เสียงเคาะประตูรอบใหม่ดังขึ้นในระหว่างที่พระจันทร์กำลังจะลงมือปอกส้มให้คนป่วยทาน เหยียนจวิ้นที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนเดินไปส่องตาแมว ทว่ากลับหันมาบอกคนในห้องว่าไม่เห็นใคร แต่ทว่าเสียงเคาะประตุในระดับต่ำกว่าเอวของเหยียนจวิ้นก็ดังขึ้นอีกครั้
ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจลองเปิดประตูดู เพราะถ้าเป็นคนร้าย ลูกน้องด้านนอกนั่นคงไม่ปล่อยให้มายืนเคาะประตูก๊อกๆแบบนี้โดยไม่ทำอะไรหรอก...
"เอ๋!!!" หนุ่มนักดูดวงอุทานลั่น เพราะเมื่อทันทีที่เปิดประตู มือน้อยๆของใครบางคนก็ค่อยๆลอดเข้ามาจากระดับที่ต่ำกว่าเข่าของเขา จากนั้นร่างเล็กๆป้อมๆก็ค่อยๆดันตัวเองแทรกผ่านช่องประตูเข้ามาในห้องจนได้ ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินเตาะแตะเข้าไปหาคนข้างในแล้วเปลี่ยนเป็นวิ่งอย่างร่าเริง...
"น้า...จัน...!" เสียงเด็กร้องขานชื่อเขาดังขึ้น เรียกสายตาของพระจันทร์ให้หันมามองเจ้าตัวต้นเสียงที่เพิ่งโผล่พ้นมุมห้องเข้ามาในส่วนเตียงคนไข้ ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดังด้วยความงงงันสุดขีด...
"หนูลิน!!! มาได้ยังไงลูก..." พร้อมกับที่พูด...มือบางรีบวางผลส้มลงในจานตามเดิม แล้วย่อเข่ากางแขนรับแรงโถมกอดเข้าหาของร่างเล็กป้อมที่เพิ่งเดินได้ด้วยสองเท้าของตัวเองเข้ามาเต็มรัก...
"มาได้ยังไงเนี่ยเจ้าตัวเล็ก...ใครพามาครับ ไหนตอบน้าจันทร์หน่อยเร็ว" พระจันทร์ถามเด็ก แต่เสียงที่ตอบกลับมาดันเป็นเสียงแหลมสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เพิ่งเดินพ้นมุมห้องตามเด็กตัวน้อยมาว่า...
"ใครจะพามาล่ะถ้าไม่ใช่พี่กับพ่อเด็ก..." ร่างติดจะบอบบางในชุดเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสีน้ำตาลเอ่ยขึ้น ผิวขาวๆตัดกับผมดำมันขลับที่ยาวเลยหลังไปหน่อย ส่งผลให้เจ้าตัวแลดูคล้ายอิสตรีมากกว่าบุรุษเพศ แม้เสียงที่ได้ยินจะไม่ได้หวานหูเหมือนผู้หญิงจริงๆก็เถอะ...
"...พี่ฟ้า!" พระจันทร์เอ่ยเรียกชื่อผู้มาใหม่อย่างดีใจมาก ออกแรงรั้งร่างปุ๊กลุกขึ้นมากอดแนบอกแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาผู้มาใหม่ที่เปิดแขนอ้ากว้างพร้อมกอดร่างเล็กพอกันของพระจันทร์เอาไว้แน่นๆ
"...คิดถึงที่สุดเลย มาได้ยังไงครับ...แล้วรู้ได้ยังไงว่า..."
"ชู่~" น้ำฟ้าแตะนิ้วลงบนริมฝีปากตัวเองก่อนจะชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลัง ซึ่งตอนนี้มีผู้ชายร่างสูงใหญ่พอกันกับพี่ยะของพระจันทร์ยืนอยู่ ร่างนั้นมีใบหน้าละม้ายคล้ายคนบนเตียงอยู่พอสมควรโดยเฉพาะตากับปาก แต่แววตาที่มีนั้นแลดูอ่อนโยนกว่าพี่ยะของพระจันทร์เยอะ
"สวัสดีครับ คุณตะวัน..." พระจันทร์โค้งศีรษะทักทายชายคนนั้นแทนการยกมือไหว้ เนื่องเพราะร่างอ้วนป้อมในอ้อมแขนกำลังกอดรัดพันอยู่รอบคอเขาจนไม่อาจปล่อยมือมาทักทายตามธรรมเนียมของไทยได้
รังสิมันต์พยักหน้ารับการทักทายนั้นจากเด็กหนุ่มพร้อมส่งยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะพาตัวเองเดินแทรกพระจันทร์เข้าไปหาคนป่วยบนเตียงแล้วกำมือไว้หลวมๆ จงใจปล่อยหมัดลงไปซ้ำบนแผลที่เขาได้รับทราบข้อมูลมาก่อนหน้านี้แล้วว่ามันอยู่ในตำแหน่งไหนบนร่างคนไข้ชายตรงหน้า
"ไอ้...!" สุริยะมณฑลผรุสวาทใส่น้องชายร่วมสายเลือดดังลั่นคับห้อง พระจันทร์รีบยกมือมาปิดหูเจ้าหนูตัวน้อยไม่ให้รับฟังคำหยาบ แต่ก็ดูจะสายเกินไปหน่อยเพราะเจ้าหนูกลับตีมือเปาะแปะราวกับพอใจนักที่ได้ยินคำตวาดด่าเมื่อซักครู่นี้
"...เออ มีแรงด่ากันแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นอะไรมาก" รังสิมันต์ตบบ่าพี่ชายอีกสองสามทีก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ตัวเดียวกับที่พระจันทร์ใช้นั่งเฝ้าไข้สุริยะมณฑลมาตั้งแต่บ่าย
"มาทำไม...ใครใช้ให้มา..." ระหว่างพวกเขาสองคนพี่น้องแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเหมือนพี่น้องคูู่อื่นๆ แต่ก็สนิทกันมากและมีเซนส์ประหลาดที่ส่งถึงกันได้ราวกับแฝด คำพูดคำจาระหว่างกันจึงค่อนไปทางเพื่อนซะมากกว่าจะฟังเป็นเอ็นดูหรือเคารพยำเกรงกันแบบพี่น้องทั่วไป
"พ่อนายนั่นล่ะ...ใช้ให้มา กลัวพี่จะตายแล้วไม่มีคนร่วมประมูลที่ดินอาทิตย์หน้า เขาเลยบอกให้ผมมารอเป็นตัวแทน..." รังสิมันต์ตอบ
ร่างเล็กป้อมของไวโอลินถูกพระจันทร์ปล่อยลงพื้นตามแรงปรารถนาของเจ้าตัว และพอขาแตะพื้นได้ปุ๊บก็รีบวิ่งเร็วรี่เข้าไปหาบิดา ที่ก้มลงสอดมือเข้าใต้รักแร้หอบหิ้วลูกชายขึ้นมานั่งตักอย่างคล่องแคล่ว
"ไหว้คุณลุงอาทิตย์รึยังลูก" น้ำฟ้าบอกลูกชายก่อนจะจับจูงมือน้องชายต่างสายเลือดให้เดินตามเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงด้วยกัน
ไวโอลินฟังคำแม่แล้วก็ยกมือขึ้นไหว้คนบนเตียงอย่างอ่อนน้อมตามแบบที่คุณย่าและคุณแม่สอนมาเป๊ะ น้ำฟ้ายิ้มพอใจที่วันนี้เจ้าลูกชายไม่มีอาการดื้อเลยตั้งแต่บอกไปว่าจะพามาเที่ยว พระจันทร์มองความน่ารักของเด็กตัวน้อยแล้วก็ทอดยิ้มอ่อนโยนส่งให้เด็ก ก่อนจะเอื้อมมือไปเกี่ยวผมจุกทรงน้ำพุกลางศีรษะของเด็กน้อยเล่นเบาๆ
"ลุง...อาทิด...เจบมั้ย" เสียงพูดอ้อแอ้แบบยังไม่ชัดของเด็กน้อยถามคนบนเตียง มือเล็กป้อมค่อยๆเอื้อมไปแตะบ่าคุณลุงของตัวเองแผ่วเบาแล้วลูบเบาๆเหมือนลูบน้องหมาที่บ้าน ทำเอาสุริยะมณฑลผู้ไม่ค่อยคุ้นชินกับเด็กต้องแอบอมยิ้ม แล้วเป็นฝ่ายเอื้อมคว้าฝ่ามือเล็กที่มีขนาดเท่าข้อมือเขาขึ้นมาจับไว้เอง
"เจ็บครับ...แต่ตอนนี้ลุงไม่เจ็บแล้ว"
ปกติน้องชายเขาจะหอบหิ้วลูกชายและเมียมาหาเขาบ้างปีละหกเจ็ดครั้ง ทำให้สุริยะมณฑลผู้ที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเล็กๆที่ไม่ใช่สัตว์ เริ่มมีความผูกพันธ์ให้กับหลานชายตัวน้อยคนนี้อยู่มากโขทีเดียว ความน่ารักและร่าเริงสมวัย บวกกับอาการดื้อที่มีไม่มากเหมือนเด็กในวัยเดียวกันทำให้สุริยะมณฑลพอจะชอบและหลงกับเขาได้อยู่บ้าง แล้วยิ่งตอนนี้ไวโอลินตัวน้อยกำลังทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยคุณลุงอย่างเขาได้อย่างน่ารักน่าใคร่เสียขนาดนี้ ขอหอมกระหม่อมเหม่งๆนี่เสียหน่อยคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง
คิดแล้วคนป่วยที่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆก็อนุญาตให้เด็กตัวจิ๋วปีนขึ้นมาบนเตียงเคียงข้างกันจนได้ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าของเตียงเอง สุริยะมณฑลสอดมือเข้าใต้รักแร้เด็กน้อยก่อนจะรั้งตัวนุ่มนิ่มสมบูรณ์เข้ามาหอมแก้มอย่างนึกรักเจ้าตัวหลานชายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ...
"อ๊าย...ฉัก...ฉี๋..." ไวโอลินร้องโอดพลางเอามือถูแก้มนิ่ม เนื่องเพราะไรหนวดหยาบๆของคนเป็นลุงมันทิ่มเข้าแก้มหนูลินน่ะซี...
"อ้าวเหรอ...ลุงขอโทษ" สุริยะมณฑลเอ่ยบอกหลาน แต่เจ้าตัวเหมือนเป็นเด็กไม่คิดมาก เมื่อถูแก้มจนหายคันแล้วก็มุดๆเข้าซอกอกคนเป็นลุงข้างที่ไม่มีผ้าพันแผลแล้วนอนแผ่ลงอย่างสบายใจ
"...ติดพี่มากกว่าที่ผมคิดไว้นะเนี่ย..." รังสิมันต์เอ่ยแซว
"นั่นสิครับ มาครั้งก่อนยังทำท่าทางกลัวคุณยะอยู่เลย" น้ำฟ้าเอ่ยบ้าง
"จริงๆแล้วพี่ยะเป็นพวกมีดวงสัมพันธ์พิเศษกับเด็กๆและสิ่งมีชีวิตเล็กๆนะพี่ฟ้า...แต่เจ้าตัวเขาไม่รู้หรอก เลยชอบสร้างกำแพงมากลบทำเป็นพวกไม่รักเด็กน่ะ..." พระจันทร์ต่อท้ายบทสนทนาพลางหรี่ตามองคนบนเตียง
"พอเห็นมีพวกก็ช่วยกันรุมเลยนะพระจันทร์..." สุริยะมณฑลตัดพ้อแบบไม่จริงจังนัก เรียกเสียงหัวเราะแผ่วๆจากคนที่อยู่ในห้องได้เบาๆ
"อันนี้จะให้วางไว้ที่ไหนดีครับ" ซึโยชิที่ติดตามเจ้านายมาด้วยยกกระเช้าอาหารเสริมมาโชว์ให้ตี้เฉินดู หนุ่มสัญชาติฮ่องกงรับกระเช้ามาแล้วเป็นคนพาเอาไปเก็บไว้เอง
"คุณซานตง...ทราบรึยังครับว่ามันเป็นพวกไหน" เตโช ลูกน้องอีกคนของรังสิมันต์เอ่ยถามบ้าง ซานตงที่ยืนเอามือจับกันเรียบร้อยอยู่่ปลายเตียงคนไข้เอ่ยตอบ
"ยังไม่ชัดครับ แต่คิดว่าคงจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูลที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้านี่แหละครับ คุณหยางติดโผตัวเก็งอันดับต้นๆ ก็เลยอาจจะมีใครซักคนคิดทำร้ายนายเพื่อไม่ให้เข้าร่วมประมูลได้น่ะครับ"
รังสิมันต์ฟังคำอธิบายจากลูกน้องพี่ชายแล้วก็หันมาถามเจ้าตัวบ้างว่า...
"มีใครที่เข้าข่ายอยู่บ้างมั้ย หรือนายไปแอบฉุดคร่าลูกเมียใครจนผัวเขาต้องมาสั่งเก็บบ้างรึเปล่า"
"หึ...ฉันไม่เคยฉุดใครนอกจากพระจันทร์...และพระจันทร์ก็ยังไม่มี...ผัว...มาตามยิงฉันด้วย" สุริยะมณฑลตอบแล้วเอ่ยเย้าคนข้างเตียงไปพร้อมกัน พระจันทร์ทำหน้านิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันไปสบตากับน้ำฟ้า ที่เอื้อมมือมาตบบ่าน้องชายเบาๆ
"...แต่ได้ข่าวว่า พี่ไปมีเรื่องแย่งเด็กกับลูกชายนักการเมืองเข้าไม่ใช่เหรอ เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ด้วยนี่" รังสิมันต์ถามต่อ
"ก็...นะ เด็กที่ว่ามันก็พระจันทร์อีกนั่นแหละ เผลอไปรับงานถ่ายแบบแล้วปิดพี่...ก็เลยไปแย่งตัวคืนก็เท่านั้น"
สุริยะมณฑลคงจะยังไม่รู้ตัวว่าโดนน้องชายจับผิดพฤติกรรมอยู่ตลอด
...ตั้งแต่ชวนคุยมานี่ ยังไม่หยุดพูดถึงพระจันทร์เลยซักวินาทีนะพี่ชาย...
"จันทร์...ทำอะไรทำไมไม่บอกคุณยะล่ะ มันอันตรายนะรู้มั้ย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา..." น้ำฟ้าได้ฟังแล้วก็ถือสิทธิ์ความเป็นพี่หันมาดุน้องหน่อยๆ ซึ่งคนโดนดุก็ไม่ได้มีท่าทีสลดอะไรมากมายเพียงแค่ทำสายตางอนๆส่งให้เล็กน้อย
"อย่ามาดุจันทร์เลยพี่ฟ้า...จะโดนเขาไล่ออกจากบ้านวันไหนก็ไม่รู้ แล้วจันทร์ผิดเหรอที่อยากหางานทำ หาเงินใช้จ่ายเตรียมไว้สำหรับอนาคต..."
"พระจันทร์...!" ตกใจนักกับความคิดน้องชายต่างสายเลือด คุณแม่อาชีพอย่างน้ำฟ้าจึงรั้งแขนน้องเข้าหาตัวแรงๆ คิ้วบางขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่าไม่ชอบใจเลยที่พระจันทร์เอ่ยอย่างนี้
"ยังไม่เลิกคิดอย่างนี้อีกเหรอพระจันทร์...ถ้าอยากจะให้พี่โกรธกันจริงๆก็เอา คราวนี้จะจับล่ามไว้แล้วก็ขังใส่ห้องนอน ไม่ให้ออกไปเตร่ที่ไหนได้อีกเลยคอยดู..." สุริยะมณฑลแม้ตัวจะเจ็บแผลแต่ปากไม่ได้เจ็บตามรีบออกปากท้วงมาทันที และแน่นอนว่าต้องเป็นในสไตล์ของตัวเองซึ่งรังสิมันต์รู้สึกคุ้นๆเหมือนจะคล้ายลักษณะนิสัยของตัวเองก่อนจะพบน้ำฟ้าเลย
"เอาสิ...จะทำอะไรก็ตามแต่ใจพี่ยะเลย จันทร์ก็จะทำตามใจตัวเองเหมือนกัน"
"นี่...พระจันทร์...!"
"น้าจัน...ลุง...อาทิด...อย่าตีกาน...ฮิฮิ" เสียงอ้อแอ้ปนเสียงเปาะแปะของสองมือที่ตีเข้าหากันส่งผลให้ผู้ใหญ่ทั้งห้องหันมองไปที่หนูน้อยเป็นตาเดียว ไม่นึกว่าเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบจะพูดอะไรรู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ได้ด้วย แม้จะฟังไม่ค่อยชัดก็เถอะ
"เอ้อ...หนูลิน มาหาแม่ฟ้ามาลูก" น้ำฟ้าเดินเข้าไปข้างเตียงสุริยะมณฑลแล้วกางแขนรอรับลูกชายที่โฟเข้าหาอย่างไม่มีอิดออด "งั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่ตะวันอยู่เฝ้าคุณอาทิตย์ก็แล้วกันนะครับ ส่วนผมกับลูกแล้วก็พระจันทร์จะกลับไปนอนที่บ้าน พรุ่งนี้เช้าจะมาเปลี่ยนเวร" น้ำฟ้าเอ่ยรัวเร็วตกลงกับสามีเสร็จสรรพก็จูงน้องชายตัวเล็กที่มีอาการขัดขืน เพราะคอยแต่จะพูดออกมาเบาๆว่าจะอยู่เฝ้าเองเอากลับไปเคลียร์กันที่บ้านก่อน รังสิมันต์พยักหน้าให้เตโชเป็นคนตามไปคุ้มกันลูกกับเมีย ส่วนสุริยะมณฑลก็ส่งสัญญาณบอกให้ตี้เฉินตามไปประจำหน้าที่บอดี้การ์ดพระจันทร์ตามเดิม ก่อนจะกำชับว่าให้ส่งทั้งหมดเข้าเขตบ้านเขาให้ได้อย่างปลอดภัยแล้วค่อยโทรกลับมารายงานตน
"ทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนี้ทำไมไม่บอกพ่อ...รู้มั้ยว่าผู้ใหญ่เขาเร่งงานแต่งพี่กับเจ๊หงส์มาแล้วนะ"
"น้ำฟ้านี่สมกับเมียมาเฟียจริงๆนะ รู้ว่าตอนไหนควรจะอยู่กับนาย เวลาไหนควรจะปล่อยเวลาอิสระให้นายบ้าง...ไม่เหมือนพระจันทร์ ที่ยังเป็นเด็กไม่รู้ประสา ไม่รู้จักอันตรายรอบข้างเอาเสียเลย..."
"อย่าเปลี่ยนเรื่องได้มั้ยพี่" รังสิมันต์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ นั่งอยู่ในท่าผ่อนคลายขึ้น ส่วนสุริยะมณฑลก็เอนตัวลงนั่งพิงหมอนตามเดิม
"แล้วจะให้พูดเรื่องอะไร..." คนไข้ชายบนเตียงเอ่ยปากถามน้อง
"เรื่องพี่กับเด็กคนนั้น...ถ้ารักเขาขนาดนี้ก็ทำให้ถูกเสียที พ่อกับแม่ต้องเข้าใจเราอยู่แล้ว..."
"พี่ไม่ได้รักเด็กคนนั้น...พี่แค่...ชอบ...แค่รู้สึกผิดกับเขา"
"พี่ไม่ได้ 'ชอบ' แต่พี่ 'รัก' เขา...ใครๆเขาก็ดูออก มีแต่คนรอยหยักในสมองน้อยจนน่าเหลือเชื่ออย่างพี่นี่แหละ ที่ไม่ยอมรู้ตัวเองเสียที" รังสิมันต์ได้ทีก็ใส่ไม่ยั้ง ยอมรับล่ะว่าส่วนหนึ่งที่ตัวเองยอมเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตของพี่ชายบังเกิดเกล้าคนนี้ มันเกิดมาจากเมียของเขาล้วนๆ..ก็เล่นเอาแต่บ่นว่าสงสารน้องอย่างนั้นสงสารน้องอย่างนี้ไม่ได้หยุด...แถมบางทีมีขู่ว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างตัวเองจะพาลูกกับน้องไปอยู่กันที่อื่น...
"จะด่าว่าพี่โง่ก็บอกมาตรงๆ..."
"เออพี่โง่...ปากแข็งมากด้วย ทีนี้จะพาพระจันทร์ไปเปิดตัวกับพ่อกับแม่ได้รึยัง" รังสิมันต์ชี้โพรงให้มังกรตัวใหญ่ยักษ์อีกจุด
"หึ...อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ได้มัั้ยวะ แกอย่าลืมความจริงสิตะวัน...พี่ฆ่าพ่อเขา...บาปนี้ พี่ก็กำลังลบล้างด้วยการมอบความปลอดภัยที่สุดให้กับสองพี่น้องนั่นแทนพ่อของเขา เพราะทั้งดวงดาวและพระจันทร์ไม่ได้มามีความผิดอะไรร่วมกับพ่อเขาเลย...พี่เลยต้อง..."
"บ่นยาวเป็นตาแก่ไปได้พี่อาทิตย์...นิสัยทำอะไรงุ่มง่ามแบบนี้ไม่สมกับเป็นพี่เลยนะ" รังสิมันต์เอามือโบกใส่พี่ชายประมาณว่าให้หยุดพูดเถอะ "ผมว่าพระจันทร์เขาดูออก แล้วก็แยกแยะได้เหมือนพี่นั่นแหละ เขารู้ว่าพี่ทำไปเพราะความจำเป็น แล้วพี่ก็ดีกับเขาแล้วก็พี่สาวด้วยความจริงใจ...ทุกวันนี้เขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนพี่คืนเหมือนกัน ดูความจริงข้อนี้ไม่ออกเลยเหรอพี่อาทิตย์..."
รังสิมันต์จี้เข้าไปอีกจุด สุริยะมณฑลแอบเหลือบสายตามองไปทางน้องชายร่วมสายเลือดแล้วก็เงียบลง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยินน้องชายเอ่ยบอก...ความจริงที่ว่า ทำไมเขาถึงจะดูไม่ออก แต่ที่ผ่านมาตัวเขาเองต่างหากที่ไม่ยอมรับ พระจันทร์เสียอีกที่เข้มแข็งและยอมรับมันได้มานานมากแล้วต่างหาก
เขาเสียอีกที่ตัวโตเสียเปล่า แต่ใจเสาะเป็นบ้า...กลัวไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะความรู้สึกของเด็กคนนั้น...กลัวเหลือเกิน ว่าในซอกมุมหนึ่งของหัวใจดวงน้อยนั่นอาจจะเก็บความเกลียดและกักความโกรธแค้นเขาเอาไว้ รอวันหนึ่งที่มันปะทุขึ้นมาแล้วจะพูดใส่หน้าว่าไม่ต้องการกันอีก อยากจะไล่ให้เขาไปไกลๆจากชีวิตเล็กๆนั่น...
...กลัวที่สุด...ว่าซักวัน...อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก...
"ซานตง...ไปตามหมอให้ฉันที"
---------------------- - -- --- - - -- -
to be continue...
แฮ่..มาลงต่ออีกนิด

บ่มีคำแก้ตัวใดๆสำหรับการหายไปนานนะจ๊ะ
จบซัมเมอร์โคตรหฤโหดแล้วก็เหลือเวลาว่าอีกสองอาทิตย์

หงึกกก
เราจะพยายามลงให้บ่อยขึ้นนะตัวเอง
