พันธนาการ...รัก #17 เหวินจิ้งรู้สึกร่างกายร้อนผ่าวเหมือนคนจับไข้ หิวน้ำมากจนทนไม่ไหวต้องลอบกลืนเลือดบนริมฝีปากที่แตกลงไปทีละน้อย ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสความเย็นจัดที่แตะลงมาตรงขอบปากได้ ปากแห้งที่เกรอะกรังไปด้วยรอยเลือดรีบเผยอรับน้ำจากใครซักคนที่มีเมตตาป้อนให้เขาถึงปากด้วยความกระหาย พอหมดก็รีบเอ่ยปากขออีกเหมือนคนขาดน้ำที่อยู่กลางทะเลทราย แล้วจู่ๆก็มีฝนชุุ่มช้ำโปรยปรายลงมาเหมือนพระเจ้าประทานมาให้...
มังกรกรอกน้ำจากเหยือกข้างเตียงเข้าปากตัวเองเมื่อการป้อนจากแก้วดูจะไม่ค่อยได้ผลนัก เพราะอีกฝ่ายเหมือนคนไม่มีสติ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นว่าได้กินน้ำจากแก้ว กรอกใส่ปากไปให้เท่าไหร่ก็ล้นออกมาเท่านั้น...สุดท้ายแล้วเขาจึงยอมใช้ปากตัวเองแทนแก้ว ป้อนให้อีกฝ่ายเสียแทน
"แพ้ยานรกบ้านั่นแล้วทำไมไม่บอกวะ!" บ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดและรู้ดีแก่ใจว่าเป็นตัวเองที่ยัดยานั่นใส่ปากทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย แล้วสุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ต้องกลับมาเป็นคนจัดการทุกอย่างเองอีก
มังกรช้อนศีรษะอีกคนเข้ามาในวงแขน แล้วใช้มือตบไปที่แก้มเบาๆเพื่อเรียกสติ แต่อีกคนเพียงเอียงหน้าหลบมือเขาไปมาแล้วสุดท้ายก็ซุกใบหน้าลงหาเขาก่อนจะค่อยๆส่งเสียงสะอื้นออกมาราวคนไม่มีสติ
“...ไม่ได้ทำ...ผม...ฮึก...ไม่ได้...ทำ...ฮือ...”
“...”
มังกรฟังคำเพ้อของคนที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมกอดแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ เหวินจิ้งที่สลึมสลือไม่ได้สติเริ่มออกอาการตามฤทธิ์ยา มือขาวยกขึ้นปัดป่ายมือของมังกรที่จับอยู่บนท่อนแขน ท่าทางราวพยายามจะถอดเสื้อของตัวเองออกเพราะมังกรได้ยินคำเพ้อต่อมาว่า ‘ร้อน’ ไม่หยุด เหวินจิ้งไม่ใช่คนเตี้ย แต่ก็ไม่ได้สูงเกินกว่าไหล่มังกรซักเท่าไหร่ ทว่าจากสภาพของเรือนร่างที่ไร้เสื้อปกคลุมในตอนนี้ของคนแพ้ยา ทำให้มังกรรู้ว่าอีกฝ่ายผอมกว่าเขามาก ผิวก็ขาวราวคนไม่เคยออกแดด ท่าทางคงจะถูกเลี้ยงดูมาแบบคุณชายเอาแต่ใจของจริง...
“เอ้า...จะถอดก็ถอดให้หมด แล้วอย่ามาบ่นว่าหนาวทีหลังก็แล้วกัน” มังกรค่อยๆผลักไหล่อีกคนให้ลงกลับไปนอนบนหมอนตามเดิม ทว่าคนที่เหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวกลับคว้าแขนเขาเอาไว้หมับ แล้วดึงลงไปกอดเอาไว้แน่น ก่อนจะบ่น ‘หนาว’ ออกมาบ้าง
“ถ้าหนาวแล้วจะแก้ผ้าทำไมวะ!” พูดไปก็ถอนหายใจไป ดูเหมือนฝ่ายที่แพ้ยาจะเซนซิทีฟเอามาก นี่นอกจากจะแพ้จนผื่นเริ่มขึ้นตามท่อนแขนแล้ว ยังดูดซึมยาได้เร็วจนเริ่มออกฤทธิ์เตะสติออกไปจากร่างจนหมดแล้วแน่ๆ
“...อยาก...จูบ” คำพูดแผ่วเบาที่หลุดออกมาจากปากสีซีดทำเอามังกรขนลุกเกรียว ยิ่งมือเย็นจัดของอีกฝ่ายเริ่มเกาะเกี่ยวดึงใบหน้าของเขาลงไปแนบชิด แล้วประกบริมฝีปากลงมาแผ่วๆ มังกรก็เริ่มรู้สึกว่าตอนนี้บนร่างกายตัวเองไม่ได้มีแค่ ‘ขน’ เพียงอย่างเดียวเสียแล้วที่ลุกชัน
“โธ่เว้ย...” มังกรไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ปิดตัวเองจากคนที่มาเสนอให้ ที่สำคัญเขาไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กซ์มากไปกว่าการปลดปล่อยอารมณ์ตัณหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน แค่ปลอดภัยมันก็ไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะยอมนอนกับใครก็ตามที่เขาเองก็...อยาก
ถึงจะรู้ว่าไอ้เด็กนี่เป็นอย่างนี้ก็เพราะยาที่เขากรอกใส่ปากไปก็เถอะ...เขาเองถึงจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ก็สำนึกได้อยู่ว่าตัวเองเป็นคนทำให้เด็กนี่เป็นอย่างนี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาก็น่าจะต้องเป็นคนแก้เอง...ถึงแม้ว่าวิธีแก้นั้นเขาจะ...ไม่ได้เต็มใจอยากจะแก้ร้อยเปอร์เซนต์ก็เถอะนะ
หลังจากคิดสะระตะได้อยู่ไม่นาน อารมณ์ดิบในตัวที่ถูกมือเย็นๆนั่นปลุกเร้าขึ้นด้วยความไม่รู้ตัวก็ทำให้มังกรยอมก้มลงแนบริมฝีปากไปที่ซอกคอชื้นเหงื่อของอีกคน กลิ่นเลือดที่ลอยอวลอยู่บางเบาโชยเข้าจมูก ยิ่งปลุกอารมณ์ดิบของมังกรให้เริ่มลงแรงกด ดึงไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อสำรวจ และก็ดูเหมือนจะราบรื่นดีไม่มีสะดุดเพราะอีกฝ่ายให้ความร่วมมือดีเกินคาด...
“...อืม...ฮึก...อยะ...อยากได้...อยากได้อีก...” มังกรได้ยินเหวินจิ้งครางออกมาเสียงสั่น ตัวเองที่เครื่องติดเรียบร้อยแล้วก็เลยสนองความต้องการให้อย่างไม่รอช้า ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกันที่ทำให้เขาไม่นึกรังเกียจคนคนนี้เท่ากับครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากันในห้องที่โกดังนั่น จะว่าเพราะผิวขาวๆ บรรยากาศ หรือเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยมาซักพักใหญ่แล้วก็ไม่รู้ได้ มังกรจึงไม่ลังเลที่จะปล่อยให้อะไรก็ตามหลังจากนี้เป็นไปตามอารมณ์ปรารถนาและอารมณ์ดิบในตัวของเขาล้วนๆ
...พรุ่งนี้เช้าตอนที่แกตื่นขึ้นมา...อย่ามาแหกปากโวยวายน่ารำคาญใส่ฉันก็แล้วกัน...เพราะคืนนี้แกเองที่เป็นคน ‘อยาก’ก่อน ฉันก็แค่สนองและรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองเพียงแค่นั้น เพราะฉะนั้น...เหวินจิ้ง...ฉันกับแกจะไม่มีอะไรผูกพันธ์ หรือผูกมัดกันใดๆทั้งสิ้นนอกจากร่างกาย...อย่ามาโวยวายถามหาความรับผิดชอบจากฉันทีหลังล่ะ...!
-----------------------------------------------------------
น้ำฟ้านั่งหวีผมอยู่บนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นซึ่งกั้นอยู่ระหว่างห้องนอนของสุริยะมณฑลกับของพระจันทร์ ที่ตอนนี้มันถูกยึดเป็นห้องนอนของเขากับเจ้าลูกชายตัวน้อยไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มคอยนั่งระวังเจ้าสองสัตว์หน้าขนตัวใหญ่เบิ้มไม่ให้ทับหนูลินจนแบนและไม่เขมือบเจ้าตัวน้อยของเขาเข้าไปด้วย พลางสายตาก็เหลือบมองพระจันทร์ ที่ขนหมอนและผ้าห่มของตัวเองย้ายไปนอนห้องของสุริยะมณฑลแทน เพราะคืนนี้เจ้าของห้องยังคงติดอยู่ในโรงพยาบาล และห้องนอนตัวเองก็ถูกครอบครัวของเขายึดไปแล้วเรียบร้อย
พระจันทร์หายเข้าไปในห้องสุริยะมณฑลได้แป๊บเดียวก็ออกมานั่งกับเขา พร้อมแย่งหวีเขาไปหวีให้เสร็จสรรพ น้ำฟ้าก็เลยเขยิบหันหลังให้น้องชายต่างสายเลือดหวีให้ดีๆ
“พี่ฟ้าไม่ตัดผมล่ะ ยาวเกินไปละ...” พูดไปพระจันทร์ก็สางผมน้ำฟ้าที่แห้งหมาดๆไปด้วย
“ไม่ล่ะ รอให้หนูลินจบมัธยมฯก่อนค่อยตัด เวลาเขาเรียกผู้ปกครองไปร่วมงานวันแม่จะได้เนียนๆไง”
น้ำฟ้าตอบยิ้มขำๆ พระจันทร์ถอนหายใจยิ้มๆกับคำตอบนั้น ก่อนจะถอนสายตาไปมองเจ้าหนูน้อยไวโอลินวัยสองขวบที่กำลังพยายามจะเอาเจ้าตัวเล็ก หมาน้อยตาบอดของเขาไปพาดบนหัว แต่ทว่าก็โดนเจ้าชิวชิวเอาปากไปคาบเจ้าตัวเล็กกลับมาวางบนตักหนูลินตามเดิม แต่หนูลินก็ไม่ย่อท้อพยายามจะเอาหมาน้อยไปเล่นอีกจนได้ พอเด็กกับเสือเล่นกับเจ้าหมาน้อยมากเกินไป ซิมบ้าสิงโตเจ้าบ้านที่นั่งเลียขาหน้าอยู่นานก็เอามือใหญ่ป้อมที่เก็บเล็บเรียบร้อย ตบเข้าไปที่หัวทุยๆของเสือขาวชิวชิว และเอาศีรษะใหญ่โตไปดุนหลังหนูลินเบาๆหนึ่งที ซึ่งนั่นก็ทำเอาน้ำฟ้าสะดุ้งขึ้นมาหนึ่งทีด้วยความตกใจ เพราะนึกว่าลูกชายตัวเองกำลังจะโดนเจ้าสิงโตตัวใหญ่ที่นอนทอดยาวอยู่หลังลูกชายเขมือบเอา
“ยังไม่หายกลัวชิวชิวกับซิมบ้าอีกเหรอพี่ฟ้า...หนูลินไม่โดนจับกินหรอกน่า ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไว้ใจได้ที่ไหน ทั้งเสือและสิงโตน่ะเป็นสัตว์ป่านะจันทร์ สัญชาตญาณสัตว์ป่าน่ะน่ากลัวจะตาย...”
“ยังจะกลัวสัญชาตญาณสัตว์ป่าอีกเหรอพี่ฟ้า ได้ข่าวว่าสองพี่น้องนั่น ทั้งพี่ยะทั้งคุณตะวันที่เราสองคนอยู่ด้วยตอนนี้เนี่ย มันยิ่งกว่ามีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเสียอีกนะ...ทั้งโหดทั้งดุเหมือนกันเปี๊ยบเสียขนาดนั้น”
“จุ๊ๆ” น้ำฟ้าเอานิ้วมาแตะพร้อมจุ๊ปากเบาๆ เป็นอันรู้กันดีทั้งพี่ทั้งน้องว่าเรื่องสนุกที่สุดในการคุยกันเนี่ย หนีไม่พ้นเรื่องการนินทาสองหนุ่มตัวสูงที่ตอนนี้ทั้งคู่คิดว่าคงจะกำลังอยู่กันที่โรงพยาบาลแน่ๆ
“นี่...แล้วในเมื่อตัวก็อยู่กับสัตว์ป่าแบบนั้นมาได้ตั้งเป็นปี กลัวก็ไม่กลัว...แล้วทำไมถึงยังอยากไปจากเขาอยู่อีกล่ะ”
“ก็...ไม่เคยได้ยินเหรอพี่ฟ้า เขาว่ากันว่านกไร้รังนอน หลงมาพึ่งคนอื่นอย่างไร...ยังไงซักวันก็ต้องออกไปมีรังเป็นของตัวเองอยู่ดี...” พระจันทร์วางหวีลงข้างตัว ก่อนจะขยับมานั่งลงที่พื้นใกล้กับเจ้าสิงโตซิมบ้า รับหวีอันใหญ่ยักษ์ที่เจ้าสัตว์ตัวใหญ่คาบอยู่มาไว้ในมือ ขยับตัวให้หัวอันใหญ่โตนอนลงบนตักแล้วลงมือแปรงขนให้เบามือ
“ก็แล้วถ้าเจ้าของรังเขาอยากให้เราอยู่ เขาเต็มใจยกรังของเขาให้เป็นบ้านของเจ้านกจอมคิดมากตัวนั้น...แล้วเจ้านกน้อยตัวนี้ทำไมถึงยังคิดจะบินหนีออกไปมีบ้านอื่นเป็นของตัวเองอีก...?” น้ำฟ้าพูดพลางก็ขยับตัวลงมานั่งข้างๆน้อง เพื่อคอยระวังเจ้าลูกชายไม่ให้เล่นกับลูกหมาตัวเล็กแรงเกินไปนัก
“จันทร์ก็ไม่อยากเป็นนกคิดมากหรอกนะ แต่แค่นี้จันทร์ก็มาเป็นภาระให้พี่เขามากพออยู่แล้ว ไหนจะค่าเรียนไฮสคูลของจันทร์ ค่ากิน ค่าอยู่ แล้วก็ยังมีค่ารักษาพยาบาลของพี่ดาว ที่เขาโอนชื่อเจ้าของไข้มาเป็นของตัวเองอีก...เขาดูแลเด็กสองคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยมาสองปีแล้วนะพี่จันทร์”
“แต่ที่คุณอาทิตย์ทำไป ก็เพราะเขาต้องการที่จะรับผิดชอบ...เขาเป็นคนฆ่าพ่อของเรานะจันทร์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็...”
“หรือพี่อยากจะได้ยินจันทร์พูดเหตุผลชัดๆว่าเพราะจันทร์เกลียดเขา...เพราะเขามาฆ่าพ่อของจันทร์ จันทร์ถึงทนอยู่กับเขาไม่ได้อีกต่อไป...อย่างนี้เหรอที่พี่อยากได้ยิน...”
“ไปกันใหญ่แล้วพระจันทร์...!” น้ำฟ้าหันมาทางน้องชาย หนูลินที่เขยิบคลานดุ๊กดิ๊กมานั่งตักมารดาก็หันมองตาม มือเล็กตีหัวเจ้าสุนัขน้อยบนตักแปะๆเบาๆ พยายามเลียนแบบท่าทางลูบหัวสิงโตของน้าจันทร์ที่ตัวเองนั่งสังเกตมาซักพัก
“...เราสองคนเป็นคนไข้ในเคสเดียวกัน...เราอยู่ด้วยกันบ่อยๆในโรงพยาบาลนั่นที่อังกฤษ จันทร์คิดว่าพี่ฟ้าน่าจะรู้เรื่องราวพื้นหลังของจันทร์ได้ดีกว่าใคร พี่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของผมกับคนในครอบครัวเป็นยังไง...เพราะฉะนั้นพี่ฟ้าก็น่าจะรู้ดี ว่าจันทร์คิดยังไง หรือรู้สึกยังไงกับการที่พ่อของจันทร์ถูกฆ่า แล้วจันทร์ก็ถูกคนที่ฆ่าพ่อตัวเองเก็บเอามาเลี้ยง...”
“พระจันทร์...!”
“ถ้าพี่ฟ้าจะยังเข้าใจว่าจันทร์จะโกรธ จะเกลียดเขาเพราะเรื่องนั้นแล้วล่ะก็...สิ่งที่จันทร์เข้าใจว่าพี่จะเข้าใจจันทร์ดีที่สุดนั่น...จันทร์คงจะคิดผิดมาตลอด...”
“...” น้ำฟ้านิ่งเงียบ ไม่รู้จะหาประโยคอะไรมาโต้ตอบกับน้องชายต่างสายเลือดคนนี้ดี
“...จันทร์แยกเรื่องบุญคุณกับความแค้นออกจากกัน เพราะความสบายใจของทั้งตัวเองและคนรอบข้าง...จะมามัวแต่นั่งเกลียดชัง หาทางแก้แค้นคืนแทนให้พ่อ...ทั้งๆที่ทำไปแล้วพ่อของจันทร์ก็ไม่มีทางจะฟื้นขึ้นมาชื่นชมหรือยินดีกับการแก้แค้นของจันทร์ได้เลย แล้วจันทร์จะทำไปทำไมครับพี่ฟ้า...” พระจันทร์วางหวีลงข้างตัว สบตากับคนเป็นพี่ชายที่นั่งกอดหนูลินอยู่บนตักเพื่อให้อีกฝ่ายได้อ่านความรู้สึกจริงๆของเขาผ่านทางสายตา ที่คงจะช่วยบอกความรู้สึกจริงๆของเขาได้ดีกว่าคำพูดมากมายที่เขาพร่ำบอกออกไป
“อีกอย่าง...คงเพราะความดีของเขาเอาชนะใจของจันทร์ได้ ความเอาใจใส่ และความใจดีที่เป็นตัวจริงของเขา ทำให้จันทร์รู้ว่า...เขาเองก็เป็นคนที่แบ่งแยกเรื่องความแค้นกับความดีออกจากกันได้เหมือนกัน...เพราะถ้าคิดในทางกลับกัน พ่อของจันทร์จับแม่ของเขา จับพี่ฟ้า จับหนูลินไป แล้วยังทำร้ายร่างกายพี่ฟ้าอีก...เขาเองก็สมควรที่จะต้องโกรธ เกลียดคนที่เกี่ยวข้องกับพ่อของจันทร์ทุกคน โดยเฉพาะจันทร์ที่เป็นลูก...เขาจะเก็บจันทร์เอาไว้แก้แค้น ทำร้าย ปล่อยให้อยู่อย่างอดๆอยากๆเสียก็ได้...” พระจันทร์หยุดเว้นช่วงไปครู่หนึ่งเพื่อปรับลมหายใจ เมื่อรู้สึกว่าจู่ๆอารมณ์ตัวเองแปรปรวนชอบกล อยากจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น...
“...แต่เขาก็ไม่ได้ทำ...เขายกห้องของคุณตะวันให้จันทร์มีที่หลับที่นอนอย่างดี มีอาหารให้กินไม่ปล่อยให้อด ให้เรียนต่อ พาจันทร์ไปรักษา เอายาที่โรงพยาบาลมาให้ทุกเดือน แล้วยังจะดูแลไปจนถึงพี่สาวของจันทร์ ที่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในการเช่าห้องไอซียูในโรงพยาบาลที่นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ เขาทำไปทั้งหมดโดยที่ตัวเองมีแต่เสียประโยชน์ จันทร์ไม่เห็นว่าเขาจะได้อะไรกลับคืนมาเลยซักนิด...เพราะงั้นแล้ว...พี่ฟ้ายังอยากจะให้จันทร์อยู่ที่นี่ได้อีกเหรอครับ อยู่เป็นตัวผลาญเงินผลาญทองของเขา...ทั้งที่จริงๆแล้ว จันทร์มันก็เป็นแค่...”
“โอเคพี่เข้าใจแล้ว...ถ้าจันทร์อยากจะออกไปจากบ้านนี้อีกพี่ก็จะไม่ห้าม แต่เราจะไปอยู่ที่ไหน...จะกลับไปอยู่บ้านพักในโรงพยาบาลที่อังกฤษเหมือนเดิม หรือจะไปซื้อบ้านอยู่เอง...จันทร์ยังไม่มีงาน ไม่มีเงินเลยนะ”
“โรสกำลังติดต่อเจ้าของแกลอรี่ที่เกาลูนอยู่ครับ คิดว่าอีกสองสามวันนี้คงจะได้คำตอบว่าจันทร์จะได้ไปทำงานที่นั่นรึเปล่า ส่วนมหา’ลัยจันทร์ก็ได้ทุนเต็มมา ค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนก็หมดไป ที่ต้องหาเงินเองก็แค่ค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่าอยู่...”
“แล้วพี่ดาวของจันทร์ล่ะ จันทร์จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ จันทร์ต้องหาเงินเป็นแสนๆเลยนะถึงจะพอจ่ายต่อเดือน...”
“เรื่องนั้น...จันทร์คิดว่าพี่หมอเชนทร์คงจะพอหาทางช่วยอะไรได้บ้าง...”
“เฮ้อ...นี่เราหาทางหนีทีไล่ไว้หมดแล้วใช่มั้ย...” น้ำฟ้าถาม
“ไม่ใช่ทางหนีทีไล่...เขาเรียกว่าการหาหนทางในการมีชีวิตรอดหรอก”
“แล้วนี่...เราไม่คิดถึงจิตใจของคุณอาทิตย์เขาบ้างเลยเหรอ...ไม่รักเขาเลย...พระจันทร์”
น้ำฟ้าออกปากถามประโยคท้ายเบาๆ เห็นพระจันทร์นิ่งอึ้งไปทันทีที่เขาถามจบ แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มผิวขาวที่นั่งใกล้ๆกันกับเขาก็ส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ใช่ไม่รัก...แต่รัก...ไม่ได้ต่างหาก...” พระจันทร์มีสีหน้าเศร้าสร้อยลงถนัดตาทันทีที่พูดจบ ซิมบ้าที่นอนสบายอยู่บนตักพระจันทร์ผงกศีรษะขึ้นมามองหน้าพระจันทร์ ก่อนจะยืดคอขึ้นไปเลียแก้มพระจันทร์เบาๆ ชิวชิวที่ยังแย่งคาบลูกบอลในมือหนูลินอยู่ก็เริ่มเขยิบร่างกายใหญ่โตแทรกเจ้าซิมบ้าเพื่อจะเอาใจเจ้านายบ้าง พวกมันสองตัวเป็นสัตว์ป่าก็จริง แต่เพราะถูกเลี้ยงด้วยฝีมือมนุษย์มาตั้งแต่เล็ก การที่เจ้านายตัวเองมีอารมณ์เสียใจหรือดีใจ พวกมันก็เลยรับรู้ได้ไม่ยาก...และตามประสาสัตว์เลี้ยงที่ดีและรักเจ้านายมากอย่างชิวชิวและซิมบ้า ก็อยากจะช่วยปลอบใจเจ้านายบ้างเหมือนกัน...
“เอาเถอะ...พี่ไม่รู้ว่าอะไรที่มาดลใจให้เราคิดจริงจังเรื่องนี้เอาตอนนี้ แต่ทั้งหมดที่จันทร์พูดมา มันทำให้พี่พลอยคิดมากไปด้วย...และบอกตามตรงว่าพี่ไม่ไว้ใจและไม่อนุญาตให้เราออกไปอยู่ด้วยตัวคนเดียวเด็ดขาด...ถ้าจะออกจากที่นี่ไปอยู่ที่ไหนซักแห่งล่ะก็ ลาออกจากมหา’ลัยที่นี่ซะ แล้วไปสมัครเรียนต่อที่เมืองไทย...กลับไปอยู่กับพี่ที่นั่น ถ้าไม่อยากอยู่บ้านใหญ่กับพี่กับคุณแม่ เราก็ไปอยู่บ้านเล็กบ้านเก่าพี่ก็ได้ คุณตะวันให้คนไปดูแลทำความสะอาดให้อยู่ทุกอาทิตย์ น้ำ ไฟพร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา...”
น้ำฟ้าอุ้มเจ้าตัวเล็กบนตักที่เริ่มเอนตัวพิงเขาแล้วก็ดูดนิ้วจ๊วบจ๊าบทำท่าจะหลับ ลงไปนอนอยู่บนหมอนที่วางใกล้กับตะกร้าใส่ลูกหมาน้อยตาบอด ส่วนตัวเองก็ขยับมาใกล้พระจันทร์แล้วคว้าข้อมือเล็กๆมาจับเอาไว้ก่อนจะจ้องตาพระจันทร์ด้วยท่าทางจริงจัง
“ถึงเราจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ...แต่พี่ก็ระลึกอยู่เสมอว่าพระจันทร์คือผู้มีพระคุณของพี่ จันทร์เคยถ่ายเลือดให้พี่ ทำให้พี่ยังมีชีวิตอยู่เลี้ยงหนูลินมาได้จนป่านนี้...เพราะฉะนั้นพี่ไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้เราไปลำบาก” น้ำฟ้ามองหน้าน้องชายต่างสายเลือดที่ความบังเอิญทำให้พวกเขาได้เข้ามาเกื้อหนุนกันอยู่เสมอแล้วก็นึกสงสารนัก “จำไว้นะ...พระจันทร์ไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร เรายังมีพี่ชายคนนี้ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะทำอะไรต้องบอกให้พี่รู้ก่อน เพราะพี่เป็นห่วงเรามาก...ที่สำคัญ พี่ไม่คิดจะเข้าข้างคนอื่นมากกว่าน้องชายของตัวเองแน่ๆ”
“พี่ฟ้า...” เสียงเรียกชื่อผู้ชายผมยาวตรงหน้าสั่นเครือ พระจันทร์ที่น้ำตาปริ่มจะไหลโผเข้ากอดน้ำฟ้าอย่างหาที่พึ่ง ถ้ามีใครซักคนที่เขาจะไว้ใจและคิดว่าพร้อมที่จะเข้าข้างกันเสมอคงจะหนีไม่พ้นคนๆนี้อีกแล้ว ขอบคุณสวรรค์ที่ยังไม่ใจร้ายกับชีวิตเขาเกินไปนัก ถึงได้ให้เขามาเจอคนที่แสนดีคนนี้ในเวลาแบบนี้...
“...ถ้าไม่อยากอยู่กับคุณอาทิตย์ พี่ก็จะช่วย...”
น้ำฟ้านอนหันข้างตบก้นหนูน้อยไวโอลินที่หลับปุ๋ยไปแล้วเบาๆ ตัวเองก็ใกล้จะเคลิ้มหลับไปแล้วเต็มทีบนเตียงนุ่มๆแบบนี้ ทว่าพอกำลังจะปิดตา...กลับรู้สึกได้ว่ามีมือหนาใหญ่ของใครคนหนึ่งกำลังเลื้อยไต่อยู่บนเอว เตียงที่ยุบยวบยาบอยู่ข้างหลังทำเอาเขาลืมตาพรึ่บ...นึกรู้ได้ทันทีโดยสัญชาตญาณว่าจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...สามีของตัวเองคนเดียว...
“พี่ตะวัน...”
“จำได้ด้วยแฮะ...เก่งจริงเมียพี่” รังสิมันต์โถมร่างกายตัวเองลงสวมกอดภรรยาสุดหวงเอาไว้เต็มตัว ปลายจมูกโด่งก็ซอนไซซุกไซร้ไปข้างใบหูของผู้ชายผมยาวที่นอนกล่อมลูกอยู่บนเตียง
“...กลิ่นโรงพยาบาลผสมน้ำหอมคุณฉุนขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร...ไหนว่าจะนอนเฝ้าคุณอาทิตย์ไงครับ แล้วกลับมาทำไมดึกดื่นป่านนี้แล้ว” น้ำฟ้าพยายามพลิกตะแคงข้างหันกลับไปหาคนที่พยายามกอดพยายามหอมเขาแบบไม่เกรงใจลูกชายเบาๆ มือบางก็พยายามยึดข้อมือใหญ่เอาไว้ไม่ให้ชอนไชเข้าไปในเสื้อนอน เพื่อจะให้หยุดคุยกันให้รู้เรื่องก่อน
“ก็ถ้าพี่ไม่กลับมา...แล้วจะรู้เหรอว่าเมียพี่กำลังวางแผนคิดจะพาเมียคนอื่นเขาหนี...”
“หืม? พี่ตะวันหมายความว่ายังไง...เมียใคร”
“ยังจะมาแกล้งตีหน้าตายอีก...บอกมาเดี๋ยวนี้ คิดวางแผนอะไรเอาไว้กับพระจันทร์อีกบ้าง”
“พระจันทร์...?” น้ำฟ้าทวนชื่อที่หลุดออกมาจากปากรังสิมันต์ซ้ำ ก่อนจะเห็นแววตาพราวระยับของคนที่นอนกอดเขาอยู่เต็มวงแขน “...อ๋อ...นี่แสดงว่ามาแอบฟังที่พวกผมคุยกันเมื่อกี๊เรียบร้อยแล้วสินะ”
“ใช่...ชัดทุกคำพูด ทุกคำนินทากันเลยล่ะ...” รังสิมันต์พูดต่อ รู้สึกอยากจะฟัดจมูกที่ย่นลงน้อยๆนั่นเสียให้หายอยาก...น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆเลยเชียว
“...พี่ตะวันได้ยินแค่ไหนก็แค่นั้นแหละครับ...ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเข้าข้างพี่ชายคุณนะ แต่...ถ้าผมเข้าข้างคุณอาทิตย์อีกคน พระจันทร์ก็จะน่าสงสารเกินไป...อย่างน้อยให้แกได้มีผมไว้เป็นที่ปรึกษา ไว้สอดแนมสิ่งที่แกจะทำแทนพวกคุณซักคนมันก็จะดีกว่าใช่มั้ยล่ะ”
“นี่แสดงว่า...เมียพี่ก็ อยากให้สองคนนั้นลงเอยด้วยกันใช่มั้ย” รังสิมันต์ถาม
“แล้วพี่ตะวันคิดว่ายังไงล่ะ...” น้ำฟ้าย้อนถามซ้ำ
“ก็...” รังสิมันต์ตั้งท่าจะตอบ แต่เสียงงัวเงียแหลมเล็กของใครบางคนก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“...คุน...พ่อ...” เป็นหนูลินนั่นเองที่ลืมตาตื่นมานั่งขยี้ตามองผู้ปกครองสองคนพรอดรักกันกลางดึก
เจ้าหนูอาศัยสัญชาตญาณส่วนตัวเพ่งมองฝ่าความมืด มั่นใจว่าคนที่มากอดแม่เขาเป็นคุณพ่อแน่ๆก็ค่อยๆตุปัดตุเป๋ลุกขึ้น แล้วปีนผ่านร่างบางๆของคนเป็นแม่ ไปนอนขดอยู่ตรงกลางระหว่างน้ำฟ้ากับรังสิมันต์
“คุนพ่อ...กลับดึก...” หนูน้อยเอ่ยบอกเสียงอ้อแอ้ ฟัดหน้าลงกับอกผู้เป็นพ่อแล้วก็ตั้งท่าจะหลับต่อ
รังสิมันต์เลื่อนมือที่เอากอดน้ำฟ้าลงมาช้อนก้นเจ้าหนูเข้าอ้อมอกดีๆก่อนจะจูบกระหม่อมปลอบใจ
“คุณพ่อขอโทษครับ...แต่คุณพ่อก็กลับมาแล้วนะ”
ไม่รู้ว่าเด็กน้อยได้ยินที่คนเป็นพ่อบอกหรือเปล่า ทว่าดวงตากลมแป๋วแว๋วในยามปกติตอนนี้กลับปิดสนิท นิ้วโป้งที่เปียกชื้นจากน้ำลายตัวเองก่อนหน้านี้ก็ถูกจับยัดเข้าปากไปอีกครั้ง ซ้ำครั้งนี้ยังมีเสียงกรนออกจมูกเบาๆน่ารักมาให้ได้ชมอีก...ดูท่าว่าไม่รู้เจ้าจอมซนนั้นละเมอหรืออย่างไร ถึงได้ตื่นเร็วและหลับเร็วไปอีกครั้งแบบนี้
“ลูกชายคุณนี่ติดนิสัยเซนซิทีฟแบบนี้มาจากคุณเต็มๆเลยนะ มีอะไรเคลื่อนไหวนิดหน่อยตอนนอนเป็นไม่ได้ ตื่นแบบนี้ทุกที...” น้ำฟ้าเย้าคนเป็นสามี พยายามจะขยันทอดกายนอนให้ดีๆเมื่อตอนนี้มีเจ้าหนูตัวน้อยมากั้นกลางระหว่างเขากับผู้ชายร่างสูงตรงหน้าเสียแล้ว
“ก็พ่อลูกกันนี่...ช่วยไม่ได้ แต่ว่าพูดก็พูดนะ...ผมอยากจะให้ลูกได้สีผิว ดวงตากับโครงสร้างร่างกายของผมไปมากกว่าอีก ไม่ใช่นับวันยิ่งโตยิ่งถอดพิมพ์แม่ออกมาเป๊ะเสียขนาดนี้ ดูซิเดี๋ยวพาออกไปงานไหนมีใครชมลูกเราบ้างว่าโตขึ้นจะหล่อเหมือนพ่อ...มีแต่คนพูดว่าโตขึ้นคงจะสวยเหมือนแม่กันทั้งนั้น...”
“เวอร์ไปแล้วพี่ตะวัน ไม่ขนาดนั้นเสียหน่อย...” น้ำฟ้าตีเพี๊ยะเข้าแขนสามีตัวเองเบาๆ “เอ้อ...แล้วกลับมาอย่างนี้ใครจะอยู่นอนเฝ้าคุณอาทิตย์ล่ะ”
“หึ...” รังสิมันต์หัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ ก่อนจะค่อยๆผ่อนร่างเด็กตัวน้อยที่เกาะเกี่ยวเสื้อเขาลงนอนในอ้อมแขนของคนเป็นมารดาเบาๆ เพราะตัวเองเตรียมจะถอดชุดเพื่ออาบน้ำแล้วกลับมานอนกอดเมียกับลูกให้สบายใจ
“ก็เพราะไม่มีใครให้พี่นอนเฝ้าที่โรงพยาบาลแล้วไง...พี่เลยได้กลับมานอนกอดเมียกับลูกสมใจซักที...”
“ห๊ะ!! พี่ตะวันหมายความว่า...ถ้างั้นที่พวกผมคุยกันเมื่อกี๊ คุณอาทิตย์ก็ได้ยิน...”
“ใช่...ชัดเจนทุกประโยค...ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเลยครับที่รัก...”
-----------------------------------------------------------
ตอนแต่งเรื่องนี้จู่ๆก็ไปได้ยินเพลงนึงใน sportify มา...พอฟังไปฟังมาก็ไม่รู้ว่าฟังไปเป็นรอบที่ล้านแล้วรึยัง
ชอบสุดๆๆๆๆ >_<
>>>เพลง สายสัมพันธ์ by มาลีวัลย์<<<