“พระจันทร์! ทำไมเธอ...ถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“คุณกร...คือ...ผมไม่รู้จะบอกคุณยังไง แต่ผมดีใจ ที่ได้เจอคุณที่นี่...” พระจันทร์กล่าวพลางเอื้อมมือให้อีกคนช่วยฉุดดึงขึ้นไปยืนดีๆ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาให้ความเหลือกันอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว...
“แล้วพวกที่ตามล่าเธอมันเป็นใคร...ไม่ต้องกลัวนะที่นี่ถิ่นฉัน ฉันจะจัดการให้เอง”
“คือ...จันทร์ไม่รู้ จันทร์มากับพี่แล้วระหว่างทางเราโดน...พี่ตี้!!” แว่บนั้นที่สติกลับเข้าร่าง พระจันทร์ก็นึกถึงร่างบอดี้การ์ดหนุ่มที่ผลักเขาล้มแล้ววิ่งไปอีกทาง สองมือน้อยจึงตรงเข้าคว้าแขนผู้ช่วยชีวิตเขาเมื่อครู่แล้วเอ่ยขอร้องจนลิ้นแทบจะพันกันว่า “คุณกรครับ!...ได้โปรดช่วยพี่ชายผมด้วยนะครับ เขาวิ่งล่อพวกมันไปอีกทางเพื่อช่วยผม ผมไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง...”
“ได้...ใจเย็นๆแล้วฟังฉัน...รออยู่ที่น...”
“นายครับ! นาย...! เมื่อกี๊เราเจอคนของบริษัทตระกูลหยางโดนเล่นงานอยู่ที่ซอยโน้น...เอาไงดีครับนาย...” จู่ๆชายคนหนึ่งในชุดเสื้อสูทสีดำก็วิ่งเข้ามาค้อมหัวให้กับผู้ช่วยชีวิตพระจันทร์ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยรายงานออกมาเป็นภาษาจีนกลางอย่างรวดเร็ว
...และแน่นอนว่าพระจันทร์ฟังออกทุกคำ...
“บริษัทตระกูลหยาง...บริษัทพี่ยะ พี่ตี้...!!” ไม่ต้องคิดอะไรต่อให้มากความ คนร่างเล็กก็เริ่มจะออกเท้าวิ่งไปทางที่ชายผู้มาใหม่ชี้รายงานไปเมื่อครู่ทันที แต่ติดที่ท่อนแขนเล็กดันถูกใครคนหนึ่งคว้าไว้แล้วกระชากกลับมาหาตัว
“ใจเย็นๆพระจันทร์...คนของผมจะช่วยพี่ชายคุณ...” มังกรเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ทำท่าหน้าตาปริ่ม...
...แปลกคนจริง...ทีตัวเองเกือบจะโดนจับเมื่อกี๊ไม่ร้องซักแอะ แต่พอรู้ว่าพี่ชายกำลังโดนรุม บ่อน้ำตาก็ทำท่าจะแตกเอาเสียดื้อๆ...
“เรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า ไม่รู้ว่ามันยังมีพวกซ่อนอยู่แถวนี้อีกหรือเปล่า...มาทางนี้กับผมสิพระจันทร์” ชายหนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อสูทสีงาช้างเช่นเดียวกับกางเกงออกแรงรั้งแขนเข้าที่เอวแล้วพาพระจันทร์ออกเดิน
“แต่...” พระจันทร์ตั้งท่าจะขัดขืนเพราะใจอยากรีบวิ่งกลับไปทางเดิมที่เห็นตี้เฉินวิ่งไปมากกว่า ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง...ยังไงเขาก็อยากเห็นกับตาว่าบอดี้การ์ดของเขาคนนั้นจะปลอดภัย...
“ไม่ต้องห่วง...ผมบอกแล้วว่าที่นี่ถิ่นผม คนของผมจะพาพี่ชายของคุณไปเจอกันที่ถนนหลักข้างหน้า...แล้วพระจันทร์จะได้เจอกับพี่ชายคุณที่นั่น”
มังกรเอ่ยกล่อมคนตัวเล็ก...พระจันทร์ยังมีท่าทางห่วงหน้าพะวงหลัง แต่ชายหนุ่มก็อาศัยแรงที่มากกว่าพาคนตัวเล็กเดินออกมาจนพ้นซอยนั่นออกมาจนได้ ระหว่างทางก็มีคนของเขาสี่ห้าคนตามกลับเข้าไปเก็บกวาดเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่ออกตามหาต้นตอของผู้ประสงค์ร้ายต่อคนตัวเล็กข้างๆเขานี่...
...มังกรดีใจ...ยอมรับเลยว่าดีใจมากๆที่จู่ๆก็มาเจอคนที่เฝ้าคอยตามหามาสองปีเต็มแบบไม่คาดฝันเช่นนี้...มันราวกับพรหมลิขิต...ตลอดชีวิตไม่เคยต้องเชื่อเรื่องงมงาย แต่นี่ก็คงจะเป็น ‘ครั้งแรก’ ที่เขาคงต้องเชื่อ...
...หรือเด็กคนนี้จะเป็นนางฟ้าเทวดาลงมาเกิด...เกิดมาเพื่อพบกับเขา และสอนให้เขาได้รู้จัก...ว่ามนุษย์เดินดินธรรมดาๆเขาคิดหรือรู้สึกยังไงกัน...
อุณหภูมิอุ่นๆของมนุษย์ตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนทำให้มังกรต้องกระชับมือให้แน่นขึ้น รู้สึกสบาย... แถมยังหอม แล้วก็นุ่มนิ่มไปทั้งตัวอีก...อยากจะกอดเอาไว้ไม่ปล่อย อยากจะดูแลและตอบแทนบุญคุณที่เคยช่วยเหลือกันเมื่อสามปีเอามากๆ รู้สึกได้ในวินาทีนั้นว่าตัวเองคงจะยอมให้คนตัวบางได้ทุกอย่าง ไม่ว่าคนๆนี้อยากให้เขาเป็นอะไร อยากจะได้อะไรเขาก็จะหามาให้ได้โดยไม่เกี่ยงงอนเลยซักนิด...
แต่ในขณะที่มังกรกำลังจะพาคนตัวเล็กผิวขาวในอ้อมแขนข้ามถนนเพื่อไปขึ้นรถอีกคันของเขาที่จอดอยู่อีกฟาก จู่ๆก็มีรถสีแดงเพลิงวิ่งฮ้อทะยานฝ่าฝูงคนพุ่งตรงมาที่เขา เสียงล้อรถเบรกเอี๊ยดอ๊าดดังลั่นถนนเมื่อคนขับแตะเบรกอย่างแรงทันทีที่รถห่างจากตัวนายมังกรไปแค่ไม่ถึงเมตร...
“ปัง!” ไม่ใช่เสียงปิดประตูรถ แต่เป็นเสียงปืนของผู้ที่ก้าวลงมาจากรถแล้วไม่ปิดประตู แต่กลับจ่อปืนยิงไปที่ข้างเท้าของมังกรหนึ่งนัดเพื่อขู่ ก่อนที่ลูกน้องของผู้ได้รับฉายามังกรทมิฬจะรีบเข้ามาห้อมล้อมนายตัวเองพร้อมยกปืนจ่อเล็งมาที่เจ้าของรถยี่ห้อม้าลำพอง ซึ่งไม่ยี่หระต่อปลายกระบอกหลายสิบกระบอกที่รายล้อม ทว่ากลับยังคงสาวเท้าด้วยความคงที่ไปหาคนสองคนที่ยืนกอดกันอยู่ตรงกลางถนน ก่อนจะคว้าแขนของคนตัวเล็กผิวขาวในอ้อมกอดของชายอีกคนแล้วดึงกลับมาทางตัวเองอย่างแรง
“มึงปล่อยคนของกูเดี๋ยวนี้ไอ้กร!” สุริยะมณฑลตวาดเสียงเย็น รัศมีแห่งการฆ่าฟันพวยพุ่งไปรอบด้าน จนแม้แต่ลูกน้องของมังกรที่มจำนวนมากกว่ายังไม่กล้าขยับ ปล่อยให้ผู้มาใหม่เอาปืนจี้เจ้านายตัวเองต่อหน้าต่อตา
“...คิดว่ามึงเอาปืนจ่อหัวคนอื่นเป็นอยู่คนเดียวรึไง...”
สิ้นคำพูดโต้ตอบกลับ...เสียง ‘แกร๊ก’ ก็ดังขึ้นที่ข้างหูของสุริยะมณฑล...ไม่ต้องเหลือบมองก็รู้ว่าอีกคนยกปืนขึ้นมาจ่อขมับเขาในท่าทางเดียวกับที่เขากำลังทำอยู่
พระจันทร์ที่ยืนอยู่ตรงกลางถึงกับอึ้งและตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก มือข้างหนึ่งถูกสุริยะมณฑลรั้งไว้ ส่วนอีกข้างก็โดนมังกรดึงไว้...เจ็บก็เจ็บ งงก็งง ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันแล้วไปมีเรื่องบาดหมางกันม่แต่ชาติปางไหน ท่าทางของทั้งคู่ตอนนี้ถึงได้เหมือนแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรกับสถานการณ์แบบนี้ดี!
“มึงปล่อยแขนคนของกูซะไอ้กร แล้วกูจะกลับไปดีๆ” สุริยะมณฑลเริ่มต้นเจรจาต่อรอง พลางมองหน้าคู่กรณีที่ตัวสูงใหญ่พอกันตรงหน้า...อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นสูงเมื่ออีกฝ่ายทำท่าทางยียวนขยับจับแขนพระจันทร์ของเขาให้แน่นขึ้นอีก
“เฮอะ...อย่าพูดให้น่าขำไปหน่อยเลย...ไหนวะคนของมึง กูยังไม่เห็นแม้แต่มดซักตัว...”
“ไอ้สัตว์! มึงนี่มัน...” สุริยะมณฑลอยากจะลั่นไกเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด ติดอยู่ที่ว่าเขาไม่อยากฆ่าใครต่อหน้าพระจันทร์...ถ้าไม่จำเป็น
“อ๋อ...กูรู้แล้ว หรือว่ามึงหมายถึงไอหมอนั่น เฮ้ย...” ปลายเสียงมังกรหันไปส่งเสียงให้ลูกน้องพยุงชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำที่มีรอยเลือดหย่อมใหญ่อยู่ตรงหน้าท้องให้ออกมาข้างหน้า...
“พี่ตี้!!” พระจันทร์ที่มองเห็นบอดี้การ์ดหนุ่มผู้คุ้นเคยได้รับบาดเจ็บก็ตะโกนเรียกชื่อดังลั่น สองมือขยับดิ้นรนเพื่อจะให้หลุดออกจากพันธนาการไปที่ผู้บาดเจ็บ
“ปล่อยจันทร์นะ...!” เด็กหนุ่มร้องบอก แต่ไม่มีใครรับฟังกันซักนิด
ร่างของตี้เฉินถูกผลักไปให้ซานตงที่ขับรถตามเจ้านายมาติดๆ แผลที่ท้องของเพื่อนร่วมงานยังไม่ได้รับการรักษาเบื้องต้น ผู้เปรียบเสมือนมือซ้ายของสุริยะมณฑลจึงรีบถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกมากดปากแผลเพื่อห้ามเลือด...ได้ยินเสียงพูดแผ่วๆของเพื่อนว่าไม่เป็นไร แค่โดนมีดบาดนิดหน่อย...
แม้ว่าร่างของตี้เฉินจะได้รับการรักษาเบื้องต้นไปแล้วจากซานตงและทีมแพทย์ของเขาที่เพิ่งจากรถตามมาทีหลัง แต่ทว่าปลายกระบอกปืนของสุริยะมณฑลก็ยังไม่ขยับไปไหน กลับกดอัดสร้างแรงกดดันให้อีกฝ่ายเสียจนผิวเนื้อส่วนขมับของมังกรยุบลงเป็นรอยปืน
“กูก็ปล่อยคนของมึงให้แล้วไง...ทำดีไม่ได้ดี แถมยังจะมาโดนฆ่าอีก เฮอะ...บริษัทของมึงนี่มันไร้จรรยาบรรณกันมาตั้งแต่ประธานบริษัทอย่างมึงเลยใช่มั้ย...”
“อย่ามาทำลีลาแล้วปล่อยมือออกจากพระจันทร์ซะ ถ้ามึงอยากจะทำอะไรกูก็มาสู้กันตรงๆ...อย่าดึงคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเกี่ยว...” สุริยะมณฑลอดกลั้นอารมณ์โกรธเสียจนเส้นเลือดที่หลังแขนปูดโปน นี่เป็นครั้งแรกที่พระจันทร์เห็นพี่ยะของเขาโกรธใครซักคนมากขนาดนี้...
“พระจันทร์?...นี่...”
“หยุด!!! พอได้แล้ว...” สาวสวยผมยาวนามหงส์ที่ลงมาจากรถเฟอร์รารี่คันเดียวกับสุริยะมณฑลและจ้องหาจังหวะจะเสียบขัดบทสนทนาได้ทีรีบตะโกนห้ามขึ้นกลางปล้อง หญิงสาวเดินฉับๆเข้ามาลดมือของชายในชุดสีขาวและสีดำที่ยกปืนขึ้นจ่อขมับของแต่ละฝ่ายแบบไม่กลัวตาย ก่อนจะแหวเสียงต่ำเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังไม่ยอมลดปืนลงตามที่หล่อนต้องการ
“อยากจะมีปัญหากับตำรวจท้องที่กันรึไง! อิทธิพลพี่กรมีแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้หรอกนะพยานเป็นประชาชนเยอะแยะขนาดนี้...แล้วนี่มันใจกลางเขตมงก๊กนะอาทิตย์...ไม่ใช่ถิ่นคุณ ถ้าคุณไม่โง่ก็อย่ามามีเรื่องกับพี่กรที่นี่!”
พูดแล้วก็ดึงแขนของคนทั้งคู่ให้ลดปืนต่ำ...แต่มันไม่ได้ผลเอาเสียเลยเมื่อต่างคนก็ต่างยังจ้องตากันไม่ลดละ มืออีกข้างที่ว่างก็บีบต้นแขนของเด็กหนุ่มพระจันทร์กันเสียจนห้อเลือด...ทำท่าฮึ่มแฮ่ใส่กันราวสิงโตแย่งตัวเมีย...
...จริงสิ...!!
“โอ๊ย...เป็นผู้หญิงของมาเฟียนี่ทำไมมันเหนื่อยเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางได้ไม่เว้นแต่ละวันเลยฮะเนี่ย...” หงส์พูดบ่นแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเดินอ้อมพี่ชายตัวเองไปหาพระจันทร์ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบปืนพกขนาดเล็กใต้เสื้อคลุมชั้นนอกออกมาขึ้นนกแล้วยกจ่อลำคอพระจันทร์ทั้งๆที่คนตรงกลางยังคงถูกตรึงท่อนแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง...
“
เฮ้ย! จะเอาไง...ถ้าไม่เลิกกัดกันฉันยิงเด็กนี่จริงๆด้วย...” หญิงสาวเอ่ยออกมาสั้นๆ ปลายตามองทั้งพี่ชายและคู่หมั้นของตัวเอง... “ปล่อยแขนเด็ก...แล้วเก็บปืนซะ พวกนายก็รู้ว่าฉันเอาจริง...อย่าทำให้โมโหนะ...” เตือนแบบเชือดนิ่มๆก่อนจะดึงตัวพระจันทร์ให้ออกห่างมาจากสองหนุ่มร่างสูงที่ปล่อยแขนของพระจันทร์แทบจะทันทีที่เห็นคนตัวบางโดนปืนจ่อคอ ไม่ต้องนับปืนสองกระบอกที่โดนยกขึ้นขู่เมื่อครู่ ทั้งสุริยะมณฑลและมังกรรีบเหน็บปืนเก็บเข้าที่เดิมตามคำสั่งแทบจะทันที
“กลับไปขึ้นรถใครรถมันแล้วขับตามฉันมา...เร็วๆด้วย ฉันไม่อยากถูกถ่ายคลิปนาน เกิดเป็นหลักฐานฟ้องทางการว่าฉันก็เป็นหนึ่งในพวกก่อความวุ่นวายกลางที่สาธารณะล่ะก็...พวกนายตาย...ไม่สิ...เด็กนี่ตายแน่!” จับไต๋ได้แล้วว่ากุญแจดอกสำคัญอยู่ในมือตัวเอง หงส์ขยับพาพระจันทร์ที่อยู่ในอาการแข็งเกร็งไปทั้งร่างให้ออกเดิน ปีเตอร์ หนึ่งในลูกน้องของมังกรรีบวิ่งไปหารถของพวกตัวเองคันหนึ่งแล้วเปิดประตูให้คุณหนูหญิงของบ้านได้พา ‘ตัวประกัน’ ขึ้นรถ ก่อนจะย้ายตัวเองไปทำหน้าที่สารถีตามคำบัญชา...
“เฮ้อ...สองคนนี้นี่จริงๆเล้ย ไม่เจอกันตั้งเกือบสิบปี เจอกันอีกทีก็จะฆ่ากันอีกแล้ว พี่เบื่อการเป็นกรรมการห้ามมวยของคู่นี้เต็มทนแล้วนะ...” หงส์พาพระจันทร์เข้ามานั่งข้างตัวเองที่เบาะหลังได้ก็ชะโงกใบหน้าไปมองสองหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางฮ่องกงมุงก็ถอนใจยาว เพราะหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วก็ยอมเดินกลับไปขึ้นรถ แล้วขับตามหล่อนมาแต่โดยดี
“คุณหนูเหม่ยเฟิ่ง...จะให้ไปส่งที่ไหนดีครับ” ปีเตอร์สารถีเอ่ยถามนายสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ความกลัวนั้นไม่เท่ากับพระจันทร์ที่เพิ่งโดนปืนจ่อคอมาหรอก แม้ว่าตอนนี้หญิงสาวจะเก็บปืนพกเข้าอกเสื้อตัวในไปแล้วก็เถอะ
“ไปหาข้าวกินสิ...หิวจะตายอยู่แล้ว เมื่อกี๊ยังไม่ทันได้กินข้าวเช้าที่บ้านนายอาทิตย์เลย พอรู้ว่าน้องพระจันทร์หนีออกจากบ้านมา หมอนั่นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฉันนี่กระโดดตามขึ้นรถมาแทบไม่ทัน...” หญิงสาวรวบผมเข้าด้วยกันแล้วสะบัดพัดลมให้ตัวเองคลายร้อน ก่อนจะเอ่ยบอกสถานที่ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ในหัวให้คนขับรถของตัวเอง
“ไปที่ภัตตาคารไข่มุกทะเลก็ได้...วันนี้อยากกินอาหารทะเล แล้วร้านนั่นก็กว้างขวางใหญ่โตดี ถ้าเกิดสองคนนั้นมีเรื่องกันจะได้มีพื้นที่เตะต่อยกันได้กว้างหน่อย...ใช่มั้ยพระจันทร์” ท้ายประโยคหญิงสาวหันมาถามอีกคนที่พาขึ้นรถมาด้วยกันแบบกลั้วหัวเราะ ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้คลายเครียด ทว่าสิ่งที่พบกลับเป็นสายตาลูกกวางน้อยที่มีน้ำตาคลอปริ่มด้วยความหวาดกลัวเธอ...
“โถ...พระจันทร์! ขอโทษนะที่เมื่อกี๊พี่หงส์เล่นแรงไป...แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเจ้าสิงห์เหนือเสือใต้นั่นได้ก่อคดีอาชญากรรมกันกลางตลาดมงก๊กแน่...ไม่ต้องห่วงนะพี่ไม่กล้าทำอะไรพระจันทร์หรอก เห็นท่าทางของสองคนนั่นแล้วพี่ก็ขยาดไปเหมือนกัน...”
“...” พระจันทร์ยังไม่กล้าพูดอะไร ในใจรู้สึกได้เองลึกๆว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาไม่สมควรจะมีเรื่องด้วยมากที่สุด...
“แล้วมีบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า...ขอโทษนะที่พี่ทำให้พี่อาทิตย์ของน้องจันทร์มาช้าไปหน่อย บาดเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าเรา ไหนดูมือหน่อยสิ...”
หญิงสาวเอ่ยถามแล้วยิ้มใจดีให้เหมือนอย่างที่พระจันทร์เห็นครั้งแรกที่บ้าน หญิงสาวตรงหน้าคว้ามือของเขาไปพลิกดูแบบไม่ต้องรอขออนุญาต ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าตรงฝ่ามือของพระจันทร์ข้างหนึ่งมีรอยหินบาดจนเลือดซิบ
คุณหนูหยางเฟิ่งรีบเปิดช่องเล็กๆตรงกลางระหว่างเบาะคู่ข้างหน้ารถ แล้วหยิบหลอดยาแดง สำลีกับแอลกอฮอล์ทาแผลออกมา
“พี่ทำแผลให้นะ...วางมือบนหน้าขาพี่นี่ ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะน้องพระจันทร์” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำแผลบนฝ่ามือเล็กๆของเด็กที่นั่งข้าง
พระจันทร์มองหญิงสาวผมยาวที่ทาแอลกอฮอล์ให้เขาแล้วก็เป่า ระแวดระวังไม่ให้เขาเจ็บแล้วก็แอบรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาในกระบอกตา...
...ผู้หญิงคนนี้...มีคุณสมบัติทุกอย่างของคนที่สมควรจะได้ยืนอยู่เคียงข้างพี่ยะ...เธอมีทั้งความเด็ดเดี่ยว ใจเด็ด เข้มแข็ง มีไหวพริบ แล้วก็ยังใจดีอีกด้วย...เหมาะสมจริงๆที่จะได้เป็นหยางเฟิ่งของพี่ยะ...
...เหมาะสมจริงๆ...ที่จะได้เป็นคู่ชีวิตของพี่ยะในอนาคต...
“...ขอบคุณครับ” พระจันทร์ยกมือไหว้ เมื่ออีกฝ่ายช่วยทำแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้เขาก่อนจะเก็บยาเข้าไปที่เดิม พระจันทร์มองการกระทำของคนตรงหน้าแล้วก็ย้อนดูตัวเอง
...อ่อนแอก็เท่านั้น...ดื้ออีกต่างหาก...ทำตัวเป็นภาระให้พี่ยะไม่ได้หยุดได้หย่อน ไม่เคยทำประโยนช์อะไรให้อีกคนได้เลย...นอกจาก...ใช้ชื่อตัวเองเป็นตัวเสริมสร้างดวงให้พี่ยะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือจะเป็นแค่ลมปากเชื่อไม่ได้ของเหยียนจวิ้นกันแน่...
...เขานี่...ไม่มีค่าคู่ควรพอที่จะอยู่กับผู้ชายคนนั้นต่อไปจริงๆด้วย...
-------------------------------------------- --- - - - - - - ---- - - - - - -
to be continue...
เรื่อยๆ...มาเรียงๆ...
มารอลุ้นว่าพรุ่งนี้จะได้มาลงมั้ยนะจ๊ะ
รักคนอ่านทุกคนที่สุด...!!! ม๊วฟฟฟฟฟฟฟ

เชิญตามมาทวง พูดคุย และสะกิดกันเบาๆได้ที่เดิมเลยนะจ๊ะ
>>
จิ้มจ่ะ!!!<<