โรสชะเง้อคอมองเพื่อนที่ถูกเดินขนาบข้างมาด้วยสองหนุ่มหุ่นนายแบบ คนหนึ่งแลดูหล่อเข้ม คุ้นหน้าคุ้นตาดีว่าเคยมารับมาส่งเพื่อนเขาอยู่บ่อยๆ ทว่าอีกหนึ่งหนุ่มที่เดินตีคู่มาอีกด้านนี่สิ ที่โรสไม่เคยเห็นเลย...แต่ทว่าทั้งความสมาร์ทและความหล่อ เท่ห์ ดูดี สูสีกันมากเลย...ดูซิน่ะ แม่รุ่นพี่สาวปากแดงคนนั้นมองเหลียวหลังเสียจนเทกระจาดกล่องอุปกรณ์แต่งหน้าของหล่อนเสียเกลี้ยงเลย
...แล้วโถ...ดูหน้าเพื่อนตัวดีของเธอสิ...เดินตัวลีบเล็กก้มหน้างุดๆมาเชียว...ไม่ต้องกลัวไปหรอก โดนเธอแซวแน่ๆ กินควบสองไม่ยอมแบ่งกันเลย...
"โรส..." พระจันทร์เรียกเพื่อนเมื่อเดินมาถึง เด็กสาวรูปร่างสูงโปร่งยกนิ้วชี้ดันแว่นสายตาที่ตกลงมาที่ปลายจมูกให้กลับไปอยู่ที่เดิม มุมปากยกหยักยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวให้ผู้ใหญ่อีกสองคนที่เพื่อนหล่อนพามาด้วยเพื่อเป็นการทักทาย แล้วหันมาฉีกยิ้มกว้างเป็นสองเท่าให้เพื่อนตัวน้อยที่ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย แต่ส่วนสูงกลับน้อยกว่าหล่อนตั้งเกือบห้าเซนต์แน่ะ
"Who are they? (พวกเขาเป็นใครเหรอ)"
"...My bro and friend... (พี่ชายฉันกับเพื่อนน่ะ)" พระจันทร์ตอบ
"Your friend? (เพื่อนเธอเหรอ)"
"...kind of...well, my bro's friend...lovely friend. (ประมาณนั้นล่ะ เอ่อ...จริงๆแล้วเขาเป็นเพื่อนของพี่ชายฉัน...เพื่อนรัก)" พระจันทร์กระซิบบอก
"Oh! Ok...I see... (โอ้! โอเค ฉันเข้าใจแล้ว)" เป็นเพื่อนกันมาสองปี ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยนั้นพูดประชด
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโรส...เป็นเพื่อนลูน่าค่ะ" ภาษาไทยสำเนียงแปร่งถูกส่งให้สองร่างสูงใหญ่ที่ยืนเยี้ยงอยู่ด้านหลังพระจันทร์ ก่อนที่คนพูดจะปรับโหมดให้กลับเป็นภาษาจีนฮ่องกงที่ตัวเองถนัดเหมือนเดิมเมื่อหันกลับมาถามเพื่อนตัวเล็กอีกครั้งว่า "...ถ้างั้นเมื่อลูน่ามาแล้วเรารีบเข้าไปกันเถอะ ไหนล่ะเอกสารที่ฉันให้ไป เอามารึเปล่า..."
พระจันทร์ตัวน้อยส่ายหน้าให้เพื่อน ปลายหางตาหันไปค้อนให้หนุ่มร่างสูงที่มาเป็นสารถีให้เขาวันนี้ก่อนตอบ
"ไม่ได้เอามา...หยิบติดมาแค่บัตรประชาชน"
"ว้า...แย่จริง แต่ไม่เป็นไร วันนี้เขาแค่นัดมาสัมภาษณ์เพิ่มเติมเฉยๆ ค่อยมาเซนต์รับทุนวันหลังก็ได้มั้ง..." โรสบอก พระจันทร์พยักหน้าถี่ๆเกาะแขนเพื่อนเตรียมจะพากันออกเดินไปยังห้องสัมภาษณ์ที่โรสผู้ซึ่งมาถึงก่อนได้ไปดูเอาไว้แล้ว
ทว่าก่อนไปพระจันทร์ยังแอบเหลียวหลังหันมามองสองหนุ่มที่ยังยืนกันอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
มังกรในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำเพิ่งจะถอดแว่นกันแดดออกแล้วทรุดลงนั่งที่ม้านั่งตัวที่โรสเพิ่งลุกออกมา ส่วนสุริยะมณฑลในชุดเสื้อสูทสีดำทับเสื้อสีเทาอ่อนยังคงยืนเอามือซุกกระเป๋ากางเกงและมองเขาอยู่ พระจันทร์ทันสบตากับพี่ยะของตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะโดนเพื่อนฉุดแขนเข้าห้องไป
ในใจรู้สึกปวดหน่วงๆนิดหน่อย...เรื่องที่ตัวเองมาแอบสอบโดยไม่บอกเขา แล้วยังต้องให้เขาเป็นคนพามาส่งถึงมหาวิทยาลัยอีก ทั้งๆที่พี่ยะก็อาจจะไม่พอใจและยังเคืองเรื่องที่พระจันทร์ปิดบังอยู่อีกก็ได้...นึกอยู่ในใจว่าคืนนี้จะยอมเป็นเด็กดี ตามใจพี่เขาเสียหน่อย ให้ทำอะไรก็จะทำให้...พี่ยะคงรู้ ว่าพระจันทร์ไม่มีเจตนาไม่ดีที่ปิดบังกัน...
---------------------- - -- --- - - -- -
"ไอ้ยะ ถามจริงๆ...แกกับพระจันทร์รู้จักกันได้ยังไง" มังกรเอ่ยปากถามคนตรงหน้าที่ยืนเอาหลังพิงเสาแล้วหันมองออกไปนอกอาคารเรียน คนถูกถามปรายตาหันมามองคนที่ทำลายความเงียบไม่ตอบอะไร
"เฮ้ย...คนนี้ฉันมั่นใจว่าฉันเจอเขามาก่อนแกแน่ เพราะฉะนั้นถ้าแกไม่ได้ไยดีอะไรเขา...ฉันขอ..."
"...เขาคือหยางเฟิ่งของฉัน...นี่ไม่ใช่ข่าวลือ แต่มันคือเรื่องจริง...พูดแค่นี้แกคงเข้าใจ"
"ไม่...ฉันไม่เข้าใจ" มังกรเอ่ยตอบทันควัน มือหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้เตรียมจะจุดสูบ "...พูดแบบนี้แล้วแกจะเอาน้องสาวฉันไปไว้ที่ไหน..."
"พูดแบบนี้หมายความว่าแกยอมให้หงส์แต่งงานกับฉันแล้วงั้นเหรอ..."
"หึ...ถ้ามันจะทำให้ฉันได้ตัวพระจันทร์มา ฉันยอม..."
มังกรเอ่ยได้แค่นั้นก็โดนสุริยะมณฑลกระชากคอเสื้อขึ้นมา ส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมากทำให้มังกรสามารถสับข้อมือสุริยะมณฑลให้ปล่อยออกจากคอเสื้อเขาได้อย่างง่ายดาย
"อย่ายุ่งกับพระจันทร์อีก...ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน..."
"หึ...คนขี้ใจอ่อน ขี้สงสารอย่างแก ฉันยังงงมาจนถึงทุกวันนี้ ว่าแกขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ยังไง...คนอย่างแกจะทำอะไรฉันได้วะ...กับไอ้คนที่ไม่มีปัญญา แม้แต่จะมาแย่งเมียตัวเองคืน..."
"ไอ้กร!" เส้นสติความอดทนขาดผึง สุริยะมณฑลตะบันหมัดหนักๆลงบนใบหน้าหล่อเท่ห์ของอีกคนทันที
"ไอ้หมาลอบกัด แกมันก็ดีแต่ได้ของเหลือเดนจากคนอื่นไปตลอดนั่นล่ะ...ผู้หญิงคนนั้นเมื่อสิบปีก่่อนฉันจะถือเสียว่าให้ทานหมามันก็แล้วกัน...หึ หญิงร่านกับเพื่อนชั่วอย่างแกมันก็เข้ากันดีไม่ใช่รึไง"
"มึง...!" มังกรสะบัดแขนต่อยกลับเข้าสันกรามคนที่คร่อมร่างอยู่ด้านบนคืนไปหนึ่งหมัด เรี่ยวแรงพอๆกันส่งผลให้ร่างของสุริยะมณฑลกระเด็นไปกระแทกเข้ากับสันเสา ทว่าชายหนุ่มในชุดสูทดำกลับไม่แสดงอาการเจ็บใดๆออกมาเลย
"...ถ้าแกมีสติ และรักยายนั่นมากพอ...ยายนั่นคงไม่มาให้ท่าฉันถึงที่หรอก แกไม่ได้รักผู้หญิงแก่แดดคนนั้น ทำไมฉันจะดูไม่ออก...หึ แต่ก็สมกับเป็นแกดี พอเห็นผู้หญิงเขามีความสุขอยู่กับฉันก็ยอมเป็นฝ่ายถอยห่างไปเอง...คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกรึไงวะ ทำไมไม่มาแย่งคืนไป ถ้าคิดว่าตัวแกแน่จริง!...ถุ้ย แล้วก็โกรธฉันหาว่าฉันไปแย่งเมียแกมา...ทั้งๆที่ยายนั่นมันเป็นฝ่ายเข้าหาฉันก่อนเพราะแกนั่นแหละที่ไม่มีปัญญามารั้งเอาไว้เอง!"
"แล้วจะให้ฉันรั้งยายงูพิษที่คาบข้อมูลบริษัทของฉันเอาไปขายให้เพื่อนชั่วอย่างแกไว้ทำไม...ที่ฉันโกรธแกจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉันเกลียดวิธีอยากเอาชนะของแกจนทำได้ทุกอย่าง แม้แต่การมุดอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง...ฉันกับแกเราแข่งกันอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด...และฉันเคยคิดว่าแกคงจะเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับฉันได้เหมือนอย่างที่พวกพ่อเคยพูดไว้..." สุริยะมณฑลยันศอกเข้ากับผนังแล้วลุกขึ้นยืน มือกำหมัดแน่นเพื่อยับยั้งอารมณ์เมื่อระเบียงของอาคารเรียนชั้นนี้ยังมีนักศึกษามุงกันอยู่ไกลๆ ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่...เพราะพระจันทร์อาจจะเดือดร้อนกับการกระทำของเขาได้...
"...แล้วฉันก็ยังเคยคิด ว่าเราอาจจะเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งที่ดีได้ในอนาคตเหมือนอย่างที่พ่อของฉันกับแกเป็น...แต่เมื่อสิบปีก่อนแกเล่นกับความรู้สึกของเพื่อนอย่างฉันมากเกินไป...จนตอนนี้ฉันไม่สามารถไว้ใจให้แกเป็นเพื่อนฉันได้อีก..."
"เดี๋ยวก่อน...แกพูดถึงเรื่องอะไร ใครคาบข้อมูลอะไรมาให้ฉันวะ..." สายตามังกรที่มอง 'อดีต' เพื่อนมีแววไม่เข้าใจฉายชัดออกมา แต่สุริยะมณฑลกลับทำใจให้เชื่อว่านั่นคือความจริงไม่ลง
"กลับไปขุดศพยายนั่นขึ้นมาถามความจริงเอาสิ...หมัดเมื่อกี๊ ฉันถือว่าเป็นการต้อนรับการกลับมาของแก...ในฐานะคู่แข่ง 'ทางธุรกิจ' ของฉันอย่างเต็มตัวก็แล้วกัน และหวังว่าแกจะไม่เล่นอะไรชั่วๆลับหลังฉันเหมือนอย่างที่เคยทำล่ะ"
"ฉันไม่เคยทำอะไรลับหลัง...ถ้าหมายถึงเรื่องที่ฉันหิ้วยายนั่นขึ้นเตียงแกก็รู้เห็นทุกอย่างนี่หว่า แต่เป็นแกเองไม่ใช่เหรอที่วางเฉยไม่ทำอะไร..." มังกรถามกลับ เมื่อสิบปีก่อนเขายอมรับว่าได้สนองตอบเรื่องบนเตียงกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเพื่อนเข้าจริงๆ แต่ก็เป็นเพราะยายนั่นมันมาอ้าขารอเขาเองอยู่บนเตียงก่อน ตอนนั้นเขาทำไปเพราะอยากเอาชนะ และคิดว่ายายคนนั้นจะเหมือนสาวๆคนอื่นที่ผ่านมาของเพื่อน ซึ่งปกติพวกเขาก็แบ่งกันใช้อยู่อย่างลับๆมาโดยตลอด โดยที่สาวๆในสต็อกของทั้งเขาและสุริยะมณฑลก็รู้ดีและยินยอมด้วยความเต็มใจ
จะมามีเรื่องผิดใจกันก็เพราะแม่สาวชาวจีนคนนั้นนั่นแหละ ใครจะไปรู้...ว่าสุริยะมณฑลคิดจริงจัง ก็เห็นมองเขาควงยายนั่นเข้าโรงแรมมาได้ตั้งหลายหน แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งไอ้เจ้าพ่อฝั่งฮ่องกงนี่ก็ลาก 'ศพ' ของผู้หญิงจีนคนนั้นมากองไว้ที่หน้าบริษัทของเขา ก่อนจะประนามเขาว่าเป็น 'เพื่อนทรยศ' และออกปากตัดความเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เขาไม่ทันจะได้อธิบายอะไรให้เข้าใจกันกระจ่าง ก็โดนบิดาส่งตัวให้ไปเรียนต่อที่อังกฤษจนกระทั่งเขาได้เจอกับพระจันทร์ที่นั่น ระหว่างนั้นเขาก็รู้ข่าวคราวของสุริยะมณฑลมาบ้างผ่านทางหงส์ ที่คอยเล่าเรื่องให้ฟังว่าธุรกิจของสุริยะมณฑลนั้นเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถยึดเกาะฝั่งฮ่องกงมาได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น ส่วนตัวเขาก็กลับมาจัดการบริษัทของพ่อตัวเอง จนได้อาณานิคมฝั่งเกาลูนมาทั้งหมดภายในเวลาสองปีที่เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างเกาลูนกับสิงคโปร์...
เขาทั้งสองคนไม่เคยมีโอกาสได้เจอหน้ากันจังๆอีกเลยระหว่างนั้น จนกระทั่งวันที่เขาได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหนุ่มไทยตัวเล็กที่กำลังจะโดนเล่นงาน...วินาทีที่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือพระจันทร์ มันเหมือนเขาสามารถจับนกที่เผลอทำหลุดออกจากรงมาไว้ในมือได้อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ระหว่างนั้นดันถูกโจรมือดีคว้าเอาไปเป็นเจ้าของจับใส่กรงทองตัดหน้าเขาเสียก่อน...
...แถมโจรที่ว่ายังเคยมีคดีพัวพันอยู่กับเขาอีกต่างหาก...
...ต้องทำยังไงนะ...ผมถึงจะได้คุณกลับคืนมา...พระจันทร์...
"ฉันไม่สนว่าแกจะพล่ามอะไรไอ้กร...แต่อย่าให้ฉันรู้ ว่าแกยังไม่เลิกยุ่งกับหยางเฟิ่งของฉัน..."
"หยางเฟิ่งของแก...เฮอะ อย่าพูดให้ฉันขำมากไปกว่านี้เลย...อย่าทำให้พระจันทร์เสียใจเพราะความปากพล่อยของแก...เที่ยวบอกใครต่อใครเขาไปทั่วว่าพระจันทร์คือหยางเฟิ่ง ทั้งๆที่ตำแหน่งคุณนายหยางตัวจริงน่ะคือน้องสาวของฉันต่างหาก..."
"แกจะคิดยังไงมันก็เรื่องของแก...แต่ฉันจะบอกอะไรแกเอาไว้อย่าง..." สุริยะมณฑลตรงเข้ายื่นมือคว้าคอเสื้อของอีกคนเข้ามาใกล้แล้วกระซิบใส่หน้า ท่าทางจริงจังทำให้มังกรต้องหยุดฟัง...แม้ว่าใจจะเชื่อสิ่งที่ปากเจ้าพ่อเกาะฮ่องกงพูดออกมาไม่ลงก็ตามที...
"หยางเฟิ่งของฉันมีแค่คนเดียว...และคนคนนั้นก็คือ 'พระจันทร์'...อย่าคิดจะยื่นมือเข้ามายุ่งเด็ดขาด จำไว้!"---------------------- - -- --- - - -- -
แอร์เย็นฉ่ำภายในรถไม่ได้ทำให้พระจันทร์รู้สึกคลายร้อนขึ้นมาได้เลย เมื่อความร้อนนั้นมันแผ่ออกจากคนข้างตัวที่มาทำหน้าที่เป็นสารถีให้เขา แม้พระทั่งโรสที่นั่งรถมาด้วยกันยังสัมผัสได้ และตัดสินใจปล่อยให้เขาผจญความร้อนไปคนเดียวในขณะที่หญิงสาวรีบชิ่งลงจากรถที่หน้าห้างดังแห่งหนึ่งไปเรียบร้อย
...อารมณ์เสียอะไรอีกนะ...ทั้งๆที่พี่มังกรก็มีธุระกะทันหันเลยแยกกันตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัยแล้วแท้ๆ...
...หรือว่าจะอารมณ์เสีย ที่เขาขอให้ช่วยเซนต์รับรองตัวเขาในฐานะผู้ปกครองตอนเซนต์รับเอกสารขอทุนเมื่อตะกี๊นี้...
"เอ่อ...พี่ยะ...คือ..."
"เดี๋ยวเรากลับไปกินข้าวกันที่บ้าน แล้วพี่จะพาพระจันทร์ไปที่บริษัทด้วยกันตอนบ่าย แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ เข้าใจมั้ย..."
"เอ่อ...อืม" พระจันทร์ตอบรับในลำคอ ใจจริงๆอยากนึกถามต่อว่าทำไมจู่ๆชายหนุ่มถึงจะพาเขาไปบริษัทด้วย เพราะปกติแล้วพี่ยะแทบจะไม่เคยพาเขาไปที่บริษัทด้วยเลย
...แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ในเมื่อพี่ยะไม่อยากพูด เขาก็จะไม่เซ้าซี้ไปให้มากความหรอก...
สารถีร่างสูงเหลือบมองคนที่เชื่อฟังคำเขานั่งเอามือลูบแขนก็รู้ทันทีว่าอีกคนคงจะเริ่มหนาว จึงเอื้อมมือไปเบาแอร์ในรถให้อย่างรู้ใจ พระจันทร์มองการกระทำนั้นของเขาแล้วเอื้อนเอ่ยขอบคุณแผ่วเบา สุริยะมณฑลไม่ตอบอะไรเพียงเหยียบคันแร่งให้เร็วขึ้นระหว่างพารถวิ่งเข้าอุโมงค์ ซึ่งค่อนข้างมืดมากเพราะมีเพียงแสงไฟสีส้มขุ่นๆติดอยู่บนเพดานอุโมงค์แบบห่างๆเท่านั้น
และเมื่อชายหนุ่มพารถเข้าไปจนถึงประมาณกลางอุโมงค์ เขาก็ค่อยๆพารถเข้าจอดเทียบข้างทางช้าๆและหยุดรถนิ่งในที่สุด
"พี่ยะจอดทำไมครับ..."
"พวกมันยังไม่หยุดตามรถเราน่ะพระจันทร์...จันทร์คอยอยู่ในนี้ ห้ามออกมาเด็ดขาดเข้าใจมั้ย..."
"หมะ...หมายความว่า คุณเหวินจิ้งยังคงส่งคนตามเรามางั้นเหรอครับ...งั้น...งั้นพี่ยะก็อย่าออกไปเลยนะครับ รีบขับกลับบ้านกันเถอะ...อย่าลงไปเลย"
"คงไม่ใช่คนของเหวินจิ้งหรอก...หมอนั่นมันคงทำอะไรไม่ได้ไปซักพัก..." สุริยะมณฑลเอ่ยบอกคนตัวเล็กข้างตัว นึกกล่าวขอโทษอยู่ในใจ ที่เขาทำให้อีกฝ่ายต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้
"หมายความว่ายังไงครับ...ที่ว่าคุณเหวินจิ้ง...คงจะทำอะไรไม่ได้ไปซักพัก..." พระจันทร์ยังไม่หยุดถาม แต่สายตาก็คอยแต่จะเอี้ยวมองด้านหลังที่สุริยะมณฑลมองผ่านกระจกแบบไม่วางตามาได้ซักพักใหญ่แล้ว
"ไว้พี่จะอธิบายให้ฟัง...แต่สัญญากับพี่ก่อน ว่าพระจันทร์จะไม่ออกไปไหน จะอยู่ในรถคันนี้จนกว่าพี่จะกลับเข้ามา..." พูดพลางมือหนาก็หยิบแมกกาซีนสำรองในเก๊ะรถมาใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกง มือข้างขวาหยิบปืนพกขนาดสั้นมาถือไว้ ส่วนมือข้างซ้ายเป็นเซมิออโต้ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยที่เจ้าตัวค่อยๆเปิดเช็คจำนวนกระสุนในแมกกาซีนอย่างใจเย็น
"...พี่ยะ...อย่าลงไปเลย เรารีบไปกันเถอะ...จันทร์เป็นห่วง..." พระจันทร์ตัวน้อยรั้งเสื้อที่ท่อนแขนของชายหนุ่มเอาไว้แน่นทั้งสองมือเมื่อพี่ยะเปิดประตูรถเตรียมลุกออกจากรถ
มือสั่นน้อยๆของพระจันทร์ค่อยๆถูกสุริยะมณฑลช้อนออกจากแขนเสื้อตัวเองแผ่วเบา ก่อนเอามาประทับจุมพิตที่หลังฝ่ามือ แล้วตามด้วยบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงหอมๆของอีกคน
"พี่ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน...เพราะไม่รู้ว่ามันจะเริ่มเปิดฉากจัดการเราที่ไหน สู้พี่จัดการเสียในอุโมงค์นี่คงจะดีกว่า" ชายหนุ่มค่อยๆเอามือข้างขวาที่ถือปืนออโต้ขนาดเล็กมาช้อนเข้าที่ท้ายทอยของพระจันทร์ให้เงยหน้าขึ้น จนได้องศาที่เขาจะสามารถมองตาอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยๆเอื้อนเอ่ยคำพูดแผ่วเบาให้อีกคนฟัง
"...ขอโทษ...ที่พี่พาพระจันทร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับอันตรายอยู่บ่อยๆ...ขอโทษ...ที่พาพระจันทร์เข้ามาในโลกของพี่...พี่สัญญา ซักวันจะพาพระจันทร์ออกไป..."
สุริยะมณฑลเอ่ยค้างไว้ได้แค่นั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีก เมื่อเด็กผิวขาวตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างคนขับยืดตัวขึ้นมาประกบจูบลงบนริมฝีปากของเขาแผ่วเบา ความอุ่นร้อนบนริมฝีปากสั่นๆของอีกฝ่ายถูกถ่ายทอดมาให้เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน...
...พระจันทร์...จูบ...เขา...
...แม้ว่ามันจะเป็นเพียงจูบแผ่วๆก็ตามทีเถอะ...
"...พระจันทร์..." ชายหนุ่มครางเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบา
"...จันทร์ยินดี...และเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างพี่ยะใกล้ๆตรงนี้...จะอยู่...จนกว่าพี่ยะจะเป็นฝ่ายออกปากไล่จันทร์ออกไปเอง...จันทร์รัก...และเป็นห่วงพี่ยะมากนะ..."
"...จันทร์...รัก ทั้งๆที่พี่เป็นคน..."
"...อดีตคือสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งเราไว้ถ้าเรายังยึดมันอยู่เป็นที่ตั้ง...อดีตจะทำให้เราหวาดกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด...ชีวิตของจันทร์จะไม่มีความสุขอีกเลยถ้ายังมัวคิดถึงแต่เรื่องที่ผ่านมา ซึ่งเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว...สู้จันทร์ทำชีวิตให้มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน...และเตรียมปัจจุบันให้พร้อมที่สุดสำหรับอนาคตไม่ดีกว่าเหรอ...พี่ยะว่าจริงมั้ย" ฝ่ามือน้อยยกมาประกบอยู่ข้างแก้มชายหนุ่ม ยินยอมให้อีกฝ่ายเอาริมฝีปากมาประทับบนหน้าผากตัวเองและข้างแก้มขวาอย่างเต็มใจ
สุริยะมณฑลยิ้มให้พระจันทร์กับคำพูดนั้น...ใครๆก็บอกว่าพระจันทร์นั้นอ่อนแอ เอะอะอะไรก็นิ่ง เงียบ แล้วก็ร้องไห้ แต่ใครจะรู้ว่าทุกๆครั้งที่เขาไม่มั่นใจและอ่อนแอกับชีวิตบ้าง เด็กอ่อนแอของทุกๆคนตรงหน้าเขาตอนนี้นี่แหละ ที่เป็นคนสร้างความมั่นใจและมอบความเข้มแข็งให้กับเขาได้เสมอ...
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำใช้ท่อนแขนที่ถือปืนไว้ทั้งสองมือรั้งเอวอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นๆ พระจันทร์ก็ยกแขนมาคล้องรอบคอและซุกใบหน้าอยู่ที่ไหล่ของเขาเช่นกัน...ความนิ่งเงียบของบรรยากาศภายใต้อุโมงค์ทำให้หูของสุริยะมณฑลได้ยินเสียงเร่งเครื่องของรถขับเคลื่อนสีล้อดังมาไกลๆ...ชายหนุ่มซุกหน้าสูดกลิ่นหอมของพระจันทรือีกครั้งแล้วเอ่ยบอกน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
"ขอบคุณ...ที่เข้าใจพี่เสมอ...และขอบคุณ ที่ยังอยู่คอยเป็นห่วงกันจนถึงวินาทีนี้นะพระจันทร์..."
พระจันทร์ที่มองหน้าเขามีหยาดน้ำตามาคลอเอ่ออยู่บางๆ แต่ก็พยักหน้ารับคำขอบคุณของเขาหนักแน่น...เด็กหนุ่มค่อยๆเอ่ยเสียงสั่นๆตอบเขาว่า
"...จันทร์จะปิดตา นับหนึ่งถึงห้าร้อย...พี่ยะต้องกลับขึ้นรถก่อนจันทร์นับเสร็จนะ..."
สุริยะมณฑลไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มเพียงจุมพิตเร็วๆลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายแล้วเปิดประตูรถก้าวลงไป พระจันทร์มองตามร่างสูงของอีกคนที่เดินอ้อมไปนั่งหลบอยู่ตรงข้าหน้ารถแล้วก็รีบเอาสองมือปิดหูก้มหน้าลงชิดตักตัวเองแล้วเริ่มต้นนับเลขเสียงสั่น
"...หนึ่ง...สอง...สาม..."
เสียงนับเลขดังไปเรื่อยๆจนพระจันทร์นับได้ถึงสิบพอดีเป๊ะ เสียงกระสุนนัดแรกก็วิ่งแหวกผ่านอากาศดังปัง! มาจากทางหน้ารถ...เด็กหนุ่มผิวขาวรู้ได้ทันทีว่าพี่ยะคงจะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากการยิงก่อน หลังจากนั้นก็มีเสียงล้อรถบดถนนดังลั่นอยู่ห่างจากรถที่เขานั่งอยู่ไม่ไกลนัก...พระจันทร์ยิ่งหลับตาปี๋และไถลตัวเองลงไปซุกอยู่ตรงที่วางเท้าข้างล่างเบาะนั่ง ยิ่งเขานับเลขมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เหมือนจะได้ยินเสียงกระสุนที่แหวกดังผ่านอากาศมากขึ้นไปเท่านั้น
มีกระสุนสองนัดที่ยิงโดนเข้ากระจกฝั่งคนขับจนเห็นเป็นรอยร้าวไปครึ่งซีก ส่วนอีกนัดพระจันทร์ไม่เห็นว่ามันยิงโดนตรงไหนรู้แต่ว่าคงจะโดนเข้ากระจกด้านไหนอีกซักบานที่ไม่ใช่ด้านของเขา...เสียงกระสุนดังรัวมาจากร่างในชุดสูทสีดำที่ใช้ตัวรถเป็นเกราะกำบัง เด็กหนุ่มเห็นชายเสื้อของอีกคนไวๆว่าวิ่งอ้อมผ่านข้างตัวรถฝั่งเขาไปด้านหลัง หลังจากนั้นเสียงกระสุนห่าใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงล้อรถที่เร่งเครื่องดังสนั่นอุโมงค์
เสียงกระสุนเหล่านั้นดังขึ้นอยู่ราวๆแค่ห้านาทีกว่าๆ ทว่าพระจันทร์กลับรู้สึกเหมือนมันนานชั่วกัปชั่วกัลป์อย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อคนที่ต้องยิงต่อสู้อยู่ภายนอกนั้นคือคนที่เขาทั้งรักทั้งห่วง...พระจันทร์กล้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรถฝั่งคนขับพร้อมแรงยุบของตัวรถเมื่ออีกฝ่ายกระแทกร่างลงบนเบาะอย่างแรง...
"พี่ยะ!!" พระจันทร์กรีดเสียงเรียกชื่ออีกคนดังลั่นเมื่อเห็นเต็มตาว่าคนที่เพิ่งเข้ารถมาวางปืนกระบอกเล็กที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดลงบนที่วางแก้วตรงกลางระหว่างเบาะนั่งด้านหน้า
"...พี่ยะ! ถูกยิงเหรอ...หรือบาดเจ็บตรงไหน...รีบบอกจันทร์เร็ว..." เด็กหนุ่มสอดตัวขึ้นนั่งบนเบาะตามเดิมแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสเสื้อสูทของอีกฝ่ายจนรู้ว่ามันก็ชุ่มไปด้วยเลือดจากบาดแผลบริเวณไหล่ขวา...
"พี่ไม่เป็นไร...เรารีบกลับกันเถอะ จันทร์ถือผ้านี่ห้ามเลือดไว้ให้พี่ที..." สุริยะมณฑลยื่นผ้าขนหนูสีขาวที่เขามักจะมีติดรถเอาไว้ให้พระจันทร์ มือเด็กหนุ่มสั่นมากตอนที่ช่วยจับผ้าเอาไว้แล้วกดลงบนแผลที่ไหล่ของเขา รู้ดีว่าถ้าไม่ออกรถภายในสองสามนาทีนี้คนของเขาจะต้องรีบมาถึงที่เกิดเหตุก่อนตำรวจท้องที่แน่ๆ...และเขายังไม่อยากทำให้เจ้าพวกนั้นต้องมาตำหนิความสะเพร่าของเขาจนลามมาถึงพระจันทร์ได้
พระจันทร์เองก็รู้ดีว่าคนของชายหนุ่มรวมทั้งพี่ตี้เฉินของตนจะต้องมาถึงแน่ๆในกรณีที่พี่ยะบาดเจ็บแบบนี้จึงยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่ยอมให้ชายหนุ่มต้องขับรถกลับบ้านทั้งๆที่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย...แต่สุริยะมณฑลก็ยังคงฝืนออกรถมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ทว่ายังไม่ทันพ้นประตูอุโมงค์อีกด้าน รถเบนซ์ติดฟิล์มดำสามคันก็วิ่งเข้ามาจอดปาดหน้ารถของเขา พร้อมร่างของทั้งตี้เฉิน ซานตง และเหยียนจวิ้นที่วิ่งลงมาหาเขาที่รถหน้าตาตื่น...
และก็เป็นไปอย่างที่คาด...เขาถูกบังคับจากสามลูกน้องให้ไปที่โรงพยาบาลโดยด่วนเพราะดูเหมือนว่าเขาจะซวยโดนกระสุนปักฝังในเรียบร้อย...
...ก่อนที่ร่างของเขาจะโดนเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน...ใบหน้าที่พราวน้ำตาของพระจันทร์ที่วิ่งตามรถเข็นโรงพยาบาลยังคงติดตา...
...ขี้แยจริงๆด้วยนะ พระจันทร์ดวงน้อยของเขา...
---------------------- - -- --- - - -- -
แฮ่...หายไปนานหลังจากที่บอกไว้ว่าหลังศุกร์ที่แล้วจะรีบลงให้ T^T เค้าขอโทษนะจ๊ะที่ไม่สามารถลงให้ได้ตามสัญญาเน้อ
ตอนนี้ภารกิจการเรียนติดพันอย่างหนักหน่วง เพราะดันเข้าใจผิดว่าจบซัมเมอร์ตัวแรกแล้วจะว่างหนึ่งอาทิตย์
ที่ไหนได้หมดวิชาซัมเมอร์แรกวันศุกร์ วันจันทร์ขึ้นวิชาใหม่เลยจ้า...=_= แถมเป็นวิชาที่ 'ต้อง' เรียนโดยไม่ได้อยู่ในสายเอกอีก
...ไม่ถนัดเลย...ลำบากมาก!!!...
แต่ท้อไม่ได้ เหนื่อยไม่ได้ ยังคงต้องเรียนต่อไปเหมือนหุ่นยนต์เลย เหอๆ
เอาเข้ามาอีกสิโปรแกรมฉัน! เรียนเอาโล่กันจริงๆใช่มั้ยเนี่ยห๊ะ!!
พอเถ๊อะ...เนอะ...=_=
ปล.ตอนหน้าใครคิดถึงหนูลินเด็กน้อยจะกลับมาแล้วนะจ๊ะ อิอิ
กลับมาพร้อมความน่ารักเป็นสองเท่าเลยทีเดียว ฮิ้วววว
ไปละๆ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะคุณนักอ่านที่รักที่ซู๊ดทุกคนเลย ^^ Chu~ 