----choijiin กายหล่อนา หล่อมากด้วย นิสัยไนซ์กายอีกต่างหาก
----NOoTuNE บีไถไอเท่มจนเลเวลหายหมดล่ะ เล่นเพื่อส่งส่วยเจ้าเด็กนรกนะนี่
----เฮ้ย!!! Gokudera ของ Gokusan

อรุณสวัสดิ์^^
*******************
My Dangerous Fire
รัก ร้อน เรา
ตอน 17 เพราะ?
Geng’s
‘ปึง’ เสียงอีกคนปิดประตูเบาๆ เจ้าของห้องตามขึ้นมาแล้ว
ขณะผมพ่นน้ำบ้วนฟองยาสีฟันพรวด เปิดก๊อกแรงก้มถูใบหน้าแรงๆ
อยากล้างสิ่งโสโครกรกเรื้อในใจจากเหตุการก่อนหน้าทิ้งลงท่อน้ำให้เกลี้ยง
“อาบน้ำแล้วเหรอ อ้าวเปียกหมดแล้วนั่น” มือใหญ่ส่งผ้าให้
“ยุ่ง!”
“แปรงด้วยคน ยาสีฟันมา”
“หลีก จะนอน ง่วง” ผมสะบัดหนี ดึงผ้าขนหนูพรืด
กระแทกส้นเท้าปึงๆ ออกจากห้องน้ำไปนับ 1,2,3
สูดลมหายใจเข้าออกสงบสติอารมณ์กริ้ว โทรศัพท์บนโต๊ะวางข้างหัวเตียงสั่นครืด
มีคนโทรเข้ามือถือของมัน เพราะเดินวนอยู่ตรงนั้นถึงได้ชำเลืองมอง ไม่อยากเสือกรู้หรอก
[เยลลี่] ปึ๊ด! เส้นกำแพงกั้นความพิโรธขาดผึง
“อืม อื้อ อือ” ฮัมเพลงงึมงำอารมณ์ดีกลบเสียงซู่น้ำไหลขณะแปรงฟันจากข้างใน
ผิดกับผมที่เดินวนเป็นหนูติดจั่นหน้าเตียงเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้
บีบเค้นลูกบอลหยุ่นหนักมือ มึงคุมตัวเองได้...เก้ง
อย่าโกรธ
ห้ามโกรธ
ต้องไม่โกรธ
แต่โทรศัพท์สั่นหนที่สอง เยลลี่เบอร์เดิม (><) กูไม่ไหวแล้วโว้ย!
xxx (((‘เปรี้ยง! ปัง โครม!’))) xxx
สไมลี่สีเหลืองอ๋อยพุ่งจากมือกระทบโมเดลเทพีเสรีภาพตกหล่นจากชั้นวาง
ที่พื้นมีกระป๋องดีบุกกลิ้งหลุนๆ ปากกาดินสอเกลื่อนปาร์เก้
เข้าอีหรอบเดิมเหมือนเมื่อคราวบทตอนแรกเริ่มเปิดเรื่อง
ประตูเปิดผลัวะรวดเร็วหากไร้สุ้มเสียงใดๆ จากปากมนุษย์เจ้าของห้อง
“ทำไม มีปัญหา!?” เป็นผมหันกลับไปแขวะใส่ซะเอง
“เปล่า นึกว่าเป็นอะไร”
“กูไม่เป็น หรือมึงเสียดายของ จะซื้อใช้คืนให้ เงินมี!” ผมท้า
“...” เงียบกริบ เดินดุ่มออกมาดึงผ้าขนหนูผืนใหญ่จากชั้น
เช็ดหน้าตาตัวเองก่อนเข้าที่เกิดเหตุ
กางผ้ากับพื้นก่อนใช้เท้ากวาดเศษสิ่งอันตรายให้ห่างจากระยะตัวผม
“ทำไมวะเฟรม ทำไม?” กูเหวี่ยงเรื่องไหนไม่รู้
“อย่าซิ ไปทางโน้น เดี๋ยวเหยียบ” กางแขนกั้น
“เพี๊ยะ---/ ไม่ต้องมาจับ!” สุดทน ยังทองไม่รู้ร้อนเมินเฉย
นี่ห้องมัน ของก็ของๆ มัน ผมต่างหากเป็นผู้กระทำผิด
ทำไมไม่โกรธไม่ดุไม่ลงโทษ
“ทำไมวะเฟรม เพราะอะไร ตอบกูมา!?” เป็นกูเองวอแวหาเรื่อง
“ใจเย็นๆ ให้ตอบว่าอะไร คำถามเล่า?” เฟรมย้อนถาม
“มึงน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“ไม่รู้! ไม่บอกจะตรัสรู้มั้ย?”
“มึงรู้!” ผมตะโกน
“กู-ไม่-รู้!”
“อะ...” ผมช็อกเสียเอง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ถูกตะคอกรุนแรง
ตกใจไม่เท่าไหร่ สับสนน้อยใจเสียใจมากกว่าเก่าหลายเท่า
ทำไมต้องดุด้วย ผมทำอะไรผิด ไม่หมือนเฟรมคนเดิมที่เคยรู้จัก
คำบอกรักที่เคยได้ยินกลายเป็นหนามทิ่มแทงก้อนเนื้อในอกเลือดซิบ
“กูไม่รู้เก้ง คำถามคืออะไร พูดซิ...พูดออกมา” เฟรมกำหมัดสะกดกลั้น
“อึ่ก...” กรกฎาน้ำตาคลอ แววแข็งกล้าดุดันท้าตีต่อยเมื่อครู่สามารถเอาผมตายในพริบตาแต่ร่างใหญ่ยั้งไว้
“ดื้อ...” จากเก้งเปลี่ยนเป็นดื้อดังเดิม
“ฮือ...ไม่ต้องมายุ่ง มึงมัน...” กรกฎาสายน้ำไหลอาบหน้าห้ามไม่อยู่
ข้างในหมุนติ้วเผลอปัดถาดเครื่องเขียนใกล้มือ
(‘โครม’)/“...อุ” เสียงเบาแค่คอแต่ก้มทรุดจับศอกขวาทันที
“อ๊ะ! เฟรมเป็นอะไร?”
“ไม่เป็น...อูย”
“เฮ้ย! เลือดออก” ตกใจวูบ น่าจะปลายคัตเตอร์บาดท่อนแขนใกล้ศอก แค่ริ้วเล็กๆ แต่เป็นทางยาวเกือบ 2 นิ้ว
“ไม่เป็นจริงๆ เล็กกว่าแมวข่วน”
“...อึ่ก...ขอโทษ” ผมน้ำตาอาบแก้มขวัญหาย
“คนดี อย่าร้อง...ชู่ว์”
เราพยุงกันเองขึ้นนั่งขอบเตียง ผมก้มชิดตรวจดูบาดแผล ตกใจจนลืมความขุ่นมัวเสียสิ้น
ถูกมือแข็งแรงดึงร่างเข้าวงแขนอีกรอบ คราวนี้แน่นหนามากมายหลายเท่านัก
“ยาอยู่ไหน ไปหาหมอมั้ยหรือทำแผลก่อน” ผมใจเสียจริงๆ นะ
“ไม่เป็นอะไรดื้อ ไม่เจ็บ ไม่เป็นไรจริงๆ”
“ทำแผลก่อน อึ่ก” กลั้นน้ำตา ความรู้สึกผิดโทษตัวเองปรี่ล้น
“กล่องยาอยู่นั่น” ชี้บอกตู้อีกด้านของห้อง
“เจ็บมั้ย ฟู่ๆ!” ผมเป่าแผล ปิดปลาสเตอร์ยามือสั่น
ต่อไปจะไม่ขว้างปาข้าวของประชดระบายอารมณ์อีกเด็ดขาด
“เก้งคนดี...เฟรมไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่เจ็บแล้ว”
“ขอโทษ...” ปล่อยให้อีกคนลูบแก้มบางเบาลบคราบน้ำตา บีบต้นคออ่อนโยนพลางดึงผมเข้าซุกอกอีกครั้ง
เคยไหมครับเวลาเราไม่สบายหรือบาดเจ็บอะไรมา
คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งไม่ต้องง้อขอความช่วยเหลือใครหน้าไหน แต่ที่ไหนได้
แค่คนข้างกายหันมา กระแสคลื่นความอ่อนแออยากให้โอ๋เพียงเราก็ไหลพราก
----------------
“จะเป่าปี่อีกล่ะ แล้วจะรู้เรื่องกันมั้ยนั่น”
“ไอ้เชรี่ย ก็น้องชอบมึงนี่ เชิญเลยไม่ต้องมายุ่งกับกู”
“น้องไหน พูดให้รู้เรื่องหน่อย” นิ้วโป้งปาดน้ำตาให้
“โทรมานั่นไง เมื่อกี้ก็คุยกันไม่พอรึไง” ผมบุ้ยให้ดูโทรศัพท์
“เดี๋ยวนะ” เฟรมหยิบมากดดูหมายเลขไม่ได้รับสาย เท่านั้นล่ะมันยิ้มชั่วเลย “หึหึ...หึง?”
“หึงเชรี่ย!” ผมโวยวายเสียงดังกลบสันหลังหวะ
หน้าไหม้จนนึกสงสารตัวเอง ไอ้หมอนี่ชักจะญาณทิพย์เกินคน
“อ้อ ไม่ได้หึงเลยเน๊าะ”
“เออ!” ผมกระแทก
“แล้วรู้มั้ยทำไมต้องคุยด้วย?” เฟรมเท้าความจะเฉลย
“จะรู้เหรอ”
“ก็ใครจะยอมให้เมียตัวเองโดนจีบกันล่ะ”
“หะ!?” ผมเหวอ ผละออกมามองหน้าคนพูดให้ชัดๆ เหตุการณ์เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง
‘เมีย’ ก็ผมซิ ทำไมถึงจะโดนจีบไม่เข้าใจ
ไม่คิดว่าเมียคำนี้ในนาทีนี้จะสร้างหน้าแดงโร่จนร้อนถึงใบหู
“อย่าทำหน้าแบบนี้ให้ใครเห็นนะ...หวง”
“...(>///<)... ” เอิ่ม วิธีหนีที่ดีที่สุดคือกอดมันไว้ครับ จะได้ไม่เห็นหน้าตัวเองด้วย
ซึ่งเป็นวิธีที่แย่มากผมน่าจะเตือนตัวเองทัน
--------------
-------------------
เฟรมเล่าเรื่อยๆ ว่าน้องเยลลี่นิสัยดีใช้ได้ ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวมุ่งจะเขียนนิยาย
แต่น้องแก้มต่างหากที่น่ากลัว สนใจผมชนิดคลั่งไคล้เกินกว่าเหตุ
ตามสตอล์กเกอร์แล้วเอารูปไปแฉนั่นล่ะที่สุดทน
อึ้งอย่างแรง เป้าหมายไม่ใช่เฟรมแต่คือเก้งถูกหมายหัวหรือนี่
ที่คุยกันในห้างเมื่อบ่ายคือเยลลี่บอกให้ระวังเพื่อนแก้มของตัวเองว่าอาจจะคลั่งไคล้เกินกว่าเหตุ
ส่วนตัวเยลลี่ไม่มีอะไร กรี๊ดกร๊าดตามประสาสาววายที่ดี ส่วนตัวไม่ยุ่ง
แต่มุ่งหาข้อมูลเขียนหนังสือเขียนฟิคเงียบๆ ไป
กลุ่มนี้เป็นเพื่อนกันมานานเข้าอกเข้าใจกันดี...ว่างั้น
“เขาเดาว่าคือนายเอกของพี่กวางเกือบทุกเรื่อง เจอตัวจริงเลยรู้ว่าใช่ ยิ่งเยลลี่บอกว่าเป็นน้องชายพี่กวางด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่” เฟรมเล่าถึงความน่าสะพรึงกลัวน้องแก้ม
“...(-*-)...” กูละงงเต๊ก คนไหนวะน้องแก้ม
“อย่าไปยุ่งให้เห็น เข้า-ใจ-ไหม!” เสียงโหมดบัญชาการรบชัดๆ สองมือประคองใบหน้าผม
จ้องตาจริงจังจนเห็นแววเด็กโข่งกลัวเสียของเล่นที่รักที่โปรดอยู่ข้างใน อดลอบยิ้มฟูใจไม่ได้
...ใครกันแน่ที่หวง
...ใครกันแน่ที่เหนือ
รู้สึกตัวเอง ‘แต้มต่อ’ คะแนนชนเพดานทันตา ลอยละล่องคล้ายบอลลูนลูกใหญ่
-----------
เฟรมใช้แทปเล็ตเข้าสัญญาณอินเตอร์เนตไร้สาย กดเฟซบุ๊กหน้าเพจนิยายวายของพี่กวาง
“ส่วนเยลลี่ก็ดูนี่ ไม่ได้เข้านานแค่ไหนแล้ว?” เฟรมถาม เลื่อนไทม์ไลน์
“ตั้งแต่เริ่มซ้อมได้” ผมไม่ได้อัพสเตตัสร่วมครึ่งเดือนด้วยยกให้พี่สาวจัดการเอง
จากเหตุซ้อมแข่งบาสเกตบอลพ่วงวงดนตรี
“งั้นดูซะ” จุ๊บติ่งหูเบาๆ นั่งซ้อนหลังให้อยู่ในหว่างขามัน
“จะให้ดูอะไร?” ผมกะพริบตาปริบๆ
“นี่ไง yenli-yyy ส้มซ่าเปรี้ยวจี๊ด แล้วก็ PieApple-Shortcake ชื่อคุ้นๆบ้างมั้ย”
“ทำไม มีอะไร?” กู้เมมโมรี่ไม่ทัน
พอรู้อยู่บ้างว่าแฟนคลับตัวยง ช่วงก่อนหน้านี้เห็นเข้าโพสต์ทุกวัน
มาเป็นกลุ่มยกชุดเหมือนนัดเวลากันเข้าเฟซ ผู้หญิงแน่นอนเพราะจะลงท้ายค่ะ นะคะเกือบทุกประโยค
“เยลลี่ ส้ม เปิ้ล คุ้นยัง”
“...” กรกฎาตาเหลือก
“แสดงว่าไม่ได้ดูของในถุง วันนั้นให้ดูแล้วไม่ยอมดู ดื้อชะมัดภรรยาใครวะ” จุ๊บหลังหูขณะเก้งช็อต
“เอ่อ...ถุงสีเหลืองลายหัวใจชมพู?” นึกได้ว่าหงุดหงิดมากจึงบังคับตัวเองไม่ให้สนใจ
“นั่นนิยายพี่กวาง น้องฝากมาขอลายเซ็นต์ รอบแรกส่งมาบ้าน รอบสองก็ในถุง หิ้วมาให้แป้งหมี่แพ็คไปเมกา”
“...(=”=)...” ซวยล่ะ เงียบไว้เก้งอย่ามีพิรุธ
มองตามมือใหญ่กดเข้าอีเมล์ส่วนกลางเรื่องซื้อขายหนังสือนิยายของพี่กวาง
ล่าสุดคือพี่กวางส่งรูปใบ EMS จากต่างประเทศพัสดุจ่าหน้าถึงพี่แป้งหมี่
ผู้จัดการฝ่ายทรัพย์สินประจำภูมิภาคไทยแลนด์ของเรา
อย่าบอกนะว่า (0-0)!!!
“น้องเยลลี่นั่นเป็นแฟนตัวยง แชตกับพี่กวางยังไงไม่รู้ดันอยากลายเซ็น รู้นามสกุลเลยตามถูก ซวยฉิบ” เฟรมบ่น
รอบแรกน้องเยลลี่ส่งพัสดุมาบ้านเราก่อน แจ้งแล้วว่าคนเขียนไม่อยู่ในไทย
น้องรับทราบและยอมจ่ายค่าส่งเอง พี่แป้งหมี่ถึงส่งต่อให้พี่กวางเซ็น
รอบหลังเยลลี่จึงฝากของขวัญและหนังสือเล่มใหม่มาอีก
พี่กวางส่งย้อนกลับมาแล้วแต่พี่แป้งหมี่ไม่อยู่ โทรมาสั่งเฟรมจะให้น้าคนขับรถจัดการต่อแต่ลืม
ถือเข้าไปในโรงเรียนจึงทิ้งไว้ในล็อกเกอร์ เยลลี่คงอยากได้จัดจึงเป็นฝ่ายตามถึงโรงเรียนเสียเอง
“อ๋า...” ที่กุญแจตู้ล็อกเกอร์เมื่อสาย ให้พวกข่าง เคี๊ยงไปเอาไม่ได้จัดการด้วยตัวเอง
ลิงยักษ์รู้ว่าผมต้องติสท์แตก
พี่กวางไม่อยากให้รู้ชื่อที่อยู่จริงในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงใช้พี่แป้งหมี่และผม
เป็นฐานทัพส่งจ่ายหนังสือ เฟรมกับพี่สาวนามสกุลเดียวกันไม่ต้องเดาให้ยาก
ความบังเอิญมีในนิยายแต่แก๊งคุณหนูเล่นตามตัวถูก สาววายกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
ไม่กล้าสู้หน้า กากบาทสีแดงเส้นทึบตัวเป้งกลางหน้าผาก
“คงถือว่าเพื่อนชื่อเปิ้ลกับส้มขอเขียนรูปประกอบด้วยมั้งถึงกล้ามาเจอหน้าเรา พี่กวางไม่ได้บอกเหรอ เห็นลิงค์เว็บให้ช่วยดูอยู่นี่” นี่ก็อีก
“ไม่รู้ ไม่ได้เช็คเมล์ พี่แป้งหมี่ไม่ได้บอก” ผมอุบอิบซ่อนความผิด
“ให้ติดต่อพี่กวางเอง บอกไม่ต้องรับ แล้วอย่าพ่วงเมล์เราให้พวกนั้นเห็นเป็นอันขาด ไม่งั้นจะเฉ่งให้” เฟรมดุ
“อืม...” รับคำยินยอมราบคาบ เปิดเช็คอีเมล์ในแท็บเลต
จริงดังว่า พี่สาวฟอร์เวิร์ดเว็บบล็อคของเหล่าสาววายคอนแวนต์มาให้ช่วยตัดสินใจ
หมดแรงไม่อยากยุ่งด้วยตอนนี้ ความผิดเต็มเปา ยื่นมือลูบปลาสเตอร์ยา
อยากย้อนเวลาไปแก้ไขเหตุการณ์เมื่อครู่ให้จางหายทว่าทำไม่ได้
“...ขอโทษ”
“ฮึ!” ปล่อยผมหนุนหัวไหล่แต่หันหน้าหนีงอน
“เฟรม...มึงอ่ะ” เก้งง้อสุดใจ
“อือ!” เหมือนรำคาญเต็มกลืน
“อึ่ก...” ข้างในอกร้อนวูบ น้ำบ่อตาตื้นหาทางไหลริน
บางทีความไว้เนื้อเชื่อใจไม่ใช่จากคนอื่นไกล
จากตัวเรานี่ล่ะสำคัญ ผมกลับมีความอดทนน้อยเหลือเกิน
...ช่างไม่ดีพอ
...ไม่คู่ควร
...ไม่เหมาะสมกับคนอย่างมันเลยซักนิดเดียว รู้สึกไร้ค่าเหลือเกิน
ความคิดต่ำต้อยประทุษร้ายจิตใจจนเจ็บ
“จะไปไหน” รั้งข้อร่างผมไว้ไม่ให้ลุก
“กูไม่ดีเอง ขอโทษก็แล้วไม่เห็นว่าอะไรบ้างเลย” กลืนสะอื้น เริ่มงอน
“มานี่ จะบอกอะไรให้”
“อึ่ก!” ผมป้ายตาแดงโร่ โดนเมินแบบนี้เจ็บจริงๆ นะขอบอก
“อย่าถู แดงหมดแล้ว...เฟรมไม่ได้โกรธ ไม่โกรธดื้อเลยจริงๆ”
“ทำไมไม่โกรธล่ะ เป็นกูๆ โกรธตายเลย” ตัดพ้อโมเมมั่วซั่ว
“งั้น...ดื้อให้เฟรมลงโทษ?”
“อือ...”
ไม่น่าซื่อบื้อพยักหน้ารับ เพราะจอมมารตัวเอ้เยี่ยงไอ้เฟรม
จะต้องคิดแผนกระทำการมิดีมิร้ายมากมายอย่างแน่นอน
อยู่ด้วยกันมามากเกินกว่า 13-14 ปีทำไมผมลืมกฎเหล็กข้อนี้ไปได้
ไม่ทันรู้ตัว...เผลอเปิดริมฝีปากรับจูบร้อนจากปีศาจสุดฮอท
----------
-ปล.1 อย่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทราบแค่ว่าผมฟ้าเหลืองถึงวันจันทร์เป็นพอ
มีการบอก ‘ไม่อิ่ม...แค่วันอาทิตย์วันเดียว น่าจะหยุดซักเดือน’ แทบร้องว๊าก
อยากข่วนหน้าคนพูดให้เลือดโชก
-อ้อ! ปล.2 จำใส่หัวสมองอีกข้อ กรุณาอย่าริอ่านคืนดีกับไอ้หื่นบ้ากามมันสมองโครมันยองหลังฉากทะเลาะกัน
เพราะขณะนั้นเป็นตอนที่มันเป็นต่อได้ใจอักโข...และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือเลิฟซีนเพียวๆ (T///T)
*************TBC by because of You