พระจันทร์นั่งเงียบๆครุ่นคิด มือก็กดโทรศัพท์เลื่อนภาพผู้หญิงคนนั้นซ้ำไปมาพลางพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเอง แต่มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินเพราะสิ่งที่เขารู้มามันไม่เพียงพอที่จะต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดให้กลายเป็นรูปภาพที่สมบูรณ์ได้
“คุนน้า...ลินอยากกินหงุ่น...” เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักเหวินจิ้งเรียกร้องหาของโปรดพลางชี้นิ้วขาวป้อมไปที่ถาดผลไม้ตรงโต๊ะข้างหน้า
เหวินจิ้งเอื้อมมือไปเด็ดออกมาหนึ่งลูกแล้วปอกเปลือกให้ ก่อนจะถือองุ่นไร้เมล็ดลูกใหญ่นั่นให้หนูลินกัดไปจากมือทีละนิด เพราะคุณหมอณัฐกานต์ได้บอกเอาไว้ว่าหนูลินยังเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด กินผลไม้หรือขนมชิ้นใหญ่ไปไม่ได้
“ฟ้า...น้องแกเป็นอะไร ฉันเห็นตั้งแต่เข้าห้องมาก็เอาแต่นั่งเงียบ นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ” คุณหมอณัฐกานต์ใช้เอวพิงเคาเตอร์ครัวขณะพูดกับเพื่อนที่กำลังล้างแก้วอยู่เบาๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน แกเป็นหมอนี่ เข้าไปดูให้หน่อยสิ...” น้ำฟ้าบอกกลับ
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นหมอเด็กไม่ใช่หมอจิต” คุณหมอณัฐกานต์บอก น้ำฟ้าถอนหายใจเฮือกพลางมองไปที่น้องชายก่อนจะวางพักแก้วใบสุดท้ายลงบนที่คว่ำแก้วเพื่อสะเด็ดน้ำ
น้ำฟ้าเดินออกจากหลังซิงค์น้ำแล้วตรงไปนั่งข้างๆพระจันทร์ สายตาเหลือบมองรูปในโทรศัพท์มือถือคนมีศักดิ์น้องแล้วก็เอ่ยปากถาม
“ใครเหรอจันทร์ มองแล้วทำหน้ายุ่งเชียว...” น้ำฟ้าเอ่ยทัก สายตามองหน้าน้องชายแล้วเลยไปที่ลูกชายตัวน้อย ซึ่งกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับองุ่นซึ่งเหวินจิ้งกำลังปอกแล้วป้อนให้อยู่อย่างเงียบๆ
“เขาชื่อเมนี่ครับ...เมนี่ หวง...คนที่ทำให้พี่ยะกับพี่กรทะเลาะกัน...” พระจันทร์เอ่ยตอบน้ำฟ้าไม่มีอะไรปิดบัง ผู้ฟังฟังแล้วก็เพียงพยักหน้ารับไม่พูดอะไร แต่เสียงพึมพำเบาๆเป็นภาษาอังกฤษที่ดังมาจากคนอุ้มหนูลินอยู่ตอนนี้ ก็เรียกสายตาทั้งของพระจันทร์ น้ำฟ้าและคุณหมอณัฐกานต์ให้ไปรวมกันที่เหวินจิ้งเป็นตาเดียว
“...เมนี่ หวง...คนรักของปีเตอร์ โจว...”
“คุณรู้จักเหรอครับ! คุณเหวินจิ้ง...” พระจันทร์ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเหวินจิ้งอย่างรวดเร็ว เจ้าหนูตัวน้อยบนตักเหวินจิ้งเงยมองหน้าน้าชายตัวเองกับแม่แล้วก็ก้มลงงับลูกองุ่นคำสุดท้ายเข้าปากไปอย่างรวดเร็วไร้การกัดอีก
“...ก็...เมื่อก่อนตอนผมคบกับอี้หลิน เราเคยเจอกัน...” เหวินจิ้งตอบกลับพลางเงยมองพระจันทร์นิ่งๆ
“แล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกบ้าง...ได้โปรดบอกผมที...ผมอยากรู้เรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพี่ยะ...เอ่อ ของพวกเราทุกคน” พระจันทร์เอ่ย ใจแกว่งไปนิดตอนที่เอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นออกมา
“ผมรู้อะไรไม่มากหรอก” เหวินจิ้งตอบกึ่งแบ่งรับแบ่งสู้เป็นภาษาจีนตามภาษาบ้านเกิด ถึงเขาจะไว้วางใจว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีอันตรายต่อเขาแน่ แต่เขาก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนที่เพิ่งพบหน้ากันแค่วันสองวันนี่เท่าที่ควร ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรพูดไปแล้วจะโดนดีหรืออะไรพูดไปแล้วจะปลอดภัย เพราะคนสมัยนี้...รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจจริงๆ...
“ได้โปรดเถอะครับ คุณรู้อะไรก็ช่วยบอกผมที...ถึงจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้ นะครับ...ได้โปรด” พระจันทร์นั่งลงข้างๆเหวินจิ้งก่อนจะจับลงบนท่อนแขนอีกฝ่ายแล้วบีบขอร้องเบาๆ
“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อคุณท่าทางก็ไม่ได้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องของสองคนนั่น...ผมว่าทางที่ดีคุณอย่ารู้เลยจะดีกว่า ปล่อยให้คนที่เกี่ยวข้องเขาจัดการกันเองเถอะ...” เหวินจิ้งเอ่ย เขามองท่าทางจริงจังที่เด็กคนนี้แสดงออกมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อใจว่าเด็กคนนี้ขอร้องเขาด้วยใจจริงๆ
“แสดงว่าคุณไปรู้อะไรมาใช่มั้ยครับ” น้ำฟ้าร่วมผสมโรงพ่นภาษาจีนกับเหวินจิ้งและพระจันทร์ไปด้วยอีกคน ทำเอาคุณหมอณัฐกานต์ผู้ซึ่งสื่อสารได้แค่สองภาษาคือไทยและอังกฤษถึงกับงงเต๊ก หันมองคนนั้นทีคนโน้นทีอย่างไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
“ผม...” เหวินจิ้งพูดค้างไว้แค่นั้น ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เล่าอะไร แต่ทนสายตาขอร้องปนอ้อนวอนของพระจันทร์ที่นั่งเขย่าแขนเขาอยู่เบาๆไม่ไหว สุดท้ายเลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตัวเองพอจะรู้อะไรมาบ้างจากคำบอกเล่าของอี้หลินและบางเหตุการณ์ที่เขาได้ประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง
“...ผมรู้แค่ว่า...จริงๆแล้วข่าวลือที่คนทั่วไปเข้าใจกันว่า...ปีเตอร์กับหยางหลงเป็นศัตรูกัน เพราะปีเตอร์ชอบเหม่ยเฟิ่ง คู่หมั้นของหยางหลงมานานแล้ว แต่โดนหยางหลงแย่งไปน่ะ...ไม่ใช่เรื่องจริง...” เหวินจิ้งเกริ่น
“แล้วเรื่องจริงคืออะไรครับ เกี่ยวกับคุณเมนี่ใช่รึเปล่า...เพราะพี่ยะ...ฆ่าคุณเมนี่...ใช่รึเปล่าครับ” คำบอกเล่าของพระจันทร์ที่เอ่ยออกมาทำให้ทั้งเหวินจิ้งและน้ำฟ้ามองพระจันทร์อย่างตกใจปนสงสัย เพราะน้ำห้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนจึงตกใจ แต่เหวินจิ้งที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพียงแค่สงสัย เพราะไม่คิดว่าพระจันทร์จะรู้และเอ่ยออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้
“คุณรู้? แล้วทำไมคุณถึงไม่กลัวผู้ชายที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นแบบนั้น...ทำไมถึงยังยอมอยู่ข้างๆฆาตกรที่ฆ่าคนเล่นเป็นผักเป็นปลา...แม้กระทั่งผู้หญิง...ก็ไม่เว้น...” เหวินจิ้งถามเพราะสงสัยจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายใส่สุริยะมณฑล ซึ่งพระจันทร์ก็พอจะอ่านกระแสเสียงออกจึงตอบไปแบบยิ้มเศร้าๆ
“...เพราะผมรู้ว่าเนื้อแท้แล้วเขาไม่ใช่คนเลว...เขาทำไปทุกอย่างเขามีเหตุผลของเขา พี่ยะไม่ใช่คนที่จะไปทำร้ายใคร ถ้าคนคนนั้นไม่ไปทำร้ายเขาหรือคนรอบๆตัวเขาก่อน...”
“...คุณรักเขา...? ใช่มั้ย...” คำถามของเหวินจิ้งที่ส่งตรงไปให้พระจันทร์ทำเอาเด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปในทันที พระจันทร์พยายามเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาของเหวินจิ้งแต่ก็ไม่เต็มที่นัก และเหวินจิ้งถือเอาว่าอาการนั้นคือการตอบรับของพระจันทร์ “...เพราะคุณรักเขา คุณเลยเป็นห่วงเขาใช่มั้ย...คุณก็เลยอยากรู้เรื่องทั้งหมดเพราะอาจจะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาได้บ้างใช่มั้ย...”
พอถึงตรงนี้เหวินจิ้งสาบานได้ว่าเห็นใบหน้าขาวนวลของพระจันทร์ขึ้นสีเรื่อ น้ำฟ้าและหมอกานต์ที่ถึงจะไม่เข้าใจบทสนทนาทั้งหมดก็ยังเห็นพระจันทร์หลบสายตาเหวินจิ้งพร้อมทั้งเห็นใบหูที่มันแดงๆขึ้นมาอย่างน่าดูชม
“เอาเถอะ...ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะบอก...ที่คุณเข้าใจน่ะถูกแล้ว ปีเตอร์ไม่ได้แค่เกลียดหยางหลง...แต่ปีเตอร์แค้นหยางหลงมากต่างหาก เพราะหยางหลงฆ่าคนรักของตัวเองตาย...” เหวินจิ้งเอ่ยบอกจนจบแบบสั้นๆ ซึ่งนั่นทำเอาน้ำฟ้าและพระจันทร์ต้องหันมาสบตากันอย่างตกใจในทันทีที่ได้ฟัง
“...ฟ้า สรุปว่าคุยอะไรกัน ทำไมต้องทำหน้าตกอกตกใจแบบนั้นด้วย...” คุณหมอณัฐกานต์ที่กำลังหาช่องจะแทรกเพราะก็อยากรู้เรื่องด้วยคนสบโอกาสถามพลางดึงแขนเสื้อเพื่อนยิกๆ
“...พระจันทร์ไปเจอรูปคนที่ทำให้คุณอาทิตย์กับคุณมังกรทะเลาะกันที่ห้องของนายปีเตอร์ โจว...แล้วคุณเหวินจิ้งก็เล่าให้ฟังว่าคนคนนั้นคือคนรักของนายปีเตอร์ ซึ่งถูกคุณอาทิตย์ฆ่าตายไปแล้ว...นายปีเตอร์ โจวก็เลยแค้นฝังหุ่นคุณอาทิตย์...” น้ำฟ้าเอ่ยเล่าแบบคร่าวๆโดยไม่ได้มองหน้าเพื่อน จึงไม่รู้ว่าคำบอกเล่าของตนไม่ได้ช่วยไขความกระจ่างอะไรให้เพื่อนหมอหน้าใสของตนได้ซักเท่าไหร่เลย
“อ๋อ...แล้วปีเตอร์จง...ปีเตอร์โจวนี่...ใครกันอ่ะ” คุณหมอถามแบบหน้ามึน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้ยินชื่อที่ว่านั่น ส่วนน้ำฟ้านั้นพอจะเคยได้ยินเรื่องราวของผู้จัดงานนี้มาบ้างจากสามีตัวเอง
“ปีเตอร์ โจว...เป็นหลานชายของมิสเตอร์อัลเบิร์ต โจว...คนจัดงานนี้ยังไงล่ะครับพี่หมอ...” พระจันทร์เอ่ยตอบข้อสงสัยของเพื่อนพี่ชายให้แทนเป็นภาษาไทย และนั่นก็ทำให้คุณหมอกานต์อ้าปากค้างเพราะเริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ฮ๊า! งั้นก็หมายความว่า...พวกเราหลงมาอยู่ในดงศัตรูงั้นเหรอเนี่ย!...ถ้าพวกมันคิดจะทำร้ายคุณสุริยะมณฑลหรือพวกเราคนใดคนหนึ่งก็ทำได้ง่ายดายเลยน่ะสิ...อยู่ภายใต้จมูกมันนี่เอง...” คนพูดพูดพลางรีบกระแซะตัวเพื่อนด้วยความกลัว สอดส่ายสายตาซ้ายขวาอย่างตีตนไปก่อนไข้
“ถ้าเขาจะทำอะไรเขาก็คงจะทำไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะหมอกานต์...เพราะฉันเคยถามพี่ตะวันเรื่องคุณอาทิตย์กับคุณมังกร เห็นว่าเขาเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ทะเลาะกันจนแตกหักเมื่อนานมากมาแล้วนะ...ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยพระจันทร์” ท้ายประโยคคนพูดหันไปถามน้องชายตัวเองซึ่งกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับเรื่องที่ได้รู้ ซึ่งพระจันทร์ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“...ลูน่า ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าถึงคุณจะรู้เรื่องตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก อย่าทำหน้าเครียดไปเลย...” เหวินจิ้งผู้ไม่เคยปลอบใจคนอื่นมาก่อนทั้งชีวิตอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงบอกคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างตัว
เจ้าหนูไวโอลินที่ตอนนี้ปากเหนียวเหนอะหนะจากการกินองุ่นของโปรดเริ่มทำการพยายามคลานและปีนตัวเองออกจากตักเหวินจิ้ง เพื่อไปนั่งจุ่มปุ๊กอยู่กับตักของใครอีกคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ มือน้อยที่ถือกลีบส้มอยู่ยื่นไปที่ปากน้าชายแล้วเอ่ยเสียงงุ้งงิ้งเบาๆว่า
“น้าจัน...กินโส้ม...น้าจัน อย่าย้องนะ...” เสียงเด็กวัยสองขวบกว่าที่ดังขึ้นทำให้พระจันทร์ยิ้มออกมาได้ เจ้าหนูตัวน้อยดูยังไงว่าเขาจะร้องไห้กัน
“น้าจันทร์ไม่ได้ร้อง...ไม่มีน้ำตาเลยซักหยดเห็นมั้ย” พระจันทร์ช้อนสองแขนเข้าไปใต้จักแร้ของหนูลินแล้วยกขึ้นมานั่งตักของตัวเองดีๆ หยิบกระดาษทิชชู่มาชุบน้ำเปล่าในแก้วน้ำตัวเองแล้วเอามาเช็ดรอบปากให้หนูน้อยที่ตอนนี้มันเหนียวเหนอะจนเห็นคราบ
“น้าจัน...you’re face...not happy (หน้าคุณ ดูไม่มีความสุขเลย)” เด็กน้อยพูดปนสองภาษา เมื่อนึกภาษาแม่ของตัวเองไม่ออกว่าจะบรรยายอาการของคนเป็นน้าชายได้อย่างไร เด็กน้อยยอมยื่นหน้าให้พระจันทร์เช็ดรอบปากด้วยทิชชู่เย็นๆแต่โดยดี ก่อนจะจัดการให้มันเลอะซ้ำอีกครั้งทันทีด้วยการเอากลีบส้มที่ตอนแรกจะยื่นให้น้าชายเข้าปากตัวเองแทน
“น้าจัน...หงุ่นอีก...” เคี้ยวส้มยังไม่ทันหมด เจ้าหนูน้อยก็เรียกร้องของโปรดพร้อมชี้มือป้อมๆไปทางถาดผลไม้ คนเป็นแม่มองอาการเอาแต่ใจ ชี้นกได้นก ชี้ไม้ได้ไม้ของลูกชายแล้วก็ต้องส่ายศีรษะ...นิสัยก๊อปปี้พ่อของตัวเองมาเหมือนเปี๊ยบ...
“จันทร์อย่าไปตามใจลูกพี่มาก...กินทั้งวันจนอ้วนตุ๊บกลายเป็นลูกหมูแล้ว” น้ำฟ้าเอ่ยบอกน้องชายที่กำลังเริ่มปอกองุ่นยื่นให้เจ้าตัวเล็กบนตักตามคำขอ พระจันทร์เงยหน้ามายิ้มเล็กๆให้พี่ชาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบตามใจเจ้าตัวน้อยที่กินเก่งเสียจนคนป้อนเพลินมือ
...ก๊อก...ก๊อก...“คุณฟ้าครับ...คุณหงส์มาหาครับ” จู่ๆเสียงเอ่ยจากซึโยชิ บอดี้การ์ดหนุ่มหน้าห้องตัวเองก็ดังขึ้น คนทั้งสามยกเว้นเหวินจิ้งที่ไม่เข้าใจภาษาไทยหันมองหน้ากันอย่างแอบสงสัยนิดๆ ว่าคนที่มาหามีธุระอะไรกับใคร
“เปิดเถอะครับคุณโยชิ” แต่ถึงกระนั้นน้ำฟ้าก็เอ่ยอนุญาต เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องให้น่ากังวลอะไรเพราะรู้ๆกันอยู่ว่าหงส์นั้นคือคู่หมั้นของสุริยะมณฑล
รูปร่างสูงเพรียวของหงส์ในชุดเดรสสั้นสีแดงอ่อนพร้อมรองเท้าส้นสูงสีดำเล่นลายระยิบเดินก้าวเข้ามาในห้อง บรรยากาศรอบด้านมีแต่ความมั่นใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีอำนาจที่เจ้าตัวจงใจแสดงออกมา พระจันทร์เงยมองผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่แล้วก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆที่ให้รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้า ไม่ใช่ ‘หงส์’ ที่เขาเคยรู้จักก่อนหน้านี้
“ขอโทษนะคะที่จู่ๆก็มา...แต่หงส์มีเรื่องที่ต้องพูด...กับพระจันทร์...” หญิงสาวพูดจบก็มองจ้องมาที่พระจันทร์ คนถูกเอ่ยนามเงยใบหน้าที่แสดงความสงสัยออกมาอย่างเต็มเปี่ยมขึ้นช้อนมองคนที่มีเรื่องจะพูดด้วย ก็พบเพียงดวงตาคมเฉี่ยวที่มองจ้องสบตาอย่างตรงๆไม่มีหลบเช่นกัน
---------------------------- - - - - - - ------- - - - --- - - ------ - --- -- -
