พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END  (อ่าน 778937 ครั้ง)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มาต่อได้แล้ว

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
สวัสดีปีใหม่ค้าาาาาา :mc4:
มารอน้องจันทร์เหมือนเดิมน้า :กอด1:
อัพตอนใหม่พร้อมเปิดจองรวมเล่มเลยค่ะ :laugh:

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
นานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

จังเลย รีบ ๆ มาต่อนะครับ รอคางยานละเนี๊ยะ 55555+

อย่าหายไปนะเค้าชอบเนื้อเรื่องอะ รีบ ๆ มาน๊าา

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :L2: สวัสดีปีใหม่ค่า :L2:


ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่จะมาต่อน๊อ รออยู่น๊า  :mew1:



ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
มีการแพ้ท้องแทนเมียด้วยอ่ะ :hao7:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
การรอ มันน่าเบื่อ

ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ
ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี แต่พอนึกหน้าพี่ยะขึ้นมาแล้วมัน หึ หึ หึ :z1: :z1:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
ป่านฉะนี้เจ้าคลอดน้องรึยัง

ออฟไลน์ su40747

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างงงงงงงงงงงงงง :ling3:
รอๆๆๆๆๆ  :katai1:
ตอนต่อไปมาเร็วๆเถอะกว่า เดือนกว่าแว๊วน๊าาาา -..-  :hao5:

ออฟไลน์ XL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จะหยุดแต่งเรื่องนี้แล้วเหรอค่ะ? o18 o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
 :mew2: :mew2: :mew2: มาต่อเถอะรอมานานมากแล้ว

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
คิดถึงน้องพระจันทร์ มาอัพต่อเถอะนะ
อยากให้รวมเล่มเรื่องนี้ด้วย จะดีมาก

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
คือมันยังมีประเด็นเต๊มมม ไปหมดเลยนะ อย่าเพิ่งเงียบไปสิค๊าาา ที่รักมาเถอะ

ออฟไลน์ amisezmin

  • 最愛の人
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
มาต่อได้แล้วจ้า :call: :call: :call:

ออฟไลน์ su40747

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :sad4: :sad4: :sad4:
มาต่อทีเถอะค่ะ จะลงแดงแล้ว T^T

ออฟไลน์ FaiiFay_Elle

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะไม่เขียนต่อแล้วเหรอ? นานจัง  :call: :call:

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
คิดถึงจัง  :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Ojarumaru

  • ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล้านี้ขาใหญ่แค่ไหน อยู่มานานตั้งแต่ICQ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
นานมากๆๆๆๆๆๆๆๆ จนลืมเนื้อเรื่องไปแล้วนะเนี๊ย
รีบๆมาต่อนะตัวเอง

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
โอ๊ยยยยยยยย~
คิดถึงจะแย่แล้ววววววว

ออฟไลน์ mirin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
รอนานแล้วน๊าาาา  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ su40747

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เมื่อไหร่คนเขียนจะมาาา  :hao5:
 :mew2:  :mew4:  :ling1:  :katai1:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
ลูกเข้าโรงเรียนแล้วว จบข่าว เอิ่มมม ข้าคิดไกลโพ้นแล้วน้าาา

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ยังรอตอนต่อไปอยู่น้าาาา

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
นานมากๆ แล้วน๊า แวะเข้ามาบอกคิดถึงพี่ยะกับน้องพระจันทร์นะคะคนเขียน รอวันเจอครอบครัวสุขสันต์ค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน ยังมารอน้องจันทร์อยู่น้าาา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ถึงเวลาง้อค่ะคุณยะ

ออฟไลน์ FaiiFay_Elle

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนเขียนจะปล่อยให้เรื่องนี้โดนลบจริงๆเหรอ
เสียดาย ตามอ่านมาตั้งนาน  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Gunlovery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อเถอะนร้า คิดถึงพระจันทร์มากก   :call:

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
พันธนาการ...รัก #31


   เสียงคลื่นไส้ในยามเช้าที่ได้ยินจนเป็นกิจวัตรทำให้น้ำฟ้าต้องรีบสาวเท้าไปที่ประตูห้องน้ำให้เร็วขึ้น  แผ่นหลังบอบบางคุ้นตาในชุดเสื้อนอนผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนซึ่งมีตราของโรงพยาบาลติดกระจายอยู่ทั่วตัวกำลังยึดจับโถสุขภัณฑ์ไว้เป็นเพื่อนตายทำให้น้ำฟ้าต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปที่อ่างล้างหน้า แล้วหยิบแก้วมารองน้ำเปล่าไปยื่นให้น้องชายต่างสายเลือดเพื่อล้างปาก

“ดีนะคราวนี้ไปที่โถทัน ไม่เหมือนเมื่อวานที่คุณแม่เข้ามาเห็นจันทร์อาเจียนเลอะพื้นห้องน้ำ เลยเข้าใจผิดว่าอาการหนักจนกดกริ่งเรียกพยาบาลกันให้วุ่นไปหมด”

“...อึ้ก...แค่ก...”  พระจันทร์ไม่ตอบคำ เนื่องจากกำลังสำลักเล็กๆ อีกทั้งในลำคอมันแสบร้อนไปหมดจากการที่โดนกรดในกระเพาะมันตีวนขึ้น เด็กหนุ่มรับแก้วน้ำมาบ้วนปากทิ้งแล้วซับปากด้วยหลังมือ ท่าทางเหนื่อยอ่อนทำให้น้ำฟ้าต้องเข้าไปประคองตัวน้องชายให้กลับมานั่งรออยู่ที่เตียง ก่อนที่ตนเองจะไปหยิบถุงที่ถือติดมือมาตั้งแต่ตอนแรกมายื่นให้

“เอ้า  อ่านซะจะได้ไม่เครียด ผู้ชายมีลูกได้ก็ไม่น่าจะต่างกับผู้หญิงมีลูกเท่าไหร่...พี่พยายามหาคู่มือพ่อและเด็กให้แล้วนะแต่แทบไม่มีร้านไหนขายเลย  มีแต่คู่มือแม่และเด็ก  คิดว่ากรณีของเราก็น่าจะมีประโยชน์บ้างแหละ” น้ำฟ้าหลิ่วตามองน้องอย่างล้อๆ พระจันทร์หยิบหนังสือออกจากถุงมาดูแล้วย่นจมูกใส่คนแซว

“คอยดูนะ จันทร์คลอดเมื่อไหร่จะไปบอกพี่หมอให้แอบผ่าตัดใส่มดลูกคืนให้พี่ฟ้าเหมือนเดิม จะได้รู้สึกเสียบ้างว่าเป็นผู้ชายแล้วตั้งท้องได้น่ะมันรู้สึกยังไง”

“อย่างกับพี่จะกลัวแน่ะพระจันทร์” น้ำฟ้ายักไหล่ไม่แคร์ มองคนเป็นน้องเอาหนังสือตัวเองไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงโดยไม่คิดจะเปิดดูข้างใน เม็ดเหงื่อที่ผุดตรงไรผมทำให้น้ำฟ้าต้องหยิบยื่นทิชชู่ส่งให้น้อง

   พระจันทร์รับทิชชู่มาปิดที่ปากเพราะยังมีอาการคลื่นเหียนตีขึ้นมาเป็นระยะ คนเป็นพี่ยื่นมือไปยีศีรษะน้องเบาๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง เขาไม่ได้คอยดูแลน้องอะไรมากมายเพราะถือว่าพระจันทร์ไม่ได้ถึงขั้นป่วยหนัก ยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อยู่ แม้มันอาจจะมีอาการแพ้เข้ามาทำให้การใช้ชีวิตมันมีอุปสรรคอยู่บ้าง

   ผ่านไปสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือคุณหญิงดารกานต์ที่มีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมแว่นตาอันโตอยู่บนศีรษะ ในมือข้างหนึ่งเป็นตะกร้าพลาสติกมีฝาปิด ซึ่งข้างในบรรจุผลไม้สารพัดอย่าง

“ฟ้า...น้องเป็นไงบ้าง”

“แม่” ชายหนุ่มเรียกผู้มาใหม่ ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยหิ้วของแซงหน้าคนป่วยที่ลงจากเตียงมายืนบนพื้นเรียบร้อยเพื่อจะเดินไปช่วยหิ้วของเยี่ยมตัวเองจากดารกานต์

“น้องโอเคอยู่ครับแม่ มีแพ้ตอนเช้าอีกตามเคย” น้ำฟ้ารายงาน หยิบตะกร้าไปวางไว้ที่เคาเตอร์ครัว

“เหรอ...แล้วแพ้มากมั้ยลูก”

“ไม่เท่าไหร่ครับแม่...” พระจันทร์ตอบ เอียงแก้มเข้าหาฝ่ามือของคุณหญิงดารกานต์เมื่อหญิงสาวยื่นมือมาจะลูบหน้าผากกับศีรษะของเขาเหมือนที่คุณหญิงชอบทำเป็นประจำ

“ไม่เป็นไร ไม่มีไข้ เอ้อ...จริงสิงฟ้า  แม่หาหนูลินไม่เจอ หลานอยู่กับหนูรึเปล่าลูก” ดารกานต์ถามขึ้นเมื่อสอดส่องสายตาไปทั่วห้องแล้วมองหาหลานตัวน้อยไม่เจอ

“อ๋อเปล่าครับ อยู่กับพี่หมอ...เขาขอไปด้วยตั้งแต่เช้าแล้ว” น้ำฟ้าตอบมารดาบุญธรรม

   เมื่อได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจคุณหญิงดารกานต์ก็พยักหน้ารับรู้แล้วเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟาบุหนังอย่างดีสำหรับที่นั่งคนเฝ้าผู้ป่วย พระจันทร์กลับขึ้นไปนั่งเอนหลังต่อบนเตียง ในขณะที่น้ำฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคุณหมอเชษฐาเพื่อถามหาลูกของตัวเองซึ่งไปเล่นวุ่นวายกับอีกฝ่ายตั้งแต่เช้า

“พี่หมอ ฟ้าเองนะครับ หนูลินเป็นไงบ้างครับดื้อมากหรือเปล่า...ถ้ายังไงให้ฟ้า...เอ่อ อ๋อ...ครับ ให้ฟ้าไปรับกลับมาเองก็ได้ครับ พี่หมออยู่ตึกไหนเดี๋ยวฟ้าไปหา...ไม่เป็นไรครับ...ครับ ครับ...ได้ครับ สวัสดีครับ”

   คำพูดสั้นๆไม่กี่ประโยคผ่านทางโทรศัพท์ทำให้น้ำฟ้าหันมาบอกแม่บุญธรรมว่าตอนนี้คุณหมอให้คนเอาลูกมาส่งให้ถึงห้อง คนเป็นแม่พยักหน้ารับรู้แล้วยิ้มให้น้ำฟ้า ก่อนจะเบนสายตาไปมองคนบนเตียงที่ค่อยๆหลับตาลงเตรียมพร้อมที่จะจมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

“แม่พูดตามตรงนะฟ้า จนถึงตอนนี้แม่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าพระจันทร์จะมีหลานให้แม่ได้อีกคนจริงๆ แม่ยังคิดว่าจันทร์แค่ป่วยธรรมดาๆเสียอีก ถ้าไม่ใช่อาการที่จันทร์เป็นตอนนี้มันเหมือนแม่ตอนท้องเจ้าสามคนนั่นเปี๊ยบเลยล่ะก็นะ...แม่จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด”

“ฟ้าเข้าใจครับแม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะให้ใครมาจู่ๆก็เข้าใจหรือคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงในสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยหรือเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติมาโดยตลอด”

“...นั่นน่ะสินะ ขนาดแม่เองยังเชื่อยากขนาดนี้ แล้วสามีแม่กับเจ้าพวกนั้นจะปักใจเชื่อเรื่องนี้กันได้เหรอ...”

   น้ำฟ้าเหลือบมองคนถามแล้วก็ส่ายหน้าให้อย่างปลงๆ

“ไม่รู้สิครับแม่...ฟ้าไม่อยากคาดหวังอะไรมาก”

“นั่นน่ะสินะ แม่เองก็ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยมาขนาดนี้แล้ว ถ้าจะให้เริ่มต้นอธิบายอะไรใหม่ทั้งหมดให้ทั้งคุณศิลา ทั้งตาอาทิตย์แล้วก็ตะวันฟัง แม่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงเหมือนกัน” พูดง่ายๆก็คือหล่อนเองก็ขี้เกียจเล่าเหมือนกัน ดารกานต์คิดเองต่อในใจ

   ในระหว่างนั้นเอง เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น น้ำฟ้าชะโงกหน้าไปดูที่ประตูแล้วจึงหันกลับมาหามารดาบุญธรรม หญิงสาวเงยมองสบตาก่อนเอ่ยออกไปว่า “สงสัยพยาบาลคงเอาหนูลินมาส่งแล้วล่ะมั้ง เดี๋ยวแม่ไปเปิดเอง ฟ้าจัดผลไม้ให้น้องอยู่นี่แหละลูก”

   น้ำฟ้ารับคำ คุณหญิงดารกานต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเบี่ยงเท้าเดินไปทางประตู ระหว่างนั้นก็ออกเสียงบอกคนที่อยู่นอกบานประตูว่า ‘I’m coming.’

------------------------------------------------------

   เบื้องหลังประตูบานนั้นมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนออกันอยู่สี่ห้าหกคน ซึ่งหนึ่งในนั้นกำลังยืนอยู่ด้วยใจตุ๊มต่อมจนมือเย็นไปหมด เขาโดนลากขึ้นเครื่องบินมาด้วยความไม่เต็มใจในตอนแรก แต่เมื่อมาถึงประเทศอังกฤษแล้วเพื่อนเขากับคนรักก็รีบพาเขาต่อรถมาที่โรงพยาบาลในทันที ซึ่งที่นั่นเขาพบน้องชายกับบิดากำลังยืนรออยู่พร้อมหน้า ที่สำคัญในมือของน้องชายเขามีร่างปุ้มปุ้ยของหลานชายที่หายตัวไปพร้อมแม่เขาเป็นเวลาหนึ่งเดือนกำลังยิ้มเหงือกแดงให้อยู่ สุริยะมณฑลออกอาการงงเล็กๆเมื่อก่อนหน้านี้ทั้งพ่อและน้องชายบอกเขาว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ไหงมาโผล่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ 

   ทั้งคู่ไม่พูดอะไรนอกจากเดินนำเขามาพบคนคนหนึ่งในห้องทำงาน ซึ่งเป็นคนที่เขารู้จักหน้าค่าตาดีอยู่ เพราะเป็นคนที่มอบสิทธิอันชอบทำในการเป็นผู้ปกครองเจ้าของหัวใจให้กับเขา...คุณหมอเชษฐา...ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังที่มาของตั๋วเครื่องบินบนโต๊ะทำงานของเขาเมื่อวาน และสิ่งที่คุณหมอเชษฐาบอกกล่าวกับเขาถึงสาเหตุสำคัญที่ต้องให้มังกรหาซื้อตั๋วเครื่องบินมาให้เขานั่นก็เพราะอาการป่วยของพระจันทร์ที่เขาจำเป็นต้องรู้...แต่กระนั้นกลับบอกให้เขามาหาเจ้าตัวเพื่อฟังอาการด้วยตัวเอง ทั้งที่คนเป็นหมอน่าจะอธิบายอาการได้ดีกว่าแต่กลับทำท่าอมพะนำไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรต่ออีกนอกจากเดินนำพวกเขาทั้งหมดมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยห้องนี้เอง

“Hey, Common in…เอ๊ะ คุ...คุณศิลา!!!”  ดารกานต์ที่เป็นคนเปิดประตูออกอาการชะงักค้างหลังจากเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเสียงดังลั่น ซึ่งพลอยทำให้คนไข้และคนเฝ้าไข้อีกสองคนที่อยู่ในห้องพักพลอยสะดุ้งตามไปด้วย

“สวัสดีครับ คุณหญิงดารกานต์ ภูบดีอัศวเมศวร์...ที่รัก” เสียงเอ่ยเรียบนิ่งแต่แฝงความดุดันเคร่งขรึมของหนุ่มใหญ่ในชุดโอเวอร์โค้ทสีเทาเข้มดังตามมา  มือกร้านใหญ่ทั้งสองข้างที่ซุกอยู่ในกระเป๋ารีบยกขึ้นมาคว้าท่อนแขนของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเอาไว้เมื่อมันกำลังเอื้อมผลักประตูเตรียมปิด จากนั้นลูกชายทั้งสองคนที่ยืนขนาบเคียงซ้ายขวาก็ยกมือกั้นบานประตูแล้วแทรกกายเข้าไปด้านในตามลำดับโดยไม่ต้องบอก  ปล่อยให้บิดาจัดการกับมารดาของตัวเองไปตามระเบียบ

   น้ำฟ้าที่รีบเข้ามายืนชิดเตียงคนป่วยหันมองผู้มาใหม่ด้วยแววตาตกตื่น  ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเคียงกันตรงหน้าอยู่ในโอเวอร์โค้ทสีดำสนิท แววตาที่มองตรงมายังพวกเขาสองคนนั้นแลดูเยือกเย็นแบบที่ทำให้ขนต้นคอของน้ำฟ้าลุกชัน ดีหน่อยตรงที่ในอ้อมแขนของรังสิมันต์มีลูกชายของเขากำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมร้องเรียกหาเขา  ทำให้แววตาของรังสิมันต์ฉายแววอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไปแล้ว

   ทว่า...แววตาของสุริยะมณฑลที่มองอย่างพิจารณาคนป่วยบนเตียงนี่สิ...สายโหดของแท้เลย

“...พี่ตะวัน...”  น้ำฟ้าเอ่ยเสียงเบา ยื่นมือออกไปรับตัวลูกชายที่เอนมาหาจากคนเป็นสามีแล้วเขยิบเข้าไปยืนเคียงกับรังสิมันต์เมื่อราวเอวถูกรั้งเข้าหาแผ่วเบา

“...พี่ยะ...”  เสียงที่เบายิ่งกว่าเสียงเข็มนาฬิกาตกเป็นของพระจันทร์ เด็กหนุ่มมองจ้องคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงตัวเองด้วยแววตาสั่นไหว ใบหน้างดงามราวเทพสลักเสลามีร่องรอยของความเหนื่อยล้าให้เห็น รอยหนวดเคราที่เพิ่งโกนเขียวครึ้มอยู่เหนือริมฝีปากและใต้คางได้รูปทำให้พระจันทร์อยากเอื้อมมือเข้าไปจับให้หายคิดถึง ติดแต่ตรงที่ว่าตอนนี้ระหว่างพวกเขาสองคนเหมือนมีกำแพงบางๆที่ถูกก่อขึ้นเสียสูงกั้นอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถปีนขึ้นไปหาพี่ยะอย่างที่อยากได้ 

“...พระจันทร์...” เสียงเรียกกลับมาแผ่วเบาพอกัน  ดารกานต์ที่ดิ้นรนขัดขืนสามีในตอนแรกเมื่อถูกพาตัวเข้ามาจนเห็นลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเป็นทางการมีความเงียบเกิดขึ้นก็พลอยเงียบลงไปด้วย หล่อนกรอกตามองลูกชายกับคนป่วยสลับกัน ท้ายที่สุดก็ไปหยุดมองอยู่ที่สามีซึ่งคว้ามือหล่อนขึ้นไปจูบแบบไม่มีอาการอายผีสางเทวดาฟ้าดิน และนั่นก็ทำให้หล่อนต้องแอบแหนบที่ท้องคนหน้าด้านไปหนเมื่อมาทำหวานพร่ำเพรื่อแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“คุณศิลา...! หยุดนะ เห็นมั้ยว่าลูกกำลังอึดอัดที่จะต้องคุยกัน ทำไมจะมาไม่บอกกันก่อน...ห๊ะ พระจันทร์จะได้เตรียมใจ...” หญิงสาวกัดฟันพูด พยายามข่มเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้  ทว่าคนเป็นสามีกลับเลิกคิ้วแล้วมองหล่อนเหมือนกำลังเห็นของแปลก

“อ้าว ก็คุณห้ามผมเอาไว้นี่ ขู่ไว้เสียดิบดีว่าถ้าผมตามคุณมาเมื่อไหร่คุณจะฟ้องหย่ากับผมเมื่อนั้น...นี่ แล้วอีกอย่างนะ คนที่ทำให้บรรยากาศระหว่างลูกกับคนรักต้องมีแต่ความอึดอัดน่ะมันก็คุณไม่ใช่เหรอ  ถ้าคุณไม่พาพระจันทร์มาจากตายะเรื่องก็คงจบไปนานแล้ว”

“อะไร...อย่ามาโทษฉันนะคุณศิลา  มันเป็นเพราะคุณต่างหากที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษา ไม่มีบอกฉันสักคำ...ฉันเลยต้องพาพระจันทร์ไปให้ไกลๆเสียก่อนที่จะช้ำเพราะน้ำมือลูกชายคนโปรดของคุณน่ะสิ”

“โฮ่...ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณชอบเด็กพระจันทร์มากกว่าหนูหงส์ไปแล้ว”

“หึ ถ้าคุณได้รู้ว่าพระจันทร์ป่วยเป็นอะไรแล้วคุณก็จะชอบเขามากกว่าหนูหงส์เหมือนกับฉันนี่แหละ”

   คำพูดกำกวมของคนเป็นภรรยาทำให้นายใหญ่ศิลาขมวดคิ้ว  มองสบสายตาคมกล้าที่จ้องมองสบมาอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่สายตาทั้งสองคู่จะเบนไปหาคนสองคนกลางห้องที่กำลังเป็นจุดศูนย์รวมดวงตาของทุกคน

“มาฮะ...โคนนี้คราย”  เสียงแหลมเล็กดังขึ้นเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง ไวโอลินหันขวับไปมองต้นเสียง  เห็นเด็กน้อยผิวคล้ำในอ้อมแขนของน้าเหวินจิ้งกำลังชี้มาที่น้าจันทร์ของตัวเองอย่างเสียมารยาทก็ทำหน้านิ่ว  ดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของน้ำฟ้าไปยืนเองที่พื้นเตรียมพร้อม

“นี่คือเพื่อนมาครับ  ชื่อน้าลูน่า” เหวินจิ้งเอ่ยบอกลูกชาย  เด็กน้อยทำท่าเขินอายตอนที่พระจันทร์หันไปมองสบตาด้วยเพราะได้ยินชื่อตัวเอง

“น้าลูน่า...น่ายัก...”  เด็กน้อยเอ่ยชมแล้วทำท่าอายม้วนต้วนเมื่อพระจันทร์ส่งยิ้มน้อยๆให้

   ทว่าไวโอลินกลับก้าวเข้าไปยืนจังก้าเท้าเอวขึ้นทั้งสองข้าง ทำหน้าตาขึงขังเลียนแบบคุณพ่อแล้วเอ่ยขึ้นเป็นภาษาจีนกวางตุ้งชัดถ้อยชัดคำว่า

“...นี่น้าเค้า อย่ามายุ่งนะ! ตัวเป็นใคร มาอยู่กับอาเหวินจิ้งได้ยังไง”  ไวโอลินเอ่ยเสียงเข้ม  ท่าทางเลียนแบบผู้ใหญ่ดูน่ารักน่าชัง  มังกรที่ยืนอยู่เคียงกันกับเหวินจิ้งส่งยิ้มให้ไวโอลินก่อนเป็นทัพหน้า จากนั้นจึงค่อยย่อตัวลงแล้วอ้าแขนขออุ้ม  ซึ่งไวโอลินก็ยอมเดินเข้าไปหาเพื่อให้อุ้มแต่โดยดีเพราะเป็นคนคุ้นเคย ทว่าสายตายังคงไม่ละไปจากเจ้าเด็กคิ้วเข้มผิวแทนในอ้อมแขนของน้าเหวินจิ้งอยู่ดี

“ไวโอลิน  นี่ลูกของอาเอง น้องชื่อลูเซียโน่...ให้น้องเป็นน้องอีกคนของไวโอลินได้หรือเปล่า”

“น้องหนูเหรออากร...” ไวโอลินส่งเสียงถามพร้อมเอียงหน้าด้วยสงสัย  “หนูมีแล้ว  หนูไม่เอาหรอก...”

“เอ่อ...หนูลิน...”  พระจันทร์สะดุ้งเฮือกเมื่อจบท้ายประโยคแล้วหนูน้อยชี้มือมาทางตน

“หืม? หมายความว่ายังไงครับคนเก่ง...”  ด้วยความสงสัยมังกรเลยรีบเอ่ยปากรุกเด็กน้อยต่อ  ซึ่งหนูลินก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อเด็กน้อยเอ่ยตอบออกไปฉะฉานพร้อมยิ้มแก้มปริอย่างภาคภูมิใจอีกต่างหากว่า

“ก็นี่ไง  ตอนนี้น้องอยู่กับน้าจันทร์...น้องอยู่ในท้อง...แม่บอกว่าอีกนานเลยกว่าหนูจะได้เจอน้อง”

   สิ้นสุดเสียงหนูลิน  สุริยะมณฑลหันกลับมามองพระจันทร์แววตาเครียด  เอื้อมมือออกไปคว้าแขนพระจันทร์ขึ้นมาจับไว้โดยไม่รู้ตัว  ส่วนพระจันทร์ได้แต่เบิกตากว้าง มองสบกลับดวงตาคมดุที่จ้องมาที่เขาในระยะประชิด

“...หมายความว่ายังไง...ในท้อง...”

“พี่ยะ! ปล่อย...”

“ตอบพี่มาก่อน  ที่ไวโอลินพูดนั่นเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”

“พี่ยะ! จันทร์เจ็บนะ...! ปล่อย...”

“ตายะ! เบามือหน่อยลูก น้องเจ็บอยู่นะไม่เห็นรึไง...”  ดารกานต์รีบร้องบอกเมื่อเห็นลูกชายตัวเองเริ่มจับตัวพระจันทร์แรงขึ้นเรื่อยๆ  ทว่าคนเป็นสามีกลับเอื้อมมือมาปิดปากภรรยาไว้แล้วจุ๊ปากที่ข้างหูเพื่อห้ามปราม

“ชู่ว...เรื่องของลูกก็ให้ลูกเคลียร์กันเองดีกว่า ส่วนคุณน่ะมาเตรียมใจโดนผมซักฟอกจนหมดเปลือกต่ออีกคนเถอะ”

   ดารกานต์ฮึดฮัดขัดใจ ได้แต่มองไปขอความช่วยเหลือจากคุณหมอหนุ่มที่ยืนมองเงียบๆอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆตัวคนไข้บนเตียง แต่ทว่าก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

“ที่ไวโอลินบอกว่าจันทร์กำลังจะมีน้อง...คืออะไร  ในท้องนี่มีเด็กอยู่อย่างนั้นน่ะเหรอ”  เสียงของสุริยะมณฑลเข้มขึ้นเป็นลำดับ ในขณะที่พระจันทร์เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วเอ่ยปฏิเสธหนักแน่น

“ไม่ใช่!  ในนี้ไม่ได้มีอะไร...จันทร์แค่ไม่สบายเฉยๆ” เสียงเอ่ยเคล้าสะอื้นทำให้โทสะในจิตใจของสุริยะมณฑลลุกโหม  ชายหนุ่มรวบมือพระจันทร์มาจับรวมกันไว้ในมือข้างหนึ่ง  แล้วละมือข้างที่ว่างไปจับอยู่บนหน้าท้องของพระจันทร์  เด็กหนุ่มรีบงอตัวจนคล้ายกุ้งเพื่อปกป้องตัวเองจากการสัมผัสนั้น  ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไร

“ไม่มีอะไร?  งั้นถ้าในนี้ไม่มีอะไรจริงก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมากใช่มั้ยถ้าพี่จะกดฝ่ามือลงไปแรงๆแบบนี้...”

“ยะ...อย่านะ!! อย่าทำ...”

“ห้ามทำไม  พี่กดแค่นี้อย่างมากก็แค่เป็นรอย...พี่จะทำ...”

“อย่านะ...อย่าทำลูกของจันทร์!!  ฮึก...ฮือ...เขาอยู่ข้างใน เดี๋ยวเขาจะเป็นอันตราย...ฮือ...”   

“...”

   ฝ่ามือหนาหนักที่วางทาบอยู่บนท้องของพระจันทร์แผ่วๆมาตั้งแต่ต้นค่อยเลื่อนนิ้วลูบมันแผ่วเบาไปตามผิวเนื้อนิ่มใต้เสื้อผ้าฝ้าย  พระจันทร์ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นและสะดุ้งตัวเป็นพักๆเมื่อรู้สึกถึงการขยับของฝ่ามือคนตัวใหญ่  และในที่สุดฝ่ามือข้างนั้นก็เอื้อมไปโอบรอบหลังของพระจันทร์  พร้อมๆกับที่สองมือของพระจันทร์ถูกปล่อยเป็นอิสระ เพื่อที่ร่างเล็กๆในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลจะได้เข้าไปจมอยู่ในโอเวอร์โค้ทตัวหนา จนแทบจมหายลงไปในอ้อมแขนแข็งแกร่งซึ่งตอนนี้ได้กอดรัดพระจันทร์เอาไว้ทั้งตัว

“หมายความว่า...ในท้องของจันทร์...มีลูกของเราสองคนอยู่ในนั้น...ใช่มั้ย”  ท้ายประโยคแทบหายลงไปในลำคอ  เสียงสะอื้นร้องไห้ที่ดังอยู่ในอ้อมอกทำให้สุริยะมณฑลต้องกดศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมหอมๆให้กดอยู่กับแผ่นอกแน่นขึ้นอีก  แต่ถึงจะแนบชิดกันขนาดนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พอ  เขายังไม่รู้สึกถึงพระจันทร์ได้อย่างที่ต้องการได้เลย

“ฮือ...ฮึก...” 

“นี่คือเรื่องจริงใช่มั้ย...รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้วทำไมไม่รีบบอกพี่...”

“รู้ตั้งแต่...ก่อนวันงานแต่ง...ของพี่ยะกับพี่หงส์”  เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบาปนสะอื้น  นัยน์ตาฉายแววเจ็บช้ำขึ้นมาวูบหนึ่ง เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้นที่เขาเหมือนเป็นคนโง่เง่าอยู่คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ไม่มีงานแต่งงานอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น...ถ้าไม่ใช่งานแต่งของเราสองคน มันจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นในชีวิตของพี่แน่”   

“แต่สักวัน...พี่ก็ต้องแต่ง ฮึก...เรื่องระหว่างเรา  ให้มันจบลงตอนนี้เถอะนะ”

“เฮอะ  ตลกน่ะ...มาบอกให้จบทั้งที่มีลูกของพี่ติดท้องไปทั้งคนคิดว่าพี่จะยอมงั้นเหรอ อย่ามาทำตัวน้ำเน่าลอกคำพูดในละครมาพูดกับพี่นะไอ้เด็กดื้อ”

“ไม่ได้ดื้อ...แล้วก็ไม่ใช่เด็กแล้วด้วย พี่อย่ามาว่าจันทร์อย่างนี้นะ...ฮือ...”

“ถ้าไม่ใช่เด็กเราก็ต้องพูดกันรู้เรื่องสิ...นี่ หมอ...นี่ใช่มั้ยเรื่องที่บอกว่าต้องให้ผมมาฟังจากปากของพระจันทร์ด้วยตัวเอง  นี่ใช่มั้ย...คือเรื่องที่แม่พยายามปิดผม นี่ใช่มั้ย...คือสิ่งที่ทำให้พระจันทร์มีความคิดบ้าๆ ยอมทำตามแผนการของแม่ แล้วหนีจากผมมาไกลถึงอังกฤษนี่...”

“พี่ยะ...”  น้ำเสียงพระจันทร์ฟังดูเว้าวอนคล้ายต้องการไม่ให้เขาเอื้อนเอ่ยเรื่องนี้อีก

“ตายะ  เราก็เข้าใจสถานการณ์ของน้องบ้างสิ โดนปิดหูปิดตา รับรู้ข่าวแค่ว่าลูกจะแต่งงาน แล้วลูกจะให้น้องอยู่ยังไง อยู่ในฐานะอะไร...เราเคยทำอะไรให้น้องมั่นใจในที่ยืนของตัวเองบ้างมั้ย...คิดจะอยู่ด้วยกันแต่ไม่บอก ไม่พูด ไม่กล่าว  มีอะไรก็ไม่คิดจะปรึกษากันก็พอเถอะ...เฮอะ!!” ดารกานต์ทนไม่ไหวจึงรีบออกปาก ตอนท้ายมีแอบเหน็บสามีเพราะตนเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพระจันทร์มาแล้วเลยเข้าใจความรู้สึกของสะใภ้คนโตดี  หญิงสาวพูดพลางมือบางก็พยายามบิดให้หลุดจากการเกาะกุมจากคนเป็นใหญ่สุดในบ้านไปด้วย ทว่าหนุ่มใหญ่กลับรวบตัวคนเป็นภรรยาเข้ามากอดไว้แน่นแล้วเอ่ยปลอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2015 10:18:15 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
“คุณ...คุณใจเย็นๆก่อนนะ ถ้านี่เป็นเรื่องจริงผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง นะที่รัก”

“ว่าแล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อ มันจะไม่จริงได้ยังไงก็ในเมื่อพระจันทร์น่ะแพ้ท้องเช้าเย็นหนักยิ่งกว่าตอนฉันแพ้ท้องลูกเราอีก”  ดารกานต์เอ่ยบอก

   พระจันทร์ที่อยู่ในอ้อมกอดของสุริยะมณฑลสะอื้นฮัก สองแขนบอบบางพยายามปัดป่ายสะบัดเพื่อจะให้หลุดจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น ที่ถึงแม้จะรู้สึกปลอดภัยแต่มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี มันยังมีความคิดวนเวียนอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองนั้นเหมาะสมแล้วหรือที่จะอยู่ตรงนี้ได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร

   ...ก็มันยังฝังใจ ว่าตำแหน่งเคียงข้างผู้ชายคนนี้นั้นมันอยู่สูงเกินเอื้อม มันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กไม่รู้จักโตอย่างเขา...

“ฟ้าว่า...เราควรจะปล่อยให้เขาคุยกันเองก่อนดีมั้ยครับ ส่วนเราก็...พาคุณพ่อกับพี่ตะวันไปเซ็นต์เอกสารรับทราบรายละเอียดต่างๆกันดีกว่า”  น้ำฟ้าเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อกาวน์ของคุณหมอหนึ่งเดียวภายในห้อง คุณหมอเชษฐาเอานิ้วลูบปลายจมูกก่อนจะเดินเข้าไปที่ปลายเตียงพระจันทร์แล้วเงยหน้ามองผู้มาใหม่ทั้งห้าแล้วเอ่ยว่า

“เอาล่ะครับ ในเมื่อผู้มีศักดิ์เป็น ‘พ่อ’ เด็กทราบเรื่องแล้ว...ผมก็ขออนุญาตเชิญทุกท่านไปที่ห้องของผมก่อนนะครับ มีเอกสารบางอย่างที่ทุกท่านจำเป็นต้องเซ็นรับทราบก่อนที่ผมจะอธิบายรายละเอียดอาการของพระจันทร์ต่อไป ตอนนี้คงต้องขอให้ปล่อยคนไข้ของผมได้พักผ่อนต่อก่อน...วันนี้มีเรื่องให้กระทบจิตใจมามากพอแล้ว” สายตาของคุณหมอมองไปที่ร่างคนไข้ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าของอย่างหนาแน่น ดวงตากลมใสเหมือนกระต่ายน้อยมองจ้องกลับมาที่เขาราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ คุณหมอเชษฐาเองก็อยากจะช่วยอยู่หรอกนะถ้าไม่ติดว่าสายตาเจ้าแพนเตอร์ตัวยักษ์นั่นจะมองกราดแบบไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้เสียขนาดนั้น

 “ฟ้าจะให้พี่อุ้มลูกไปหรือฟ้าจะพาไปเอง...” น้ำเสียงของรังสิมันต์นิ่งสนิท หนูลินที่ยืนเอาแขนท้าเอวอยู่ในตอนแรกกลับมายืนนิ่งสงบเสงี่ยม เงยหน้ามองแม่ทีพ่อทีแบบต้องการสำรวจท่าทีของแต่ละฝ่าย สุดท้ายก็เงยไปมองสบเพื่อนใหม่ในอ้อมแขนของอาเหวินจิ้งที่มองตอบเขากลับด้วยดวงตากลมป๊องพอกัน

“เอ่อ...พี่ตะวัน ฟ้าอุ้มไปเองก็ได้ครับ” น้ำฟ้าเอ่ยเสียงอ่อย กวักมือเรียกลูกชายให้มาหาตัวเองแล้วพาจับมือไว้ รู้ตัวอยู่เฉกกันว่าบนหลังก็มีชนักอันพอประมาณแปะติดอยู่

“งั้นเราก็ออกไปกันเถอะ ปล่อยให้ทั้งสองคนเขาคุยกันไป...บอกความจริงกันไป...”

“คะ...ความจริง...?” น้ำฟ้าหน้าเหรอหราไปชั่วครู่ คนเป็นสามีก้มหน้าลงมาเสียเกือบชิดแล้วจึงกระซิบคำพูดบางประโยคให้น้ำฟ้าฟัง

“ใช่ ความจริง...ความจริงอะไรบางอย่างที่พี่เองก็อาจจะไม่เคยรู้เลยด้วยเหมือนกัน”

   น้ำฟ้าหุบปากฉับ หันไปชวนเหวินจิ้งให้ออกไปพร้อมกัน  รังสิมันต์มองตามแผ่นหลังบอบบางของคนเป็นภรรยา แล้วก็หันกลับมาสบตากับมังกร อีกฝ่ายยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่งให้เขาแล้วจึงเดินออกไป รังสิมันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วมองพี่ชายทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามออกไปอีกคน ส่วนคุณหญิงดารกานต์นั้นโดนฉุดออกจากห้องไปเป็นคนแรกนำหน้าน้ำฟ้าไปเรียบร้อย

“เอาล่ะ  ผมจะออกไปอธิบาย...ข้อมูลต่างๆให้คนที่เหลือฟังเอง แล้วเอกสารของคุณผมจะเอาเข้ามาให้เซ็นต์ทีหลังนะครับ  ตอนนี้ก็...คุยกันไปดีๆก่อนนะ ตกลงเรื่องต่างๆ เคลียร์กันให้เรียบร้อย  เพราะหลังจากนี้เราจะต้องอาศัยความร่วมมือของคุณทั้งคู่ในการที่จะดูแลเด็กและ... ‘รักษา’ พระจันทร์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี” คุณหมอในชุดสีขาวตบลงบนผ้าห่มที่ห่อขาของพระจันทร์เบาๆเหมือนให้กำลังใจ พยายามท่องคำว่าแข็งใจเอาไว้เมื่อเห็นพระจันทร์ส่ายหน้าไม่ต้องการให้เขาออกไปด้วย

   ประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบ  ทิ้งให้ในห้องมีเพียงเสียงสูดจมูกฟุดฟิดพร้อมเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปช้าๆตามเวลาของมัน  สุริยะมณฑลยังคงรวบกอดตัวพระจันทร์ไว้แนบแน่นไม่คิดจะเริ่มพูดอะไรก่อน พระจันทร์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรเลยได้แต่ต่างคนต่างเงียบ  จนในที่สุดเมื่ออาการคลื่นไส้มันเริ่มตีวนขึ้นมาที่คออีกรอบ คนป่วยจึงได้เอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงแผ่วแหบๆว่า

“...อึดอัด...จะอ้วก” 

   อ้อมแขนที่รัดรึงคลายออกทันทีที่ได้ยิน ฝ่ามือใหญ่คว้าหยิบกระโถนที่รองด้วยถุงขยะสีเขียวอ่อนขึ้นมาให้คนป่วยทันควัน พระจันทร์โก่งคอเหนือกระโถนแล้วมีท่าทางอยากอาเจียนตลอดเวลา ทว่าสิ่งที่หยดลงในกระโถนกลับมีเพียงน้ำลายเท่านั้น

“เป็นไงบ้าง อ้วกออกมั้ย” สุริยะมณฑลถาม มือก็ช่วยลูบหลังให้พระจันทร์ด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มส่ายหน้าให้พร้อมรับกระดาษทิชชู่ที่อีกฝ่ายยื่นให้มาเช็ดปากแล้วทิ้งลงในกระโถน แก้วน้ำเปล่าตามมาเป็นอย่างที่สองเพื่อให้คนป่วยใช้กลั้วคออย่างรู้งาน พระจันทร์เหลือบมองคนดูแลผู้ป่วยเล็กน้อยก่อนจะรับแก้วน้ำมาดื่มแล้วบ้วนทิ้ง  เมื่อเสร็จเด็กหนุ่มก็มีท่าทางคอพับคออ่อน ไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวให้นั่งตรงอยู่ได้ด้วยตัวเองทันที

“นอนก่อนคนดี  เดี๋ยวพี่จะปรับเตียงให้” คนพูดเดินอ้อมไปที่ปลายเตียงเพื่อกดปุ่มปรับให้ตามที่บอก พระจันทร์นอนหลับตาอยู่บนหมอนนุ่มในระหว่างที่เตียงค่อยๆเอนราบลงไป  เมื่อได้องศาที่พอเหมาะแล้วคนป่วยก็ค่อยๆพลิกตัวนอนตะแคงหันข้างตามท่านอนประจำที่สบายของตัวเอง สองมือสอดเข้าไว้ใต้หมอน หัวเข่างอชิดขึ้นมาถึงท้อง นอนขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเวลาที่ต้องนอนอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา

   ทว่ายังไม่ทันที่จะได้หลับตาลงนอนดีๆ พื้นเตียงที่ยุบยวบลงไปตามน้ำหนักของอะไรสักอย่างก็ทำให้พระจันทร์ลืมตาขึ้นพรึ่บแล้วเหลียวมองกลับไปทางด้านหลัง แผงอกแน่นๆที่ห่ออยู่ในเสื้อเชิ้ตเรียบหรูสีเทาเข้มปะทะเข้ากับผิวแก้ม เพราะคนร่างสูงถอดเสื้อโอเวอร์โค้ทออกพาดไว้กับเก้าอี้ รองเท้าและกระดุมเสื้อถูกปลดออกเพื่อให้คลายอึดอัด แล้วจึงค่อยพาตัวเองขึ้นไปนอนซ้อนหลังอยู่บนเตียงคนไข้ พระจันทร์ยกมือปัดท่อนแขนที่พยายามจะสอดเข้ามาให้เขาหนุนแทนหมอนออก แต่เมื่อโดนเสียงคำรามดุๆในลำคอดังออกมาปรามเขาก็ยอมอ่อนแรงขัดขืน มองอีกคนด้วยสายตัดพ้อแกมไม่พอใจนิดๆแล้วก็หันหน้าหนีเสีย

   สุริยะมณฑลยกยิ้มมุมปาก ช้อนมือเข้าใต้ศีรษะพระจันทร์บังคับให้นอนทับแขนของตัวเอง ในขณะที่อีกมือนั้นก็เอื้อมไปโอบรอบเอว ซึ่งเด็กหนุ่มยกมือมากันไว้อย่างหนาแน่น แต่สุริยะมณฑลก็ไม่สนใจ กอดซ้อนทับไปมือนุ่มนิ่มนั้นไปอย่างสบายอารมณ์ ลำตัวหนาปักเป็นหลักให้พระจันทร์ได้นอนพิงหลัง ตั้งใจให้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟของตัวเองคอยโอบล้อมตัวคนป่วยเอาไว้ พระจันทร์มีท่าทีไม่ค่อยสบายตัวในตอนแรก แต่สักพักเมื่อความคุ้นเคยในสัมผัสระหว่างกันและกันเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ท่าทางของพระจันทร์ก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และนั่นก็ทำให้สุริยะมณฑลดีใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงเอนหลังน้อยๆที่พระจันทร์นอนพิงตัวเขาดีๆ

   ริมฝีปากอุ่นๆพรมจูบไปที่ขมับ ฝ่ามือหนาช้อนจับมือน้อยที่ซ้อนทับหน้าท้องของตัวเองให้แน่นขึ้น เสียงลมหายใจผ่อนคลายที่ดังสม่ำเสมอเริ่มดังขึ้นมาให้ได้ยิน เพราะไม่ได้มองใบหน้านั้น ชายหนุ่มจึงนึกว่าคนในอ้อมแขนของตัวเองคงจะหลับไปแล้วแน่ๆ เสียงพึมพำกระซิบบอกสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในใจจึงดังออกมาข้างๆหู

“อย่าหนีพี่มาอย่างนี้เหมือนพวกนางเอกละครเขาทำกันอีก เพราะพี่ไม่ใช่คนดีพอที่จะเป็นพระเอกให้เราได้...ถ้าเปรียบพระจันทร์เป็นนางสีดา พี่ก็คงจะเป็นทศกัณฑ์ ที่ยอมฝ่าฝืนกฎสวรรค์ ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ครอบครองหัวใจของเรา...”

“...ถ้าอย่างนั้น...พี่ปล่อยให้ผมรอเป็นเดือนได้ยังไง...”

   เพราะไม่คิดว่าพระจันทร์จะโต้ตอบคำพูดเลี่ยนๆของเขากลับมา สุริยะมณฑลจึงเกิดอาการเงียบไปฉับพลัน ท่อนแขนที่รัดรึงหน้าท้องนวลเนียนคลายออกเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพลิกตัวมาหา

“...พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษนะคนดี”  ชายหนุ่มกระซิบคำบอกขอโทษออกมาจากใจที่ข้างหู กดศีรษะเล็กๆให้เข้ามาชิดอก กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไม่ทำให้ความหอมกลิ่นกายของคนคุ้นเคยลดลงไปเลย “พี่รู้...คราวนี้พี่ผิดที่ตัดสินใจอะไรช้า แต่...ทางนั้นก็แม่ ทางนี้ก็เมีย พี่อยากจะให้ความสำคัญกับทั้งสองทางเท่าๆกันนะ แต่...”

“แต่ยังไงแม่ก็ต้องมาก่อนเมีย จันทร์เข้าใจถูกใช่มั้ย” ไม่ได้อยากจะงี่เง่าหรอกที่ถามแบบนี้ แต่เมื่อเห็นคนถูกถามนั้นนิ่งไป พระจันทร์ก็ค่อยๆรวบรวมความกล้า ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆจนจมูกเกือบจะชนอีกฝ่ายแล้วก็ถอนหน้าออก แล้วโปรยยิ้มมุมปากอ่อนๆให้ “จันทร์รักพี่ เพราะพี่รักครอบครัวของพี่ที่สุดนี่แหละ...บางที จันทร์ก็เลยนึกอิจฉาพี่หงส์ ที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของพี่ จันทร์เป็นเด็กไม่ดีเลยใช่มั้ย...จันทร์ขอโทษนะ”

   เสียงแผ่วหวานค่อยๆกลืนหายไปกับความเงียบของห้อง ลมหายใจสม่ำเสมอค่อยๆดังตามมาแทนที่ สุริยะมณฑลขยับแขนตนให้คลายออกเล็กน้อยเพื่อให้พระจันทร์นอนอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างสบายขึ้น ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่ที่หน้าผากเนียนสวย พรมจูบจนทั่วแล้วก็เวียนไปที่ขมับ แอบขโมยกัดปลายจมูกไปเสียหนึ่งด้วยความหมั่นเขี้ยว ที่แม้จะนอนอยู่แต่ใบหน้าน่ารักยังคงมีท่าทีบึ้งตึงเล็กๆใส่เขาอยู่

   ...รอก่อนเถอะนะ...ตื่นมาเมื่อไหร่  จันทร์จะได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวพี่จริงๆเสียที...

 ------------------------------------------------------

   เขากำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล เสียงประตูเปิดออกแผ่วเบาไม่ทำให้เขาตกใจมากเท่าไหร่ เพราะคิดว่าอาจเป็นพวกพยาบาลเข้ามาดูอาการเขาเหมือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือพยาบาลคนนี้ทำไมเอาแต่ยืนข้างเตียงเขาแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย

“...พระจันทร์ หลับแล้วเหรอคนดี...” เสียงทุ้มแหบต่ำดังขึ้น คนป่วยบนเตียงลืมตาพรึ่บแล้วรีบหันกลับไปมอง

“พี่ยะ!” เสียงเรียกดีใจดังขึ้น พระจันทร์โผออกจากกองผ้าห่มเข้าไปกอดแน่นรอบเอวของคนที่ย่องเบาเข้ามาหาเขากลางดึก ฝ่ามือใหญ่โอบกอดเขาตอบพร้อมลูบผมคนป่วยกลับเบาๆ

“เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าร่างกายเราดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังเจ็บตรงไหนอยู่อีกหรือเปล่า ต้องรีบบอกหมอนะรู้มั้ย” ว่าพลางก็สำรวจร่างกายคนป่วยไปพลาง พระจันทร์เงยหน้ามายิ้มให้แล้วส่ายไปมา ก่อนเอ่ยตอบว่า

“จันทร์น่ะไม่เจ็บหรอก แต่พี่ยะน่ะสิแผลถูกยิงเป็นยังไงบ้าง หมอไม่ยอมให้จันทร์ไปเยี่ยมเลย”

“พี่ต่างหาก ที่ห้ามหมอไม่ให้จันทร์มาเยี่ยม” สุริยะมณฑลเอ่ย พระจันทร์หน้างอง้ำเพราะคำตอบนั่น

“เกลียดจันทร์แล้วเหรอถึงไม่ให้พบ ไม่อยากให้เจอหน้า”

“ไม่ใช่ อย่าคิดไปเองสิ...พี่แค่ไม่อยากให้จันทร์เห็นพี่ตอนกำลังป่วยต่างหาก...เดี๋ยวพี่ไม่เท่ห์ในสายตาจันทร์จะว่าไง”

   สายตากรุ้มกริ่มส่งมามองคนที่กอดเอวเขาอยู่ พระจันทร์เสมองสบตานั่นแล้วก็รีบผละหนีออก กระเถิบตัวออกไปจนเกือบตกเตียงสุริยะมณฑลก็ฉวยที่ว่างตรงนั้นยกตัวเองขึ้นไปนั่ง ฝ่ามือหยาบหนาคว้าจับสองแขนเพรียวไว้มั่น ร่างโปร่งในชุดโรงพยาบาลแลดูอิ่มกว่าที่เคย คงเพราะบวมน้ำเกลือรวมถึงได้พักผ่อนเต็มที่มาอาทิตย์เต็ม ผิวแก้มนวลเนียนก็เลยดูชวนเชิญเขามากกว่าปกติ

“แก้มนี้พี่ขอได้มั้ย” คำพูดที่แปลกไปของสุริยะมณฑลทำให้พระจันทร์ตัวสั่นวาบ เอียงแก้มหลบไม่ทันก็เลยโดนฉวยโอกาสไปเรียบร้อย “หอมจริง...แล้วตรงนี้ล่ะ พี่ขอด้วยได้มั้ย”

“พี่ยะ...อย่านะไม่เอา นี่มันในโรงพยาบาลนะ เดี๋ยว...พยาบาลก็เข้ามา...”

“หึ...ใครจะกล้าผ่านตี้เฉินกับซานตงเข้ามาได้...”

“นี่...พี่ให้พวกเขาเฝ้าอยู่ข้างนอกงั้นเหรอ” น้ำเสียงพระจันทร์สั่นจนรับรู้ได้ คนร่างสูงใหญ่คลี่ยิ้มมุมปาก ประกบปากลงไปเบาๆบนความนิ่มหยุ่นหวานๆผิวเผิน พระจันทร์หลับตาปี๋เพราะไม่ทันตั้งตัว แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอของคนที่แกล้งเขาเล่นแล้วก็ยกมือตีเพี๊ยะลงที่ท่อนแขนใหญ่

“แกล้งจันทร์เหรอ...”

“ไม่ได้แกล้ง...แต่พี่ไม่ทนอีกแล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่ในเรือแล้วนะจันทร์ พี่รักเราที่สุด...พี่...”

   ปลายนิ้วเรียวขาวยกมาจ่อชิดปากหนาได้รูปเพื่อหยุดคำพูดนั้น สายตาคมกล้าที่มองมาส่งความปรารถนาอะไรมาให้ไม่ใช่เรื่องที่เดายาก ปลายนิ้วของพระจันทร์จึงทั้งสั่นทั้งเย็นไปหมด ยิ่งตอนที่เรียวนิ้วของเขาถูกรวบไว้แล้วเอาไปจูบ แทบหมดความคิดที่จะห้ามปรามเลยทีเดียว

“ไม่...ไม่ต้องพูดแล้วครับ...ยังไงถ้าเป็นที่นี่ จันทร์ก็ไม่ยอม...”

“สำหรับพี่จะที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น...” คนพูดเอ่ยแล้วก็หอมลงบนฝ่ามือนิ่มนวลนั่นอีกครั้ง ก่อนจะยื่นหน้าไปชนหน้าผากกับอีกฝ่ายแล้วจ้องดวงตากลมโตนั่นตรงๆ “พี่ไม่ทนแล้ว...พี่อยากให้จันทร์เป็นของพี่ ตอนนี้ เวลานี้...”

“แต่...จันทร์...”

“นะครับ...ได้โปรด...”

   ไม่รู้เมื่อไหร่ที่แผ่นหลังแนบลงไปติดกับเตียง สองตามีแต่ภาพใบหน้าของคนที่รักสุดหัวใจอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา อากาศหนาวเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศค่อยๆแตะผิวทีละส่วน พร้อมๆกับที่กางเกงโรงพยาบาลหล่นลงไปกองอยู่ข้างเตียง แต่พระจันทร์ก็หนาวอยู่ได้ไม่นาน เมื่อร่างกายหนาหนักที่มีผ้าพันแผลอยู่บนแขนทั้งสองข้างของสุริยะมณฑลห่มร่างขึ้นทาบทับ ลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องแนบสนิทไปกับหน้าท้องเนียนสวยของพระจันทร์ที่ตัวเสื้อโรงพยาบาลถูกถอดปมเชือกออกจนหมดแต่ไม่ได้ดึงตัวเสื้อออก มันจึงเป็นเสื้อผ้าชิ้นเดียวที่ติดกายพระจันทร์อยู่ในขณะนี้

   ความคิดที่จะต่อต้านการกระทำของสุริยะมณฑลผุดขึ้นมาเนืองๆในเบื้องลึกของจิตใต้สำนึกที่คอยเตือนว่า ‘ไม่ได้’ ระหว่างเขากับสุริยะมณฑลไม่ควรที่จะผูกพันกันมากไปกว่านี้อีกแล้ว มันควรจะจบที่การเป็นผู้ปกครองและเด็กในปกครอง ไม่ควรก้าวล่วงเข้าไปสู่ความสัมพันธ์ที่จะทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีกในอนาคต

   แต่ก็นั่นล่ะ...จิตใต้สำนึกกลับถูกความรู้สึกในจิตใจคอยก่อกวนจนขุ่นคลั่ก ความปรารถนาที่เขาเองก็ต้องการที่จะมีร่วมกับสุริยะมณฑลค่อยๆถูกมือของชายหนุ่มฉุดดึงออกมา ทำไมถึงได้อ่อนไหวต่อสัมผัสของเขาขนาดนี้นะพระจันทร์...แค่โดนเขาจูบนิด จับหน่อยก็ตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ...

   ใช่...และครั้งแรกระหว่างเขากับสุริยะมณฑลก็เกิดขึ้นบนเตียงของโรงพยาบาลในคืนนั้น

‘...เอ๊ะ...ทำไมจู่ๆห้องก็มืดไปล่ะ เมื่อกี๊ยังมีแสงจันทร์ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาเลยนี่นา...แล้วพี่ยะล่ะ! พี่ยะไปไหน ทำไมจันทร์มองไม่เห็นอะไรเลย...’

“เฮ่ะๆ...ดา...ดา...”

‘เสียง...เสียงอะไรจากไหน’

“บู้...วา...ดา”

‘เสียงเด็ก...หนูลิน หนูลินเหรอลูก...หนูอยู่แถวนี้งั้นเหรอ...’

“...เฮ่ะ...เฮ่ะๆ ดา..อาว...”

‘หนูอยู่ตรงไหนครับ...หนูอยู่ตรงไหน หนูลินครับ บอกน้าจันทร์ทีว่าหนูอยู่ไหน’

“เฮ่ะๆ...อาว...มะ...ดา”

   ภาพตรงหน้าที่มืดสนิทค่อยๆสว่างไสวขึ้นทีละน้อย พร้อมๆกับเงาร่างสีขาวที่อยู่ที่พื้นตรงหน้าเริ่มก่อร่างขึ้นมาเป็นรูปร่างของเด็กคนหนึ่ง ดูแว่บแรกเขาก็นึกรู้ทันทีว่าไม่ใช่หนูลิน เด็กคนนั้นยืนด้วยขาสองขาอ้วนป้อม นิ้วมือข้างหนึ่งอมอยู่ในปาก ขณะที่สองตากลมโตมองมาที่เขาอย่างสงสัย พระจันทร์กะดูคร่าวๆอายุน่าจะประมาณสองสามขวบ เส้นผมสีดำนัยน์ตาสีดำแลดูคุ้นๆอย่างไรชอบกล

   พระจันทร์ทรุดนั่งลงที่พื้นแล้วยื่นมือไปข้างหน้าหาเด็กคนนั้นพร้อมเอ่ยบอก

‘หนู มาทางนี้สิ ที่นี่มืดมาก เราออกไปด้วยกันนะ...’

“...” เด็กคนนั้นไม่ตอบถ้อยคำอะไร ยังคงมองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้เช่นเดิม

‘หนู ไปด้วยกันนะ ข้างนอกน่ะมีของเล่นเยอะแยะเลย อาหารอร่อยๆก็มีนะ...ไปกันนะ ออกไปข้างนอกด้วยกันเถอะ’

   ทำไมต้องพยายามเอ่ยชวนเด็กคนนั้นให้ออกไปด้วยกันด้วยนะ...แล้วจะออกไปข้างนอก รู้เหรอว่าอยู่ที่ไหน จะออกไปยังไง มองไปรอบตัวก็มีแค่แสงสลัวๆที่ส่องออกมาจากเด็กคนนั้นเท่านั้น รู้แต่ว่าต้องพาเด็กคนนี้ออกไปด้วยกันให้ได้ เขากำลังเหงา...เขาไม่มีเพื่อน...พระจันทร์เข้าใจความรู้สึกนั้นดี ถ้าเด็กคนนี้ยอมไปอยู่กับเขา เขาจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป

‘อ๊ะ...นั่นมัน...ประตูนี่นา!’

   จู่ๆที่ด้านหลังของความมืดรอบตัวก็ปรากฏรอยแยกแตกของแสงแผ่กว้างออกเป็นรูปประตู นอกบานประตูนั้นแลดูสว่างสดใสไม่เหมือนกับที่ที่พระจันทร์อยู่ในตอนนี้ นั่นคือทางออก!...อะไรสักอย่างกำลังบอกเขา

‘หนู! ไปด้วยกัน...ไปกันเถอะ มาทางนี้สิ เร็วเข้า!’

“เฮ่ะๆ...บะ...บา...ดา...”

   มือน้อยยกขึ้นคล้ายจะโบกมือให้ ก่อนที่นิ้วอ้วนสั้นป้อมจะชี้ไปทางประตูที่พระจันทร์เห็นอยู่ไกลลิบๆเหมือนจะบอกให้เขารีบวิ่งไป

‘แล้วหนูล่ะ...จะอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ ไม่ไปด้วยกันจริงๆเหรอ’

“บา...บา...ดะ...มา”

   พระจันทร์มองมือเด็กที่โบกให้คล้ายจะล่ำลาสลับกับบานประตูที่ตอนนี้มันค่อยๆหุบแสงลง ร่างน้อยๆกำลังจะวิ่งกลับไปในทางตรงกันข้ามกับประตู

   วินาทีนั้นพระจันทร์ตัดสินใจรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้นแล้วคว้าหมับเข้าเต็มสองแขน ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มยังคงจ้องมองเขาอย่างสงสัย แต่พระจันทร์ไม่มีเวลามาก เขาพาร่างเล็กๆที่กอดแน่นอยู่กับอกพุ่งตรงไปทางประตูที่กำลังจะปิด แสงจ้าบาดตาทำให้พระจันทร์รีบกดศีรษะเด็กเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองแนบแน่น แล้วพาร่างทั้งสองร่างก้าวข้ามผ่านบานประตูนั้นออกไปข้างนอกพร้อมกัน พร้อมๆกับที่เสียงแว่วกังวานดังมาจากไหนสักแห่งลอยมาเข้าหูว่า

‘ขอบ...คุณ...’ 

------------------------------------------------------

“ฮ๊ะ...เด็ก! เอ๊ะ...”

   พระจันทร์ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงโรงพยาบาล มือสองข้างยกกอดอยู่กับอก เพราะความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองยังคงอุ้มเด็กคนนั้นเอาไว้ยังคงฝังลึกอยู่ในจิต แต่เมื่อเห็นรูปร่างอ้วนป้อมน่ารักของเด็กสองคนที่ชะโงกมองเขาอยู่จากข้างเตียงเป็นใบหน้าของไวโอลินกับเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเหวินจิ้งก่อนหน้านี้ก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าสิ่งที่เขาเห็นไปก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน

“ฝันหรอกเหรอ...” พระจันทร์พึมพำ

“คุณแม่!! น้าจันทร์ตื่นแล้ว...” เสียงไวโอลินเจื้อยแจ้วดังขึ้นพร้อมๆกับที่จูงมือเพื่อนใหม่ให้วิ่งลงจากเก้าอี้ที่หยิบมาต่อขาไปหามารดาของตัวเองพร้อมกัน

“แม่บอกแล้วว่าให้พาลูซไปเล่นกันที่โซฟา ไปกวนน้าจันทร์เขาตื่นเลยเห็นมั้ยหนูลิน” ได้ยินเสียงพี่ฟ้าดังอยู่ตรงส่วนบริเวณครัวเล็กๆในห้อง พระจันทร์หันหน้ามองตามต้นเสียงก็เจอเด็กสองคนยืนจับมือกันทำหน้ามุ่ยเมื่อเจอน้ำฟ้าดุเอา  ข้างกันก็มีเหวินจิ้งยืนยิ้มปอกผลไม้ใส่จานอยู่ข้างๆ

“ก็หนูเห็นน้าจันทร์นอนไม่สบาย เหงื่อออกเต็มหน้า แล้วก็กอดตัวเองแน๊นแน่น...เหมือนจะฝันร้ายหนูก็เลยจะปลุก” ไวโอลินตอบคำคุณแม่เสียงอ่อย น้ำฟ้ามองสบตาเหวินจิ้งแล้วก็ส่ายหน้าให้กับความช่างสังเกตุของลูกชายตัวน้อย

“งั้นหนูลินยกจานผลไม้นี่ไปให้น้าลูน่า ส่วนตาลูซยกแก้วน้ำส้มไป ถือดีๆนะลูกระวังตกแตก” น้ำฟ้าสั่งความเด็กสองคนพร้อมกันเป็นภาษาจีน เพราะลูเซียโน่นั้นฟังภาษาไทยยังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ นี่ก็อาศัยสื่อสารกับไวโอลินเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาจีนเอา ในขณะที่เหวินจิ้งขอร้องให้น้ำฟ้ากับหนูลินช่วยสอนภาษาไทยให้ เพราะถึงอย่างไรมังกรก็เป็นคนไทย พวกเขาก็ควรที่จะพูดภาษาของหัวหน้าครอบครัวได้บ้าง

“น้าจันทร์ แอปเปิ้ล” หนูลินส่งเสียงประจบ

“น้าลูน่า น้ำส้มด้วย” ก่อนจะตามมาด้วยลูเซียโน่ที่ยกแก้วน้ำมาให้

   พระจันทร์รับจานมาก่อนแล้วไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะรับแก้วน้ำส้มจากลูเซียโน่มาดื่มไปเล็กน้อยแล้วก็วางไว้เคียงกัน

“มากันนานแล้วเหรอครับคนเก่ง” ฟ้าด้านนอกหน้าต่างโชนแสงสีส้มแก่อ่อนให้เห็น แสดงว่านี่เขาท่าทางจะหลับไปนานพอดูเหมือนกัน

“นานแล้ว พวกคุณพ่อไม่อยู่บอกให้หนูอยู่กับคุณแม่ อยู่กับน้าลูน่า” ไวโอลินตอบฉะฉาน ในขณะที่ลูเซียโน่นั้นเอาแต่พยักหน้ารับเป็นลูกคู่

“ฝันร้ายจนทำเอาหลานเป็นห่วงไปหมด” น้ำฟ้าที่เดินตามหลังพวกเด็กมาเอ่ยขึ้นบ้าง

“ฝันว่าอะไรเหรอครับ เล่าได้หรือเปล่า” เหวินจิ้งถามบ้าง เอื้อมรับร่างลูกชายที่โถมเข้ามากอดแน่นเอาไว้เต็มรัก

“เอ่อ...ไม่ใช่ฝันร้ายหรอกครับ จริงๆแล้วจันทร์ว่า...มันออกจะเป็นฝันดีเสียด้วยซ้ำไปครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกพี่ชายทั้งสองคน ท่าทางของเหวินจิ้งและน้ำฟ้ามีอาการอยากรู้จัด พระจันทร์รู้สึกหูร้อนๆจึงมือซ้ายขึ้นมานวดคลึงที่ใบหู ในระหว่างที่ตัดสินใจจะเล่าความฝันตอนที่สองให้บุคคลทั้งสี่ฟัง
   
“คือ ผมฝันเห็นเด็กคนหนึ่งครับ ผมอุ้มเขาเดินผ่านประตู...แล้ว...”

“จันทร์...ที่นิ้วนั่น...”

“เอ๊ะ นิ้ว...อะไรเหรอครับ” พระจันทร์ชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของน้ำฟ้าและเหวินจิ้งสะดุดอยู่ที่เขาตาไม่กระพริบ เด็กหนุ่มพลิกหงายมือขวาขึ้นมอง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

“ไม่ใช่  ที่มือซ้ายน่ะลูน่า” เหวินจิ้งบอก

   พระจันทร์หงายมือซ้ายขึ้นมาดูบ้าง แต่แว่บแรกที่มองก็ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างจากปกติ แต่ทว่าเมื่อสังเกตุดีๆสิ่งแปลกปลอมบางอย่างก็สะท้อนเข้าตาบริเวณนิ้วนางของเขา

   หัวใจเต้นตึกตัก บริเวณฝ่ามือเย็นเฉียบ แต่จู่ๆก็เริ่มอุ่นจนร้อน...เขาค่อยๆพลิกฝ่ามือคว่ำลง แสงไฟในห้องล้ออัญมณีบนนิ้วนางซ้ายเป็นประกายระยิบ แม้จะเป็นเม็ดเล็กๆแต่ดูรู้ทันทีว่าน้ำงามมาก พระจันทร์ค่อยๆยกมันขึ้นมาดูใกล้ตา จำได้ว่าก่อนจะนอนบนมือเขานั้นเกลี้ยงเกลา แล้วเจ้านี่มันมาอยู่บนมือของเขาตอนไหน...มาอยู่ได้ยังไง...!

“ยังจะมาทำหน้างง เราน่ะได้ช้าเกินไปแล้วด้วยซ้ำรู้รึเปล่า” น้ำฟ้าเอ่ยพร้อมกับยกมือซ้ายของตัวเองขึ้นมาโชว์พร้อมๆกับเหวินจิ้งที่ยกมือข้างเดียวกันขึ้นมาให้ดูเช่นเดียวกัน บนนิ้วนางของทั้งสองคนมีแหวนวงน้อยสวมติดนิ้วไว้ทั้งคู่

   พระจันทร์หลุบตามองกลับลงมาบนนิ้วตัวเอง อยากจะเชื่อว่านี่เป็นสิ่งแทนใจที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้เขา แต่...

“แน่ใจเหรอครับ...ว่าเป็นของ...พี่ยะ”

“ก็ตั้งแต่หยางหลงออกจากห้องไปก็มีแต่พวกพี่นี่แหละที่เข้ามา จันทร์คงไม่คิดว่าพี่จะเปลี่ยนใจอยากเป็นคุณพ่อแทนคุณแม่ขึ้นมาตอนนี้หรอกนะ” น้ำฟ้าเอามือลูบหัวน้องน้อยที่ตอนนี้มีเด็กสองคนเข้าไปนั่งประกบซ้ายขวายิ้มแฉ่งจนเป็นฟันหลอ เด็กหนุ่มก้มลงมองแหวนที่ตัวเองเพิ่งได้มาให้เต็มตาอีกครั้ง

   ...นี่...ผู้ชายคนนั้นสวมแหวนวงนี้ให้เขาจริงๆหรือ...แล้วทำไมไม่รอให้ตอนตื่น...ทำไมถึงให้ แล้ว...แล้วทำไม...ทำไม...

   ในหัวมีแต่คำว่าทำไมลอยว่อนเต็มไปหมด มันมีแต่คำถาม แต่ไม่มีคำตอบให้เลยแม้แต่คำถามเดียว

“ยินดีด้วยนะลูน่า...ในที่สุดก็โดนเจ้ามังกรนั่นเขมือบเข้าไปจนได้” เหวินจิ้งหลิ่วตาล้อคนตัวเล็กที่ยังนั่งมองแหวนบนนิ้วนางซ้ายตัวเองไม่เลิก 

“จิ้ง...คา-เหมือบ คือไย...” ลูเซียโน่มองผู้ปกครองของตัวเองแล้วถามคำถามด้วยดวงตาใสแป๋ว

“ก็เหมือนที่ป่ะป๊าทำกับคุณแม่ทุกคืนไง อะไรอ่ะ...อากรไม่เคยทำกับอาเหวินจิ้งรึไง” ไวโอลินเด็กดีพยายามจะอธิบายให้น้องฟัง แต่นั่นกลับเป็นคำตอบที่ทำให้พวกผู้ใหญ่หน้าแดงกันไปตามๆกัน

“ห๊ะ...มะอาว มะให้เหมือบ...จิ้ง..ไม่ให้เหมือบ...ฮึก...ฮึก...แงงง...”

   และแล้วในที่สุดลูเซียโน่ก็ปี่แตก ร้องไห้ออกมากลางวงจนทุกคนต้องช่วยกันโอ๋ใหญ่ เวลานั้นเลยเป็นเวลาเดียวที่พระจันทร์สามารถใช้ความคิดกับตัวเองได้เต็มที่
   
   เจ้าของแหวนนี่จะต้องมีคำตอบให้กับเขาทุกคำถาม...ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมใส่แหวนวงนี้ติดกายตลอดชีวิตเลย...คอยดู

------------------------------------------------------


ตอนนี้เม้าส์เค้าพัง  T_T  ค้างบ่อยมาก...........ก

เค้าจัดหน้าจิ้มสีจิ้มอะไรยากมากเลย...ไว้ซ่อนเสร็จมะไหร่เขาจะมาแก้ไขให้เน้อออ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2015 02:07:25 โดย dek-zaal3 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด