“...” พระจันทร์นิ่งเงียบฟังที่อชิระกำลังเล่า ไม่นึกเลยว่าในระหว่างสองปีที่ผ่านมา ลูกน้องของพ่อคนนี้จะทำอะไรมากมายขนาดนี้เพื่อช่วยแก้แค้นให้พ่อของเขา ในขณะที่เขากำลังอยู่อย่างสุขสบาย ภายใต้การกางปีกปกป้องของฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเขาเอง
...ความรู้สึกผิดบาปและละอายใจเริ่มตีกลับขึ้นมาในหัวใจของเขาอีกแล้ว...
“ผมยังพยายามตามหามัน พร้อมๆกับที่พยายามตามหาคุณหนู...จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมไปเห็นโปสเตอร์ที่มีรูปคุณหนูเข้า...คุณหนูถ่ายกับมัน ผมจำรอยสักที่หลังของมันได้...รอยสักรูปพระอาทิตย์ รอยเดียวกับที่พ่อของมันมี! แต่เพื่อความแน่ใจ ผมจึงบุกไปหาคนที่กองถ่ายแล้วก็สอบถามความจริงอีกครั้ง ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันหมดว่ามันเป็นมาหาตัวคุณหนูกลับไปเอง...หลังจากนั้นผมจึงให้คนของผมคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของมันอยู่ตลอด พอสบโอกาสผมก็พยายามที่จะให้คนของผมพาตัวคุณหนูกลับมา...แต่...ผมก็พลาด แผนของผมผิดพลาดทุกครั้ง ผมไม่สามารถชิงตัวคุณหนูกลับมาจากมันได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว...”
สิ้นสุดคำอธิบายของอชิระ พระจันทร์ก็ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ครั้งที่เขาดื้อกับสุริยะมณฑล เพราะต้องการจะหาเงินให้ได้ด้วยตัวเองจึงยอมตกลงไปถ่ายแบบเครื่องนอนให้กับแมวมองคนนั้น ไม่นึกเลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้มาพบกับลูกน้องเก่าของพ่ออย่างอาอาชิระคนนี้อีกครั้ง
“แต่...เดี๋ยวก่อนนะครับอา อาบอกว่าแผนของอาพลาดทุกครั้ง...หรือว่า...เรื่องที่จิมซาโจ่ยตอนนั้น กับวันที่ผมกลับจากมหาวิทยาลัย...คนที่มาโจมตีรถของผมคือ...”
“ใช่ครับคุณหนู...เป็นคนของผมเอง” อชิระตอบ สายตาตวัดไปทางเหวินจิ้งที่ยืนจับแขนพระจันทร์อยู่ใกล้ๆ แล้วตัดสินใจเปลี่ยนประโยคที่กำลังจะพูดต่อไปให้เป็นภาษาจีน เพื่อที่ว่าเพื่อนของลูกชายเจ้านายจะได้เข้าใจด้วยเช่นกัน
“...ผมชื่ออาฉี เป็นคนของท่านปีเตอร์ โจว ต้องขอโทษด้วยที่ทำกับคุณแบบนี้ เพราะผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณเป็นเพื่อนของลูกชายผู้มีพระคุณของผม” อชิระแนะนำตัวเองคร่าวๆพร้อมโค้งให้เหวินจิ้งนิดๆ ชายหนุ่มร่างสูงกว่าพระจันทร์หันมองไปทางเด็กหนุ่มชาวไทย ซึ่งก็หันมองตอบเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ สองมือพนมขึ้นก่อนจะเอ่ยปากขอโทษเขาเป็นภาษาจีนเมื่อคนที่จับเขามาเป็นคนรู้จักของเขาเอง...
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...!” เหวินจิ้งรับคำขอโทษจากพระจันทร์ แต่หันไปตวาดเสียงดังใส่อชิระ ซึ่งคนโดนตวาดใส่ก็ไม่สะทกสะท้าน กลับหันหน้ามามองเขาอย่างเต็มตาพลางเอ่ยว่า...
“ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนกับคุณหนูของผม เรื่องต่อไปที่ผมจะบอกคุณก็ต้องมีสิทธิ์รับรู้ เพราะมันคือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณเอง...” อชิระจั่วหัวไว้พลางมองสบตาตอบเหวินจิ้งอย่างตรงไปตรงมา พระจันทร์เลื่อนมือลงไปประสานกับเหวินจิ้ง เพราะเขาเริ่มเดาออกแล้วว่าเรื่องที่อชิระกำลังจะพูดต่อไปนั้นคือเรื่องอะไร
“หลังจากที่ผมได้พบคุณหนูบนโปสเตอร์แผ่นนั้น และตามไปถามข่าวของคุณหนูถึงที่กองถ่าย...ผมก็ยังได้รับทราบเรื่องจากอาเฉิน...ตากล้องที่ถ่ายรูปของคุณหนูในวันนั้นเพิ่มเติมมาอีกว่า... ‘มัน’ มีเรื่องไม่ลงรอยกันกับคุณเหวินจิ้ง ที่เป็นนายแบบคู่กับคุณหนู ผมก็เลยเอาเรื่องนี้มาใช้ในแผน...โดยการสั่งให้ลูกน้องที่ตามคุณหนูไปวันนั้น ว่าถ้าหากถูกจับได้ก็ให้ซัดทอดไปที่คุณเหวินจิ้ง เรื่องมันจะได้ไม่สาวมาถึงตัวของท่านปีเตอร์ ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย...เรื่องนี้ ผมต้องขอโทษคุณเหวินจิ้งจริงๆนะครับ ที่ทำให้ลำบาก...” อชิระพูดแล้วก็โค้งตัวให้เหวินจิ้งอย่างสวยงามหนึ่งครั้ง ทว่าคนฟังที่เพิ่งรู้ตัวคนบงการใส่ร้ายเขากลับกำมือแน่น กัดฟันกรอด ผรุสวาทด่าอชิระออกมาเสียงดังลั่นเรือ
“ไอ้สารเลว!!! แกเอาฉันเข้าไปเกี่ยว...แกรู้บ้างมั้ย! ว่าไอ้สิ่งที่แกทำ มันทำให้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง!! ไอ้ชั่ว...!!! ไอ้...” เหวินจิ้งตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปหาอชิระแล้วปล่อยหมัดลงไปให้หายแค้น ทว่าพระจันทร์กลับเป็นคนยื่นแขนออกมากอดเหวินจิ้งเพื่อรั้งตัวเอาไว้ เขากอดรัดเหวินจิ้งแน่นอย่างสุดความสามารถก่อนจะพูดออกมาเคล้าสะอื้นเล็กๆว่า
“คุณเหวินจิ้ง...ผมขอโทษแทนอาชิด้วย...อาทำก็เพราะผม ผมเป็นต้นเหตุให้คุณต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้...ผมขอโทษนะครับ ถ้าจะโทษ...ก็ต้องโทษผม...นะครับคุณเหวินจิ้ง ผมขอโทษ...”
เหวินจิ้งหันมองเด็กหนุ่มชาวไทยที่กอดเขาเอาไว้ แววตาสำนึกผิดทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้อะไรในเรื่องนี้มาก่อนเหมือนกับเขาทำให้เหวินจิ้งโกรธไม่ลง สายตาโกรธขึ้งตวัดกลับไปที่อชิระ ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงตั้งรับอยู่นิ่งๆ ยืนมองอาการของทั้งเขาและเหวินจิ้งอยู่เงียบๆ ซึ่งพระจันทร์ก็พอดูออก ว่าในแววตาของอชิระไม่ได้มีความสำนึกผิดจริงอย่างที่พูดเลยซักนิด...ตอนนี้เขารู้สึกสงสารเหวินจิ้งเป็นที่สุดที่จู่ๆก็โดนลากเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลย
“คุณหนูครับ...ผมพยายามหาวิธีและช่องทางมากมายที่จะพาตัวคุณหนูกลับมา...ผมรู้ดี ว่าคุณหนูคงไม่ได้มีความสุขอยู่ที่นั่นแน่ คนอย่างมัน...คงกะจะเอาตัวคุณหนูไว้โขกสับ ไว้ทรมานเล่นใช่มั้ยครับ ไม่ต้องกลัวนะครับคุณหนู ต่อจากนี้มันจะไม่สามารถเข้ามาทำอะไรคุณหนูได้อีก...ไว้เราออกพ้นเขตฮ่องกงเมื่อไหร่ มันก็จะหมดอำนาจที่จะมายุ่งเกี่ยวกับพวกเราทันที” ความนี้อชิระยังคงพูดต่อเป็นภาษาจีน เพื่อให้บุคคลที่สามอีกคนยังสามารถเข้าใจบทสนทนาได้อยู่ หลังจากที่เขาได้ละเลยความสนใจจากเหวินจิ้งมาตั้งแต่ต้น
ทั้งสองคนหันหน้ามองกัน แม้เหวินจิ้งจะไม่เข้าใจว่าทำไมอชิระ หรือ อาฉีคนนี้ถึงได้มีท่าทีแค้นคนที่เขาก็พอเดาออกว่าคงเป็นหยางหลง ผู้ปกครองของพระจันทร์นัก เพราะเขายังไม่ได้รับการบอกกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุ แต่เขาเดาเอาและเข้าใจเอง ว่าลูกน้องของนายปีเตอร์คนนี้คงแค่อยากพาตัวพระจันทร์กลับไปกับตัวเอง เพราะเป็นลูกของผู้มีพระคุณดังที่อาฉีคนนี้กล่าวอ้าง และคงมีเรื่องอะไรผิดใจกับหยางหลงมาแต่หนหลัง แต่...เขาก็ไม่เข้าใจคำพูดของอาฉีคนนี้จริงๆ
“อาชิครับ จันทร์...จันทร์ขอบคุณ...ที่อาชิยังคอยตามหาจันทร์อยู่ แต่ว่า...ความจริงแล้วพี่ยะ...”
“คุณหนู!! คุณหนูไปนับญาติกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ!”
“อาชิ...ใจเย็นๆนะ ฟังจันทร์ก่อน...ที่ผ่านมา พี่...เอ่อ เขาไม่เคยทำร้ายจันทร์...เขาคอยปกป้องแล้วก็ดูแล...”
“เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยครับ...
คุณหนูถึงรักมัน!”
“อะ...อาชิ...” พระจันทร์เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ตกใจ...ที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากของอชิระ
สักพักเดียว จู่ๆความรู้สึกเหมือนโดนใครซักคนค้นเจอความลับก็บีบเค้นให้เขาน้ำตาเอ่อคลอ ความรู้สึกผิดเริ่มตีตื้นขึ้นมาซ้ำ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนคนนั้นเป็นลูกน้องเก่าของพ่อของเขาเอง ความรู้สึกผิดก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณ...เขารักลูกชายของศัตรูพ่อ...
...เขารักพี่ยะ...
เขาปฏิเสธความรู้สึกนี้ไม่ได้...ทั้งๆที่ความรู้สึกนี้...ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเขาเลย
“วันนั้นผมได้ยิน ที่คุณหนูกับผู้ชายผมยาวคนนั้นคุยกัน...หึ...อันที่จริงที่ผ่านมาผมก็พอเดาออกตั้งแต่เห็นมันพาคุณหนูขึ้นเรือมาด้วยแล้ว...คุณหนูรักมัน...และมันก็เลือกคุณหนู ไม่ใช่นังคู่หมั้นจอมปลอมนั่น! เพราะฉะนั้นการที่ผมพาคุณหนูออกมาจากมันได้ ก็เป็นการแก้แค้นที่ทำให้ผมยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว...ได้ทั้งคุณหนูกลับมาอยู่กับพวกเรา แล้วยังได้ทำให้มันรู้สึกทรมานเหมือนตายทั้งเป็น...ที่ต้องเสียของรักของหวง...หึหึ”
เหวินจิ้งไม่เข้าใจว่าทั้งคู่สนทนาอะไรกันเป็นภาษาไทยอีกแล้ว แต่จากแววตาและการหัวเราะของอาฉีคนนี้มันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย...เหวินจิ้งกัดฟันกรอด กำมือแน่น...เรื่องอื่นเขาจะไม่พยายามสนใจนักว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับเด็กหนุ่มชาวไทยคนนี้อีกบ้าง...ตอนนี้เขาต้องดึงอารมณ์โกรธของตัวเองมาหยุดอยู่ที่เรื่องมันเป็นคนใส่ร้ายป้ายสีเขา...เขาจะทำยังไงดี จะหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้ยังไงดี!!
จู่ๆในขณะที่เหวินจิ้งกำลังเสสายตาหันมองไปรอบๆ กลางผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มตัดกับท้องฟ้าสีเทาขุ่นขมุกขมัว มันมีเงาดำอะไรบางอย่างพุ่งทะยานผ่านน้ำมาทางเรือที่พวกเขาอยู่ พอเพ่งมองดูดีๆมันคือสปีดโบ๊ทสามสี่ลำที่วิ่งฝ่าน้ำเข้ามาด้วยความเร็วสูง ในใจเหวินจิ้งกระตุกวาบ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเสื้อสีเหลืองขุ่นของหนึ่งในคนขับเรือมาจากไกลๆ เพราะจำได้ดีว่าเจ้าของคือใคร ในเมื่อตอนเช้านั้นเขาเป็นคนสวมเสื้อตัวนั้นให้ร่างกายสูงใหญ่ของมังกรด้วยตัวเอง
“เหมิงหลง...” เสียงพึมพำแหบต่ำของเหวินจิ้งเรียกสายตาจากทั้งพระจันทร์และอชิระให้หันมามองที่เขาเป็นตาเดียว อชิระตวัดสายตามองไปทางที่เหวินจิ้งกำลังมองค้างไว้ และพอเห็นในสิ่งที่เหวินจิ้งกำลังเห็น อชิระก็รีบวิ่งหายลับไปทางหัวเรือ พร้อมเสียงตะโกนบอกนายศักดิ์ที่ให้เร่งความเร็วเรือหนีสปีดโบ๊ทที่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆนั่น
“พวกเขา...” พระจันทร์มองตามสายตาของเหวินจิ้ง แม้จะเห็นไม่ชัดแต่เค้ารางของคนขับสปีดโบ๊ทลำที่อยู่หน้าสุดก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ ลำบากใจ และสุดท้ายก็คือหวาดกลัว...ตอนนี้พี่ยะไม่ควรจะมาเจอกับอาชิ เพราะมันจะไม่ปลอดภัยทั้งกับตัวอาชิเองแล้วก็ตัวพี่ยะด้วย
...แล้วแบบนี้เขาจะตัดสินใจยังไงดี...
...จะยอมกลับไปกับอาชิ...หรือ...จะยอมเป็นคนอกตัญญู ทำตามหัวใจตัวเอง...
...กลับไปอยู่เคียงข้างเขา...
...เขาจะทำยังไง...จะเลือกทางไหนดี...
------------------------------------------------------------- - - - ------ - - - -
สุริยะมณฑลมองตามจุดสีเขียวซึ่งกำลังวิ่งห่างออกไปบนหน้าจอด้วยใจว้าวุ่น สปีดโบ๊ทยี่ห้อเดียวกันที่วิ่งนำเดี่ยวอยู่ข้างหน้าเริ่มเห็นใกล้เข้ามาลิบๆ เหลือบตามองไปด้านข้างก็เจอเรือของมังกรกำลังวิ่งตีตื้นขึ้นมาขนาบเขา ปลายนิ้วชี้ของมังกรชี้ไปที่เรือลำที่ว่าแล้วหันกลับมาสบตาแฝงความนัยด้วย สุริยะมณฑลพยักหน้าให้ก่อนจะเร่งเครื่องขึ้นไปหาเรือลำนั้นด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงคนตัวบาง ไม่ต้องวางแผนอะไรออกมาเป็นคำพูดอีกเมื่อมังกรเห็นการขับเรือแบบนั้นของเพื่อน ชายหนุ่มเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำทันที มังกรเร่งเครื่องตามหลังสุริยะมณฑลไปแล้วก็ขึ้นแซงนำหน้า
กำลังเครื่องยนต์ของเรือลำที่จับคนของเขาไปมีพอๆกัน แต่ดูจากลักษณะการขับแล้วฝีมือมันคนละชั้น เขากับสุริยะมณฑลเป็นสิงห์นักบิดบนท้องถนนก็จริง แต่ใช่ว่าพอต้องลงมาบิดในน้ำแล้วพวกเขาจะจอดเสียเมื่อไหร่ ซึโยชิลูกน้องของรังสิมันต์ที่ติดตามมาด้วยกับเรือของคนของมังกรเข้าไปแย่งที่นั่งคนขับ แล้วจัดการซิ่งเสียเอง อาศัยประสบการณ์สมัยอยู่ญี่ปุ่นขับตามประกบมังกร ปล่อยให้ซานตงขับตามสุริยะมณฑลไป
คลื่นน้ำเริ่มสูงขึ้นเมื่อตัวเรือเริ่มฝ่าเข้าส่วนของทะเลลึก ประกอบกับท้องฟ้าเบื้องบนที่เริ่มมีเสียงครืนครางของฟ้าฝนดังไล่หลังมา ทำให้คนเรือทุกคนรู้ทันทีว่าพายุกำลังเข้า อชิระทุบมือกับคอนโซลเรืออย่างหัวเสีย เขาต้องขับออกนอกเส้นทางมาไกลก็เพราะโดนพวกมันคอยตามจองล้างจองผลาญกันไม่เลิก...แต่อย่าคิดว่าเขาจะยอมให้มันชนะอีก คราวนี้เขาลงทุนลงแรงไปเยอะ...ไม่ยอมให้มันเสียเปล่าหรอก
“พี่ ฝนทำท่าจะตก...ผมคิดว่าถ้าเรายังขับเรือวนอยู่อย่างนี้ไม่รีบขึ้นฝั่ง เราจะแย่กันนะพี่...” นายศักดิ์ที่รับหน้าที่เป็นคนขับเรือบอกอชิระ หนุ่มใหญ่ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ใกล้คนขับเรือเห็นจริงดังที่เพื่อนร่วมแผนการณ์ว่า ทว่าจะให้เขาถอยหลังตอนนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงก็ต้องลองชนกับพวกมันดูอีกซักตั้ง...อชิระมั่นใจว่าคราวนี้เขาเป็นต่อแน่ เพราะเด็กหนุ่มสองคนที่เขาพาอยู่หลังเรือนั่นเป็นเกราะป้องกันพวกเขาได้อย่างดี ไม่มีทางที่พวกมันจะทำอะไรเขาได้แน่ตราบใดที่คุณหนูยังอยู่บนเรือลำนี้
“เฮ้ยยยย!!!” จู่ๆทั้งคู่ก็ต้องอุทานออกมาดังลั่น เมื่อเรือลำหนึ่งที่คนขับเรือเป็นชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อสู่ตัวนอกสีเหลืองขุ่นเร่งความเร็วเรือขึ้นสูงสุดจนแซงเรือเขาไปได้ แล้วมันก็หักหัวเรือปาดหน้าเขาอย่างกะทันหัน...ดีที่นายศักดิ์ขับเร็วไม่เท่าจึงได้หยุดชะงักเรือทัน
“เฮ้ย...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ถอยไป!!” หนุ่มใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมยกปืนขึ้นขู่ฝั่งคนอายุน้อยกว่า ถึงอชิระจะเพิ่งมาทำงานกับปีเตอร์ได้ไม่นาน แต่คนดังแห่งฝั่งเกาลูนคนนี้ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จัก ถึงจะไม่ละเอียดนักก็เถอะ
“คงไม่ได้หรอกมั้งลุง หลังเรือน่ะคนของผม...ลุงเป็นใคร แล้วจับพระจันทร์กับเหวินจิ้งมาทำไม” แม้จะโดนถือปืนขู่แต่เหวินจิ้งก็ไม่ถามกลับแบบไม่กลัวเกรง มองหน้าค่าตาแล้วตอนแรกเขานึกว่าลูกน้องของนายปีเตอร์คนนี้จะเป็นคนจีนเสียอีก แต่ได้ยินคำถามเป็นภาษาไทยมาแล้วก็ทำให้เขาเริ่มสงสัย...ท่าทางแบบนี้ไม่น่าจะใช่แผนของไอ้ปีเตอร์มันแล้ว...ท่าทางเหมือนจะเป็นแค้นส่วนตัว
...แต่...แล้วแค้นของใคร...ของพระจันทร์งั้นหรือ...
“มันไม่ใช่เรื่องของแก ถ้าไม่อยากตายอยู่กลางทะเลนี่ก็ถอยไปซะ!” อชิระหัวเสียหนัก เมื่อจู่ๆก็โดนคนที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขัดขวาง...
“พี่ชิ! ข้างหลัง...!!!” จู่ๆนายศักดิ์ที่หันมองผ่านไปข้างหลังเพื่อหาทางหนีทีไล่ก็ตะโกนเรียกอชิระดังลั่น เพราะตรงนั้นมีร่างสูงใหญ่ของสุริยะมณฑลเพิ่งกระโดดขึ้นมาบนเรือ และทำท่าจะเดินเข้าไปหาคุณหนูของพวกเขา อชิระที่หันมองตามเสียงเรียกกัดฟันกรอด หมดความสนใจกับมังกรที่ยังขวางลำเรืออยู่ข้างหน้ารีบกระโดดไปหลังเรือทันที
โชคดีที่สปีดโบ๊ทไม่ได้ลำใหญ่มาก ระยะไม่ได้ยาว อชิระจึงทันกระโดดเข้าขวางกลางระหว่างสุริยะมณฑลและพระจันทร์ ปืนพกประจำมือสีดำมะเมื่อมถูกยกขึ้นมาจ่อในระยะประชิด แว่บแรกที่สุริยะมณฑลมองเห็นคนเข้ามาขวางเขาก็เกือบเผลอยกปืนขึ้นมาสวนเข้าให้แล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงพระจันทร์ที่ดังขึ้นด้วยความตกใจ และเรียกคนตรงหน้าด้วยอาการแบบคนรู้จักกัน
“อย่าครับอาชิ! อย่ายิงเขา...จันทร์ขอร้อง...” พระจันทร์ที่จับมือเหวินจิ้งเอาไว้ตะโกนขัดขึ้น และนั่นก็ทำให้อชิระตัดใจกดนิ้วที่ไกปืนไม่ลง ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วแท้ๆ...ว่าหากคราวหน้าได้เจอมันอีก...เขาจะไม่มีอาการลังเลในการที่จะฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้กับเจ้านายของตัวเองเลย
“จะให้อาไม่ยิงมันได้ยังไง ก็ในเมื่อมันฆ่าผู้มีพระคุณของอา จันทร์เป็นลูกแท้ๆทำไมถึงไม่แค้น ทำไมถึงไม่อยากฆ่ามันให้ตายเหมือนอาบ้าง!!!” อชิระพูดออกมาเสียงแข็งด้วยความโกรธที่สะสมมานานข้ามปี แววตาแห่งความเคียดแค้นรุนแรงส่งผ่านไปให้สุริยะมณฑลซึ่งยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีอาการสะทกสะท้านใดๆกับวาจาดุเดือดที่อชิระพูดใส่เขา...
“อาชิจันทร์ขอ...ขนาดจันทร์ที่เป็นลูกยังอโหสิกรรมให้เขาได้ แล้วอาชิที่เป็นคนสนิทของพ่อจะอโหสิกรรมให้เขาไปไม่ได้เลยเหรอครับ...จันทร์อยากให้ทุกอย่างมันจบลงไปแค่ในวันนั้น จันทร์ไม่อยากให้ใครรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก พ่อของจันทร์ท่านก็เสียไปแล้ว...ต่อให้อาชิฆ่าพี่ยะให้ตายตามไปอีกคน พ่อของจันทร์ก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาหรอกครับ” พระจันทร์พยายามรวบรวมกำลังใจ เอ่ยเกลี้ยกล่อมให้อชิระลดปืนลง แต่หนุ่มใหญ่ที่ทำท่ารับฟังเขากลับไม่มีอาการลังเลหรือคิดอยากทำอย่างที่เขาบอกเลยซักนิด ดวงตาชั้นเดียวของหนุ่มใหญ่ตวัดกลับไปที่ใบหน้าหล่อคมของสุริยะมณฑลก่อนจะพูดใส่หน้าอย่างไม่กลัวเกรงว่า...
“แกนี่มันเลวจริงๆ...! แกคงจะหลอกให้คุณหนูของฉันหลงรัก หลอกให้เชื่อฉากหน้าที่ว่าแกเป็นคนดี เพื่อที่แกจะได้เลี้ยงคุณหนูของฉันไว้ทำตามสิ่งที่แกต้องการใช่มั้ย!!! ไอ้สารเลวเอ๊ย...!!” อชิระยกปืนขึ้นเล็งแล้วเหนี่ยวไกพร้อมกับที่ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ย...
สุริยะมณฑลมองตามปากกระบอกปืนที่ถูกยกขึ้นมาจ่อที่หน้าทว่าก็ไม่ยอมหลบตา พระจันทร์ที่ยืนมองอยู่จากเบื้องหลังของอชิระตกใจมาก สมองสั่งการให้ออกวิ่งไปผลักอชิระจนกระสุนปืนที่ลั่นออกไปเฉี่ยวแก้มสุริยะมณฑลไปเพียงนิดเดียว ท่อนแขนใหญ่ยกขึ้นรับร่างของพระจันทร์ที่วิ่งเข้ามาหาแล้วเอามากอดไว้แน่น...
“พี่ยะ! เป็นอะไรมั้ย...โดนยิงหรือเปล่า” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นพลางยกมือไปประคองใบหน้าของคนที่กอดเขาเพื่อสำรวจดู ว่าอีกฝ่ายได้แผลมาหรือเปล่า
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร นอกจากรวบมือพระจันทร์ที่กุมแก้มเขาออกพาไปโอบรอบสะโพกตัวเอง ก่อนที่สองแขนใหญ่จะกกกอดพระจันทร์เอาไว้ในอ้อมแขน แล้วจูบลงที่ข้างกระหม่อมเบาๆ
“ฮึ้ย!! แก...” อชิระขยับยืนตรงอีกครั้งก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งเพื่อจะยิงซ้ำสอง ทว่าสุริยะมณฑลเพียงแค่ยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ตรงไปที่อชิระแล้วออกเสียงสั่งดังลั่นว่า
“
หยุดนะ!!” เสียงตวาดดังลั่นของสุริยะมณฑลได้ผล อชิระเผลอหยุดไปตามคำสั่ง ชายหนุ่มดันตัวพระจันทร์ไปไว้ด้านหลังของตัวเองแล้วจึงเอ่ยต่อโดยที่ยังไม่เอานิ้วลงว่า
“ถ้าคุณหวังดีกับพระจันทร์จริง คุณจะไม่มีทางหันปากกระบอกปืนมาทางนี้เด็ดขาด” สุริยะมณฑลเอ่ย พระจันทร์ที่หลบอยู่หลังคนตัวใหญ่กว่าเอามือเกาะเกี่ยวผสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือแข็งแรงของอีกคนแล้วเกาะแขนเสื้อพี่ยะของตัวเองแน่น ก่อนจะค่อยๆเอ่ยคำพูดออกมา
“หยุดเถอะนะครับอาชิ จันทร์ขอร้อง”
“คุณหนูหยุดได้...แต่อาจะไม่หยุด จนกว่ามันจะตายไปด้วยมือของอาเอง...”
“งั้นอาก็ต้องข้ามศพผมไปก่อน ผมจะยอมให้เขาตายแบบนี้ไม่ได้...เพราะเขา คือคนที่จันทร์ตัดสินใจแล้วว่าจะรัก...รัก...โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น”
“...พระจันทร์...” สุริยะมณฑก้มลงมองคนที่เกาะแขนเขาแน่น ทั้งที่มือบางกำลังสั่นอยู่แท้ๆ แต่คำพูดเท่านั้นที่ฟังดูจริงจังและมั่นใจ และมันก็ทำให้หัวใจเขาอุ่นวาบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“คุณหนู! ฮึ้ย...”
“...ระวัง!” ทันทีที่พูด คนร่างสูงใหญ่ก็รีบเอาตัวเองเข้ากันกระสุนแทนพระจันทร์ แต่ไม่รู้ว่าเพราะโชคดีหรือปาฏิหาริย์ ที่ทำให้สุริยะมณฑลรอดจากการโดนยิงมาอย่างหวุดหวิด เพราะมังกรที่เข้ามายิงสกัดให้จนปืนในมือของอชิระหล่นลงพื้นไป
“
แก!!!”
“ถ้าแกคิดจะทำอะไรเพื่อนฉันและผู้มีพระคุณของฉัน...ก็มาลองดูกันซักตั้ง ว่าใครที่จะได้กลายเป็นศพลอยน้ำก่อนกัน”
มังกรขู่อย่างดุเดือด มือข้างหนึ่งกอดกระชับร่างของเหวินจิ้งเอาไว้ สายฝนที่ตกลงมาโปรยปรายเริ่มลงเม็ดหนักขึ้น สายฟ้าแลบแปลบปลาบเห็นอยู่ไกลๆชวนให้สะดุ้ง และในจังหวะที่ไม่มีใครพูดอะไร สุริยะมณฑลก็กระตุกมือพระจันทร์ ให้กระโดดลงไปในเรือของเขาที่เริ่มลอยห่างจากเรือนายอชิระมากขึ้นไปทุกทีเพราะโดนคลื่นซัด อชิระรีบวิ่งตามมาเกาะกราบเรือแล้วตั้งท่าจะปีนเพื่อกระโดดลงตามสุริยะมณฑลและพระจันทร์ไป ทว่าอีกฝ่ายกลับยิงกระสุนสวนมาทำให้เขาต้องรีบหาที่หลบ ซึ่งในขณะเดียวกันมังกรก็อาศัยช่วงเวลานั้นพาเหวินจิ้งกระโดดหนีลงเรือของตัวเองบ้าง เมื่ออชิระหันมาอีกทีจึงพบเจอแต่ความว่างเปล่ากับร่างของนายศักดิ์ที่นอนสลบเหมือดอยู่หลังคอนโซลบังคับการเรือ
“โธ่เว้ย! อย่านึกว่าฉันจะยอมหยุดแค่นี้นะ!!!” อชิระสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้เท้าดันร่างเพื่อนร่วมงานให้ถอยไปห่างๆ ก่อนจะเข้าเป็นคนสตาร์ทและขับเรือเพื่อไล่ตามเรือของสุริยะมณฑลแทน
------------------------------------------------------------- - - - ------ - - - -
“...แย่แล้ว” ซึโยชิที่ขับเรือวนเวียนคอยดูสถานการณ์อยู่รอบนอกเห็นเรือของสุริยะมณฑลและมังกรตีวงออกมาจากเรือคนร้ายเรียบร้อยแล้ว ทว่าเรือของคนร้ายกลับเริ่มมีการขยับ มันมีการเร่งเครื่องแล้วก็ตีวงเลี้ยวกลับ เบนเข็มไล่ตามเรือของสุริยะมณฑล
ชายหนุ่มหันไปบอกลุกน้องของมังกรให้ใช้วิทยุสื่อสารไปที่ซานตงว่าให้ช่วยยิงสกัดให้พลาง ระหว่างที่เขาซึ่งอยู่ใกล้กว่าจะเป็นฝ่ายขับเรือเข้าขวางเอง ซึโยชิสั่งเสร็จก็รีบเร่งความเร็ว ตั้งใจจะเอาเรือตัวเองเข้าขวางเพื่อไม่ให้คนร้ายตามสุริยะมณฑลไปได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับมีการยิงตอบโต้สกัดเข้ามาก่อนที่เขาจะเข้าถึงลำเรือ แม้จะได้ซานตงช่วยยิงสกัดอีกด้าน แต่ดูเหมือนเรือคนร้ายจะขับแบบบ้าดีเดือด ไม่สนใจดงกระสุนแต่มุ่งฝ่าตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว และเมื่อชายหนุ่มเชื้อญี่ปุ่นหันมองไปข้างหลังก็เห็นมังกรพาเรือตีวงเลี้ยวกลับคงตั้งใจจะมาช่วยสมทบอีกแรง...
“คุณ...! คนบนเรือใหญ่วิทยุมาบอกว่าตอนนี้มีตำรวจน้ำที่อยู่บริเวณนี้กำลังเข้ามาช่วยเหลือพวกเราอีกแรง และบอกว่าให้เราต้อนมันเข้าฝั่งให้ได้เร็วที่สุด เพราะพายุกำลังจะเข้า...!”
“โธ่เว้ย!!!” ซึโยชิบ่นออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด จะให้ต้อนมันเข้าฝั่งได้ยังไง ก็ในเมื่อตอนนี้พวกเขากำลังเบนเข็มห่างออกจากฝั่งโดยสิ้นเชิง “...ติดต่อบอกหยางหลงเร็วเข้า ว่าให้ล่อมันเข้าฝั่ง!”
“ติดต่อไม่ได้!! ผมพยายามแล้วตั้งแต่เมื่อกี๊” คนร่วมเรือของซึโยชิตะโกนบอก
คราวนี้หนุ่มญี่ปุ่นสบถออกมาล็อตใหญ่ ฝนที่แค่โปรยปรายในตอนแรกเปลี่ยนเป็นตกลงมาหนักมาก คลื่นน้ำม้วนตัวสูงขึ้น จนตัวเรือที่วิ่งฝ่าคลื่นด้วยความเร็วเริ่มไปด้วยความเร็วเท่าเดิมอีกไม่ได้ แค่จะประคองเรือให้อยู่บนน้ำได้โดยไม่คว่ำก็ยากเต็มที...ชายหนุ่มพยายามมองฝ่าสายฝนไปข้างหน้า เขามองเห็นได้แค่แสงไฟท้ายเรือสีแดงๆเท่านั้น ทัศนวิสัยนอกเรือเริ่มเป็นไปในทางเลวร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาต้องเร่งตีเรือขึ้นไปหาสุริยะมณฑลให้เร็วที่สุดเสียแล้ว
“โธ่...มันลำไหนกันแน่วะ!!” เพราะความเร็วเรือของสุริยะมณฑลช้าลง ตอนนี้เรือสองลำที่ขับเคี่ยวกันอยู่ข้างหน้าจึงเริ่มแซงกันไปแซงกันมา เสียงปืนที่ดังขึ้นซึโยชิก็เดาไม่ออกว่ามันมาจากลำไหนไปไหนกันแน่ ทำให้ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามเร่งเครื่องยนต์เพื่อตีตื้นเข้าไป แต่ทว่ามันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินเมื่อสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่เป็นใจให้เขาเอาเสียเลย
“...ซึโยชิ!!!! ถอยเร็ววว” จู่ๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นฝ่าเสียงฟ้าร้องและเสียงคลื่นที่ม้วนตัวขึ้นตีเรือ พร้อมกับที่เขารู้สึกได้ถึงตัวเรือที่ถูกกระทบจากอะไรบางอย่างอย่างแรง
“...ซานตง!!” ซึโยชิที่เสียจังหวะไปนิดหลังจากที่ถูกซานตงขับเรือพุ่งเข้าชนจนหัวเรือเบี่ยงทิศทางหันมองไปข้างหน้า และเขาก็พบว่าเมื่อซักครู่นี้ซานตงได้ช่วยชีวิตเขาไว้อย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
“...น้ำวน...” ซึโยชิพึมพำ
ข้างหน้าของเขาบนผืนน้ำสีดำทะมึน แสงจันทร์บนฟ้าที่พอจะทอลอดม่านสายฝนลงกระทบกับลอนผิวน้ำ ส่องให้เห็นผิวน้ำที่เริ่มตีวงเข้าหากันจนกลายเป็นวงกลม ซึโยชิตกใจมาก เขารีบเอามือปาดน้ำที่สาดเข้าหน้าแล้วมองลอดฝ่าไปข้างหน้าก่อนจะเพ่งให้ดีๆ เขาทันเห็นไฟท้ายของเรือลำหนึ่งส่ายไปส่ายมาอยู่บนผิวน้ำ ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปเรื่อยๆ...เสียงเครื่องยนต์เรือที่ดังไล่หลังมาติดๆของมังกรถูกซานตงเอาเรือเข้าขวางเพื่อไม่ให้ทะลุเข้าไปในแอ่งน้ำวนด้วยอีกลำ เขาได้ยินมังกรสบถหัวเสียเป็นภาษาไทยดังลั่น ประสานกับเสียงเหวินจิ้งที่ตะโกนเรียกชื่อ ‘ลูน่า’ ออกมาด้วยความขวัญเสีย...
------------------------------------------------------------- - - - ------ - - - -
to be continue...
จะมีใครเชื่อมั้ยว่าตอนหน้านี้มันจะหวาน...หวานจนมดกัดเลยทีเดียว...เชื่อเต๊อะ เชื่อเก๊าเต๊อะ
