พระจันทร์กำลังนั่งป้อนอาหารให้หนูน้อยไวโอลินอยู่ตอนที่เจ้าของห้องตัวจริงเปิดประตูกลับเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ สีหน้าท่าทางบึ้งตึงของคนเพิ่งกลับบ่งบอกว่าคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักอย่างเห็นได้ชัด พระจันทร์ที่เงยหน้าขึ้นมามองจึงทำเพียงยิ้มนิดๆให้แทนการออกเสียงทักทาย เพราะไม่แน่ใจนักว่าคำพูดตัวเองจะไปกระตุ้นต่อมอะไรให้พี่ท่านอารมณ์พุ่งปรี๊ดหนักกว่าเดินหรือเปล่า
แต่ท่าทางแบบนั้นของพระจันทร์กลับทำให้อีกคนตีความหมายไปอีกทางว่าพระจันทร์กำลังพยายามทำท่าทาง ‘เฉยชา’ ใส่...ไม่รู้ว่ายังไม่พอใจเรื่องที่เมื่อคืนเขาแกล้งหนักไป หรือว่ามีใครมาพูดอะไรเข้าอีก...
...แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไร ตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องเคลียร์กันอย่างจริงจังอยู่ โดยที่ไม่มี ‘เจ้าเปี๊ยก’ บนตักคู่สนทนานั่งมองเขาตาแป๋วเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอยู่อย่างนี้...
“พระจันทร์...เอาไอ้ตัวเล็กนี่กลับไปคืนพ่อแม่เขาได้แล้ว...”
“เอ่อ...คืนนี้หนูลิน...จะนอนที่นี่ครับ” คนพูดป้อนเนื้ออกไก่ฉีกเข้าปากเล็กๆที่อ้ารอเป็นลูกนกรออาหารพลางเอ่ย ทว่าเสียงเข้มที่ดุกลับมาทำให้พระจันทร์เริ่มมีอาการคิ้วขมวดขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้! หนูลิน...เดินกลับไปห้องตัวเองได้แล้ว ไปหาแม่ฟ้ากับพ่อตะวันไป...” เมื่อเห็นว่าบอกคนเป็นน้าของเด็กแล้วไม่ได้ผลจึงหันไปเอ่ยกับเด็กน้อยวัยสองขวบกว่าแทน
“แม่ฟ้า...” แต่เด็กน้อยทำเพียงทวนคำของเขาแล้วลากเสียงยาว พลางอ้าปากรอเนื้ออกไก่จิ้มซอสรสหวานของโปรดของตัวเองต่อไป ไม่มีทีท่าจะสนใจคำสั่งของคนเป็นลุงเลยแต่น้อย
คนออกคำสั่งที่ยืนเก้ออยู่กลางห้องจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วกระแทกร่างกายตัวเองลงนั่งบนโซฟาข้างๆพระจันทร์แรงๆแทน
“พี่ยะ! เบาๆสิ...หนูลินตกใจหมดแล้ว” เสียงอ่อนพูดดุเขาแบบไม่จริงจังนัก
“ลุงยะ...นิสายม่ายดี...” แถมยังได้รับเสียงเล็กๆเป็นการสนับสนุนอีกแน่ะ
“ไม่เอาลูกไม่ว่าลุงยะ...หนูลินเป็นเด็ก ว่าผู้ใหญ่ไม่ดีนะครับ...”
อืม...ยังดีที่พระจันทร์หัดสอนหลานเป็น คนเป็นลุงยะของหนูลินจึงหรี่ตาจ้องร่างตุ้ยนุ้ยบนตักพระจันทร์แล้วเห็นท่าว่าคงจะหนักอยู่พอสมควร ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะสอดแขนเข้าใต้จั๊กแร้หลาน แล้วยกพามาวางไว้บนตักตัวเองแทน เจ้าหนูลินก็ไม่มีอาการต่อต้านใดๆ คนเป็นลุงจับวางท่าไหนก็ท่านั้น ขยับแต่ปากอ้ารอเนื้อไก่จากคนเป็นน้าท่าเดียว
“มีคนรายงานพี่...ว่าวันนี้จันทร์เข้าไปในห้องของไอ้ปีเตอร์ โจว...เข้าไปทำไม เรารู้จักมันเหรอ มีธุระอะไรกับมันทำไมไม่บอกพี่...”
“พี่ยะ...ถามมาขนาดนี้จันทร์ตอบไม่ทัน” เสียงพระจันทร์ที่พูดออกมามีแววอ่อนอกอ่อนใจ สุริยะมณฑลรู้ว่าเรื่องนี้เข้ามากวนใจเขาตั้งแต่เช้า มันทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยทั้งวัน แม้กระทั่งการที่พวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายพยายามเข้ามาเสนอลูกสาวให้เขาตลอดงานรับรองยังไม่น่ารำคาญน่ากวนใจเท่าเรื่องนี้เลย...นี่ก็รอเวลากลับมาสะสาง ตั้งใจว่าจะได้อยู่คุยกันสองคนเสียหน่อย ก็ดันมีคนที่สามเข้ามาแบบไม่ได้รับเชิญเสียอย่างนั้น...แม้ว่าคนที่สามที่ว่าจะเป็นเพียงแค่เด็กอายุสองขวบกว่าก็เถอะนะ
“งั้นเราก็ตอบพี่มาทีละเรื่อง...เราไปห้องของปีเตอร์ โจวมันทำไม...รู้จักมันงั้นเหรอ”
...ไหนบอกทีละเรื่อง นี่ถามมาตั้งสอง แถมแค่คำถามแรกพระจันทร์ก็ต้องร่ายยาวตอบให้หมดทุกเรื่องอยู่แล้วด้วย...เด็กหนุ่มคิดอุบอิบอยู่ในใจ
“จันทร์ไม่รู้จักเขา...แต่เผอิญเมื่อเช้าจันทร์เจอคุณหลิน เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณปีเตอร์ เลยแนะนำให้เรารู้จักกัน เขาเลยอยากเลี้ยงอาหารเช้าจันทร์แค่นั้นเอง...”
“แค่อาหารเช้าทำไมต้องให้มันเลี้ยงด้วย...ห้องอาหารก็มีให้กินฟรี จะสั่งมาทานที่ห้องพี่ก็ได้ ทำไมต้องตอบรับไปกินอาหารเช้ากับมันด้วยพระจันทร์” ยิ่งพูดสีหน้าสุริยะมณฑลก็ยิ่งเครียดเขม็ง จนหนูลินที่นั่งอยู่บนตักต้องเงยหน้ามองแล้วเอามือแตะๆคางสากเพราะเอื้อมแขนไม่ถึงคิ้ว ให้สีหน้าของคนเป็นลุงคลายอารมณ์โกรธลงบ้าง
“พี่ยะอย่ามาตีรวนจันทร์นะ...จันทร์แค่ตอบรับเขาตามมารยาท”
“ตามมารยาทก็ไม่ได้ พี่ไม่อนุญาต!...” รังสิมันต์ตวัดดวงตาเขียวขุ่นลงก้มมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงป้อนอาหารให้เด็กน้อยบนตักเขาต่อไป
“พี่ยะมีเหตุผลหน่อยได้มั้ยครับ...จันทร์ก็พยายามปฏิเสธไปแล้วแต่ ณ เวลานั้นถ้ายืนกรานเสียงแข็งมากไปมันก็เสียมารยาท ก็แค่ไปกินข้าวเช้าเท่านั้นเอง คุณหลินก็ไป...พี่ยะจะโกรธอะไรนักหนา...” คนพยายามอธิบายต้องใช้พยายามอย่างเต็มเปี่ยมในการที่จะบังคับไม่ให้เสียงมันสั่น ก็การต้องรับมือกับสุริยะมณฑลที่มีอารมณ์โกรธแบบนี้มันง่ายเสียที่ไหน...พระจันทร์ก็คนธรรมดา กลัวเป็นเหมือนกันนะ...ยิ่งคิดถึงอารมณ์คนตรงหน้าตอนที่ ‘ลงโทษ’ เขาเมื่อคืนแล้วยังหวั่นไม่หาย เขาไม่ชอบพี่ยะที่เป็นอย่างนั้นเลย...
“...เหตุผลพี่มีข้อเดียว...คือพี่เป็นห่วงจันทร์...พอมั้ยกับการที่จะทำให้จันทร์เลิกทำตัวให้พี่ต้องโกรธแบบนี้อีก
ไม่รู้รึไงว่าพี่กับมันไม่ถูกกัน เกิดมันทำอะไรจันทร์แล้วตี้เฉินเข้าไปช่วยไว้ไม่ทัน คิดบ้างมั้ยว่าใจพี่มันจะเป็นยังไง...หากจันทร์เป็นอะไรไปมันคือความผิดของพี่คนเดียว...กรุณาเข้าใจเอาไว้ด้วย”
พระจันทร์วางมือที่ถือเนื้อไก่ไว้บนตักตัวเองก่อนจะเงยมองคนพูด ใบหน้าของสุริยะมณฑลในตอนนี้มีแต่แววความเครียดขึงและจริงจัง เข้าใจดีว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั้นไม่ได้ล้อเล่น...ภายใต้ความเครียดขึงนั้นมีแววของความห่วงหาอาทรณ์เขาอยู่จริงๆ...นั่นสินะ...ก็ตอนนี้พระจันทร์เป็นเด็กในความปกครองของเขา หากเขาเป็นอะไรไป...ก็อาจใช่ที่มันคงจะตกเป็นความผิดของเขาคนเดียวจริงๆ
“พี่ยะก็ไม่ถูกกับคนอื่นเขาไปทั่วนั่นแหละ...” ไม่ได้ตั้งใจพูดเสียงดังเลยซักนิด แต่อีกคนดันหูดีเกินไปต่างหากจึงสวนกลับเขามาทันควันได้อย่างน่าน้อยใจที่สุดว่า...
“จันทร์เองก็ยุ่งกับผู้ชายคนอื่นเขาไปทั่วเหมือนกัน...” พูดออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองนัก เพราะคนฟังเริ่มตีหยาดน้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยตาใสในทันที “...ไหนจะไอ้กร แล้วยังไอ้ปีเตอร์นั่นอีก...หวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีผู้ชายคนไหนโผล่ออกมาเป็นคนรู้จักของเราอีกหรอกนะ” แต่พูดไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ไหนก็ไหนๆแล้วขอพูดให้หมดหน้าตักเลยแล้วกัน
พระจันทร์กัดริมฝีปากเพื่อกลั้นอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นมาในอก มันจะมากไปแล้วนะที่มาดูถูกกันแบบนี้ พี่ยะเห็นเขาเป็นคนยังไง เห็นเขาเป็นพวก ‘ร่าน’ ผู้ชายนักงั้นเหรอ...
...คนใจร้าย...
แสดงให้เห็นอยู่ทุกวันแล้วแท้ๆว่าตัวเขา ‘รัก’ ใคร...และคิดกับใครยังไง...
เด็กหนุ่มช้อนมองคนพูดด้วยแววตาร้าวรานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มือบางวางถ้วยข้าวลงบนโต๊ะ แย่งช้อนตัวหนูลินขึ้นอุ้มเข้าเอว เตรียมจะพาเดินออกนอกห้องเพื่อไปยังห้องติดกัน เพราะหมดอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเต็มที
“จะไปไหนอีก...ไปอาบน้ำแต่งตัว เราต้องออกไปงานคืนนี้กับพี่...” นอกจากพูดแล้วคนพูดยังเดินตามมาฉุดแขนคนตัวเล็กกว่าให้หันกลับไปมองกันก่อนคว้าตัวหนูลินมาอุ้มเอง
“จันทร์ไม่ไป จันทร์จะอยู่เลี้ยงหลานที่ห้อง...”
“ไปงานกับพี่นี่มันจะมีปัญหามากนักใช่มั้ย...แต่ทีไปกินข้าวกับไอ้ปีเตอร์นี่มันง่ายกว่างั้นสิ...” ไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดประชดอะไรเอาตอนนี้หรอกนะ แต่อารมณ์ที่มันยังไม่สงบลงชักนำให้คำพูดมันพ่นออกไปก่อนทันได้ไตร่ตรองน่ะสิ
“ก็แล้วแต่พี่จะคิด...แต่จันทร์ไม่ไป จันทร์จะพาหนูลินไปอยู่ห้องพี่ฟ้า...”
“ฟ้าก็ไป...” เสียงทุ้มเริ่มติดห้วนเมื่ออีกคนทำตัวขัดใจเขา ไม่ยอมตามใจเหมือนทุกที “ฟ้าไปกับตะวัน เพราะฉะนั้นห้องนั้นจะไม่มีคนอยู่”
“งะ...งั้นจันทร์อยู่กันสองคนกับหนูลินที่ห้องแล้วกัน พี่ยะจะไปก็ไปเถอะ...”
“ถามจริง...นี่เราตั้งใจแค่จะรวนพี่เล่นๆหรือกะจะเถียงพี่หัวชนฝาจริงๆ หืม?”
“...” พระจันทร์เงียบเสียงไม่ตอบโต้
สุริยะมณฑลรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นมาอย่างที่ไม่สามารถหาเหตุที่มันสมเหตุสมผลมาอธิบายได้ คนนั่งบนโซฟาตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างกายสูงใหญ่และสง่าผ่าเผยของคนที่เพิ่งลุกยืนมาประจันหน้ากันทำให้พระจันทร์ผงะถอยหลังไปก้าวครึ่ง ท่อนแขนใหญ่แข็งแรงยกมาสอดเข้าใต้รักแร้ของเด็กน้อยในอ้อมแขนพระจันทร์ เด็กตราสมบูรณ์ก็ดีใจหาย พอลุงมาขออุ้มตัวเองก็ยอมโอนอ่อนเอนเข้าหาไม่มีขัดขืน พอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของลุงได้แล้วก็พากันมองมาที่พระจันทร์เหมือนเป็นรายต่อไป...
“จะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเองหรือจะให้พี่เปลี่ยนให้...บอกไว้ก่อนว่าคราวนี้พี่พูดจริง ไม่ได้แกล้งขู่เหมือนที่ผ่านมาหรอกนะ...” สายตาดุดันที่ติดแววหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดทำให้พระจันทร์ทำอายระขัดขืนได้แต่เพียงสายตา ส่วนตัวนั้นโดนมือใหญ่ผลักดันให้ไปทางห้องน้ำเรียบร้อย
พระจันทร์หันเหลือบกลับไปมองร่างสูงใหญ่กับเด็กตัวเล็กที่พากันไปเอนหลังนอนยาวอยู่บนเตียงกว้างอย่างสบายใจ นิ้วเล็กของหนูไวโอลินเกี่ยวพันเข้เนกไทด์ลุงแล้วชวนคุยโน่นนี่นั่นอย่างสนุกสนาน ไม่ได้รู้เลยว่าทั้งคู่นั้นกำลังปล่อยให้ใครคนหนึ่งค่อยๆใจหาย และหายใจช้าลงเข้าไปทุกทีที่คิดว่า...เขากำลังมีสิทธิ์ได้มองภาพเหล่านี้อยู่อีกไม่นานแล้ว...
---------------------------- - - - - - - ------- - - - --- - - ------ - --- -- -
to be continue...
ตอนใหม่จะตามมาเร็วๆนี้นะจุ๊บุ
