั้น แล้วพอจบคาบแรกก็ต้องไปเรียนคาบสองที่ห้องอื่น(โรงเรียนคนเขียนไม่ได้นั่งเรียนเป็นห้องประจำน่ะ) ป๊อนซ์ก็ลุกไปแบบไม่พูอะไรสักคำ ไม่รอโจด้วย แต่พอหมดคาบสามและกำลังจะออกจากห้อง ป๊อนซ์กำลังจะไปนั่นแหละแต่หันไปเห็นว่าโจหลับอยู่เลยหันไปปลุกแล้วรอเดินไปพร้อมกัน

แหมแบบว่าไอ้ที่งอนมาตอนแรกเนี่ยก็สูญเปล่าเลย แพ้ใจตัวเองตลอด  :-[

cr.moment น้องๆผู้น่ารัก o13

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
อูย ในที่สุดก็ได้หวานซะที
กดบวกปล่อยเป็ดในความพยายามเล่นกีตาร์ด้วยมือข้างเดียว
ท่าจะเทพมากๆ
โมเม้นต์ตัวสีแดงมีอีกเปล่า
เข้ามาอ่านตัวสีแดงโดยเฉพาะนะนี่
555 สนุกมาก
ขอบคุณ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ว่าแล้วโจต้องใจอ่อนสู้ละกันนะ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ว่าแล้วโจต้องใจอ่อนสู้ละกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Singleman

  • บุคคลทั่วไป
นี่แหละน้อ คนรักกัน ก็ต้องให้อภัยกัน สู้ๆๆต่อไป อุปสรรค มันเป็นตัวพิสูจน์ความรักนะจ้า

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 12



[Pontz x Joe]



[Joe]



“อืมมมม” ผมร้องขึ้นอย่างขัดใจเมื่อมีอะไรบางอย่างมาขัดจังหวะการนอนของผม

“อื้มมม” ผมร้องครางเล็กๆเมื่อมีอะไรสักอย่างกำลังพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในปากของผม

ผมเผยอริมฝีปากออกนิดหน่อยเพื่อจะหาอากาศแต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้สิ่งแปลกปลอมนั้นล่วงล้ำเข้ามาง่ายขึ้น

“อื้มมมมม” ผมเริ่มจะขาดอากาศหายใจจริงๆแล้วนะ และนั่นก็ทำให้สติของผมกลับมาครบถ้วน 

ผมพยายามที่จะออกแรงผลักคนด้านบนให้ออกไป  เอ๊ะ คนด้านบนงั้นเหรอ  ไอ้เชี่ยป๊อนซ์!!!!!!

ผมรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและสิ่งแรกที่เห็นเลยก็งหนีไม่พ้นหน้าของไอ้คนหน้าด้านที่กำลังจะพยายามลักหลับผมอยู่เนี่ย

“แฮ่กๆๆ  ออกไปเลยเชี่ยป๊อนซ์ ไอ้หื่น” ผมรีบตะโกนด่ามันทันทีที่ผลักมันออกได้

“ฮ่าๆๆๆ” ไม่ได้มีความรู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียวปรากฏบนใบหน้ามันเลย  ให้ตายเหอะ  จะหน้าด้านไปไหนห๊ะ???

“ทำไมมึงหื่นแบบนี้วะ” ผมถามแล้วเงยหน้าจ้องไปที่หน้ามันแต่ก็ต้องก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่มันส่งมาให้  มันทำตา
เยิ้มๆแถมยังเลียริมฝีปากช้าๆ  อ๊ากกกกกก  มึงต้องการอะไรจากกูวะ

แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงประตูที่เปิดออกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าใครจะเป็นคนที่เดินเข้ามา

“ไฮ มายเฟรนด์ เมื่อคืนเป็นไงบ้าง” เสียงไอ้ภูมิดังมาก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามาให้เห็น

“อู้วววววว  ไม่ธรรมดาแฮะ” มันส่งเสียงแปลกๆออกมาหลังจากมองมาที่ผม

“มีไรวะ    อั๊ยย๊ะ เพื่อนกูร้อนแรงไม่เบา” ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อไอ้ลิ้มที่เดินเข้ามาทีหลังทำหน้าแบบเดียวกับที่ไอ้ภูมิทำ

“หึๆ” ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเบาๆ แถมยังทำหน้าประมาณว่ากูมันเหนือชั้นอะไรประมาณนั้น

“เป็นไงกันบ้าง  อื้อหือแม่งง พวกมึงช่วยทำตัวให้มันเรียบร้อยก่อนที่เพื่อนๆจะมาถึงไม่ได้รึไง” ไอ้พีเจที่เดินตามเข้ามาอีกคนก็พูด
อะไรแปลกๆออกมาเหมือนกัน  อะไรของพวกมึงวะเนี่ย  กูไม่เรียบร้อยตรงไหน???

ไอ้พีเจเห็นว่าผมทำหน้างงๆใส่เลยชี้นิ้วมาที่ตัวของผม

ทันทีที่ผมก้มลงมองตัวเองผมก็แทบจะช็อค   พระเจ้า!!!!!!  ทำไมกูอยู่ในสภาพนี้วะเนี่ย

เสื้อเชิ้ตสีชมพูที่ใส่อยู่นี่คือแทบจะไม่มีกระดุมเม็ดไหนอยู่ในรางกระดุมเลย แถมตามตัวนี่คือแดงเป็นปื้นเลย  ส่วนกางเกงก็ไม่ต้องพูดถึงกางเกงบอลสีขาวที่ยาวประมาณเข่าตอนนี้มันร่นมาอยู่ล่างเอวผมไปคืบนึงเห็นจะได้   แม่งงงง  ไอ้ป๊อนซ์!!!!!!!!!

“เชี่ย!!!!!!” ผมสบถออกมาเสียงดังก่อนจะรีบติดกระดุมจนครบพร้อมกับดึงกางเกงที่ร่นขึ้นมาให้ลงไปอยู่ที่เดิม  ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงเถือกปานเอาน้ำแดงมาสาดแน่นอนเลย

“ไงพวกมึงตื่นเช้าดีนะ” ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มล้อเลียนผมก่อนจะหันไปทักทายไอ้ 3 คนที่เพิ่งจะมาอีกที

“เออดิ กูกลับไปก็แม่งนอนไม่ค่อยจะหลับแล้ว” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับเบะปากอย่างเซ็งๆ

“เอ่อ  แล้วไอ้ไปป์กับน้องพลัสอ่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากมองไปจนทั่วแล้วก็สังเกตได้ว่าไม่มี 2 คนนี้

“อ๋ออ ไม่ต้องห่วงหรอก ป่านนี้ไม่รู้จะตื่นกันรึยัง ไอ้ไปป์แม่งอึด” หน้าของผมร้อนวูบวาบจนต้องก้มลงเพื่อจะปิดบังใบหน้าของตัว
เอง  แม่งพูดไรไม่อายปากเลยไอ้สัดภูมิ

“หึๆ ไอ้ไปป์แม่งเจ๋งว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดยกย่องไอ้ไปป์  มันเป็นเรื่องน่ายินดีเหรอไอ้สัด  ผมสงสารน้อง
พลัสชิบหาย

“มึงยังไม่ได้ไอ้โจล่ะสิ ถึงได้ทำหน้าอิจฉาไอ้ไปป์ขนาดนั้น” อื้อหือพีเจ  กูขอสั่งให้มึงเลิกยุ่งกับไอ้ภูมิได้แล้วนะ  แม่งเมื่อก่อนมึง
ไม่ใช่คนแบบนี้

“อืม กูความอดทนสูงว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดกับไอ้พีเจก่อนจะหันมาส่งยิ้มบางๆให้ผม  มึงอย่าทำหน้างั้นดิ  กูรู้สึกผิด

“เออ แล้วนี่มึงไปเอาเฝือกออกตอนไหนว่ะป๊อนซ์” เออใช่ ไอ้ป๊อนซ์เอาเฝือกออกจริงๆด้วย นี่ถ้าพีเจไม่พูดขึ้นมาผมก็คงไม่ได้
สังเกตเลยนะเนี่ย

“เมื่อเช้านี่เองอ่ะ ก็โอเคแล้วนะ น่าจะเล่นบาสได้แล้ว” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วเหวี่ยงมือไปมาเป็นการโชว์

“หยุดเลยนะ  ถ้ามึงต้องเข้าโรง’บาลอีกรอบกูจะไม่มาด้วยคอยดู” ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าไอ้ป๊อนซ์เป็นเชิงขู่

“โอเค ครับๆไม่เล่นก็ได้แต่ขอไปดูไอ้พวกนี้เล่นนะ”

“อืมม”

“เหยดดดดด  ไอ้ป๊อนซ์กลัวเมียชิบหาย” ไอ้ลิ้มพูดล้ออกมาขำๆ

“ก็กูรักของกูอ่ะ ขัดใจไปแล้วถ้างอนกูอีก กูไม่ต้องง้อกันตายเลยรึไงวะ”ไอ้ป๊อนซ์พูดเสร็จก็ทำแก้มป่องๆแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ 
คิดว่าน่ารักเหรอ  เออ น่ารักมากกกก

ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยต้องจิ้มแก้มมันไปเบาๆสองสามที  มันเลยยื่นมือมาหยิกที่จมูกผมเบาๆ

“โอ๊ยยยยย  เห็นหัวกูหน่อย  แม่งกูว่ากูหาสักคนดีกว่า” ไอ้ลิ้มพูดประชดขึ้นมา

“หญิงหรือชาย” ไอ้พีเจหันไปถามยิ้มๆ

“หญิงดิ แม่ง  ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างกูเหมาะกับผู้หญิงเท่านั้นเว้ยย” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับลูบคางตัวเองเบาๆ  แม่งแต่ก็นะมัน
หน้าตาดีจริงๆอย่างมันว่านั่นแหละ  หน้าประมาณว่ามาเฟียจีนอะไรเงี้ย

“แล้วกูจะคอยดู” ไอ้พีเจพูดแล้วยิ้มนิดๆ

“เออ พวกกูกลับก่อนดีกว่าว่ะ ว่าจะกลับไปซ้อมดนตรีขึ้นเล่นงานชาวหอหน่อย” ไอ้ภูมิพูดขึ้นมาหลังจากก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“เออว่ะ ใช่ๆ ไอ้โจนี่เสื้อผ้ามึง กูรวบๆมาหมดตู้มึงเลย นี่อยู่ได้เป็นเดือนเลยนะสัด” ไอ้ลิ้มพูดก่อนจะโยนกระเป๋าผ้ามาทางผม

“มึงเอามาทำเตี่ยไรหนักหนาวะ พรุ่งนี้ไอ้ป๊อนซ์ก็ออกจากโรง’บาลได้แล้ว” ผมตะโกนด่าไล่หลังไอ้ลิ้มออกไปแต่มันน่าจะไม่ได้ยิน
แล้วเพราะแม่งวิ่งออกไปโคตรเร็ว

“เอาล่ะทีนี้ก็เหลือกันอยู่แค่ 2 คนแล้วสินะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดเสียงกระเส่านิดๆก่อนจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ  ไอ้ป๊อนซ์แม่งเปลี่ยนไป 
เอาไอ้ป๊อนซ์คนเดิมคืนมา!!!!!!!

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ” ผมชี้ไปที่หน้ามันแล้วมันก็ชะงักกึกทันที

“ถ้ามึงยังทำรุ่มร่ามกับกูอีกกูจะโกรธมึงอีกรอบจริงๆด้วย” ผมพูดขู่พร้อมกับจ้องหน้าไอ้ป๊อนซ์ตาเขม็ง

“คร้าบบบบบ  ป๊อนซ์ก็แค่ล้อเล่นเอง ดื้ออย่าโกรธสิครับ” ป๊อนซ์พูดแล้วส่งสายตาวิ้งค์ๆมาให้ผม  มึงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆด้วยป๊อนซ์!!!!!!



ผมกับไอ้ป๊อนซ์นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้องพักในโรง’บาลจนเริ่มจะเบื่อแล้ว  เพราะตอนนี้มันไม่รู้จะทำอะไรดีอ่ะ โทรทัศน์ก็ไม่มีรายการที่ชอบ หนังสือการ์ตูนก็ไม่มีให้อ่านตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือหายใจทิ้งๆขว้างๆแล้วก็พลิกไปพลิกมาบนโซฟา เฮ้ออออ
ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นรอบที่ร้อย    เล่นครบแม่งทุกแอปที่โหลดมาแล้วด้วย โอ๊ยยยยยยยยย  เบื่ออออ

ตึ่ง ตึ้ง

เสียงเตือนไลน์ข้าวของเครื่องผมดังขึ้น

“ใคร?” ไอ้ป๊อนซ์ถามเสียงเข้ม

“ไม่รู้ดิ ดูแป๊ป” ผมตอบไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเปิดไลน์ดูว่าเป็นใคร

-P’Best-

ตายห่าแล้ว จะบอกไงดีวะ  แต่เท่าที่จำได้ผมไม่เคยให้ไลน์พี่เค้านี่  อ๋ออออ  มีแกมีเบอร์ผมนี่หน่า  โอ๊ยยย  ถึงคราวซวยแล้วไอ้โจ

“ใคร?” มาอีกแล้วครับ แม่งอย่าถามสั้นเกินได้ป่ะ คิดคำตอบไม่ทัน YY

“เอ่ออ  พี่เค้าน่ะ” ผมหันไปฉีกยิ้มตอบไอ้ป๊อนซ์หวังว่าจะให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“ชื่อ??” แงๆๆ  กดดันนะเว้ยยยย

“เอ่อออ คือ..” ผมยังไม่ทันจะอ้ำอึ้งเสร็จไอ้ป๊อนซ์ก็ลงจากเตียงแล้วตรงดิ่งมาหาผมทันที

มันดึงไอโฟนไปจากมือผมก่อนจะมองหน้าจอแล้วหันมามองหน้าด้วยสายตาอาฆาต

“คือ กู ไม่ได้..”

“มึงคุยไลน์กับมันด้วยเหรอ” เสียงเหมือนจะเรียบๆกว่าเดิมแต่มันชวนให้ขนลุกยังไงก็ไม่รู้  เอาเสียงตะคอกแบบเดิมดีกว่า~

“ไม่เคยคุยเลยนะ” ผมส่ายหัวไปมาอย่างแรงพร้อมกับละล่ำละลักตอบมันไป

“....”ป๊อนซ์เงียบไปพร้อมเลื่อนหน้าจอไอโฟนของผมขึ้นๆลงๆ  มันคงจะเช็คอยู่ละมั้ง

“เปลี่ยนเบอร์” มันพูดสั้นๆไม่มีประธานให้กูหน่อยเหรอไอ้สัด  กูจะรู้มั้ยว่าใครจะเปลี่ยนเบอร์อ่ะ

“หืมมม” ผมส่งเสียงสงสัยออกไป

“กูบอกให้มึงเปลี่ยนเบอร์” มันพูดเน้นทีละคำ  อืมมม ครั้งนี้ชัดมากเลยพ่อคุณ

“แล้ว เพื่อนเก่ากูอ่ะ” ผมพยายามที่จะหาเหตุผลมาเพื่อให้มันเปลี่ยนใจ

“งั้นก็แลกเครื่องกันใช้ไปเลย” มันพูดแล้วหันหลังเดินไปที่เตียงแล้วหยิบไอโฟนของมันโยนมาให้ผม

“เอ่อออ...” อึ้งแดกครับ อะไรวะเนี่ยยยยย   the new Pontz แม่งไฉไลกว่า the new ipad อีก ไอ้สัดเอ๊ยยยยยย

ตึ่ง ตึ้ง

โอ๊ยยยย  ทำไมต้องมาทักไลน์กูตอนโดนยึดโทรศัพท์ไปแล้วด้วยวะ

“แม่งเยอะนะโจ  มีทั้งหญิงทั้งชายเลย” ป๊อนซ์พูดเสียงเย็นๆก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ฮี่ๆๆๆๆ  หึงอ่ะดิ” ผมพูดกวนมันไปเพื่อให้บรรยากาศในห้องมันดีขึ้น

“เออ” โอ้โห ชัดครับพี่ครับ  ขอบพระคุณสำหรับคำตอบ



“แม่งงง เบื่อ” ไอ้ป๊อนซ์ที่เงียบไปนานหลังจากเกิดศึกไลน์ขึ้นก็ตะโกนขึ้นมาก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้อง

“ไปไหน” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วตะโกนถามไอ้ป๊อนซ์ที่เดินไปถึงประตูแล้ว

“เดี๋ยวมา แป๊ปเดียว” มันโผล่หน้ากลับมาให้ผมเห็นก่อนจะตอบคำถาม

ผ่านไปสัก 10 นาที ผมก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

“เก็บของเลยดื้อ” มันพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบไอโฟนที่เพิ่งจะยึดไปจากผมได้ขึ้นมาเล่น

“ของอะไร” ผมถามออกไปแบบอึนๆ  อะไรของมันอีกเนี่ย อยู่ๆก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่าให้เก็บของ

“ก็ของทุกอย่างที่เป็นของเราในห้องเนี่ย” มันพูดพร้อมกับชี้ลงบนพื้นห้อง

“อ้าว แล้วมึงออกจากโรง’บาลพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”

“กูไปขอหมอให้ออกวันนี้ แล้วเค้าก็ให้กูออก” มันพูดทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากไอโฟนเลย

“ทำได้ไงวะ” บ้ารึเปล่า มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แค่เดินเข้าไปบอกหมอว่า ผมจะออกจากโรง’บาล หมอเค้าก็คงจะไม่  เชิญครับ
คุณ วันหลังกลับมาใช้บริการใหม่นะครับ  อะไรแบบนี้หรอกนะ

“หมอเค้าก็บอกว่าอยากให้กูอยู่ดูอาการต่ออีกวัน  แต่กูบอกว่ากูหายแล้ว หมอเค้าไม่เชื่อกูเลย เอาเอาเวทในห้องหมอมายกโชว์
ซะเลย” โอ้โห ไอ้เหี้ยยยยย  อะไรของมึงวะเนี่ยย  กูละเพลียกับมึงเหลือเกิน


หลังจากเก็บของเสร็จป๊อนซ์ก็พาผมเดินลงมายังลานจอดรถทันทีเพราะมันบอกว่าเมื่อกี๊หลังจากที่มันขอออกจากโรง’บาลก่อนกำหนด มันก็โทรบอกที่บ้านให้มาเคลียร์ค่าห้องพร้อมกับเอารถมาจอดให้มันด้วย แต่ผมไม่ให้มันขับหรอก เพิ่งหายแบบนี้เดี๋ยวก็คงได้พากันเข้าโรง’บาลอีกรอบ

“เอากุญแจมาป๊อนซ์ เดี๋ยวกูขับเอง” หลังจากเอาของเก็บในรถเสร็จ (วันนี้มันเอา camry มา) ผมก็แบมือขอกุญแจจากมัน

“กูขับเอง” ป๊อนซ์พูดแล้วเดินอ้อมรถมาเปิดประตูข้างนขับให้ผมเข้าไปนั่ง

“กูจะขับ มึงเพิ่งจะหายนะ” ผมพูดแล้วพยายามจะแย่งกุญแจมา

“ดื้อ อย่าดื้อได้มั้ยเข้าไปนั่งดีๆเลย” ป๊อนซ์พูดเสียงเรียบแสดงให้เห็นถึงความอดทนที่ใกล้จะหมดลงเต็มที

“ไม่!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะพยายามเขย่งขึ้นเพื่อจะเอาไหล่ชนไหล่มัน

“หึ” ป๊อนซ์ยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะค่อยๆก้มลงมาจนผมมองเห็นหน้ามันแบบเบลอๆ

ผมเดินถอยหลังไปได้แค่นิดเดียวก็ชนกับรถที่จอดอยู่  แล้วตอนนี้ผมก็รู้ชะตากรรมของตัวเองดี ผมเลยปิดตาปี๋เลย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยย

“ลืมตาได้แล้ว” เสียงนุ่มๆของป๊อนซ์ดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ผมเลยลืมตาขึ้นๆนิดๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อผมเข้ามานั่งที่ข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว เฮ้ยยย  นี่กูเข้ามาตอนไหนวะ

“หึๆ ทำหน้าแบบนั้นทำไมน่ะ” ไอ้ป๊อนซ์มองผมแบบยิ้มๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“แม่งง ไม่ต้องถามเลย ไม่หายดียังจะขับรถอีก” ผมนั่งบ่นงุบงิบเบาๆคนเดียว

“ป๊อนซ์หายดีแล้วว  แต่ตอนนี้ป๊อนซ์ว่าดื้อดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายนะ นี่ไงหน้าร้อนๆด้วย” ป๊อนซ์พูดล้อๆแล้วยื่นมือมาแตะที่หน้าผมเบาๆ

“ไม่ต้องเลยยย   โกรธมึงแล้ววว” ผมหันไปชูนิ้วโป้งไปให้แล้วนั่งหันหลังให้มันทันที  แม่งมองหญ้าข้างทางยังดีกว่ามองหน้ามึง
อีกไอ้ป๊อนซ์  แม่งคนฉวยโอกาส  แต่เอ๊ะ   มันยังไม่ได้ทำอะไรกูเลยนี่หว่า เออนั่นแหละ ไม่รู้อ่ะ  สรุปคือว่า มันเลววววว!!!!!!!



“ลงได้แล้วครับ ถึงบ้านแล้ว” ไอ้ป๊อนซ์พูดเสียงหวาน  ไม่ทันแล้วมึง   กูโกรธมึงอยู่

“....” ผมเปิดประตูแล้วเดินลงช้าๆ อ้าววว นี่บ้านไอ้ป๊อนซ์นี่หว่า  นี่กูนั่งมาแบบไม่ได้ดูข้างทางเลยใช่มั้ย  ถ้ามันเอากูไปขายนี่กูไม่
ตายเลยรึไงวะ

“เข้าบ้านเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์เดินมาโอบเอวผมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเดินพาผมเข้าบ้าน 

แต่เดี๋ยวนะ นี่พ่อแม่มันจะโกรธผมมั้ยนะที่ผมเป็นสาเหตุให้ลูกชายเค้าต้องเจ็บตัว  ตายห่า ผมควรทำไงดีวะ ชิบหายๆๆๆๆๆ

“ยีหัวตัวเองทำไมเนี่ยดื้อ คิดไรอยู่ครับ” ไม่ต้องมาพูดดีเลย ผมเอามือที่กำลังยีหัวตัวเองลงแล้วเปลี่ยนเป็นกอดอกแทน

“อ้าวป๊อนซ์มาแล้วเหรอลูก” แม่ไอ้ป๊อนซ์เดินยิ้มออกมาจากในห้องครัว

“ครับม๊า” ป๊อนซ์ปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปกอดแม่มันช้าๆ

“หายดีแล้วยังเนี่ย”

“หายแล้วครับ ไม่เชื่อถามโจดู” เอ่ออ  อย่าเพิ่งโยงมาหากูได้มั้ย กูไม่พร้อมจะพูดกะแม่มึงนะ

“อ้าวหนูโจ  เป็นไงบ้าง ไม่แวะมาที่บ้านเลย”  จะให้แวะมายังไงละครับ  ก็ทะเลาะกันอยู่อ่ะ

“เอ่ออ  คือ..” เอาไงดีวะโจตอบว่าอะไรดี  ประหม่าไปหมดแล้วเนี่ยตอนนี้

“อ้าวววว  กลับกันมาแล้วเหรอ  อ๊ะ นั่นกอดเมียกูอีกแล้ว” พ่อไอ้ป๊อนซ์เดินเข้าไปเอาแขนไอ้ป๊อนซ์ออกก่อนจะไล่ให้กลับมาหา
ผม

“ไปกอดเมียมึงโน่น” พ่อกอดแม่ก่อนจะพูดบุ้ยปากให้มาทางผม

“คุณสันติ ทำไมชอบพูดหยาบกับลูกละค่ะ” แม่ไอ้ป๊อนซ์หันหลังไปดุพ่อไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“คุณก็ดูมันดิ  กวนตีนอ่ะ” ยังครับ  พอเถอะครับพ่อ  จะทะเลาะกับแม่เอาเปล่าๆ

“มานี่เลย  ฉันต้องพูดเรื่องนี้กับคุณกี่ครั้งคุณถึงจะรู้เรื่อง คุณนี่มัน@##%%^@$#” แล้วแม่ไอ้ป๊อนซ์ก็เดินลากหูพ่อมันขึ้นไปด้านบน โดยที่ตลอดทางก็จะมีเสียงโอดครวญปนกับเสียงด่าดังมาเป็นระยะๆ

“เฮ้อออออ  ขึ้นไปบนห้องกันเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะดันหลังผมให้เดินขึ้นไปบนห้องมัน   

“.....” แต่ผมยืนนิ่งครับ  ไม่ยอมกระดุกกระดิกไปไหนเลย

“หายงอนได้แล้วววว  ป๊อนซ์ขอโทษ เอาเป็นว่าจะไม่ทำอีกจนกว่าดื้อจะขอโอเคมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอียงคอลงมามองหน้า
ผม  จนกว่ากูจะของั้นเหรอ  ฝันไปเถอะไอ้ป๊อนซ์

แล้วผมก็ผลักมันออกก่อนจะวิ่งหนีขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว  และเมื่อมาถึงห้องผมก็ล็อคประตูทันที

“เฮ้อออออ” ผมยืนหันหลังพิงประตูเพื่อพักหายเหนื่อย  แต่ก็ต้องก้มลงมองที่พื้นเมื่อมีอะไรนุ่มๆมากระโดดดึ๋งๆอยู่ข้างๆเท้า

“อ๊ากกกกกก”  น่ารักอ่า   น่ารักมากมายยยยยยย

กระต่ายครับ  กระต่ายตัวเป็นๆเลย ตัวสีขาวๆอ้วนๆ ตาใสๆแบ๊วๆเลยอ่ะ กรี๊ดดดเลยนะเนี่ยยยยยยย

ผมก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอดเล่น  อ๊ากกกกก  ขนก็นุ๊มนุ่มมมม   หอมด้วยยยย  อาบน้ำบ่อยล่ะสิเรา  แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อที่ขาหน้าข้างซ้ายของมันมีแหวนแขวนอยู่

เอ๊ะ  มันทะแม่งๆนะ

ด้วยความสงสัยผมจึงตัดสินใจจะอุ้มไอ้ขนปุยนี่ลงไปถามเจ้าของห้องด้านล่าง  แต่แค่ผมเปิดประตูออกผมก็ต้องผงะเมื่อไอ้
เจ้าของห้องมันยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เอ่อออ  ของมึงเหรอ” ผมเงยหน้าถามไอ้ป๊อนซ์  แต่ป๊อนซ์กลับยิ้มให้นิดๆพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“อ้าววว  แล้วมันเข้ามาอยู่ในห้องมึงได้ไงอ่ะ”

“ซื้อมา” อ้าววววว  กวนตีนแล้วว

“อ้าวแล้วถ้าไม่ใช่ของมึงแล้วของใคร” ผมเงยหน้าขึ้นถามป๊อนซ์อีกครั้งในขณะที่มือก็ยังคงอุ้มไอ้อ้วน(เปลี่ยนชื่อเรียกบ่อยเหลือ
เกิน)ไว้ในมือ

“ของดื้อไง” ไอ้ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับชี้มาที่ผม

“ซื้อให้กูเหรอ”

“อืม” ไอ้ป๊อนซ์ตอบกลับมาเบาๆ  แต่ผมนี่โคตรจะดีใจเลย

“ทำไมถามถึงแต่ไอ้นี่อ่ะ  ไม่เห็นถามถึงแหวนเลย”  ไอ้ป๊อนซ์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมไม่ถามถึงเรื่องแหวน

“เออใช่  ของใครอ่ะ” ผมละสายตาจากไอ้อ้วนในมือก่อนจะหันไปมองหน้าป๊อนซ์

“ก็ของเจ้าของกระต่ายนั่นแหละ”

“เอ๊ะ” เจ้าของกระต่าย  เจ้าของกระต่ายก็ผมนี่ 

เอิ่มมมม  ผมรู้สึกเหมือนหน้าร้อนขึ้นมากะทันหันจนผมต้องมุดหน้าลงกับกระต่ายในมือ  อ๊ากกก ช่วยกูด้วยนะไอ้อ้วนนนนนนน

“อย่ามุดลงไปแบบนั้น เดี๋ยวขนเข้าจมูก” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วดึงไอ้อ้วนไปจากมือผม   อ๊ากกกตัวช่วยสุดท้ายของผม!!!!
ผมยังคงยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้นแต่ก็มีบ้างที่แอบเงยมองป๊อนซ์แต่ก็ต้องรีบหลบสายตาทันทีเพราะมันก็มองผมอยู่เหมือนกัน แถมยังยิ้มให้ด้วย  อย่ายิ้มได้มั้ยยยย

“เอามือมานี่” ไอ้ป๊อนซ์พูดออกมาหลังจากที่ยืนมองผมแบบยิ้มๆอยู่นาน  มันถอดแหวนออกจากขาของไอ้อ้วนแล้ววางมันลง

“.......” ผมก็ยื่นมือไปให้มันอย่างว่าง่าย (มึงมันง่ายโจ ฮ่าๆๆๆ)

ความรู้สึกเย็นไล่ตั้งแต่ปลายนิ้วจนสุดที่โคนนิ้ว  ผมรู้สึกตาพร่าเพราะน้ำตาขึ้นมากะทันหัน แต่ผมก็ต้องรีบเช็ดออกเพื่อที่จะได้มอง
หน้าคนที่สวมมันให้ผมชัดๆ

“ห้ามถอดนะดื้อ  ให้มันอยู่กับมึงตลอดเวลา” ป๊อนซ์พูดแล้วก้มลงจูบซับน้ำตาให้ผม ก่อนจะค่อยๆไล่ลงมาวนอยู่ที่แก้มแล้วจบลง
ที่ปากของผม

สัมผัสที่ป๊อนซ์มอบให้นั้นค่อยๆเริ่มจากแผ่วเบาชวนหลงใหลจนกลายเป็นร้อนแรงจนผมแทบจะละลาย  ป๊อนซ์สอดมือเข้ามาใน
เสื้อของผมแล้วเริ่มจะลูบไล้จนผมถึงกับสะท้านไปทั้งตัว

ป๊อนซ์คงจะรู้สึกได้ถึงอาการสั่นของตัวผม ป๊อนซ์จึงค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ่อยอิ่ง แล้วปล่อยให้ผมยืนหอบหายใจอยู่กับผนัง  โอ๊ยยยยย    เกือบตายไปแล้ว

“อย่ายั่วให้มันมากนักดิ เดี๋ยวก็ไม่ได้จบแค่นี้หรอก”  ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่แก้มผมเบาๆ

ดึ๋งๆๆๆ  แล้วไอ้กระต่ายอ้วนมันก็กระโดดขึ้นๆลงๆอยู่ที่เท้าของผมเพื่อต้องการจะเตือนว่า  พวกมึงไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนนะเว้ยยย

“อ้าววว  ลืมไปเลยว่าแม่งยังอยู่” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงอุ้มมันขึ้นมาอีกครั้ง

ในขณะที่ป๊อนซ์กำลังร่าเริงอยู่กับไอ้อ้วนนั่น มันก็ปล่อยให้ผมที่จิตหลุดอยู่ยืนพงผนังอย่างอ่อนแรง  ไอ้สาดดดดดดด

“ชื่ออะไรดีละเรา หึ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอาจมูกไปซุกที่พุงมันอย่างหมั่นเขี้ยว
ไอ้กระต่ายอ้วนโรคจิตนั่นก็ดูท่าทางจะชอบซะด้วย  ไม่ได้นะมึง คนนี้อ่ะของกู!!!!

“เอามานี่เลย” ผมดึงไอ้อ้วนโรคจิตนั่นมาอุ้มเอาไว้เองก่อนจะมองหน้ามันแบบดุๆ

“เป็นไรอีกเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้ว ซุกจมูกลงกับคอผมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเหมือนตอนที่ทำกับไอ้อ้วนโรคจิตนี่

“ป๊อนซ์พอก่อน จั๊กจี้นะ” ผมพยายามจะอุ้มกระต่ายไว้ในมือเดียวเพื่อที่อีกมือนึงนั้นจะได้ผลักหัวไอ้ป๊อนซ์ออก

“อ่ะ ตกลงจะให้ชื่ออะไรอ่ะ” อืมมม  จะให้ชื่ออะไรดีวะ......  อ๋อ  ชื่อนี่ไง!!!!

“โป”

“ห๊ะ??”

“กูบอกว่าจะให้มันชื่อโป” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองป๊อนซ์ด้วยสีหน้าแน่วแน่

“โอเคๆ โปก็โป แต่คือป๊อนซ์ว่ามันดูประหลาดๆป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มแหยๆมาให้

“ไม่เห็นจะประหลาดเลย ก็ ป๊อน+โจ เท่ากับ โป ไง” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาเคืองๆไปให้  มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าประหลา
ดเนี่ยยย

“เฮ้ยยย  เซอร์ไพรส์นะเนี่ยย” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือทาบที่อก (ท่าจะแรดไปไหนลูก)

“เปลี่ยนก็ได้” ผมพูดออกไปแบบงอนๆพร้อมกับทำปากจู๋ๆ  แม่งกูอุตส่าห์คิด แม่งๆๆ

“ไม่ต้องเปลี่ยน  กูชอบ” ป๊อนซ์พูดแล้วยื่นหน้ามางับจมูกผมเบาๆ

“อ่ะ ไอ้ป๊อนซ์ มึงจะถึงเนื้อถึงตัวกูเกินไปแล้วนะ” ผมหันไปดุมันนิดๆ เพราะหลังจากที่กลับมาดีกับมันครั้งนี้ผมรู้สึกว่าผมจะโดน
กระทำบ่อยไปแล้วนะ

“บ้านี่กูยังไม่ถึงเนื้อถึงตัวมึงเลยนะ กูก็แค่ถึงแขนถึงคอ ถึงจมูกแล้วกูถึง..”

“หยุด” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปปิดปากมัน เพราะว่าเมื่อกี๊ที่มันพูดไล่ทีละอย่างนี่คือ นิ้วมันก็จะชี้ไล่ไปตามสิ่งที่มันพูดด้วย
แล้วสุดท้ายนิ้วมันก็มาหยุดลงที่ปากผม แม่งไอ้ป๊อนซ์  ไอ้หื่นนนนนนน

“หึๆ ไม่แกล้งแล้วดีกว่า  เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดแป๊ปนึง” ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้า

“เอ๊ะ  เปลี่ยนเสื้อไปไหนอ่ะ” ผมหันไปมองป๊อนซ์ที่ถอดเสื้อออกอย่างรวดเร้วจนเหลือแค่แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีสะเก็ดแผลนิด
หน่อยให้ผมเห็น 

“ไปเล่นบาสกับไอ้ลิ้ม ไอ้ไปป์แล้วก็พีเจด้วยมั้ง  อ๋อๆไอ้ภูมิด้วย” ป๊อนซ์พูดในขณะที่กำลังใส่เสื้อบาสอยู่

“มึงเพิ่งจะหาย” ผมพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังนั้นไปด้วย

“เล่นกันเอง เล่นเบาๆอ่ะ แบบว่าออกกำลังกาย” ป๊อนซ์พูดแล้วถอดเดฟสีดำที่ใส่อยู่ออกทำให้ผมต้องหันหน้าไปอีกทางนึง  โอ๊ย
ยยย  แม่งมียางอายบ้างเหอะป๊อนซ์

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาเพราะว่าโคตรจะเหนื่อยใจในความดื้อของมัน ผมว่าผมสมควรจะเรียกมันว่าดื้อมากกว่านะ

“ไม่ต้องห่วงหรอก  ดื้อก็ไป ถ้าป๊อนซ์เป็นอะไรดื้อก็ค่อยพาป๊อนซ์ไปโรง’บาลดิ” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นมาให้ผม

“เออๆ  แล้วไอ้อ้วนโปนี่อ่ะ” ผมถามป๊อนซ์พร้อมกับยกกระต่ายในมือขึ้นมา

“พาไปด้วยดิ  นั่นอ่ะกรงมันอยู่หัวเตียงอ่ะ” ผมมองตามนิ้วไอ้ป๊อนซ์ไปก็พบกับกรงสีชมพู?? ที่ตกแต่งด้วยสติ้กเกอร์รูปแครอทและรูปน่ารักๆอื่นๆอีกมากมาย

“โอ้โหน่ารักอ่ะ”  ผมพูดพลางใส่ไอ้โปลงไปในกรง

“ใช่ป่ะ  กูทำเองเลยนะนั่นอ่ะ” ป๊อนซ์วางมือจากของที่จัดอยู่มามองที่ผมพร้อมกับส่งสายตาที่โคตรจะภูมิใจมาให้

“เหอะๆ  ไปกันได้แล้ว”

“ครับๆ” ป๊อนซ์รับคำแล้วรีบยัดบรรดาขวดน้ำ ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว และอะไรต่อมิอะไรของมันอีกมากมายก่อนจะเดินตามหลังผมออก
มาจากห้องอย่างรวดเร็ว

มีต่อด้านล่างนะคะ>>>>>>

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

“ดื้อ  ดื้อครับ ถึงแล้ว” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงมาออกแรงเขย่าตัวผมเบาๆ ผมลืมตาขึ้นมองแล้วก็เห็นว่าที่คอมันใส่สร้อยที่ห้อยแหวนแบบเดียวกับที่ให้ผมเลย  แอบเขินนะเนี่ย><///

“อืมมมมม” ง่วงอ่ะ ทำไมนั่งรถมันแล้วหลับบ่อยจัง  ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ตาแรงๆ

“อย่าขยี้แบบนั้นดิ  เดี๋ยวก็เจ็บตาหรอก” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วจับมือผมไว้  ผมเลยก้มหน้าลงถูๆกับเสื้อที่พุงมันแทน

“ฮ่าๆๆๆ  อย่าอ้อนดิ ไหนดูสิหมดหล่อเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาจัดทรงผมให้ผมเบาๆ

“อื้อออ ป๊อนซ์ ง่วงอ่ะ” ผมรู้สึกเหมือนตามันเปิดไม่ขึ้นเลยอ่า 

“จะนอนในรถมั้ย เดี๋ยวป๊อนซ์เปิดแอร์ไว้ให้” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่เอาๆ เดี๋ยวโลกร้อน” ผมบอกก่อนจะหันไปจิกตาใส่ป๊อนซ์  แม่ง รวยน่ะกูรู้ ชิชะ

ผมเดินมึนๆอุ้มกรงไอ้โปลงมาจากรถแล้วเดินตามหลังป๊อนซ์ไปแบบจะหลับแหล่ไม่แหล่

“อ้าว น้องพลัส” ผมทักขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องพลัสนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆสนามบาสอยู่คนเดียวโดยที่บนโต๊ะมีของเยอะมากๆ 
แม่งพวกชั่ว  ทิ้งให้น้องเค้านั่งคนเดียวได้ไงวะ นิสัยไม่ดีอ่ะ

“พี่โจ หวัดดีครับ” พลัสเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มกว้างออกมา

“ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ” ผมพูดแล้ววางกรงโปลงบนโต๊ะ

“พี่ไปป์ให้นั่งเฝ้าของให้อ่ะครับ” กูว่าแล้ว  แม่ง!!!!!

“เออพลัส”

“ครับ”

“ร้อนจะตายแล้ว ทำไมถึงใส่เสื้อแขนยาวแบบนี้อ่ะ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะขนาดว่าผมใส่เสื้อแขนสั้นแบบโปร่งๆ
มา ผมยังเหนียวตัวเลย

“เอ่ออ....คือ...” น้องพลัสดูอ้ำๆอึ้งๆก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา 

“หึๆ โจอย่าไปถามน้องเลย  นี่อ่ะ ป๊อนซ์ไปซื้อน้ำมาให้ นั่งเล่นกับพลัสไปนะ”

“อือๆ อย่าเล่นกันแรงๆนะ” ผมบอกป๊อนซ์แต่ไม่ได้หันไปมอง เพราะกำลังวุ่นอยู่กับการเอาไอ้อ้วนโปออกจากกรง

“อ๊ะ  กระต่ายนี่” น้องพลัสตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นไอ้โปกระโดดไปมาบนโต๊ะ

“ใช่ๆ น่ารักเนอะ”

“มากเลยอ่ะ พี่โจเอามาจากไหนอ่ะ”

“ป๊อนซ์ซื้อให้”

“อ๋อๆๆ  พลัสก็ชอบกระต่ายเหมือนกันนะ” น้องพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวโปเบาๆ

“ให้ไอ้ไปป์ซื้อให้ดิ”

“พี่ไปป์ไม่ซื้อให้หรอก พลัสเคยขอแล้วนะ พี่ไปป์บอกว่าแค่มีพลัสก็เป็นภาระพอแล้ว” พลัสพูดพร้อมกับส่งสายตาเศร้าๆมาให้ แต่
ปากน้องดันยิ้มเฉยเลย  เฮ้อออ ไปป์นะไปป์

“ช่างมันเหอะ  มาเล่นกะพี่ก็ได้”

“ครับ” พลัสยิ้มรับจนตาปิด  เหอะๆ  อย่ายิ้มอย่างนี้นะ เดี๋ยวก็กดซะเลย (ยังคิดจะกดคนอื่นอีกเหรอ)



“เชี่ยแล้วไอ้ลิ้ม!!!!!” เสียงตะโกนของไอ้พีเจที่ดังมาจากในสนามดังมากจนไอ้โปกลัวแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผมเลย

“อะไรน่ะ” น้องพลัสถามผม ผมก็ส่ายหัวตอบไปเพราะผมก็ไม่ร็เหมือนกัน เรา 2 คนเลยชวนกันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ผมยังต้องพยายามที่จะปลอบไม่ให้โปตัวสั่น

“เป็นไรวะป๊อนซ์” ผมถามป๊อนซ์ที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจมากก

“...” ป๊อนซ์ไม่ตอบแต่ชี้นิ้วไปทางข้างสนามอีกฟากนึง

ผมก็ชะเง้อมองคอมองตามนิ้วของไอ้ป๊อนซ์ไปแล้วถึงกับต้องปิดปาก  ไอ้สัดเลือดท่วมอ่ะ!!!!

ผมถามจากไอ้ป๊อนซ์ก็ได้ความว่าไอ้ลิ้มเป็นคนชู้ตลูกนั้นแต่มันดันไม่ลงแล้วเด้งกลับไปโดนน้องเค้า  ตายห่าแล้วลิ้ม  น้องเค้าแม่ง
ตัวโคตรเล็กเลยนะนั่น

“เอ่อ น้อง เอ่อ เป็นไงบ้าง” ไอ้ลิ้มเดินนำเข้าไปใกล้ๆโดยที่มีพวกผมเดินตามกันไปดู  ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นว่าเลือดเยอะมากก 
แล้วมึงยังจะถามเค้าอีกว่าเป็นอะไรมั้ย

“มะ ไม่เป็นไรครับ” น้องเค้าเหมือนจะกลัวพวกผมเลยรีบละล่ำละลักตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปัดตามเนื้อตามตัวที่ติดดิน  เอ่อ น้องครับกูอยากจะถามมากเลยว่ามึงไม่รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนหัวมึงเลยรึไงครับ

“ไม่เป็นไรได้ไงวะ มึงดูหัวมึงดิ” ไอ้พีเจรีบจับมือไอ้ลิ้มไว้เพื่อจะเป็นการระงับอารมณ์

“หะ หา หัวเหรอครับ” น้องเค้าทำหน้าตกใจไอ้ลิ้มนิดๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับที่หัวของตัวเอง

“เออดิ”

“ละ ละ เลือดด” พอเห็นเลือดปั๊ป น้องเค้าก็ล้มพับลงไปเลยครับ  โอ๊ยยย  ไม่น่าบอกเลยว่ะ

“เฮ้ยยย เชี่ยยยย” ไอ้ลิ้มถลาเข้าไปหาร่างของน้องเค้าอย่างรวดเร็วโดยรับไว้ได้พอดิบพอดีก่อนที่น้องเค้าจะหัวฟาดพื้นอีกรอบ

“เอาไงวะลิ้ม” ป๊อนซ์หันไปถามไอ้ลิ้มด้วยสีหน้าหวาดๆ  ทีอย่างนี้แล้วป๊อดนะมึง

“เอ่ออ  เดี๋ยวกูพาไปโรง’บาลก่อนแล้วกัน พวกมึงก็รอกูด้วยนะ”

“เออ”  พวกผมตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง  แม่งตัวนิดเดียวกูละกลัวเลือดน้องแกจะหมดตัวก่อนจะถึงโรง’บาลว่ะ

ไอ้ลิ้มมันพยายามจะประคองน้องแกแต่ด้วยความที่น้องแกสูงยังไม่ถึงไหล่ลิ้มเลยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้ดูทุลักทุเลแปลกๆ  ไอ้ลิ้มสูง 192 cm. แล้วน้องแกสูงแค่นั้นก็น่าจะประมาณ 155 ได้มั้ง แม่งเตี้ยไปนะ

หลังจากที่ลิ้มทนทุลักทุเลอยู่นานสุดท้ายมันก็ตัดสินใจอุ้มน้องเค้าขึ้นแล้วเดินตัวปลิวไปยังรถของมันเอง

“หึๆ” พีเจหัวเราะออกมาเบาๆ

“มึงหัวเราะอะไรวะพีเจ”

“เปล่า กูแค่กำลังคิดว่า ไอ้ลิ้มมันอาจจะกลืนน้ำลายตัวเอง”

“โอ๊ยยยยย  เห็นหัวกูหน่อย  แม่งกูว่ากูหาสักคนดีกว่า” ไอ้ลิ้มพูดประชดขึ้นมา

“หญิงหรือชาย” ไอ้พีเจหันไปถามยิ้มๆ

“หญิงดิ แม่ง  ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างกูเหมาะกับผู้หญิงเท่านั้นเว้ยย”



“อ๋ออออ หึๆ กูก็ว่างั้นว่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย

“ทำไมยิ้มแบบนั้นอ่ะดื้อ นี่กูงงนะ มึงช่วยพูดให้กูเข้าใจได้ป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์เริ่มจะโวยวายเมื่อไม่รู้ว่าผมกับพีเจกำลังสื่อสารอะไรกันอยู่

“ไม่รู้สักเรื่องได้ป่ะ”

“ดื้ออ่ะ กูงอน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทาง


โอ๊ยยยย  นี่ผมต้องไปง้อไอ้นี่อีกใช่มั้ยยยยย  เหนื่อยโว๊ยยยยยยยย


...............TBC..........................

ขอผิดสัญญานะที่ว่าจะหายไปอ่ะ  ขอมาอัพวันนี้เลยแล้วกันเนาะ  :z2:

เพราะว่าจะขอหายไปนานกว่าเดิมตอนนี้ก็เลยมาเร็วกว่าเดิมแล้วก็เยอะกว่าเดิม  o18

อย่าลืมเม้นต์ด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นจะไปแล้วไปลับซะเลย (แอบขู่)

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เฮ้อมาอีกคู่แล้ว ไปป์ซาดิสอะรุนแรงกับน้องไปรึเปล่า สงสารน้องบ้าง ป๊อนมาหมวดไหนว่ะ หื่นขั้นรุนแรง ลิ้มนี้ยังเดาทางไม่ถูกเหมือนจะหลงเมีย

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 450
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
กระต่ายแม้จะน่ารัก แต่มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่หื่นที่สุดเท่าที่เคยเจอ

ระวังเหมือนคนให้นะ  โจ :oo1: 

 :pig4: ผู้แต่งครับผม

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เจ้าโปน่ารักดีนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

kondee_tysut

  • บุคคลทั่วไป
ถึงคนเขียน ขอบอกว่า "ฉัน ฟิน โคตร" จุ๊บบบ !!!!  :impress2:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
*ขอชี้แจงนิดนึงนะคะ  คือว่าขอมีตอนSpecial Streetbas มาคั่นกอ่นเนื่องจากเหตุการณ์(บางส่วน)ในเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆเลย  คนเขียนเลยขอมาระบายความฟินกันให้อ่านนะคะ  และจะขอบอกว่าตอนนี้ไม่ยาวมากนะคะ สั้นจุ๊ดเลย^^


Special Street bas






[Pontz x Joe]



[Pontz]






“ป๊อนซ์ๆ!!!” เสียงของพี่นัทดังขึ้นเพื่อให้ผมส่งลูกไปให้

“รับ!!” ผมส่งลูกไปอย่างแรงแล้วพี่นัทก็พาเลี้ยงหลบฝ่ายตรงข้ามแล้วเลย์ออฟลงไปอย่าสวยงาม

“ขอเวลานอกแป๊ป มึงเป็นไรป่ะเนี่ย” พี่นัทขอเวลานอกก่อนจะเดินมาตบไหล่ผมสองสามทีเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเกินไปที่จะเป็นผม 

“ไม่มีไรหรอกพี่” ผมตอบพลางส่งยิ้มบางๆกลับไปให้พี่นัท

“อืมมมม” พี่นัทยังไม่ปล่อยมือจากไหล่ของผมพร้อมกับมองไปที่ด้านข้างของสนาม

“อ๋อออ  เมียไม่มา” พี่นัทพูดขึ้นมาเมื่อเจอคำตอบ  นั่นแหละครับไอ้เชี่ยโจมันไม่มาดูผมเล่น  แม่งเซ็งเหี้ยๆอ่ะ

“เล่นต่อเหอะพี่” ผมหันไปบอกพี่นัทแล้วเดินไปหยิบลูก

“เดี๋ยวๆ คือกูจะบอกว่ามึงอ่ะเปลี่ยนเสื้อหน่อยได้มั้ย ฝั่งโน้นแม่งก็เสื้อขาวแล้วมึงก็เสื้อขาวอีกบางทีกูก็สับสนว่ะ” พี่นัทพูดด้วย
สีหน้าเครียดขึ้นมาจากเมื่อกี๊นิดหน่อย

เปลี่ยนเสื้องั้นเหรอ  ดีเหมือนกันแม่งจะได้ไม่นอยด์แดกขนาดนี้   ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็วันนี้ผม “ใส่เสื้อเบอร์ 11” ใส่เสื้อที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับไอ้คนที่นอนสบายอยู่ที่หอโน่น ก็ตั้งแต่วันฟุตซอลประเพณีนั้นผมก็แม่งไม่ได้แตะมันเล้ยยย  เสื้อบาสครั้งนี้ก็เลยได้แค่เบอร์ 11 นี่แหละ YY

“เฮ้ย มึงอ่ะ” ผมเดินไปเรียกเด็กที่เดินอยู่ข้างสนาม

“ครับ” มันก็หยุดแล้วหันมามองหน้าผมแบบงงๆ

“กูขอยืมเสื้อมึงหน่อยดิ แล้วเดี๋ยวแข่งควอเตอร์นี่เสร็จแล้วก็ถอดคืน” ผมพูดอธิบายน้องแกไป น้องแกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผมก็เลยถอดเปลี่ยนมันตรงข้างสนามนั่นแหละ ครับ

“กรี๊ดดดดดดดดดดด  ขาวมากอ่ะแก” มาอีกแล้วครับเสียงนี่ (คุ้นๆว่าจะเป็นเสียงเดียวกับตอนที่แข่งฟุตซอล)

“ใช่ๆวันนี้พวกเราโคตรคุ้มเลยอ่ะ”

“เออ เมื่อกี๊เห็นน้องโจมายืนถอดเสื้อเปลือยท่อนบนโชว์ความขาวความบางกระแทกตาอยู่ที่ระเบียงแล้วนี่ยังจะมาเห็นน้องป๊อนซ์
เปลี่ยนเสื้ออีก วันนี้ฉันคงนอนไม่หลับอ่ะ” เอ๊ะเดี๋ยวนะ ไอ้โจมายืนถอดเสื้อที่ระเบียงหองั้นเหรอ  แม่งเกินไปแล้วนะ!!!!

ผมเดินกลับลงไปแข่งในสนามด้วยอารมณ์ที่โคตรจะขุ่นมัว  แม่งมึงกล้ามากนะโจที่ทำแบบนี้  นี่มึงคงจะไม่รู้ชะตากรรมหลังจากนี้
สินะมึงเลยได้กล้าทำเนี่ย

“โอ๊ยยย พี่ป๊อนซ์เท่ห์มว๊ากกเลยอ่ะค่า”

“พ่อมึงดิลิ้ม!!!!!” ผมตะโกนด่าไอ้ลิ้มกลับไปเมื่อหลังจากชู้ตลูกลงไปสำเร็จ แม่งมาเพื่อกวนสมาธิล้วนๆเลยไอ้เหี้ยนี่

“ฮ่าๆๆๆๆ” แน่ะหัวเราะรับอีกครับ  ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรืออะไรทั้งสิ้น

“ลิ้มนั่นมึงแข่งเสร็จแล้วใช่ป่ะ” ผมตะโกนไปหาไอ้ลิ้มทั้งๆที่ตัวผมเองกำลังจะพาลูกไปชู้ตอีกครั้ง

“เออ” คือไอ้ลิ้มมันก็แข่งนะครับ ทีมมันมีมัน ไอ้ไปป์แล้วก็น้องเค้าอีก 2 คน แม่งลิ้มแทบจะไม่ต้องกระโดดเลยอ่ะเวลาเล่น  เพราะ
แค่ยื่นมือแม่งก็ถึงห่วงแล้ว

“รอกูแปปดิ กูเหลืออีกไม่นาทีกว่าได้ละมั้ง”

“เออ” ไอ้ลิ้มรับคำก่อนจะเดินไปนั่งรอข้างสนาม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่นัท!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกเมื่อผมโดนบล็อกจากฝั่งตรงข้ามทำให้ชู้ตไม่ได้

“ส่งมา”

“รับ” ผมส่งลูกไปให้พี่นัท แล้วก็เป็นไปตามคาดแหละครับ พี่นัทชู้ตลงไปอย่างสวยงามอีกตามเคย

ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดยาวบ่งบอกถึงการจบลงของการแข่งขัน 

ผมเดินออกมาจากสนามทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีด  แม่งเตรียมตัวไว้ได้เลยโจ

“อ้าวเฮ้ยไอ้ป๊อนซ์  มึงไม่ฟังผลก่อนเหรอ” ตอนนี้กรรมการกำลังรวมแต้มอยู่ครับ ก็แม่งเล่นชู้ตกันเมามันส์ทั้ง 2 ฝ่ายขนาดนี้ก็คงไม่แปลกที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ

“ไม่อ่ะพี่ ผมรีบว่ะ” ผมหันไปบอกพี่นัท แล้วพี่ก็ยิ้มพร้อมกับทำปากอ๋อเข้าใจ

“ไปเหอะ เอาให้หนักเลยมึง”

“ครับ” ไม่ต้องยุผมก็เล่นหนักอยู่แล้วล่ะครับ หึๆ

“ไปไอ้ลิ้มไอ้ไปป์” ผมหันไปตะโกนเรียกอีก 2 คนที่นั่งรอผมอยู่ข้างสนาม

“ไปๆ  ไอ้ไปป์ลุกๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมใช่เวลาไม่ถึง 3 นาทีผมก็มายืนอยู่หน้าหอพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ใจเย็นไว้หน่อยนะมึง ไอ้โจมันขาว” ห๊ะ มึงต้องการจะสื่ออะไรวะ

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ก็กูอยากปลอบใจมึงแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี” แม่งคนดีเกิ๊นนนนน

“เออๆ ขอบใจเว้ย” ผมพูดแล้วกำลังจะเดินไปที่ประตูหอพัก  แต่ไอ้ไปป์ดันจับไหล่ไว้ซะก่อน

“ขาวจริงว่ะ” ไอ้ไปป์กระซิบที่ข้างหูของผมเบาๆ แล้วดันผมให้หันหลังกลับไปทางสนามฟุตซอลข้างหอ

เหยดเข้!!!!!!!!!!!!! ไอ้โจแม่งถอดเสื้อเล่นบอลอยู่ครับ  ไอ้สาดดด  แม่งกูว่ามึงใส่เดินที่ระเบียงนี่ก็เกินจะทนแล้วนะ แต่นี่แม่งถอดเสื้อแล้วมาเล่นฟุตซอลอยู่กับผู้ชายอีกเป็นฝูง เชี่ยโจ!!!!!!

“ไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะตายวันไหนแล้วว่ะ” ไอ้ลิ้มพูดออกมาเสียงแผ่วๆ พร้อมกับทำหน้าไว้อาลัย

“ไอ้โจ!!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกมันจนดังก้องไปทั่วบริเวณตรงนั้น

ความเงียบเข้ามาครอบคลุมพื้นที่ตรงนี้โดยทัยที กิจกรรมที่มีอยู่ทุกอย่างหยุดลงหมด ทุกๆคนในสนามก็นิ่งจนแทบจะไม่หายใจ

“ปะ ป๊อนซ์” เสียงโจฟังดูสั่นๆ 

“เสียงมึงอ่ะจะสั่นทำไมหา!!!!” ผมตะคอกใส่หน้าโจโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น

“คือ กู....” ไอ้โจยังคงเสียงสั่นอยู่ดี แต่ตอนนี้ผมโกรธมาก มากๆอ่ะ จนผมไม่อยากอยู่ใกล้มันเลย ผมกลัวผมจะพลั้งมือทำอะไร
มันลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“แม่ง!!!!!!!” ผมเดินไปข้างสนามแล้วหยิบเสื้อของมันที่ตั้งอยู่โยนไปปิดให้หัวแล้วเดินขึ้นหอไปทันที

“เฮ้ยไอ้ป๊อนซ์ ใจเย็นๆก่อนดิ”  เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีไอ้ไปป์เลยเดินเข้ามาขวางผมไว้

“เดี๋ยวกูมา แป๊ปเดียว ถ้ากูอยู่ต่อกูคงยั้งตัวเองไม่ได้ว่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ไอ้ไปป์กับไอ้ลิ้มแล้วเดินออกมาโดยไม่
ฟังเสียงเรียกใดๆทั้งสิ้น

“ป๊อนซ์!!!!!” เดี๋ยวกูก็กลับมาหามึงแล้วดื้อ กูขอไปสงบสติอารมณ์แป๊ปเดียว


มันก็รู้ว่าผมเป็นคนขี้หวงมากแล้วทำไมมันยังทำแบบนี้  ทำไม?? 

ผมเดินมาเรื่อยๆได้สักพักแล้วผมก็ตัดสินใจหยุดเดินและนั่งลงใต้ต้นไม้ที่อยู่ติดกับสระน้ำของโรงเรียน  ได้นั่งแบบนี้สักพักก็คงจะดีขึ้นละมั้ง เฮ้อออออออ

ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆแต่มันก็ยังไม่สามารถจะทำให้อารมณ์ของผมเย็นลงได้ ผมเลยต้องตัดสินใจพึ่งบุหรี่อีกครั้งหลังจากที่ผม
เลิกมานานมากๆแล้ว  เลิกตั้งแต่เริ่มคบกับโจ

ผมหยิบบุหรี่และไฟแช็คออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจัดการสูบมะเร็งเข้าปอดทันที ฮ่าๆๆคนเรานี่ก็แปลกนะรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีก็ยัง
จะสูบอีก แต่ผมก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นนะ เพราะบางทีของแบบนี้มันก็ทำให้เราอารมณ์เย็นลงได้จริงๆ

“อ๊ะ..” บุหรี่มวนที่5ในมือของผมหล่นลงบนพื้นจากฝีมือของใครบางคนที่เพิ่งจะเดินมาถึง

“ไหนบอกว่าจะไม่สูบแล้วไง” หึๆ คงจะรู้กันนะครับว่าใคร

“......” ผมเงียบแล้วหันหลังเดินออกมาทันที แต่มันดันรั้งมือผมไว้ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผม แล้วหยิบบุหรี่
กับไฟแช็คออกมาสูบและพ่นควันออกมาอย่างสบายอารมณ์

ผมดึงบุหรี่มาจากมือมันก่อนจะสูบจนหมดมวนในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะทิ้งลงกับพื้นแล้วเอาเท้าบี้ให้มันดับ

“ทำไม กูสูบบ้างไม่ได้รึไง”

“อย่าทำตัวงี่เง่าดิโจ” ผมพูดเสียงเรียบใส่โจ แล้วก็ได้ผลครับ มันชะงักไปนิดนึงก่อนจะพูดต่อขึ้นมาอีก

“งี่เง่าตรงไหนก็แค่สูบบุหรี่ทำไมจะสูบไม่ได้” โจพูดแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาแสดงสีหน้าท้าทาย   หึ 
มึงทำตัวเองนะโจ

“อยากสูบนักใช่มั้ย”

“เออ” ยังครับ  ยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง

“งั้นก็สูบเอาที่ปากกูแล้วกัน” ผมพูดจบก็ก้มหน้าลงทาบริมฝีปากลงกับปากบางตรงหน้าทันที

โจดูงงๆและตกใจ แต่นั่นมันก็ดีสำหรับผมเพราะอะไรๆมันจะได้ง่ายๆหน่อย

ผมสอดลิ้นร้อนเข้าไปไล่ต้อนลิ้นเล็กของโจจนจนมุม  โจเลยส่งลิ้นกลับมาหยอกล้อกลับอย่างเก้ๆกังๆ  แต่ผมกลับมองว่ามันเป็น
อะไรที่น่ารักโคตรๆเลยล่ะ

รสชาติฝาดลิ้นของบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วทั้งปากของเราทั้งสองคนแต่ในความฝาดนั้นก็แฝงไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวของน้ำส้มอยู่  เอ๊ะ  นี่โจกินน้ำส้มมาเหรอเนี่ย??

ผมถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งแต่ปากของผมก็ไม่ได้ออกห่างจากปากของโจแต่อย่างใด ผมก็ยังคงวนเวียนเล่นอยู่แถวๆปากบางๆของโจนั่นแหละ

“กินน้ำส้มมาเหรอ” ผมถามในขณะที่ปากชิดกับปากโจมากๆจนแทบจะประกบกันอีกครั้ง

“อืมมม”โจตอบออกมาอย่างเลื่อนลอย  โถเด็กน้อย  จะน่ารักเกินไปแล้วนะ

“จะยั่วกันรึไง” ผมพูดพร้อมกับเลื่อนปากไปขบเบาๆที่จมูกของโจ

“ปะ....อื้มมม” ผมคงจะเป็นโรคจิตไปแล้วละครับ  ไม่รู้ทำไมแค่ผมเห็นปากบางๆของโจขยับผมก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงลิ้มลองมันสักหน่อย

“อื้มมม” โจเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องเอามือโอบรอบคอผมไว้เพื่อเป็นหลักค้ำยันให้กับร่างกายของตัวเอง

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆเมื่อเห็นว่าโจเริ่มจะหมดอากาศหายใจ

“แฮ่กกๆๆ” ทันทีที่ผมปล่อยปากของโจให้เป็นอิสระ โจก็รีบโกยอากาศเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“หึๆ กลับกันเหอะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือโอบรอบเอวของโจเอาไว้ เพราะถ้าผมปล่อยให้เดินเองมีหวังได้ล้มลงไปกองกับพื้น
แน่ๆ

“มึงแม่ง @#$%#%#%” โจก็เดินบ่นพึมพำอะไรไม่รู้ไปตลอดทางเลยละครับ ผมจับใจความได้ประมาณว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ
แล้วก็ แม่งฉวยโอกาส อะไรประมาณนี้แหละ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“อ้าวววว  มากันแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงไอ้ลิ้มล้อดังขึ้นมาทันทีที่เห็นพวกผมเดินกลับไปถึงหอพัก

“อืม” ผมตอบกลับไปสั้นๆ 

“ไปทำไรกันมาเหรอ” เสียงไอ้ภูมิล้อขึ้นมาอีกคนแล้วละครับ แม่งนี่มึงเล่ากันหมดแล้วใช่มั้ยเนี่ย

โจเริ่มจะดันตัวออกห่างจากผมเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเริ่มจะล้อขึ้นมาเรื่อยๆ

“จะดันทำไมดื้อ” ผมแกล้งทำเสียงโหดใส่  แล้วก็ได้ผลครับ โจเลิกดันแขนผมแล้วเปลี่ยนเป็นยืนก้มหน้างุดๆแทน  ตอนนี้โจแม่ง
หน้าแดงมากแล้วมันก็ทำให้โจดูน่าฟัดโคตรๆเลย

“หึๆ มึงแม่ง” ไอ้ไปป์ก็พูดอะไรขึ้นมาไม่รู้ พูดไปก็ยิ้มไป ไอ้นี่แม่งท่าจะบ้าแฮะ

“หายงอนกันเร็วเกิ๊นนนนน” ยังไม่หยุดครับ พีเจก็ผสมโรงไปกับไอ้พวกนี้ด้วยย  โอ๊ยยตายๆมันเห็นไม่เนี่ยว่าเมียผมก้มจนหน้าจะ
ติดพื้นอยู่แล้วเนี่ย

“พอๆพวกมึง กูขึ้นไปข้างบนก่อนนะ” ผมพูดตัดบทแล้วเดินโอบเอวพาโจขึ้นไปบนหอพัก

“ทำอะไรอ่ะก็นึกถึงเตียงข้างๆบ้างนะมึง” เสียงไอ้พีเจมาอีกแล้วครับ  แม่งมึงเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เออ” ผมนับคำโดยไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังเลย



ทันทีที่ขึ้นมาถึงเตียงผมก็รีบดันไอ้โจให้นอนลงส่วนผมก็ขึ้นทับพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของเราสองนจนมิด

“เฮ้ยยย  ทำไรอ่ะ” ไอ้โจถามขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมันดันตกอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้

“ก็ทำให้มึงไม่กล้าไปถอดเสื้อโชว์ใครที่ไหนอีกไง” ผมพูดพร้อมดึงคอเสื้อของโจลงมาจนเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียนน่าสัมผัส

“ป๊อนซ์ กูสัญญากูจะไม่ไปถอดเสื้อที่ไหนอีก เชื่อกูเหอะ” โจพูดเสียงอ่อนๆพร้อมกับทำสีหน้าอ้อนวอน  แต่มันคงจะไม่รู้ว่าสีหน้า
แบบนั้นมันสามารถใช้ยั่วผมได้เป็นอย่างดี

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อยๆก้มลงกัดเบาๆที่ไหปลาร้าของมันจนเกิดเป็นรอยแดงๆห้อเลือด

“อ๊ะป๊อนซ์  พอแล้วกูเจ็บ” โจพูดพร้อมกับพยายามเอามือดันหัวผมออกจากบริเวณไหล่ของมัน

“ทนอีกนิดนะ กูทำจนครบทั้งตัวเมื่อไหร่กูก็จะปล่อยมึงทันที” พูดจบผมก็รีบก้มลงจัดการสร้างรอยแดงห้อเลือดจนทั่วไปทั้งไหล่และคอของมัน


“ป๊อนซ์!!!  อย่าแตะตรงนั้นนะ” 

“คิดว่าจะห้ามกูได้เหรอ” ผมยกยิ้มมาดร้ายส่งให้โจก่อนจะลงมือทำภารกิจของตัวเองต่อ

หึๆ  หลังจากวันนี้ไปผมมั่นใจได้เลยว่าโจคงไม่กล้ไอถอดเสื้อโชว์ใครที่ไหนอีกนานเลยล่ะ



................................................END OF SPECIAL PART............................................

กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน  คนเขียนสอบเสร็จแล้ววววว  โล่งมากกกก  :เฮ้อ:

ตอนนี้ก็มีกะจิตกะใจจะกลับมาแต่งอีกรอบแล้ว  :really2:

รออีกไม่กี่วันก็น่าจะได้อ่านตอนหลักต่อกันแล้วล่ะค่ะ  o13

วันนี้มีโมเ้ม้นต์แถมจ้าาาาาาาาาาา

-วันนี้น้องป๊อนซ์กับน้องโจเข้าฟังบรรยายแล้วมันก็มีเหตุการณ์ฟินๆเกิดขึ้นเยอะมากกกก

อันแรกเลย

ป๊อนซ์นั่งข้างโจแล้วเอี้ยวตัวไปหาโจ  โจก็ยกเท้าขึ้นมากระดิก(เกือบจะถึงหน้าป๊อนซ์)แล้วก็ถามว่า
Joe:ดมมะ?? (มียิ้มให้ด้วย)
ป๊อนซ์ไม่ได้ตอบอะไร แต่โจก็ยังคงมีความพยายาม
Joe:ได้กลิ่นมั้ย??
Pontz:อยู่กับมึงแล้วได้กลิ่น =='


แหงะโมเม้นต์นี้อาจจะดูสกปรกไปนิด =='เอิ่มมม  แต่มีให้อีกหนึ่งโมเม้นต์


โจเอียงคอมาหาป๊อนซ์แล้วเอากระดาษขึ้นมาปิดหน้าก่อนจะกระซิบกระซาบกัน 2 คน ป๊อนซ์ก็เอียงเข้าไปด้วยทำให้มันใกล้กันมากๆๆๆๆๆ><////

อย่าลืมเม้นต์สร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนเขียนด้วยนะจ๊ะ :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ 7th SensE

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารักอ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องๆน่ารักมากเลย ป๊อนซ์หื่นมากเหอะ ตอนนี้ชอบล้ิมมากลิ้มน่ารักอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
 :m3: :m3:
อิจฉาคนเขียนอยากอยู่นโมเม้นบ้างงงงงงงงง

ไม่เป็นไร รอให้คนเขียนมาเม้าให้ฟังก็ได้ 5555555
 :m1: :m1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ป๊อนซ์นี่หื่น+หึงจัดจริงๆ 5555

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
สุดท้ายนายเอกตรูก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่สามารถทำอะไรเยี่ยงผู้ชายได้ ชั่งอนาถใจ รู้ว่าหว่งแต่มันไม่ยุติธรรมโว้ย

3BⅠt$.

  • บุคคลทั่วไป
ยิ้มเเก้มจะเเตกเเล้ว อ๊าาา ฟินนนนนนน  :m25:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตอนที่ 13





[Pontz x Joe]




[Joe]




“กูว่าไอ้ลิ้มหายไปนานจนน่าเป็นห่วงว่ะ” ไอ้ภูมิพูดขึ้นหลังจากที่พวกเรานั่งรอกันเป็นเวลาเกือบครึ่งชัวโมงแล้ว  เออ ผมก็คิดงั้นนะ น้องเค้าจะเป็นอะไรมากรึเปล่าวะเนี่ย

“เออ กูก็ว่างั้น....  พลัส!!!อย่าให้กูต้องพูดเป็นรอบที่สอง” ไอ้ไปป์นี่ก็นั่งขู่น้องมาสักพักแล้วล่ะครับ ผมละไม่เข้าใจเลยว่ามันจะขู่อะไรนักหนา  แค่นี้น้องมันก็ไม่ค่อยกล้าจะหายใจแล้ว

“มึงก็อย่าไปขู่น้องมันมากดิไปป์” พีเจหันไปปรามไปป์หลังจากที่นั่งเงียบมานาน

“ก็มึงดู มันก็รู้ตัวอยู่ว่ามันแพ้ขนสัตว์แล้วแม่งยังจะไปจับกระต่ายไปเล่นอีก  เดี๋ยวเย็นนี้มึงก็ต้องกลับแล้ว ถ้ามึงไปไม่สบายอยู่โน่นแล้วใครจะดูแลมึงห๊ะ??!!!!!” มาเป็นชุดเลยครับ น้องพลัสแม่งก็สะดุ้งตลอดการพูดของไอ้ไปป์เลย น่าสงสารอ่ะYY

“เฮ้อออ  อ้าวลิ้ม  ไอ้ลิ้มทางนี้” ผมตะโกนเรียกลิ้มทันทีเมื่อเห็นว่ามันเดินมาพร้อมกับน้องเค้าที่มีผ้าก็อตแปะอยู่บนหัว  แต่เอ๊ะ ไปทำแผลกันอีท่าไหนทำไมน้องแกถึงได้ใส่เสื้อบาสไอ้ลิ้มแล้วไอ้ลิ้มก็เดินเปลือยท่อนบน โชว์ความวิ้งค์มาละนั่น

“ปิดตาเดี๋ยวนี้เลยดื้อ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาบังที่หน้าของผม

“อย่าปัญญาอ่อนดิป๊อนซ์” ผมหันไปดุมันเสียงแข็งๆ

“เชอะ” มันเอามือออกแล้วสะบัดหน้ากอดอกไปอีกทางแบบงอนๆ  ผมก็ขี้เกียจง้ออ่ะนะปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวมันก็หายเอง

“ไปทำแผลกันอีท่าไหนละเนี่ย” ไอ้พีเจหันไปถามไอ้ลิ้มแบบล้อๆ

“ก็เสื้อแม่งเลือดเต็มตัวเลย กูก็เลยสละเสื้อกูให้มันใส่” ไอ้ลิ้มยืนบ่นอุบอิบพลางหันหน้าไปมองน้องแกที่ยืนก้มหน้าอยู่

“แม่ง รมณ์เสีย นั่งลงก่อนดิมึงอ่ะ เดี๋ยวกูเอาเสื้อตัวใหม่ไปเปลี่ยนที่รถก่อน” ไอ้ลิ้มส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับรื้อเสื้อในกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก่อนจะกดไหล่น้องเค้าให้นั่งลง แล้วเดินไปที่รถ โอ๊ยยยย  เพื่อนกูแต่ละคนจะดิบไปไหนวะ

“วอท อิส ยัว เนม?” ไอ้ภูมิหันไปถามน้องเค้าแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  แต่น้องเค้ากลับทำหน้างงๆใส่

“เฮ้ออออ  อะไรของมึงเนี่ยไอ้ภูมิ น้องชื่ออะไรครับ” ผมดุภูมิก่อนจะหันไปถามชื่อน้องเค้าแบบคนปกติเค้าทำกัน

“อะ เอ่ออ  ชื่อท็อปเทลครับ” น้องเค้าตอบออกมาอย่างหวาดๆ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองพวกผมเลยแม้แต่นิดเดียว  นี่พวกกูน่ากลัวกันขนาดนั้นเลยเหรอ

“น่ารักจัง” อยู่ๆน้องพลัสก็พูดขึ้นแล้วยิ้มให้น้องท็อปเทลจนตาปิด  แหมตัวเองอ่ะไม่ค่อยจะน่ารักเลยนะ

“ฮ่าๆ ใช่ เงยหน้าขึ้นมาบ้างก็ได้นะครับน้องท็อปเทล ใต้โต๊ะมันไม่มีอะไรน่าดูหรอก”ไอ้พีเจแกล้งน้องท็อปเทล น้องแกก็เลยเงย
หน้าขึ้นมานิดนึงก่อนจะยิ้มบางๆให้พวกผม

“ยังปวดหัวอีกมั้ย” ไอ้ลิ้มที่เพิ่งจะกลับมาจากเปลี่ยนเสื้อก็ทักขึ้นแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับน้องท็อปเทล

ผมกับพีเจหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มนิดๆ อย่างรู้กัน ฮ่าๆๆ ไม่นานแล้วล่ะไอ้ลิ้ม

“อะ เอ่อ มะ ไม่แล้วครับ” น้องท็อปเทลตอบไอ้ลิ้มแบบตะกุกตะกักก่อนจะก้มลงมองพื้นอีกตามเดิม

“ไปเล่นกันต่ออีกสัก 10 นาทีเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหมุนลูกบาสบนนิ้วๆเล่น 

“โอเค” ไอ้ภูมิวิ่งไปแย่งบาสจากมือป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งพาลูกไปชู้ตแล้วหันมายิ้มอย่างท้าทาย

แล้วไอ้ป๊อนซ์ พีเจ ไอ้ไปป์ก็วิ่งตามลงไปในสนาม ส่วนไอ้ลิ้มน่ะเหรอ หึๆ

“บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปส่ง” ไอ้ลิ้มเก็บของๆตัวเองที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปถามน้องท็ปเทล

“เอ่อ อยู่ซอยXXครับ”

“อืม ไป พวกมึงกูไปก่อนนะ” ไอ้ลิ้มสะกิดไหล่น้องท็อปเทลให้ลุกขึ้นตาม ก่อนจะหันมาบอกลาพวกผม

“อืม ขับรถดีๆนะมึง”

“อืม” ไอ้ลิ้มเดินนำหน้าไปที่รถโดยมีน้องท็ปเทลเดินตามไปติดๆ ผมเพิ่งจะสังเกตว่าเสื้อบาสไอ้ลิ้มที่น้องท็อปเทลใส่อยู่มันตัว
ใหญ่มากเมื่อไปอยู่กับน้องแก ยาวถึงเข่าแน่ะ อย่างกับชุดนอนเลย

“พลัสว่าพี่ลิ้มดูแปลกๆกับน้องท็อปเทลนะ”

“หึ ไม่แปลกหรอก เชื่อพี่เหอะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้น้องพลัสส่วนมือก็ลูบอยู่บนพุงไอ้อ้วนโป

ผมไม่ได้พูดผิดนะ  เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนเราจะมี ความรัก....



หลังจากที่เล่นบาสกันได้พักหนึ่ง ไอ้พวกในสนามก็เลิกเล่นแล้วเดินถือลูกบาสกลับขึ้นมาข้างสนามก่อนจะนั่งลงอย่างหมดแรง
พอไอ้ไปป์มานั่งปุ๊ปน้องพลัสก็รีบหยิบผ้าหยิบน้ำให้ทันที ส่วนไอ้ไปป์น่ะเหรอก็นั่งทำหน้าเข้มขู่น้องเค้าน่ะสิ แต่เมื่อกี๊ผมแอบเห็นมันยิ้มด้วยนะ  แม่ง มึงโรคจิตวะไปป์

“อ่ะ” ผมยื่นขวดน้ำที่เตรียมมาจากบ้านไปให้ไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งหอบหายใจแรงอยู่ข้างๆ

“แต๊งครับ” มันหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะรับน้ำไปกินอย่างกระหาย  น้ำบางส่วนก็ไหลออกมาข้างๆมุมปาก  แอบเซ็กซี่เบาๆนะ ฮ่าๆๆ

“กินระวังหน่อยป๊อนซ์” ผมดุก่อนจะหยิบผ้าแล้วยื่นไปซับที่ปากให้ป๊อนซ์

“คร้าบบบบบ” มันวางขวดน้ำลงก่อนจะเอามือมายีที่หัวผมแล้วตามด้วยยีพุงไอ้โป

“กูกลับก่อนนะพวกมึง กูต้องไปส่งไอ้เด็กนี่ขึ้นเครื่องก่อน” ไอ้ไปป์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ลืมจะสะกิดคนข้างๆให้ยืนตาม

“อืม เดินทางปลอดภัยนะน้องพลัส” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้

“อยู่โน่นก็หาผัวใหม่ซะเลย เชื่อพี่ ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ยยย เชี่ยไปป์” ไอ้ภูมิพูดแกล้งไอ้ไปป์แล้วมันก็ได้มะเหงกกลับมาทีนึงเป็นสิ่งตอบแทน

น้องพลัสก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆอยู่ข้างไอ้ไปป์

“มึงอย่าเสี้ยมดิ  แค่นี้กูก็ปวดหัวจะตายห่าแล้ว” ไอ้ไปป์ด่าไอ้ภูมิก่อนจะบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว

“โชคดีนะน้องพลัส มาหาพวกเราบ่อยๆล่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้น้องพลัส

“ครับ” น้องพลัสรับคำแล้วโบกมือลาพวกผมก่อนจะเดินตามหลังไอ้ไปป์ไปขึ้นรถ

“พวกเราก็กลับกันเหอะ” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับถือกระเป๋าของตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน

“เออๆ ไปส่งกูด้วยนะพีเจ” ไอ้ภูมิลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับพีเจ

“อืมๆ ไปก่อนนะ” ไอ้พีเจหันมาโบกมือให้พวกผมก่อนจะเดินไปที่รถ

“กู๊ดบายมายเฟรนด์” ผมทำหน้าเอือมๆใส่ไอ้ภูมิก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ  แม่งไม่เคยจะปกติกับเค้าหรอกเพื่อนผมแต่ละคนอ่ะ

“กลับบ้านกันเหอะป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับเก็บขวดน้ำเก็บผ้าเช็ดเหงื่อไอ้ป๊อนซ์ใส่กระเป๋า

“อืม” ป๊อนซ์แย่งกระเป๋าของมันที่อยู่ในมือผมไปถือปล่อยให้ผมถือกรงของอ็โปเอาไว้

แล้วมืออีกข้างหนึ่งของมันที่ว่างอยู่ยื่นมากุมมือผม แล้วบีบเบาๆ พอผมหันหน้าไปมองมันก็ยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผมเบาๆ

“รักดื้อมากขึ้นอีกแล้วอ่ะ”




“เยสเข้!!!” ไอ้ภูมิโวยวายเสียงดังก่อนจะตั้งหนังสือลงบนโต๊ะ

“เป็นไรอีกอ่ะ” ไอ้พีเจหันไปถามนิ่งๆเพราะมันเองก็กำลังฝ่าฝันซับเวย์ของตัวเองอยู่

“ห้องกูสอบฟิสิกส์พรุ่งนี้  แล้วมึงดูมาบอกกูวันนี้ คืนนี้แค่กูหาชีทที่ครูให้มาให้ครบก็เช้าแล้ววว” ไอ้ภูมิโอดครวญแล้วนั่งลงแบบกระแทกแรงๆ

“เหอะๆ ตามบุญตามกรรมที่มึงมีเลยแล้วกันนะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่มันเบาๆ

-คันหู ไม่รู้เป็นอะไร๊-

อื้อหือ เพลงเค้าเลิกฮิตกันไปได้สักพักแล้วแต่แม่งสงสัยยังตราตรึงอยู่ในใจไอ้ลิ้มอีกละมั้งเนี่ย  แล้วอีกอย่างนึง ผมว่ามันดูไม่ค่อยเค้ากับไอโฟนของมันสักเท่าไหร่นะ

“ทำไม” เสียงเข้มเชียวสัด  ผมกับพีเจหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย  เอาแล้วสาดลิ้ม

“มาหากูหน้าตึกวิทย์ดิ” บ๊ะ มีให้มาหากันด้วย

“เออ กูนั่งโต๊ะแรกเลย”

“เออ ให้ว่อง” ไอ้ลิ้มกระแทกเสียงลงไปก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบเหนื่อยๆ

“ใครวะ” ไอ้ป๊อนซ์หันไปถามหน้าอึนๆ

“ไอ้ท็อปเทล”

“หา ท็อปเทลไหนวะ” ป๊อนซ์ทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่ ตายๆ ทีเรื่องแบบนี้แล้วควายนักนะมึง

“ท็อปเทลที่กูทำมันหัวแตกวันก่อนอ่ะ” ไอ้ลิ้มตอบออกมาแบบปัดๆ มีพิรุธนะมึง

“อ๋อ แล้วน้องแกมีปัญหาอะไรอีกอ่ะ”

“ไม่รู้แม่ง โทรมาแล้วร้องไห้อย่างเดียวเลย พูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง”

“เอาหน่าลิ้ม ใจเย็นๆก่อน” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่มันเบาๆ

“ทำไรอ่ะดื้อ กูหึง” ไอ้ป๊อนซ์พูดก่อนจะแกะมือผมออกจากไหล่ไอ้ลิ้ม  อาการหนักแล้วนะป๊อนซ์

“ป๊อนซ์!!” ผมหันไปดุไอ้ป๊อนซ์ หน้ามันก็หงอยไปตามระเบียบอ่ะครับ  ช่วงนี้แม่งไม่รู้เป็นอะไรบางทีก็หื่นเกินจะรับไหว แต่บาง
ครั้งก็ปัญญาอ่อนจนน่าปวดหัว

“....” ไอ้ป๊อนซ์ลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะอย่างเงียบๆ  นั่นไงโหมดงอแงของมันมาแล้วล่ะครับ

“เฮ้อออ  เดี๋ยวกูมานะ” ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตามไอ้ป๊อนซ์ไป  ไอ้ตูดป๊อนซ์==’



ผมเดินเว้นระยะห่างจากป๊อนซ์พอสมควร เป็นผลมาจากที่เมื่อกี๊ผมไปซื้อชาคูซ่ามาง้อมันนี่แหละครับ
มันเดินไปสักพักก่อนจะหยุดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น ผมก็ไม่รอช้าครับเดินตามมันไปทันที

“อ่ะ” ผมเอากระป๋องชาคูซ่าสะกิดไหล่มันเบาๆ

“อะไร” ทำเข้มนะสัด เดี๋ยวกูไม่ง้อขึ้นมาแล้วจะหนาว  แต่ตอนนี้ของ้อมันก่อนแล้วกันเนาะ

“ง้อ” ไม่ทันจะสิ้นคำ ไอ้ป๊อนซ์ก็หันหน้ามาพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาปิด  ไอ้ตูดป๊อนซ์

“ก็แค่นี้แหละ” หายง่ายไปมั้ยไอ้ป๊อนซ์...

ป๊อนซ์มันรับกระป๋องชาคูซ่ามาเปิดแล้วยกขึ้นดื่ม ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววาดมือกอดคอพาผมเดินกลับไปที่เดิม

“มึงอยากตายใช่มั้ยไอ้สัด!!!!!” เสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีตะโกนออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนมุงกันอยู่  อะไรของไอ้ลิ้มอีกละเนี่ย

“เฮ้ย หลบหน่อยๆ โทษครับ” ผมเอามือป๊อนซ์ออกจากไหล่ก่อนจะเดินแทรกวงล้อมนั้นเข้าไปแล้วก็เจอเข้ากับไอ้พีเจกับไอ้ภูมิที่
ช่วยกันยื้อแขนไอ้ลิ้มไม่ให้ไปต่อยน้องเค้าที่นอนกองอยู่ที่พื้นซ้ำอีก  จากสภาพนี่ก็น่าจะโดนมาแล้วไม่น้อย

“อะไรกันวะ มึงต่อยมันทำไมวะลิ้ม” ไอ้ป๊อนซ์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพของน้องเค้าที่แม่งน่าจะเรียกว่าปาง
ตายได้เลยนะนั่น

“ไอ้เหี้ยนี่แหละแม่งทำน้องท็อปเทลร้อง” ห๊ะ ผมงงหนักเลยครับงานนี้ แต่พอมองไปที่หน้าพีเจผมก็เริ่มจะเข้าใจ หึๆน้องท็อปเทลงั้นเหรอ

“แล้วไหนน้องท็อปเทล” ผมหันไปถามไอ้ภูมิ มันก็ยู้ปากไปทางโต๊ะที่มีไอ้ไปป์นั่งอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบกับน้องท็อป
เทลที่นั่งตัวสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า

ผมลูบหัวน้องเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ไอ้ลิ้มยืนอยู่ นั่งลงถามน้องเค้าที่นอนจุกอยู่กับพื้น

“มึงทำอะไรน้องเค้า” ผมถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินหรอกครับเพราะว่าเสียงผมจะเป็นแบบนี้เฉพาะตอนที่ผมหงุดหงิดจริงๆ

“เอ่ออ คือ...” มันไม่พูด แล้วก้มหน้าหลบตาผม ผมก็ไม่ทำอะไรมากหรอกครับ

“กูถามว่ามึงทำอะไรน้องเค้า!!!!!” ผมตะคอกพร้อมกับจิกผมแล้วดึงจนมันหงายหลัง ถึงผมยังจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรกับน้องท็อปเทล และถึงแม้ว่าผมกับน้องเค้าจะไม่ได้สนิทกันเลยก็ตามแต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกับร่างกายที่สั่นระริกของน้องแกก็ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นได้อย่างไม่ยากเลย

“เอ่อ ผมขอโทษครับพี่ ผมไม่ทำแล้ว” มันยกมือที่น่าจะซ้นจากฝีมือของไอ้ลิ้มขึ้นมาไหว้ผมแบบรัวๆ

“กูให้มึงขอโทษเหรอ กูถามให้มึงตอบ!!” ผมทึ้งหัวมันแรงๆอีกครั้งจนไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนอยู่ต้องเดินมาแกะมือผมออกแล้วประคองให้ลุกขึ้นยืนห่างจากมันพอสมควร

“มันทำอะไรน้องท็อปเทลวะลิ้ม”ไอ้ป๊อนซ์หันไปถามลิ้มทั้งๆที่มือมันก็ยังกุมมือผมไว้แน่น

“ท็อปเทลโทรมาบอกกูว่า มันจับท็อปเทลกดบนโต๊ะในห้อง 2402” เสียงไอ้ลิ้มดูเย็นลงมากแล้วแต่ก็ยังแฝงความโมโหอยู่(2402 เป็นรหัสห้องเรียนนะคะ)

“เหี้ยจริง ไอ้สัด!!” นี่มันทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมตะโกนด่ามันเสียงดังก่อนจะพยายามเดินไปหามันอีกรอบแต่ป๊อนซ์ก็จับไว้ แล้วพยักหน้าประมาณว่าเดี๋ยวมันจัดการเอง

ป๊อนซ์เดินไปหาไอ้เด็กนั่นก่อนจะนั่งลงแล้วพูดด้วยเสียงปกติแต่ก็สามารถทำให้คนที่ฟังอยู่ขนลุกซู่ได้

“กูไม่มีรุ่นน้องแบบมึง  มึงคงจะรู้นะว่าต้องจัดการตัวเองยังไง” พูดจบป๊อนซ์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับมาหาผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
อย่างสดใส เอิ่มป๊อนซ์มึงจะเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปมั้ย

ไอ้เด็กนั่นลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งฝ่าวงล้อมของเหล่าบรรดาไทยมุงออกไปอย่างรวดเร็ว

ไอ้ภูมิกับไอ้พีเจก็ปล่อยไอ้ลิ้มให้เป็นอิสระ ไอ้ลิ้มก็ไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาน้องท็อปเทลทันที

“หายกลัวยัง” ไอ้ลิ้มจับไหล่น้องเค้าเบาๆแต่น้องก็ยังสะดุ้งอยู่ดี ผมแอบเห็นไอ้ลิ้มขบกรามด้วยแหละ วันนี้ไอ้เด็กเปรตนั่นจะกลับถึงบ้านรึเปล่านะ

“เทลเงยหน้าขึ้นมามองกะ.. เอ่อ มองพี่ดิ” อ่อนโยนขึ้นเยอะเลยเพื่อนกู

น้องท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมองไอ้ลิ้มด้วยแววตาสั่นระริกและผมก็มั่นใจว่านั่นสามารถเพิ่มความโกรธให้ลิ้มได้เป็นอย่างดีเลย

“แม่ง!!!!!” ไอ้ลิ้มสบถออกมาเสียงดังจนน้องท็อปเทลสะดุ้งอีกครั้ง แล้วมันก็ก้มลงกอดน้องท็อปเทลพร้อมกับดันหัวน้องเค้าให้ซบลงที่ไหล่มัน

“โอ๊ะ โมะ” ไอ้ภูมิอุทานออกมาแล้วยกมือขึ้นปิดปากด้วยท่าทางสะดีดสะดิ้ง

“หึๆ” แล้วมึงก็เก็บไว้ไม่อยู่สินะ ความรู้สึกของมึงน่ะลิ้ม

“มันไม่ตายดีแน่ กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของกู” ไอ้ลิ้มพูดเสียงเย็นก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย  เอ๊ะลิ้ม  คนของกูงั้นเหรอ??
มันปล่อยน้องท็อปเทลออกจากอ้อมกอดก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรออก

พวกผมก็ยืนลุ้นครับว่ามันจะโทรหาใคร และผมก็หวังว่ามันจะไม่เป็นเหมือนที่ผมคิด

“ฮัลโหลป๋า” ชัดครับ เตรียมอุทิศส่วนกุศลให้ไอ้เด็กนั่นได้เลย เพราะว่าป๋าที่ไอ้ลิ้มพูดถึงนี่ก็คือพ่อของมันนั่นแหละครับ บ้านไอ้ลิ้ม
เนี่ยคนนอกก็จะรู้จักกันในนามของบริษัทส่งออกข้าวสารรายใหญ่ของประเทศ แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังพ่อมันเป็นคนที่มีอิทธิพลด้านมืดในอันดับต้นๆของเมืองไทยเลยทีเดียว

“ก็ไม่มีไรมากหรอก อยากให้ช่วยสั่งสอนคนให้หน่อย”

“ไม่ต้องถึงตายป๋า เอาแบบเดี้ยงไปสักเดือนนึงแล้วกัน” อื้อหือลิ้ม  กูรู้แล้วล่ะว่ามึงโหดได้ใคร

“อ่าๆ เดี๋ยวหนูส่งรูปไปให้ ครับ ขอบคุณครับ” คือมันก็เท่ห์มาตลอดนะ แต่ผมดันมากระตุกวูบกับคำว่าหนูของมันเนี่ยสิ  น่ารักสัดๆ

“ฮ่าๆ” น้องท็อปเทลหัวเราะออกมาทั้งๆที่คราบน้ำตายังแห้งไม่หมดเลย

“ขำไร” ไอ้ลิ้มตวัดตาไปมองอย่างดุๆ น้องท็อปเทลก็เอามือตะครุบปากตัวเองทันทีเลยครับ ฮ่าๆๆ ดูท่าว่าจะกลัวมากนะเนี่ย

“นี่มึงเรียกแทนตัวเองกับพ่อว่า หนู เหรอ” ไอ้ป๊อนซ์ถามไปก็กลั้นยิ้มไป แต่แม่งไอ้คนโดนถามนี่หน้ายับมากครับตอนนี้

“เออ ทำไมวะ แปลกเหรอ” มากกกกอ่ะ เพื่อนลิ้ม ฮ่าๆๆๆๆ

“เปล่าๆ กูก็แค่คิดว่าน่ารักดี” ไอ้ป๊อนซ์ตอบกลับแล้วรีบหันหลังไปหัวเราะทันที  แต่ลิ้มแม่งไม่สนใจอะไรแล้วครับตอนนี้ มันสนใจ
แต่คนตัวเล็กที่นั่งยิ้มทั้งคราบน้ำตาให้มันอยู่ตรงหน้า

“ทีหลังมีอะไรก็โทรบอกกูเป็นคนแรกแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย” ลิ้มมันนั่งคุกเข่าลงกับพื้นหันหน้าเข้าหาน้องท็อปเทลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

“ครับ” น้องแกรีบพยักหน้ารับเร็วๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาไอ้ลิ้มเลย

“เอ่ออ  พี่ลิ้ม” อ๊ากกกกกกกก  เสียงหวานโคตรๆเลยอ่ะ โจช๊อบชอบบบบ

“สายตามึงอ่ะน้อยๆหน่อยดื้อ” ไอ้ป๊อนซ์กระซิบเสียงโหดที่ข้างหูของผม  ก็แหมเด็กมันน่ารักซะขนาดนั้นอ่ะ ก็ต้องมีกันบ้างงงง

“หืมม?”ไอ้ลิ้มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“คือ..เรื่องพี่คนเมื่อกี๊อ่ะ อย่าทำอะไรเค้าได้มั้ย”

“ไม่!!!” ไอ้ลิ้มตอบกลับไปทันควัน  ก็นะจับกดซะขนาดนั้น  นี่ขนาดผมยังขึ้นเลยแล้วไอ้ลิ้มก็ไม่ต้องพูดถึงเหอะ

“เทลขอเถอะนะครับ  อย่าทำเลย แค่นี้พี่เค้าก็ไม่กล้ามาทำอะไรแล้วล่ะ” น้องท็อปเทลพูดขอร้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ขอเปล่า
เพราะน้องแกยื่นมือออกไปจับข้อมือของไอ้ลิ้มไว้  แม่งพอเทียบกับมือน้องเค้าแล้วข้อมือลิ้มแม่งโคตรใหญ่เลย

“เอ่ออ  เออก็ได้” สีหน้าไอ้ลิ้มดูอ่อนลง แล้วมันก็ตอบรับคำในที่สุด  แหมๆเชื่อฟังเชียวนะไอ้มาเฟีย

“ขอบคุณครับ” น้องท็อปเทลพูดขอบคุณก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยีส่งไปให้ลิ้ม  ว๊ายๆๆๆไอ้ลิ้มก็ยิ้มแฮะ  ทีตอนแรกละทำเป็นเข้ม

“โจ มึงทำสีหน้าแปลกๆออกมาอีกแล้วรู้ตัวป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดึงผมให้หันหน้าไปหามันก่อนจะดีดที่หน้าผากผมดังป๊อกเลย 

“เจ็บนะ”

“สมควร” มันพูดยิ้มๆแล้วดันผมให้หันกลับเข้าไปในวงสนทนาเหมือนเดิม  แม่งต้องการอะไรจากกูวะไอ้หล่อ ผมเอามือถูรอยที่
โดนดีดเมื่อกี๊ด้วยอารมณ์ที่โคตรจะขุ่นมัว

“เอ่ออ  แล้วนี่จะกลับไปเรียน  กลับบ้าน หรือจะไปไหน” อื้อหือออ  พ่อมาเฟียของเราเอาแล้วครับ  ป๋าเลยทีเดียว กะเพื่อนแม่ง
ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้

“เอ่ออ เทลไปเรียนดีกว่าครับ” น้องท็อปเทลพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อืมก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” บ๊ะ  เรียกพี่ซะด้วย แล่ว แล่ว แล่ว แล้วววววว

“กูไปส่งเทลก่อนนะ” ไอ้ลิ้มลุกขึ้นยืนแล้วหันมาบอกพวกผมก่อนจะเดินตามหลังน้องท็อปเทลไป  แม่งไอ้ลิ้มบังน้องเค้ามิดเลยอ่ะ

“เออๆ กลับมาเรียนด้วยแล้วกันมึง” ผมตะโกนไล่หลังไป ไอ้ลิ้มก็ยกมือทำเครื่องหมายโอเคโดยไม่ได้หันหลังมามองพวกผมเลย 

“เอาแล้ววะ  กูว่าแล้วไอ้ลิ้มแม่ง” ไอ้พีเจพูดออกมายิ้มๆแล้วหันมามองผมกับไอ้ไปป์แบบรู้กัน  แต่ดูเหมือนว่าไอ้สองตัวที่เหลือจะ
ไม่เข้าใจในการส่งสัญญาณทางสายตาครั้งนี้

“วอท เฮพเพ่น?? นี่กูไม่เข้าใจวะ ช่วยเดสครายบ์(describe)ให้ฟังหน่อยดิ” ไอ้ภูมิถามพร้อมกับทำหน้าเอ๋อๆงงๆ

“เออนั่นดิ พวกมึงพูดอะไรกันวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจเลยอ่ะ” ไอ้ป๊อนซ์นี่หนักกว่าไอ้ภูมิอีกครับ แม่งหน้าตาอารมณ์เสียมากอ่ะ

“โอ๋ๆ น้องป๊อนซ์ เก่งซะทุกเรื่องแล้วทำไมเรื่องนี้เข้าใจล่ะครับ” ผมพูดล้อๆพร้อมกับพยายามเอื้อมมือขึ้นไปตบหัวมันเบาๆ (มี
ความพยายามมากกกก)

“ลามปามแล้วไอ้โจ” แหมเสียงโหดขึ้นมาเชียวนะ  คืองี้ครับมันไม่ค่อยชอบให้ใครไปตบหัวมันอ่ะครับ แต่เวลาจะนอนนี่แม่งอ้อน
ให้ลูบหัวให้ตลอดดดดด 

“ฮ่าๆๆๆ  พวกกูไม่บอกหรอก” ไอ้พีเจหัวเราะขึ้นมาก่อนจะสีหน้าตาสงสารส่งไปให้ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ภูมิ

“แม่ง!!!”ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ภูมิคำรามออกมาด้วยความแค้นที่พวกผมเห็นมันเป็นตัวตลกก่อนที่มันสองคนจะวิ่งไล่ไอ้พีเจขึ้นอาคาร
เรียนไป  แม่งยอมรับเลยนะว่าอยู่กะไอ้พวกนี้นี่แม่งโคตรเหนื่อยเลย แต่ความสุขที่ผมได้รับมันมาบดบังความเหนื่อยที่เกิดขึ้นจนหมดเลยน่ะสิ  หึๆ



ต่อด้านล่างนะจ๊ะ>>>>>

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
“โอ๊ยยยยย  ไอ้ภูมิมึงเล่นดีๆดิ”

“แป๊ปดิ  ฟีลลิ่งกูแม่งกำลังมาเลย”

“ลิ่งพ่องมึงดิ  มึงช่วยเล่นตามโน้ตที่เค้ามีมาให้ได้มั้ยวะ”เสียงไอ้นายกับไอ้ภูมิทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งห้องซ้อม   ใช่แล้วครับตอนนี้พวกเราก็มาสิงสถิตอยู่ที่ก้องซ้อมดนตรีอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่ว่าครั้งที่แล้วผมมาห้องนี้ด้วยจิตใจที่โคตรจะห่อเหี่ยวจากการทะเลาะกับป๊อนซ์แต่วันนี้ผมมาด้วยความเริงร่าและเบิกบานนนนนนนนนเป็นที่สุด

“มึงอย่าทะเลาะกันได้ป่ะ กูท่องเนื้อไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” เสียงดุๆของไอ้ไปป์ทำให้ห้องซ้อมกลับเข้าสู่ความสงบได้อีกครั้ง เฮ้ออออ  ปวดหัวตลอดเลยเวลาอยู่กะไอ้พวกนี้เนี่ย

“หึๆ เป็นไงดื้อร้อนเหรอ เหงื่อเต็มเลย”ป๊อนซ์เดินยิ้มเข้ามาหาผม แล้วยื่นมือออกมาเช็ดเหงื่อที่ไรผมของผมออก ก็ห้องนี้แม่งโคตรร้อนเลยอ่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ป๊อนซ์ต้องมาซ้อมเพื่อที่จะขึ้นร้องวันชาวหอนะ ผมแม่งไม่มานั่งทนร้อนอยู่แบบนี้หรอก

“อืมมม  ห้องนี้แม่งมีแอร์ป่ะเนี่ย” ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางที่แอร์ตั้งอยู่ก่อนจะพยายามกระโดดเพื่อเอามือลองไปบังที่แอร์ดูว่าแอร์ออกมั้ย  แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากไป

“เฮ้อออ ไปนั่งไปเดี๋ยวดูให้” ไอ้ป๊อนซ์เดินมาประชิดด้านหลังของผมก่อนจะบอกให้ผมเดินไปนั่งแล้วเอามือบังๆที่แอร์ให้

“แอร์ไม่เห็นจะออกเลยว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์หันกลับมาบอกผมหลังจากที่เอามือลองบังที่แอร์ดูแล้ว

“อ้าวววว  แล้วใครเข้ามาคนแรกวะเนี่ย ได้เปิดแอร์ยัง??”ผมถามไปสะบัดเสื้อไป  นี่แม่งก็แกะกระดุมออก 2 เม็ดแล้วนะ แต่ไอ้พวกที่เหลือนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอ่ะครับถอดเสื้อกันหมดแล้ว ตอนแรกผมก็กะจะถอดนะแต่ก็มีคำสั่งมาจากเบื้องบน ข้าน้อยอย่างผมก็ขัดไม่ได้ซะด้วยสิ

“กูเข้ามาคนแรก  กูกดแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่เชื่อใจก่อนจะเดินไปดูที่แผงควบคุมแอร์

“เปิดบ้านมึงดิภูมิ แม่งยังปิดอยู่เลย” ไอ้ป๊อนซ์หันมาด่าไอ้ภูมินิดๆก่อนจะกดเปิดแอร์

“อ้าววววว  ไหนบอกเปิดแล้วไงไอ้ภูมิ” ผมก็หันไปด่าแม่งเหมือนกันครับ ดีนะเนี่ยที่รู้ตัวทันไม่งั้นคงจะขาดอากาศตายกันอยู่ในห้องนี้แล้วละมั้ง

“เออ แม่งกูร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว”

“สัดเสื้อกล้ามกูโคตรเปียกอ่ะ” และก็ยังมีไอ้ไปป์กับไป้นายช่วยกันผสมโรงด้วยครับ  คราวนี้ไอ้ภูมิถึงกับเบะปากเลยทีเดียว  ฮ่าๆ
ๆๆมันไม่ได้น่าสงสารเลยนะ แต่ว่าแม่งโคตรฮาอ่ะ

“ก็ใครจะไปรู้วะ  พวกมึงบอกให้กูเข้ามาแล้วกดที่สวิตช์กูก็กดดิ ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะกดดีมั้ยเพราะแม่งไฟมันติดอยู่แล้วอ่ะ แต่
ในเมื่อพวกมึงบอกให้กูกดกูก็เลยกดไง เพราะกูแม่งเชื่อเพื่อนเว้ย”ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับทำสีหน้าแน่วแน่  อื้ออออหือกูขอสาบานต่อหน้าต้นหญ้าทั้งหมดทั้งมวลที่หน้าห้องซ้อมว่าต่อไปนายพงศกรคนนี้จะไม่ปล่อยให้ไอ้ภูมิเข้าห้องมาก่อนอีกเป็นอันขาด

“เออๆ แม่งช่างเหอะซ้อมต่อดีกว่า” ไอ้ไปป์พูดตัดบทขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างก็หันกลับไปทำงานของตัวเองตามเดิม ไอ้ภูมินี่ก็ตีกลองในจังหวะแปลกๆที่มันคิดขึ้นมาเอง ไอ้นายก็นั่งซ้อมกีต้าร์อย่างตั้งใจ ไอ้ป๊อนซ์ลูบหัวผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งซ้อมร้องเพลงกับไอ้ไปป์ต่อ แต่ไอ้ลิ้มนี่สิจนป่านนี้แล้วยังไม่มาเลย  แปลกๆแล้วนะเพื่อนลิ้ม หึๆ

“เอ่ออ โทษทีวะพวกมึง” พูดถึงลิ้ม ลิ้มก็มาครับแม่งสภาพนี่คืออย่างกับวิ่งมาสัก 100 กิโลได้ เสื้อหลุดออกจากกางเกงทุกด้าน
แล้วไหนจะเหงื่อที่เปียกจนชุ่มบนเสื้อนักเรียนนั่นอีก

“กว่าจะมานะมึง” ไอ้พีเจหันมามองไอ้ลิ้มแล้วยิ้มนิดๆ

“ไปไหนมาว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์วางเนื้อเพลงก่อนจะเดินไปหาลิ้ม

“กูไปส่งเทลที่หอมาแล้วมีเรื่องนิดหน่อย” กูว่าแล้วววววว  หมอโจฟันธง!! ฉึกๆ

“เรื่องไรวะ”พูดถึงเรื่องมีเรื่องมีราวนี่ไม่ได้เลยนะไอ้ไปป์ เลือดร้อนเหลือเกิน

“ก็แค่ไอ้เด็กนั่นมันก็แอบมีพรรคพวกเหมือนกันไรเงี้ย แล้วมันก็มาดักรออยู่หน้าหอเทล”ไอ้ลิ้มเล่าหน้าตานิ่งๆ  แต่เอ๊ะมีเรื่องแล้ว
ทำไมมึงไม่เป็นไรเลยวะเนี่ย หรือว่ามึงแดกเหล็กไหลเข้าไปแล้วเป็นอมตะ (เพ้อแล้วไอ้โจ)

“แล้วทำไมมึงไม่มีร่องรอยของการมีเรื่องเลยวะ” สงสัยเหมือนกันเลยชายป๊อนซ์

“ก็บังเอิญว่ากูก็โทรบอกป๋าว่าให้เอาคนมาเฝ้าที่หน้าหอเทลไว้เหมือนกันไง” อ๋อออออ แบบนี้นี่เองงงงง

“รอบคอบว่ะมึง” ผมชมไอ้ลิ้มพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ในไปเลยสองข้าง

“หวงขนาดนั้นทำไมไม่เอามาด้วยวะ” ไอ้พีเจยิงคำถามจึ๊กๆอีกแล้วครับ  ผมล่ะช๊อบชอบบบบ

“ตอนแรกก็จะเอามาแล้วนะเว้ย แต่เทลบอกว่าพรุ่งนี้สอบก็เลยอยากอยู่อ่านหนังสือที่หอมากกว่า” ว๊าววววว  เพื่อนผมครับเพื่อน
ผม

“อ๋ออออ” ผมส่งเสียงอ๋อยาวเหยียดแสดงถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

“ปิดปากหน่อยดื้อ  ยุงบินเข้าไปหลายตัวแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นมือมาปิดปากผม แม่งยุงบินเข้าปากกูงั้นเหรอออ  งับมือแม่งเลย งับๆๆๆ

“โอ๊ยยยดื้อ เล่นไรวะ” ไอ้ป๊อนซ์รีบดึงมือกลับแล้วสะบัดแรงๆหลายที

“ฮ่าๆๆๆสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะก่อนจะหันหลังแล้วเอามือตบที่ตูดพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนมันด้วย 

“ยั่วกูเหรออออ” ป๊อนซ์ทำหน้าหื่นก่อนจะลากเสียงยาวๆ  ยั่วงั้นเหรอ??

“โอ๊ยยยย  นี่มึงมายืนตบตูดเชิญชวนไอ้ป๊อนซ์ทำไมตรงนี้วะเนี่ย ขวางทางกูว่ะ” ไอ้นายที่เพิ่งจะเดินกลับจากเข้าห้องน้ำก็พูดขึ้น
ทำให้ผมกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที แม่งไอ้หื่นป๊อนซ์!!!!!!!!!!

“ไอ้เสื่อม!” ผมกลับมายืนท่าปกติก่อนจะหันหน้าไปด่าไอ้ป๊อนซ์

“ว่ากูเสื่อมแล้วทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วยดื้อ มึงคิดไรอยู่เนี่ย”

“ก็ ก็...ก็มึงบอกว่ากูยั่วอ่ะ” พูดเองก็อายเองครับ

“ฮ่าๆๆๆ มึงแหละเสื่อมกูหมายถึงยั่วโมโหหรอก” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้ารับไม่ได้  หนอยไอ้ป๊อนซ์  กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอ่ะ

“ป๊อนซ์ มึง!!!!!!!” ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าหาหมายจะงับหูมันให้ขาดไปเลย

ตึ่ง ตึ้ง

เสียงไลน์ใครน่ะ

ไอ้ป๊อนซ์ล้วงไอโฟนของผมออกมาจากกระเป๋า(มันยังไม่คืนผมเลยครับตั้งแต่วันที่โรงพยาบาลอ่ะ) แล้วก้มลงมองก่อนจะเงยหน้ามามองผมด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมผิดจากเมื่อ 2 วินาทีที่แล้วราวฟ้ากับเหว

“มีไรเหรอปอนป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆหน่อย

“มึงไปทำไรไว้โจ”

“ไม่เค๊ยไม่เคย” ผมปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไปมา

“แล้วทำไมไอ้คนที่ชื่อต้นหลิวนี่ถึงมาบอกรักมึงห๊ะ” ตายห่าแล้ว ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าผมม่อพี่ต้นหลิวไว้

“เอ่อ...คือ....”

“โจโจ” ไอ้ป๊อนซ์กัดฟันกรอดๆแล้วเรียกชื่อเล่นที่มีเพียงแม่ของผมเท่านั้นที่เรียกอยู่

“คร้าบบบบบ” ผมขานตอบเสียงหวาน แล้วค่อยๆเดินถอยหลังให้ออกห่างจากมันที่เดินเข้ามา

“ตายห่าแน่ไอ้โจ”เสียงนิ่งๆของไปป์ลอยมาเข้าหูผมเป็นเสียงแรกเลยครับ

“สะใจวะแม่ง” สะใจอะไรของมึงวะพีเจ

“ต๊ายยยยย  ไอ้โจกลัวจนตัวหดลงอีกแล้ว” แม่งมึงสิไอ้ลิ้ม

“เดธชัวร์!!!!!” ไอ้ภูมิยกไม้กลองขึ้นชูสูงพร้อมกับตะโกนออกมาราวกับว่าเพิ่งประกาศอิสรภาพจากพม่า

อย่าแช่งกูดิ  แค่นี้กูก็กดดันจะตายอยู่แล้วววววววว

ไอ้ป๊อนซ์ไม่พูดอะไรก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นฟันกระทบกันดังกึกๆได้


ป๊อนซ์ไล่ต้อนจนผมติดผนังก่อนจะค่อยๆก้มลงมาแล้ว..............



..............................................TBC.........................................

อัพแล้วววววววว 

ฟิ้วว!!!!!!!  หลบดงกระสุนปืนมาอัพ 555  :z6:

อันที่จริงจะอัพตั้งแต่วันเสาร์แล้วแต่คอมโดนยึด  :o12:

ช่วงหลังจากนี้โรงเรียนคนเขียนจะปิดเป็นการภายใน

ขอสัญญาว่าจะอัพให้ถี่จนขี้เกียจอ่านกันไปเลย  :z10:

คนเขียนขอย้ำอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้เกิดจากความฟินของคนเขียนและคณะ มีส่วนจริงบ้างมโนบ้าง(เยอะ!!!!!)
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ^^


แถมมมม  มีอะไรมาโม้แหละ

แต๊น  แต่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

พรุ่งนี้เป็นวันจำลองวันวาเลนไทน์ของโรงเรียนคนเขียนแล้วทีนี้เค้าก็มีโปสการ์ดขายแล้วบังเอิญว่ามีคนเอาชื่อเรื่องไปทำเป็นโปสการ์ดแหละ  ปลื้มมากกกกก  o18
คนเขียนเลยซื้อมาเก็บไว้ใบนึงแล้วก็เขียนให้น้องเค้าอีกใบนึง (น้องคนนั้นจะเป็นใครก็รอลุ้นกันวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ)
อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยล่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อะแน่ะ พี่ลิ้มเรา ในที่สุดก็ประกาศเปิดตัวน้องท็อปเทลอย่างเป็นทางการซะที
ปล. โจ งานนี้มีเคลียร์กะป๊อนซ์ยาวแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อัยยะของเขาดีจริงๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารักกันจริง เหลือใครบ้างที่ยังไม่มีแฟนเนี่ย ฮ่าๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด