...ก๊อก...ก๊อก...
เจ้าของห้องทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ในใจพระจันทร์เดาว่าอาจเป็นพี่ฟ้าหรือคุณรังสิมันต์ที่มาตามพี่ชายไปร่วมงานเลี้ยงแน่ แต่ทว่าเมื่อสุริยะมณฑลเปิดประตูออกไป บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำเอาพระจันทร์นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะพนมมือยกขึ้นไหว้แล้วยิ้มให้เบาๆ
“สวัสดีครับ คุณหงส์” พระจันทร์เอ่ย
หญิงสาวในชุดแซคสีแดงส้มยาวกรอมเท้ายืนอยู่หน้าห้องพร้อมกระเป๋าใบเล็กจิ๋วที่สะท้อนแสงระยิบระยับ ริมฝีปากจิ้มลิ้มตกแต่งด้วยสีแดงชาดบ่งบอกความมั่นใจ ผมยาวเป็นลอนน้อยๆสีดำสนิทตัดกับผิวขาวๆที่โผล่พ้นชุดสีสด ดูสวยงามและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน
“ไม่คิดว่าจะพามาด้วยเลยนะอาทิตย์ นึกว่าจะเก็บเอาใส่กรงไว้เหมือนเดิมเสียอีก” หงส์ยกมือรับไหว้เด็กหนุ่มตัวเล็กที่ยืนอยู่กลางห้องแล้วเอ่ยแซวคนมาเปิดประตูเบาๆ
“มาได้ไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง หญิงสาวยักไหล่เบาๆแล้วยกมือกอดอก
“เฮ้อ...นี่อาทิตย์ ฉันเป็นคู่หมั้นคุณนะ...ถ้าคุณมาแล้วฉันไม่มา คนอื่นเขาจะคิดยังไง” หงส์ผลักไหล่คนตัวหนาที่ยืนขวางประตูเพื่อเดินเข้าไปในห้อง พระจันทร์ยืนอยู่อย่างเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก เพราะรู้สึกตัวเองว่าเริ่มเหมือนส่วนเกินขึ้นมานิดๆ
“พระจันทร์ ว่างๆก็มาเล่นห้องพี่บ้างนะ เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเราก็รู้จักกับอี้หลินเขาด้วย...” เสียงหวานๆเอ่ยบอกเด็กหนุ่มตัวเล็กด้วยท่าทางเอ็นดูประหนึ่งเจ้าตัวได้ของเล่นใหม่ แต่ชื่อที่หลุดออกมาตรงท้ายประโยคทำเอาพระจันทร์ขมวดคิ้วหมุ่น
“อี้หลิน...?” เด็กหนุ่มทวนชื่อ
“ใช่...อี้หลิน ลูกสาวของเจ้าพ่อเงินกู้ ลูกพี่ลูกน้องของคุณโจวไง...นี่ พระจันทร์ไม่รู้จักเขาหรอกเหรอ เห็นเขาเล่าให้พี่ฟังว่ารู้จักคนไทยที่ชื่อลูน่า ลูกแมวของเจ้าพ่อเกาะฮ่องกง...”
“...คุณหลิน” พระจันทร์นึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มสวยหวานท่าทางเรียบร้อยของคนที่เคยเจอกันตอนไปดูหนังกับสุริยะมณฑลขึ้นมาได้
“ใช่ๆ...พี่พักอยู่ห้องเดียวกับเธอน่ะ เห็นบอกว่ามีของจะเอาให้เราด้วยนี่ ว่างๆก็ลงไปหาได้นะ...ห้องพี่อยู่ชั้นล่างห้องนี้เลย” หญิงสาวเอ่ยบอก พระจันทร์เงยมองอีกฝ่ายแล้วพนมมือไหว้
“ขอบคุณครับ...แล้วจันทร์จะลงไปหาคุณหลินเองครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย หงส์เอื้อมมือไปลูบศีรษะทุยของอีกฝ่ายเบาๆเอ็นดู แต่ทว่าไม่ทันที่หล่อนจะได้เล่นกับพระจันทร์มากไปกว่านั้น ท่อนแขนเรียวบางก็ถูกมือหนาใหญ่ของเจ้าของห้องอีกคนกระชากออกไปเสียก่อน
“ถ้ามีเรื่องจะคุยแค่นี้ก็ออกไปคอยข้างนอกได้แล้ว ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จ” สุริยะมณฑลออกปากไล่สาวเจ้าแบบไม่แยแส ซึ่งก็พอกันเมื่อหญิงสาวในชุดสีสดก็ทำเพียงยักไหล่แล้วบอกปฏิเสธด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“ไม่ไป...ฉันจะออกไปพร้อมคุณ” หงส์เอ่ย
พระจันทร์มองอาการขมวดคิ้วหมุ่นของสุริยะมณฑล และท่าทางที่เดินมาดึงแขนหญิงสาวให้ออกไปจากห้องด้วยหัวใจที่เจ็บแปล๊บๆ...พวกเขาช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน...คำว่ากิ่งทองใบหยกก็ยังไม่อาจเพียงพอในการพรรณนาถึงความลงตัวและความเข้ากันของคนคู่นี้...พระจันทร์มองท่าทางที่บ่งบอกถึงความสนิทสนมแล้วก็ก้มลงยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ
“เอ่อ...ชุดสูทของพี่ยะอยู่นี่นะครับคุณหงส์ เดี๋ยวจันทร์จะไปห้องพี่ฟ้าก่อน...สวัสดีครับ” คำพูดที่พร่างพรูออกมาจากปากหลุดออกมาพร้อมการยกมือไหว้แบบที่หงส์เองก็แทบจะยกมือรับไหว้ไม่ทัน เด็กหนุ่มตัวบางรีบออกเดินแทรกตัวเองผ่านคนสองคนที่ยืนขวางประตูอยู่ออกไปด้านนอก สุริยะมณฑลจะคว้าไว้แต่ก็ไม่ทันเพราะมือตัวเองทั้งสองมือนั้นเอาจับท่อนแขนของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าไว้อยู่
หงส์เงยสบตามองสุริยะมณฑลอย่างงงๆ แต่ก็ได้กลับมาเพียงแววตาขุ่นโกรธของอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น
พระจันทร์เคาะประตูห้องของน้ำฟ้าที่อยู่ถัดไปจากห้องตัวเองเบาๆ ได้ยินเสียงคนด้านในเอ่ยบอกอนุญาตให้เขาเข้าไปได้ บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็เปิดประตูให้เขาเข้าไปเรียบร้อยเสร็จสรรพ และภาพแรกที่พระจันทร์เห็นตอนที่ตัวเองเดินเข้าไปก็คือ น้ำฟ้ากำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อจัดคอปกเสื้อให้รังสิมันต์ โดยมีท่อนแขนแข็งแรงของรังสิมันต์รองเอาไว้หลังเอวอีกคนกันล้ม ท่าทางเหมือนกับตอนที่เขาช่วยสุริยะมณฑลแต่งตัวไม่มีผิดเพี้ยน
...ทำไมเราต้องรู้สึกเขินขึ้นมาด้วยนะ...เด็กหนุ่มนึกในใจ
“อ้าวจันทร์ เข้ามาก่อนสิ แล้วคุณอาทิตย์ล่ะมาพร้อมกันด้วยรึเปล่า...รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวใส่สูทให้คุณชายเขาก่อน” คำพูดแกมเหน็บของน้ำฟ้าก่อความรู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นในใจของรังสิมันต์ ชายหนุ่มจึงฉวยโอกาสตอนที่น้ำฟ้าหันไปหยิบเสื้อสูทของเขาแล้วหันกลับมา โปะจมูกคมโด่งลงบนแก้มนุ่มแล้วหอมฟอดจนเกิดเสียง
“พี่ตะวัน!! ทำบ้าอะไร อายน้องนุ่งบ้าง” คนพูดตีเพี๊ยะเข้าท่อนแขนสามีแล้วคลำแก้มที่เห่อแดงจัดป้อยๆ ทุกทีสิน่า เข้าใกล้นานไม่ได้เลยจริงๆกับผู้ชายคนนี้ เขาต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเสียกำไรให้คนเจ้าเล่ห์แบบนี้อยู่เรื่อย...
ส่วนพระจันทร์ที่ยืนเคว้งอยู่ใกล้ประตูเริ่มรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน กำลังคิดอยู่ว่าควรจะออกจากห้องไปตอนนั้นเลยดีมั้ยก็โชคดีได้ยินเสียงพูดเจื้อยแจ้วฟังไม่ได้ศัพท์ของเด็กชายตัวน้อยที่พูดตอบโต้กับคุณหมอณัฐกานต์ เพื่อนพี่ฟ้าที่เดินจูงมือเด็กชายออกมาจากห้องน้ำพอดี
“นี่ เวลาฉี่เสร็จแล้วนะหนูลินต้องล้างมือให้สะอาด รู้มั้ยครับ”
“คับ...”
“ถ้าไม่อย่างนั้นหนูลินได้กินฉี่ของตัวเองที่เปื้อนมือแน่ๆ...”
“คับ...”
“แล้วถ้าหนูลินเขย่งไปล้างมือในอ่างไม่ถึงให้ทำไงครับ”
“เรียกแม่ฟ้า ไม่ก็พ่อตะวันคับ!”
“เก่งมาก!! แล้วหนูลินก็ต้อ...อ้าว” คุณหมอณัฐกานต์ที่กำลังเมามันในการมอมเมาเด็กให้คล้อยตามก็ต้องเผลออุทาน เมื่อเห็นสมาชิกใหม่ภายในห้องที่ยืนอยู่ใกล้ประตูกำลังทำท่าทางเก้กัง เหมือนไม่รู้จะย้ายตัวเองไปไว้ส่วนไหนของห้องดี ก่อนจะออกปากถามต่อไปว่า
“พระจันทร์...แล้วคุณยะล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ” คำถามซ้ำสองครั้งที่ถามถึงใครอีกคนทำให้พระจันทร์ติดอ่าง
“เอ่อ...” ไม่รู้จะตอบยังไงดีนี่นา เพราะถ้าพูด เขาคงจะเจ็บที่ใจจนเกินทนแน่ๆ
“น้าจัน!!!” เสียงร้องเรียกหาของเด็กตัวเล็กก็เป็นผู้ช่วยชั้นยอดของเขาอีกหน เพราะเจ้าหนูวิ่งถลาเข้ามาหาให้เขาอุ้มขัดจังหวะได้ทันเวลาพอดี
“น้าจันหนูลินอยากออกไปดูทะเยข้างนอก...น้านะๆ” เด็กน้อยงอแงอยากให้น้าชายพาออกไปเล่นข้างนอก แต่คนเป็นแม่กลับส่งซิกให้พระจันทร์ว่าอย่าเพิ่งพาเจ้าตัวซนออกไปข้างนอกในตอนนี้เสียก่อน
“อืม...น้าจันทร์ว่าออกไปดูทะเลพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ยครับหนูลิน คืนนี้ค่ำแล้ว มองอะไรก็ไม่เห็น อยู่เล่นกับน้าจันทร์ที่นี่ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวน้าจันทร์สอนวาดรูปให้ดีกว่า...” เด็กหนุ่มพยายามหลอกล่อหลานให้หันมาสนใจตัวเขามากกว่าการออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งมันก็ค่อนข้างได้ผลเมื่อมีหมอกานต์หยิบดินสอสีในกระเป๋าซึ่งน้ำฟ้าเตรียมมาเรียบร้อยให้หนูลินรับไป สุดท้ายหนูลิน คุณหมอเด็กณัฐกานต์และพระจันทร์จึงได้ยึดพื้นที่ตรงโซฟาและโต๊ะเตี้ยๆตรงปลายเตียงเป็นฐานทัพ รวมพลกันหยอกล้อเล่นกันกับเด็กน้อยอย่างสนุกสนาน
แต่ใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นของพระจันทร์ น้ำฟ้าก็เดาออกได้ไม่ยากว่าน้องชายของเขากำลังมีเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ในใจอย่างแน่นอน ก็ดูซิคนอะไร ปากยิ้มแต่ในนัยน์ตานั้นเศร้าเสียเหลือเกิน
และน้ำฟ้าก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นาน เมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเบาๆสามทีนั้นช่วยเฉลยให้น้ำฟ้าได้รู้ว่า สาเหตุที่ทำให้น้องชายต่างสายเลือดของตัวเองนั้นมีแววตาเศร้าๆคืออะไร คนสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั่นเองคือคำตอบ ร่างสูงใหญ่ของสุริยะมณฑลมีสาวสวยในชุดสีส้มแดงเกาะเกี่ยวแขนกันอยู่ท่าทางแลดูสนิทสนม น้ำฟ้าไม่รู้จักหญิงสาวคนนั้น แต่การส่งเสียงทักทายของคนเป็นสามีก็ทำให้น้ำฟ้าคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะมีความใกล้ชิดกับพี่น้องร่างสูงสองคนนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เจ๊หงส์...มากับเขาด้วยเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยถามหญิงสาวโดยไร้การทักทายตามมารยาท น้ำฟ้าที่กำลังเก็บเสื้อชายหนุ่มใช้แล้วใส่ที่ของมัน รีบเดินกลับไปยืนเคียงข้างสามีพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวคนนั้นอย่างรู้มารยาท
“สวัสดีครับ” น้ำฟ้าเอ่ยทักทายพร้อมยิ้มให้เบาๆ
“สวัสดีค่ะ...คนนี้เหรอเมียนาย..ตะวัน หน้าตาน่ารักจังเลย ชื่อหงส์นะคะ...ชื่ออะไรคะ” หงส์ยิ้มหวาน พร้อมถามชายหนุ่มผมยาวตรงหน้าที่หล่อนรู้จักผ่านการซุบซิบนินทาจากคนในแวดวงไฮโซด้วยกัน แต่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าเลยซักที มาวันนี้ได้พบ ก็ถือว่าผิดไปจากที่คาดเอาไว้มากทีเดียว เพราะหล่อนเองก็ตกใจไม่น้อยตอนที่รู้ว่าน้องชายคู่หมั้นแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน แถมยังมีข่าวเล็ดลอดว่าทั้งคู่มีลูกด้วยกันอีกต่างหาก เล่นเอาหล่อนแทบลมจับ ไม่คิดว่าน้องชายที่(เคย)แมนทั้งแท่งอย่างรังสิมันต์จะหันมารักมาชอบอะไรแบบนี้ได้
แต่ตอนนี้หล่อนก็ต้องยอมรับอย่างไร้ข้อสงสัย ว่าทำไมทั้งคู่ถึงได้ลงเอยด้วยกันได้ ถ้าไม่รู้ว่าก่อนว่าคนตรงหน้านี้เป็นผู้ชาย หล่อนก็คงจะเข้าใจผิดคิดไปว่าเป็นสาวน้อยที่ไหนแน่ๆ ก็เจ้าตัวเล่นไว้ผมยาว ผิวขาว ตาโต แม้ความสูงจะสูงกว่ามาตรฐานผู้หญิงไทยไปนิดแต่ก็จัดได้ว่าหาเค้าความเป็นผู้ชายจากคนตรงหน้าได้ยากจริงๆ
“ชื่อฟ้าครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณหงส์” น้ำฟ้าบอกชื่ออย่างมีไมตรี คนตรงหน้าดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมยังเป็นคนที่ดูท่าทางมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ดูห้าวจนเกินงาม ยามยืนคู่กับสุริยะมณฑลในชุดสูทสากลเต็มยศแบบนี้ช่างดูเข้ากันอย่างไม่มีที่ติ
“คุณอะไรกันคะ เรียกหงส์เฉยๆก็ได้ เดี๋ยวพอดองกันแล้วคงได้เจอกันบ่อยๆ...ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ”
คำพูดที่สาวเจ้าเอ่ยมา น้ำฟ้ารู้สึกตงิดๆอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่รู้จะถามสามีได้ตอนไหนว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงเอ่ยว่าจะมาดองกัน แล้วยังท่าทางไม่สะบัดออกของสุริยะมณฑลที่ยังยืนให้เจ้าหล่อนควงนิ่ง ยิ่งทำให้น้ำฟ้าเทน้ำหนักตำแหน่งของผู้หญิงคนนี้ไปที่คำว่า ‘แฟน’ ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
“นี่ครับคุณตะวัน เจ้าตัวเล็ก...กรุณาเอามาคืนก่อนเที่ยงคืนนะครับ แม่เขาเป็นห่วง” คุณหมอกานต์ที่เดินอุ้มหนูลินเข้ามาส่งให้รังสิมันต์เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นการสนทนาที่หน้าประตูเงียบไปพักหนึ่ง
“อุ๊ย...ตัวเล็ก! น่ารักจังเลย...ลูกของตะวันเหรอ” หญิงสาวที่แนะนำตัวว่าหงส์ปล่อยมือจากแขนของสุริยะมณฑลที่ยืนหน้านิ่งอยู่ในทันที แล้วหันมาแตะๆตัวเด็กน้อยที่หันใบหน้าป้อมหนีสาวเจ้าไปซุกคอคนเป็นพ่อ แล้วส่งสายตาละห้อยหาให้คนเป็นมารดาแล้วร้องเรียกแม่เบาๆ
“ไม่เอานะลูก...ไม่งอแงนะเด็กดี ยกมือไหว้พี่หงส์ก่อนเร็ว...เร็วครับคนเก่ง” น้ำฟ้ายกมือนุ่มนิ่มของลูกชายมาหอมฟอด แล้วจับหันหน้าไปหาหญิงสาวพร้อมพนมมือลูกชายให้ด้วย
“พี่อะไรล่ะคะคุณฟ้า หงส์ต้องเป็นป้าของเจ้าตัวเล็กนี่แล้วสิ...ชื่ออะไรครับคนเก่ง บอกป้าหงส์หน่อยเร็ว...” ด้วยความอัธยาศัยดีบวกกับเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว ทำให้หนูลินสัมผัสสิ่งนั้นได้จึงยอมหันไปเผชิญหน้า แล้วบอกชื่อตัวเองแต่โดยดีหลังยกมือไหว้ตามคำแม่บอกเรียบร้อย
“ชื่อหนูลิน...คับ” เด็กน้อยเอ่ยบอก หงส์ทำตาโตก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เด็กน้อย
“หนูลินเหรอครับ...ชื่อน่ารักจังเลย ใครตั้งให้คะเนี่ย” หงส์ถามต่อ เจ้าหนูน้อยส่งสายตาไปหามารดาแล้วตอบ
“คุนแม่...”
น้ำฟ้ายิ้มเอ็นดูกับคำตอบเจ้าลูกชาย...เขาเป็นคนพร่ำบอกเองว่าชื่อนี้คุณแม่เป็นคนตั้งให้ แต่ไม่ใช้แม่ตัวแทนอย่างเขาหรอกนะ แต่เป็นแม่แท้ๆ พี่น้ำฝน พี่สาวของเขาต่างหากที่เป็นคนตั้ง...เพราะฉะนั้นหนูลินก็ตอบออกไปไม่ผิดหรอก
“คุณแม่เหรอครับ...น่ารักจังเลยนะเราเนี่ย นี่อาทิตย์...ลูกเราต้องเกิดมาหน้าตาน่ารักเหมือนหนูลินให้ได้นะคุณ...นี่หนูลินอยากได้น้องมั้ยลูก เดี๋ยวป้าหงส์กับลุงอาทิตย์ทำให้ เอามั้ยครับ...” หญิงสาวยังคงพูดหยอกล้อเล่นกับหนูลินต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เพิ่งพูดออกมานั้นได้ทำเอาใครบางคนที่ยังนั่งไกลๆอยู่ที่เก้าอี้ภายในห้อง ต้องรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อฝืนความเจ็บปวด ที่กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป
“ถ้าจะไปก็รีบไปกันซักที ฉันจะได้รีบกลับ...” สุริยะมณฑลพูดตัดบทห้วนๆด้วยความสูงของตัวเองจึงทำให้มองฝ่าคนที่ยืนรุมล้อมอยู่หน้าประตูเข้าไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่บนเก้าอี้ได้ ชายหนุ่มไม่คิดยืนรออยู่ตรงนั้นนานนัก จึงรีบสาวเท้าเดินออกไปตามทางเดินพร้อมบอดี้การ์ดคู่ใจขนาบซ้ายขวาออกไปเช่นเคย
“เอ้า...อะไรเนี่ยตาบ้านี่ อารมณ์ผีเข้าผีออก พี่ชายนายนี่ยังไงนะตะวัน...” หงส์หันมองอาการรีบเดินของสุริยะมณฑลด้วยอาการงงงวย ไม่คิดว่าใครคนนั้นจะอารมณ์แปรปรวนเพราะคำพูดหยอกเด็กของหล่อนเลยซักนิดเดียว
“อย่ามัวแต่เล่นอยู่เลยเจ๊หงส์ รีบไปเถอะ...ขืนไปสายได้เป็นเป้าสายตาคนทั้งงานแน่” รังสิมันต์เองพอจะเดาอาการพี่ชายออก จึงรีบเอามือข้างที่ไม่ได้อุ้มหนูลินไปดันเอวหญิงสาวหนึ่งเดียวตรงนั้น ให้ออกเดินตามหลังพี่ชายตัวเองไป
หงส์มีทีท่างงๆที่คู่หมั้นน้องชายก็ออกอาการ ‘จู่ๆก็รีบ’ ขึ้นมาอีกคน หล่อนทันยกมือโบกลาน้ำฟ้าแค่สองสามที ก็ต้องรีบสาวเท้าเดินตามรังสิมันต์ออกไปตามทางเดินปูพรมสีน้ำเงินเข้มเป็นคนสุดท้าย
น้ำฟ้าและคุณหมอกานต์ยืนมองร่างในชุดสีแดงอมส้มเลี้ยวตรงหัวมุมเรือลับหายไปกับตา แล้วถึงค่อยหันกลับเข้ามาในห้อง น้ำฟ้าเป็นคนเดินเข้าไปนั่งข้างๆพระจันทร์แล้วยกมือโอบไหล่น้องชายเอาไว้ ส่วนคุณหมอกานต์เดินหายลับเข้าไปในโซนเคาเตอร์ครัวเล็กๆที่มีติดตั้งอยู่ในห้องด้วย ก่อนจะลงมือควานหาแก้วเสียงดังก๊องแก๊งเบาๆ
“เขาเป็นคู่หมั้นกัน...พี่ฟ้า เขาหมั้นกันมาตั้งนานแล้ว...” พระจันทร์บอกเสียงเครือ สองมือยกกอดตัวเองเอาไว้เบาๆพลางก้มหน้าลงมองตักตัวเอง
“...มิน่าล่ะ พี่ตะวันถึงได้ดูสนิทกับคุณหงส์เขานัก รายนี้ก็ไม่ยอมบอกพี่เลย ว่าคุณอาทิตย์เขามี...คู่หมั้นอยู่แล้ว...กลับมาล่ะน่าดู” น้ำฟ้าทำเป็นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่สามีที่เพิ่งออกไปจากห้อง แต่พระจันทร์กลับส่ายหน้าให้แล้วพยายามฝืนยิ้ม ก่อนจะเงยสบตาชายหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่ข้างกัน
“จันทร์ผิดเองที่เผลอใจให้เขา...ทั้งที่เขาควรจะเป็นคนสุดท้ายในโลกที่จันทร์จะยอม...รัก...”
“บางครั้งความรักก็เป็นเรื่องของสวรรค์นะจันทร์ ท่านจะบันดาลให้เรารักกับใคร ก็แล้วแต่ท่าน...เหมือนที่เขาบอกไง ว่ารัก...เป็นเรื่องของพรหมลิขิต...ดูอย่างพี่สิ เคยคิดที่ไหนว่าจะมาลงเอยกับผู้ชายที่ทั้งดุ บ้าอำนาจ แล้วก็เจ้าเล่ห์อย่างนั้นได้...แถมยังเคยเอาเงินมาฟาดหัวพี่ตั้งสามสี่ล้าน เพราะอยากได้แค่ตัวหนูลินอีกต่างหาก...พี่สมควรจะรักเขาลงมั้ยล่ะ”
พระจันทร์ยิ้มอ่อนกับเรื่องเล่าของพี่ชาย ก่อนจะส่ายหน้าให้เบาๆ
“ใช่...เรื่องของไอ้ฟ้าน่ะที่สุดแล้ว ตอนนั้นนะพี่โดนตามาคัสตามติดเช้าเย็น แบบแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง จนประสาทจะกินตาย...แล้วสุดท้ายเป็นไง ได้กันซะงั้นแน่ะ” คุณหมอเด็กณัฐกานต์พูดพลางนักไหล่ วางแก้วโกโก้ร้อนหอมกรุ่นลงตรงหน้าพระจันทร์ แล้วบอกให้ดื่มซะ จะช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น
“อย่าคิดมากเลยพระจันทร์...คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก...” แล้วคุณหมอเด็กก็ยังตบท้ายด้วยการนักคิ้วหลิ่วตาให้คนนั่งหน้าเศร้าอีกที ตัวเองนั้นรู้จักพระจันทร์มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นเพื่อนร่วมโรงพยาบาลเดียวกันกับเพื่อนสนิทตัวเองมาก่อน ที่ผ่านมาเลยมักจะได้ยินเรื่องราวของพระจันทร์บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยซักที
“แต่จันทร์ไม่อยากเป็นคนดึงพี่ยะให้ลงมาจากจุดที่เขาสมควรจะยืน มือของจันทร์คงส่งเขาไปได้แค่ครึ่งทาง แต่มือของคุณหงส์ต่างหาก ที่จะช่วยประคองพี่ยะ แล้วพาเดินไปที่จุดสูงสุดที่พี่ยะควรจะไปได้...พี่ฟ้าก็เห็น ว่าเขาเหมาะสมกันทุกอย่าง...”
“แล้วจันทร์เคยถามคุณอาทิตย์หรือยัง ว่าเขาอยากไปให้ไกลแค่ไหน...ไม่เอาน่า อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ตอนนี้ทำอะไรแล้วเรามีความสุขก็ควรจะรีบทำก่อน...ไม่เอาน่า มัวแต่งอนกันไปงอนกันมาแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่หนูลินจะมีน้องซักทีล่ะ...” น้ำฟ้าพยายามปรับบรรยากาศรอบตัวพระจันทร์ให้มันสดชื่นขึ้นมา ซักนิดก็ยังดี
“นั่นน่ะสิ...แต่เรื่องนี้จะโทษน้องอย่างเดียวก็ไม่ได้นะฟ้า ต้องโทษคุณยะด้วยที่ไม่ยอมทำอะไรให้มันเด็ดขาดซักที ถ้ารักก็แสดงออกมาให้หมดใจไปเลยว่ารัก...ไม่ใช่มากั๊กๆ ทำหมาหยอกไก่ แอ๊วน้องเราไว้ทำเหมือนเป็นเมียน้อยเขาแน่ะ...” หมอกานต์ที่ใช้ช้อนคนกาแฟเล่นเปรียบเทียบสถานการณ์ของคนนั่งหน้าเศร้าอย่างเห็นภาพ จนน้ำฟ้าต้องตีเพี๊ยะไปที่ต้นขาเพื่อนเบาๆ
“เวอร์แล้วหมอกานต์...ไม่ขนาดนั้นเสียหน่อย...” น้ำฟ้าเอ่ย
หมอกานต์กำลังอ้าปากจะเถียงต่อ แต่ทว่ากลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าเป็นใครกันที่มาเคาะ เพราะคนที่พวกเขารู้จักนั้นเพิ่งเดินออกจากห้องไปเมื่อตะกี๊นี้เองนี่นา
“พี่เองฟ้า...มังกร” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยชื่อตัวเองอยู่ที่หน้าประตูทำให้พระจันทร์รีบลุกเดินไปเปิดประตูให้ทันที ก่อนจะยืนตะลึงนิ่งงันไปชั่วครู่เมื่อเห็นคนที่มังกรลากติดมือออกมาด้วย
“ฝากไว้หน่อยสิจันทร์...ไม่อยากทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียว”
“คุณเหวินจิ้ง!!” พระจันทร์อุทานชื่อคนที่ยืนก้มหน้าก้มตาเสียงดังลั่นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมากับมังกรได้
“ใช่...ห้ามปล่อยออกมาจากห้องเด็ดขาด พี่ให้คนของพี่เฝ้าเอาไว้ข้างหน้าเพิ่มอีกคนสองคน เอาไว้จับมันเวลาคิดหนีโดยเฉพาะ...” มังกรเอ่ยบอกพระจันทร์แต่ตามองคนที่ตัวเองคว้ามือติดออกมาจากห้องด้วย ก่อนจะดันตัวคนที่ยืนก้มหน้าให้ไปยืนในอาณาเขตห้องของพระจันทร์แล้วทำเสียงดุเอ่ยบอก “คราวนี้ถ้าจับได้อีก ฉันบอกให้พวกมันจับนายโยนลงทะเลได้เลยโดยไม่ต้องรอคำสั่งฉัน...เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่อยากตาย...”
“เอ่อ...พี่กรรีบไปเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย...ไม่ต้องห่วงคุณเหวินจิ้งนะครับ เดี๋ยวจันทร์จะดูแลให้...รีบไปเถอะครับ” พระจันทร์นึกย้อนภาพตัวเองตอนวันแรกที่เจอกับสุริยะมณฑลซ้อนทับกับตัวเหวินจิ้งแล้วก็รู้สึกสงสาร รีบเอามือตัวเองดึงข้อมือเหวินจิ้งออกจากการเกาะกุมของร่างสูงใหญ่ในชุดสูท แล้วใช้มือตัวเองดันร่างมังกรให้ออกเดินไปตามทางเดียวกับที่สุริยะมณฑล หงส์ และรังสิมันต์เพิ่งเดินจากไป
“...โอเค ขอบใจมากนะจันทร์ เสร็จงานแล้วพี่จะรีบมารับ ไม่ปล่อยให้มากวนจันทร์นานหรอก...อ้อ ถ้ามันทำอะไรจันทร์รีบตะโกนบอกมาข้างนอกเลย ประตูก็ห้ามล็อก...พวกเขาจะได้เข้าไปช่วยได้ง่ายๆ” ท้ายประโยคมังกรบุ้ยใบ้ไปที่สองบอดี้การ์ดผิวดำร่างยักษ์ที่ยืนทำหน้าไม่รับบุญอยู่ข้างหลังตัวเอง
พระจันทร์เอ่ยรับคำแล้วก็เร่งให้ชายหนุ่มออกไปเร็วๆ ส่วนตัวเองก็รีบดึงแขนเหวินจิ้งเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตามหลังดังปัง...
“คุณเหวินจิ้ง!! นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไม...คุณถึง...” พระจันทร์รีบหันมาซักถามคนที่ยังยืนก้มหน้าไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จาด้วยความรีบเร่ง ทว่าพอได้สังเกตคนที่ยืนตรงหน้าดีๆ พร้อมกับเอามือที่ตัวเองจับไว้ขึ้นมาจ้อง เขาก็พบกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายของเหวินจิ้วเป็นอย่างมาก
เพราะชายหนุ่มตรงหน้าในความทรงจำนั้น เป็นคนที่โอหัง แววตาฉายแววฉลาดเฉลียว และมั่นใจในความคิดของตัวเอง ไม่ใช่ผู้ชายร่างผอมกะหร่อง ใบหน้าซูบตอบ ไม่เหลือเค้าโครงความเป็นลูกผู้ดีเหลืออยู่เลย ที่สำคัญแววตาอวดโอหังที่เป็นเอกลักษณ์นั้นหายไปแล้ว...ข้อมือที่พระจันทร์จับอยู่ก็แทบจะกำได้รอบ ตอนนี้คนตรงหน้ากลายสภาพมาเป็นคนที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ...คุณทานอะไรมารึยัง ถ้ายังไงเดี๋ยวจันทร์สั่งอะไรร้อนๆมาให้นะครับ” พระจันทร์หยุดความคิดที่จะซักถามที่มาที่ไปลงในบัดนั้น แล้วหันมาลากคนที่ท่าทางไร้วิญญาณมานั่งแทนที่ตัวเองบนโซฟาก่อน
-----------------------------------------------------------
to be continue...
สวัสดีค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะที่เริ่มห่างหายไปนานอีกแล้ว
กำลังจะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาค =*= ยุ่งมาก เลยมีอารมณ์แต่งนิยาย
(เอ๊ะ...นังนี่ อารมณ์กดดันแบบนี้แหละค่ะแต่งนิยายไหลลื่นนัก ห้าาาาา หนังสือตัวเองไม่ต้องอ่านกันละ)
วันนี้มาอัพฉลองที่มีร้านอาหารไทยร้านแรกมาเปิดใกล้หอค่ะ เย้ !!! >_< (ปู๊น ปู๊น)
เหมือนจะไม่เกี่ยวนะ แต่ช่างเถอะค่ะ...ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกความคิดเห็นมากๆนะคะ 
มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านล่ะ
ขอให้ผู้อ่านทุกท่านรักษาสุขภาพ และมีความสุขกับการเรียนการทำงานค่าาาา
แล้วเจอกันใหม่นะ จุ๊บ
