แมวมองหนุ่มคนนั้นเดินย้ายสะโพกจากไปแล้ว...แต่พระจันทร์ยังคงจ้องมองบัตรแนะนำตัวของหนุ่มคนนั้นในมือนิ่ง เมื่อไม่คิดว่าจู่ๆจะดันมีคนมาหยิบยื่นเงินก้อนใหญ่ให้ในขณะที่ตัวเองก็กำลังต้องการอยู่พอดีเช่นนี้... เหมือนฟ้ามีตาและเห็นใจที่จะช่วยเหลือเขาให้ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองเร็วดีจริง...
“คุณหนูครับ...ถึงเวลาต้องกลับได้แล้วนะครับ...” อาฟานเตือนคุณหนูตัวขาวเมื่อเวลามันล่วงเลยมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว หนุ่มบอดี้การ์ดเหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือ มันขึ้นชื่อว่าคุณหัวหน้าแม่บ้านกำลังโทรจิกเขามาครบรอบที่สิบพอดี...
“อ๋อ...ครับ กลับเลยก็ได้” พระจันทร์เหมือนสะดุ้งตื่นออกจากภวังค์ กำลังเคลิ้มฝันว่าตัวเองกำลังยืนมองบรรยากาศริมระเบียงบนคอนโดของตัวเองอยู่ แล้วจู่ๆมันก็มลายหายวับไปกับตาเลยทันทีที่อีกบอดี้การ์ดตาตี่เอ่ยบอก พร้อมโชว์หน้าจอโทรศัพท์ว่ามีสายคุณป้าแหม่มโชว์หราบ่งบอกจำนวนว่าครบรอบที่สิบพอดี
พระจันทร์บอกลาเพื่อนพร้อมโผเข้ากอดกันอย่างดีใจอีกครั้ง ก่อนที่ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ...
เมื่อมาถึงบ้าน พระจันทร์ก็รีบวิ่งหายลับขึ้นไปชั้นบน โทรบอกคุณป้าแหม่มว่าเขาไม่รับมื้อเย็นเพราะฉะนั้นให้คุณป้าแหม่มดูแลแค่อาหารของคนงานในบ้านอย่างเดียวพอ ฝ่ายบอดี้การ์ดหนุ่มอาฟานพอโดนคุณแม่บ้านซักไซร้ไล่เลียงเสียจนขาวสะอาดว่าวันนี้คุณหนูพระจันทร์ไปไหน พบกับใครและทำอะไรมาบ้างแล้ว เขาก็ยังต้องโดนบอดี้การ์ดรุ่นพี่อย่างตี้เฉินซักไซร้ต่อเป็นรอบที่สองเกี่ยวกับคุณหนูพระจันทร์ เมื่อนายใหญ่เจ้าของบ้านกลับมาในตอนเย็นพร้อมลูกน้องซ้ายขวาครบมือ...และแน่นอนว่าทุกคำพูดที่อาฟานรายงานมา ก็ถูกบอกต่อถึงประมุขสูงสุดของบ้านทุกคำไม่มีการต่อเติมหรือตัดออกแม้เพียงรายละเอียดเล็กน้อย...
คืนนั้นทั้งซานตงผู้เปรียบเสมือนมือซ้าย เหยียนจวิ้นผู้เปรียบเสมือนมือขวา และตี้เฉิน บอดี้การ์ดเงาประจำตัวพระจันทร์ถูกสุริยะมณฑลกักตัวและมอบหมายงานที่ต้องทำแทนเจ้านายในวันพรุ่งนี้เสียจนเกือบเช้า เนื่องจากคนเป็นเจ้านายบอกว่ามีงานด่วนส่วนตัวเข้ามา ทำให้ไม่สามารถไปดูแลงานของบริษัทด้วยตัวเองได้ในวันรุ่งขึ้น... สามหนุ่มเหลือบตามองหน้าอย่างรู้กัน... มีงานราชส่วนตัวไม่กี่อย่างที่ทำให้เจ้านายเขาหวั่นไหวไปจากงานหลวงได้ ถ้าไม่ใช่ธุระส่วนตัวของที่บ้านใหญ่ในไทย ก็ธุระส่วนตัวของคุณหนูหยางเฟิ่งนี่แหละ... และคราวนี้ก็เหมือนมันจะเอนเอียงมาทางฝ่ายหลังมากกว่า เนื่องเพราะคุณหนูคนที่ว่าเพิ่งจะไปก่อเรื่องเข้า ...ทั้งแอบสอบทุนโดยที่เจ้านายของเขาไม่รู้ เรื่องแมวมองจากบริษัทโฆษณานั่น...แล้วยังความคิดการวางแผนอนาคตว่าจะออกจากบ้านนี้ไปอยู่คอนโดคนเดียวนั่นอีก...งานนี้เจ้านายเขาคงอยู่ไม่ติดที่แน่
ก็นกน้อยสีขาวที่เพิ่งจับได้มาตัวนั้น เริ่มทำการจิกเชือกที่รัดปีกของมันไว้ เพื่อจะได้บินหนีออกไปจากกรงทองของเจ้านายทั้งที...งานนี้คงได้มีการสร้างกุญแจประตูกรงกันยกใหญ่ล่ะ
ฝ่ายพระจันทร์ คืนนั้นเด็กหนุ่มจัดการโทรกลับไปหาเจ้าของบัตรเพื่อตอบตกลงที่จะไปถ่ายแบบให้ ฝ่ายโมเดลลิ่งดีใจมากถึงขนาดบอกให้เขาไปทำการเทสต์หน้ากล้องได้เลยในวันรุ่งขึ้นเวลาเก้าโมงเช้า พระจันทร์วางสายด้วยหัวใจเต้นตึกตัก เมื่อคิดว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถทำงานหาเงินก้อนแรกในชีวิตมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองแล้วมันก็ตื่นเต้นขึ้นมาแบบสุดๆ นอนคิดลังเลอยู่เล็กน้อยว่าเรื่องนี้สมควรจะต้องบอกสุริยะมณฑลผู้ปกครองแต่ในนามของตนรึเปล่า...แต่พอคิดได้ว่าคำพูดใดจะออกมาจากปากคนร่างสูงนั่นหลังจากเขาเอ่ยจบแล้ว พระจันทร์ก็ตัดสินใจที่จะไม่บอก...มันคงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรกับเจ้าตัวเขานักหรอก...ไม่แน่อาจจะดีใจและส่งเสริมเขาด้วยซ้ำ ที่ได้หมดภาระต่อกันไปซักที...คิดได้แค่นั้นแล้วพระจันทร์ก็เผลอผล็อยหลับไป ทั้งๆที่ในมือยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
ผิดกับสุริยะมณฑล คืนนั้นเขาเข้านอนตอนเกือบตีสามกว่า ชายหนุ่มจิบน้ำเมาเข้าไปเล็กน้อยก่อนนอน ในสมองได้ยินแต่คำพูดของลูกน้องตัวเองที่บอกเขาว่า...พระจันทร์สอบติดทุนเต็มของคณะวิศวะฯ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฮ่องกง แถมยังมีแนวโน้มที่จะไปร่วมงานถ่ายแบบจากไอโมเดลลิ่งที่ไหนก็ไม่รู้เพื่อหาเงินเองนั่นอีก...ยิ่งคิด จุดประสงค์การกระทำทั้งหมดของไอ้เด็กผิวขาวก็ยิ่งกระจ่างชัด...คิดว่าปีกกล้าขาแข็งแค่ไหนกันเชียว ที่จะออกไปโลดแล่นอยู่ในสังคมที่หาความจริงใจไม่เจอกันแบบนี้ อย่าบอกว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการประชดเขาเรื่องโดนสั่งให้ทำกับข้าวแล้วเขาไม่ยอมกลับมากินนะ ถ้าใช่ก็นิสัยหญิงเกินไปแล้ว...
...นี่เขาจะต้องทำยังไงดี...
พระจันทร์ถึงจะได้เรียนรู้ซักทีว่า โลกข้างนอกถ้าไม่มีบารมีของเขาคอยคุ้มครองอยู่ เด็กใสซื่อแบบนั้นจะไปอยู่รอดได้ยังไง ทุกวันนี้แค่รายชื่อผู้ชายผู้หญิงที่เข้าหาไม่เว้นแต่ละวันในโรงเรียนนั่นก็ขึ้นบัญชียาวเป็นหางว่าว ไหนจะศัตรูของเขาที่มองว่าพระจันทร์คือจุดอ่อนแล้วจ้องจะเล่นงานเขาทางอ้อมอีก... เด็กนั่นไม่ได้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้เลยใช่มั้ย...!
คิดหรือ...ว่าถ้าไม่มีแสงของดวงอาทิตย์คอยส่องสะท้อนให้อยู่...พระจันทร์จะมีวันส่องแสงสว่างจ้าได้ด้วยตัวเอง...
พระอาทิตย์...ไม่มีพระจันทร์...ก็ไม่เป็นไร
แต่พระจันทร์...จะขาดดวงอาทิตย์ไป...ไม่ได้เด็ดขาด !
---------------------------------------- - --- -- -
เหวินจิ้งเดินอย่างไม่สบอารมณ์มาตามทางเท้าในสตูดิโอถ่ายภาพ ตั้งใจว่าจะนัดเพื่อนสนิทออกไปก๊งกันแก้อารมณ์เซ็งในชีวิต หลังจากมีประกาศิตคำสั่งเด็ดขาดจากผู้เป็นบิดาว่าห้ามเอารถเข้าแข่งบนถนนแบบนั้นอีกเป็นเวลาสองเดือน ตอนนี้ก็เลยต้องออกมาเดินวิจัยฝุ่น เตะทรายและหายใจทิ้งไปวันๆเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี
“ทำไมมันต้องมามีเทสต์หน้ากล้องบ้าบออะไรวันนี้ด้วยวะ!” หนุ่มตาตี่ผิวขาวอย่างเชื้อจีนแท้บ่นออกมาพร้อมเตะราวแขวนเสื้อที่อยู่ริมทางเดินระบายอารมณ์
“เอาน่า ก็มันเป็นงานฉันนี่ วันนี้ก็ถือเสียว่าแกมาตกเด็กใหม่ก็แล้วกัน ได้ยินพวกสต๊าฟเขาพูดกันว่า ใกล้ๆสตูฯของฉันมีพวกมาออดิชั่นร้องเพลงกันอยู่...สวยๆน่ารักๆทั้งนั้นเลยนะเว้ย...แกก็แวะไปดูสิ เผื่อมีที่สนใจไง” ตากล้องหนุ่มมาดเซอร์ มีไรเคราแพะนิดตรงปลายคางเอ่ยบอกเพื่อน มือก็เช็กตัวกล้องที่คล้องอยู่บนคอว่าเรียบร้อยดีหรือเปล่า
แต่ทว่าเหวินจิ้งกลับไม่มีท่าทีสนใจ หยิบบุหรี่มาจุดสูบพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเดิม
“ไม่เอาว่ะ เบื่อแล้ว...พวกสดๆซิงๆ เดี๋ยวพอได้ฉันก็มาเรียกร้องค่าเลี้ยงดูกันใหญ่ คราวที่แล้วคนของป๊าตามเช็ดให้ฉันไม่ทัน โดนลงคอลัมน์ซุบซิบไปเป็นอาทิตย์...คะแนนเสียงป๊าฉันหดหายหมด...”
“เออเว้ย...แกก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่าอาจิ้ง คิดถึงบุพการีก็เป็นนะ...”
“ไม่คิดได้ไง ถึงยังไงฉันก็ยังต้องพึ่งเงินเขาประทังชีวิต...ถ้าเขาหาเงินมาให้ฉันไม่ได้ ฉันก็อดตายสิวะ...” เหวินจิ้งพ่นควันออกมาจากปอด ก่อนจะอัดรอบใหม่ลึกๆให้ถึงใจ “แล้วว่าแต่แกเถอะ...ถ่ายแบบวันนี้ไม่มีเด็กใหม่ๆเจ๋งๆมั่งรึไง ฉันจะได้รอ...ถ่ายไม่นานนี่หว่า”
“ไม่รู้เว้ย นายแบบคนเก่ามันเบี้ยว นี่ไม่รู้เจ๊แมวมองแกไปคว้าใครมาได้ สงสัยคงไปเจอตามพวกตลาดมาละมั้ง เลยโดนคำสั่งให้เทสต์หน้ากล้องเสียวันนี้เลย...”
“งั้นแสดงว่าก็เด็กใหม่เหมือนกันน่ะสิ”
“ก็เออ...แต่เป็นผู้ชาย จะเอามั้ยล่ะ”
“แล้วก็ไม่รีบบอกตั้งแต่แรก...” จากที่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว เหวินจิ้งก็เผยอาการเซ็งขึ้นมาเป็นสองเท่า แล้วแบบนี้เขาจะแกร่วอยู่ที่ไหนดีวะ งานถ่ายแบบน่ะน่าเบื่อแค่ไหนเขารู้ดี แล้วยิ่งถ้าเป็นเด็กใหม่ มาเงอะๆงะๆก็ยิ่งจะน่าเบื่อเป็นสองเท่า
“เอาไง...จะเข้าไปด้วยกันเลยรึเปล่า”
“ไม่ล่ะ...ขอรออยู่ข้างนอกดีกว่า ขี้เกียจเข้าไปว่ะ” ชายหนุ่มตอบเพื่อน
เหวินจิ้งมองช่างภาพเคราแพะร่างสูงผอมยกมือโบกลาเขาเพื่อเข้าไปแสตนด์บายในสตูดิโอหมายเลข 6 ตรงหน้า จากนั้นตัวเองก็สาวเท้าเพื่อหาสถานที่ในการสูบบุหรี่ต่อไป... ทว่าพอเขาเดินเลี้ยวพ้นมุมสตูดิโอมาสองสามก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างขาวโพลน ตัวเล็กๆในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขาสั้นกำลังเงยมองแผนผังของสตูดิโออยู่ริมทางเดินด้านหน้า ในมือบางถือแผ่นกระดาษเล็กๆเอาไว้ ดวงหน้าหวานซึ้งกำลังก้มลงจ้องมองมันสลับกับแผนผังสตูดิโอบนบอร์ดขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด...
“นั่นมัน...ตุ๊กตาหน้ารถของไอ้แก่นั่นนี่หว่า มาทำอะไรที่นี่วะ...” เหวินจิ้งพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะรีบหันหลังเข้ากำแพงแล้วก้มลงหลบ ทำทีเป็นผูกเชือกรองเท้า ในขณะที่หูก็ได้ยินเสียงพึมพำเล็กๆของคนที่กำลังรีบเร่งสาวเท้าเดินจากไปในทางที่เขาเพิ่งเดินออกมาว่า
“สตูดิโอ 6...เลี้ยวขวานี่ก็น่าจะถึงแล้วมั้ง...”
...สตูดิโอ 6... อย่าบอกนะ ว่าหมอนี่คือคนที่จะมาเทสต์หน้ากล้องกับเพื่อนเขาวันนี้น่ะ !...
---------------------------------------- - --- -- -
to be continue...

อัพลงฉลองสอบเสร็จค่ะ ฮูเร่~~~~ >_<
ปิดซัมเมอร์แล้วววววว จะได้มาลงต่อบ่อยๆแล้วล่ะ !! อิอิ
รอเกรดแคลสามอีกตัวเดียวเท่านั้น T^T
ให้หนูเถอะค่ะ แมวซักตัวก็ยังดี อย่าหมาเลย ไม่อยากลงใหม่ T_T ค่าหน่วยกิตมันแพงเกินไปน่ะพี่ชาย...
ตอนนี้ที่นี่อากาศไม่ร้อนไม่หนาว...แต่ได้ข่าวว่าเมืองไทยอากาศแปรปรวนบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ
ปล. ด้วยรัก ปลาทู หมูหยอง และมะม่วง(อยากกิน) 
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะเวียนกันเข้ามาและยังไม่ลืมกันไปนะ >_< รักทุกคนที่สุด !!! จะบอกว่าเรานั่งอ่านคอมเมนท์ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาแรงฮึดสู้มาเขียนต่อให้จบล่ะ กร๊ากกกกกก อิอิ
