พระจันทร์ยืนแข็งทื่อ เมื่อจู่ๆร่างสูงใหญ่ก็โน้มลงเหนือใบหน้าเขา...หน้าแดงแป๊ดเพราะเข้าใจไปว่าคงโดนหอมแก้มโชว์ครอบครัวพี่น้ำฟ้าแน่แล้ว สองตาหลับสนิทในวินาทีที่ปลายจมูกปัดโดนแก้ม...เพื่อที่ริมฝีปากอุ่นจะผ่านเลยไปก้มลงจูบกระหม่อมเล็กๆของเจ้าหมาน้อยในอ้อมแขนเขาเสียนี่!
‘เฮ้ยๆ...จะทำอะไรก็ระวังบ้างสิวะ’ รังสิมันต์ออกปากเตือนเมื่อเห็นพี่ชายลงมือแกล้งทั้งหมาทั้งคนโชว์เขา เพราะน้ำฟ้าหยิกแขนเขาจนเจ็บไปหมดแล้วตอนนี้...
“ไม่สนเว้ย...พอใจจะทำ ไม่อยากดูก็ปิดไปซะ ไอ้คนครอบครัวอบอุ่น...” สุริยะมณฑลพูด หมั่นไส้นักกับท่าทางจี๋จ๋าอี๋อ๋อของมันกับเมีย ชอบมาหวานให้เขาอิจฉาเล่นเพราะเห็นว่าเขาไม่มีใคร...แต่ตอนนี้สุริยะมณฑลไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว...เมื่อเขาเองก็มีครอบครัวกับเขาเหมือนกันนี่ ...เขามีหมาหนึ่งตัวกับเด็กหนึ่งคน...แค่นี้ก็เท่ากันแล้ว...
‘ไอคนขาดความอบอุ่น ไม่ต้องมาอิจฉากันเลยนะพี่...รีบๆแต่งงานมีเมียได้แล้ว...พ่อเขากังวลว่าจะมีหลานโตไม่ทันลูกผมแล้วจะแบ่งมรดกกันลำบาก...’
“ฉันไม่แคร์หรอก...ลูกฉัน ฉันหามรดกให้เองได้เว้ย...ส่วนของพ่อน่ะยกให้ไอ้ตัวจิ๋วพุงกลมนั่นไปเถอะ...พูดจริงนะเนี่ย พี่สงสารหลาน...” สุริยะมณฑลมองหลานตัวน้อยที่วิ่งจุ้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทั้งบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ร่าเริงอารมณ์ดี จนดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเป็นเด็กมีปัญหาที่พ่อแม่ๆขึ้นไปรออยู่บนสวรรค์กันหมดแล้ว... ไอ้ตัวจิ๋วของเขาลุกไปปีนแม่ทีแล้วก็ไต่ไปหาพ่อ...เขาลองจินตนาการภาพตัวเองมีเด็กมาไต่ไปไต่มาตามตัวแล้วจั๊กจี้พิลึก...ถ้ามีลูกแล้ววุ่นวายขนาดนั้นเขาก็คิดว่าไม่มีเสียดีกว่า เขาเป็นพวกหวงอิสระของตัวเองมาก...และที่สำคัญก็ไม่ได้คิดว่าชีวิตในวงการนี้มันจะยืนยาวอะไรขนาดนั้นด้วย...
‘ถ้าสงสารก็รีบๆหาน้องมาให้ลูกผมได้แล้ว...ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้กะแต่งกับงานจริงๆใช่มั้ยเนี่ย’
“อยากได้น้องให้ลูกก็ทำกับเมียแกสิวะ...มาบอกให้ฉันหาทำไม”
‘...ไม่ทันแล้วครับ ฟ้ามีน้องให้หนูลินไม่ได้แล้วล่ะ...แต่ถ้าพระจันทร์ล่ะก็ไม่แน่...อ๊ะ!’ คนผมยาวผิวขาวเอามือปิดปากฉับเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไปเสียแล้ว
“พี่ฟ้า!!!” พระจันทร์เรียกชื่อพี่ชายเสียงเข้ม ตากลมโตเหลือบมองคนตัวโตข้างกายที่หันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย...ท่าทางเดียวกันเป๊ะกับพี่น้ำฟ้าที่ก็โดนคุณรังสิมันต์หันมองแล้วหรี่ตาราวต้องการบังคับให้อธิบายประโยคเมื่อครู่ให้ชัดเจน...
‘คือ...ฟ้าหมายถึง ฟ้าไม่สามารถไปแต่งงานแล้วก็มีภรรยามีลูกกับคนอื่นได้แล้วนี่ครับ ก็ฟ้าเป็นของคุณแล้วนี่ ขืนไปมีคนอื่น เขาคงโดนคุณยิงตายใช่มั้ยล่ะ...แต่สำหรับพระจันทร์ เขายังมีโอกาสแต่งงานแล้วก็มีน้องให้หนูลินได้ไง... ทำหน้าสงสัยทำไมครับ...’ น้ำฟ้าหันไปเลิกคิ้วมองสามีเป็นทำนองถามกลับเมื่อยังเห็นสายตาต้องการล้วงความนัยจากเขาเพิ่มเติม...
ฝ่ายรังสิมันต์หันกลับมามองสบตากับพี่ชายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เมื่อต่างฝ่ายต่างสังเกตอาการคนของตัวเองแล้วสรุปได้ความว่า...น่าจะมีความลับอะไรร่วมกันอยู่แน่ๆ...และแน่นอนว่า พวกเขาสองคนไม่มีทางปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน...
‘ฟ้าว่าได้เวลาพาเจ้าหมูอ้วนไปหาคุณย่าเขาแล้วล่ะ...คุณยะก็ทานอาหารเย็นให้อร่อยนะครับ พระจันทร์เขาตั้งใจทำมากเลยนะ นิ้วแดงหมดเลย... พระจันทร์แล้วเดี๋ยวคืนนี้พี่ค่อยโทรหานะ ไปแล้วๆ ตัวเล็กงอแงใหญ่แล้ว...กินข้าวให้อร่อยนะ’ น้ำฟ้าชิ่งเอ่ยตัดบท โบกมือลาน้องชายกับผู้ชายตัวสูงในจอฝ่ายตรงข้ามแล้วก็เป็นฝ่ายกดปุ่มวางไปก่อนทันที ปล่อยให้พระจันทร์อ้าปากค้างกับการเอาตัวรอดแบบฉับไวของพี่ชายผิวขาวผมยาว
ดวงตากลมโตกระพริบปริบหันมองไปข้างๆอย่างเต็มตา และก็พบว่าอีกคนนั้นหันมองเขาอยู่ก่อนแล้ว...
“คุณ...จะ...ทานเลยมั้ยครับ เดี๋ยวยำจะเย็นหมด...จันทร์ทำสุดฝีมือเลยนะ อาตง...พี่ตี้ ทานด้วยกันนะครับ กับข้าวเยอะแยะเลย...” พระจันทร์ใจดีหันไปชวนสองลูกน้องชายหนุ่มให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยซะเลย แต่สองหนุ่มนั่นก็เหมือนรู้ทัน ก้มหน้าปฏิเสธทันทีเมื่อมองกับข้าวแล้ว...มันช่างห่างไกลจากคำว่าเยอะแยะสำหรับคนสี่คนเหลือเกิน...
“เอาเถอะ...ป้าแหม่มตักข้าวเลยแล้วกัน...จันทร์ก็นั่งลงสิ จะได้ทานพร้อมกัน” สุริยะมณฑลมองดูอาการกาวตราช้าวติดปากของคนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้ดีว่าต่อให้เค้นให้ตายยังไงท่าทางความลับที่สองเตี้ยนี่ร่วมกันปกปิดคงไม่มีทางหลุดออกมาแน่...
...ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดของเมียน้องชายที่ว่า ตัวเองมีลูกให้ไม่ได้อีก แต่พระจันทร์ยังมีได้...หมายความว่ายังไงกันแน่...เหตุผลไม่น่าจะใช่อย่างที่คนผมยาวนั่นอธิบายเพียงอย่างเดียวแน่ เอ๊ะ...หรือว่าจะหมายถึง เมียน้องชายเอาเป็นหมันไปเรียบร้อยแล้ว เลยมีลูกไม่ได้ แต่พระจันทร์ไม่ได้เป็น...มันก็ไม่น่าจะใช่ความลับอะไรที่ต้องปกปิดหรือทำท่าไม่อยากให้ใครรู้ขนาดนั้นนี่นา...
“คุณทานเถอะครับ...เดี๋ยวผมพาเจ้าตัวเล็กไปหาที่หลับที่นอนก่อนดีกว่า...”
“ไม่ต้อง...นั่งลง” คนตัวสูงใหญ่ออกเสียงเข้มแนวบังคับตามความเคยชินทันที เมื่ออีกคนรีบหันหลังเตรียมเดินออกไปจากห้องอาหาร
“ถ้างั้น...เดี๋ยวป้าแหม่มไปเอายามาให้นะคะคุณหนู ททานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง จะได้ดีวันดีคืนเหมือนตอนนี้ไงคะ...” ป้าแหม่มใช้ให้เด็กๆผู้ช่วยเป็นคนไปตักข้าวให้สองเจ้านายหนุ่ม ส่วนตัวเองก็รีบเดินไปที่ตู้เก็บยา หยิบยาของเจ้านายตัวน้อยที่ได้รับมาเป็นประจำทุกเดือนมาให้
“ป้าแหม่ม...เว้นมื้อหนึ่งไม่ได้เหรอครับ จันทร์ขี้เกียจกินยาแล้วนะ กินทุกวันวันละ 3 มื้อเชียวนะ...เขาบอกว่ากินยามากไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ...นะ” พระจันทร์ตัวน้อยบ่นงึมงำ พลางมองยาในถุงที่ตัวเองเอียนเหลือจะกล่าว...แค่ได้กลิ่นก็อยากจะแหวะแล้ว แถมจำนวนยาต่อมื้อก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าไม่ติดว่ากินยาจนชินคงได้มีแหวะจริงๆกันบ้างล่ะ
“ไม่ได้ค่ะ...คุณหนูต้องกินนะคะ จะได้หายขาดไงล่ะ...เห็นมั้ยเดือนที่แล้วที่ไปหาคุณหมอ คุณหมอยังชมเลยนี่คะ ว่าพัฒนาการด้านการพูดแทบเป็นปกติแล้ว ป้าว่าทานติดต่อกันอีกสักไม่กี่เดือนก็คงได้หยุดแล้วล่ะค่ะ...ก็คุณพระจันทร์แทบจะหายดีแล้วนี่คะ”
“งั้นจันทร์เลิกกินตั้งแต่ตอนนี้เลยได้มั้ยครับ...ป้ายังบอกเลยนี่ว่าจันทร์หายดีแล้ว นะๆ”
“กินยาซะจันทร์...จะได้กินข้าว พี่หิวแล้วนะ...จะให้แขวนท้องรอเรางอแงไปถึงเมื่อไหร่” เมื่อเห็นว่าฤทธิ์กล่อมคนตัวเล็กให้กินยาของคุณป้าแหม่มเหมือนจะไม่ได้ผล สุริยะมณฑลเลยต้องออกโรงเอง...ชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำเย็นๆมาดื่ม ได้กลิ่นเตยหอมปนกลิ่นมะลิลอยขึ้นมาอ่อนๆ มันช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว...มิน่าล่ะ ผมเจ้าตัวเตี้ยวันนี้ถึงหอมหวานแปลกๆ ที่แท้ก็กลิ่นใบเตยนี่เอง...
“...ก็ได้” พี่ยะพูดแค่คำเดียวเท่านั้นพระจันทร์ก็ยอมกรอกยาเข้าปากตามคำสั่งทันที ป้าแหม่มมองคนดื้อกับคนกำราบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...ดูเหมือนจะใจร้าย...แต่สุดท้ายก็ดูจะกลายเป็นใจรักนะคะคุณหนูยะของป้าแหม่ม...
เจ้าลูกหมาน้อยสี่ขาตาปิดนอนสงบเงียบอยู่บนตักของพระจันทร์ เด็กหนุ่มลองวางมันลงบนผ้าที่ปูรองไว้บนโต๊ะทานข้าวแล้วล่ะเขาจะได้กินสะดวก แต่เสียงร้องงี๊ดๆที่ดังขึ้นทันทีที่เขาปล่อยมือก็เหมือนสัญญาณว่ามันไม่อยากไปไหนไกลจากเจ้านายตัวอุ่นที่โอบอุ้มตนอยู่เมื่อครู่ พระจันทร์ก็ยิ่งสงสารหนัก อุ้มเอาไว้กับตัวไม่ยอมวางอีกเลย... สุริยะมณฑลลอบมองคนตัวเล็กเป็นระยะ เพราะดูเหมือนตอนนี้พระจันทร์จะให้ความสำคัญกับไอ้ตัวจิ๋วมากกว่าเขาเสียแล้ว มันร้องออกมานิด ขยับตัวหน่อยเป็นต้องอุ้มขึ้นมาโอ๋...ทำตัวเป็นแม่หมาบุญธรรมเต็มตัวไปเรียบร้อย...นี่ถ้าให้นมเองได้คงทำไปแล้วมั้ง
ส่วนยำไข่ดาวที่อีกคนลงมือทำให้ก็ดูเหมือนจะเปรี้ยวนำจนโดด และสุริยะมณฑลก็ไม่คิดจะเก็บคำวิจารณ์นั้นไว้กับตัว เขาพูดออกมาให้คนทำได้รับรู้รสชาดฝีมือตัวเองเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงต่อ...แต่ถึงจะติโน่นว่าผักลวกดิบไป หรือจะตินี่ว่าชิ้นไข่ดาวเปรี้ยวเค็มไม่เท่ากันก็เถอะ...แต่พระจันทร์ก็เห็นว่าทั้งสองจานกลับขายดีชนะขาดปลากรอบอันเป็นของโปรดของเจ้าตัวเสียอีก...
เด็กหนุ่มกลืนอาหารลงท้องไปได้เพียงเล็กน้อย...ถึงจะน้อยใจที่โดนติทุกจานที่ทำแต่ก็ยังรู้สึกดีอยู่ที่อีกคนกลับฝืนกินกับข้าวที่เขาทำจนหมด...ในสมองก็บันทึกไว้เรียบร้อยว่ารสชาดที่พี่เขาน่าจะชอบเป็นอย่างไร จะได้เอาไปปรับแก้ในครั้งต่อไป...
มือขาวนิ่มนวลที่ลูบขนเจ้าลูกหมาขนเทาบนตักค่อยๆแอบเลื่อนมาวางทาบบนหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พลางก้มลงมอง...เขาไม่ได้โกหกใครเรื่องที่ตัวเองเป็นคนพิการ...แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นบุคคลทุพพลภาพ ประเภทไม่มีสมรรถภาพในการทำงานก็เถอะ แต่ทว่าความพิการที่แท้จริงของตัวเขามันไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ยอมรับได้ง่ายๆ ความผิดปกติทางด้านสมองจนทำให้พูดเชื่องช้า คิดไม่ทันคนอื่นจึงเป็นข้ออ้างที่ดีให้การไปเอายาบำรุงจากโรงพยาบาลสามัญทั่วไปเป็นประจำทุกเดือน...ซึ่งความจริงไม่กินซักวันมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...อยากจะพูดออกไปแทบตายว่าเอียนกับยาต่างๆพวกนี้เต็มที แต่ก็ต้องทนบอกใครไม่ได้... รู้อย่างนี้ตัดสินใจผ่าออกไปพร้อมพี่ฟ้าตอนนั้นเสียก็ดี...จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายโดนบังคับกินยาทุกมื้อเพราะโดนนึกว่าเป็นเด็กออทิสติกปัญญาอ่อนเหมือนทุกวันนี้...!
---------------------------------------- - --- -- -
to be continue...
เอามาลงให้อ่านกันแบบตาแฉะไปข้าง...มากำนัลโทษฐานหายหัวไปนานนนนน ม๊วกๆ >_<
หลังจากนี้จะเป็นช่วงสอบแล้ว...ก็อาจจะเงียบๆหายๆไปอีกซักพัก แห่ะๆ แต่ยังไงก็จะพยายามมาต่อให้บ่อยมากขึ้นนะจ๊ะ !! 