Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ[UPDATE] มีข่าวประกาศเรื่องรวมเล่มหนังสือค่ะ  (อ่าน 75909 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

kagehana : <3 น้องรัน สั้นๆค่ะ ฮิ






-7-






“เสร็จแล้วครับ” ร่างเล็กเดินออกมาพร้อมกับแก้วนมในมือ


“หอมจัง” รัญชน์วางแก้วลงตรงหน้าทีวีแล้วเอื้อมหยิบแซนด์วิชมาหนึ่งชิ้นก่อนจะนั่งลงบนโซฟาแล้วยกเข่าขึ้นมา


“ทำไมนมถึงเป็นสีชมพูล่ะครับ”


“ผมชอบครับ นมชมพู เอาน้ำแดงใส่นมแล้วหวานๆหอมๆดี”


ธนกฤตหันไปมองต้นขาขาวๆที่โผล่พ้นชายเสื้อจนเกือบจะเห็นสะโพก ก่อนจะหันหน้าออกทันที


...บ้าจริง...ต้นขาทำลายล้าง...


“แซนวิชแฮมอร่อยไหมครับ หมอเคยแต่ทำกินเองเลยไม่มั่นใจ”


“อ๋อ... อ๊ะ! กางเกง!” รัญชน์นึกขึ้นได้ก็ลุกพรวดจากโซฟา วางแซนด์วิชลงที่เดิมก่อนจะคว้ากางเกงมาสวมเข้า มือสองข้างผูกเชือกที่เอวเข้าจนสุด ก็ยังเป็นกางเกงที่ยาวเลยเข่าอยู่ดี


“คุณหมอตัวสูง ฮ่าๆ เลยกลายเป็นอย่างนี้เลย”


เจ้าของกางเกงได้แต่ลอบหายใจเฮือก ยังดีที่อีกฝ่ายนึกได้ทัน


“คุณรันต่างหากที่ตัวเล็ก สงสัยจะโดนพี่ชายแย่งทานหมดมั้ง...แล้วตอนนี้คุณรันทำอะไรอยู่เหรอครับ กำลังเรียนต่อเหรอ”


“เรียนจบแล้วครับ ตอนนี้ก็... พักผ่อน... งดรับงานถ่ายแบบชั่วคราวครับ” เด็กหนุ่มหันมาตอบพร้อมทั้งยิ้มกว้างให้ ร่างเล็กหยิบแซนด์วิชขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินกลับมานั่งบนโซฟาดังเดิม มือสองข้างยกเอาแซนด์วิชขึ้นกัดคำหนึ่งแล้วก็หันมามองคนที่อยู่ข้างๆ


“อร่อยดีครับ...”


“โห เป็นนายแบบด้วย เก่งจังครับ ท่าทางจะสนุกเนอะ” นัยน์ตาสีเข้มมองเด็กหนุ่มนั่งกินแซนวิชอย่างเอ็นดู


“แล้วอยากเรียนต่อที่ไหนเหรอครับ ต่างประเทศป่ะ”


“สนุกสิครับ... แต่ผมยังไม่เรียนต่อหรอก อยากพัก ชิวๆ” เมื่อแซนด์วิชหมดมือ เขาก็ยกขาขึ้นมากอดเข่าไว้แล้วแนบแก้มลงกับขาตัวเอง


“ก็... สบายครับตอนนี้”


หลังจากที่ได้คุยคร่าวๆ ธนกฤตรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก เขาส่งยิ้มจางๆอย่างเอื้อเอ็นดูด้วยความรู้สึกเหมือนเห็นน้องชายตัวเล็ก


“งั้นก็ว่างเยอะเลยสิ น่าอิจฉาจัง พี่...เอ่อ...ผมทำงานหัวหมุนจนอยากลาพักร้อนไปเที่ยวทะเลสักอาทิตย์เลย” คำแทนตัวที่หลุดปากออกมาทำเอาแทบจะกัดลิ้นตัวเอง...แต่ก็ยังเนียนผ่านไปได้แบบหน้าตาเฉย


“ก็น่าจะหาเวลาว่างบ้างนะครับ ทำงานอย่างเดียวเครียดตายพอดี” เด็กหนุ่มหน้าหวานยิ้มกว้างให้ก่อนจะยืดแขนยืดขาออกมาจนสุด


“เบื่อจัง...”


“เบื่อหน้าผมเหรอครับ” คนพูดพูดยิ้มๆอย่างตั้งใจจะแหย่


“ฝนตกนานจังเนอะ ทนหน่อยแล้วกันนะครับเดี๋ยวลุยฝนไม่สบายอีก”


“ยังไม่เบื่อหรอกครับ...” คนพูดมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง สภาพห้องดูยังไงก็เหมือนเอาไว้ใช้นอนเท่านั้น ที่บอกว่าไม่มีแฟนก็คงจะเป็นเรื่องจริงเพราะแทบไม่มีอะไรในห้องที่จะบอกว่ามีแฟนได้เลย


“คุณหมอมีกล้องไหมครับ”


“มีครับ แต่เป็นแบบคอมแพคธรรมดานะ” พูดจบก็ลุกขึ้นไปหยิบมาให้ มันเป็นกล้องแบบธรรมดาที่สามารถหาได้ตามร้านทั่วไปในราคาและประสิทธิภาพที่น่าพอใจ


“แต่ว่า...คุณรันเอามาทำไมเหรอครับ”


“เป็นตากล้องให้คุณหมอเล่นไงครับ” รัญชน์ยิ้มหวานก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา ร่างบางหันมาหาอีกครั้งแล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย


“หรือคุณหมออยากจะเป็นคนถ่ายครับ?”


“เนื่องจากผมหล่อเกินไป ขอเป็นอย่างหลังดีกว่าครับ” หมอหนุ่มรีบฉวยกล้องมาจนกุมมืออีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ


มือใหญ่ละออก..ทั้งที่ความรู้สึกแปลกประหลาดยังคลุมเครือ ชายหนุ่มยกกล้องขึ้นวัดแสงก่อนจะกดถ่ายทั้งที่อีกฝ่ายยังเผลอ


“ฮ่าๆๆ คุณรันรูปนี้แก้มกลมเชียว”


“อ๊ะ อย่าสิครับ แบบนี้ไม่เอา ให้ผมตั้งตัวก่อนสิครับ” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังหัวเราะเบาๆ เขามองไปรอบๆอีกครั้ง แล้วก็เข้าไปจับข้อมือของร่างสูงเอาไว้


“มาทางนี้ครับ” ร่างเล็กพาธนกฤตให้เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ มือเอื้อมเปิดก๊อกน้ำตรงอ่างล้างหน้า แล้ววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า รัญชน์ปล่อยให้หยดน้ำค่อยๆไหลไปตามรูปหน้าโดยไม่เช็ดออก


“ถ่ายสิครับ”


ถึงจะบอกให้ถ่ายได้แต่คนถือกล้องทำได้เพียงยืนนิ่งจับจ้องการเคลื่อนไหวของหยดน้ำที่ค่อยๆไหลลงจากปลายจมูกโด่งรั้น ใบหน้าหวานส่งยิ้มที่หวานกว่ามาทักทาย ริมฝีปากสีอ่อนจางดูเย้ายวนและชุ่มชื่น...เชิญชวนแม้ไม่ได้เอ่ยปากพูด


...จะอร่อยไหมนะ...


หมอหนุ่มกระพริบตาขับไล่ความคิดชั่วแล่น เขายกกล้องลั่นชัตเตอร์เก็บภาพคนตัวเล็กไว้


“โหย คุณรันขึ้นกล้องสุดๆอ่ะ ตอนแรกยังนึกเลยว่าตัวเล็กแบบนี้ทำไมถึงได้เป็นนายแบบ....แต่ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว”


“ฮะฮะฮะ...” มือเรียวได้รูปยกขึ้นมาเช็ดหยดน้ำตรงช่วงเหนือริมฝีปากออก แต่ก็ค้างมือไว้ สายตาจับจ้องเลนส์กล้องนิ่งไม่กระพริบตา


ธนกฤตจ้องมองนัยน์ตาสีสวยที่สบกันผ่านเลนส์ ปลายนิ้วกดโฟกัสค้างไว้แต่ยังไม่ลั่นชัตเตอร์


สีสวยอันแสนลึกลับจากนัยน์ตาที่สบผ่านทำให้ราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ แรงดึงดูดไร้ที่มาเร่งให้เขาขยับกายเข้าใกล้ร่างบอบบางมากขึ้น จวบจนอีกฝ่ายกระพริบตาตากล้องจำเป็นถึงจะรู้สึกตัว


...ทำไมหัวใจถึงต้องเต้นซะเสียงดังด้วยนะ...


ปลายนิ้วสากที่สั่นนิดๆกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วแล้วลดกล้องลง


“เปียกไปหมดแล้วครับ อุตส่าห์หลบฝนยังมาเปียกในห้องน้ำอีก”


คนเป็นนายแบบชั่วคราวหรี่ตามองก่อนจะยิ้มให้อีกครั้ง มือเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะซับหยดน้ำออกจากใบหน้าเบาๆ โดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากกล้อง สีหน้าของรัญชน์คล้ายกับจะประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยยิ้มออกมาอีก ปล่อยอารมณ์หลากหลายออกมาทางใบหน้าของตัวเอง


“แค่นี้ก็แห้งแล้วครับ นิดเดียว”


“ครับ... ไปนั่งเล่มเกมกันดีกว่า... นะ?” ขืนอยู่ต่อไปไม่นานคงได้เผลอลืมตัวกันแน่ ร่างสูงเลยรีบหันหลังแล้วเดินดุ่มๆออกมาทันที


“คุณรันอยากเล่นเกมอะไรครับ” ธนกฤตนั่งลงกับพื้นแล้วดึงแผ่นเกมในตะกร้าที่ซุกไว้ออกมา


“เกมส์อะไรครับ Wii?” ร่างเล็กรีบวิ่งตามมาดู ปกติเวลาอยู่บ้านกับราเมนทร์ เขามักจะชวนพี่ชายเล่นเกมส์ด้วยกันบ่อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะอยากเล่นกับคนอื่นอีกเหมือนกัน


“!อ๊ะ—” ปลายเท้าของรัญชน์เหยียบชายกางเกงที่ค่อยๆเลื่อนลงมาเพราะปมที่ผูกไว้เริ่มคลายออก ส่งผลให้เด็กหนุ่มล้มลงไปข้างหน้า


“ระวั—!!”


ทันทีที่เห็นคนตัวเล็กเสียหลัก มือใหญ่ที่กำลังประกอบเกมอยู่ก็ทิ้งลงแล้วเอื้อมมารั้งไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอด น้ำหนักที่โถมทับลงส่งผลให้ตัวเขาหงายหลังลงกับพื้นที่นั่งอยู่ทั้งๆที่ยังกอดรัญชน์เอาไว้


ธนกฤตรู้สึกเหมือนโลกกำลังตีลังกา ศีรษะที่โขกกับพื้นทำให้ตาลายจนได้แต่หลับตาแล้วกอดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น


“เจ็บหรือเปล่าครับ” เขาถามเสียงแผ่วทั้งที่ยังมึนๆ


“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณหมอ ฮะฮะฮะ อุตส่าห์รับผมไว้ ขอบคุณนะครับ” รัญชน์ค่อยๆดันตัวขึ้นจากอ้อมกอดของเจ้าของห้องและไข้


“ที่ผูกไว้มันหลุดนะ เลยเหยียบเลย” ร่างบางหัวเราะเบาๆออกมา


“เดี๋ยวนะครับ ขอผมดูก่อน” คนเป็นหมอดันอีกฝ่ายแล้วลุกตาม เขาจับแขนและขาของคนที่อยู่ด้านบนมาสำรวจ


“ไม่มีแผล...... ดีจัง”


“คุณหมอล่ะครับ?” รัญชน์ยืนอมยิ้มถามขณะเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดูให้แน่ว่าไม่มีแผลที่ศีรษะเป็นพอ


“ผมเก่งครับ หัวแข็ง มึนนิดๆแป๊บเดียวก็หาย” ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิดยืนยันว่าไม่เป็นไร


“ป่านนี้แล้วฝนยังไม่หยุดเลย ให้ผมขับไปส่งก่อนไหมครับเดี๋ยวพี่ชายคุณจะเป็นห่วง แต่คงเดินทางนานนิดนึงนะผมว่า”


ข้างนอกฟ้ามืดแล้ว...แถมสายฝนก็กระหน่ำอย่างไม่รู้เวลา ไม่ต้องมองลงบนท้องถนนก็เดาได้ว่ารถติดไม่ขยับแน่นอน


“นั่งเล่นก่อนก็ได้ครับ หรือถ้าคุณหมอเบื่อแล้ว ก็ย้ายไปนั่งเล่นในรถก็ได้... พี่ผมคงไม่กลับมั้งครับวันนี้” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาทอประกายสดใส ไม่เหลือคราบคนป่วยในวันก่อนเลยแม้แต่น้อย


“งั้นผมไปส่งนะ”


ธนกฤตจัดการแซนวิชที่เหลือห่อแรปใส่ลงในกล่องพลาสติกของที่บ้านแล้วถือกุญแจรถเดินกลับมาหาคนตัวเล็ก


“อันนี้ฝากไปกินที่ห้องนะครับ กินเยอะๆจะได้ตัวโตเร็วๆ ป่ะ กลับบ้านกัน”


รัญชน์ยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมเสียงหัวเราะ ขณะเดินตามร่างสูงออกจากห้องไป


“ผมคงไม่โตแล้วล่ะครับ ตัวเล็กแบบนี้ก็ดีแล้ว”



///////////////////////////


 

 

หลังจากปล่อยให้รถกลับเข้ามาวิ่งบนถนนอีกครั้ง สภาพการจราจรที่ติดขัดไม่ขยับนิ่งไปไหนเลยทำให้เด็กหนุ่มร่างเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ


“กรุงเทพนี่ไม่เหมือนที่นู่นเลยแฮะ... รถติดบ้าเลือดมากนะ...”


“ครับ ติดกันจนชินแล้ว ผมยังเคยคิดเลยว่าอยากไปขับรถต่างจังหวัดที่มันไม่มีรถบ้าง ผมเคยพาเจ้าแบมไปเที่ยวทะเลชลบุรี ที่นั่นก็พอกันเลย กว่าจะถึงเกาะก็หมดแรง” คนขับละสายตาจากท้องถนนมามองคนตัวเล็กที่ไม่คุ้นเคยกับการจราจรที่นี่


“ที่ออสเตรเลียท่าทางจะอากาศดีนะครับ ผมยังอยากไปเลย”


“ดีครับ ผมชอบ... แต่วันร้อนๆก็มีนะครับ” เขาหันมายิ้มเมื่อได้ยินคนพูดถึงบ้านเกิดของตัวเอง ก่อนจะมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง


...ทั้งๆที่สายตาจับจ้องอยู่ข้างนอก ทว่ารัญชน์กลับนึกถึงคนที่กำลังขับรถอยู่ คนรู้จักกันแค่ผิวเผินแต่กลับมีน้ำใจจนอดประทับใจไม่ได้


ถ้าไม่นับมารดา ราเมนทร์ผู้เป็นพี่ชาย แล้วก็ธันย์ชนกที่อยู่ข้างห้อง คุณหมอธนกฤตคนนี้นับเป็นคนไทยอีกคนที่เขาได้พูดด้วยเป็นจริงเป็นจังมากกว่าแค่ถามทาง


“เฮ้อ... อยากไปเที่ยวจัง” คนที่จ้องท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถบ่นเบาๆ


“คุณรันชอบเที่ยวทะเลไหมครับ ทะเลเมืองไทยสวยนะ”


แต่ครั้งล่าสุดที่เลิกกับแฟนก็ที่ทะเลนี่แหละ... เขายังจำได้ดีว่าความรู้สึกเหงาครั้งไหนก็ไม่ร้ายแรงเท่าครั้งที่ถูกบอกเลิกและทิ้งให้อยู่ในห้องสุดหวานแหววคนเดียวท่ามกลางทิวทัศน์ของทะเลที่เห็นคู่รักเดินกันเป็นแถวๆ


“ชอบสิครับ ผมไปกับพี่บ่อยๆ ผมชอบเล่นน้ำน่ะ...” รัญชน์หันไปมองใบหน้าที่ฉายแววอะไรบางอย่างออกมา รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นก่อนจะพูดต่อ


“มีความหลังฝังใจเหรอครับ ทำหน้าเหงาเชียว”


“ก็... ครับ... นิดหน่อย” ความใส่ใจที่อีกฝ่ายมอบให้เรียกรอยยิ้มจางขึ้นบนใบหน้า


“ครั้งล่าสุดที่ไปทะเลหมอโดนแฟนบอกเลิกแล้วทิ้งไว้คนเดียวในบรรยากาศคู่รักอื่นๆที่โรแมนติกมากๆ... เลยฝังใจนิดหน่อยน่ะ” ปลายนิ้วสากเคาะเบาๆบนพวงมาลัยรถ


“กับผู้หญิงเนี่ย... ถ้าไม่มีเวลาให้ยังไงก็ไปไม่รอดสินะครับ แฟนคุณรันเป็นแบบนี้หรือเปล่า”


“ไม่รู้สิครับ ไม่เคยคบใครจริงจังนะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาจีบก็จุกจิกน่ารำคาญ” ร่างเล็กเอนตัวมาพิงกับคอนโซลด้านหน้าแล้วเอียงคอมองคนที่กำลังขับรถอยู่


“... ผมคงชอบคนอายุมากกว่าล่ะมั้ง”


...โดนเต็มๆ...


ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายมองผู้ชายด้วยกันจะเป็นแบบไหน แต่ไอ้กิริยาน่ารักกับดวงตาสีสวยที่มองมาเหมือนอ้อนๆนี่โดนเขาเข้าไปเต็มๆ


“คุณรันยังเด็กไงครับเลยชอบคนแก่กว่า แต่อายุอย่างผมนี่หาคนแก่กว่ายากแล้ว”


ธนกฤตมองสายฝนที่เริ่มซาแล้วหันมามองคนตัวเล็กอีกครั้ง


“ผมชอบคนขี้อ้อน... ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกว่าน่ารักดี”


“ก็คุณหมอดูจะเป็นคนชอบช่วยคนนู้นคนนี้ พอมีคนมาอ้อนก็เลยเจออิมแพ็คเข้ามั้งครับ” ร่างเล็กกลับมานั่งตามเดิม


“พี่ผมก็เรียกผมว่าไอ้ตัวขี้อ้อน ฮะฮะฮะ” รัญชน์นึกถึงพี่ชายที่คอยแหย่ตัวเองก็หัวเราะออกมาอีก


“พี่ชายคุณรันท่าทางจะหวงคุณมากเลย ปกติแล้วพี่ชายกับน้องชายไม่ค่อยเป็นแบบนี้นะ” เขาเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นคันหน้าเคลื่อนตัว... และแตะเบรคเมื่อขยับได้เพียงนิดเดียว


“ผมมีน้องสาวคนนึงยังไม่หวงเลย สงสัยยัยแบมมันคงดูแกร่งเกินพี่ชายอย่างผมเลยไม่ต้องปกป้อง”


“ผมเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดนะ เลยตัวเล็กครับ ตอนเด็กๆโดนแกล้งบ้างพี่รามก็ดูแลตลอดแหละ มันเลย... เป็นความเคยชินไปแล้วมั้งครับ พอพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว พี่รามก็เลยทำหน้าที่เป็นทั้งสามอย่างเลยนะ” เขาเอื้อมมือไปปรับหน้ากากแอร์ให้หันไปทางอื่น


“พี่ชายเก่งนะครับ...คุณรันก็เข้มแข็ง”


ธนกฤตรู้ดีว่าการดูแลใครคนหนึ่งโดยไม่มีพ่อแม่อยู่มันยากลำบาก เขาเองที่เสียแค่มารดายังพอทน แต่พี่ชายคนเดียวที่ต้องดูแลน้องคงต้องใช้แรงกายแรงใจมากมาย


“ขอโทษนะครับ เลยทำให้คุณรันต้องนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาเลย”


“ไม่เป็นไรนะครับ คุณหมอไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ แต่ก็เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และเพราะเขายังมีราเมนทร์อยู่


ธนกฤตยิ้มให้กับความเข้มแข็งของคนตัวเล็ก ก่อนจะละสายตาสู่ท้องถนน..ทอดยาวไปกับสายฝนที่ยังคงโปรยปราย


 


///////////////////////


 

“ถึงห้องแล้วนะครับ”


ร่วมชั่วโมงที่อยู่บนรถ เขาได้คุยอะไรมากมายอย่างสนุกสนานจนเผลออีกทีก็ถึงหน้าห้องอีกฝ่ายแล้ว


“ถ้างั้นหมอขอตัวก่อนนะ”


“อ๊ะ— เดี๋ยวนะครับ! คุณหมอมีบีบีหรือเปล่าครับ?” รัญชน์เอ่ยรั้งเอาไว้ โทรศัพท์มือถือที่พี่ชายซื้อให้ใช้ตั้งแต่อยู่ที่นู่นกลายเป็นของเคยชินไปเสียแล้ว เขาเห็นว่าคนที่นี่ก็เริ่มใช้กันเยอะ ถ้ามีเหมือนกันก็คงทำให้ติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น


“จะได้แลกพินกัน... แต่ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะครับ”


“บีบีเหรอครับ มีๆ” หมอหนุ่ยล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดดูรหัสพิน


“พอดีมีช่วงหนึ่งเขาซื้อคอนโดแถมเจ้านี่ น้องสาวผมเลยขอไปแล้วให้ผมซื้อใหม่มาใช้จะได้ติดต่อกันสะดวก แต่ยังใช้ไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่เลย”


ชายหนุ่มโชว์พินบนมือถือให้คนตัวเล็กดู


ค่าที่ใช้มาจนชินแล้ว รัญชน์จึงใช้เวลาไม่นานในการเพิ่มชื่อของธนกฤตเข้าไปในรายชื่อเพื่อนของเขา


“เรียบร้อยครับ” ร่างเล็กเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า


“กดรับยังไงอะครับ” ลิสต์รายชื่อที่มีแต่น้องสาวเพราะอีกฝ่ายจัดการให้ ทำให้หมอหนุ่มไม่รู้วิธีอื่นใดนอกจากการรับส่งข้อความ รูป และเสียง


“ทำให้หน่อยได้ไหมอะ”


“งี้นะครับ” รัญชน์เขย่งตัวขึ้นมาชะโงกดูหน้าจอแล้วจับข้อมือของร่างสูงให้ลงมาอยู่ในระดับสายตาของเขา นิ้วชี้ไปบนหน้าจอพลางเอ่ยอธิบาย


“เลื่อนมาตรงนี้ครับ แล้วกดนะ.... ครับ เห็นไหมนะ นั่นชื่อผม คุณหมอก็กด... ครับ แล้วกดตกลง... เรียบร้อย!”


“ทีนี้ก็มีลิสต์ในรายชื่อสองคนแล้ว” คนพูดอมยิ้มเบาๆ โปรแกรมบีบีของเครื่องแทบจะมีการใช้งานเกือนเป็นศูนย์มานาน จะมีเพียงอีเมลที่น้องสาวตั้งไว้ให้เสร็จสรรพเท่านั้นที่ใช้งานบ่อยเกินหน้าเกินตา


“ขอบคุณมากนะครับ ทีนี้จะได้ติดต่อกันสะดวกๆเนอะ”


“ครับ ขอบคุณมากนะครับวันนี้” นัยน์ตาสีแปลกคู่สวยหรี่ลงตามรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวาน เด็กหนุ่มหันไปเปิดประตูห้องก่อนจะหันกลับมาลาอีกครั้ง


“พรุ่งนี้เจอกันครับ”


“ครับ”


ธนกฤตส่งยิ้มแล้วเอื้อมมือจับประตูปิดให้ พอมีประตูกั้นกลางเขาก็พรูลมหายใจออกเบาๆ รอยยิ้มหวานของอีกฝ่ายยังติดตา... แถมกลับไปบ้านก็ยังมีบรรยากาศดีๆที่ยังเหลืออยู่


“ไอ้ขี้เหงาเอ๊ย” บ่นตัวเองเบาๆทั้งรอยยิ้มก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินจากห้องที่ปิดอยู่ไป








To be continued...

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อะนะ เกือบโดนซะแล้วน้องรัน หื่นกันจัง ทั้งหมอ ทั้งพี่รามเลย

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : คุณหมอยังสติลซื่อ(บื้อต่อไป ) น้องรันจะมีศัตรูหัวใจโผล่มาแล้ว >M< o18




-8-




หลังจากถอดกางเกงตัวหลวมออกแล้วใส่บ๊อกเซอร์ของตัวเองแทนให้เรียบร้อย ร่างเล็กก็ทิ้งตัวเองลงบนเตียงกว้างพลางคว้าโทรศัพท์มือถือมากดดู


“...” พอเห็นชื่อของธนกฤตขึ้นไว้ว่า ‘พี่บีม’ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เดาได้ว่าน้องสาวที่ว่าคงเป็นคนตั้งไว้ให้


ปลายนิ้วเรียกหน้าต่างพูดคุยขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ไปหาสั้นๆ

 


little RAN : Do you like lemon cookie?

 


เสียงปิ๊บๆดังขึ้นขณะที่เขากำลังขับรถใกล้ถึงบ้าน ถนนยังคงแน่นแต่ก็ถือว่าบางเบาลงบ้างแล้ว ธนกฤตกดดูข้อความแล้วส่งกลับไปทันที

 


พี่บีม : ชอบครับ กินกับกาแฟดำอร่อยดี คุณรันยังไม่นอนเหรอ

 


ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าที่จอดก่อนจะกดกุญแจให้มันล็อค

 


รัญชน์ยิ้มออกมาอีกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังถามต่อ ไม่ใช่เพียงตอบสั้นๆ

 



little RAN : not yet. Just rollin’ on my bed. What about you dr.?

 



พี่บีม : เพิ่งถึงบ้านครับ คุณรัน..... นอนได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่สบายอีก

 



ธนกฤตรูดคีย์การ์ดพลางพิมพ์ไปด้วย

 



เด็กหนุ่มร่างเล็กกลิ้งตัวบนเตียงไปมาสองสามรอบก่อนจะหันมากดแป้นมือถืออีกรอบ

 



little RAN: I will soon :D nite nite Dr.

 



หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ร่างสูงในชุดนอนก็เดินออกมาเอาบีบีที่วางไว้บนโซฟา เขากดดูข้อความที่ได้รับแล้วยิ้มกว้าง


“ส่งไปตอนนี้ป่านนี้ก็หลับแล้วมั้ง”


ถึงจะบ่นพึมพำแต่สุดท้ายก็กดส่งไป



 

พี่บีม : ราตรีสวัสดิ์ครับ

 

 

//////////////////////////////////////



“สวัสดีครับ คุณหมอบีมมารึยังครับ” รัญชน์เอ่ยถามพยาบาลสาวที่นั่งประจำอยู่ด้านหน้าอย่างสดใสเริงร่าพร้อมรอยยิ้ม


นางพยาบาลสาวยิ้มรับ เธอเปิดสมุดตารางเวลาแล้วก้มมองตารางการเข้าทำงายก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมเงยหน้าขึ้น


“ยังไม่มาค่ะ วันนี้คุณหมอเข้า11โมง ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หญิงสาวนึกสงสัย เพราะทุกครั้งที่เห็นคนไข้คนนี้มักจะเป็นยามบ่ายแก่ๆแล้ว


“ให้ดิฉันโทรตามไหมคะ”


“ไม่เป็นไรครับ แวะมาแวบเดียว ขอเข้าไปในห้องแป๊บนึงนะครับ วันนี้ผมมีนัดตอนสี่โมงเย็นครับ” เขาบอกพลางชูถุงคุกกี้ให้ดูเป็นการบอกกลายๆว่าจะเอามาฝาก ก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านหลัง ไม่นานนัก ก็ออกมาพร้อมทั้งเอ่ยกำชับ


“อย่าบอกคุณหมอนะครับ” รัญชน์ยิ้มตบอีกครั้ง เป็นการอ้อนไปในตัว


เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาอบคุกกี้มะนาวให้ธนกฤตตั้งแต่เช้าโดยตั้งใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจเล่น รวมไปถึงความรู้สึกชื่นชมของตัวเองที่เพิ่มขึ้นเยอะจนอยากจะทำให้


เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจจากพยาบาลสาวแล้ว เด็กหนุ่มก็หมุนตัวออกจากบริเวณนั้นไป


11โมงตรงไม่ขาดไม่เกิน หมอหนุ่มในชุดกาวน์ก็เดินมาที่ห้องประจำแล้วทักทายพยาบาลด้วยรอยยิ้ม พอวางของได้ก็หยิบผงกาแฟสำเร็จรูปเทใส่ถ้วยใบโตโดยไม่ใส่อะไรเพิ่มเติม ก่อนจะกดน้ำร้อนในห้องพักแพทย์ลงไปจนกลายเป็นของเหลวสีเข้ม


ธนกฤตประคองแก้วกาแฟอุ่นๆกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่ทันได้วางก็เห็นถุงแปลกหน้าวางอยู่


“อะไรหว่า” มือใหญ่ยกขึ้นมาดู... ข้างในเป็นคุกกี้ชิ้นพอดีคำสีสวยและมั่นใจได้เลยว่าโฮมเมดของแท้


“คุณกุ้งคนสวยครับ ใครเอาคุกกี้มาวางบนโต๊ะหมอเอ่ย”


“ไม่รู้สิคะ ทำไมคิดว่ากุ้งจะรู้ทุกเรื่องคะเนี่ย หมอบีม” พยาบาลสาวเอ่ยตอบพร้อมหัวเราะให้


“หมอมีคนชอบเยอะ ก็เดาเอาสิคะ”


“โหย นี่แสดงว่าคุณกุ้งแอบปิ๊งหมอเลยทำคุกกี้มาให้แน่เลย” หมอหนุ่มหยอกผ่านทางช่องส่งประวัติคนไข้แคบๆ


“บอกหมอหน่อยนะ หมอกลัวมีคนลอบทำร้าย ยิ่งหล่อๆอยู่เดี๋ยวสาวๆร้องไห้”


“ขำเลยค่ะหมอบีม พอๆๆ เดี๋ยวมีนัดตอน11โมงครึ่งนะคะ” หล่อนหยิบเอาประวัติคนไข้ขึ้นมายื่นให้


“เธอมาแล้วล่ะค่ะ แต่ไปห้องน้ำ ชื่อคุณแนน ตัวเล็กนิดเดียว... สเป็คคุณหมอเลยค่ะ”


“สเปคหมอคือสาวๆทุกคนบนโลกครับ ระบุไม่ได้เดี๋ยวน้อยใจกัน” หมอหนุ่มยิ้มหวานแล้วรับประวัติมาก่อนจะเลื่อนปิดช่องนั้น


คุกกี้ถุงเล็กถูกแกะออกและคาบไว้ระหว่างริมฝีปากในขณะที่มือยังเลื่อนเปิดดูอาการคร่าวๆ กาแฟอึกโตถูกซดลงไปผสม


“อร่อยแฮะ” พึมพำเบาๆแล้วไพล่ไปนึกถึงข้อความแชทของใครบางคนที่ถามเรื่องคุกกี้มะนาว


“ไม่มั้ง.... นัดเย็นนี่นา”


ธนกฤตนั่งจิบกาแฟแกล้มคุกกี้เป็นข้าวเช้าระหว่างรอคนไข้มาตรวจ จวบจนกาแฟหมดแก้วและล้างเก็บเรียบร้อย บานเลื่อนของห้องตรวจก็เปิดออก


“เชิญครับ”


“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวร่างเล็กยกมือขึ้นไหว้อย่างสุภาพก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ นัยน์ตากลมโตสีแปลกเพราะคอนแท็คเลนส์สีเทาที่สวมใส่ดูสดใส


“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ มาตรวจให้แน่ใจว่าไม่เป็นโรคITPแล้วน่ะค่ะ”


ใบหน้าเล็กๆชวนให้นึกถึงใครบางคนอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยหน้าที่แพทย์เขาจึงต้องละทิ้งความสนใจไปก่อน


“ดูจากผลเลือดกับการกินยา ก็น่าจะเรียกว่าหายดีแล้วครับ โรคนี้แค่มีวินัยในการกินยาไม่นานก็สบาย” เขาพูดยิ้มๆ


...แต่ก็มีบางคนละนะที่กินยากกินเย็น...


“ดีใจด้วยนะครับ”


“ดีจังค่ะ ตอนแรกกังวลมากเลย... คุณหมอที่รักษาให้แกย้ายที่ก่อนจะได้ตรวจ... ก็เลยต้องมาทางนี้แทน น้องนิ่มบอกว่าโรงพยาบาลนี้ดีเพราะมีพี่หมอบีมใจดี... อยากจะเจอหน้าแกอยู่เหมือนกัน คุณหมอพอจะรู้จักไหมคะ” วรัญญาเอ่ยพูดบอกพร้อมรอยยิ้มแสดงความดีใจบนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง


“น้องนิ่มตึกเด็กเพื่อนน้องเอื้อยใช่ไหมครับ ที่แก้มยุ้ยๆตาหวานๆ” หมอบีมมองรอยยิ้มหวานที่ยิ้มกว้างอย่างดีใจ หลายต่อหลายครั้งที่เขาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะดีใจตาม


“คุณจะไปเยี่ยมไหมครับ เดี๋ยวผมบอกพี่หมอตึกนั้นให้”


“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี๊ไปเยี่ยมแกมาแล้ว... แกบอกว่าจะแนะนำพี่หมอบีมคนดีของแกให้รู้จัก เดี๋ยวยังไงดิฉันก็จะไปหาแกเลย ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” หญิงสาวร่างเล็กยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้


“เกรงว่าถ้าอย่างนั้นผมต้องไปด้วยแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน... ทั้งปากทั้งตา


“ผมเองครับหมอบีม ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปหาแกเลย ยังไงให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะครับ”


“อ้าว ตายจริง! สวัสดีอีกครั้งก็แล้วกันนะคะคุณหมอบีม” หล่อนยิ้มหวานกลับก่อนจะเดินตามแพทย์หนุ่มตัวสูงไปยังตึกเด็ก




//////////////////////////////////

 



รัญชน์เดินฮัมเพลงเข้ามาถึงที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล


“คุณหมอมาหรือยังครับ” ใบหน้าหวานระบายรอยยิ้มยามเอ่ยถาม


“อ๋อ มาแล้วค่ะ แต่ไปตึกเด็กกับคนไข้” กันยายิ้มรับ วันนี้ดูคุณหมอจะฮอทเป็นพิเศษ


“คือว่าวันนี้คุณแนนญาติน้องนิ่มมาหาหมอน่ะค่ะ เลยพากันไปแนะนำ สงสัยจะออกไปทานขนมแน่ๆไปซะนานเชียว”


หญิงสาวพูดตามประสาคนช่างเจรจา


“... เหรอครับ” คนฟังมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย ทั้งๆที่อยากจะดูว่ากินคุกกี้ไปหรือยัง


“ถ้างั้นผมนั่งรอตรงนี้นะครับ”


“เดี๋ยวพี่โทรตามหมอให้เนอะ” ด้วยความที่เห็นมาหลายวัน คำพูดจึงแปรเป็นแบบไม่ทางการโดยไม่รู้ตัว


“หมอบีมมมม คนไข้มานั่งรออยู่ค่ะ มัวแต่จีบสาวเดี๋ยวโดนดุไม่รู้ด้วยนะ” พูดจบก็กดตัดสายแล้วหันมายิ้มให้


“เข้าไปนั่งรอในห้องนัดเลยค่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”


“ครับ— ขอบคุณครับคุณกุ้ง” รัญชน์เดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ในห้องของธนกฤต ก่อนจะถอนหายใจออกมา


“หน้าอย่างงั้นก็จีบสาวเป็นด้วย” เขาพึมพำออกมาเบาๆพลางพาดตัวเข้ากับโต๊ะ


...เดี๋ยวก็ได้เจอแล้ว...



/////////////////////////

 


ธนกฤตวิ่งมาถึงห้องพักก็เจอนางพยาบาลสาวทำหน้าดุบุ้ยใบ้ให้เข้าไปในห้อง เขายิ้มแหยเชิงขอโทษก่อนจะเลื่อนบานประตูเข้าไป


“คุณ...รัน...”



นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองคนตัวเล็กที่หลับฟุบอยู่กับโต๊ะอย่างเอ็นดู มือใหญ่ปัดเส้นผมสีอ่อนที่ปรกใบหน้าสวย ปลายนิ้วที่สัมผัสแก้มแบบผิวเผินร้อนผ่าวจนต้องรีบดึงมือออก


“คุณรันครับ” หมอหนุ่มเลือกจะส่งเสียงเรียกแทนการเขย่าตัว


“....” เจ้าของชื่อค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะยกศีรษะขึ้นช้า มือยกขึ้นปัดเรือนผมออกจากใบหน้า


“หวัดดีครับคุณหมอ” ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มช้าๆขณะยกมือไหว้


“หวัดดีครับ” รับไหว้เสร็จก็เดินไปหยิบชาร์ตมาวางตรงหน้าพร้อมขยับเขียนยาอย่างที่เคยชิน


“ขอโทษนะครับ ปล่อยให้รอจนหลับเลย”


“ไม่เป็นไรครับ ได้ยินว่าคุณหมอไปจีบสาวอยู่...” เด็กหนุ่มยิ้มให้พลางสางผมให้เข้าที่ สายตามองเห็นถุงคุกกี้ที่มีการเปิดออกแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง


“ฮื้อ เปล่านะ ใส่ความหมอนะครับนี่” ธนกฤตนั่งลงแล้วหยิบถุงคุกกี้มาวางบนโต๊ะ


“พอดีไปส่งคุณแนนที่ตึกเด็กมา น้องนิ่มกับน้องเอื้อยชวนคุยเลยยาวไปหน่อย” เขาเลื่อนถุงคุกกี้ส่งไปให้คนตัวเล็ก


“อ่ะ ทานคุกกี้ครับ อร่อยนะหมอได้มาเมื่อเช้า ไม่รู้ใครเอามาให้” นัยน์ตาคมหรี่ลงพลางเอานิ้วชี้มาปิดปาก


“ทานแล้วอย่าบอกคุณกุ้งนะครับ เดี๋ยวหมอโดนดุ...”


“อร่อยเหรอครับ” คนทำทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วหยิบเข้าปากบ้างพลางรอคำตอบจากอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอมเทาดูมีประกายเริงร่าขึ้นหลังจากได้ยินคำปฏิเสธเรื่องจีบสาวของธนกฤต


“อร่อยสิ กินกับกาแฟกำลังดีเลย คุณรันเอากาแฟไหมครับ” ธนกฤตหยิบแก้วกาแฟเปล่าขึ้นมาวาง


“แต่ต้องหลังตรวจนะ”


“ผมไม่ชอบทานกาแฟครับ ขอบคุณ” เด็กหนุ่มร่างเล็กยิ้มตอบ


“อืม.... งั้นวันนี้หมอขอดูรอยช้ำหน่อยนะครับ” ธนกฤตกวาดถุงขนมกับแก้วกาแฟไปวางไว้ข้างโต๊ะแล้วหยิบรายงานการรักษามาเปิด


“ถอดเสื้อเลยครับ ไม่ต้องเขินหมอ” รอยยิ้มกว้างตามมาส่งท้าย


“ฮะฮะฮะ ใครจะเขินครับหมอ ผู้ชายนะครับ” รัญชน์ยิ้มหัวเราะให้พลางยืนขึ้นก่อนจะถอดเสื้อออกมาพาดไว้กับข้างเตียงตรวจ พลางขยับหันหลังให้หมออารมณ์ดีดู


“โอ๊ะ เก่งจัง จางไปตั้งเยอะแล้ว” ปลายนิ้วไล้เบาๆตามแนวรอยช้ำที่จางลงมาก


“เดี๋ยวทานยาอีกพักนึงก็ไม่ต้องมาหาหมอแล้ว ดีใจไหมครับ”


พอละมือออกก็ถามพลางยิ้มจางๆ ธนกฤตหยิบเสื้อที่วางอยู่ยื่นส่งให้


ครั้นได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา รัญชน์ก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าอยากจะหายดี ถ้ามันคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้เจอหน้าธนกฤตทุกวัน แม้จะใช้เวลารู้จักกันไม่นาน แต่เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง


“ไม่ต้องมาแล้วมาไม่ได้เหรอครับ?” แม้จะฟังคล้ายคำเย้าแหย่ธรรมดา แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น รัญชน์ยังอยากจะสนิทสนมคบหาด้วยอยู่ แม้จะไม่ใช่คนไข้แล้วก็ตาม


“มาได้สิครับ” ธนกฤตพูดความจริง หากคนที่พอสนิทกันบ้างแล้วต้องหายไปจากชีวิตเลยก็ออกจะเหงาอยู่


“ถ้าหายแล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ต้องเอายาไปกินก่อนนะ” นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองข้อมือเล็ก... เล็กเกือบเท่าคุณแนนเลย


รูปร่างก็คล้ายๆ... รวมไปถึงรอยยิ้มหวานๆ


“ครับ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้คุณหมอทำอะไรครับ?” ร่างเล็กหยิบเสื้อขึ้นมาสวมก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย


“เอ่อ... มีนัดกับคุณแนนครับ เขาจะพาน้องนิ่มไปกินขนมแต่ไม่ค่อยรู้ทางแถวนี้ หมอเลยอาสาพาไป” ใบหน้าเล็กๆที่ยิ้มน่ารักทำให้เวลานึกถึงก็อดยิ้มตามไม่ได้


หญิงสาวที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแต่คุยสนุกจนเพลิน ความรู้สึกดีที่ก่อตัวในเวลาไม่นาน... คล้ายๆกับตอนที่เริ่มชอบใครสักคน


“เป็นคนที่น่ารักดีนะครับ คุยสนุกดี”


“... เหรอครับ.......” ใบหน้าที่มักมีแต่รอยยิ้มสลดลงเล็กน้อย


“ไว้คราวหน้าก็ได้ครับ ไม่เป็นไร... ผมจะได้ไปคอนเฟิร์มกับคุณกุ้งว่าคุณหมอจีบคนไข้” น้ำเสียงเย้าแหย่แสร้งทำขึ้นเพื่อกลบความผิดหวังเล็กๆที่เกิดขึ้น


“โธ่ อย่านะครับ แค่คิดเฉยๆยังไม่ได้จีบน่า” ใบหน้าขาวแดงขึ้นนิดๆ แต่ยังแกล้งทำเฉย


รัญชน์สังเกตเห็นอาการเหล่านั้นทั้งหมด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หน้าแดงขนาดนั้นไม่ชอบก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว


“คร้าบ— ไม่จีบก็ไม่จีบ... ถ้าอย่างนั้น ผมกลับก่อนนะครับ”


“ครับ กลับดีๆนะ ถึงบ้านแล้วบีบีบอกหมอด้วยนะครับ”

 










To be continued...



ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ศัตรูตัวเป้งเลย เชียร์น้องรันนะคะชอบน่ารักงุงิมาก55555

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ชักจะมีมาม่ากองโตไวรอเลยแฮะ ชักหวั่นใจซะแล้ว

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

kagehana : น้องรันตัวมุ้งมิ้ง ขี้อ้อนสิบหน่วย อิพี่หมอใจร้ายไปคบคนอื่นได้ไง





-9-





รัญชน์เปิดประตูห้องออกช้าๆก่อนจะมองเข้าไปด้านใน เสียงโทรทัศน์ที่ดังอยู่บอกให้รู้ว่าพี่ชายของตัวเองกลับมาถึงแล้ว เด็กหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าใบโปรดไปทางหนึ่ง ก่อนจะทุ่มตัวใส่คนที่ถือรีโมทอยู่


“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ”


ราเมนทร์กอดร่างเล็กที่ทุ่มตัวใส่เขาแล้วดึงให้มานั่งอยู่บนตัก


“ก็เสร็จเร็วไง วันนี้ออฟครึ่งวัน ยัยมิลค์นางแบบติดถ่ายละคร แล้วเราไปไหนมาเนี่ย หน้าบู้มาเชียว” มือใหญ่ลูบหัวเบาๆ วันนี้ดูน้องชายของเขาไม่ร่าเริงยังไงไม่รู้


“.... อือ......” คนตัวเล็กซุกใบหน้าเข้าออดอ้อนพี่ชาย ทดแทนความรู้สึกไม่พอใจที่เกิดขึ้น


“... อกหัก...”


“ฮื้อ สาวที่ไหนกล้าหักอกเราน่ะ แล้วมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นบอกพี่เลย” ราเมนทร์ยิ้มแล้วลูบหัวเบาๆ... ยิ้มอ่อนโยนอันแสนเศร้า


เขากอดร่างเล็กเอาไว้แบนอกเพื่อยืนยันว่ารัญชน์ในอ้อมกอดตนเองยังไม่ไปไหน


...ความลับที่ไม่เคยได้รู้...


...ก็ควรเป็นความลับตลอดไป...


“..... เปล่า.... รันไปชอบเขาเอง...” แขนสองข้างเอื้อมกอดเอาร่างสูงไว้แน่นโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย


“ไปชอบเค้าแล้วได้บอกยังว่าชอบน่ะ เรามัวเอาแต่คิดไปเองจนไม่ได้บอกล่ะมั้ง”


ราเมนทร์พูดพลางจับปลายผมสีอ่อนเล่น... สำหรับเขาแล้ว การได้อยู่กับคนๆนี้ในฐานะพี่ชายไปตลอดชีวิตยังคงเป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่เสมอ


...อยากให้รัญชน์มีความสุข มีครอบครัวที่แท้จริง มีภรรยาและลูก...


ความปรารถนาในฐานะพี่ชายของเขาคงมีเพียงเท่านี้


...และเขาก็หวังให้มันมีเพียงแค่นี้...ตลอดไป...


“รันชอบเขามากไหม”


สักวันหนึ่ง น้องคนเล็กในอ้อมกอดก็ต้องออกไปสู่โลกกว้าง... สักวันในอนาคตอันใกล้


...และคงไม่มีสิทธิ์รั้งไว้ในอ้อมแขนอีกแล้ว...


“ชอบ... มากไหมไม่รู้หรอก... แต่... คงบอกไม่ได้...แล้วล่ะ” รัญชน์เอ่ยตอบเสียงเบา การที่ไปรักผู้ชายอีกคนไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่จะสามารถเดินไปบอกได้ว่ารัก ดีที่สุดที่คิดได้ก็คือถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หรือไม่ก็เลวร้ายที่สุด อาจจะโดนซ้อมก็ได้ข้อหาเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน


...เพราะมีความรู้สึกแบบนั้น ถึงได้คิดว่าอกหักแน่ๆ ความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


“... ไม่เป็นไรหรอก... มั้ง”


...แต่ถึงอย่างนั้น กับราเมนทร์เท่านั้น ที่เขาต้องการให้ยอมรับตัวเขาที่เป็นแบบนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม


“รันน่ารักจะตาย อีกแป๊บเดี๋ยวก็มีผู้หญิงดีๆคนใหม่เข้ามาแล้ว” มือใหญ่ลูบหัวด้วยความเอ็นดู น้องชายที่อ้อนที่ดูแลกันมาตั้งแต่เล็กๆ... กับความรู้สึกส่วนตัวที่เปิดเผยไม่ได้...


...ถ้ามีทางที่ให้เลือก ราเมนทร์ก็มั่นใจว่าเขาจะเลือกทางที่ทำให้รัญชน์มีความสุขที่สุด...


“ถึงรันจะไม่มีใครแต่รันก็มีพี่นะ ตัวขี้อ้อน”


“จริงเหรอ...” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่โอบกอดเอาไว้ ราเมนทร์เป็นคนทำงาน เข้าสังคม และมนุษยสัมพันธ์ดี จึงไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงมากมายเข้ามาติดพัน


“... เดี๋ยวแต่งงานขึ้นมาก็ลืมกันละ...”


“ไม่ลืมหรอก...จนกว่ารันจะแต่งงาน พี่จะไม่ยอมแต่งก่อนเด็ดขาด” ...หรืออาจจะไม่แต่งไปตลอดชีวิต


ราเมนทร์ใช้ตำแหน่งพี่ชายในการอยู่เคียงข้างทั้งในและนอกบ้าน... แต่ในบางส่วนของเสี้ยวหัวใจกลับรู้สึกเกลียดคำนี้อย่างมากมาย


“พี่สัญญา” ปลายนิ้วก้อยยื่นไปข้างหน้าดวงตาสีน้ำตาลอมเทาพร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าพร้อมจะรักษาคำๆนั้นไปชั่วชีวิต




-----------------------------------------

 



หลังจากนั้น รัญชน์ก็ยังคงอบคุกกี้ไปให้ในตอนเช้า แล้วโผล่ไปหาตอนเย็น เด็กหนุ่มยังคงมีความสุขกับการได้เห็นธนกฤตทานคุกกี้นั้นอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็ต้องเก็บความเสียใจเอาไว้ลึกๆทุกครั้งยามที่เห็นวรัญญามาหาเขา— เด็กหนุ่มมาที่นี่ทุกวันเพราะมีนัดรับยา แต่วรัญญามาที่นี่แทบทุกวันเพราะมีนัดกับธนกฤต


...วันนี้ก็เป็นอีกวัน


“นัดกันอีกแล้ว... ไม่จีบเลยนะครับคุณหมอ” รัญชน์เอ่ยเย้าแหย่


“ไม่เอาล่ะครับ หมอเขิน” ในขณะที่เขียนใบสั่งยาก็อดจะยิ้มไม่ได้ ด้วยความที่วรัญญาพูดเก่งและร่าเริงสดใสทำให้รู้สึกสนุกทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาอยากจะก้าวข้ามคำว่าคนรู้จักไปเป็นคนรัก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเร็วเกินไป


“ถ้าไปบอกรัก คุณรันว่าควรจะเริ่มต้นยังไงดีครับ” หมอหนุ่มถาม


“... ก็...” รัญชน์นิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เขาควรจะหยุดความรู้สึกไว้แค่นี้ได้นานแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เป็นขนาดนี้


“บอกออกไปตรงๆสิครับ... แบบจริงใจ ถึงจะฟังดูไม่ซึ้งไม่อะไร... แต่ผมว่า... ดีที่สุดแล้วล่ะครับ” รอยยิ้มปั้นแต่งถูกยกขึ้นประดับบนใบหน้าหวาน


...กำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า...


“แล้วถ้าคุณรันถูกคนที่เพิ่งรู้จักบอกว่าชอบ... อยากจะขอคบด้วย คุณรันจะว่ายังไงล่ะครับ ผมกับคุณแนนรู้จักกันไม่นาน แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมชอบเค้า...” หมอหนุ่มถามต่อด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ


“ถ้าไปบอก... สมมุติว่าบอกคุณรันแล้วกัน คุณรันว่าหมอควรเอาดอกไม้ไปด้วยไหม”


...เจ็บปวด...


...ถ้าคุณหมอจะบอกผม แค่บอกผมเฉยๆก็ดีใจแล้วล่ะครับ...


“... ผู้หญิงก็คงชอบแหละครับ... แต่ถ้าสมมติว่าคุณหมอบอกผม... ไม่ต้องมีดอกไม้หรอกครับ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอมเทาดูหมองลงแต่ริมฝีปากก็ยังคงแต้มรอยยิ้ม


“เฮ้อ... ผู้หญิงนี่ยากจังเนอะ...” ธนกฤตถอนหายใจ แวบหนึ่งเขาเห็นแววโศกในดวงตาคู่สวย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีแรงดึงดูด... อย่างมากมาย


เด็กหนุ่มตรงหน้าอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เร่งให้เขาหาแฟน... ที่เป็นผู้หญิง


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหวั่นไหว เหงาเกินไป หรืออะไรก็ตาม แต่มีบางครั้งที่เขาอยากจะกอดคนตัวเล็กไว้แนบอก


ซึ่งหากทำอย่างนั้น... คงได้สูญเสียคนสำคัญไปอีกคน


“อือ... ยากครับ...” เด็กหนุ่มหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วเดินไปที่ประตูห้อง ใบหน้าหวานหันกลับมามองคนที่ยังยืนอยู่


“โชคดีนะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”


“ครับ...แล้วเจอกัน”






-----------------------------

 


บนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูหอมกลิ่นแดดยังมีผู้ชายคนหนึ่งที่นอนไม่หลับเพราะอาการตื่นเต้นที่ยังตกค้าง...


วันนี้เขาได้ลองทำตามคำแนะนำของรัญชน์... ซึ่งคำตอบของมันก็ปรากฎชัดอยู่บนใบหน้าที่ยิ้มจนหุบไม่ลงในตอนนี้


เขากดปลดล็อคเครื่องมือสื่อสารที่แสนสะดวกแล้วเปิดโปรแกรมบีบีแมสเซนเจอร์ขึ้นมาดูรายชื่อ พอเปลี่ยนชื่อเสร็จก็กดพิมพ์ไปหา





 

พี่หมอบีม : คุณรันนอนยังครับ

 



เสียงร้องเตือนเรียกให้คนที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังกว้างพลิกตัวมาคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู

 




little RAN : Not yet. Why? :D

 




พี่หมอบีม : ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้

 



ธนกฤตพิมพ์กลับไป ก่อนจะพิมพ์ข้อความเพิ่มไปทั้งรอยยิ้ม

 



พี่หมอบีม : เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้หมอมีเรื่องจะบอกนะครับ ฝันดี

 



ชายหนุ่มกดอีโมหน้า “ยิ้มแฮ่” ตามที่น้องสาวเรียกแล้วค่อยกดส่งกลับไปหาคนไข้ที่สนิทสนม ธนกฤตยิ้มกับโทรศัพท์อีกครั้งก่อนจะกลิ้งตัวไปหนุนหมอนข้างดูนาฬิกา


“เฮ้ย!! เที่ยงคืนกว่าแล้วเหรอวะเนี่ย...กวนคุณรันอีกแล้ว...”


ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเรื่องที่จะบอกคืออะไร เด็กหนุ่มได้แต่หลับตาลงเก็บความเจ็บปวดเอาไว้คนเดียว จากที่คิดว่าจะส่งตอบกลับไปว่าฝันดี เขาก็ทำเพียงส่งหน้ายิ้มให้เท่านั้น


...คุณแนนอะไรนั่นคงตกลงแน่ๆ...


ความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นมาทำให้ต้องขดตัวเข้าหากัน ในยามที่รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างนี้ เขากลับนึกถึงพี่ชายที่ยังไม่กลับมาเสียที


“... แย่ที่สุด...”





-----------------------------------

 


บนท้องถนนโล่งๆ รถยุโรปคันหรูค่อยๆแล่นขับเก็บภาพยามคำคืนสู่เลนส์กล้อง ราเมนทร์ลดกล้องลงวางที่ข้างเบาะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโปรแกรมบีบี

 


RAM : นอนหรือยังตัวขี้อ้อน

 


little RAN : Where r u?

 


RAM : บนรถ กำลังเก็บรูป..เดี๋ยวกลับแล้ว

 


ราเมนทร์มักจะพิมพ์ภาษาไทยเสมอ เนื่องจากจะให้น้องที่อ่อนภาษาไทยได้ฝึกฝน เขาเคยบอกให้อีกฝ่ายพิมพ์ด้วยแต่อาการเงอะงะเชื่องชาพิมพ์ผิดถูกทำให้ต้องหยวนๆไป

 


little RAN : it's lonely here....

 


ไม่ได้ตั้งใจจะออดอ้อนขนาดนั้น แต่ในตอนนี้ รัญชน์ก็รู้สึกเหงาอย่างที่พิมพ์บอกไปจริงๆ ถ้าไม่ต้องไปหาธนกฤตได้อีกเลยก็คงดี แต่เพราะอีกฝ่ายสัญญา ว่าจะหาย... ถ้าขยันทานยา ก็จะหาย เด็กหนุ่มก็อยากที่จะหายจริงๆ อย่างน้อย... เวลาของธนกฤตในฐานะแพทย์ที่โรงพยาบาลก็ยังเป็นของเขา


...ถ้าคิดแค่นั้นก็จะรู้สึกดีขึ้น


ข้อความที่ได้รับบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าคนที่ส่งมารู้สึกอย่างไร ราเมนทร์วางโทรศัพท์ลงแล้วเหยียบคันเร่ง มุ่งกลับไปยังบ้านที่มีคนตัวเล็กขี้เหงารออยู่


...เร็วขึ้นอีกนิด เพื่อไม่ให้ต้องเหงาอยู่คนเดียว...

 

 


-------------------------------




“รัน”


พอเปิดประตูได้ร่างสูงก็เรียกหาน้องชาย


“... พี่ราม.....” คนตัวเล็กเปิดประตูห้องนอนออกมา น้ำเสียงฟังดูห่อเหี่ยวกว่าที่เคย ร่างบางเดินเข้าหาก่อนจะทิ้งตัวเข้าใส่อ้อมกอดที่รอรับ


“... เขามีแฟนไปแล้ว.... แบบนี้เรียกว่าอกหักจริงๆหรือยัง?”


“ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร” ไม่เป็นไร... ทั้งรัญชน์และตัวเขาเอง


ชายหนุ่มโอบกอดคนที่ฝากร่างไว้กับเขาพลางลูงหัวเบาๆแล้วดึงมานั่งที่โซฟาด้วยกัน เขาจับผิวแก้มเย็นแล้วยิ้มออกมาได้เพราะมันไม่มีสิ่งที่เขาคิดว่าจะเห็น...


รัญชน์ยังไม่ร้องไห้... ซึ่งนั้นก็ดีแล้วเพราะเขาไม่อยากให้ใครก็ตาม... แม้จะเป็นคนที่อีกฝ่ายรัก มาทำให้น้องชายคนนี้มีน้ำตา


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานกับพี่นะ สาวๆน่ารักเยอะจะตาย อาจจะมีใครสักคนก็ได้ที่ถูกใจเรา” ปลายนิ้วเขี่ยวผมเส้นเล็กละเอียดเบาๆ


“ทีนี้ก็เหลือแค่มีรักใหม่ ลืมๆผู้หญิงคนนั้นไปเหอะ เนอะ?”


ได้ยินพี่ชายพูดอย่างนั้น ความรู้สึกผิดที่เก็บเอาไว้ก็บีบให้เขาซุกใบหน้ากับแผ่นอกกว้างนั้นก่อนจะพูดออกมาเบาๆ


“....... ไม่ใช่ผู้หญิง...”


“เฮ้ย! ว่าไงนะรัน” ราเมนทร์ดันคนตัวเล็กออกแล้วจับใบหน้าหวานให้เงยขึ้นสบตา


“ไม่ใช่ผู้หญิง?? แล้ว... แล้ว... อย่าบอกนะว่าคนที่เราชอบเป็นผู้ชาย”


หากเป็นผู้หญิงที่จะทำให้รัญชน์มีความสุข...เขาก็พร้อมจะยินดี แต่กับผู้ชาย...แค่คิดถึงเรื่องอนาคตก็รู้สึกเหมือนในอกถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น


“....ใคร....” เสียงแผ่วเบากระซิบถาม


“...... ถ้าบอก..... จะโกรธเขารึเปล่า...” นัยน์ตาคู่สวยดูเศร้าหมองไปเมื่อได้ยินคำถามนั้น


“อย่า... เกลียดรันนะ...”


“พี่ไม่มีทางเกลียดรันได้...รันก็รู้” ความจริงที่มากกว่านั้นยังไม่สามารถเปิดเผย... ความลับที่เก็บไว้ภายใต้คำว่าครอบครัว


“ผู้ชายคนนั้น...” พอพูดถึงความรู้สึกที่ฟุ้งซ่านก็ทำให้เสียงขาดหาย


“...เขาเป็นใคร...”


“...... หมอที่รักษารัน...” มือที่ยึดเสื้อของร่างสูงไว้บีบแน่นขึ้น พอได้ยินคำว่าไม่เกลียดแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา


ไอ้หมอบ้า...ราเมนทร์บริภาษในใจ


“มันทำอะไรรันหรือเปล่า” ราเมนทร์ถามต่อ เผื่อน้องชายที่ยังไม่เคยรู้จักความรักอาจจะถูกทำอะไรจนสับสนขึ้นมา หลายต่อหลายคนที่มีอะไรกัน... แล้วเข้าใจผิดว่านั่นคือรักจนต้องเสียใจ


“... ไม่ได้ทำอะไรเลย....... เขาใจดี.... รันก็เลยชอบ....” เด็กหนุ่มตัวเล็กย้ายมือไปโอบรอบเอวของพี่ชายเอาไว้


“รันแค่ดีใจที่เขาดีด้วยหรือเปล่า...มันอาจจะไม่ใช่ความชอบก็ได้นะ...” คนเป็นพี่ย้อนถาม


“ไม่..... รันรู้ความรู้สึกตัวเองดี... Don't ask me like that” พอคิดว่าพูดไม่ทัน รัญชน์จึงใช้ภาษาที่ตัวเองถนัดกว่า


พอได้ยินคำยืนยันอย่างนั้นก็ราวกับตัวเองยืนอยู่บนพื้นดินที่ไม่มั่นคง ราเมนทร์ฝืนยิ้มแล้วดึงน้องชายเข้ามากอด


“แล้วเขามีแฟน...เราจะทำยังไงต่อไปล่ะ”


“.... ก็... คงไม่ทำไงมั้ง... อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้เจอกันทุกวัน ก็โอเคล่ะ...” รัญชน์ยิ้มให้จางๆ


“เข้มแข็งจังนะเรา...ดีแล้วล่ะ” มือใหญ่ขยี้หัวน้องชายเบาๆ อย่างน้อยที่สุด... เด็กขี้อ้อนในวันวานก็สามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้


“ไปนอนกัน เดี๋ยววันนี้พี่นอนเป็นเพื่อนนะ”


“อือ ไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้วเนอะ” เขากอดท่อนแขนแข็งแรงของพี่ชายเอาไว้แล้วพาดมันผ่านลำคอของตัวเอง


“อื้อ”


ราเมนทร์รับคำ ความอบอุ่นของมือเล็กที่แตะอยู่บนแขนเป็นสิ่งที่เขาอยากจะรักษาไว้ให้อยู่กับตนเองไปชั่วชีวิต


...หรืออย่างน้อย จนกว่าน้องชายคนนี้จะรู้ความจริง...


 
----------------------------------


 

หลังจากเอาคุกกี้มาให้ตามปกติ รัญชน์ก็กลับเข้ามาโรงพยาบาลอีกครั้งตามเวลานัด แม้จะยังรู้สึกหม่นหมองอยู่บ้าง แต่ใบหน้าหวานก็พยายามแต่งแต้มรอยยิ้ม


“ไฮฮายครับพี่กุ้ง คุณหมอมาหรือยังครับ”


“ยังเลยค่า วันนี้มีนัดสาว มาแว้บเดียวก็แต่งหล่อออกไปตั้งแต่เช้าเลย” นางพยาบาลสาวส่งยิ้มหวาน


“คุณน้องรันเข้าไปในห้องก่อนไหมคะ ไปรอหมอเนอะ เดี๋ยวพี่เอาโอวัลตินมาให้”


“ครับ” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าหวานชั่วขณะหนึ่งก่อนจะรีบเดินเข้าห้องของธนกฤตไปนั่งรอ ระหว่างนั้น เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความสั้นๆส่งไป


 

little RAN : I'm here :D




 

'ติ๊ง'

 


เสียงสัญญาณดังขึ้นในระหว่างขับรถพาหญิงสาวที่เพิ่งคบหากลับบ้าน ธนกฤตไม่ได้หยิบมันออกมาเพราะกลัวจะเสียมารยาท... และเวลาดีๆที่ได้อยู่กันตามลำพัง


“แล้วไงต่อนะครับ?”


ธนกฤตหันกลับไปยิ้มหวานกับคนรักคนใหม่ โดยลืมเสียงสัญญาณเมื่อครู่เสียสนิท


 
------------------------
 


รัญชน์ถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อหันมองนาฬิกาแล้วพบว่าผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าของห้องจะเดินเข้ามาสักที เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อเปิดดูว่ามีสัญญาณ แล้วก็ไม่พบปัญหาอะไร จึงตัดสินใจกดอีกครั้ง

 


little RAN : I will die soon :P

 

 

“หมอไปก่อนนะครับ” หลังจากส่งจุมพิตร่ำลาอย่างอ้อยอิ่ง ธนกฤตก็บอกลาวรัญญาด้วยรอยยิ้มหวาน


หมอหนุ่มพาน้องบู้บี้กลับมายังโรงพยาบาล ในหัวเต็มไปด้วยจุมพิตหวานและคนรักคนใหม่ จวบจนเมื่อเหลือบมองนาฬิกาถึงได้รู้ว่าลืมอะไรไป


“ชิบหายแล้ว! คุณรัน!”











To be continued...

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
สงสารน้องรันนนนน..!!!!
พี่หมอที่แสนใจดีกำลังจะฆ่าน้องรันให้ตายทั้งเป็นนะ เจ็บปวดอ่ะ
เดี๋ยวปั๊ดเชียร์คู่ผิดศีลธรรม พี่รามน้องรันซะเลยนี่ อิพี่หมอบ้า =*=

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

kagehana : สมน้ำหน้าพี่หมอ ยุให้น้องรันทิ้งเลย อิอิอิ





-10-







“คุณรันล่ะครับคุณกุ้ง”


“... แกกลับไปแล้วค่ะคุณหมอ มีแฟนแล้วลืมคนไข้ได้ไงคะ” พยาบาลสาวค้อนใส่ก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่นต่อ


“จะให้กุ้งจัดยาเองก็ไม่ได้ คุณหมอไม่อยู่... นิสัยไม่ดีเลยนะคะ”


“คือ.....หมอ....” ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเมื่อตัวเองนั้นผิดเต็มประตู


“ขอโทษจริงๆครับ หมอลืม.....แล้วคุณรันกลับไปนานหรือยังครับ”


ธนกฤตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขากดไล่ดูข้อความที่ไม่ได้อ่าน


“โดนโกรธแน่เลย....” พึมพำเบาๆเมื่อเห็นข้อความของรัญชน์


“พักนึงแล้วค่ะ คุณหมอนะคุณหมอ...” หญิงสาวยังทำบ่นพลางหยิบเอกสารขึ้นมาจัดต่อ


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวหมอเคลียร์เอง” เขาส่งยิ้มให้นางพยาบาลที่แทบจะแยกเขี้ยวกัดหัวแล้วรีบผลุบเข้าไปในห้องทันที


“คุณรัน คุณรัน” ธนกฤตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปหา


 








พี่หมอบีม : คุณรัน ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ หมอขอโทษจริงๆที่มาสาย

 

เขากดส่งแล้วนั่งรอข้อความตอบกลับซึ่งปกติแล้วอีกฝ่ายจะพิมพ์กลับมาอย่างรวดเร็ว






ทว่ารัญชน์ที่ได้รับข้อความแล้วกลับไม่แม้แต่จะพิมพ์อะไรตอบ สายตาของเขาได้แต่มองคำขอโทษบนหน้าจอด้วยความรู้สึกหม่นหมอง


...ถ้าพิมพ์ไปว่าไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ก็คงจะได้เจอกันอีก...


...แต่ถ้าพรุ่งนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก...


...จะไม่ร้องไห้ได้เหรอ...


พอคิดถึงความรู้สึกทีกำลังเปราะบางของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

 








ถึงจะรอเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมา....


ธนกฤตรับรู้ถึงความรู้สึกผิด... และความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากนั้น เขารู้สึกวูบโหวงในหัวใจจนต้องละสายตาจากชื่อที่ขึ้นอยู่ในลิสต์

 

พี่หมอบีม : คุณรันครับ ถ้าได้อ่านข้อความเมื่อไหร่ช่วยส่งเบอร์โทรมาให้หมอด้วยนะครับ

 

หลังจากส่งข้อความไปเขาก็พิมพ์ต่อ

 

พี่หมอบีม : หมอขอโทษจริงๆครับ...

 

หมอหนุ่มวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะแล้วเอนหลังพิงกับพนักแหงนหน้ามองเพดาสีขาว เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกว่างเปล่าขนาดนี้

...กับคนไข้ที่สนิทสนมเพียงแค่คนเดียว...

 

 













“พี่ราม... กลับออสเตรเลียกันเถอะ...” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาทันที่พี่ชายเปิดประตูเข้าห้องมา ใบหน้าหวานไม่ได้มีรอยยิ้มกว้างประดับไว้อย่างเคย


“เราน่ะเหรออยากกลับออสเตรเลีย? แล้วการรักษาที่นี่ล่ะ” ราเมนทร์วางกล้องลงบนชั้นแล้วหันกลับมองใบหน้าเล็กๆที่แฝงแววเศร้า


ต่อให้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้องชายตัวเองกำลังป่วยเป็นโรครักเป็นพิษ... เหมือนตัวเขาที่เป็นมานานแสนนาน


“ไอ้หมอบ้ามันทำอะไรเราหรือไง”


“ไม่ได้ทำอะไร... ตอนแรกรันคิดว่าได้เจอทุกวันก็โอเค แต่เมื่อวานมาสาย... รันไม่เอาแล้วล่ะ ถ้าต้องไปรอๆๆๆๆๆ มันไร้ประโยชน์นะ แบบนั้นไม่เห็นมีความสุขเลย...” น้ำเสียงที่เด็กหนุ่มใช่พูดฟังดูแข็งกระด้าง


“ไม่ได้เหรอ?”


“ไม่ได้” ราเมนทร์พูดขัดอย่างไม่ให้ความหวัง เขาไม่สนเรื่องที่น้องตัวเองอยากจะเจอหมอหรืออยากหนีจากหมอ แต่ที่เป็นห่วงคือร่างกายของคนตัวเล็ก... ที่เกือบจะหายดีแล้ว


“ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะรันที่จะแก้ปัญหาด้วยการหนี ถ้าเรากลับไปตอนนี้แล้วเรื่องยาเรื่องการรักษาไม่ต้องเริ่มใหม่หมดเหรอ คิดให้ดีๆ... ทนอีกนิดให้หายก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้”


น้ำเสียงเรียบเน้นย้ำให้รัญชน์รู้ว่าเอาจริง และไม่มีการอ่อนข้อแต่อย่างใด


“ก็รันไม่อยากไปหาหมอแล้ว... พี่รามไปเอายาให้ได้ไหมล่ะ...” รัญชน์ขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตามที่เขาต้องการ


“ไม่เอา ไม่ชอบหน้าหมอ” ...ยิ่งรู้ว่าเป็นคนที่รัญชน์ชอบยิ่งเหม็นขี้หน้าเข้าไปใหญ่


“รันต้องไปดูอาการด้วยนี่ ไปเอายาอย่างเดียวไม่ได้หรอก”


“... ไม่เอา......” คราวนี้ร่างเล็กเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน น้ำเสียงที่ยืนกรานตอนแรกฟังดูอ่อนลง


“อย่าทำตัวเป็นเด็กๆนะรัน”


พี่ชายที่เคยใจดีทำเสียงเข้มใส่พร้อมแววตาที่บอกว่าไม่ยอมอย่างแน่นอน


“เออ ก็รันเด็ก!!” ร่างบางหันหลังแล้วผลุนผลันเข้าห้องตัวเองไปซ้ำยังปิดประตูเสียงดัง แล้วบิดล็อคขังตัวเองไว้ด้านใน


ราเมนทร์โผเข้าหาประตูแล้วเคาะเรียกคนที่อยู่ข้างใน


“รัน ออกมาคุยกับพี่ก่อน เปิดประตู” เสียงทุ้มไม่ดังนักแต่กลับราบเรียบจนน่ากลัว ความดื้อของเด็กคนนี้มีมากเพียงใด เขาที่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กรู้ดี


“ไม่เอา ไม่อยากคุยด้วยแล้ว!” เจ้าของห้องไม่ยอมทำตาม แม้น้ำเสียงของราเมนทร์จะฟังดูน่ากลัวกว่าปกติก็ตาม


“ไอ้ตัวขี้อ้อนคนดี เปิดประตูมาคุยกับพี่ดีๆเถอะนะ....”


ราเมนทร์เคาะประตูเบาๆแล้วบิดลูกบิดช้าๆ


“ออกมาคุยกันให้เข้าใจนะ... พี่เป็นห่วงเรา...”


“ไม่เชื่อ...” รัญชน์พูดเสียงเบาลง เขาเดินมาที่ประตูห้องของตัวเองอีกครั้ง


“เปิดนะ” ราเมนทร์พูดเบาๆก่อนจะยิ้มออกมาได้เพราะเสียงปลดล็อค


ใบหน้าหวานดูหม่นหมองคล้ายคนจะร้องไห้


“...” รัญชน์ทำท่าคล้ายจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ทำแค่เดินเข้าไปหาคนตัวโตกว่า


ท่อนแขนแข็งแรงโอบรับคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบอก มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเบาๆคล้ายจะปลอบประโลมให้คลายเศร้า


“อดทนอีกนิดนะ....”


“อืม... จะพยายามนะ...” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกเบาๆก่อนจะหลับตาลง


...จะทำได้แค่ไหนก็ยังไม่รู้...


“ดีมากคนเก่ง” ราเมนทร์พูดเบาๆแล้วยิ้มให้เรือนผมสีอ่อน


ไม่ใช่ว่าไม่สงสาร รสชาติของความรักที่ไม่เป็นไปตามต้องการนั้น... ตัวเขาเองลิ้มรสมาจนชาชิน


ความรู้สึกผิดที่ถาโถมซึ่งเกิดมาจากเรื่องความลับ แม้จะอยากเปิดเผยเท่าไรก็ไม่สามารถทำได้


...เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน...


“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วไปนอนนะ”


“อื้อ... นอนด้วยกันอีกนะ” รัญชน์กลับมาเป็นตัวขี้อ้อนตัวเดิมอีกครั้ง


“อือ เอานิทานก่อนนอนไหม” ราเมนทร์หยอกพลางลูบหัวเบาๆ


...ถ้าได้อยู่ที่ตรงนี้...


...ต่อให้ต้องรักษาความลับไปตลอดชีวิตก็ยอม...


 

 




“พี่ธัน หวัดดีครับ” เด็กหนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นไหว้เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นรับไหว้


“ว่าไงครับรัน” ธันย์ชนกเอ่ยถามธุระเพราะปกติคนตรงหน้ามักจะไม่เคยมาเคาะประตูเรียกทักทายกัน จึงพอเดาได้ว่าอาจจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า


“คือ... ผมไม่ค่อยอยากไปหาหมอ แต่ว่าถ้าไม่ไป พี่รามต้องโวยวายแน่ๆเลย พี่ธันพอจะว่างไปเอายาให้ผมไหมครับ”


“ยา? ได้สิครับ ยังไงก็ไม่ได้ต้องไปไหนทั้งวันอยู่แล้ว... แต่รันไม่ต้องไปตรวจ ไม่เป็นไรเหรอครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง


“ไม่เป็นไรครับ แค่เอายาเฉยๆ... ตรวจเสร็จไปนานแล้วล่ะครับ” คนฝากธุระยิ้มกว้างพลางหยิบซองยาเก่าขึ้นมาแล้วส่งให้ ก่อนจะค่อยๆอธิบายว่าต้องไปติดต่อที่ไหน อย่างไร


 

 





“เอ่อ... สวัสดีครับ ผมมาติดต่อรับยาให้กับคุณรัญชน์ ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อกับใครครับ...” ธันย์ชนกที่มาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลก็เอ่ยถามทันทีพลางยื่นซองยากับบัตรผู้ป่วยของรัญชน์ให้


“สักครู่นะคะ” นางพยาบาลสาวคีย์ข้อมูลคนไข้ลงคอมพิวเตอร์แล้วคลิกเพื่อหาเวลานัด


“ห้องตรวจนอกเวลานะคะ คุณหมอธนกฤต เดี๋ยวเชิญติดต่อได้ตรงโต๊ะนางพยาบาลด้านหน้าแล้วรอสักครู่... อ่อ เดินเลี้ยวไปทางห้องขวามือนะคะ”


ธันย์ชนกเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก เขามองหน้าพยาบาลสาวสักครู่ก่อนจะเดินเข้าไปหา


“ผมมาพบคุณหมอธนกฤตครับ”


“สักครู่นะคะ” กันยามองคนที่มายืนหน้าเค้าเตอร์แล้วรับบัตรคนไข้มา


“เอ่อ... ขอโทษนะคะ กุ้งขอสอบถามข้อมูลนิดนึง บัตรนี้เป็นของน้องรันไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติหรือเปล่าคะ”


“... ประมาณนั้นครับ” ชายหนุ่มร่างเพรียวยิ้มให้จางๆ


“แล้ววันนี้น้องรันไม่มาเอาเองเหรอคะ หมอบีมนี่น่าตีจริงๆ...” ประโยคหลังกันยากลับพึมพำกับตัวเอง


หญิงสาวเปิดช่องที่เอาไว้คุยและส่งใบต่างๆกับนายแพทย์แล้วกรอกเสียงเข้าไป


“หมอบีมคะ คนไข้มาค่ะ” พูดจบก็ยื่นประวัติส่งให้แล้วปิดช่องนั้นด้วยอาการกระแทกกระทั้นนิดๆ


“เดี๋ยวเชิญญาติน้องรันเข้าไปในห้องได้เลยค่ะ คุณหมอรออยู่ในห้องแล้ว”


ธันย์ชนกก้มหัวพร้อมเอ่ยขอบคุณอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ห้องตรวจ


“สวัสดีครับ คุณหมอ”


“สวัสดีครับคุณระ...” ธนกฤตที่ส่งยิ้มกว้างเตรียมต้อนรับคนคุ้นเคยชะงักลงเมื่อเห็นใบหน้าเต็มๆ


“เอ่อ...” เมื่อก้มดูในประวัติคนไข้ก็พบว่าเป็นของรัญชน์ นัยน์ตาสีเข้มที่ติดจะหรี่นิดๆเลยมองคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยความสงสัย


“เอ่อ... เป็นญาติคุณรันเหรอครับ”


นอกจากเส้นผมสีอ่อนที่ดูเข้มกว่านิดหน่อยแล้ว... อีกฝ่ายก็ไม่มีอะไรเหมือนรัญชน์สักนิด


ทั้งท่าทาง กิริยา... แม้กระทั่งการแย้มยิ้ม


ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มจางๆให้ก่อนจะเอ่ยตอบเช่นเคย


“ประมาณนั้นครับ” เขาค่อยๆสังเกตคนตรงหน้าช้าๆ สีหน้าที่ดูจะผิดหวังของธนกฤตทำให้เขารู้สึกแปลกใจ


“คุณรันไปไหนเหรอครับ หรือว่าไม่สบายมารับยาเองไม่ได้” ธนกฤตปรับสีหน้าแล้วถามต่อ


...หรือว่ายังโกรธไม่หาย...


“พอดีแกต้องตามพี่ชายไปทำงานที่เชียงใหม่น่ะครับ” ธันย์ชนกโกหกไปตามน้ำ เรื่องที่ราเมนทร์ต้องไปเชียงใหม่นั้นเป็นความจริง


ตอนได้ยินว่ารัญชน์ไม่อยากมาพบ ก็คิดว่าเป็นแค่เด็กเกลียดหมอ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ให้ความรู้สึกน่ากลัวหรืออะไรเลย


“เหรอครับ ไม่ทราบว่าไปนานไหมครับ” หมอหนุ่มถามพลางเขียนจำนวนยาที่เพิ่มมาเป็นสำหรับหนึ่งอาทิตย์


“แล้วไปเชียงใหม่มียาทานเหรอครับ ถ้ายังไงหมอรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์คุณรันหน่อยได้ไหมครับ”


“ก็คงนานครับ คิดว่าแกคงอยากเที่ยวต่อ ถ้ายังไง ขอรับยาไปในส่วนของสองอาทิตย์ได้ไหมครับ” ธันย์ชนกเอ่ยถามพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดไล่หาเบอร์ ก่อนจะยื่นให้ธนกฤตดู


“นี่ครับ เบอร์”


“ขอบคุณครับ” เขาถือวิสาสะหยิบมือถืออีกฝ่ายมาดูแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเซฟเบอร์


...ในเมื่อบีบีไปไม่ยอมตอบ...บางทีวิธีนี้อาจจะดีกว่า


“จริงๆแล้วสองอาทิตย์ควรจะมาตรวจบ้างนะครับ ถ้ายังไงหมอฝากบอกคุณรันว่ากลับมาเมื่อไหร่ให้มาหาด้วยนะครับ”


ธนกฤตส่งมือถือคืนพลางยิ้มพร้อมกับเขียนตัวยาเพิ่มอีกเท่าหนึ่งแล้วยื่นส่งผ่านทางช่องเอกสารให้พยาบาลหน้าห้อง


“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวเชิญรับยาที่ห้องหมายเลข8นะครับ”


“ขอบคุณมากครับ” ธันย์ชนกยกมือขึ้นไหว้พลางลุกขึ้น


“เดี๋ยวผมจะบอกคุณรันให้ครับ” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ไม่อาจอธิบายได้


ธนกฤตนั่งมองเบอร์โทรศัพท์ที่เซฟไว้ก่อนจะถอนหายใจยาว...


ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเช่นนี้คืออะไรเขาเองก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ หากจะเรียกว่าเป็นห่วงก็ดูจะไม่พอสำหรับขอบเขตความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้นในทุกที


...ห่วงหา...


คงเป็นคำจำกัดความที่ใกล้เคียงที่สุด ณ ตอนนี้


ปลายนิ้วเปิดโปรแกรม บีบี แมสเซนเจอร์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความ... ที่ได้รู้ว่าอ่านแต่ไม่มีคำตอบกลับมา

 


พี่หมอบีม : ไปเชียงใหม่ไม่ยอมบอกกันเลยนะครับ ให้คนอื่นมาเอายาให้ด้วย กลับมาเมื่อไหร่แวะมาหาหมอด้วยนะครับ

 


พี่หมอบีม : ขอโทษอีกครั้งเรื่องวันก่อน คราวหน้าไม่มีอีกแล้ว สัญญาครับ

 







คนที่นอนเล่นอยู่บนเตียงได้แต่มองข้อความที่ส่งเข้ามาอยู่นาน จนสุดท้าย รัญชน์ก็เริ่มพิมพ์ข้อความตอบ

 

little RAN : it's ok. U don't have to apologize. U're my doctor so I suppose to wait but I'm busy. I'll go see u when I can

 



'ติ๊ง'




ธนกฤตสะดุ้งเมื่อมีเสียงสัญญาณเข้า เขารีบคว้ามากดดูแล้วก็เจอข้อความตอบกลับที่ดูจะเย็นชาต่างจากทุกครั้ง


เมื่ออ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาก็จับน้ำเสียงที่แฝงในตัวอักษรได้ว่าความรู้สึกคงไม่ต่างจากวันที่เขาปล่อยให้รอ ธนกฤตรีบพิมพ์ข้อความกลับไปอีกครั้ง


 

พี่หมอบีม : ขอโทษที่ทำให้คุณรันรู้สึกไม่ดีนะครับ ไม่รบกวนแล้วครับ

 


ข้อความที่พิมพ์ไปหวังจะได้รับคำตอบอย่าง ‘ไม่กวนครับ’ หรืออะไรก็ได้ตามนิสัยร่าเริงของเจ้าตัว แต่สุดท้าย... มันก็ขึ้นเพียงสัญลักษณ์ที่บอกว่าเปิดอ่านแล้วและไม่มีอะไรตอบกลับมาอีกเลย

 

 







“ครับ...เมื่อกี้คุณแนนว่าไงนะครับ” ธนกฤตถามทวนเป็นครั้งที่สามของค่ำคืนนี้


หลังจากกลับมาถึงบ้านธนกฤตก็อาบน้ำและโทรศัพท์หาคนรัก วรัญญาชวนคุยเรื่องนู่นนี่ที่เขาเคยคิดว่ามันสนุกสนาน...แต่วันนี้ดูจะไม่มีอะไรเข้าหัวสักนิด


-คุณบีมเหม่ออีกแล้วนะคะ แนนถามว่าพรุ่งนี้คุณอยากจะไปดูหนังด้วยกันไหมคะ?- หญิงสาวพูดเป็นทีต่อว่าแต่ก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก


-มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ-


“ไม่มีอะไรครับ ผมสบายดี หล่อเหมือนเดิม” ธนกฤตรีบพูดตบท้ายด้วยอารมณ์ขันเพื่อให้อีกฝ่ายทำลืมๆไอ้ที่เขาเหม่อไป


“คุณแนนอยากดูเรื่องอะไรครับ แต่หมอเข้าเวรเลิกสามทุ่มกว่าแน่ะ เอาไงดีครับ”


-เอ... หนังรอบสุดท้ายประมาณ4ทุ่ม... แต่ถ้าคุณบีมไม่อยาก... ทำอย่างอื่นแทนก็ได้นะคะ- หญิงสาวพูดเสียงหวานปนกับเสียงหัวเราะ


“ถ้างั้นเรื่องหนังเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ ช่วงนี้ผมเหนื่อยๆ....” ชายหนุ่มถอนหายใจ ตอนนี้เขาไม่อยากจะทำอะไรสักนิด


-ได้ค่ะ... ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้แนนไปหาเอาไหมคะ จะได้หาอะไรทานกัน- น้ำเสียงของวรัญญาฟังดูสดใสหมายจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น


“ไปก็ได้ครับ..แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องแล้วนะ คุณแนนอยู่ไหนครับ” ธนกฤตกรอกเสียงที่ฟังดูร่าเริงลงไป แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยๆก็ตาม


“ให้ผมไปรับทานข้าว..หรือไงดีครับ”


-ซื้ออะไรง่ายๆไปทานที่ห้องคุณบีมก็ได้ค่ะ- วรัญญายิ้มออกมาพลางเอ่ยตอบ


“โอเคครับ แล้วเจอกันครับ”

 

 







บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวง่ายๆวางอยู่สองสามจาน ธนกฤตตักข้าวจากโถข้าวแบ่งใส่จานแล้วเลื่อนส่งให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ


“ถ้าคุณแนนไม่มาวันนี้ผมต้องกินมาม่าแน่เลย ขอบคุณนะครับ”


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณบีมจะได้ไม่เหนื่อยด้วย เนอะคะ” ริมฝีปากที่แต้มสีส้มอมชมพูแย้มรอยยิ้มหวานให้


“ได้เจอคุณแนนก็หายแล้วครับ” หมอหนุ่มตักกับข้าวใส่จานให้อย่างเอาใจ


ธนกฤตกินข้าวเงียบๆพลางฟังหญิงสาวที่เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังอยากออกรส เขายิ้ม...หัวเราะ แต่เนื้อหาเหล่านั้นกลับไม่เข้าหัวสักนิด


จวบจนเมื่อมื้ออาหารเสร็จสิ้น เขาก็นั่งมองถ้วยขนมก่อนจะเริ่มเก็บล้าง


“เดี๋ยวรอผมล้างเสร็จแล้วจะไปส่งนะ แป๊บนึง”


หญิงสาวหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มจางๆให้


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แนนขับรถมา... คุณบีมพักผ่อนเถอะค่ะ ดูเพลียๆขนาดนี้ เดี๋ยวเด็กๆจะเป็นห่วงนะคะ”


“งั้นเดี๋ยวไปส่งที่รถนะครับ” ธนกฤตเร่งล้างจาน พอสลัดมือลวกๆเช็ดเสร็จก็เดินนำวรัญญาลงลิฟท์ไปชั้นล่าง


“กลับดีๆนะครับ”


“ค่ะ...” รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปบ้างเมื่อไม่มีจุมพิตหวานเบาๆอย่างเคย


“ไว้หายเหนื่อยแล้วไปดูหนังกันนะคะ”

“ครับ”













To be continued...

--------

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
หมอบีมไม่รู้ใจตัวเอง !!! *เขย่าคอ*
สงสารน้องรัน สุดท้ายก็ต้องรอจนกลับไปก่อน
ยังไงสุขภาพก็ต้องมาก่อนนะน้องรัน
รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ สงสารจริงๆ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
รันรามไม่ได้เป็นพี่น้องกันชัวรรรรรรรรร์
อีพี่หมอไม่รู้จะว่าอะไรดีมาแต่ต้นมาตายตอนที่9และ10โอ้ยยยยยยยยยยยสงสารรันนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mach201

  • บุคคลทั่วไป
โมโหหมอบีม ถ้าหนูรันไปแล้วจะรู้สึก  :m16:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : ให้โอกาสพี่หมออีกสักครั้งนะคะ เชิญทุบตีได้ตามสบายค่ะ ฮิฮิ  o18



-11-








เป็นอีกคืนที่ธนกฤตได้ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยล้า จริงอยู่ว่าการได้คบหากับวรัญญานั้นมีความสุข... แต่ก็เหมือนอะไรต่างๆได้ขาดหายไป ทั้งที่ไม่น่าจะเหงาแต่ก็กลับรู้สึกแบบนั้น...


สองอาทิตย์กว่าๆที่ไม่มีคุกกี้มะนาวและใบหน้าเปื้อนยิ้มของรัญชน์... เด็กหนุ่มคนนั้น


ธนกฤตดึงผ้าห่มผืนนุ่มขึ้นมาคลุมร่างทั้งๆชุดทำงาน... คืนนี้เขาไม่คิดอยากจะโทรหาคนรักเพื่อฟังเรื่องราวของตัวเธอเท่าไร่


เขารู้... วรัญญาไม่มีความผิดอะไรเลย เธอยังเป็นคนเดิมที่น่ารัก คุยเก่งและทำให้เพลิดเพลิน


...บางทีคงเป็นความรู้สึกตัวเองที่เปลี่ยนแปลง...


ปลายนิ้วได้รูปไล่ตามรายชื่อของคนที่เมมไว้แล้วกดโทรออกหาใครบางคนที่รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมานาน


...ไหนว่าแค่สองอาทิตย์แล้วจะกลับมาหา...


-สวัสดีครับ- น้ำเสียงราบเรียบดังผ่านปลายสายด้วยเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก


“คุณรันผมหมอบีมนะครับ พอดีจะโทรมาถามว่าคุณรันว่างเมื่อไหร่ผมอยากให้เข้ามาดูอาการแล้วก็รับยาเพิ่ม ยาหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”


ธนกฤตรีบกรอกเสียงไปยืดยาว... เสียงที่ไม่ได้ยินมานานทำให้ความรู้สึกบางอย่างชัดเจน


-............. ครับ แต่ผมยุ่งอยู่ จะให้คนไปเอาแทน แค่นี้ก่อนนะครับ- พูดจบ เด็กหนุ่มก็วางสายโดยไม่คิดจะฟังอะไรต่อ


ธนกฤตนอนฟังเสียงสัญญาณที่ถูกตัด เขาปล่อยมือจากมือถือให้มันตกลงบนที่นอนพลางมองเหม่อไปยังเพดานสีขาวซึ่งเป็นเงาสลัวด้วยความมืด


...จะสายเกินไปหรือเปล่านะ...


...ที่จะรู้ใจตัวเอง...


 

 






“สวัสดีครับ ผมมารับยาแทนคุณรัญชน์เหมือนเดิมครับ” ธันย์ชนกยิ้มจางๆเช่นเคยขณะแจ้งความต้องการของตัวเองกับกันยา


“มาแทนอีกแล้วเหรอคะ น้องรันยังไม่กลับเหรอ” กันยาถามพลางยิ้มให้แล้วเปิดช่องส่งประวัติการรักษาให้ธนกฤต


“เชิญเข้าในห้องเลยค่ะ”


ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้แต่ยิ้มให้แทนคำตอบก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องของธนกฤต


“สวัสดีครับ คุณหมอ... ผมมารับยาแทนคุณรัญชน์ครับ”


“สวัสดีครับ” ธนกฤตทักตอบ


“ยังไม่กลับจากเชียงใหม่เหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทางกังวล


“ไม่ว่างน่ะครับ...” ธันย์ชนกเอ่ยตอบก่อนจะนั่งลง


“ยังไงขอสองอาทิตย์เหมือนเดิมนะครับ... ใกล้จะครบกำหนดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”


“หมอให้ไม่ได้ครับเพราะต้องดูอาการก่อน” ธนกฤตยิ้มแต่ในมือกลับไม่เขียนอะไรสักนิด


“ถ้ายังไงฝากคุณบอกคุณรันด้วยนะครับว่าคราวนี้ต้องมาเอาเองแล้ว....”


“แต่ว่าแกไม่ว่าง... ผมคิดว่าคุณหมอน่าจะเข้าใจนะครับ” ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าเอ่ยเสียงเข้มขึ้นเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมทำให้


“ไม่ว่างไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มก้มหน้าเขียนตัวยาที่จำเป็นแล้วยื่นให้ทางช่องส่งของ


“หมอให้ห้าวัน... ที่เหลือเดี๋ยวหมอจัดการเองครับ เชิญรับยาที่ห้องจ่ายยาเบอร์8นะครับ”


“... ขอบคุณครับ” ธันย์ชนกยอมจำนน ลุกขึ้นก่อนจะหันหลังให้ แต่ก่อนที่จะได้ออกไป เขาคิดว่าอย่างน้อยเขาควรจะพูดสิ่งที่คิดไว้


“ผมว่า ถ้าคุณหมอมีปัญหาอะไรกับแก... น่าจะรีบไปเคลียร์นะครับ...” ชายหนุ่มหันมาบอก แล้วจึงเปิดประตูเดินออกจากห้องไป


ธนกฤตรับคำแนะนำนั้นด้วยการพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน


...ถ้าเป็นตอนนี้คงยังทัน...


...อย่าให้ต้องมีใครเจ็บปวดไปกว่านี้เลย...


 

 







...สองอาทิตย์กว่าแล้ว...


พออยู่คนเดียวในห้องก็นึกถึงคนที่หายหน้าไปนานขึ้นมาทุกที ทางด้านวรัญญาที่กำลังพูดคุยก็ยังไม่ได้พบกันเสียที ธนกฤตรับรู้ถึงหมอกควันจางๆซึ่งปกคลุมอยู่บนบรรยากาศของคำว่าคนรักระหว่างตนเองกับหญิงสาว ราวกับว่าต่างคนก็ต่างรู้ถึงความผิดปกติ... แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากเสียที


“...ทำไมมันเหงาอย่างงี้วะ...”


ธนกฤตเอื้อมไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่วางไว้ข้างเตียงนอน แล้วทิ้งตัวกลิ้งพลิกนอนคว่ำเอาใบหน้าเกยหมอนแล้วกดเปิดเรียกรูปขึ้นมาดู


หน้าจอLCDแสดงภาพคนตัวเล็กที่ยิ้มหวานให้กล้องอย่างไม่ปิดบัง นัยน์ตาสีสวยเป็นประกายจนราวกับคนๆนี้มายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าได้รูปเอียงนิดๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นเซตในห้องน้ำที่ดูต่างจากปกติ... รอยยิ้มหวานแฝงความเย้ายวนซึ่งพรางอยู่กับรูปร่างที่ยังไม่ดูโตเต็มวัย หากแต่นับแค่นัยน์ตาและแพขนตาชุ่มแแล้ว... ถือว่าอันตรายต่อหัวใจยิ่งกว่าอะไร


แม้รูปบางรูปจะเลือน หลุดโฟกัส หรือไม่ได้มุมด้วยเพราะความอ่อนด้อยของฝีมือคนถ่าย แต่ธนกฤตก็ยอมรับกับตัวเองว่ารูปเหล่านี้คงเป็นสมบัติที่มีค่าอย่างหนึ่งในชีวิตเขา


รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าขาว ดวงตาสองชั้นแต่เรียวยางยังคงจับจ้องอยู่กับรูปที่แสดงอยู่ เขากดเลื่อนดูรูปจนมันวนขึ้นใหม่อีกรอบก่อนจะถอนหายใจแล้ววางกล้องลง


“ทำไมต้องเป็นอย่างงี้ด้วยวะ ไอ้โง่...”


ธนกฤตซุกหน้าลงกับหมอน


...จะปรึกษาใครก็ไม่ได้...


...แต่จะให้ทิ้งความรู้สึกนี้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน...


“...คุณรัน....”


เสียงทุ้มพึมพำชื่อคนที่อยู่ในภาพอีกครั้ง... ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความคิดถึง...









 

 

รัญชน์เทยาชุดสุดท้ายใส่ฝ่ามือก่อนจะยกขึ้นใส่ปาก แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตาม


“... พี่ธันก็ไม่ยอมไปเอาให้แล้ว.....” เด็กหนุ่มนึกถึงสิ่งที่คนข้างห้องบอกไว้ก่อนจะยื่นยาให้

 
“พี่คิดว่ารันควรจะไปตรวจด้วยนะครับ อย่างน้อยหนเดียว จะได้รู้ว่าหายแล้ว... จะให้พี่ไปเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ว่า ต้องไปตรวจนะครับ”

 
“เจ็บชะมัด....” คนพูดสูดปากด้วยความเจ็บริมฝีปาก แก้มด้านซ้ายบวมแดงถูกมือประคองไว้แต่อีกมือนึงกลับเคาะประตูหน้าห้องใครบางคน ธนกฤตยิ้มกับถุงยาในมือแล้วเคาะอีกครั้ง


“พี่ธัน.... เปลี่ยนใจยอมเอายาให้ผมแล้วเหร-??!!” เด็กหนุ่มลุกมาเปิดประตูห้องพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใส ทว่าพอเห็นคนที่ยืนอยู่ ก็กลับรีบปิดประตูทันที


ธนกฤตอาศัยจังหวะที่ประตูยังปิดไม่สนิทสอดไหล่เข้าไปขวาง แรงประตูที่ปะทะกับไหล่ทำให้หน้าเหยไปนิดหน่อยแต่เขาก็ฝืนยิ้มเท่าที่ใบหน้าที่มีรอยช้ำทำได้


“คุณธันไม่มาแต่หมอบีมมาเยี่ยมครับ” ดวงตาหรี่หยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยวด้วยรอยยิ้มมองอย่างติดจะอ้อนเล็กน้อย


“คุณรันกลับจากเชียงใหม่แล้วไม่ยอมเอาของฝากไปให้ผมมั่ง นัดตรวจก็ไม่ไปด้วย... ผมเลยถือวิสาสะมาหาครับ”


“... ครับ ก็ผมไม่ว่างไปนะ... คุณหมอมีธุระอะไรก็รีบว่ามาเลยครับ” นัยน์ตาคู่สวยมีแวววูบไหวไป แม้จะอยากเอ่ยถามถึงรอยช้ำบนใบหน้าแต่ก็อดใจไว้


...ทั้งๆที่กำลังตัดใจ ยังจะโผล่หน้ามาให้เห็นแบบนี้อีก...


...เป็นหมอประเภทไหนกัน...


“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ แค่เป็นห่วง...” วูบหนึ่งธนกฤตเห็นความหวั่นไหวในแววตา แต่มันก็ถูกกลบด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“คุณรันให้ผมเข้าไปข้างในหน่อยนะครับ... เดี๋ยวใครมาเห็นผมแบนเป็นตุ๊กแกแบบนี้ขายหน้าแย่”


รอยยิ้มหวานส่งไปอีกครั้ง ตามด้วยมือหนาที่เอื้อมไปแตะแขนอีกฝ่าย


ร่างบางขยับถอยหนี คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ทั้งน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็ยังฟังดูแข็งกร้าวกว่าที่เคย


“ไม่จำเป็นนะครับ... คุณหมอมาดูแล้ว ผมยังไม่ตายนะ ก็หมดธุระแล้วนะครับ”


“คุณรันโกรธอะไรผมใช่ไหมครับ” ธนกฤตอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอดันประตูเข้าและแทรกกายสู่ภายในห้องได้สำเร็จ


...ถ้ายอมแพ้แค่นี้ก็จบ...


ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้อีกนิด นัยน์ตาสีเข้มมองค้นหาคำตอบในแววตาคู่สวย


“โกรธอะไรครับ? ไม่เห็นมีอะไรต้องโกรธนะ” รัญชน์ยิ้มกว้างทั้งๆที่พยายามฝืนตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เผยความอ่อนแอออกมา


“กลับไปเถอะครับ”


“คุณโกรธ... ผมรู้” ธนกฤตยิ้มหวานแล้วแตะที่ข้อมืออีกฝ่ายเบาๆ


“ผมคิดถึง... คุกกี้มะนาวที่คุณแอบมาให้ตอนเช้าจัง” ต่อให้โง่แค่ไหนใครก็รู้ ก็เล่นของฝากหายไปพร้อมเจ้าตัว ยังไม่นับข้อความที่เคยถามว่าชอบคุกกี้มะนาวหรือเปล่าอีก


หนีใจตัวเองมาหลายต่อหลายครั้ง... ดีแต่ทำให้คนรอบข้างเจ็บปวด


...แต่เมื่อมันชัดเจน ก็อยากขอโอกาสอีกครั้ง...


“ผมคิดถึงคุณรันนะ”


“อะไรครับ พูดแบบนั้นคุณแนนได้ยินจะเข้าใจผิดเปล่าๆนะครับ” เด็กหนุ่มร่างเล็กพยายามคุมเสียงของตัวเองให้เรียบนิ่งไว้


“อย่าทำลายขั้นตอนของผมสิครับ...” เพราะตั้งใจจะลืมให้ได้ ถึงได้ไม่ติดต่อ ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอะไรทั้งนั้น


“ไม่เข้าใจผิดหรอกครับ” เจ้าของนัยน์ตายิ้มชี้ให้ดูแก้มขาวๆที่เป็นรอยมือแดงอย่างชัดเจน


“ถึงจะผิดกับคุณแนน แต่ผมยอมโดนตบดีกว่าที่จะหลอกเขาไปวันๆ... เวลาชอบใครน่ะมันแบ่งหัวใจไม่ได้หรอกนะครับคุณรัน”


ธนกฤตมองใบหน้าสวย... หวังให้รู้สึกถึงสิ่งที่เต็มตื้นอยู่ในอก


“บอกขั้นตอนที่คุณรันคิดจะทำให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”


“ทำไมผมต้องบอกครับ... ไม่ใช่ธุระของคุณหมอนะ...” คิ้วที่ขมวดเข้าหากันในตอนแรกค่อยๆคลายออกเมื่อสบกับสายตาที่มองมา


“ถ้างั้นบอกขั้นตอนที่จะทำให้คุณรันหายโกรธหมอแทนนะ”


“... ฮะฮะฮะ....” เด็กหนุ่มหน้าหวานแค่นยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะเบาๆ


“ผม.... บอกว่าไม่ได้โกรธ คุณหมอไม่เข้าใจเหรอครับ? ต้องให้ผมพูดอีกกี่ทีนะ” ในเมื่อรัญชน์หนีมาเพราะพยายามตัดใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวด


...How can I be pissed off...


...When I’m nothing to you...


“ไม่เข้าใจครับ... ไม่โกรธแล้วทำไมต้องหายไปด้วย” ธนกฤตมองคนตัวเล็กที่ต้องฝืนตัวเองทั้งที่หางตาเกือบจะเป็นสีแดงก่ำแล้ว


“เรามาพูดความจริงกันดีกว่าครับ...” น้ำเสียงที่มักอ่อนนุ่มติดจะขี้เล่นแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง


“ผมเลิกกับคุณแนน เพราะผมมีคนที่ชอบคนอื่นแล้ว”


“... แล้วยังไงครับ? ทำไมผมต้องฟังด้วย??”


“ผมชอบคุณรันครับ” ธนกฤตพูดหนักแน่นก่อนจะยืนยันด้วยนัยน์ตาสีเข้มที่มองอย่างมีความหมาย


“อาจจะผิดกับคุณแนน... ที่โดนตบก็เพราะสาเหตุนี้...”


วรัญญาบอกกับเขาว่าจริงๆก็ตะหงิดๆในใจตั้งแต่ที่คบกันอย่างรวดเร็วเกินไป แถมยังมัวแต่คิดถึงอะไรก็ไม่รู้ ในทีแรกก็คิดว่าเป็นผู้หญิงอื่น… แต่พอรู้แล้วก็ตกใจนิดหน่อย


ใบหน้าสวยของหญิงสาวเศร้าลงนิดหน่อยก่อนจะพึมพำเบาๆว่า


‘ก็เหมือนกันแหละค่ะ... ฉันเองก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ แต่ในฐานะที่คุณพูดออกมาก่อนแถมยังชอบผู้ชาย... ถ้าอย่างนั้น... ขอทีนึงนะคะ’


“ผมอยากบอกให้คุณรันฟัง...แค่นี้แหละครับ”


“...........” น้ำตาที่พยายามฝืนไว้ค่อยๆไหลเอ่อออกมาจากดวงตาคู่สวย จากที่ถอยตัวห่างกลับเดินเข้าหาก่อนจะยกมือขึ้นยึดเสื้อของร่างสูงเอาไว้


“... พูดจริง... นะ” น้ำเสียงของรัญชน์ฟังแผ่วเบาสลับกับเสียงสะอื้น


“ครับ...” ถ้ากอดตอนนี้จะเป็นไรไหม...


อ้อมแขนแข็งแรงยกขึ้นแบบกล้าๆกลัว ใจหนึ่งคิดแค่จะตบไหล่เบาๆปลอบใจ… แต่สุดท้ายเขาก็สวมกอดแล้วดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามาแนบกาย


“ให้ผมเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่า... ว่าคุณก็ชอบผมเหมือนกัน” ธนกฤตยิ้มกับเรือนผมสีอ่อนพลางลูบเบามือ


“.... ครับ...” เด็กหนุ่มร่างเล็กซุกใบหน้าเข้ากับร่างสูง ทั้งดีใจและมีความสุขจนรู้สึกว่าทุกอย่างท่วมท้นไปหมด


“... ชอบ....” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่ก้มลงมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้


“ผม... พยายาม... จะไม่ไปหา จะได้ตัดใจ...”


“ขอโทษนะครับ...คราวนี้ไม่ต้องไปหาแล้วก็ได้” มือใหญ่เลื่อนขึ้นปาดน้ำตาบนผิวแก้ม


“ให้ผมมาหาแทน… อย่าหายไปอย่างนี้อีกนะ”


ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่แหงนมองดูทั้งน่ารักและน่าสงสาร


...เอาไงดีวะ...


...ถ้าจูบจะเร็วเกินไปไหม...


“ถ้างั้นขอหลอกคุณรันอีกเรื่องได้ไหมครับ...” นัยน์ตายิ้มจนโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว


“... อื้อ... อะไรครับ” นัยน์ตากลมโตกระพริบมองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า


“จะหลอกคุณรันมาเป็นแฟน... คบกับผมได้ไหมครับ....” ธนกฤตยิ้มหวานแล้วก้มลงหอมแก้มเปื้อนน้ำตาเบาๆ


“บอกตามตรงว่าผมเองก็รู้แค่ว่าผมชอบคุณ ไม่อยากให้คุณหลบหน้า... ผมไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นยังไง ผมไม่เคยชอบผู้ชายในแบบนี้มาก่อน... แต่… ผม... แค่ชอบคุณ”


คำพูดวกวนแสนสับสนพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากที่เลื่อนเข้าใกล้ ธนกฤตใช้มันแตะเบาๆที่กลีบปากสีสวยของรัญชน์แล้วหลับตาลง.... มอบจูบแสนหวานให้คนตัวเล็ก


“จะยอมให้ผมหลอกไหมครับ”


ร่างบางขยับยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอหนา รั้งเอาไว้ไม่ให้จุมพิตหวานได้ละจากไป ราวกับอยากจะเก็บเอาไว้ในความทรงจำให้นานแสนนาน ก่อนที่จะเป็นฝ่ายถอยออกมา แต่กลับไม่ยอมปล่อยวงแขนที่โอบอีกฝ่ายไว้ ปลายเท้าของรัญชน์เขย่งจนแทบจะไม่ติดพื้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้อีกต่อไป


“ผมไม่ยอมให้หลอกนะ... ผม... จริงจัง....”


“ครับ” คำรับที่ไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะจริงจังหรือไม่พูดตอบ ธนกฤตกดจมูกลงบนท่อนแขนเรียวที่พาดบนไหล่ก่อนจะดึงออกช้าๆแต่ยังกุมมือเล็กเอาไว้


“ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ... ไม่ต้องแอบเอาคุกกี้ไปวางด้วย ผมจะรอรับเองครับ”


“... จะไปแล้วเหรอครับ.......” น้ำเสียงหวานติดจะออดอ้อนเล็กน้อย ก่อนจะบีบมือสองข้างเอาไว้


“ตอนเย็นผมแวะไปหาได้ไหมครับ?”


“ไม่ต้องถามสิครับ... คนเป็นแฟนกันคิดถึงก็มาหาเมื่อไหร่ก็ได้” ธนกฤตย่นจมูกแล้วแกล้งจุ๊บเสียงดังที่ข้างแก้ม


“จริงๆจะไปกับผมเลยก็ได้นะครับ มีคิวตอนบ่ายสอง... ไม่มีเวร ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ” นัยน์ตายิ้มได้มองแล้วยิ้มหวานตบท้าย


...วันนี้ไม่รู้ว่าชอบแค่ไหน...


...แต่วันพรุ่งนี้จะชอบมากกว่าวันนี้...แน่นอน...


นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอมเทาเหลือบมองก่อนจะค่อยๆคลี่รอยยิ้มหวาน


“งั้นผมไปด้วยครับ”


“รอนานนะครับ” หมอหนุ่มพูดยิ้มๆอย่างตั้งใจจะหยอกมากกว่าขู่จริง


“ให้ผมมารับที่นี่ก็ได้นะ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไปเล่นกับเด็กๆก่อนก็ได้...” รัญชน์ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะหันไปคว้าเอากระเป๋าของตัวเองออกมาสะพายเช่นเคย มือเรียวเอื้อมไปจับแขนของอีกฝ่ายไว้


ธนกฤตยิ้มหวานกับปลายนิ้วสั่นๆที่จับบนท่อนแขนของเขาก่อนจะดึงแขนตัวเองออกแล้วเปลี่ยนเป็นจับมือแทน


“แบบนี้ดีกว่ามั้งครับ” เขาชูมือที่ไขว้ประสานกันขึ้นให้อีกฝ่ายมองเห็นชัดเจน


คราวนี้นัยน์ตากลมโตทอประกายสดใสขึ้นมา ก่อนที่ริมฝีปากสีอ่อนจะแย้มรอยยิ้มแสนหวานยิ่งกว่าการถ่ายแบบครั้งไหน


“ครับ!”

 











To be continued...

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
กรี๊ดดดดดดคุณหมอมาแรงคะแนนหรอค่ะ? อยากบอกว่าได้ผลจังๆค่ะ เอาไปเลยล้านแต้มโอ้ยยยยยยยยยยยยยน่ารัก อ่อนโยนมากกกกกกกก คุณแนนก็กลับไปเคลียร์กับแฟนเก่าสะนะ แบร่

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

kagehana : พี่ธันของเค้ามาแล้วค่ะ เป็นตัวละครโมเอะแบบเมียๆ(?) ขอฝากไว้อีกคนนะคะ








-12-






“อย่าว่าพี่นินทาหมอเลยนะคะ แต่ไอ้รอยตบบนแก้มนี่สงสัยไปทำอะไรใครเข้าแหง ไม่เลิกกับแฟนก็โดนจับได้ว่ามีกิ๊ก” กันยาป้องปากกระซิบรัญชน์ที่นั่งอยู่ด้านข้างตรงที่รอคนไข้ หญิงสาวชะเง้อคอมองแล้วเม้าท์ต่อ


“แต่อย่างหน้าอย่างหมอบีมไม่มีคบซ้อนแน่ๆ เพราะงั้นคงโดนบอกเลิก น้องรันว่าจริงไหมคะ”


“คงงั้นแหละครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหัวเราะไปด้วยพลางลุกมายืนท้าวแขนกับเคาน์เตอร์พยาบาล


“น่าสงสารเนอะครับ”


“เอ๊—— น้องรันพูดแบบมีเลศนัยอย่างงี้ยังกับรู้อะไรมาเลย หายหน้าไปสองอาทิตย์กว่าพอกลับมาก็มีอะไรงุบงิบๆกะหมอบีมอีก... ชักน่าสงสัยนะคะ” กันยายื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วอมยิ้ม รัญชน์ทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องคนเล็ก... และหมอบีมก็คงคิดไม่ต่างจากเธอเช่นกัน


“นั่งรอหมอบีมนานๆไม่เบื่อเหรอคะ”


“ไม่หรอกครับ คุยกับพี่กุ้ง สนุกดี” รัญชน์ยิ้มหวานพลางโยกตัวไปมา


“บางทีก็ไปเล่นกับเด็กๆ ไม่เบื่อครับ”


“ระวังเด็กๆ... ติดทีนี้ต้องมาทุกวันนะคะ” นางพยาบาลสาวเอ่ยหยอก พอดีกับเวลาที่ช่องด้านข้างเลื่อนเปิด


“อันนี้เรียบร้อยแล้วครับ ส่งเรื่องห้องจ่ายยาได้เลย” คนที่อยู่ด้านในได้โอกาสสบตาคนตัวเล็กด้านนอกแล้วรีบยิ้มหวานให้ทันทีที่กันยาหันหลังให้ตน


“คิวผมแล้วนะครับพี่กุ้งคนสวย—” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอ่ยบอกก่อนจะเดินสวนกับคนไข้คนก่อนโดยไม่รอคำอนุญาตจากคนข้างใน แต่ก่อนที่ประตูห้องตรวจจะปิดลง รัญชน์หันมาหากันยาอีกครั้ง


“เด็กๆติดไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชอบเด็กๆ”


“หมอก็ชอบเด็กๆเหมือนกันครับ” นายแพทย์หนุ่มที่ปั้นหน้าเคร่งขรึมเปลี่ยนเป็น “หมอบีม”ทันทีที่ปิดประตูได้


“ไม่ได้เจอคุณรันในห้องตรวจตั้งนาน... เขินจัง”


“... ไม่ต้องเรียกว่าคุณรันดีกว่าครับ... เรียกรันเฉยๆได้ไหม... มันฟังดูสุภาพเกินไป...” เขานั่งลงที่เก้าอี้แล้วยกกระเป๋าวางไว้ที่เก้าอี้ข้างๆกันอีกตัว


“ไม่เห็นต้องเขินเลยครับ” รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้า


“รันเฉยๆ ว้า— ยาวจัง” ธนกฤตเล่นมุกแป้กอย่างไม่เกรงใจคนตัวเล็ก


“เรียกรันก็ซ้ำกับคนอื่นสิครับ... งั้น...” นัยน์ตาสีเข้มมองคนตัวเล็กอย่างตั้งใจพิจารณาแต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มบางๆตลอด


“เรียกคุณรันว่าตัวเล็กแล้วกัน น่ารักดี” พูดจบก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มเขินๆที่ทำให้สาวๆหลายคนต้องเขินตาม


“ทีนี้ตาหมอบ้าง อยากให้ตัวเล็กเรียกว่าพี่บีม...ได้ป่ะ”


อย่างน้อย... ‘พี่บีม’ คงไม่ฝืนใจที่จะเรียกเท่าไรล่ะมั้ง...


“... ว้า— ยากจัง...” รัญชน์ทำเสียงล้อเลียนอีกฝ่ายก่อนจะยกรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะโน้มตัวมาบนโต๊ะที่แยกเขากับธนกฤตไว้


“ให้ผมเรียกว่า พี่หมอ แทนได้ไหมครับ”


“อย่าเข้ามาใกล้นักสิครับ... หมอขี้อายนะ” คนขี้อายที่ยิ้มร่ายื่นตัวเองเข้าไปใกล้แล้วแอบจุ๊บที่แก้มขาวเบาๆ


“เรียกว่าพี่บีมสิครับตัวเล็ก เดี๋ยวเรียกพี่หมอๆก็หันมาทั้งโรงบาลหรอก”


ธนกฤตดึงตัวกลับแล้วเอนหลังพิงเบาๆก่อนจะหยิบชาร์ตประวัติขึ้นมาเขียนยาประจำให้


“จะเรียกแบบนั้นได้ไงครับ... เดี๋ยวคนอื่นก็แปลกใจหมดหรอก ว่าทำไมคนไข้เรียกพี่บีม... ผมอยากเรียกว่าพี่หมอ... ไม่ได้เหรอครับ” ท้ายประโยคเขาจงใจลากเสียงให้ออดอ้อนพลางจ้องมองดวงตาสีเข้มของฝ่ายตรงข้าม


“แต่พี่บีมอยากให้เรียกพี่บีมนี่ครับ” ธนกฤตรู้ตัวดี ในขบวนการดื้อแพ่ง... ทั้งตระกูลไม่มีใครเกินหน้าเขา ที่จะพอสูสีหน่อยก็มียัยแบม แต่ก็ยัง‘เด็กๆ’อยู่ดี


ธนกฤตแกล้งเม้มปากแล้วบู้ออกคล้ายเวลาเด็กถูกขัดใจ


“นะตัวเล็ก... เด็กๆก็เรียกหมอบีม รันจะเรียกพี่บีมก็ไม่เห็นแปลก”


เด็กหนุ่มท้าวแขนพลางเอียงคอมองแพทย์ประจำตัว


“งั้น... ผมอยากเรียกว่า ‘พี่หมอบีม’ ได้ไหมครับ”


...เจอคนที่สมน้ำสมเนื้อแล้วสิ...


ธนกฤตยิ้มพรายก่อนจะยักไหล่ยอมแพ้


“โอเค พี่หมอบีมก็พี่หมอบีม เดี๋ยวเอาไว้อยู่กันนานๆจะให้เรียกพี่บีมให้ได้เลย... คอยดูสิ”


ชายหนุ่มหยิบหนังสือเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลรักษาของคนตัวเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปไว้ตรงหน้า


“อันนี้พี่หมอบีมให้ครับ... ของขวัญเด็กดี....”


“... ขอบคุณครับ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอมเทาทอประกายเริงร่าก่อนจะรับมาใส่กระเป๋าไว้


“ใกล้หายแล้ว ขยันกินยาสักเดือนเนอะ เอาไว้อ่านนะครับ” ธนกฤตเปิดช่องส่งยา


“เดี๋ยวพรุ่งนี้นัดเช้ามาเจาะเลือดดูเนอะ ป่ะ วันนี้ไปกินข้าวเย็นกัน พี่หมอบีมสุดหล่อจองร้านเพื่อนไว้แล้ว”


“ครับ งั้นเดี๋ยวผมบีบีบอกพี่ก่อน” คนตัวเล็กยิ้มหวานพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองเข้ามา แล้วกดเข้าโปรแกรมบีบี

 



little RAN : I'll have dinner with Dr. today :D I'm in a super happy mode right now. He said he felt the same and now we're going out! :DDDDDDDDDDD

 

 





'ติ๊ง'


ข้าวของที่หอบพะรุงพะรังถูกวางไว้หน้าประตูห้องด้วยเสียงเข้าข้อความที่ตั้งไว้ให้น้องชายตัวเล็กโดยเฉพาะ


ราเมนทร์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดดูข้อความด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วันนี้เขาซื้ออาหารญี่ปุ่นเซทใหญ่จากร้านที่เคยไปกินกัน แม้จะต้องต่อคิวรอนานเกือบชั่วโมงแต่แค่คิดถึงรอยยิ้มกว้างเวลาที่รัญชน์ได้กินของอร่อย... เวลาแค่นี้ก็ไม่เท่าไร


ปลายนิ้วเลื่อนเปิดอ่านข้อความ ราเมนทร์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจ


“เป็นหมันเลยนะเรา” รอยยิ้มเศร้าๆส่งให้ถุงกับข้าวที่วางบนพื้น

 


RAM : อือ อย่ากลับบ้านดึกล่ะ พี่อยู่ที่บ้านแล้วนะ

 



เขากดส่งข้อความไปแล้วก้มลงหยิบถุงอาหารญี่ปุ่นที่ซื้อขึ้นมามอง


...จะคนเดียวก็เยอะเกินไป...เก็บไว้พรุ่งนี้ก็ไม่อร่อยแล้ว...


นัยน์ตาสีน้ำตาลเทามองไปยังประตูห้องที่อยู่ใกล้ๆกัน ก่อนจะก้าวไปเคาะหน้าห้องทันทีโดยที่ไม่ต้องคิด


“คุณธันครับ... ผมรามครับ”


...กินคนเดียวเหงาจะตายไป...


...คงยังไม่ได้กินข้าวหรอกมั้ง...


เสียงตึงตังโครมครามดังมาจากด้านในให้คนเคาะประตูได้ประหลาดใจเล่น แต่ยืนรออยู่ไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้อง


“... สวัสดีครับ?” ธันย์ชนกมีเพียงรอยยิ้มจางๆประดับใบหน้า เรือนผมสีอ่อนดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงผิดจากปกติ พอสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองราวกับแปลกใจ เขาก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเบาๆตามแบบของเจ้าตัว


“พอดีผมปีนชั้นหนังสืออยู่... แล้วลื่นนิดหน่อยน่ะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยถามธุระ


“คุณรามมีอะไรหรือเปล่าครับ”


“นี่ครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าห้องชูถุงกับข้าวจากร้านอาหารให้ดู


“คุณธันทานข้าวยังครับ”


ผมยุ่งๆฟูๆที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวชวนให้รู้สึกเอ็นดูคนอายุมากกว่าไม่น้อย ราเมนทร์ยิ้มจางๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้... อีกนิด


“ถ้ายัง...ผมซื้ออาหารญี่ปุ่นเจ้าอร่อยมา มาทานด้วยกันนะครับ”


“ได้สิครับ” ผิวแก้มที่ดูไร้สีสันคล้ายจะมีสีฝาดขึ้นมา


“ช่วงนี้ห้องผมรกไปหน่อย... ขอโทษด้วยนะครับ...” ร่างโปร่งหลีกทางให้ราเมนทร์ได้เดินเข้ามา


“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องขอโทษที่มารบกวน” ราเมนทร์ถือกล้องแนบลำตัวแล้วเดินเข้าสู่ภายใน


ห้องขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือที่อัดกันแน่น แต่ดูโดยรวมก็เรียบร้อยดี... จนติดจะจืดชืด หนังสือบางส่วนวางอยู่บนพื้นเหมือนรอการเก็บซึ่งดูจะตรงกับเก้าอี้ที่ถูกเอามาวางไว้หน้าตู้ในห้องรับแขกเช่นกัน


“ผมมากวนหรือเปล่าครับ ดูคุณธันยุ่งๆ”


“ไม่กวนหรอกครับ ห้องมันรกไปอย่างนั้นแหละ—!!? โอ๊ย!” เจ้าของห้องที่พยายามก้มลงเก็บหนังสือที่รกกลับเป็นฝ่ายสะดุดหนังสือของตัวเองจนล้มลงกับพื้นห้อง


“โทษทีครับ” ธันย์ชนกได้แต่หัวเราะพร้อมทั้งเอ่ยขอโทษ


ราเมนทร์ยิ้มกลั้นขำ พยายามเก็บอาการไว้ ดูๆไปแล้วธันย์ชนกยิ่งเหมือนตุ๊กตาล้มลุก สะดุดนั่นล้มนี่ ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้เจอก็รู้สึกแปลกใหม่ไม่ซ้ำกันสักครั้ง


“เจ็บไหมครับ” ถามพร้อมกับยื่นมือรอให้คนตัวเล็กกว่าเอื้อมมาจับ


“หนังสือคุณธันเยอะจัง... ดูแล้วน่าเวียนหัว ผมอยู่ด้วยคงหลับแน่ๆ”


ธันย์ชนกมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจับไว้


“ครับ... ก็... เป็นนักเขียนก็... น่าเบื่อแบบนี้แหละครับ” เพราะเป็นคนเก็บตัว เพราะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่อยากให้ใครได้พบหน้า


“เปล่าครับ หนังสือต่างหากที่น่าเบื่อ... คุณธันขำออก...” แค่เห็นก็ตลกแล้ว คนอย่างนี้ไม่มีวันน่าเบื่อไปได้ ราเมนทร์คิดในใจ


“ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวอิ่มแล้วผมมาช่วยจัดนะครับ วันนี้ผมว่าง”


“........... ได้เหรอครับ” หลังจากยันตัวขึ้นมาแล้ว เขาก็ใช้นิ้วดันแว่นกรอบใหญ่ที่เลื่อนหลุดลงมาให้เข้าที่


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” ราเมนทร์อมยิ้ม ความเจ็บปวดที่เกาะกุมหัวใจเมื่อครู่ดูเหมือนจะเบาบางลง นัยน์ตาสีน้ำลอมเทามองธันย์ชนกด้วยความสดใส


“เดี๋ยวผมยืมใช้ครัวหน่อยนะครับ”


แบบห้องที่สร้างเหมือนกันทำให้เขารู้ว่าห้องอะไรอยู่ที่ไหน ราเมนทร์เดินเลาะกองหนังสือเข้าในห้องครัวก่อนจะหยิบจานที่คว่ำบนที่วางมาวางบนโต๊ะ


“คุณธันเอาชุดแซลมอนย่างซีอิ๊วหรือทงคัตสึดีครับ” เสียงทุ้มถามทั้งที่มือยังแกะห่ออยู่


“คุณรามเลือกก่อนเลยครับ ผมกินได้หมด” เขาเดินตามเข้ามาในครัวแล้วมองใบหน้าด้านข้างของราเมนทร์ด้วยสายตาอ่อนโยน


...กับความรู้สึกที่แอบซ่อนไว้


“ไม่ได้ครับ ผมมากวน ต้องให้คุณธันเลือก” พอพูดไปก็รีบหันมองหน้าแล้วยิ้มให้


“งั้น... ทงคัตสึก็ได้ครับ” ชายหนุ่มเจ้าของห้องหันหลบรอยยิ้มนั่นก่อนจะตอบอ้อมแอ้มแล้วเดินหลบออกมา


“ทานตรงไหนดีครับ” ราเมนทร์จัดจานเสร็จก็ยกออกมาหาทางด้านนอก เขามองเส้นผมสีอ่อนที่มีปากกาทัดใบหูแล้วขำกับสีหน้าเหรอหราของเจ้าตัว


“คุณธันครับ....ปากกา” ช่างภาพหนุ่มยักคิ้วทำท่าบุ้ยใบ้


...ถ้าทำผมอีกนิด...จับมาถ่ายรูปได้สบายเลย


ธันย์ชนกมองหาโต๊ะที่ตอนนี้กำลังโดนสุมด้วยกองกระดาษและหนังสือมากมาย เขานึกอยากจะร้องไห้ออกมา ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามบอกล่วงหน้าคงมีเวลาจัดห้องมากกว่านี้


“ขอโทษนะครับ... ห้องผมรกจริงๆ... จะมีก็ห้องนอนเล็กแหละครับ... ห้องนอนใหญ่ผมใช้เก็บหนังสือจนรกไปหมดแล้ว”


“กินในห้องนอนงั้นเหรอครับ” ราเมนทร์เลิกคิ้ว สำหรับเขาแค่มีที่นั่งก็พอแล้ว แต่ดูธันย์ชนกจะกังวลจนเกือบลนลาน เขามองร่างเพรียววิ่งเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของก็อดขำไม่ได้


“ไม่ต้องรีบครับ เดี๋ยวล้มนะ”


“... ครับ......” เขาได้แต่รับคำเบาๆ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นไปจนถึงใบหู


ราเมนทร์มองใบหน้าขาวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่ออย่างนึกขำ ทั้งที่อายุสามสิบกว่าแล้วแต่ทำไมถึงยังน่ารักได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ แค่มองก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่... ต่างกับตัวขี้อ้อนที่บ้าน


พอนึกถึงรัญชน์ ดวงตาสีแปลกก็หม่นลงโดยไม่รู้ตัว


ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก... หากแต่ทำตัวเป็นไม่รู้สึก หากบอกความลับไปที่ยืนในฐานะพี่ชายก็คงไม่เหลือ ความผิดบาปที่ไม่มีใครอภัย... แต่ต่อให้ต้องกำความเจ็บปวดไว้ในมือจนเลือดไหลหมดตัวเขาก็จะทำ


...ถ้าแค่รัญชน์มีความสุข...


...ถ้าแค่รอยยิ้มนั้นยังคงอยู่...


...ต่อให้หัวใจต้องเจ็บ...


...ก็ยอม...


ราเมนทร์พรูลมหายใจช้าๆพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้สดชื่นขึ้น


“ที่ห้องนอนมีโต๊ะเล็กไหมครับ จะได้เอามาวางจาน”


“... อ๊ะ ครับ— มีครับ...” ธันย์ชนกที่ลอบสังเกตแววหมองในดวงตาสีอ่อนรีบตอบก่อนจะกุลีกุจอหยิบโต๊ะพับตัวเล็กออกมากางตั้งบนพื้นห้อง


ชายหนุ่มรับเอาจานที่ราเมนทร์ถือมาจัดวางลงบนโต๊ะรูปสีเหลี่ยมแล้วจึงเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง


ไม่รู้ว่าสาเหตุของความหมองหม่นนั้นคืออะไร ทว่าหากไม่อยากพูดถึง เขาก็ไม่อยากจะถามให้ละลาบละล้วงเกินไป


“... ทานเลยนะครับ” เขายิ้มนิดๆพลางเปิดฝากล่องทงคัตสึออกมา ไอร้อนจากด้านในลอยขึ้นจับแว่นกรอบหนาจนเป็นฝ้า มือสองข้างวางกล่องข้าวลงก่อนจะถอดแว่นออกมา ใช้ชายเสื้อเช็ดบริเวณกระจกให้สะอาดเหมือนเดิม


ราเมนทร์ลอบมองกิริยาที่ราวกับเด็กๆแล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ ใบหน้าขาวที่ไม่ได้ถูกกรอบแว่นหนาบดบังดูอ่อนกว่าอายุจริงที่ขึ้นเลขสามไปมาก แพขนตายาวที่หรุบลงต่ำปิดบังนัยน์ตาคู่สวยเอาไว้แทบจะมิด... ถ้ามองไม่ผิด เขาเห็นแววเขินอายปรากฎอยู่บนใบหน้านั้นด้วย


“ถอดแว่นออกก็ได้นะครับ คุณธันโครงหน้าสวย ทำไมไม่ใส่คอนแทคเลนส์ล่ะครับ” ...เสียดาย หากว่าสนิทกันมากกว่านี้อีกนิดจะขอถ่ายรูปให้ได้เลย


“ส... สวยอะไรครับ?” ธันย์ชนกทำหน้าตกอกตกใจก่อนจะคว้าตะเกียบคีบข้าวเข้าปาก


“... เคยใส่แล้ว..... ไม่ชอบครับ... แบบนี้ดีกว่า...” สายตาของเขามองไปทางอื่น ราวกับไม่อยากจะพูดถึงสาเหตุไปมากกว่านี้


“น่าเสียดายนะครับ” เจ้าของนัยน์ตาสีแปลกเอ่ยเบาๆแล้วหยิบตะเกียบของตัวเองขึ้นมา เขาจัดการกับฝากล่องข้าวของตัวเองก่อนจะฉีกชิ้นปลาแบ่งไปวางบนข้าวธันย์ชนก


“ให้ชิมครับ เจ้านี้เจ้าโปรดของรันเค้า รับประกันความอร่อย”


“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธันย์ชนกอีกครั้ง เขาค่อยๆคีบปลาชิ้นนั้นเข้าปากก่อนจะเอ่ยชมว่าอร่อยจริง


...ถ้าจะเก็บความสุขในตอนนี้ไว้คนเดียว...


...คงจะไม่เป็นไร...


 

 

 




To be continued...




--------

ออฟไลน์ janji

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ชอบคุณธันจัง รีบมาต่อนะค่ะ รออยู่ค่ะ
 :call: :L2:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
สงสารพี่รามนะ ขอให้ตัดใจจากรันได้
ไปรักพี่ธันก็ได้น้า


 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ธันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
30แล้วหรอโหย30ก็ยอมถ้าน่ารักแบบนี้ฮิ้ว
พี่หมอบีมกับรันก็หวานเสมอชอบๆๆ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 
-14-







“เอ๋?? พี่หมอก็รู้จักร้านนี้เหรอครับ??” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาหันมามองคนข้างๆที่กำลังดึงกุญแจรถออกมา


“พี่บีมครับ” ‘พี่หมอ’ แก้ให้เสร็จสรรพ


“ก็นี่เป็นร้านเพื่อนพี่ตอนม.ต้นน่ะครับ ก็ยังติดต่อกันมาเรื่อยๆ ตอนนี้เปิดร้านใหญ่โตแล้ว” นัยน์ตาที่ติดจะหยีเล็กน้อยมองบรรยากาศรอบๆอย่างชื่นชม


“พี่แวะมากินบ่อยๆ รันเคยมาเหรอครับ”


“พี่รามเคยพามาหนนึง ซูเปอร์อร่อยเลย” เด็กหนุ่มร่างเล็กทำเป็นเมินคำแก้ ซ้ำยังแย้มรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า ยามปรายสายตามามองร่างสูงที่อยู่ข้างๆ


“เชฟผมทองหรือนักเปียโนครับ ที่เป็นเพื่อนพี่หมอ”


“ไอ้ยุตครับ ผมทอง...” ...ส่วนนักเปียโนน่ะแฟนมัน ธนกฤตละไว้ในใจ


มือใหญ่เลื่อนขึ้นโอบไหล่บางเบาๆแล้วพาเดินไปยังโต๊ะที่โทรมาล็อคคอเจ้าของร้านไว้แล้ว


“คราวหน้าเรียกพี่หมออีกจะตีเลย” ธนกฤตยิ้มพรายก่อนจะชี้นิ้วไปยังจมูกโด่ง... ว่าจะใช้อะไรตี


“ตีเลยครับ... พี่หมอบีมคนดี” รอยยิ้มหวานจับบนใบหน้าของเขา น้ำเสียงในท้ายประโยคจงใจลากเน้นย้ำทีละคำ


“เดี๋ยวเหอะ! ตัวเล็กขี้แกล้ง” ธนกฤตหยิกแก้มเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะพาไปนั่งที่โต๊ะ และเป็นทันทีกับที่ร่างสูงในชุดเชฟได้เดินมาด้วยเช่นกัน


“ไงไอ้ยุต”


“ก็เรื่อยๆว่ะไอ้หมอ” เชฟหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสนิทสนมและตบไหล่อีกฝ่ายด้วยแรงที่ไม่เบานัก


“คุณนัทไปไหนอ่ะ เตรียมเล่นเปียโนเหรอ” หมอหนุ่มถามถึงอีกคนที่ปกติมักเดินมาด้วยกัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้เมื่อเห็นว่ากำลังเดินมาลิบๆ


“หวัดดีครับคุณนัท”


“สวัสดีครับคุณบีม” ชายหนุ่มร่างบางในชุดสูทสีเทายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะมองเลยไปที่คนข้างๆ เขาจำแขกคนนี้ได้ ว่าเคยมาแล้วหนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะเป็นคนรู้จักของธนกฤตไปได้


“สวัสดีครับ... ผม... ญาณัชครับ”


“ครับ— ผมจำได้ คุณเล่นเปียโนเก่งมาก คราวที่แล้วไม่ได้แนะนำตัว ผม... รันครับ” ท่าทางทักทายแบบเป็นกันเองซ้ำยังเปิดเผยแบบนี้ ทำให้นักเปียโนหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้


...เพราะเหมือนคนใกล้ตัวที่ขโมยอาของเขาไปอยู่อเมริกาด้วยกันแล้ว


“ตัวเล็กนี่คุณนัท กับไอ้ยุตเพื่อนพี่” พอคนตัวเล็กเริ่มทักทายกันเอง หมอหนุ่มเลยนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำกันเลย


“แล้วก็คนนี้ ชื่อรัน...” ธนกฤตยันไปยิ้มหวานแล้วพูดต่อ


“แฟนฉันเอง”


ธนกฤตเห็นสีหน้าแปลกใจของทยุตวูบหนึ่ง แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าแทน


“สวัสดีอีกครั้งครับ คุณรัน”


“ผมชอบสเต็กย่างถ่านของคุณยุตที่สุดเลย วันนี้เอาอย่างเดิมก็แล้วกันครับ” รัญชน์ยิ้มหวานทั้งนัยน์ตาและริมฝีปาก


“ได้ครับ” ทยุตรับคำพร้อมหยิบสมุดออเดอร์ที่พกไว้ติดตัวขึ้นมาจด เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลาที่คนยังมาไม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็จะได้ออกมาเดินรับออเดอร์และทักทายแขกไปในตัว แต่พอสักทุ่มขึ้นไป... ช่วงเวลานั้นแทบเรียกได้ว่าต้องเก็บตัวในห้องครัวเลยที
เดียว


“เอาซี่โครงหมูบาบีคิว แล้วก็นมชมพู น้ำแตงโม”


“เอาอะไรตั้งสองสามน้ำวะ”


“ก็อยากกินทั้งสองอย่าง แกจะทำไมวะ” ลูกค้าคนสนิทยิ้มตาหยีให้ ทำเอาคนรับออเดอร์แทบขำตาม


“คุณรันรับน้ำอะไรดีครับ” ทยุตถาม


“โค้กครับ! ซีโร่ด้วย” เมื่อรู้ว่าเป็นคนสนิทขนาดไหน เขาก็เพิ่มความเป็นกันเองให้ทันที


“กินน้ำอัดลม...” ธนกฤตหันไปมองใบหน้าสวยที่มีแววงงเล็กน้อย


“กินน้ำอย่างอื่นเหอะตัวเล็ก น้ำอัดลมไม่ดีต่อสุขภาพ”


เชฟหนุ่มถึงกับต้องหันไปอีกทางเพื่อกลั้นยิ้ม ไอ้นิสัยรังเกียจน้ำอัดลมของไอ้หมอนี่ไม่หายเสียที... แถมยังชอบนมชมพูขัดกับหน้าตาอีก


“ก็ตัวเล็กชอบนี่ครับ... พี่หมอบีมคนดี” รอยยิ้มหวานจัดวาดขึ้นบนริมฝีปากสีอ่อน นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายระยิบ จงใจออดอ้อนอย่างไม่ปิดบัง


“กินน้ำเปล่าเนอะ หรือน้ำแตงโมพี่ก็ได้”


รู้อยู่หรอกว่ากำลังถูกอ้อน แต่เขาไม่ชอบ ไม่อยากให้กินด้วยซ้ำ


“ยุต... ไม่มีน้ำอัดลมขายใช่ไหม”


“มี...”


“ไอ้นี่!”


ธนกฤตขมวดคิ้วแล้วหันไปหาคนตัวแล็กแทน นัยน์ตาสีเข้มสบกันก่อนจะหยักเป็นจันทร์เสี้ยวตามรอยยิ้ม


“เอาโค้กจริงๆเหรอ.....”


“อื้ม...” เด็กหนุ่มหน้าหวานรับคำก่อนจะใช้สายตาช้อนมองอีกฝ่าย


...มุขนี้อ้อนพี่ชายสำเร็จมาแล้วทุกครั้ง...


...ก็น่าจะสำเร็จด้วยเหมือนกันน่า...


ใบหน้าหวานยื่นเข้าใกล้จนปลายจมูกแทบชนกันก่อนจะแย้มรอยยิ้มหวานออดอ้อนออกมาอีกครั้ง


“... นะ”


ใบหน้าเล็กๆกับรอยยิ้มหวานออดอ้อนทำให้ธนกฤตตัดใจพูดว่าไม่ไม่ลง เขามองเด็กหนุ่มครู่หนึ่งแล้วจับแก้มอีกฝ่ายให้หันออกพลางกระซิบข้างหู


“ตัวเล็ก... คนเยอะครับ... หอมไม่ได้นะ”


พอถอยห่างมาได้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากสั่งน้ำดื่มที่คนตัวเล็กอยากกินเองพร้อมส่งตาเขียวๆให้เชฟหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง


“คุณนัทนั่งคุยกันก่อนไหมครับ” ธนกฤตพูดหลังจากคนรับออเดอร์ตัวโตได้เดินเข้าหลังครัวไปแล้ว


“ไส้กรอกลูกชิ้นอยู่ไหนครับเนี่ย”


ชายหนุ่มผมยาวยิ้มจางๆก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มหู


“คงตามไปหลังครัวนั่นแหละครับ... ถ้าไม่รีบไป ถึงเวลาผมเล่นเปียโนแล้วจะไม่ได้กินข้าวครับ” ญาณัชรับคำเชิญด้วยการนั่งลงที่โต๊ะ


“ผมนั่งคุยกับคุณรันก่อนก็ได้ครับ”


“งั้นเดี๋ยวผมไปหาไอ้ยุตแป๊บนึง ฝากรันด้วยนะครับ” ถึงจะเอ่ยฝากกับอีกคนแต่นัยน์ตาพราวระยับกลับมองรัญชน์ ธนกฤตปลีกตัวจากทั้งคู่ไปยังด้านหลังที่ทำเป็นห้องครัวด้านนอกด้วยการเดินที่บอกว่าคุ้นเคยแค่ไหน


อันที่จริงตอนอยู่มัธยมเขากับทยุตก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไรนักเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างเก็บตัว เขาเพิ่งมาสนิทกันก็เมื่อประมาณปีกว่าๆที่มาเป็นลูกค้าร้านนี้โดยบังเอิญ จากนั้นก็แวะมาบ่อยๆพร้อมรำลึกความหลังให้เจ้าของชื่อร้านฟัง จากนั้นเลยกลายเป็นสนิทกันไปโดยไม่รู้ตัว


“ไงไส้กรอกลูกชิ้น” ธนกฤตทักทายเจ้าสองหมาที่วิ่งหน้าเริ่ดมารับถึงที่


“หมาดี... หมาสวย” ลูบพลางชมเอาใจ ซึ่งแน่นอนว่าไส้กรอกกับลูกชิ้นพันธุ์หมาต่างแย่งกันเบียดตัวออดอ้อนขึ้นสองเท่า


“ตามมามีไรวะ จะมาช่วยเหรอ” ทยุตถามโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากเตาย่าง


“มาเป็นแขกเว้ย มีเรื่องอยากถามแกหน่อย”


“ว่า?”


“เอ่อ...” ธนกฤตอึกอัก ใจหนึ่งก็อยากจะถาม แต่อีกใจหนึ่งก็ออกจะขัดเขิน


“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนใจชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เมื่อก่อนยังบ้าผู้หญิงอยู่เลย”


คำพูดตรงๆทำเอาคนฟังจุกในอก บอกตามตรง... เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแค่คิดว่าอยากอยู่ใกล้ อยากกอด อยากสัมผัส


“ก็ไม่รู้ว่ะ รู้ตัวอีกทีก็ชอบเข้าไปแล้ว...”


ทยุตกลับชิ้นเนื้อแล้วหันมามองเพื่อนตรงๆ นัยน์ตาสีเขียวจางมองธนกฤตอย่างพิจารณา


“ก็นั่นสินะ ชอบมันไม่ต้องมีเหตุผลหรอก เหมือนฉันกันนัทไง” ทยุตมองอีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆแล้วพูดต่อ


“รักผู้ชายมันไม่ง่ายนะไอ้หมอ ฉันเองยังไม่เท่าไหร่ วงการพวกนี้รักเพศเดียวกันถมไป... แต่แกล่ะ พ่อ น้อง คนที่โรงบาล... ถ้าเปิดเผยไปล่ะ แกคิดไว้ยังว่าจะทำยังไง”


ธนกฤตมองน้ำมันในเนื้อหยดลงบนถ่าน ควันของมันลอยขึ้นช้าๆในอากาศ



“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลยว่ะ แต่เท่าที่ฉันรู้ ฉันชอบเขา...”



รอยยิ้มบางๆจับริมฝีปากของชายหนุ่มลูกครึ่ง ก่อนจะแย้มเป็นรอยยิ้มกว้างที่เข้าอกเข้าใจ


“ถ้าแกพูดว่าชอบเขาได้เต็มปากอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงมั้ง... ไอ้หมอ”

 










 

“คุณนัทผมสวยดีนะครับ สีดำธรรมชาติ” รัญชน์เอ่ยขึ้นมาหลังจากจิบโค้กไปได้สองสามอึก


“ของคุณรันเป็นผมย้อมเหรอครับ”


“เปล่าครับ ธรรมชาติ แด๊ดให้มา” ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยรอยยิ้มจนคู่สนทนาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ญาณัชสังเกตจมูกโด่งได้รูปรับกับดวงตาสีแปลก ผิวขาวที่ดูนวลสวยต่างกับเขาที่ดูซีดเสียมากกว่า


“คุณนัทเล่นเปียโนเพราะจัง ผมชอบ... ปกติเล่นที่ไหนมั่งเหรอครับ”


“เล่นแต่ที่นี่แหละครับ ยกเว้นเวลาทางโรงแรมที่เคยรู้จักกันจะเรียกให้ไปช่วย ผมถึงจะไป...” ชายหนุ่มร่างบางยกปลายนิ้วขึ้นทัดเส้นผมที่ปลิวไปตามแรงลมให้เข้าไปหลังใบหูเช่นเคย


“คุณรันล่ะครับ”


“เป็นนายแบบครับ อยู่ในระหว่างพักงานหลังเรียนจบไฮสคูลครับ”


ญาณัชได้แต่ยิ้ม แต่ก็ต้องผงะไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหาใกล้ๆ


“คุณนัทเป็นแฟนคุณยุตใช่ไหมครับ” รัญชน์ยิ้มกว้าง จนแม้กระทั่งดวงตากลมโตก็ยังหยีจนเป็นเส้นโค้ง


คำตอบที่ได้คือใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นของนักเปียโน


“แล้วคุณรันกับคุณบีม... เอ่อ... คบกันนานหรือยังครับ”


“ยังไม่ถึงวันเลยครับ” รัญชน์หันไปทางด้านห้องครัวก็เห็นเงาของอีกฝ่ายเดินออกมาไกลๆ เขายิ้มออกมาก่อนจะพูดต่อโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองญาณัช


“คุณหมอใจดี เป็นคนเอาใจใส่นะ... แค่ได้เจอหน้าผมก็ดีใจแล้ว มันไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายหรอกครับ... ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไงนะ... แต่ตอนนี้ ผมก็อยากอยู่ด้วยทุกวันเลยนะ.... อะไรประมาณนั้นแหละครับ” เด็กหนุ่มพูดราวกับรำพึงรำพันกับตัวเอง พอดีกับธนกฤตที่เดินกลับมาถึงโต๊ะพอดี


“....... ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวนะครับ... คุณรัน คุณบีม” ญาณัชลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ดึงเก้าอี้ออกเป็นการเชิญให้ธนกฤตนั่งลงก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองคนแล้วเดินออกไป


“นินทาอะไรพี่หมอครับ” ธนกฤตนั่งลงพร้อมๆกับที่นมชมพูออกมาเสิร์ฟ เขารับมาพร้อมกล่าวขอบคุณก่อนจะดูดอึกใหญ่


“หืม...ว่าไงครับ”


รัญชน์ได้แต่ยิ้มขำ เด็กหนุ่มเอียงใบหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความรักก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


“บอกคุณนัทว่าผมรักพี่หมอขนาดไหนเฉยๆ... ไม่ได้เหรอครับ”


“บอกคุณนัททำไมครับ บอกพี่หมอบีมคนดีสิ” ธนกฤตไล้ปลายนิ้วกับหยาดน้ำข้างแก้วแล้วปล่อยให้มันหยดลงกับโต๊ะ


“ตัวเล็กยังไม่เห็นไส้กรอกกะลูกชิ้นเนอะ”


คนตัวเล็กยื่นหน้าเข้าใกล้พลางบุ้ยปากไปทางอื่น


“นั่นน่ะเหรอครับ” รัญชน์ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายหันตาม ขยับเข้าหอมแก้มร่างสูงแบบไม่ให้ทันตั้งตัว ก่อนจะถอยออกมา


“บอกแบบนี้ดีกว่า... ว่าไหมครับ พี่-บีม” นัยน์ตากลมโตเหลือบมองก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะเผยขึ้นบนใบหน้าหวาน


“ตัวเล็กแกล้งพี่อีกแล้ว” คนถูกหอมประท้วงพลางลูบจมูกด้วยความเขิน ใบหน้าขาวตามเชื้อชาติที่ผสมอยู่แดงไปถึงใบหู


“ฉวยโอกาสนะเรา เดี๋ยวพี่ทำมั่งนะ


คนถูกว่ายังคงยิ้มหวานอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร


“พี่หมอบอกว่าคนเยอะไม่ใช่เหรอครับ?”


“เดี๋ยวพากลับคอนโดพี่เลย” ธนกฤตพึมพำ แล้วแกล้งหันไปสนใจจานเสต็กที่พนักงานเสิร์ฟยกมาแบบได้จังหวะพอดิบพอดี


“ขอบคุณครับ ของผมซี่โครง ส่วนอีกจานคนนั้นครับ”


มือใหญ่ช่วยรับจานขนมปังและสลัดมาวางไว้ให้คนตัวเล็กก่อนจะกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวานเมื่อหญิงสาวบอกว่าขอให้ทานให้อร่อย


“ทานเลยตัวเล็ก”


“ไม่ได้หรอกนะ วันนี้พี่รามกลับเร็ว...” รัญชน์ยิ้มให้อีกครั้งอย่างจงใจแหย่อีกฝ่าย เขาหยิบส้อมและมีดขึ้นมาก่อนจะเริ่มลงมือทานสเต็กของตัวเอง


“อร่อย!”


“ของพี่ก็อร่อย ชิมไหม” ธนกฤตหั่นชิ้นเนื้อเป็นขนาดพอดีคำแล้วยื่นส่งให้


“อ่ะ อั้ม...” รอยยิ้มหวานกระตุ้นอีกฝ่าย


เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขายื่นหน้าไปกัดเอาชิ้นเนื้อจากปลายส้อมของธนกฤตเข้ามา


“อือ... อร่อย” รัญชน์หั่นเนื้อสเต็กของตัวเองออกบ้างก่อนจะจิ้มยื่นให้คนตรงหน้า


“ผมให้ชิมบ้าง บังคับชิม”


นัยน์ตาของธนกฤตพราวระยับ แทนที่จะก้มลงชิม ชายหนุ่มกลับจับข้อมือเรียวเข้ามาใกล้แล้วก้มชิมพร้อมสบตาไปด้วย เขารั้งริมฝีปากที่อยู่บนส้อมให้เลื่อนขึ้นทีละนิด... ตบท้ายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเคี้ยวชิ้นเนื้อทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ


“พี่ลืมบอกไป...พี่เป็นประเภทที่ว่าถ้าโดนแกล้งต้องเอาคืนสองเท่า...”

 

 








หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จและเก็บล้างจนเรียบร้อยแล้ว ธันย์ชนกก็หาพื้นที่บนโซฟาในห้องให้แขกตัวโตได้นั่งลง ชายหนุ่มนักเขียนชงชาพีชมาวางไว้เหนือกองกระดาษบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงที่โซฟาเช่นกัน โดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร


เขาเหลือบมองอีกฝ่ายที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป... จึงตัดสินใจเอ่ยพูดขึ้น


“... จะหยิบอะไรอ่านก็ได้นะครับ.....”


“ขอโทษนะครับ ทำให้อึดอัดหรือเปล่า” ราเมนทร์มองนาฬิกา... สองทุ่มกว่าแล้ว บางทีธันย์ชนกอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อทำงานก็ได้


...เพียงแต่เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในเวลานี้...


“ถ้าคุณธันจะทำงานเดี๋ยวผมกลับก่อนก็ได้”


“ไม่... อึดอัดครับ... ผมกลัวคุณจะเบื่อเฉยๆ” เจ้าของห้องรีบตอบปฏิเสธ หากรบกวนจริงๆเขาก็คงเอ่ยบอกอย่างสุภาพไปแล้ว


“งั้นขออยู่ที่นี่ต่ออีกนิดนะครับ” ชายหนุ่มหยิบชาพีชหอมหวานขึ้นมาจิบ ในความหอมหวานกลับเจือด้วยความหม่นหมองแบบแปลกๆ


“ชาพีชหอมจัง... คุณธันชอบเหรอครับ”


“ครับ...... กลิ่นมันหอมดี” เขาหันมาตอบเบาๆ ไม่กล้าที่จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหากอีกฝ่ายยังคุยด้วยอยู่


“ผมว่ามันหอมแบบเศร้าๆยังไงไม่รู้” ราเมนทร์จิบอีกครั้งก่อนจะวางลง มือใหญ่ฉวยหนังสือเล่มใกล้มือขึ้นมาดู


“อันนี้ดูได้ไหมครับ”


คำพูดของราเมนทร์เสียดแทงเข้ามาถึงข้างในจิตใจ เขาก้มเก็บมันลงไปไว้ในใจก่อนจะค่อยเอ่ยตอบ


“ได้สิครับ...... เป็นแค่สเก็ตช์ตัวละครที่ผมร่างๆไว้น่ะครับ”


ราเมนทร์หยิบมันขึ้นมาเปิดแล้วเอนตัวลงฝากร่างไว้กับโซฟาตัวนิ่ม เขาอ่านบุคลิกของตัวเอกซึ่งเป็นหญิงสาวมีอดีต รายละเอียดที่เขียนไว้นั้นทำให้รู้สึกสงสารตัวเอกแม้จะยังไม่มีเนื้อเรื่อง นัยน์ตาคมไล่อ่านช้าๆก่อนจะเอ่ยปากถาม


“นางเอกเรียนไม่จบเพราะถูกทำร้าย... อันนี้ใครทำเหรอครับ”


“........ ถูกผู้ชายหลอกครับ.....” ธันย์ชนกตอบเสียงเบา


“ท้องเหรอครับ?” ราเมนทร์ไล่สายตา... ไม่ได้มีเขียนไว้ แต่สาเหตุคงไม่ต่างกันเท่าไหร่


“จริงๆ นางเอกแบบนี้ไม่ค่อยมีใครเขียนเท่าไหร่ แต่ผมว่าก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจดีนะ...”


“ดี... ที่ไม่ท้องครับ....” ธันย์ชนกยังคงตอบเสียงเบา นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองเหม่อไปไกล


“น่าสงสาร.....” ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเสียงเศร้าสร้อยของเจ้าของหนังสือหรือเปล่าที่ทำให้เขาหยุดที่จะถามต่อ เขาเปิดหน้าถัดไปที่เป็นตัวละครพระเอก ซึ่งเป็นถึงผู้ครอบครองหรือเจ้าชายอะไรสักอย่างในอีกดินแดน


“พระเอกนี่ใครเป็นต้นแบบเหรอครับ”


คนเขียนหันมายิ้มให้จางๆก่อนจะเอ่ยตอบ


“ก็คิดขึ้นมาน่ะครับ”


“แต่ถ้าพระเอกเป็นแบบที่คุณเขียนคงรักกันลำบาก... อีกฝ่ายสูงศักดิ์ อีกคนถึงจะเป็นคนดีแต่ก็มีอดีต คนรอบข้างพระเอกคงไม่ค่อยยอมรับมั้ง”


ราเมนทร์พูดแล้วพลิกอ่านต่อ


“..... ครับ ก็แบบนั้นแหละ..... ความรักมันไม่ง่าย... ว่าไหมครับ...”


“ครับ.... ไม่ง่ายเลย...” ราเมนทร์เม้มริมฝีปากแน่นเก็บความรู้สึกที่อยู่ภายใน


ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหยิบหนังสือเล่มอื่นขึ้นมาอ่านพลางปล่อยตัวทิ้งไปกับความนุ่มของโซฟา แอร์เย็นๆในห้องที่เงียบสนิททำงานอย่างมีประสิทธิภาพจนคนที่ทำงานหนักมาทั้งวันค่อยๆปรือตาแล้วหลับไปในที่สุด









To be continued...


ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
ตามอ่านอยู่น้า สู้ๆ คนเขียน   :L2:


ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
กว่าความรักของแต่ละคนจะลงตัว ก็ต้องฝ่่าฟันกันไป

ยังติดตามอยู่นะค่ะ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่หมอดูแลรันดีๆ
เหมือนจะมีดราม่าปะ?หรือเราคิดไปเองฮ่าๆ
สงสารพี่ราม โธธธ

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
เยอะมากๆขอตัวอ่านก่อนน่ะคะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

kagehana : ในขณะที่พี่หมอกับน้องกำลังสวีตหวาน...ในมุมมืดเรามีพี่รามซุกตัวทำดราม่าอยู่  เอาใจช่วยพี่รามด้วยนะคะ







-14-











“ไปส่งถึงห้องนะ...” รัญชน์เอ่ยพูดขึ้นหลังจากที่รถยนต์เข้ามาจอดด้านในที่จอดรถ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งพลางเอื้อมมือมาจับแขนของอีกคน


“นึกว่าจะบอกว่าค้างบ้านพี่หมอคนดีซะอีก” ธนกฤตแหย่อีกฝ่ายแล้วเอามือของตนเองวางประกบมือเล็กที่จับท่อนแขน เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มขาวอย่างรวดเร็ว


“กู๊ดบายคิส กู๊ดไนท์คิส ทำตรงนี้ก่อนเดี๋ยวหน้าห้องมีคนเห็น” หมอหนุ่มยิ้มหวานทั้งปากและนัยน์ตา


“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า... เดี๋ยวอีกทีนะ” ร่างเล็กขยับตัวออกมาแล้วเปิดประตูรถก่อนจะก้าวขาลงมารอธนกฤตให้ลงตามมา


ร่างสูงก้าวลงก่อนจะล็อครถ อากาศเย็นๆทำให้เสื้อหนาวตัวนุ่มในรถได้ใช้เสียที เขาเอามันมาห่อร่างคนตัวเล็กแล้วจับมือจูงไว้


“อากาศเย็นเนอะ พี่ให้ยืมเสื้อ” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายร้องขอ


ธนกฤตพารัญชน์เข้าไปในลิฟท์แล้วกดชั้นที่เคยมา ประตูลิฟท์ปิดลงขังคนทั้งสองเอาไว้ในโลกแสนหวานของความรักครั้งใหม่... ครั้งที่อบอุ่นหัวใจยิ่งกว่าครั้งใดที่ธนกฤตเคยรู้สึก


รัญชน์เอนกายพิงกับร่างสูงที่ยืนข้างๆ มือกระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆก่อนจะแหงนหน้ามอง


“... Kiss?”


“เดี๋ยวเถอะ... หอมไปแล้วไง” มือใหญ่ลูบศีรษะคนตัวเล็กจนเส้นผมอ่อนนุ่มยุ่งเหยิง


“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำอย่างนี้สิ... พี่เขิน”


ปกติแล้วธนกฤตไม่เคยรังเกียจการแสดงความรัก  แต่ปกติของคนทั่วไป... จะให้ทำในที่สาธารณะก็ออกจะขัดเขินอยู่


...ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย...


...แต่คงเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของตัวเอง...


ธนกฤตเป็นคนประเภทที่ว่า หากเป็นคนที่สนิทใจแล้วเขาสามารถกอดหรือหอมได้อย่างเป็นธรรมชาติ กับพ่อ น้องสาว หรืออดีตคนรัก... หากมีเวลา สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดก็คือการกอดคนรักนอนใต้ผ้าห่มอุ่นๆ


...แต่ก็จำกัดเฉพาะเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนล่ะนะ...


“พี่หมอใจร้าย...” เด็กหนุ่มหน้าหวานทำทีเป็นงอน ปลายนิ้วขยับเกี่ยวมือข้างหนึ่งของธนกฤตไว้แล้วเอนศีรษะพิงกับต้นแขนของเขา


“... แค่นี้ก็ได้”


“งอนซะแล้ว” ธนกฤตพูดหยอกก่อนจะก้มลงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน


“ติดไว้ก่อน มากกว่านี้ไว้รอตัวเล็กโต”


“ถึงจะตัวเล็ก แต่ก็โตแล้วนี่” ใบหน้าหวานประดับไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออก เขาจับมือของธนกฤตไว้แล้วดึงให้เดินออกมาด้วยกัน


“ส่งแค่ที่หน้าห้องนะตัวเล็ก เดี๋ยวพี่ชายตัวเล็กกินหัวพี่หมอคนดีเอา” ธนกฤตพูดติดตลก


มือใหญ่บีบมือที่เกาะกุมกันไว้เบาๆ ในวันแรกที่คบกัน... ความรู้สึกประทับใจในตัวคนตรงหน้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น  แม้จะคบกันในฐานะแฟนไม่ทันข้ามวันแต่ก็มีเรื่องให้เขาคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง...


ว่าต่อจากนี้ไป จะอยู่กับคนๆนี้ในทุกๆวันได้... ใช่ไหม...


“ส่งแค่นี้นะครับ ฝันดีตัวเล็ก”


“... Good night ครับพี่บีม” รอยยิ้มหวานฉาบบนใบหน้าของเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปเปิดประตูห้อง รัญชน์เปิดห้องไว้แต่ก็หันกลับมาหา


“พรุ่งนี้... เจอกันนะครับ”


“จะรอนะครับ ฝันดี” ธนกฤตเดินเข้าไปจับผิวแก้มเย็นๆก่อนจะเลื่อนมือลูบศีรษะกลมมน


“เดี๋ยวถึงบ้านจะบีบีหา ถ้ายังไม่นอนพรุ่งนี้เจอตีแน่”


คราวนี้รอยยิ้มหวานค่อยๆจางหายไป นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววคล้ายถูกขัดใจ ริมฝีปากบางขยับเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแข็งกว่าที่เคย


“ผมไม่ตอบหรอก...” ร่างเล็กก้าวเข้าไปในห้องแล้ว แต่ก็ยังไม่ปิดประตูลงเสียที


“อ่าว งอนพี่ซะแล้วตัวเล็ก” ปลายนิ้วของคนโดนงอนบีบจมูกรัญชน์ด้วยความหมั่นเขี้ยว นัยน์ตาสีรัตติกาลหยักพราวด้วยอารมณ์ดี


“ขี้งอนพี่ไม่รักนะครับ พี่รักคนขี้อ้อนยิ้มหวาน”


“... งั้นก็ไม่ต้องรักก็ได้” คนถูกบีบจมูกยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ นัยน์ตากลมโตจ้องมองดวงตาสีเข้มก่อนจะเอ่ยต่อ


“ผมอ้อนแล้วไม่เห็นสนใจเลย”


“น้อยๆหน่อย เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าล้อผู้ใหญ่เล่นนะครับ เดี๋ยวโดนหมาป่าจับกินไม่รู้ตัว” ธนกฤตย่นจมูกใส่แล้วหยิกแก้มนวลเบาๆ


“ไปแล้วครับ กู๊ดไนท์คิส”


ชายหนุ่มแกล้งส่งจูบแบบมีเสียงฝากไว้ในอากาศก่อนจะโบกมืออำลาแล้วหันหลังกลับไปยังลิฟท์


ลับหลังอีกฝ่าย รัญชน์แย้มรอยยิ้มออกมาจางๆพลางปิดประตูห้องลง


“I'm home—!” น้ำเสียงสดใสร้องบอกคนในบ้าน ทว่ากลับมีแต่ความเงียบเป็นคำตอบ


“พี่ราม?” เด็กหนุ่มนึกแปลกใจก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องนอน ก็ไม่พบเงาของพี่ชาย ไม่ได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำ ก็เดาได้ว่าไม่ได้อาบน้ำอยู่


“... ไปไหนนะ” นึกอะไรไม่ออก เด็กหนุ่มก็หยิบเครื่องมือสื่อสารประจำตัวขึ้นมากดหา


 






little RAN : where r u————————————————————?? :D

 

 




 

 

'ติ๊ง'





เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวที่เตือนว่ามีข้อความเข้าปลุกคนที่หลับตาอยู่ให้ค่อยๆสะลึมสะลือลืมตาขึ้น เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมันขึ้นมาเปิดดูทั้งที่ตายังลืมไม่ดี


สัมผัสนิ่มๆที่พิงอยู่ให้ความรู้สึกอุ่นจนแทบอยากนอนต่อ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนเขาก็ค่อยๆหันมองรอบกาย ราเมนทร์ไล่สายตาไปทั่วห้องก่อนจะหมุนใบหน้ามาชนกับข้างแก้ม... ที่โชยกลิ่นหวานเศร้า


“อ๊ะ! ขอโทษครับคุณธัน”


“....... ไม่เป็นไรครับ...” ธันย์ชนกตอบเสียงเรียบก่อนจะค่อยๆวางหนังสือลง


“ผมได้ยินเสียงน้องรัน... แกคงกลับมาแล้วครับ...” ชายหนุ่มเจ้าของห้องพูดต่อ พยายามเก็บซ่อนใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มไว้ด้วยการลุกขึ้นจากโซฟา


“ครับ บีบีมาบอกแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมถอนลมหายใจยาว


“ขอโทษนะครับ เผลอหลับพิงคุณธันยาวเลย” ราเมนทร์ปั้นน้ำเสียงสดใสเอ่ยหยอกธันย์ชนก เขามองซ้ายมองขวาหากล้องคู่ใจ พอรู้ว่าวางที่ไหนก็หยิบขึ้นมาสะพายข้างตัว


“เดี๋ยวไว้มากวนใหม่นะครับ”


“ไม่เป็นไรครับ...” ร่างบางยิ้มจางๆก่อนจะหยิบแก้วชาทั้งสองใบขึ้นมาถือไว้


“มาเมื่อไหร่ก็ได้ครับ... ไม่เป็นไร”


“คุณธันยิ้มสวย...ไว้วันหลังมาเป็นนายแบบให้ผมมั่งนะครับ” ราเมนทร์พูดพร้อมรอยยิ้ม เขาเปลี่ยนกล้องมาสะพายที่ไหล่หนาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปยังประตู


“ราตรีสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยลาพร้อมประตูที่ปิดลง


“....... คงไม่ได้หรอกครับ... เพราะผม... ไม่ชอบกล้องถ่ายรูป...” เจ้าของห้องเอ่ยตอบเสียงเบากับบานประตูตรงหน้า ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายต้องรับรู้


...อดีตของเขาที่ไม่น่าจดจำ...


 

 





 

“ไปไหนกับสาวมาอีกนะ?” รัญชน์เอ่ยถามเมื่อเห็นร่างสูงก้าวเข้าห้องมา เขาถือถาดคุกกี้ไว้ในมือก่อนจะยื่นให้แต่ไม่ยอมปล่อยมือ


“ไม่บอกไม่ให้กินนะ”


“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อเลย พี่อิ่มแล้ว กินอาหารญี่ปุ่นเจ้าโปรดเราด้วย” ราเมนทร์แกล้งอมยิ้มยั่วให้คนตรงหน้าอยากรู้มากขึ้น


“อะไร?? ไปกินกับใคร??” เด็กหนุ่มทำเสียงเข้มขึ้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางจ้องหน้าพี่ชาย


“ไม่บอกหรอก ทีเรายังทิ้งพี่ไปกินกะไอ้หมอได้เลย” คนเป็นพี่ยักไหล่แล้วแกล้งเอากล้องมาเช็คสภาพ ก่อนจะกดถ่ายรูปน้องชายที่ทำหน้าบูด


“หน้าตาดูได้ที่ไหน เสียราคานายแบบหมด”


“ถ่ายใหม่ดีๆนะ!! คอนเซปต์อะไรดี??” เขายกมือมาขวางหน้ากล้อง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทำเสียงเข้มใส่ราเมนทร์


“แล้วอย่าเรียกว่าไอ้หมอสิ พูดไม่เพราะเลย... แฟนรันนะ”


พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกคนๆนั้นว่าแฟนอย่างชัดเจน...ราเมนทร์ก็แทบจะฝืนยิ้มไม่ไหว ทว่าในฐานะพี่ชายที่ยึดมาตลอด เมื่อน้องชายมีความสุขเขาก็ควรจะยินดีด้วย...ใช่ไหม


“เพิ่งเป็นแฟนได้วันเดียวก็ลืมพี่แล้ว น่าน้อยใจไหมเนี่ย” มือใหญ่ที่ถือกล้องลดลงซ่อนอาการหวั่นไหว


ยังดี...ที่สามารถส่งยิ้มตอบไปได้...


“ไม่ได้ลืม... ถ้าลืมรันไม่รีบกลับมาหรอก” คนถูกกล่าวหารีบเถียงสู้


...เพราะมีกันอยู่สองคน ถึงไม่เคยคิดว่าจะทิ้งกันไป แม้จะเติบโตมาในต่างแดนก็ตาม


“ครับ รู้แล้ว” ราเมนทร์ขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นเขี้ยว ต่อให้จะยังไงก็ตาม หากรัญชน์ยังอยู่ด้วยก็พอใจแล้ว


“ไปกินข้าวกับไอ้หมอบ้าที่ไหนมาน่ะ”


“บอกว่า...” มือสองข้างเอื้อมเกือบถึงปกเสื้อของอีกฝ่าย


“อย่าเรียกแบบนั้น” รัญชน์ออกแรงเขย่าก่อนจะพูดต่อ


“ร้านบ้านน้องนัทไง! เชฟเป็นเพื่อนกับพี่หมอ”


“อย่าเขย่าสิ” เสียงพูดเจือหัวเราะบ่งบอกว่าเขาไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำที่ราวกับแมวขู่เลย ด้วยเพราะขนาดร่างกายที่ต่างกันคือเหตุผลหนึ่ง...


“จะเป็น หมอ ไอ้หมอ ไอ้หมอบ้า มันก็เหมือนกันล่ะน่า”


“อย่าให้พี่รามมีแฟนมั่งนะ จะเอาคืน” คนตัวเล็กทำหน้ายู่ใส่ก่อนจะปล่อยมือออก


“ไปอาบน้ำก่อนนะ... เดี๋ยวมาแข่งรถกัน” แข่งรถที่ว่าก็คือเกมส์Wiiที่พี่ชายซื้อไว้เล่นด้วยกันในยามว่าง


“เรื่องอะไร อิ่ม ง่วง จะนอนแล้ว” ราเมนทร์แกล้งรวนแล้วยักคิ้วใส่หน้ายู่ๆของน้องชาย


“แยกย้ายไปอาบน้ำ ใครอาบเสร็จก่อนต่อเกมรอ”


ร้อยทั้งร้อย ไอ้เด็กขี้อ้อนคนนี้คงจงใจอาบช้าๆเพื่อให้เขาเป็นคนต่อเครื่องแน่...


แต่ช่างเถอะ... ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงน้องชายคนสำคัญ


พูดไม่ทันขาดคำปลายเท้าเล็กก็วิ่งตึงตังเข้าห้องตัวเองไปทันที ราเมนทร์ยิ้มกับอาการราวกับเด็กๆของรัญชน์ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องส่วนตัวบ้าง ช่างภาพหนุ่มถอดเสื้อผ้าทั้งหมดโยนใส่ตะกร้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ มือใหญ่เปิดสวิตช์เครื่องทำน้ำอุ่นให้สายน้ำไหลออกมาปะทะร่างกาย


น้ำอุ่นจัดที่กระทบผิวกายทำให้ความอ่อนล้าจากทั้งวันผ่อนคลายไปได้บางส่วน ราเมนทร์เงยหน้ารับละอองน้ำอุ่นก่อนจะหลับตาลงเบาๆ


ถ้ารัญชน์มีไอ้หมอบ้าแล้ว...


ตัวตนของพี่ชาย... จะยังมีอยู่หรือเปล่า


ไม่ได้โทษที่อีกฝ่ายจะมีความรักให้ใครสักคน เพราะหากรัญชน์ต้องรับรู้ความรู้สึกแท้จริงที่เขาเก็บมันไว้ภายใน...


รักแบบครอบครัว... การปกป้องดูแลที่แปรเปลี่ยนเป็นความรักรูปแบบที่ผิดบาป


น้องชายคนสำคัญยิ่งกว่าใครคนนี้ไม่มีทางจะรับไหว...


“บ้าเอ๊ย....”


คนที่บ้าที่สุดคือตัวเขาเอง


เขาเองที่เป็นพี่ชาย...


เขาเอง...ที่รักน้องชายสายเลือดเดียวกัน

 

 








ในตอนเช้าที่รัญชน์เป็นฝ่ายตื่นขึ้นมาก่อนพี่ชายที่ยังนอนหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะลุกนั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กหยิบเอาข้าวของขึ้นมาเตรียมทำคุกกี้อีกเช่นเคย เมนูอาหารอย่างเดียวที่ทำได้ดี ค่าที่พี่ชายเคยบอกว่าชอบ เลยทำให้ตัวเองให้มารดาสอนทำตั้งแต่ยังเด็กๆ


...สุดท้าย ก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย


หลังจากอบคุกกี้เสร็จเรียบร้อย รัญชน์จัดวางบางส่วนใส่จานแล้วเอาฝาครอบไว้บนโต๊ะ พลางเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบๆ


ไม่ว่าอย่างไรก็ตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะไม่ปล่อยให้พี่ชายเหงาอยู่คนเดียวแน่ๆ... รัญชน์คิดเช่นนั้นขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา


 



little RAN : I'm on my way to see you. r u there yet?










To be continued

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-15-












'ติ๊ง'

นายแพทย์หนุ่มที่เพิ่งทักทายคนไข้ตรงทางเดินเสร็จหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พร้อมกับยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นของใคร

 

พี่หมอบีม : อยู่โรงบาลแล้วครับ วันนี้มีนัดตรวจตอนเช้านะตัวเล็ก

 

little RAN : roger that :) will see you soon

 

หลังจากตอบข้อความเสร็จ ร่างเล็กก็รีบก้าวให้เร็วขึ้น จนเมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาล เขาก็ขึ้นลิฟท์เพื่อไปหาธนกฤตทันทีโดยไม่แวะทักทายเด็กๆอย่างเคย

“พี่กุ้งคนสวย คุกกี้ครับ”

“น่าทานจังค่ะ ขอบคุณนะคะ” กันยารับมาพลางยิ้มหวาน สายตาชั้นเลิศของนางพยาบาลสาวไพล่ไปห็นอีกถุงที่ห่ออย่างดี..ซึ่งเจ้าตัวเองก็ถือไว้อย่างทะนุถนอม

“ฮั่นแน่ อันนั้นเอามาให้ใครคะ ห่อซะสวยเชียว”

“คุณหมอครับ ตามสูตร” คนตัวเล็กยิ้มกว้างก่อนจะเดินเลยเคาน์เตอร์ไป

“ผมมาตรงเวลาเป๊ะนะ เป็นคนไข้ที่ดี ใช่ไหมครับ?” รัญชน์หันมาขอความเห็นจากพยาบาลสาว

“ดีมากๆค่ะ ยิ่งมีขนมมาฝากยิ่งน่ารัก” กันยามองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู รอยยิ้มหวานๆของคนไข้คนนี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้สบายใจได้

“หมอบีมอยู่ข้างในค่ะ เข้าไปเลยนะ”

“ครับ—” รัญชน์รับคำอย่างเริงร่าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจดังเคย มือเอื้อมปิดประตูห้องแล้วหันมาหาคนที่นั่งรออยู่กับรอยยิ้มบนใบหน้า

“Morning—” ร่างบางหยิบถุงคุกกี้วางลงบนโต๊ะ

“คุกกี้มะนาวเหมือนเดิมนะ”

“ขอบคุณครับ” คนนั่งรอเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มพราย ธนกฤตลุกขึ้นยืนแล้วชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มใส

“มอร์นิ่งคิส”

ชายหนุ่มถอยตัวเองกลับมานั่งเหมือนเดิมแล้วหยิบชาร์ตคนไข้ขึ้นมาซ่อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“..... ไม่ให้คุกกี้แล้ว......” เด็กหนุ่มดึงเอาถุงคุกกี้คืนมา

“อะไรล่ะ ตัวเล็กขี้โกง” มือใหญ่ดึงรั้งถุงขนมโดยกุมมือเล็กไว้ด้วย

“มัวแต่เล่นเดี๋ยวไม่ได้ตรวจกันพอดี ให้พี่หมอนะครับตัวเล็กคนดี”

“Give me a decent kiss first” รัญชน์ยังคงไม่ยอมแพ้ เขายื้อถุงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ตรวจก่อนครับ” ธนกฤตอมยิ้มกับท่าทางของคนตรงหน้า นอกจากร่างกายที่ยังดูน้อยกว่าอายุแล้ว... ท่าทางที่แสดงออกยังน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆด้วย

“เดี๋ยววันนี้มีไปเจาะเลือดดูผลนะครับ ถ้าผลอยู่ในเกณฑ์ดีหมอจะลดขนาดยาลง”

“..... ขี้โกง.......” คนตัวเล็กทำท่าขัดใจก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้

“อยู่ในหน้าที่ครับ เดี๋ยวไปเจาะเลือดแล้วมาดูผลกันพรุ่งนี้ วันนี้เอายาไปชุดนึงก่อน” ธนกฤตเขียนเสร็จก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้

“ถอดเสื้อเลยครับ คุณรัน”

“...... ครับ ครับ ครับ คุณหมอบีม” น้ำเสียงหวานหูฟังดูกระด้างขึ้นกว่าเคย ร่างเล็กลุกขึ้นอีกครั้งพลางวางกระเป๋าของตัวเองลง แล้วยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวบางออก

ถึงจะบอกว่าอยู่ในหน้าที่ แต่การที่เห็นคนที่ชอบเป็นพิเศษมาถอดเสื้อต่อหน้าก็อดจะหวั่นไหวไม่ได้

“แค่เสื้อก่อนนะครับ เสร็จแล้วหันหลัง” น้ำเสียงที่ใช้ยังคงเรียบสนิท... ซ่อนความหวั่นไหวไว้ข้างใต้อย่างแนบเนียน

ร่างเล็กขยับหันหลังให้ กลับมาเป็นคนไข้ว่าง่าย ทว่าใบหน้าหวานกลับหันมามองธนกฤต

“มีไหมครับ”

ผิวที่เคยมีรอยช้ำจางๆได้ถูกแปรเปลี่ยนด้วยฤทธิ์ยา ผิวขาวสะอาดตานวลเนียนชวนให้สัมผัส แผ่นหลังเล็กมีเพียงไฝบนสะบักไหล่ด้านซ้ายนอกจากนั้นแล้วแทบเรียกได้ว่าไร้ร่องรอยใดๆ

ธนกฤตกำมือแน่นห้ามมิให้ตนเองเอื้อมไปสัมผัส... ร่างเล็กบอบบางที่ครั้งหนึ่งเคยได้กอดแนบกาย

“ไม่มีแล้วครับ รันไม่เคยมีประวัติตรงเป็นรอยช้ำส่วนอื่นใช่ไหม อย่างพวกสะโพก... ก้นกบ... หรือขาน่ะ”

“.... ไม่รู้สิครับ...... หมอคนอื่นเอาแต่โรคจิตนะ คิดว่าคงไม่เคยตรวจจริงจังหรอก” เขาเอี้ยวตัวมาอีกด้านหนึ่ง

“ลองดูนะ?”

“ใส่เสื้อก่อน....” คนเป็นหมอแทบจะตะโกนเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะถอดกางเกงออก ธนกฤตรู้สึกกังวลนิดหน่อยว่าตัวเองจะกลายเป็นโรคจิตแบบหมอคนอื่นๆที่เคยรักษารัญชน์เข้าสักวัน

“ใส่เสื้อ...” เขาย้ำอีกครั้ง

“ถอดแค่กางเกงนะ...”

“..... ไม่เห็นต้องทำเสียงเข้มเลย...” รัญชน์บ่นอุบอิบขณะสวมเสื้อกลับคืนลวกๆ ก่อนจะแกะกระดุมกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลอ่อนออก แล้วค่อยดึงลงมา

หากจะมีภาพที่ก่อกวนหัวใจเขา... สิ่งที่รัญชน์กำลังทำอยู่คงเป็นสิ่งที่มีผลมาก

“บ็อกเซอร์... ไม่ต้องนะ” ธนกฤตรีบพูดเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะรูดมันลง

...แกล้งกันหรือเปล่า...

“จับเสื้อไว้ตรงเอวแล้วหันหลังครับ”

เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย มือสองข้างจับชายเสื้อรั้งขึ้นแล้วรอฟังคำสั่งต่อไป

“ตรงน่องก็ไม่มี...” ปัญหาคือบริเวณผิวใต้บ็อกเซอร์ ถ้าแค่ด้านหน้าคงสามารถดูเองได้ สำคัญคือด้านหลัง...

“ตรงสะโพกเคยมีปัญหาเรื่องรอยช้ำไหมครับ” ธนกฤตพรูลมหายใจแผ่ว... ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการสอบถามเบื้องต้น

“ไม่เคยมั้งนะ....” คนตัวเล็กคล้ายกับจับความรู้สึกบางอย่างได้จึงหันตัวมา

“ผมไม่ว่าพี่หมอโรคจิตเหมือนพวกนั้นหรอก ก็แค่ช่วยดูนะ...” ริมฝีปากสีสวยแย้มยิ้มให้ก่อนจะหันหลังแล้วถอดบ๊อกเซอร์ออก

“ไม่มีแล้วเนอะ”

“เฮ้ย!” เจอถอดแบบต่อหน้าไม่ทันได้ตั้งตัวหมอหนุ่มก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

...นี่ถ้าไม่เห็ยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็คงไม่คิดอะไร...

...แต่ยิ้มแบบนั้น ร้อยทั้งร้อยจงใจแกล้งกันแน่...

“เกิดหมอโรคจิตกระโดดใส่ขึ้นมาทำไงเนี่ย” ธนกฤตพึมพำ

สะโพกเพรียวได้รูปที่ตอบรับกับท่อนขาเรียวนั้นเป็นสีนวลสะอาดตาไร้รอยช้ำตามคาด หนั่นเนื้อด้านหลังตึงแน่นอย่างคนสุขภาพดี... เช่นนี้แล้วอีกไม่นานก็คงหาย

“รันดูข้างหน้าแล้วรีบใส่กางเกงเลย... อย่าแกล้งพี่นาน เดี๋ยวคนแก่หัวใจวาย”

“ฮะฮะฮะ ก็อยู่ในหน้าที่หมอไม่ใช่เหรอครับ ถ้ากระโดดใส่ผม หมอโดนพี่ฆ่าแน่.... แต่ถ้าหน้าที่แฟน ผมไม่ว่าหรอก” พูดจบคนอารมณ์ดีก็หัวเราะออกมาอีกครั้งขณะแต่งตัวให้เรียบร้อย— รัญชน์ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร กลับกัน เพราะอยู่ในวงการนายแบบมาตั้งแต่เป็นเด็ก ถึงได้รู้อะไรมากกว่าคนวัยเดียวกันด้วยซ้ำ

“ข้างหน้าเป็นไงมั่ง ไม่มีรอยช้ำใช่ไหม” ธนกฤตก้มลงเขียนอาการทางร่างกายลงบนกระดาษที่เหน็บไว้บนชาร์ต

“เดี๋ยวให้คุณกุ้งส่งตัวเอาใบไปเจาะเลือดนะ หมอแอบจองคิวไว้ให้แล้ว” ชายหนุ่มก้มลงเขียนบนชาร์ตต่อ

“......... ครับ” ร่างเล็กขยับตัวเดินเข้าหาคนที่ก้มหน้าก้มตาเขียน แขนสองข้างเอื้อมพาดผ่านไหล่กว้างจากด้านหลัง

“... แล้วกลางวันนี้กินข้าวด้วยกันหรือเปล่าครับ?” น้ำเสียงออดอ้อนเอ่ยถามข้างใบหู

“แน่ะๆๆ แต๊ะอั๋งหมออีกแล้วนะตัวเล็ก” ด้วยการเขียนที่ยังติดพันทำให้ละมือไปจัดการคนที่เกาะอยู่ไม่ได้

“อื้อ เจาะเลือดเสร็จมารอเลย หมอพาไปนั่งในคาเฟ่โรงบาลนะ อร่อยดีเหมือนกัน”

ริมฝีปากแตะลงข้างแก้มของคนที่ยังไม่ยอมลุกไปไหน

“พี่หมอ... อยู่ในคาเฟ่ คนเยอะนะ......”

“คนเยอะสิดี ตัวเล็กจะได้ไม่แกล้งพี่” ธนกฤตหันไปย่นจมูกใส่แล้วแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มบ้าง

“อื้อ เสร็จแล้ว... คุณรันถือนี้ไปให้คุณกุ้งพาไปเจาะเลือดนะครับ หมอนัดคิวไว้แล้ว” เขาหันกลับมาสวมตำแหน่งคุณหมออีกครั้งก่อนจะยื่นใบให้

“... ครับ” รัญชน์ยิ้มหวานก่อนจะจิ้มปลายนิ้วลงที่ข้างแก้ม

“ไปแล้วครับ แล้วเจอกัน” ร่างเล็กถอยตัวออกมาแล้วหยิบกระเป๋าขึ้น

“เดี๋ยวผมมารอที่นี่นะครับ”

“รอที่คาเฟ่ก็ได้ พี่หมอมีคนไข้อีกสองราย ตัวเล็กไปนั่งกินหนมแถวนั้นก่อนดีกว่าเดี๋ยวหิว” ชายหนุ่มจับแก้มที่ปลายนิ้วอุ่นๆฝากรอยไว้แล้วส่งยิ้มจนตาหยี

“นะครับ...ตัวเล็กคนดี”

“You're not gonna give me what I want right?” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่รัญชน์จะเป็นฝ่ายยื่นใบหน้าเข้าหา ปลายจมูกสัมผัสกันแผ่วเบาก่อนที่ริมฝีปากจะแนบจุมพิตลงไปช้าๆ

“!!?”

ในทีแรกคนที่ถูกจูบเกือบจะสะดุ้ง แต่เมื่อสัมผัสถึงความหวานที่อีกฝ่ายพยายามมอบให้เขาจึงเริ่มตอบรับและแปรเปลี่ยนเป็นผู้คุมเกม ธนกฤตหรี่ตามองผิวแก้มแดงระเรื่อก่อนจะบดเบียดริมฝีปากรุกไล่จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน

เขาสอดลิ้นเข้าไปแตะปลายลิ้นอุ่นร้อนพร้อมกับเลาะเล็มตามแนวฟัน กลิ่นกายหอมหวานคล้ายเลมอนโชยจากซอกคอเนียนมือที่มือใหญ่ของตนเองประคองสัมผัสเอาไว้ ธนกฤตจูบเน้นเสียงที่ริมฝีปากเบาๆอีกครั้งก่อนจะถอนออกมา

นัยน์ตาสีเข้มมองคนตัวเล็กด้วยแววตาหวามไหว ปลายลิ้นที่พัวพันอยู่เมื่อครู่แลบออกมาเลียความชุ่มชื้นที่ติดอยู่บนริมฝีปากตนเอง

“ทีหลังอย่าแกล้งผู้ใหญ่นะครับ... เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาคู่สวยทอประกายเย้ายวนยามที่ริมฝีปากสีอ่อนแย้มรอยยิ้มหวานก่อนจะยอมลุกออกมา

“ไปแล้วก็ได้... จะไปเล่นกับน้องปูเป้ก่อน แล้วตามมานะครับ”

ก่อนที่รัญชน์จะเดินออกจากห้องไป ร่างบางหันมาอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหวานหู

“... คราวหน้า... ขอนานกว่านี้นะ...”

'ตึง'

ร่างเล็กบอบบางถูกดึงเข้าในอ้อมกอดพร้อมกับประตูที่ปิดลง ธนกฤตโอบรอบร่างรัญชน์แล้วประกบจุมพิตเร่าร้อนลงบนริมฝีปากบางสีสวย

มืออุ่นร้อนลูบเบาๆตามแผ่นหลังผ่านผ้าเนื้อบาง เขาเลื่อนมือขึ้นจับที่ลำคอให้หันมารับรสรัสผัสของจุมพิตได้แนบแน่นขึ้น

“.... อือ.......” เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดริมฝีปากออก ให้เรียวลิ้นของทั้งสองได้เกี่ยวสัมผัสกัน ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อรับความอบอุ่นของอ้อมกอดแข็งแรงให้มากขึ้น แขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอของธนกฤตเอาไว้เป็นที่ยึด

คนสูงกว่ารั้งร่างคนตัวเล็กให้พิงกันแนบแน่น ปลายลิ้นที่พันเกี่ยวกันให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาขบเม้มริมฝีปากสีสวยเบาๆด้วยปลายฟัน

จมูกโด่งไล้ตามแก้มขาวเบาๆ กลิ่นหอมจางที่ออกมาจากเรือนผมสีอ่อนเสมือนตัวเร่งให้ริมฝีปากของหมอหนุ่มเอาแต่ใจมากขึ้น

“หมอบีมคะ คนไข้ที่นัดมาแล้วค่ะ”

เสียงหวานของกันยาที่ดังขึ้นจากข้างนอกเรียกสติของธนกฤตให้หลุดจากอารมณ์วูบไหว เขาถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็วและปล่อยแขนที่โอบกอดร่างเล็กไว้

“งานเข้าเลยตัวเล็ก”

“....... งานเข้า?” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาสบมองด้วยประกายตาที่แปลกกว่าทุกที ปลายนิ้วเอื้อมแตะริมฝีปากที่มอบจุมพิตเร่าร้อนให้อย่างอ้อยอิ่ง

“....... ผมไปรอกับน้องปูเป้นะ” รอยยิ้มหวานสวยผุดขึ้นบนใบหน้าหวานก่อนจะเป็นฝ่ายหันไปเปิดประตูออกไปเอง

ลับหลังคนที่เพิ่งออกไป ธนกฤตที่เดินไปที่โต๊ะก็นั่งทรุดลงบนเก้าอี้แล้วก้มลงซ่อนใบหน้าไว้กับท่อนแขน

“ไอ้หมอบ้าเอ๊ย...”

รู้ทั้งรู้ว่าเป็นที่ทำงาน...ไม่ควรทำแบบนี้แท้ๆ

แต่ไอ้ความรู้สึกวูบวาบมันดันเกิดไม่เลือกที่ซะงั้น...

“ทีนี้จะทำงานต่อไปได้ไงเล่า” เสียงทุ้มอู้อี้พูดเบาๆ

ในห้องที่มีภาพความทรงจำสดๆร้อนๆแบบนี้ ต่อให้เป็นพระประธานก็ไม่ไหวหรอก!!

 



 

ภายในห้องพักที่เต็มไปด้วยกองหนังสือและกระดาษรกเกะกะไปทั่ว เจ้าของห้องกำลังนั่งมองอัลบั้มรูปเล็กๆหลายเล่มที่วางซ้อนกันในลังกระดาษสีน้ำตาล

...ทั้งๆที่คิดว่าทิ้งไปหมดแล้วแท้ๆ...

รูปถ่ายของเขากับกลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่เรียนมาด้วยกัน-- นานมากแล้วที่ธันย์ชนกไม่ได้ดูรูปตัวเอง ถึงจะเป็นนักเขียน แต่ก็ไม่เคยไปปรากฏตัวตามงานไหนทั้งนั้น

“เฮ้อ...” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ... ทั้งๆที่ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแท้ๆ

...เอาไปทิ้งให้หมดคงดีกว่า...

พอตัดสินใจได้เช่นนั้น มือสองข้างก็เรียงอัลบั้มรูปในลังสีน้ำตาลให้เรียบร้อยก่อนจะปิดลงแล้วยกขึ้นถือไว้ด้วยมือและท่อนแขนทั้งสองข้าง

ทว่าพอก้าวถึงประตูห้องตัวเอง ทันทีที่ผลักประตูเปิดได้ ลังกระดาษกลับออกไม่พ้น บานประตูที่ปิดกลับมาบนข้อนิ้วทำให้เจ็บจนต้องปล่อยมือออก ส่งผลให้ล้มลงทั้งคนทั้งลัง

เสียงโครมครามของของหล่นทำเอาคนที่ตั้งใจจะนอนพักผ่อนในห้องสะดุ้งเฮือก ราเมนทร์ลุกจากโซฟาที่นอนไล่กดช่องโทรทัศน์ดูอย่างเบื่อๆออกไปยังด้านหน้าแล้วเปิดประตูมองที่มาของเสียง

“คุณธัน!!”

ร่างเพรียวซึ่งเป็นเจ้าของชื่ออยู่ในสภาพที่นอนกองลงกับพื้น รอบตัวมีอัลบั้มรูปกระจายอยู่รอบตัว หนำซ้ำบางรูปยังปลิวออกมาเกลื่อนพื้น

“ลุกก่อนครับ เจ็บหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ...” เขาตอบยิ้มๆพลางลุกขึ้นช้าๆ

“ขอบคุณครับ” พอจับแว่นเข้าที่ได้ เขาก็รีบคว้าเอารูปที่หล่นกระจายมาเก็บคืน

“นี่รูปคุณธันตอนเรียนเหรอครับ” ชายหนุ่มคว้ารูปใกล้มือขึ้นมาดู

เด็กหนุ่มในรูปกำลังถูกโอบโดยเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่ง รอบข้างมีเพื่อนๆยืนเคียงกันหลายคน ธันย์ชนกในตอนนั้นยิ้มหวานอย่างกว้างขวาง ดวงตาที่ไม่ถูกแว่นหนาๆปิดบังดูมีประกายสดใสด้วยความสุขจนอดจะยิ้มตามไม่ได้

“ว่าแล้วเชียวว่าถอดแว่นแล้วดูดีกว่าจริงๆ” ราเมนทร์ยื่นส่งให้แล้วยิ้มจางๆ

ใบหน้าของธันย์ชนกในตอนนี้มีเพียงรอยยิ้มจางๆประดับอยู่ เขารับรูปกลับมาแล้วเก็บใส่อัลบั้มช้าๆ

“... ใส่คอนแท็คเลนส์แล้วมันเปลืองน่ะครับ” เขารวบรวมของที่หล่นกระจายใส่ลังแล้วปิดฝาลง

“ขอบคุณนะครับ”

“แล้วจะเอาพวกนี้ไปไว้ไหนเหรอครับ เห็นขนออกจากห้อง” ราเมนทร์จับที่ฝากล่องพลางไล่สายตามองลำแขนเรียว..ขืนให้ถือเองมีหวังได้หกล้มหกลุกอีกแน่

“ผมถือให้ “พูดจบก็ฉวยลังทั้งใบมาถือโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธสักนิด

“... เอาไปทิ้งน่ะครับ...” ธันย์ชนกตอบ เพราะตัวเองไม่กล้าที่จะดูรูปเหล่านี้อีกครั้ง ไม่กล้าที่จะเห็นรูปตัวเองในตอนนั้น

เพราะทุกครั้งที่มอง จะเหมือนเห็นคนแปลกหน้า

“อ้าว! ทิ้งทำไมล่ะครับ รูปถ่ายน่ะเป็นเครื่องเก็บความทรงจำอย่างดีเลยนะครับ น่าเสียดาย” ราเมนทร์ก้มลงดู รูปอีกใบที่แลบออกมาเป็นธันย์ชนกซึ่งถูกโอบจนแก้มชนแก้มกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ด้านหลังเป็นกลุ่มเพื่อนอีกสามคนที่ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนอยู่ใกล้ๆ

ทั้งๆที่หน้าตาดูมีความสุขมากแท้ๆ...ทำไมยังทิ้งได้ลงอีกนะ

“แต่ก็แล้วแต่คุณธันล่ะครับ สงสัยหนังสือล้นห้องไม่มีที่เก็บแล้วใช่ไหมเนี่ย” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยหยอกเพื่อคลายบรรยากาศที่ดูหมองเศร้าของอีกฝ่าย

“ครับ... ไม่มีที่แล้วล่ะ... เดี๋ยวผมยกไปทิ้งเองก็ได้ครับ” ธันย์ชนกเอ่ยบอกพร้อมยกมือขึ้นหมายจะรับกล่องมาต่อ

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมว่าง ไปทิ้งตรงที่เก็บขยะใต้อพาทเม้นท์เหรอครับ”ราเมนทร์ชวนคุยต่อแล้วเดินนำไปกดลิฟท์

ในขณะที่เดินไป ชายหนุ่มเก็บภาพสุดท้าย... ภาพรอยยิ้มหวานอันแสนสนิทสนมของธันย์ชนกซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง

...รอยยิ้มหวานในวันวานที่ประทับใจจนทิ้งไม่ลง...

 

To be continued...



ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ไม่ได้เปลี่ยนหัว เลยไม่รู้ว่ามาต่อน่ะค่ะะะ  :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
ไม่ได้เปลี่ยนหัว เลยไม่รู้ว่ามาต่อน่ะค่ะะะ  :mew2: :mew2: :mew2:

ลืมสนิทเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เตือนให้

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


kagahana : ไม่ได้มาต่อเรื่องนี้ซะนาน ฮืออออ ขอสารภาพว่าลืมสนิทเลยค่ะ :ling2:

ไม่เวิ่นเว้อค่ะ ลงเลย 555









-16-











“ต้องกลับไปตรวจคนไข้แล้วเหรอครับ” รัญชน์เอ่ยถามเสียงหวาน


“อื้อ วันนี้ควบด้วย”ควบของเขาหมายถึงการสแตนบายตอนกลางคืนเผื่อเคสฉุกเฉินซึ่งกินเวลาถึงเกือบเช้า


“วันนี้ไปส่งไม่ได้ กลับดีๆนะตัวเล็ก”


“ครับ... ไปส่งที่บีทีเอสได้ไหม” ร่างเล็กยิ้มอ้อนขณะที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเอง อาหารกลางวันที่ทานด้วยกันเป็นอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ ซ้ำยังรสไม่จัดจนเกินไปด้วย


“ทีตอนยังไม่เป็นแฟนมาคนเดียวได้ พอเป็นแล้วทำเป็นอ้อนนะ” ธนกฤตแกล้งแซวด้วยใบหน้ายิ้มๆ


ชายหนุ่มลุกขึ้นเช่นเดียวกันก่อนจะจับข้อมือเรียวพาเดินออกนอกร้านอาหาร


“เดี๋ยวไปส่งนะ ขอโทษด้วยที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา ไว้ลาพักร้อนได้จะพาตัวเล็กคนดีไปเที่ยวนะ”


“ผมไม่ว่าหรอก.... ได้เจอหน้ากันก็โอเคแล้ว” รอยยิ้มปรากฏขึ้นทั้งดวงตาและริมฝีปากของเด็กหนุ่มหน้าหวาน


“ไม่ได้สิ พี่หมอก็อยากไปเที่ยวกันสองคนบ้าง...นะ?” หมอหนุ่มยอ้มหวานตอบ


“ไปเชียงรายหรือทะเลดีน้า ไว้ไปกันนะตัวเล็ก”

 










 




“คุณธันมีแพลนทำอะไรต่อไหมครับ” จู่ๆชายหนุ่มที่เพิ่งโยนลังเข้าไปในที่เก็บขยะก็พูดขึ้น ราเมนทร์หันหน้ามาหาธันย์ชนกพร้อมยิ้มจางๆให้


“วันนี้ผมไม่มีงาน เลยกะว่าจะไปหาซื้อของในซุปเปอร์มาตุนสักหน่อย คุณธันว่างไหมครับ”


“ก็... ว่างครับ....” เขามองหน้าคนถามด้วยความแปลกใจ


“ถ้างั้นไปด้วยกันนะครับ เดินคนเดียวมันเหงาๆ”


ปกติแล้ว... ทุกครั้งเจ้าตัวขี้อ้อนจะเดินนัวเนียเขาและเข็นรถเข็นหยิบนู่นหยิบนี่เหมือนเด็กๆจนเขาติดนิสัยที่เดินคนเดียวไม่ได้ หากแต่ตอนนี้... รัญชน์ได้เจอกับคนที่ชอบ ส่วนพี่ชายอย่างเขาก็คงไม่สามารถไปแย่งเวลาของสองคนนั้นมาเป็นของตัวเองได้


...ต่อให้ต้องรู้สึกเหงาแค่ไหนก็ต้องทน...


ธันย์ชนกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ สำหรับเขา ผู้ชายตัวโตคนนี้ไม่น่าจะเป็นคนขี้เหงาได้


“ได้สิครับ....”


“งั้นเดี๋ยวไปรถผมกันนะ ขึ้นไปเอากระเป๋าตังค์กันก่อนแล้วรอหน้าห้องผมนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างต่างจากทุกครั้งที่ยิ้มเพียงมุมปาก


“... ได้ครับ” รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาทำให้ความรู้สึกหม่นหมองก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไป


ร่างโปร่งเดินกลับเข้าตัวอาคารสูงก่อนจะกดลิฟต์ขึ้นไปด้วยกันกับราเมนทร์


 










 

“คุณธันปกติอยู่บ้านทำอะไรทานครับ” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองปล่อยผมเคลียต้นคอเอ่ยถาม ราเมนทร์ก้มลงหยิบซีเรียลธัญพืชที่ซื้อติดบ้านไว้เสมอมาใส่รถเข็นที่อยู่ข้างๆ และยิ้มให้กับสาวน้อยที่มองมาตั้งแต่เมื่อสักครู่


เขารู้ดีว่าตนเองมักตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง ด้วยเพราะหน้าตาและรูปร่างที่ได้จากพ่อที่เป็นคนต่างชาติร่างสูง โครงหน้าได้รูปในแบบที่เรียกได้ว่าหล่อเหลา และสีตาที่แปลกกว่าคนไทยทั่วไป มีสิ่งเดียวที่ได้จากแม่คือเส้นผมสีเข้มเท่านั้น ต่างกับรัญชน์ที่ดูจะถอดแบบแม่มาทั้งหมด ต่างเพียงสีผมและตา


...เพราะเหตุนี้...พี่น้องจึงแทบเรียกได้ว่าไม่เหมือนกันสักนิด...


“.... มาม่าครับ.... เร็วดี” เขาตอบพลางยิ้มเขินๆเล็กน้อยขณะที่เขย่งมองหาโซนอาหารสำเร็จรูป


“รสอะไรครับ รู้สึกว่ามันอยู่ตรงนู้น” ราเมนทร์ชี้นิ้วไปด้านปลายเกือบสุดชั้นวางในซุปเปอร์


“ผมชอบต้มยำกุ้งกับวุ้นเส้นเย็นตาโฟ”


“ผมชอบเส้นหมี่เยนตาโฟครับ” ธันย์ชนกอมยิ้มก่อนจะเดินไปตามทางที่ปลายนิ้วอีกฝ่ายชี้ไป


ราเมนทร์เข็นรถเข็นตามไปแล้วหยิบมาม่าแพคของตัวเองใส่พร้อมกับไม่ลืมรสที่คนที่มาด้วยชอบ


ก่อนหน้านี้กับธันย์ชนกเขาไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่พอได้ลองคบหาแล้ว... ก็รู้สึกว่าเป็นคนที่แปลกแบบน่ารักดี ถ้าให้เปรียบกับสัตว์ก็ประมาณแกสบี้ขนยาวขี้อายขี้ตื่นละมั้ง


“เดี๋ยวผมไปดูตรงแถวน้ำยาปรับผ้านุ่มก่อน... ว่าแต่คุณธันใช้น้ำยายี่ห้ออะไรครับ หอมจัง” กลิ่นอ่อนๆที่ออกมาจากเสื้อผ้าอีกฝ่ายหอมจนเขาแอบลอบดมอยู่หลายครั้ง


“ดาวนี่ครับ....” ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเมื่อตอบคำถามของอีกฝ่าย แปลว่าราเมนทร์ต้องได้กลิ่นที่ว่านั่นจากการอยู่ใกล้ๆกัน


บางที... อาจจะใกล้กันเกินไปหรือเปล่า...


“ผมซื้อมั่งดีกว่า หอมจัง...” ราเมนทร์ยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นสีแดงเรื่อ


ปกติแล้วคนไทยขี้อายกันขนาดนี้เลยเหรอ... หรือเป็นเพราะอยู่ต่างประเทศมากเกินไปเลยรู้สึกไม่ชิน


“เอ...น้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่ตรงไหน”


“เดี๋ยวผมหยิบให้ครับ” เพราะรู้ดีว่ายี่ห้อกับกลิ่นที่ตัวเองใช้คืออันไหน


“ขอบคุณครับ”


พอได้ของที่อยากได้ครบชายหนุ่มก็เข็นรถไปยังช่องจ่ายเงิน ราเมนทร์หยิบของธันย์ชนกที่มีจำนวนน้อยกว่ามากขึ้นคิดเงินก่อน พอถึงคิวตัวเองก็รอเช็คของแล้วยื่นการ์ดให้ และแม้ว่าสาวน้อยคนคิดเงินจะพยายามส่งยิ้มให้เท่าไหร่เขาก็หยุดไว้เพียงยิ้มตอบแบบสุภาพเท่านั้น


“เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานก่อนกลับไหมครับ ในห้างชั้นบนมีร้านเยอะ... คุณธันอยากทานอะไรครับ” ราเมนทร์ถามและชวนโดยไม่รอคำตอบตามนิสัย


“... อะไรก็ได้ครับ... ปกติผมไม่ค่อยได้ทานข้าวข้างนอก... คุณรามเลือกเถอะครับ” เขารับถุงพลาสติกที่ใส่ห่อมาม่ามาถือไว้พลางยกหน้าที่ตัดสินใจให้อีกฝ่าย


“คุณธันเป็นประเภทกินเนื้อหรือกินพืชครับ” ใบหน้าเหวอๆของธันย์ชนกยังคงน่าสนุกสำหรับเขาเสมอ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นนัยน์ตาสีสวยของอีกฝ่ายเบิกกว้างแล้วหรี่ลงอย่างงุนงง


“ผมหมายถึงชอบทานผักหรือพวกเนื้อๆครับ ถ้าชอบทานเนื้อไปบาร์บีคิวพลาซ่า แต่ถ้าผัก...อืม...ซิสเลอร์ก็ได้นะ”


“ซิสเลอร์... ก็แล้วกันครับ” ธันย์ชนกตอบ เขาไม่ได้ไปทานอาหารข้างนอกกับคนอื่นมานานแล้ว อย่างคราวก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามแวะมาที่บ้านก็ยังว่าไปอย่าง แต่หนนี้ ถือเป็นการทานนอกบ้านอย่างจริงจัง


...คงไม่มีคนรู้จักแถวนี้หรอก...


“โอเคครับ” ราเมนทร์พาเดินไปที่ลิฟท์อย่างคนชำนาญทางแล้วกดขึ้นไปชั้นบน


ร่างสูงเดินนำเข้าร้านก่อนจะเลือกที่นั่งติดหน้าต่างซึ่งมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน บริกรชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆวางเมนูลงกับโต๊ะหากแต่ช่างภาพหนุ่มกลับสั่งโดยไม่เปิดดูด้วยซ้ำ


“เอาซี่โครงแบบฟูล แล้วก็โค้กครับ”


“ของผมเอาเป็นปลาดอรี่ย่างครับ” หลังจากไล่สายตาดูเมนูได้สักพัก ธันย์ชนกก็เอ่ยสั่งอาหารของตัวเองบ้าง ก่อนจะตามมาด้วยเครื่องดื่ม


“แล้วก็... ชามะนาวรีฟิลครับ”


“แค่นี้ครับ ขอบคุณ”


ราเมนทร์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะหยิบดอกไม้ที่ปักในแจกันขึ้นมาดูเล่น ท้องฟ้าในยามบ่ายต้นๆเป็นสีฟ้ากระจ่างค่อนไปทางขาวด้วยก้อนเมฆที่ลอยเกลื่อน เฉดแสงสีส้มที่มนุษย์ไม่สามารถเลียนแบบได้ไล้ตามขอบเมฆเกิดเป็นสีเหลือบสวยแปลกตา... จนอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป


“คุณธันไปตักสลัดก่อนเลยครับ” ปลายนิ้วสากเลื่อนเปลี่ยนเป็นโหมดวีดีโอแล้วเก็บภาพท้องฟ้าอีกครั้ง


“อ... ครับ” ชายหนุ่มร่างโปร่งรับคำแล้วลุกขึ้นบ้าง เขาเลือกตักแต่ผักสีเขียว ก่อนจะใช้ซุปครีมเห็ดราดแทนน้ำสลัดมากมายที่มีให้


เมื่อธันย์ชนกมาถึง ร่างสูงที่กำลังเก็บภาพวีดีโออยู่ก็หันมาหาแล้วพูดเบาๆ


“วันนี้มาทานข้าวกับคุณธัน ท้องฟ้าสวยมาก” เขากดปุ่มปิดการอัดแล้วเก็บโทรศัพท์ลง


“โทษทีนะครับ ผมมันพวกบ้ากล้อง”


นัยน์ตาของเขาวูบไหวไปเล็กน้อยก่อนจะทำได้แค่ยิ้มตอบ


“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”


“คุณธันไม่ทานน้ำสลัดเหรอครับ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเจือประกายเทามองกองผักใบเขียวที่ราดซุปครีมเห็ดในจาน


“ไม่ชอบครับ.... ประหลาดใช่ไหมครับ”


“เปล่าหรอกครับ” ราเมนทร์ตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นยืนบ้าง


“เดี๋ยวผมไปตักพาสต้าก่อน...เมื่อกี้คุณธันได้ดูไหมครับว่าสาขานี้ซอสอะไร”


“ทูน่าพาร์สลีย์ครับ” ธันย์ชนกหยิบเอาพริกไทยมาบดลงเหนือสลัดของตัวเอง แล้วหันมองคนที่เดินไปยังสลัดบาร์ เขาตั้งใจจะรอให้อีกฝ่ายกลับมาก่อน แล้วจึงทานพร้อมกัน


ราเมนทร์กลับมาพร้อมพาสต้าจานย่อมและสลัดผักหลากสี เขาวางจานพาสต้าลงตรงกลางแล้วเอ่ยชวนให้ทานด้วยกัน


“เดี๋ยวผมจะไปตักซุป คุณธันเอาอะไรดีครับ”


“... ซุปครีมเห็ดครับ...” เขายิ้มอายๆแล้วค่อยขยับดันแว่นที่คล้ายจะเลื่อนหล่นลงมา


“โอเคครับ” ร่างสูงเดินไปตักซุปครีมเห็ดของธันย์ชนกและซุปฟักทองของตัวเอง เขาเดินเอามาวางตรงหน้าแล้วตักชิม


“ชิมไหมครับ”


“... ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”


ธันย์ชนกเก็บท่าทีของตัวเองเอาไว้ คนตรงหน้าทำให้นึกถึงสมัยก่อน ก็เคยมีคนทำแบบนี้


...ถึงจะนานมาแล้วก็ตาม


ราเมนทร์เหลือบมองท่าทีที่ดูไม่ค่อยสดใสของคนตรงหน้าแล้วได้แต่แปลกใจ บางครั้งก็อยากจะถาม... แต่ก็กลัวละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของธันย์ชนกมากเกินไป


...ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะถามเรื่องราวที่อยู่ในใจ...


...แต่ถ้าสนิทกันได้ขนาดนั้นก็คงดี...

 

 















“ป๊าคะ พักนี้พี่บีมอารมณ์ดีผิดปกติมากว่าไหมคะ... มีคนไข้สวยๆมาใหม่หรือไงพี่บีม” ธิวรางค์ขมวดคิ้วถามขณะที่กำลังตักข้าวใส่จานให้บิดา


“ป๊าคะพักนี้น้องแบมหน้าบวมผิดปกติ... สงสัยทานมากไปแน่เลยค่ะ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าอารมณ์ดีผิดปกติตอบด้วยท่าทางจงใจดีดดิ้น ร่างสูงกอดแขนบิดาแล้วแนบหน้าลงไปซุกซบถูไถเบาๆ


“ป๊าระวังนะคะ อยู่กับแบมนานๆเดี๋ยวพุงหายไม่รู้ตัว”


“พอเลยเรา... ยังแหย่กันแบบนี้อยู่ได้นะ... แต่... ป๊าก็ว่าเราหมู่นี้อารมณ์ดีนะบีม” คนเป็นพ่อยิ้มอย่างอ่อนใจกับพี่น้องสองคนที่ชอบจะเถียงกันราวกับเด็กเล็กๆ


“ครับ... ก็ช่วงนี้มีเรื่องดีๆเข้ามานี่” ธนกฤตยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคนรักที่เป็นชายหนุ่ม แม้ว่าในหัวจะมีความกังวล... เรื่องที่จะบอกกับครอบครัวอย่างไรก็ตาม


“อ่ะแบม กินก้างปลาป่ะ” หมอหนุ่มแกล้งน้องสาวด้วยการเลาะเอาแต่ก้างทำท่าจะยื่นลงจาน


“กินแคลเซี่ยมเยอะๆจะได้ไม่หงุดหงิดง่ายไง”


“ตีตายเลย! เดี๋ยวเหอะ แช่งให้โดนทิ้งอีกดีไหม???” น้องสาวทำตาเขียวใส่พลางว่าเสียงเข้ม


“อ้าวๆๆ ปากเหรอนั่น พอเลย คนนี้น้องบีมหวง”


“ไม่ต้องหวงมากหรอก พามาให้ป๊าดูบ้างก็ได้” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


“นั่นดิ ที่ก่อนหน้านี้ยังเคยพาคุณ... อะไรนะ... คุณน้ำ มาให้เจอหน้าเลย ก่อนจะโดนเขาบอกเลิกที่ทะเลนั่นน่ะ” ธิวรางค์ว่าต่อพลางตักชิ้นปลาเข้าปาก


“โห จำแม่นถึงรายละเอียดอย่างนี้โคตรปวดใจเลยว่ะ” ธนกฤตทำปากตุ่ย ชายหนุ่มตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งพอเคี้ยวจนหมดก็ว่าต่อ


“ไม่ใช่ว่าไม่อยากพามานะ...แต่แบบ..มันมีหลายอย่าง ยังไม่ค่อยพร้อมตอนนี้”


นัยน์ตาสีเข้มสบกับผู้เป็นพ่อ เขาเห็นแววตาเข้าใจที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาพร้อมรอยยิ้ม


...คนที่บีมชอบเป็นผู้ชาย...


...ป๊าจะรับได้ไหม...


“ขอเวลาน้องบีมอีกนิดนึงนะคะป๊า ไว้จะพาแฟนมากราบฝากตัว”


“เอ้อ ทำอะไรก็ได้ล่ะบีม... ป๊าไม่ว่าอะไรหรอก... เอาให้บีมแน่ใจ แล้วค่อยพามาก็ได้ ป๊ายังไม่ไปไหนหรอก” เขายิ้มจนดวงตากลายเป็นเส้นโค้งแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ


ธนกฤตมองรอยยิ้มที่คล้ายกับของตนเอง... หากป๊ารู้เรื่องแล้ว ป๊าจะยังยิ้มแบบนี้ได้หรือเปล่า


“ป๊าต้องอยู่กับน้องบีมขาไปนานๆนะคะ ส่วนยัยพี่น้องแบมช่างมันเนอะๆ” มือใหญ่เอื้อมตักแกงจืดให้อย่างเอาใจ


“กินแกงจืดนะป๊า ซดคล่องคอ ไว้อาทิตย์หน้าบีมตุ๋นเยื่อไผ่ให้ป๊ากินนะ”


ธิวรางค์แยกเขี้ยวใส่อีกทีก่อนจะเงียบลงเมื่อรู้สึกว่าพี่ชายของเธอดูแปลกไป ปกติถ้ามีแฟน จะต้องรีบบอกรีบอวดแท้ๆ


หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ รอจนกระทั่งผ่านเวลาอาหารเย็นไป









 

 









“พี่บีมไปทำใครท้องมารึเปล่า?” ทันทีที่บิดาแยกตัวไปนอน เธอก็เดินมายืนขวางพี่ชายทันที


“เออ เนี่ยอีกสองเดือนจะคลอดแล้ว” ชายหนุ่มแหย่กลับแล้วตีลงบนหน้าท้องน้องสาวเบาๆ


“อ้วนขึ้นจริงๆนะแบม ทำงานประสาไรวะ งานหนักกินเยอะเหรอ”


“ไม่ต้องมาขำเลย! เอาดีๆ... ปกติอวดแฟนจะตาย เป็นอะไรเนี่ยคราวนี้?” หญิงสาวตีมือลงบนแขนของอีกฝ่ายแล้วถามอีกครั้ง


“ง่วงยังล่ะ ถ้ายังเข้ามานั่งในห้องก่อน” ธนกฤตเปิดประตูออกกว้าง


...ธิวรางค์เป็นคนที่ความรู้สึกไวเสมอ...


...รวมถึงครั้งนี้ด้วย...


คนเป็นน้องสาวเดินตามเข้าไปในห้อง มือสองข้างท้าวเอวพลางมองหน้าพี่ชาย


“ว่าไง”


“อย่าทำหน้าเหมือนจะกินน้องบีมสิคะ น้องกลัว” ธนกฤตทำเสียงแอ๊บแบ๊วแล้วนั่งลงที่เตียง


“แบม... ถ้าพี่บอกความจริงแกจะรับได้ไหมวะ”


“.....” ธิวรางค์มองใบหน้าของพี่ชาย คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไปในเมื่อแววตาของอีกฝ่ายดูจริงจังเสียจนต้องเอ่ยบอกออกไป


“.... อะไรก็เอา ก็ต้องรับให้ได้... หรือเปล่า”


“พี่... ตอนนี้...” นัยน์ตาสีเข้มที่ออกจะหยีมองธิวรางค์ก่อนจะหลับตาลง ริมฝีปากบางเม้มแน่นรวบรวมความกล้า


“คนที่คบอยู่เป็นผู้ชาย... ชื่อรัน...”


“เฮ้ย... พูดจริงพูดเล่น” หญิงสาวทำตาโตพลางถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ


“เรื่องอย่างงี้มันพูดเล่นได้เหรอ” น้ำเสียงจริงจังที่พูดออกมา... แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกว่ามันแปร่งปร่า


“คนอื่นพี่ไม่สนหรอก ขอแค่แบมกับป๊ายอมรับได้ก็พอ เพราะคนที่พี่ต้องแคร์เหลือแค่บ้านเราแล้ว” หมอหนุ่มระบายลมหายใจออก


“พี่ชอบเขาว่ะแบม ชอบมาก... อาจจะมากกว่าคุณน้ำด้วยซ้ำ พี่ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่สังคมไม่ยอมรับ... แต่ให้พี่ห้ามใจตัวเองตอนนี้ก็ไม่ไหว...”


“............” หญิงสาวรู้สึกว่าทุกอย่างที่มองตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนไป พี่ชายที่รู้จักมาตลอดเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วในชั่วประโยคเดียว ร่างบางทรุกนั่งลงข้างๆธนกฤตช้าๆ มือเอื้อมไปจับมือของพี่ชายเอาไว้


“... แน่ใจแล้วใช่ไหม......”


“ถ้าพูดถึงตอนนี้... แน่ใจว่ะ” หมอหนุ่มบีบมือน้องสาวกลับ


“แก... ขยะแขยงพี่หรือเปล่า...ที่พี่ชอบผู้ชาย”


...หากว่าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร...


“ขอโทษนะ พี่เป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”


“... ก็... ไม่ขนาดนั้นหรอก... พี่เป็นพี่อะ... ช็อคนิดหน่อยเฉยๆ...” ธิวรางค์เอนศีรษะพิงไหล่ของผู้เป็นพี่


“ไม่ต้องขอโทษหรอก... ช่างมันนะ...”


มือใหญ่ยกมือลูบเส้นผมสลวยของน้องสาวเบาๆ เขาโอบร่างเล็กแล้วซบกับกลางศีรษะ


“ขอบใจนะ...แต่ว่า...ตอนนี้พี่ยังไม่กล้าบอกป๊า พี่กลัวป๊ารับไม่ไหว”


“............ แต่... ปิดไปตลอดไม่ได้นะ รู้ใช่ไหม”


“อืม...แต่ว่าแบมอย่าเพิ่งบอกพ่อได้ไหม พี่อยากบอกเอง...นะ?”


...เพราะกลัวเกินไป...


...เพราะเป็นห่วงเกินไป...


“อือ ได้... สู้ๆนะ” ธิวรางค์ตบไหล่ของชายหนุ่มเบาๆสองสามทีก่อนจะลุกขึ้น


“ไปนอนแล้วนะ....”


“นอนด้วยกันป่ะ” ชายหนุ่มแกล้งตบที่นอนกรุ่นกลิ่นแดดเบาๆ


“อ๊ะ ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโดนทับแบน”


“ไม่ต้องเลย ไปนอนกับแฟนไป” หล่อนพูดไล่หลังก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า ถึงพี่ชายจะชอบผู้ชาย


...แต่ถ้าไม่ต้องอกหักงี่เง่าแบบนั้นอีกก็คงดี









To be continued...


ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


kagehana : พอมาอ่านแล้วก็พบว่า เรื่องนี้เขียนมานานมาก ตั้งแต่บีบียังฮิตและบาบีคิวพลาซ่ายังไม่มีกะหล่ำฟรี 555







-17-







นัยน์ตากลมโตกระพริบมองคนที่ทำเป็นสนใจเอกสารตรงหน้ามากกว่าเขา มือสองข้างยกขึ้นท้าวคางเอาไว้แล้วค่อยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


“ผมหายแล้ว... บอกผมมานะ พี่หมอบีม”


“อืม....” หมอหนุ่มแกล้งทำหน้าเคร่งใส่เอกสาร ผลเลือดที่ออกมาแสดงผลว่าคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าหายขาดแล้ว ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่บังคับกันกินยาอย่างเคร่งครัดส่งผลมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก


“ขอดูมือคุณรันหน่อยครับ” ธนกฤตบังคับคิ้วตัวเองให้ขมวด ทั้งที่ในใจยิ้มร่า


“ครับ...” เด็กหนุ่มนึกหวั่นใจพลางค่อยๆยื่นมือไปข้างหน้า


“อาจจะช้าไปหน่อย....” ธนกฤตล้วงมือเข้าไปสัมผัสกับโลหะเย็นๆในเสื้อกาวน์แล้วหยิบมันขึ้นมา


“ยินดีด้วยที่หายแล้ว...แล้วก็ของขวัญคบกันครบเดือนย้อนหลังครับ” เขาวาง 'ของขวัญ'ที่ว่าลงบนฝ่ามือ


กุญแจดอกเล็กพร้อมคีย์การ์ดถูกร้อยไว้กับพวงกุญแจรูปคู่อัดกรอบพลาสติกแข็ง หมอหนุ่มยิ้มหวานแถมท้ายก่อนจะเอ่ยต่อ


“ให้ไว้เผื่อตัวเล็กอยากไปนั่งเล่นนะ”


“ให้ผมเหรอ?? จริงนะ??” รอยยิ้มแผ่กว้างบนใบหน้าหวาน เขาหยิบกุญแจขึ้นดูอีกครั้งก่อนจะเดินอ้อมมา ร่างเล็กยกแขนขึ้นโอบกอดธนกฤตจนแน่น


คนถูกกอดกอดตอบแล้วหัวเราะเบาๆจนดวงตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว


“ให้จริงๆน่ะสิ ของขวัญให้คนเก่งไง” หมอหนุ่มดึงร่างเล็กลงมานั่งตักแล้วจูบแตะที่ริมฝีปากเบาๆ


“จะได้ไม่ต้องมารอที่โรงบาล อนุญาตให้เข้าไปเล่นในห้องได้เลย”


“... ดีจังนะ” รัญชน์ยังไม่ยอมลุกออกไปไหน ใบหน้าหวานขยับเข้าหา แล้วแตะริมฝีปากที่ปลายจมูกของร่างสูง


“แต่มาที่นี่สนุกกว่านะ”


“เดี๋ยวเถอะ! ยั่วหมออีกแล้วนะเรา” ปลายจมูกกดลงที่ริมฝีปากสีสวยเบาๆ ธนกฤตรั้งลำคอของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วประทับรอยจูบเบาๆ


“พี่หมอไม่หื่นในเวลางานหรอก”


“เหรอ” เด็กหนุ่มจงใจลากเสียงยาว มือข้างหนึ่งย้ายมาแตะลงบนแผ่นอกกว้างผ่านเสื้อกาวน์ตัวหนา


“อย่าทำอย่างนี้สิ” มือใหญ่ทาบลงบนหลังมือซุกซน


“เดี๋ยวคุณกุ้งเห็นหมอเสียหายนะ รันจะรับผิดชอบแต่งงานกะพี่ป่ะ” สรรพนามที่ใช้แทนตัวเปลี่ยนไปเรื่อยตามประสาคนสบายๆ บางครั้งก็พี่... บางทีก็หมอ บางครั้งก็มาแบบควบด้วยซ้ำ


“ถ้าขอก็แต่งงานนะ...” ถึงจะโดนยึดมือไว้ แต่รัญชน์ก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ มืออีกข้างถูกยกมาแตะเบาๆที่ข้างแก้ม


“ยังไม่มีนัดอื่นไม่ใช่เหรอครับ” นัยน์ตาสีอ่อนสบมองลึกไปในดวงตาสีเข้มของธนกฤต


“อือ ไม่มีหรอก” ธนกฤตจูบที่ปลายคางมนเบาๆก่อนจะดึงคนตัวเล็กมาล็อกไว้ไม่ให้ขยับแกล้งได้


“นี่มันโรงบาลน่า รันคิดดิ่ว่าถ้าหมอ... เอ่อ... นั่นแหละ กับรันที่นี่ แล้วเวลาหมอทำงานไม่เอาแต่คิดถึงแย่เหรอ”


“..... ไม่เกี่ยวกันนะ” คนถูกขัดใจทำหน้ายู่


“เกี่ยวสิ ก็พี่หมอจะคิดถึงตัวเล็กไม่เป็นอันทำอะไรไง” ธนกฤตหอมหน้าผากเบาๆแล้วดันร่างเล็กในอ้อมกอดออก


“นะครับ ตรวจเสร็จแล้ว เย็นนี้ไปทำอะไรกินบ้านหมอกัน ตัวเล็กคนดีของพี่หมอไปรอที่บ้านก่อนนะ”


“.... ไปรอพี่หมอเฉยๆน่าเบื่อหรือเปล่า... ผมไปหาพี่ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปหาพี่หมอตอนเย็น” เด็กหนุ่มร่างเล็กลุกออกมายืนก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้


“เอางั้นก็ได้” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ยืดตัวตามแล้วหอมแก้มขาวอีกที


“รางวัลเด็กดี เย็นนี้เจอกันครับ”

 

 








little RAN : Where - are - you - ?

 

ขณะที่เดินออกมาจากโรงพยาบาล รัญชน์ก็กดข้อความหาพี่ชายแทบจะทันที


โทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเวลางานเรียกความสนใจของคนที่กำลังปรับรูรับแสงของกล้อง ปกติแล้วราเมนทร์มักจะไม่สนใจเรื่องอื่นในเวลางาน...แต่เพราะเป็นเสียงที่ตั้งไว้เฉพาะ มือใหญ่จึงละออกจากกล้องได้


“เอาเสื้อคลุมให้น้องเอ็มมี่ก่อน ขอตัวแป๊บ” ชายหนุ่มสั่งทีมงานผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ


งานวันนี้ดำเนินไปได้ช้ากว่าที่คิดไว้ เพียงเพราะนางแบบนู้ดคนสวยที่อยู่ในธีม'รักร้าว' ซึ่งต้องแสดงความเจ็บปวดผ่านสีหน้าเอาแต่ส่งยิ้มหวานยั่วยวนเขา ราเมนทร์หงุดหงิดกับพวกคนที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพจนแทบจะตะโกนให้เลิกทำปากเผยอและกระพริบตาได้แล้ว


ปลายนิ้วสากกดอ่านข้อความก่อนจะโทรกลับเพราะมีเวลาไม่มาก


“ฮัลโหล ว่าไงล่ะเรา อยู่ที่ไหน”


“ตรวจเสร็จแล้ว หายแล้ว! ไปฉลองกันไหม”


ข่าวดีจากน้ำเสียงร่าเริงเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มหน้าบึ้ง


“ยินดีด้วย เราอยากไปกินที่ไหนล่ะ เอาเป็นข้าวเที่ยงหรือเย็นดี... ตอนนี้พี่ยังเหลือถ่ายน้องเอ็มมี่อีกนิดนึง”


“เที่ยงสินะ เย็นไม่ว่างนะ” เขาเอ่ยถามเสียงเริงร่า


“อ้าว เย็นไปไหนเหรอ” หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย


“ไปฉลองกับพี่หมอ แต่อยากฉลองกับพี่ก่อน ไม่ได้เหรอ” ตัวขี้อ้อนเริ่มลากเสียงยาว


“ได้สิ งั้นพี่จะรีบทำงาน รันจะมาหาพี่ที่สตูดิโอไหม” แม้ว่าชื่อของพี่หมอจะทำให้เกิดความขมปร่าซ่านขึ้นมา หากแต่การที่อีกฝ่ายยังคงนึกถึงตัวเองก็พอบรรเทาได้บ้าง


...ขอแค่ให้มีความสุข...


“โอเคนะ เดี๋ยวไปหา” พูดจบรัญชน์ก็วางสาย ก่อนจะตัดสินใจเรียกรถแท็กซี่ไปแทน


 

 








“เอาชุดครอบครัวหมูเพิ่มเห็ดออรินจิกับกะหล่ำอย่างละ2ถาดครับ” ราเมนทร์สั่งแบบไม่ต้องดูเมนูเพราะทุกครั้งที่มาก็สั่งอย่างนี้เป็นปกติ


เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา ร้านอาหารในห้างจึงค่อนข้างบางตา สองพี่น้องจับจองที่นั่งด้านในติดกระจก เบื้องหน้ามีเตาทองเหลืองและเจ้าบาบิกอนวางอยู่


“รันเอาอะไรเพิ่มป่ะ”


“ไม่เอาแล้ว เอาโค้ก!” คนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า


หลังจากบริกรสาวเดินไป ราเมนทร์ก็พูดขึ้น


“คราวนี้หายได้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ซื้อของขวัญให้ เอาอะไรดี” แม้ใจจะนึกโกรธเรื่องที่แย่งรัญชน์ไป... แต่เพราะไอ้หมอเวรนั่นทำให้น้องชายเขาหายขาดได้จึงรู้สึกขอบคุณไม่น้อย


“ต้องขอบคุณไอ้หมอนั่นด่วยล่ะนะ...”


“ไม่ต้องหรอก พี่ให้รันเยอะแยะแล้วนะ?” รัญชน์โน้มตัวมาด้านหน้าพลางส่งยิ้มให้อีกครั้ง


“แค่นี้จิ๊บจ๊อย พี่เป็นพี่รันนะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาทอดแววอ่อนโยน ต่อให้อีกฝ่ายจะมีใคร... ฐานะพี่ชายสายเลือดเดียวกันคนสุดท้ายในโลกก็ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


...และเป็นความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด...


“แล้ววันนี้นัดหมอนั่นไว้ที่ไหนล่ะ”


“คอนโดหมออะ” ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้น


คำตอบอีกฝ่ายทำเอาถึงกับยิ้มหุบ ราเมนทร์หรี่ตาลงก่อนจะขมวดคิ้ว


...ไอ้บ้านั่น...


“ไปได้ไง ถ้าเกิดไอ้หมอบ้านั่นมันหวังเคลมเราจะทำไง ถึงจะคบกันแล้วก็ไว้ใจไม่ได้หรอก พี่ไม่ยอม จะไปก็ไปกินกันข้างนอก ร้านเพื่อนหมอก็ได้ เดี๋ยวพี่จองให้”


คราวนี้รัญชน์หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้


“พี่หมอน่ะเหรอ คงทำอะไรได้หรอก” นึกถึงหน้าและท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็ขำ


“We're not gonna have sex. Relax”


“ถ้าเราไปนัวเนียมากๆก็ไม่แน่หรอก ไอ้พวกนี่เห็นหงิมๆบทจะหื่นขึ้นมาคงน่ากลัวพิลึก” ราเมนทร์นินทาเต็มปากเต็มคำก่อนจะหยุดลงเมื่ออาหารพร้อมน้ำมาเสิร์ฟ


ชายหนุ่มโรยกะหล่ำปลีซอยใส่น้ำเป็นอันดับแรกแล้วค่อยวางเนื้อหมูชุบน้ำจิ้มลงบนเตา


“เพิ่งคบกันเอง เรื่องมีอะไรกันนี่ไม่ไหวนะ...ยิ่งเร็วยิ่งง่ายก็ยิ่งเลิกกันง่ายรู้ไหม”


“คร้าบ-- เหมือนพี่ใช่มะ” รัญชน์เริ่มเป็นฝ่ายกวนกลับ


“อ้าว พูดเรื่องไอ้หมออยู่มาพาดพิงพี่ทำไมเนี่ยเรา” ราเมนทร์ขยี้หัวน้องชายเบาๆ


เขาเอาเนื้อหมูที่ปิ้งสุกวางบนจานน้องชาย


“กินเยอะๆ โตไวๆ ตัวเล็กเกินไปแล้ว”


“ไม่โตแล้วนะ หยุดโต ใช่ไหม” คนตัวเล็กทิ้งคำถามไว้ก่อนจะคีบชิ้นหมูเข้าปาก


“อือ หยุดโตแล้ว” ราเมนทร์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพันธุกรรมตรงไหนของเจ้าตัวเล็กมันผิดไปหรือเปล่า เพราะทั้งที่เป็นพี่น้องแท้ๆยังต่างกับเขาและพ่อถึงเพียงนี้


“ค่อยๆกิน เดี๋ยวติดคอหรอก”


ราเมนทร์ยิ้มให้คนตัวเล็กที่กินอย่างน่าอร่อย


...ถ้าพื้นที่ของคำว่าพี่ชายยังคงเหลือ...


...เขาก็ขอเป็นแค่เท่านี้ตลอดไป...

 

 










รัญชน์เปิดประตูเข้าห้องของคนรักพร้อมกับถุงคุกกี้ในมือ เมื่อหันไปปิดประตูห้องได้แล้ว เขาก็ส่งข้อความหาธนกฤตทันที

 

little RAN : I'm here already :D

 

ธนกฤตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความก่อนจะตอบกลับ

 

พี่หมอบีม : กำลังซื้อของซุปเปอร์ไปทำกับข้าวกินกันครับ รอแป๊บนึงนะ

 

พอได้ความอย่างนั้น เด็กหนุ่มร่างเล็กก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วมองไปรอบๆ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้มาที่นี่ แต่ด้านความรู้สึกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง


“มาเร็วๆนะ”

 

 








“กลับมาแล้วตัวเล็ก” หมอหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเอ่ยทักรัญชน์ที่นอนอยู่ตรงโซฟา เขาวางของลงแล้วเข้าไปกอดพลางหอมแก้มเบาๆ


“มาทำกับข้าวกัน”


ทว่าคนตัวเล็กกลับยึดธนกฤตเอาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้ได้ลุกขึ้น


“ไม่ช่วย”


“ไม่หิวเหรอ พี่บีมหิ๊วหิวอ่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยอมให้ยึดไว้อยู่ดี


“กินตัวเล็กแทนไหม”


“กินจริงอย่าหนีแล้วกัน” ธนกฤตยิ้มท้า


“ใครกันแน่....” ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นก่อนจะดึงอีกฝ่ายลงมาจูบเบาๆ


ธนกฤตตอบสนองจุมพิตหวานด้วยความร้อนแรงไม่แพ้กัน พอละริมฝีปากออกร่างสูงก็ลุกยืนตรงแล้วดึงคนตัวเล็กให้ลุกด้วย


“ไปต่อกันในครัว....”

 







 

'ฉ่า---'


ไอร้อนขึ้นควันขโมงเมื่อมือใหญ่ใส่กุ้งลงไปผัดกับกระเทียมและน้ำมัน ธนกฤตมองคนตัวเล็กที่ยืนหน้าตูมอยู่ใกล้ๆด้วยแววตาหยอกล้อ


“ทำหน้าหงิกเชียว”


“.... ไม่อยากพูดด้วยเลย...” เขาทำเสียงขุ่น


“ไม่ต้องพูดก็ได้ มาช่วยพี่หมอบีมทำกับข้าวเร็ว”ธนกฤตยื่นส่งตะหลิวให้


“รันทำกับข้าวให้พี่ทานมั่งป่ะ”


“ทำไม่เป็น... ทำเป็นแต่ขนมนะ...”


“แน่ะ งอนอยู่ล่ะสิ มาเร็ว...ทำตัวเป็นเด็กดีเดี๋ยวให้ของขวัญนะ” ธนกฤตเดินเข้ามาหาแล้วโอบร่างเล็กพาเดินมาหน้าเตา มือใหญ่สอดตะหลิวเข้าให้แล้วกุมจับไว้ด้วยกัน


“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทย..ของโปรดพี่”


“.... น้ำมันกระเด็นนะ... เป็นแผลทำไง” ร่างเล็กหันมาหาแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือที่ถือตะหลิวออก


“ไม่โดนหรอก...ถึงโดนก็ไม่เป็นไรแป๊บเดียวก็หาย” ธนกฤตกดคางลงบนศีรษะกลมมนและเส้นผมอ่อนนุ่มสีสวย


“ตัวเล็กเป็นไข่ในหินเกินไป ถ้าไม่มีพี่ชาย...ไม่มีพี่หมอจะอยู่ยังไง จากนี้ไปพี่จะสอนให้รันทำกับข้าวเล็กๆน้อยๆเป็น...อ่อ หัดขับรถด้วยมะ ขับรถเป็นไหมล่ะตัวเล็ก”


“เป็นสิ เห็นรันเป็นคนแบบไหนนะ” คราวนี้รัญชน์ทำเสียงขุ่นแล้วหันไปทำคิ้วขมวดใส่


“เป็นตัวเล็กคนดีขี้งอนไงครับ”ชายหนุ่มหอมลงไปบนหว่างคิ้วที่ขมวดแน่น


ธนกฤตดึงมือตัวเองแล้วปล่อยร่างรัญชน์ไว้หน้าเตา


“รันนี่ท่าทางจะเหมาะกับผ้ากันเปื้อนเนอะ”


“หือ... ลามกเหรอ?” เด็กหนุ่มหันมายิ้มร้าย


“ลามกสิ พี่น่ะลามกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” คนพูดยิ้มหวาน


“เอากุ้งใส่จานได้แล้วครับ เดี๋ยวไหม้หมด”


“ลามกแต่พูดน่ะสิ...” เขาใช้ตะหลิวตักกุ้งใส่จานตามที่อีกฝ่ายว่า


“ใครบอก...ไม่รู้อะไรซะแล้ว” ธนกฤตลุกไปหยิบจานวางลงกับโต๊ะ ร่างสูงดึงเด็กดื้อมากอดแล้วจุ๊บที่หน้าผาก


“เป็นผู้ใหญ่ต้องรู้จักอดกลั้นไม่แสดงความลามก....เด็กๆไม่เข้าใจหรอก”


“18แล้วนะ ไม่เด็กแล้วนะ...” รัญชน์ยังคงทำหน้ายู่ใส่ขณะตะปบมือเข้าที่เอวของอีกฝ่ายแล้วเขย่าสองสามที


“พี่หมอบีม30แล้ว แก่กว่าตั้งเยอะ” พูดไปก็นึกยอกใจ นอกจาก30ยังไม่มีหลานให้ป๊าอุ้มแล้ว...ยังมีแฟนเป็นผู้ชายเด็กกว่าตั้ง12ปีอีก


“พูดเรื่องอายุแล้วรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเล็กไงไม่รู้...”


“หลอกเหรอ? ไม่หลอกนะ...” มือเล็กเอื้อมแตะปลายนิ้วลงบนแก้มของอีกฝ่าย


“ก็ตัวเล็กอายุน้อยกว่าไม่รู้สึกอะไรหรอก...แต่พี่เนี่ยดิ่ มีหวังโดยแซวว่าเป็นเฒ่าหัวงูแหง”


คนฟังได้แต่ยืนกระพริบตามอง


“เฒ่า... อะไรนะ?”


“เฒ่าหัวงู...แบบ พวกคนแก่ที่ชอบสาวเอ๊าะๆอายุน้อยกว่าไง” ธนกฤตมองหน้าคนตัวเล็กแล้วยิ้มให้


“เอาเหอะ...ก็ชอบไปแล้วนี่เนอะ”

 

 









ราเมนทร์เอนตัวลงนอนบนโซฟาบีนตัวนุ่มที่มุมห้อง  เพลงหวานแผ่วที่ดังจากโทรทัศน์กล่อมอารมณ์ให้ชวนเคลิ้มหลับ ตะเกียงอโรม่าที่จุดไว้โชยกลิ่นหอมของน้ำมันกลิ่นเลมอนกลิ่นโปรดที่ให้ความสดชื่น...กลิ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนน้องชายอยู่ด้วยกันตลอดเวลา


ต่างจากอีกคนที่อยู่ห้องตรงข้ามฝั่งกำแพง ในวันสบายๆแบบนี้เขาควรจะได้หยุดพัก แต่ดูเหมือนกับว่าเป้าหมายกับนิยายเรื่องใหม่จะทำให้ธันย์ชนกไม่อาจนอนนิ่งๆได้


การเดินทางผ่านมิติกับโลกแฟนตาซีอาจฟังดูธรรมดา ทว่าเขากลับอยากลองสร้างภาษาของตัวเองออกมาเพื่อใช้เป็นภาษาของดินแดดนั้น


มือเอื้อมดึงเอากล่องหนังสือที่อยู่บนสุดของชั้น กล่องพลาสติกที่ใส่พจนานุกรมหลากภาษาเอาไว้ถูกดึงออกมา


“อ...?!” ด้วยน้ำหนักกล่องที่หนักกว่าที่คาดไว้ทำให้ทั้งคนทั้งกล่องร่วงตามกันมา


“โอ๊ย-!!!” กล่องพลาสติกที่หล่นตามมากระแทกลงบนขาเขาจนเจ็บแล้ว บันไดเจ้ากรรมก็ยังตามมาซ้ำอีกรอบจนต้องนิ่วหน้า


เสียงโครมครามที่ดังกว่าครั้งไหนๆทำเอาราเมนทร์ถึงกับสะดุ้ง เขาลุกขึ้นแล้วแนบหูกับกำแพง...เสียงสูดปากกับเสียงครางด้วยอาการเจ็บทำให้เขานึกเป็นห่วง


...ซุ่มซ่ามอะไรอีกแล้วล่ะสิ...


ร่างสูงเดินออกจากห้องไปยืนหน้าประตูห้องติดกันแล้วเคาะเบาๆ


“คุณธันครับ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”


ธันย์ชนกได้ยินเสียงเรียกจากประตูก็เอื้อมผลักกล่องพลาสติกกับบันไดออกแล้วค่อยยันตัวขึ้น


“!!!!!? อึก!!!” ร่างโปร่งบางทรุดฮวบลงทันที ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจนถึงสมอง เขาก้มลงมองที่ขาของตัวเองก่อนจะนึกว่าความซุ่มซ่ามที่ไม่หายสักที


สุดท้าย เขาก็ใช้ขาอีกข้างที่ไม่เจ็บ พาตัวเองไปจนถึงประตูห้องได้


“... เดี๋ยว... คงเรียกรถ... พยาบาล... ครับ” แค่จะอ้าปากพูดก็ยังรู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ


“เปิดประตูหน่อย” ราเมนทร์เผลอทำเสียงดุ... เดี๋ยวที่ว่าของธันย์ชนกคงกินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ขืนเป็นอะไรร้ายแรงก็คงแย่กันพอดี


“คุณธันเจ็บตรงไหนใช่ไหม”


มือจับที่กลอนประตูบิดออกแล้วค่อยเปิดประตูให้ก่อนจะรีบยึดกรอบประตูไว้


“... ครับ......”


“โดนอะไรอีกครับคราวนี้” น้ำเสียงอ่อนใจเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าธันย์ชนกจะยังหน้าตายุ่งเหยิงแต่ถ้ามาเปิดให้ได้ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง


“คุณธันเจ็บตัวอยู่เรื่อยเลย”


“... กล่อง-!!?” ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมากระทันหันทำให้ทรุดลงนั่งอีกครั้ง


“ทับลงมาน่ะครับ”


อาการทรุดนั่งลงไปกับตานั้นไม่มีทางที่จะธรรมดา ราเมนทร์ปราดเข้าไปประคอง น้ำหนักตัวของอีกฝ่ายดูจะน้อยกว่าที่คิดไว้เพราะแค่ประคองขึ้นร่างเพรียวก็ลุกได้โดยไม่หนักแรง


“ไปโรงพยาบาลกันนะ คุณธันพอจะเดินไหวไหม”


ถ้าจะอุ้มก็ดูตลกเกินไป แต่ถ้าให้เดินเองก็คงไม่ถึงแน่... ราเมนทร์ตัดสินใจพิงร่างเพรียวกับผนังแล้วย่อตัวลง


“ขึ้นหลังผมดีกว่า”


“... แค่ประคองเฉยๆ... ก็พอครับ...”


“ไม่ได้ครับ ถ้าเจ็บซ้ำขึ้นมาจะทำยังไง” ราเมนทร์หันไปพูดเสียงเข้มใส่


“ขึ้นมาเร็วๆสิ ผมจะได้พาไปโรงพยาบาล”


“.... ครับ” ธันย์ชนกยอมทำตามที่อีกฝ่ายพูด แม้จะนึกว่าตัวเองที่รู้สึกอายกับเรื่องเพียงแค่นี้


ราเมนทร์รอให้น้ำหนักถ่ายทอดมาสู่แผ่นหลังแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาหันไปหาธันย์ชนกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง


“ทีหลังมีอะไรเรียกผมนะครับ...อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนบ้านกัน”


“.............. ขอบคุณครับ...” คนเจ็บเอ่ยเสียงเบา ซ่อนพวงแก้มสีเข้มไว้กับแผ่นหลังกว้าง พลางนึกถึงทิศทางของนิยายเรื่องใหม่ที่กำลังดำเนินไป


...บางที...


...อาจจะไม่ได้จบแย่ขนาดนั้นก็ได้...
 

 

 

 

 

 



To be continued...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-18-











“สรุปว่ากระดูกร้าว เห็นไหมครับถ้ารออาจจะเจ็บกว่านี้ก็ได้” ราเมนทร์พูดขึ้นระหว่างหักหัวรถออกจากโรงพยาบาล ชายหนุ่มปรับเบาะให้เอนลงเพื่อที่ธันย์ชนกจะได้นั่งสบายๆ



เวลาเกือบๆสามทุ่มบนท้องถนนยังเป็นช่วงที่รถไม่บางตาเท่าไร ชายหนุ่มจึงใช้เวลาที่นั่งรอสัญญาณไปหันมาคุยต่อ



“คุณธันทานข้าวเย็นยังครับ แวะซื้อข้าวต้มหน้าซอยก่อนไหม”



“ทานมาม่าไปแล้วครับ... ไม่เป็นไร... ครับ” เขายังก้มลงมองเฝือกอ่อนที่ขาของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา



เมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถยุโรปราคาสูงก็เคลื่อนตัวด้วยเสียงเงียบกริบ ราเมนทร์เหยียบคันเร่งสลับกับเบรค...การขับรถในเมืองอย่างกรุงเทพนี่ไม่ง่ายสักนิด



“เป็นอย่างงี้แล้วคงไม่สะดวกอะไรหลายๆอย่าง...ถ้าไม่รังเกียจผมจะให้รันไปคอยอยู่เป็นเพื่อน โอเคไหมครับ”



“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ!” เขารีบปฏิเสธกับสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอมาแทบจะทันที กับเรื่องรบกวนคนอื่นขนาดนั้นธันย์ชนกไม่ชอบทำตัวให้เป็นภาระกับใคร



“งั้นคุณธันจะอยู่คนเดียวเหรอครับ” ...ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ ราเมนทร์ต่อในใจ



การที่ให้คนที่เป็นแค่เพื่อนบ้านมาช่วยดูแลก็อาจทำให้ลำบากใจอยู่บ้าง แต่หากต้องทิ้งให้อยู่คนเดียวก็อาจจะทำอะไรเกินตัวจนบาดเจ็บขึ้นมาอีก



“รันไม่ได้ทำอะไร ผมเองช่วงนี้ก็ปิดจ็อบแล้ว เดี๋ยวผมช่วยพูดกับรันให้... ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ”



“แต่ถ้าไม่สะดวก... ก็ไม่เป็นไรจริงๆนะครับ” ธันย์ชนกยังคงพูดต่ออย่างเกรงใจ



“ไม่ต้องเกรงใจครับ หรือไม่คุณธันก็มาอยู่ห้องผม... ดึกๆค่อยกลับไปนอนก็ได้ ผมไม่กวนหรอก” ราเมนทร์ยิ้มบางๆด้วยรับรู้ได้ถึงความเกรงใจของคู่สนทนา



...แบบนั้นยิ่งไปกันใหญ่...



“.... เอา... แบบที่กวนคุณรามน้อยสุดก็แล้วกันครับ.....” เขาก้มใบหน้าลงตอบเสียงอ่อน



“แค่นี้เอง...เจอรันตอนป่วยแล้วคุณธันจะหนาว เจ้านั่นเวลาป่วยทั้งอ้อน งอแง เอาแต่ใจสารพัด” ชายหนุ่มพูดถึงน้องชายด้วยรอยยิ้มที่มากกว่าเดิม



...แต่ก็น่ารักมากกว่าใครๆ...



“...... เหรอครับ...” คนฟังยิ้มตามก่อนจะเอนหลังพิงเบาะรถให้สบายขึ้น



พอเห็นว่าธันย์ชนกอยากพักผ่อนคนขับรถเลยไม่พูดอะไรต่อแต่เอื้อมหยิบเสื้อคลุมตัวอุ่นที่อยู่ด้านหลังมาส่งให้



“รถติดนะครับ หลับไปพลางๆก็ได้”



“ขอบคุณครับ...” มือสองข้างขยับถอดแว่นออกก่อนจะค่อยๆหลับตาลง ในตอนนี้แม้จะรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ความอบอุ่นที่ได้มากลับทำให้รู้สึกดีเสียจนลืมความเจ็บได้



แพขนตาที่ไร้แว่นปิดบังกระพือไหวด้วยแรงลม พอถอดแว่นแล้ว... ธันย์ชนกดูเด็กลงอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอายุถึง32ได้ ทั้งโครงหน้าอ่อนแยาว์ ผิวพรรณที่แม้จะไม่ได้ขาวแบบรัญชน์ แต่ก็ไม่ใช่ขาวซีดที่ดูแล้วน่าเป็นห่วง



ราเมนทร์ระบายยิ้มอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเบนสายตากลับไปสู่ท้องถนนยามค่ำคืนอีกครั้ง.. ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

 

 













“คุณธันเขากระดูกขาร้าว เราอยู่ว่างๆก็ไปอยู่เป็นเพื่อนดูแลเขาหน่อยได้ไหม”



“.... รันจะไปดูแลอะไรพี่ธันได้? ทำคุกกี้เลี้ยงคนป่วยเหรอ?” ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง แต่เพราะรัญชน์ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยได้เท่าไหร่นัก



“ก็ไปช่วยอยู่เป็นเพื่อน เอาของอะไรให้ไง” ราเมนทร์คว้าเจ้าตัวที่นอนกลิ้งไปมาบนพื้นพรมขึ้นมากอด



“พี่ก็อยู่ด้วย ให้คุณธันอยู่ห้องเราก็ได้ รันโอเคป่ะ”



“งั้นรันยกให้ก็ได้... แล้วรันไปค้างห้องพี่หมอแทน” คนตัวเล็กยิ้มกว้าง



“เฮ้ย! ได้ไงล่ะรัน ไปนอนค้างกับมันทำไมห้องเราก็มี คุณธันกลางคืนก็กลับไปนอนห้องตัวเองหรอก” ราเมนทร์แทบจะดึงแก้มที่ยิ้มไม่หุบนั่นด้วยความหมั่นไส้... พอสบโอกาสนี่รีบคว้าเลยนะ



“ไม่ให้ค้าง แค่ปล่อยให้ไปอยู่ด้วยทั้งวันก็ดีแล้ว”



เพราะเห็นว่าน้องชายมีความสุข... และการเสียสละเป็นหน้าที่พี่มาตั้งแต่เกิดแล้ว



...กับอีแค่หัวใจตัวเอง... ทำไมจะทนเจ็บไม่ได้



“........ โห่ย.... ก็ได้.... แต่พี่รามว่างก็ไปอยู่กับพี่ธันเลยดิ...” รัญชน์ทำหน้ายู่ขึ้นมาอีกครั้ง



ดันหลุดปากไปแล้วว่าว่าง จะกลับคำก็ทำไม่ได้แล้ว



“เอางั้นก็ได้ กลางวันรันออกไปข้างนอกได้ แต่ห้ามเกินสามทุ่ม ไม่งั้นพี่จะไปตามกลับ... ส่วนเรื่องคุณธันพี่ดูเอง” ปลากนิ้วสากจิ้งลงตรงปากตุ่ยๆที่ทำท่าขัดใจ



“เกาะติดไอ้หมอมากระวังมันเบื่อนะ”



“...... เบื่อก็รู้.......” ใบหน้ายู่ยี่เมื่อครู่กลับคืนสู่สภาพเดิม นัยน์ตาคู่สวยมองดวงตาสีเดียวกันแล้วยิ้มออกมา



“งั้นตกลงตามนั้นนะ!”



“จะทำไงได้ก็เราเล่นหักคอพี่แล้วนี่” ราเมนทร์ขยี้หัวน้องชายเบาๆ



“แล้ววันนี้ไปหาหมอมาเป็นไงมั่ง ฉลองอะไรกัน”



“ก็ กินข้าวเย็นที่ห้องพี่หมอ เสร็จแล้วก็นั่งดูทีวีกันนิดหน่อย... ก็กลับละ” เด็กหนุ่มว่าพลางจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่



“น่าเบื่อเนอะ งั้นไม่ต้องไปก็ได้มั้ง” ราเมนทร์ยิ้มกว้างแกล้งแซวต่อ



“อย่ามางี้นะ...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะแยกเขี้ยวใส่



“ไม่กลัวเราหรอก ตัวนิดเดียวทำอะไรพี่ได้” แต่คนพูดเองก็รู้ดี... ว่ารัญชน์ทำได้มากเพียงใด



...แค่ร้องไห้อ้อนงอแง เขาก็แทบจะเอาทุกอยากที่อยากได้มาวางตรงหน้า...



...เพราะรัก...



“...... ใช่สิ... ก็ตัวเล็ก... แล้วไง... ไม่งี่เง่าแบบยัยนมโตนั่นก็แล้วกัน”



“ดูพูดเข้า เดี๋ยวน้องเอ็มมี่กับแฟนคลับมาดักตีหรอก” ร่างสูงกอดแล้วดึงเข้ามาหอมที่หน้าผากเบาๆ



“ไปนอนได้แล้ว”



“ไนท์ไนท์” เขายิ้มให้พี่ชายก่อนจะกอดอีกฝ่ายแรงๆหนึ่งทีแล้วเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง



“ฝันดีนะ...เจ้าตัวขี้อ้อน” ราเมนทร์พึมพำเบาๆไล่หลังไป



...ความสุขประมาณนี้ที่สามารถยึดไว้ในมือได้...



...คงไม่ผิดบาปไปกว่านี้แล้วใช่ไหม...










 

 

“ก็... ตามนั้นนะ พี่ไม่ให้กลับบ้านดึก” รัญชน์ยื่นหน้าเข้าหาคนที่ทำง่วนกับเอกสาร



“อื้อ....” ธนกฤตที่ก้มหน้าอยู่กับกองเอกสารรับคำในลำคอ ปลายนิ้วดันแว่นสายตาที่มักใส่เวลาอ่านหนังสือขึ้นชิดดั้งจมูก



ช่วงปลายปีมักมีเอกสารมาให้เคลียร์แบบไม่ต้องหลับต้องนอนเสมอ ส่วนปีนี้หนักกว่าเป็นสองเท่าด้วยเพราะก่อนปีใหม่เขาวางแผนจะเซอร์ไพรท์แฟนหนุ่มด้วยการลาพักร้อนไปเที่ยวกันสองคน



“ปีใหม่ไม่ได้เด็ดๆว่ะหมอบีม อาชีพหมอต้องทำใจ”



ก่อนหน้านี้รุ่นพี่หลายๆคนเคยบ่นเรื่องวันหยุดไม่ตรงกับครอบครัว ตัวเขาไม่เคยมีปัญหาเพราะบ้านเกิดอยู่ที่นี่...แต่คราวนี้ถึงกับรู้ซึ้งด้วยตัวเอง



“... แล้วผมก็มีเวลากับพี่หมอน้อยลงนะ” คนตัวเล็กทำเสียงขัดใจ



“อือ... อะไรน้อยนะ” ธนกฤตเงยหน้าจากกองเอกสารแล้วสบตากับแววตาขุ่นๆ ชายหนุ่มระบายยิ้มหวานก่อนจะถอดแว่นมาเหน็บเสื้อกาวน์



“ทำหน้ายุ่งอีกแล้วนะตัวเล็ก”



“ก็บอกว่าจะได้เจอกันน้อย... พี่หมอฟังผมหรือเปล่าเนี่ย”



“โทษที พอดีกำลังเร่งเคลียร์งานน่ะ” ธนกฤตนวดหัวตาเบาๆ เช้านี้หลังจากตรวจคนไข้ที่นัดไว้เสร็จเขาก็นั่งทำงานจนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย



“ก็ดีแล้ว สามทุ่มกำลังดี ตัวเล็กจะได้ไม่นอนดึก”



“แต่ตัวเล็กอยากอยู่กับพี่บีมบ่อยๆนี่นา......” เขาทำปากเบ้ แต่ก็ลุกขึ้นเอื้อมทาบปลายนิ้วลงบนดวงตาของอีกฝ่าย หมายจะช่วยให้ความเย็นบนปลายนิ้วทำให้รู้สึกดีขึ้น



“ชอบตัวเล็กจัง” หมอหน่มพึมพำขณะที่ผ่อนคลายร่างกายกับสัมผัสเย็นๆบนดวงตา



“ขอบคุณครับ” ธนกฤตเลื่อนปลายนิ้วมาจูบเบาๆแล้วยิ้มเขิน



“อยากอยู่ด้วยกันทั้งวันด้วยซ้ำ แต่คนเราคบกันมันต้องเว้นที่ว่างให้กันบ้าง เดี๋ยวตัวเล็กจะเบื่อพี่แย่”



คนตัวเล็กยิ้มออกมา



“พี่หมอพูดเหมือนพี่เลย พี่รามก็บอกว่าถ้าผมอ้อนพี่หมอมากๆเดี๋ยวพี่หมอเบื่อ...”



ชายหนุ่มแตะที่ผิวแก้มขาวเบาๆแล้วลูบช้าๆ ใบหน้าหวานกับผิวขาวราวกับเด็กผู้หญิงเป็นแบบที่เขาชอบ... แต่ที่ยิ่งกว่านั้น เขาชอบการที่ถูกอ้อนและถูกรักยิ่งกว่า..



“ไม่เบื่อหรอก รันทำให้ชีวิตมีสีสันจะตาย”



...ความอบอุ่นและหอมหวานที่ยิ่งทำให้รักมากขึ้นทุกวันๆ...



ร่างเล็กขยับลุกมายืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงจูบเบาๆที่หน้าผากของธนกฤต



“ตั้งใจทำงานนะครับ”



“กำลังใจดีแบบนี้สู้ ตายอยู่แล้ว” อีกนิดเดียว... เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันในวันหยุดจะมาถึงแล้ว



ชายหนุ่มยิ้มหวานแล้วจุ๊บที่ริมฝีปากสีสวยเร็วๆก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาสวมต่อ



“ลุยงานต่อละนะ”

 

 








“หลังสือข้อมูลมีแค่นี้นะครับ” เสียงทุ้มต่ำดังจาหลังกองหนังสือที่คนพูดอุ้มอยู่ ราเมนทร์วางมันลงกับโต๊ะวางของของเขาที่ตอนนี้ถูกปรับเป็นโต๊ะทำงานของคนขาเจ็บ



“ครับ... ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนขนาดนี้” ธันย์ชนกเอื้อมมือขยับของบนโต๊ะออก



“ไม่รบกวนครับ ผมอยู่บ้านคนเดียว ดีซะอีกมีคุณธันเป็นเพื่อน” พอวางของลงได้ราเมนทร์ก็ยกทั้งคนทั้งเก้าอี้ให้หันเข้าหาโต๊ะ



“นิยายคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ”



“ก็กำลังพยายามสร้างภาษาต่างแดนอยู่ครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางหันมาขอบคุณคนข้างๆ



“คุณธันเก่งจังนะครับ นักเขียนนิยายต้องอ่านหนังสือหาข้อมูลทั้งเท่านี้แน่ะ” ราเมนทร์ตบกองหนังสือที่ตั้งอยู่พลางทำหน้าเหนื่อยใจ



“พวกตากล้องอย่างผมส่วนใหญ่ก็โยนทฤษฏีทิ้ง เอาตามสัญชาตญานเท่านั้น เลยนับถือคนที่สามารถอ่านเจ้าพวกนี้ได้ทั้งวันนิดหน่อย”



“ผมหาเรื่องเองด้วยละครับ... ไม่ค่อยมีใครทำเท่าไหร่” เขาถ่อมตัวพลางยิ้มน้อยๆให้



“งั้น... เดี๋ยวผมไปนอนที่โซฟาตรงนั้นนะครับ เช้าๆตามันยังไม่ค่อยลืม” ราเมนทร์ชี้ไปยังโซฟาเบดตัวนิ่มที่อยู่ติดกัน



“จะไปไหนก็เรียกนะครับ เที่ยงแล้วปลุกผมด้วย”



“... ครับ ขอบคุณมากครับ” เขามองอีกฝ่ายที่ค่อยๆเอนตัวลงนอน ก่อนจะหันมาตั้งใจทำงานของตัวเองด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในใจ

 

 










“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าให้ปลุก” เสียงเจือแววอ่อนใจผสมงัวเงียพูดขึ้น... ดูเถอะ ถ้าไม่มีโทรศัพท์มาปลุกเขาก็คงไม่รู้ว่านี่มันบ่ายกว่าแล้ว



ราเมนทร์ลุกขึ้นจากโซฟา เส้นผมสีเข้มยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงถูกเสยขึ้นลวกๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้



“คุณธันจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม เดี๋ยวผมพาไป”



“ไม่เป็นไรครับ... ใช้ไม้ค้ำไปมาแล้ว....” ท้ายประโยคเขาพูดเสียงอ่อยลงคล้ายกับรู้ว่าคงทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยหน่ายกับความเกรงใจที่มากเกินไปของตน



“คุณธันไม่อยากหายเหรอครับ” ด้วยเพราะโดนปลุกแบบกะทันหันแถมยังเจอคนดื้อทำให้ราเมนทร์เผลอทำเสียงดุออกไป



“กระดูกร้าวมันหายยากนะครับ ดีไม่ดีเดินผิดท่าจะพาลร้าวหนักเอา”



“... ผมเห็นคุณกำลังหลับสบาย....... ต้องมาดูแลผมทั้งวันแล้ว... ผมทำอะไรเองได้บ้างก็เลยทำ....... แค่อยากให้คุณรามได้พักบ้าง...” ธันย์ชนกตอบเสียงเบาโดยที่ไม่สบสายตากับอีกฝ่าย



อาการคนเจ็บที่พูดเสียงอ้อมแอ้มเกือบจะหายไปในลำคอทำให้อารมณ์หงุดหงิดหายไป ราเมนทร์นึกขอโทษอยู่ในใจและไม่ได้เอ่ยปากออกมา



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้หนักหนาอะไร... คุณธันก็อยู่เงียบๆด้วย” ราเมนทร์ยิ้มปลอบใจคนคิดมาก



“งั้นหาอะไรทานดีกว่า คุณธันเอาอะไรครับ... อย่าบอกว่าอะไรก็ได้นะ”



“................ ดักคอกันแบบนั้น... ไข่เจียวก็ได้ครับ....” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธันย์ชนกก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ



รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของธันย์ชนกราวกับจะคืนความสดใสให้ราเมนทร์ ชายหนุ่มยิ้มให้เฉกเช่นเวลาที่อยู่กับน้องชาย... ยิ้มหวาน... ทั้งริมฝีปากและนัยน์ตา



“ได้ครับ... รอทานฝีมือผมได้เลย”



เขายิ้มตอบร่างสูงก่อนจะหันกลับมามองหน้ากระดาษของตัวเองต่อ



...หรือเธอจะมีความสุขได้นะ...



ชายหนุ่มนึกในใจกับตัวละครที่สร้างขึ้นมาขณะที่อมยิ้มไว้โดยไม่รู้ตัว

 

 








“เดี๋ยวทานข้าวอิ่มคุณธันจะนอนพักหน่อยไหมครับ” ราเมทร์ถามขึ้นเมื่อเจ้าของข้าวไข่เจียวที่เอาจานวางอยู่หน้าคอมยังเอาแต่ตักข้าวสลับกับพิมพ์คอม... ก่อนจะตักซ้ำแล้วพิมพ์ต่อมาร่วมครึ่งชั่วโมง ราเมนทร์เองก็ทำเช่นนี้บ่อยในช่วงงานยุ่งจึงไม่ทักท้วงอะไร แต่พอเห็นข้าวที่ไม่ค่อยจะลดลงก็อดพูดไม่ได้



...มิน่าล่ะถึงได้เบาขนาดนั้น...



“ทำงานมาทั้งวันแล้ว... พักบ้างก็ดีนะครับ”



“...... !? ขอโทษครับ... ทำให้เบื่อหรือเปล่าครับ” คนถูกทักคล้ายเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียวเหมือนปกติ



“ขอโทษอีกแล้วนะครับ...” ราเมทร์ยิ้มให้แล้วบุ้ยหน้าไปทางจานข้าว



“ผมนึกว่าไข่เจียวไม่ถูกปาก คุณธันเลยแกล้งกินนานๆซะอีก”



“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ! คุณรามทำอร่อย.....” คนป่วยที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ หันมาหาร่างสูงที่ทานเสร็จล่วงหน้าไปนานแล้วก่อนจะก้มลงทานไข่เจียวที่เหลือในจานของตัวเองต่อ



ราเมนทร์นั่งมองธันย์ชนกด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความสงบสุข เขารอจนชายหนุ่มกินข้าวเสร็จแล้วรับจานไปทำความสะอาดก่อนจะเดินกลับมาพร้อมพวงองุ่นสีเข้มและแก้วน้ำพร้อมขวดที่หนีบมาในแขน



“คุณธันมานั่งที่โซฟาพักผ่อนก่อนนะครับ” เสียงทุ้มต่ำไม่ได้เอ่ยถาม เพราะพอวางของบนโต๊ะหน้าโซฟาได้ก็เดินมาจับที่ไหล่บางแล้ว



“.... ครับ” รอยยิ้มปนความเขินอายปรากฏขึ้นก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายประคองไปนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่ม



“คุณราม... ดูจะชินกับการดูแลคนจังเลยนะครับ”



“ถ้าอยู่กับน้องชายผมได้ กับคนอื่นก็ง่ายแหละครับ” นอกจากจะเป็นตัวขี้อ้อนแล้ว... ความเอาแต่ใจก็ไม่แพ้ใคร



...แต่ก็นั่นแหละ...



...เขารักน้องชายคนนี้เกินกว่าจะขัดใจได้...



“แล้วเมื่อเช้าอาบน้ำยังไงครับ ลำบากแย่เลย”



“เช็ดตัวเอาครับ...” เขาตอบพลางหยิบองุ่นเข้าปาก รสชาติหวานอมเปรี้ยวทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก



“งั้นผมเสนอวิธีใหม่” มือหยาบเอื้อมหยิบองุ่นเข้าปากแล้วนั่งลงข้างๆ ลำตัวและแขนเบียดกันแผ่วเบา



“ก่อนอาบน้ำเดี๋ยวผมพันพลาสติกให้”



“พัน... พลาสติก?” เขาได้แต่กระพริบตามองด้วยความแปลกใจ



“ครับ ตอนเพื่อนที่ออสเตรเลียขาหักเขาใช้แบบนี้ สะดวกแถมปลอดภัยด้วย” ราเมนทร์เอื้อมหยิบจานใส่องุ่นขึ้นมาวางไว้บนตักค่อนไปฝั่งของธันย์ชนกซึ่งนั่งเบียดไหล่กันอยู่



“ไว้ตรงนี้ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเอื้อม”



“!..... ครับ” ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเคลื่อนหลบสายตาที่มองมา



เจ้าของห้องเลื่อนช่องสัญญาณไปยังสารคดีนกเพนกวินขั้วโลก นัยน์ตาสีแปลกจับจ้องเจ้าลูกนกตัวน้อยที่เดินเตาะแตะสลับกับหยิบองุ่นขึ้นมากิน และเมื่อเพนกวินตัวน้อยลื่นไถลก็อดหัวเราะไม่ได้



ราเมนทร์ย้ายมือเปะปะหาองุ่นที่ยัเหลืออยู่ มือใหญ่ควานไปรอบจานหากแต่สิ่งที่จับได้กลับเป็นปลายนิ้วเรียวของคนนั่งข้างๆ



“อ๊ะ! โทษครับ”



“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มบางๆพลางหยิบองุ่นส่งให้อีกฝ่ายด้วยมืออีกข้างหนึ่ง



ราเมนทร์ก้มตัวลงงับ ปลายลิ้นร้อนแตะแผ่วที่ปลายนิ้ว แวบหนึ่งเขาสังเกตเห็นรอยแดงระเรื่อบนผิวหน้าขาวสะอาดซึ่งอีกฝ่ายพยายามซ่อนไว้ใต้เส้นผมสีอ่อน



...น่ารัก...



กับคนอายุมากกว่าถ้าพูดแบบนี้ไปคงจะเสียมารยาท... แต่คำอธิบายอื่นๆก็ไม่พอเทียบเคียง



“ง่วงก็นอนนะครับ”



“... เดี๋ยว... อาบน้ำก่อนแหละครับ...” ใบหน้าของเขาหันหนีพลางยกจานองุ่นขึ้น



“คุณธันนี่ขี้เขินเนอะ” ราเมนทร์แกล้งแหย่



“ข... ขี้เขิน... อะไร... ครับ” คราวนี้เขายิ่งหลบสายตา ถ้าหากไม่ติดว่าขาเจ็บคงได้ลุกขึ้นเดินหนีแล้วด้วยซ้ำ



หากว่าแกล้งนอนพิงตอนนี้จะมีท่าทียังไงนะ....ราเมนทร์ยิ้มกับความคิดในหัว



ชายหนุ่มขยับตัวเข้าใกล้แล้วดึงขาที่เข้าเผือกมาดู



“เวลาเดินเจ็บไหมครับ”



“ถ้าไม่ขยับเลย ก็ไม่เจ็บครับ” นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองคนข้างๆอย่างกล้าๆกลัวๆ คล้ายกับไม่อยากให้รู้ว่าเขากำลังจะมอง



“ดีครับ รอให้หายก่อนเนอะ” ราเมนทร์พูดเหมือนกำลังคุยกับน้องชายคนเล็ก เขายื่นรีโมทให้แล้วหลับตาลงอีกครั้ง



“คราวนี้ถ้าเย็นคุณไม่เรียกผมจะจับคุณล็อกกับโซฟานะ”



“ฮะฮะฮะ... ครับ ครับ ครับ” ธันย์ชนกรับคำพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ



“งั้น เจอกันตอนเย็นครับ” พูดจบ ราเมนทร์ก็ปิดสวิตช์ตัวเองพาเข้าสู่ห้วงนิทรา



...ความอ้างว้างที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว...



...ดูจะไม่โหดร้ายเท่าก่อนหน้านี้แล้ว...












To be continued...


ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
รันก็ขี้อ้อนนนนน พี่หมอก็ใจแข็งเว่อ นับถือเลย
แต่คู่พี่รามกับธันนี่สปาร์คกันสักที
อยากรู้อดีตคุณธัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด