My Dangerous Fire
รัก ร้อน เรา
ตอน 25 NIKE'S KISS
Geng's
ผ้าห่มถูกกระชากหล่นพื้น ปมผูกเสื้อถูกกระตุกออก
เนื้อผ้าเปิดกว้างเผยเห็นแพ็กกล้ามอกของหมอก
ไม่ติดนั่งเอนพิงหมอนคงได้เปลือยท่อนบนโชว์แล้ว
“เฟรมเดี๋ยว!” ผมตะโกน
“ไม่เฟรม!” หมอก
“อย่าเฟรม” เก็ทด้วย
“เฮ้ย!?” เฟรมยั้งมือ ดีที่เห็นเสี้ยวหน้าเสียก่อน
ตุบ! หมวกแก๊บสีดำริปเคิร์ฟลายเส้นซิลเวอร์หล่นพื้นถูกเตะเข้าใต้เตียง
เจ้าของเสื้อสีดำพิมพ์กลางหลัง MUNCHEN ตามแนวดิ่งหันขวับ
“ลม!?”
“ไอ้ลม!?”
“ไอ้ลมนี่!?” พวกเรารวมกัน
ดูเหมือนลมจะไม่มีสติสนใคร คว้าเนื้อตัวหมอกส่งเสียงดังใส่ทันที
“ไหนว่าจะตาย กูนอนไม่ได้เลยไอ้เชรี่ย ใครโกหกวะ เกลียดคนโกหก!”
“เอ่อ...” บอลอ้ำอึ้งหันซ้ายขวาส่อพิรุธ อ้อ จับตัวการได้ล่ะ
“รู้มั้ยนิ้วโป้งหายไปนิ้วนึงมึงจับปากกาไม่ได้ตลอดชีวิตเชียวนะ อยากเป็นกัปตันฮุครึไง” ปีเตอร์แพนลมโวยวาย
“ลม...” หมอกรวบร่างลมจนทรุดนั่งลงบนเตียงด้วยกัน
“อือ...กูง่วง เป็นอะไรขึ้นมาเงินซื้อได้มั้ย ฮ้าว...” ลมเอนหาหมอก
“รู้ กูรู้แล้ว...ขอโทษ” หมอกรัดร่างไว้แน่น
กลายเป็นพวกเราตะลึงงันกับภาพตรงหน้าพอๆ กับเก็ทยืนใบ้อยู่ข้างเตียง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...น้ำหน่อย” ลมเปลี่ยนโหมดตาปรือซะงั้น
เป็นเก็ทได้สติรีบเทน้ำใส่แก้วยื่นให้เพื่อนกรอกปากอักๆ สองแก้วใหญ่
จากนั้นพรากลมจากอกหมอกไปยัดในห้องน้ำส่วนตัวทิ้งพวกเราถอนใจเฮือก
“เชรี่ยเอ๊ย! ตกใจหมด นึกว่าพวกนั้นจะมาเอาคืน” บอลก่อนใคร
“มันมาได้ไงเนี่ย” ผม
“กูลืมตื่นเลยสัด มาทียังกะพายุ ชุดดำอีกต่างหากใครมันจะรู้วะ”
“สภาพงี้คงตามมาเหยียบยอดอกมึงมั้งข่าง” เคี้ยง
“เดี๋ยวกูพามันกลับเอง แค่ง่วงไม่เป็นไรหรอก” เก็ทพระเอก
“ตอนมันง่วงๆ นี่ล่ะน่ากลัวฉิบหาย” ข่างรู้ดี
“เออจริงด้วย ไม่บอกกูลืมแล้วนะเนี่ย” บอลขำวีรกรรมจำได้จนบัดนี้
หมอกคนเดียวที่ปิดปากเงียบ สายตาจับอยู่ที่ประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท
ผมลอบระบายหายใจอีกเฮือก ชัดเจนเกินไปนะพวก
--------
ชั่วครู่ลมก็เปิดออกมา พึมพำว่าหิวกับง่วงพลางถามหากระเป๋าใส่โน้ตเปียโน
ขณะขาลากมาทิ้งตัวนอนโซฟายาวกลางห้องเฉย
“เก็ท...แผนที่ลืมรถเมล์ ง่วงด้วยหิวด้วย เป๋าล่ะ...ฮ้าว” ละเมอชัวร์
“เช็ดซะ เปียกหมดล่ะ” ผมหยิบผ้าขนหนูจากชั้นช่วยดูแล
แล้วไอ้คนประหลาดก็เข้านิทราทันทีครับ ตัวอ่อนบวกลมหายใจสม่ำเสมอ (0-0) อะเมซิ่งมาก
“ลมจ๋ามาเอากระเป๋าเปียโนเหรอ เดี๋ยวบีหาให้ ไมมาเร็วจังยังไม่เช้าเลย...ฮ้าว” บีขยี้ตาแดง
เกาหัวยุ่งหิ้วแร้บบี้ร่องแร่งจนเก็ทได้ดึงเข้าอกอีกคน
รู้สึกรังสีอำมหิตจากทุกคนยิงตรงที่งูสองตัวนี้แล่นเปรี๊ยะ
ไม่รวมบอล เคี้ยง ข่าง ตาค้างอึ้งกิมกี่ทั่วหน้า มีเฟรมกลั้นขำอยู่คนเดียว
“จริงด้วย อยู่ไหนวะ” ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเที่ยงที่โรงเรียน
“มีคนเก็บมาจากห้องวิทย์รึเปล่าไม่รู้ ลืมดู” เคี้ยง
“ให้ลมนอนนี่ กูดูมันเอง พวกมึงจะไปไหนก็ไป!” หมอกแข็งโป๊ก
“เอิ่ม!” (0-0)
“หือ!” (=0=)
“โอ้วววว!” (+0+) พวกเรารวมกันอีกที
หมายความว่าเยี่ยงไร แต่ละคนหัวโด่ยืนสลอนพร้อมเครื่องหมายคำถาม
ใครก็ได้ช่วยสงเคราะห์อธิบายเป็นภาษาไทยที
“ไปคุยข้างนอก กูมีอะไรจะบอก” บอล
พวกเราพยักหน้า...โอเคไปก็ไป
----------
--------------
บอล เป็นคนโทรหาลมช่วงเฟรมกับหมอกรอเข้าเอกซเรย์
แล้วลมโทรถามเก็ทต่อทันที จากนั้นเก็ทกับบอลติดต่อกันเองจบลูกโซ่
พอบอกหมอกเข้าโรงพยาบาล เก็ทที่ยังเซ่อนอนจับใจความไม่ได้
ตกใจคิดว่าเพื่อนแย่มากจึงหนีบบีจากห้องนอนแขกในบ้านให้มาด้วยกัน
“ก็กูอยากรู้ เพื่อนเทพมึงจะสนเพื่อนกูบ้างไหน ห่วงไอ้หมอกหรือเปล่า เลยอำว่ากำลังดูผล ไม่รู้จะพ้นคืนนี้มั้ยน่ะซิ” บอลลั่น โกหกผลสแกนร่างกายซึ่งก็จริงว่าจะทราบผลเดี๋ยวนั้นหรืออาจเป็นพรุ่งนี้เช้า
“โห กูได้อุ้มบีจากเตียงสัด!” เก็ทเพิ่งได้นอนจากธุรกิจบ้านเหมือนกัน
“เค้าขี่หลังหรอก เนอะแร้บบี้” บีงุบงิบซุกแก้มกับกระต่ายเน่า
“เออ กูผิด กูขอโทษ ตอนนั้นกูก็กลัวเหมือนกันนี่หว่า ถ้าเกิดมีเลือดคั่งในสมอง อยู่ดีๆ เสือกวูบเจ้าชายนิทรานอนเป็นผักขึ้นมาล่ะทำไง”
“น่าเก็ท ไหนๆ มึงก็มาแล้ว ได้เพื่อนมึงคืนเชียวนะเว้ย” ผมช่วยบอล
เก็ทพยักหน้าพลางดึงบีนั่งลงเท้าแขนโอบเอวไว้
เฟรมกับผมยืนพิงผนังจับมือกัน ในช่องกระจกเห็นหมอกลงจากเตียงมานั่งโซฟาเดี่ยวอีกตัวใกล้ลม
อดสะท้อนในอกจนเผลอกระชับมืออีกฝ่าย สายตาหมอกถ่ายทอดทุกอย่าง
หากแต่คนต้องการสื่อกลับหลับใหลไม่รู้เรื่อง น่าตายจริงๆ
---------------
และ คำสารภาพจากบอลทำให้เราจดจำคืนนั้นไม่ลืม...
“มึงไม่เห็นเวลาไอ้นั่นกินเหล้า ตอนเมาเละที่สุดมันเพ้อชื่อใครรู้ไหม พวกมึงไม่รู้แต่กูกับไอ้โอ๊ตรู้ บ้าเอ้ย!” บอลเริ่มเอพิโซด
“ใคร?” ผมถามทั้งที่คำตอบอยู่ต่อหน้าต่อตาในขณะนี้
“ลม...ชื่อไอ้ลม ชื่อเพื่อนมึงเก็ท”
“...“ ผมหลับตารับรู้แรงกอดแน่นขณะทั่วอาณาบริเวณคล้ายเงียบกริบ
“ที่ผ่านมากูนึกโกรธมึงมากเก็ท เกลียดเพื่อนมึงด้วยเลยฟิวส์ขาดกดโทรแม่ม! แต่เสือกมาซะงั้น ทั้งมึงทั้งไอ้ลม 555” บอล ปสด.
“เศร้าจัง เค้าไม่ชอบมาม่าอะ” บีงอแงเช็ดขี้ตากับบ่าเก็ท
“บีครับ” เก็ทอ้อล้อบี
มึงสองตัวไปเปิดโรงแรมเลยดีไหม จะขำก็ขำไม่ออก
คนนึงใส่เสื้อท่อนบนอีกคนสวมกางเกงนอนท่อนล่าง ดูก็รู้ว่าแบ่งกันใส่
ทุกอย่างเกิดจากคำว่ารักคำเดียวโดยเฉพาะรักล้นใจอยู่ข้างใน ช่างน่าเจ็บปวดแทน
แต่มีเพื่อนรักและเข้าใจกันขนาดนี้อดซึ้งในมิตรภาพไม่ได้
ผมคิดว่าหมอกโชคดีมากโขเหมือนกัน พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมถึงแสดงออกไม่ได้เท่าที่ใจอยาก
ด้วยฐานะสังคมที่ต้องรักษา ชื่อเสียงหน้าตาของครอบครัวและอื่นๆ อีก
...หมอกไม่โชคดีเท่าพี่มอสที่ต้นจั๋งยอมร่วมทาง
...ไม่โชคดีเท่าเก็ทที่เปิดเผยกับครอบครัว
(ถึงขณะนี้บียังเฉยไม่รู้ตัวแต่เหมือนรู้ ส่วนหนึ่งจากเก็ทยังไม่ได้บอกชอบบีแต่ท่าทีจะขี่กันจนพวกเราเลี่ยน)
ลอบยิ้มอยู่คนเดียวกับคำว่ารัก รู้สึกตัวเองโชคดีที่มีเฟรม
“กูไม่เคยรู้เลย นึกว่าหมอกโกรธกูเฉยๆ” เก็ทซึมถูคางกับศีรษะบี
“แต่กูคิดอีกอย่างว่ะ กูว่าลมอาจคิดแค่เพื่อนจริงๆ ก็ได้ ไม่รู้นะตอนมันยันกูล้ม เชื่อไหมว่าไอ้ลมไปนั่งร้องไห้ข้างเตียงพยาบาลแบบนี้ด้วย” กลายเป็นข่างพลิกให้เห็นความจริงอีกด้าน
“เหมือนตอนมันร้องไห้กอดไอ้เก็ทค่าย รด. น่ะเหรอ” เคี้ยงเสริม
“ใช่แล้วเฮ้ยไม่ใช่ ไม่ได้กอดกูเว้ย! กูนอน ไอ้เต๋าข้างซ้ายส่วนลมนั่งขวา หน้าขาวๆ จมูกแดงๆ เช็ดน้ำตา เราขอโทษข่างเราขอโทษ จากนั้นมากูกับไอ้เต๋าตั้งปณิธานเลยว่าจะไม่ทำให้คนอย่างมันร้องไห้อีก” ข่างมุ่งมั่น
มิน่าถึงตั้งใจเรียนพิเศษยกระดับมันสมองจนได้ร่วมห้อง ม.4/1
จริงด้วยว่าคุ้นๆ ฉากลมกับหมอกคล้ายเคยเห็นที่ไหน กระชากตรวจร่างกายเพื่อนนี่เอง
และย้อนถึงวันแรกสุดหลังเกิดเรื่อง เก้งแทบถูกจับเปลื้องผ้าอย่างนี้เหมือนกัน...
โอ้! ลมเห็นผมเป็นเพื่อนมาตลอดหรือนี่
“เราก็คิดแบบข่างแหละ ถ้าลมจ๋าจะเอาใครคิดเหรอว่าจะรอด เก็ทโดนมาตลอดแต่ลมบอกว่าเพื่อน เก็ทก็คือเพื่อนไม่เปลี่ยน”
“บี...” เก็ทโอบบีแน่น อารมณ์เปลี่ยนเป็นยิ้มปลื้มจนออกนอกหน้า
“จริงอยู่ที่สองคนนี้โกรธกัน แต่ทำไมลมจ๋าเลือกข้างเก็ททั้งที่หมอกไม่เคยว่าลมเลยนี่นาถูกไหม แล้วทำไมหมอกไม่เข้าหาลมเองล่ะ เงียบอยู่ทำไม ไม่คิดว่าหมอกก็มีเหตุผลของหมอกเองซ่อนอยู่เหมือนกันเหรอ” บี
“...” เงียบกันหมด
“เกิดบอลยุมากไป คนเจ็บคือหมอกเองนะ คิดดีๆ” บีเปรยทิ้งท้ายวงแตก บอลหน้าซีดเห็นผลสกอร์ทีมคู่แข่งชนะซัดเดนเดธต่อหน้าต่อตา
“...เด็กนรก หึหึ” เฟรมว่าเบาจุ๊บหน้าผากผม
“...เดวิลบีของแท้” ผมกระซิบตอบเฟรม
“ให้เป็นเรื่องของสองคนนั่นเถอะบอล มึงใช้ได้แล้วล่ะตอนนี้” เฟรมขโมยซีนตัดบทตบบ่าบอล
“เหรอวะ เฮ้อ...” บอลถอดแว่นออกเช็ดเสื้อ เหมือนกลุ้มแต่ไม่กลุ้ม
“เออซิ ชีวิตยังอีกยาวไกล จะรีบไปไหน” เก็ท
“ถ้าใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดีนั่นแหละ นิยามมากไปปวดหัวเปล่าๆ” บีเทพธิดาพยากรณ์
“พูดอีกก็ถูกอีก กูว่าหมอกต้องดีใจที่มีเพื่อนอย่างมึงว่ะบอล” ผมตบบ่าให้กำลังใจบอลเพิ่มอีกคน
“เรื่องของอนาคต ความรักไม่เข้าใครออกใครหรอกว่ะ” ข่างยิ้ม
“รักนะ จูบุๆ” เคี้ยงงอนิ้วไอเลิฟยู
“หึหึ” บอลขำ สวมแว่นคืนก่อนตบเข่าตัวเองดังฉาดตัดสินใจไม่ยุ่งอีก
“555”
พวกเราเมาหมัดนอนไม่พอ หัวสมองกลวงปลายประสาทหักเสียหาย
ผมกับเฟรมขอตัวกลับทิ้งภาระไว้เบื้องหลัง
บางเรื่อง บางอย่างและบางคนอาจต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมกับคนที่ใช่จริงๆ
ทิ้งให้เป็นเรื่องของอนาคต ทว่าปัจจุบันคืออดีตของอนาคต
---------------
-----------------
แสงทองระบายสีเส้นขอบฟ้า ดวงอาทิตย์กำลังยาตราเช้าวันใหม่
“เดินขึ้นมั้ย อยากเดิน” ผมชวน ย่องเบาในบ้านที่เงียบสงัด
“เมื่อย ง่วง อยากนอน ขึ้นลิฟต์”
“น่า มีอะไรจะบอก” ผมยิ้ม ดึงมือร่างสูงก้าวบันไดขั้นแรก
“ว่า?”
วันเวลาไม่เคยคอยท่า ไม่อยากรอช้ากับสิ่งที่อยากบอกคนรักให้รับรู้
เฟรมคือทุกอย่างของผมนับแต่ที่พบหน้า ความผูกพันก่อตัวบ่มฟักเนิ่นนานจนกระทั่งวันนี้
บทเรียนจากหมอกยอกใจเล็กๆ ต้องไม่ใช่ผม
“ที่มองไอ้เก็ทเพราะมันไม่แอบ ทำอะไรชัดเจนไม่อายใคร อยากรู้ว่ากล้าเพราะอะไร ในหัวสมองมันคิดแบบไหนจะได้ชัดเจนกับมึงบ้าง”
“อ้อ ที่มองไอ้ลมเพราะไม่อยากให้มีคนนินทา อยากทำให้เมียสบายใจแล้วก็อยู่ด้วยกันไปนานๆ”
“เย๋ย แค่นี้น่ะเหรอ 555”
“แค่นี้แหล่ะ 555” เราระเบิดเสียงหัวเราะ
เป็นเพราะอีกฝ่ายดอกหรือ เราอยากรักษาอีกคนไว้ข้างกายมากมายถึงเพียงนี้
แต่รู้สึกไอเดียยีราฟจะหน่อมแน้มอยู่เล็กน้อยก็เถอะ
“ไม่ชอบออกกำลังกายแต่เล่นบาสเพราะได้ส่งลูกให้ชู้ต ดันกลายเป็นขาดซ้อมไม่ได้ซะงั้น” ผมต่อ
“หึหึ” เฟรมแก้มแตกรับอรุณ
“ไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะมึงไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย โดยเฉพาะได้ลมเพราะกูทำได้คนเดียวเท่านั้น” ผมขึ้นกูมึงหวงของ จิ้มหน้าอกกระแทกๆ
ถึงจะหน้าตาดีกว่า เรียนเก่งกว่า เล่นชิ้นดนตรีพิเศษกว่าแต่คนนี้ของกู ห้ามแตะ!!!
“555” เฟรมหน้าหงายขณะถึงชานพักครึ่งชั้นแรก
“จริงๆ พูดเลยว่าเกลียดขี้หน้ามัน” ย้ำ
“สารภาพแล้วเหรอ ไอ้นั่นก็รู้ว่าดื้อเกลียดเหมือนกัน มันถึงพยายามไม่ยุ่งด้วยไง” เฟรมเชยคาง
“ดี รู้ตัวก็ดีแล้ว” ผมยิ้ม สูดลมหายใจสุดปอดกระปรี้กระเปร่าเต็มที่
จริงว่าเวลาวินาทีมีมากมายไม่จำเป็นต้องรีบ
แต่ถ้าเพื่อคนนี้แล้วผมอยากให้รับเอาไว้ทั้งหมด วันเวลาที่ผ่านมายังไม่จุใจ
“ว่าต่อ อยากฟัง” เฟรมอมยิ้มตาสบตา
“อืม ที่ชอบก็...ชอบเล่นกีตาร์ไฟฟ้าแต่หัดฟิงเกอร์สไตล์เพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่า แต่ R-Gus ดันเรียกร้องซะได้ หึหึ” ผมขำแก้เขิน
“ดื้อ...”
“หมดแล้วนึกออกเท่านี้ ถ้าคิดได้จะบอกเพิ่มละกัน” อายจนลิ้นพันกัน
(‘ฟอด!’)
“อีกข้างดิ...ชอบ” ผมยิ้มม้วนต้วนแต่เต็มใจเอียงแก้มให้
(‘ฟอดดดดดด!’) สูดเข้าปอดจนหมดลม
ยักษ์แกล้งทรุดขณะเราอยู่ในวงแขนของกันและกันที่ชั้นสองพอดี ความสุขข้างในเปี่ยมล้น
ไม่เห็นยากอะไร ใครว่ารอจุดพีคก่อนค่อยเฉลย นิยายหลายเรื่องต้องรอให้เจ็บ
เกิดเหตุร้ายคนรักหายไปค่อยเสียใจวิ่งตามกลับมาแต่ไม่ใช่เรื่องนี้
-------------
“มีอะไรจะบอกเหมือนกัน” เฟรมยักคิ้ว
“ว่ามา?” ผมรู้สึกว่ายักษ์หล่อมากนาทีนี้ อยากหอมแก้มคืนแต่ยั้งไว้ อายมีมากกว่ากล้าครับ
“อืม...ว่าอะไรดี”
“อะไรเล่า บอกมาก่อน เผยความลับตั้งเยอะ”
“นี่เยอะแล้วเหรอ 555” ใบหน้าสว่างไสวขณะต้อนผมเข้าลิฟต์ไม่ทันรู้ตัว
‘ตริ๊ง’ เสียงติงอีกครั้งคือชั้น 6 หน้าสถานที่ของเราแล้ว
อุเหม่ เพิ่งพูดแหม่บๆ ว่าอยากเดินขึ้นบันได
พระเอกเรื่องนี้มันตามใจกูเป็นที่ไหนครับ เก้งประท้วง มาถึงก็ออกคำสั่งยันเต
“ปะ จะแปรงฟันหรืออาบน้ำก่อน”
“ขอนอนเลยได้เปล่า” ผมจะเลื้อย
“น่า แปรงฟันก่อนก็ได้ ปากจะได้หอมๆ นอนสบายนะ”
“เออๆ” ปิดปุ่มสวีตหวาน ต้องเข้าใจวัยสะรุ่นเริงเมืองก็จริงแต่เราปุถุชนย่อมอยากพักผ่อนนอนหลับเป็นธรรมดา
เข้าห้องน้ำ ยีราฟตัวใหญ่ตามมาบีบยาสีฟันใส่แปรงยื่นให้ผมรับจัดการไป ส่วนตัวมันเองก้าวเข้าใต้ฝักบัวเปิดน้ำเย็นฉ่า เย๋ย!
“อาบน้ำ? เนี่ยนะที่จะบอก โ่ด่!” ผมเกเร
“555” หัวเราะขำใส่
ไม่อยากแอบมองบอดี้ผู้ชายให้หัวใจเต้นตูมตามแต่ห้ามไม่ไหวจริงๆ
ยังไม่ทันไรจิ้งจกวิ่งผ่านน้ำก็ออกมาแปรงฟันกับผมเฉย
“สะอาดยัง?” เฟรมงูเหลือมอยากให้พิสูจน์นาสิก
“อืม หอมดี...ชอบ” สูดดมกลิ่นสบู่เจือจางติดผิว โอบรอบคอปล่อยให้พาลอยละล่องไปที่เตียง
“555 ชอบกี่อย่างเข้าไปแล้วล่ะ” เสียงหัวร่อดังกังวานแตกต่างจากทุกครั้ง
นี่ก็อีก อยากให้รู้แต่เดี๋ยวได้ใจพอก่อนดีกว่า
“บอกได้ยัง จะหลับแล้วเนี่ย” ผมทวงตาปรือ
รัดแขนลูกลิงโหนตัวรอบคอแกร่ง เท้าเหยียบบนตีนมันครับหน้ามึนมาก
“จะบอกว่าทุกอย่างน่ะ...เพื่อเก้ง”
“ทุกอย่างเหรอ งั้นรู้แล้วล่ะ” ไม่ต้องบอกหรอก หม่าม้าเฉลยแล้ว(^^)
ความจริงคล้ายได้ยินตลอดทุกเวลาที่ผ่านมา วันนี้ช่างหอมหวานยิ่งกว่า
คนนี้ที่ผมเลือกและเขาก็เลือกผมด้วยเช่นกัน
“ดื้อ...” เล็มจูบติ่งหู
“อือ ไม่เอา...ง่วง” ผมจิ๊จ๊ะทั้งที่ตาปิด ขอเซย์โนเล่นตัวบ้าง
“ไม่เอาตอนนี้หรอก กลับมาค่อยเอา หึหึ” ร้ายมาก
“อืม..” เก้งรออยู่ ไม่ใช่ล่ะ ร่างกายไม่ไหวครับ
“ไนกี้คิสให้หน่อย”
“ยังจะมีแรงซ้อมอยู่เหรอ”
พยายามหยีตาขึ้นมอง นุ่งผ้าเช็ดตัวเปลือยท่อนบน
ทว่าเห็นกางเกงวอร์มขายาววางบนกระเป๋าเตรียมไว้เรียบร้อยที่หน้าตู้เสื้อผ้า
“แค่อยากทำอนาคต” เฟรมยิ้ม
...ประโยคที่ได้ยินเกือบทุกวัน
...ประโยคที่ฟื้นเตือนความทรงจำระหว่างเรา
...ประโยคที่มอบแด่ผมผู้เป็นเจ้าของ
‘จุ๊บ!’ มอบจุมพิตหน้าผากสัมผัสให้แผ่วเบานุ่มนวลกว่าทุกวัน
ถูกผลักล้มตัวลงนอนอ่อนโยน จัดหมอนหนุนคลี่ห่มผ้าให้ ดึงใบเล็กหนุนเข่าใต้ขา
ผมปิดเปลือกตาปล่อยร่างกายเข้าสู่นิทรารมณ์
ไม่รับรู้บางอย่างกำลังวิ่งเข้ามาโดยไม่ได้ทักทายและไม่ทันเฉลียวใจ
เพราะ NIKE’S KISS คือจุมพิตจากเทพเจ้าแห่งชัยชนะเพื่อแม็ทช์สำคัญ...แด่คนสำคัญ
*************TBC ทูมอร์โร่ว์