พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พันธนาการ...รัก (---Chain of love---) ตอนที่ 35 [29/05/2015] PG.67 {100%} END  (อ่าน 777765 ครั้ง)

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ช่วงแรกเครียดๆอยู่ พอช่วงท้ายๆพี่ยะออกอาการแพ้ท้องแทนเมีย
ทำให้ดูตลกขึ้นมาทันที ขอแช่งให้แพ้เยอะๆเลยนะ จะได้เป็นการแก้แค้นให้พระจันทร์
อยากรู้ความคืบหน้าของน้องจันทร์แล้วสิ มาต่อเร็วๆน้า :mew1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
สมควรละอีพี่ยะ o18

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
สะใจอ่ะค่ะ  ชอบนักเรื่องปิดบังเนี่ย   :z6:

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
สงสารพระจันทร์นะ
ไปที่นู่นพร้อมกับคิดว่าพี่ยะจะแต่งงาน
เริ่มรำคาญคุณหญิงและนะ

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คุณหญิงใจเด็ดจริง นี้ละนะผลของการทำอะไรไม่เคยบอกกัน
ทำหนูจันทร์ทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว 
แต่ก็ยังอยากเห็นพี่ยะดูแลพระจันทร์ตอนท้องนะ ง้อให้ดีๆนะพี่ยะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หุหุ สมน้ำหน้าพี่ยะ ปิดบังดีนัก ว่าแต่พี่ยะ แพ้ท้องแทนพระจันทร์ป่าวเนี้ย

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
อ่าวมาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ wiwari

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-1
นั่นเลย ถึงเวลาที่พระเอกจะโดนเอาคืนบ้าง  o18
เอาจริงๆก็ผิดทั้งคู่ที่ไม่พูดกันตรงๆไปเลย เอาแต่คิดไปเอง  :เฮ้อ:
นิยายเรื่องนี้นายเอกใหญ่สุดจริงๆ 555  :laugh:

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
แพ้ท้องแทนเมียอ่ะ... ช้าไปนะพี่ยะ :z6:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ค้างอ่าจะลงแดงงงมาต่อเร็วๆนะคะ จะรอดูตอนเมียๆโทรมา5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
 :เฮ้อ:กรี๊ดดดดดดดดดด ค้างงงงงงงงงง :z3:
ทำร้ายจิตใจจจจจจจจจ
พี่ยะแพ้ท้องแทนเมีย
แสดงว่า รักเมียมั่กๆ :hao7:
รอตอนต่อไปปปป มาต่อไวๆนะพลีสสสสส :ling1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พี่ยะแพ้ท้องแทนเมียป่าวคะเนี่ย 555555
สมน้ำหน้าพี่ยะ :katai5:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
สมน้ำหน้าทั้งสามคนพ่อลูกเลยโดยเฉพาะ พี่ยะ อธิบายให้ พระจันทร์ ฟังแต่แรกก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอ

ดูท่าว่า พี่ยะ จะแพ้ท้องแทน พระจันทร์ นะ  55555

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อ้ากกกกกกกกก ตัดฉึบ ๆ อยากอ่านต่อออออ

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
พี่ยะแพ้ท้องแทนน้องจันทร์( ^ω^ ) ....สมน้ำหน้าพวกผู้ชายคิดอะไรทำอะไรไม่เคยบอกกล่าวเป็นอีกฝ่ายเป็นหัวหลักหัวต่อ เอาให้เข็ดเลย!

แต่พี่ตะวันดูชิวววววววววไปน่ะค่ะ ลูกเมียหายทั้งคู่(¬_¬)

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
พาร์ทก่อนหน้าเป็นของพระจันทร์ก็เล่นเอาร้องไห้กันทั้งเล้า
พาร์ทนี้เป็นของพี่ยะ ไฟแทบไหม้เล้าเช่นเดียวกัน :laugh:
คิดว่ากลับมาบ้านแล้วจะบอกน้องมั๊ย หรือทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะคิดเอาว่าน้องต้องดูโทรทัศน์แน่ๆ ไม่ต้องอธิบายอะไรก็เข้าใจ
ถ้าถึงขนาดบอกกันสักนิดไม่ได้แล้วจะมาให้เขาอดทนรอทำไมกัน
ถือว่านี่เป็นบทเรียนให้สามพ่อลูกได้เรียนรู้ก็แล้วกันนะ
คราวหน้าไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ควรจะบอกคู่ชีวิตตัวเองบ้าง
ถ้าน้องเกิดหนีไปคนเดียวโดยที่ไม่มีใครรู้ล่ะจะทำยังไง
ก็รู้ว่าการพรากจากคนที่รักมันเป็นยังไง แต่ก็สงสารสามพ่อลูกไม่ลง
เกือบจะต้องจ่ายค่าความลับนี้เป็นใบหย่าเสียแล้วนะนายใหญ่
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
สมน้ำหน้า 3 หนุ่ม  ที่มาทำให้คุณหญิงแม่โกรธ   

พี่ยะดูท่าจะแพ้ท้องแทนเมีย แพ้ให้หนักไปเลย สะใจแทนพระจันทร์และคุณหญิง  แต่เอาน่าไหนๆ คุณหมอดูก็บอกแล้วว่าห่างกันไม่นาน เดี๋ยวก็กลับมาเจอกัน แต่คงไม่ถึง 9 เดือนนะ ยังอยากเห็นพี่ยะกล่อมลูกในท้องพระจันทร์ และก็เข้าห้องคลอดเป็นกำลังใจให้พระจันทร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2014 09:22:18 โดย gookgik »

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์
พันธนาการ...รัก #30



“พี่เป็นอะไร เครียดลงกระเพาะรึเปล่า เมื่อเช้าก็ลุกขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่ตีสี่พลอยทำผมตื่นไปด้วยเลย...ผมว่าพี่ไปหาหมอหน่อยดีกว่ามั้ย” คนเป็นน้องชายเอ่ยถาม เมื่อเห็นท่าทางทรมานของคนเป็นพี่ชายบนโซฟา คนถูกชวนไปพบแพทย์ยกมือส่ายปฏิเสธ ก่อนจะเอามือข้างเดิมมานวดคลึงที่ระหว่างคิ้ว ยอมรับว่าร่างกายตัวเองวันนี้ไม่ค่อยสู้จะดีนัก คงอาจจะเพราะเครียดและนอนดึกมาหลายวันติดต่อกัน แถมยิ่งมาเจอสถานการณ์ที่ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่เข้าไปอีกร่างกายเขาเลยรับไม่ไหว เพราะงั้นต่อให้เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแรงขนาดไหนก็สามารถล้มป่วยได้ไม่แปลกหรอก

“ขอยาแก้ปวดให้พี่สักสองเม็ดก็พอ...” ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายเป็นการตัดบทเรื่องไปพบแพทย์ คนรู้จักพี่ชายดีจึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วจึงตักกล้วยคำสุดท้ายเข้าปาก

“อาการคุณยะนี่คุ้นๆนะคะ เหมือนตอนที่...คุณท่านเป็นตอนคุณหญิงท้องคุณๆเขาเลยนะคะ” แม่บ้านใหญ่ทำท่านึกพลางหยิบถ้วยที่หมดแล้วของรังสิมันต์จะเอาไปเก็บให้ ทว่าจู่ๆเสียงโทรศัพท์ทองคำก็ดังขึ้นมาเสียก่อน คุณแม่บ้านใหญ่ที่อยู่ใกล้โทรศัพท์ที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปรับ ตัดหน้าทั้งคุณศิลาและสุริยะมณฑลที่โผเข้าหาต้นตอของเสียงพร้อมกัน

“สวัสดีค่ะ...บ้าน...อ้าว  คุณหญิงดารกานต์ กำลังรอสายอยู่เลยค่ะ...คะ...คือ...”

“ฮัลโหล! คุณหญิง...นี่คุณหญิง...! คุณเล่นแบบนี้มันไม่แรงเกินไปหน่อยหรือไง ใบหย่งใบหย่าอะไร...นี่เราอยู่ด้วยกันมาสี่สิบกว่าปีแล้วนะคุณหญิง ยังจะเล่นอะไรแบบนี้อีก...ผมไม่สนุกไปด้วยหรอกนะคุณรู้มั้ย...! ฮัลโหล...ฮัลโหล!!...นี่...คุณ...”

               ...กริ๊ก...ตู๊ด...ตู๊ด...   

“ว่าไงครับพ่อ...แม่ว่ายังไงบ้าง...” สุริยะมณฑลรีบเร่งถามเอาความกับบิดาเมื่อเห็นคนอายุมากกว่าเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“...แม่แกยังไม่ได้ตอบอะไร...เขาวางสายไปเสียก่อน”

“งั้นรีบโทรกลับไปเบอร์ที่เพิ่งโทรมาสิครับพ่อ” สุริยะมณฑลเอ่ย คนเป็นบิดาก็รีบทำตาม ทว่าเสียงตู๊ดดังยาวซ้ำๆกันก็เป็นการบ่งบอกว่าตอนนี้ปลายทางที่โทรมาหาเมื่อครู่นี้ไม่ต้องการที่จะได้รับสายจากพวกเขาอีก

“ไม่ติดเลย” คนเป็นเจ้าบ้านเอ่ยขึ้น

“...” สุริยะมณฑลเงียบไป ชายหนุ่มมีท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบลุกขึ้นยืน “...ผมไม่รอแล้วนะครับพ่อ ผมจะไป...อะ...โอ๊ย...” คงเพราะรีบลุกขึ้นเร็วเกินไปสุริยะมณฑลถึงได้มีอาการคล้ายหน้ามืด ร่างใหญ่โงนเงนทำท่าเหมือนจะล้ม ดีที่รังสิมันต์ยื่นมือออกไปรับร่างพี่ชายเอาไว้ได้ทัน ร่างสูงใหญ่จึงได้ค่อยๆถูกพานั่งลงไปกับโซฟา

“ผมว่าพี่ขึ้นไปนอนพักก่อนดีกว่า ไปสนามบินทั้งสภาพนี้รับรองคงไม่มีสายการบินไหนรับคนป่วยอย่างพี่ขึ้นเครื่องแน่” รังสิมันต์เอ่ยพร้อมกับพยามจะช่วยพยุงพี่ชายให้ขึ้นไปนอนบนห้องให้ดีๆ ทว่าร่างสูงใหญ่กลับขืนแรงไว้ไม่ยอมทำตามที่น้องชายบอกง่ายๆ

“ถ้างั้น...พี่จะไปกับเครื่องบินของบริษัท...”

“งั้นพ่อก็ไม่อนุญาต ตอนนี้แกควรจะขึ้นไปพักผ่อนอย่างที่น้องชายแกบอกเสียก่อน แล้วถ้าพ่อติดต่อแม่แกได้เมื่อจะไหร่จะให้คนขึ้นไปบอกแกทันที ไปพักผ่อนซะแล้วก็ไม่ต้องเครียดมากนะ...แค่เมียหาย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกไอ้ลูกชาย” คนเป็นพ่อมองเห็นความอ่อนล้าในดวงตาของลูกชายคนโตแล้วก็เข้าใจหัวอกดี จึงได้ตบบ่าลูกชายไปสองทีเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

                    สุริยะมณฑลคิดจะคัดค้านความเป็นห่วงของพ่อและน้องชาย แต่กำลังร่างกายมันไม่อำนวยเอาเสียเลย สุดท้ายเขาเลยต้องยอมหอบสังขารกลับขึ้นไปนอนพักด้านบนโดยมีน้องชายของตัวเองเป็นคนพยุงขึ้นไป

                   ฝ่ายรังสิมันต์เมื่อจัดการพาพี่ชายตัวเองลงนอนบนเตียงได้เรียบร้อยก็ยืนดูคนป่วยจัดการตัวเองด้วยการห่มผ้าและกินยาแก้ไข้ที่มีแม่บ้านเอาขึ้นมาให้ เสร็จสรรพพี่ชายเขาคงจะเพลียมาก หัวถึงหมอนได้ไม่นานก็ดูท่าเหมือนจะหลับลึกลงไปทันที

                  ...อย่างน้อยยานอนหลับที่เขาเอาให้พี่ชายทานน่าจะอยู่ได้นานหน่อยล่ะนะ...

                 เมื่อได้จังหวะรังสิมันต์จึงรีบหลบออกไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะนั่งลงตรงกลางระหว่างสองสัตว์หน้าขนตัวใหญ่แล้วหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาเพื่อกดโทรหาคนที่อยู่ไกลถึงประเทศอังกฤษ

“ฮัลโหล...ฟ้า ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง แม่เล่นใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ”

‘...ตอนนี้ที่นี่โอเคดีครับ ผมกับแม่พาพระจันทร์มาตรวจร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้เรากำลังอยู่ในห้องพักของพี่สาวพระจันทร์กันน่ะครับ’

“เหรอ ส่วนที่นี่ทั้งพ่อแล้วก็พี่อาการหนักกันทั้งคู่ พี่ชายฉันถึงขั้นเครียดลงกระเพาะ...ส่วนพ่อก็เอาแต่กดโทรศัพท์หาแม่ไม่หยุดเลย”

‘เหรอครับ...’

“นี่...ไม่เอาน่า อย่าทำน้ำเสียงแบบนี้อีกคู่เลย พี่ก็เล่าให้ฟังแล้วนี่ครับว่างานแต่งงานของพี่ชายพี่กับหงส์น่ะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ ความจริงแล้วมันเป็นการประกาศถอนหมั้นต่างหาก...”

‘ครับ แล้วก็เพื่อไม่ให้สองตระกูลต้องเสียหน้าหรือผลกำไร พวกคุณก็เลยเปลี่ยนจากการหมั้นของคุณยะกับคุณหงส์ มาเป็นการแต่งงานของคุณยะกับคุณมังกรแทนใช่มั้ยครับ’

“การแต่งงานทางธุรกิจระหว่างพี่อาทิตย์กับพี่กรต่างหากล่ะครับทูนหัว” ชายหนุ่มแก้ไขข้อความให้ภรรยาตัวเอง ปลายสายตอบรับกลับมาให้เพียงความเงียบ รังสิมันต์จึงเอ่ยถามต่อไปว่า “...แล้ว...ฟ้าได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่กับพระจันทร์ฟังรึยังครับ”

‘...คุณแม่น่ะรู้ตั้งแต่ตอนลงจากเครื่องแล้วล่ะครับ คนของคุณแม่ที่อยู่ที่นั่นก็เยอะ อีกอย่าง...ข่าวเรื่องนี้มันดังน้อยเสียเมื่อไหร่’ น้ำฟ้าหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า ‘...ส่วนพระจันทร์น่ะ คุณแม่ท่านก็เล่าความจริงให้น้องฟังหมดแล้วล่ะครับ แต่ไม่รู้ทำไม...ถึงจะรู้ความจริงแล้วก็ตาม...น้องกลับไม่อยากเจอคุณยะตอนนี้’

“อ้าว...แล้วเราจะทำยังไงกันดี เมื่อไหร่แม่พี่จะอนุญาตให้พี่ไปพบฟ้ากับลูกได้เสียที”

‘เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ คุณก็ทนนอนกอดหมอนข้างไปก่อนก็แล้วกันนะ...แค่นี้นะคุณแม่เรียกแล้ว’  น้ำฟ้าเอ่ยตัดบทก่อนจะรีบวางสายไปเพื่อกันชายหนุ่มซักถามอะไรเขามากไปกว่านี้

                   รังสิมันต์เอ่ยเรียกชื่อคนรักซ้ำๆอยู่สองสามคำ ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกจาหูแล้วกดวางสาย...

                  ชายหนุ่มถอนหายใจยาว...เขาสามารถโทรติดต่อหาน้ำฟ้าได้สำเร็จหลังจากกะเวลาคนรักลงจากเครื่องบิน แล้วจัดการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายได้รับทราบ ในคราแรกนั้นน้ำฟ้าเหมือนจะมีท่าทีปั้นปึ่งใส่เขาอยู่เล็กน้อยเพราะคิดว่าเขาร่วมมือกับพวกพ่อๆ แต่สุดท้ายเมียก็คือเมีย เขาจัดการออดอ้อนงอนง้อนิดหน่อยก็สำเร็จ น้ำฟ้าเป็นคนใจแข็งก็จริงแต่ไม่ได้ไร้เหตุผล เขาไม่เมินสายโทรศัพท์และยอมเล่าเรื่องที่เกิดทางโน้นให้รังสิมันต์ได้รับทราบบ้าง จึงทำให้เขาไม่ค่อยเป็นห่วงอะไรมากมาย...แต่พ่อกับพี่ของเขาที่ไม่ทราบอะไรเลยคงกระวนกระวายใจราวไฟสุมแน่...

                  เฮ้อ...อาการน้ำท่วมปากมันเป็นยังไงเขาเพิ่งจะรู้ซึ้งก็วันนี้เอง เพราะนั่นก็แม่...นี่ก็พี่...เขาเลือกข้างไม่ถูกเลยจริงๆว่าจะต้องเข้าใคร

“เกิดเป็นพวกแกนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องคิดมากเพราะมีเจ้านายเป็นของตัวเองแค่คนเดียว...”

-------------------------------------------------------


   เสียงเครื่องช่วยหายใจดังขึ้นเป็นระยะภายในห้องที่เงียบสงบ พระจันทร์เอาคางเกยลงบนมือที่มีสายน้ำเกลือและสายให้ยาของคนที่นอนบนเตียง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปัดผมม้าเพื่อทัดหูให้กับร่างที่นอนนิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานเกือบสิบปี

“...I’m here with you...my...” เสียงพูดแผ่วเบาเอ่ยขึ้นกับคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง น้ำเสียงบ่งบอกถึงความคิดถึงและห่วงหาอาลัยเป็นที่สุด

“พระจันทร์ กลับไปที่ห้องก่อนดีกว่ามั้ยลูก เดี๋ยวหมอนัดเข้าห้องตรวจด้วยไม่ใช่เหรอลูก” ดารกานต์มองภาพพี่สาวและน้องชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาสื่อความสงสาร พระจันทร์เหลือบมองไปทางด้านหลังแล้วทำหน้าเศร้า ก่อนจะส่ายหน้าน้อยบอกปฏิเสธ

“จันทร์จะขอพี่หมอมาอยู่ที่นี่กับพี่ดาว จันทร์จะได้มาอยู่คอยดูแลพี่ดาว” เสียงเรียบเอื่อยเอ่ยบอก ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดารกานต์จะอนุญาตได้

“คนป่วยสองคนจะมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง เอาเป็นว่าแม่จะให้หนูมาคอยอยู่ดูแลพี่สาวเป็นระยะก็แล้วกัน เราเองก็ต้องดูแลร่างกายให้ดีด้วยรู้มั้ยลูก” ดารกานต์เอื้อมมือไปตบบ่าคนที่หล่อนพาบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงนี่ด้วยต้องการจะให้กำลังใจและปลุกปลอบ พระจันทร์เอาแก้มซบลงบนมือข้างนั้น ปล่อยอารมณ์เศร้าให้ค่อยๆไหลเอ่อขึ้นมาคลอหน่วย

“...จันทร์รู้ครับ ว่าต้องดูแลร่างกายตัวเอง...ดูแลลูกของตัวเองให้ดี”

“ไม่ใช่แค่ลูก...แต่ตัวหนูเองด้วย นี่ถ้าตาอาทิตย์ตามมาที่นี่แล้วมาเห็นเราในสภาพผอมแห้งแรงน้อยเข้าล่ะก็ ได้แหกอกแม่ตายกันพอดี”

“พูดอะไรอย่างนั้นครับแม่...” น้ำฟ้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องมาทันได้ยินแค่ประโยคหลังของคนเป็นมารดาเอ่ยขึ้น “ผมว่าได้เวลาแล้วนะครับ ไปพระจันทร์ พี่หมอรออยู่ที่ห้องตรวจแล้ว”

   เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ แต่หันไปเร่งน้องชายให้เดินตามตัวเองไปห้องตรวจ  ตั้งแต่มาถึงพวกเขาก็ยังไม่ได้พัก  เพราะทางโรงพยาบาลถึงกับส่งรถไปไปรอรับพวกเขาถึงสนามบินแล้วพามาที่นี่  ก่อนที่พระจันทร์จะถูกจับไปเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจ  และพวกเขาก็ยอมตามใจพระจันทร์ด้วยการมารอผลตรวจอยู่ในห้องปลอดเชื้อของพี่สาวฝาแฝดของพระจันทร์...ดวงดาว

   พระจันทร์เอามือขยับผ้าห่มให้คลุมร่างผอมแกรนของผู้เป็นพี่สาวให้ดี  ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้น้ำฟ้าด้วยท่าทางไม่สดชื่นแล้วลุกออกจากเก้าอี้ไปหาคุณหญิงดารกานต์  เพื่อช่วยกันประคองหญิงสาวออกไปจากห้องพร้อมกันกับน้ำฟ้า

   ภายในห้องตรวจที่น้ำฟ้าและพระจันทร์ค่อนข้างคุ้นเคยมีร่างของนายแพทย์หนุ่มใหญ่คนหนึ่งนั่งอ่านเอกสารอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะกลางห้อง  เตียงนอนผู้ป่วยที่คลุมด้วยผ้าปูสีฟ้าอ่อนวางอยู่เยื้องไปด้านหลัง  และพระจันทร์ก็ถูกพาไปให้ไปนอนรออยู่ตรงนั้น  ในขณะที่คุณหญิงดารกานต์และน้ำฟ้านั่งรอบนเก้าอี้ข้างโต๊ะตรวจ

“พบกันอีกรอบแล้วนะครับคุณหญิง”  นายแพทย์เชษฐาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่พยายามจะส่งออกไปอย่างจริงใจกว่าครั้งก่อนที่ได้พบกัน

“ค่ะ” ดารกานต์ตอบรับ  หล่อนยังคงมีท่าทางเชิดหน้าเย่อหยิ่งอยู่บ้างเล็กน้อยตามประสาผู้หญิงที่เต็มไปด้วยอำนาจ  ซึ่งนายแพทย์หนุ่มก็พยายามมองเมินในตรงจุดนั้นแล้วส่งยิ้มที่พร้อมจะผูกมิตรให้ไปแทน

“ครับ  เอาล่ะ...ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไป  ผมมีเอกสารบางอย่างที่ต้องการให้คุณเซ็นต์รับทราบ  เนื่องจากเรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเปิดเผยออกไปในวงกว้างได้  ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องอ่านเอกสารนี้ให้ละเอียดแล้วก็ลงลายมือชื่อเอาไว้ว่ารับทราบข้อตกลงของทางเราเรียบร้อยแล้ว  จากนั้นคุณถึงจะได้รับสิทธิ์ให้ร่วมรับรู้รายละเอียดในอาการของพระจันทร์ร่วมกับน้ำฟ้า”  เสียงพูดเป็นการเป็นงานในคราบของคุณหมอหนุ่มทำให้ดารกานต์ที่ทำคอแข็งต้องยอมอ่อนให้เมื่อบรรยากาศนั้นถูกดึงเข้าสู่โหมดจริงจัง  หล่อนรับเอกสารพร้อมซองสีน้ำตาลมาจากมือคุณหมอแล้วใส่แว่นพร้อมเตรียมยกเอกสารขึ้นอ่าน

   ในนั้นจั่วหัวไว้ว่าเป็นเอกสารสำคัญ  เพื่อแจ้งให้หล่อนรับทราบข้อควรปฏิบัติ  ในการเป็นหนึ่งในผู้ร่วมโครงการพิเศษของทางโรงพยาบาล  เนื้อหาส่วนใหญ่ค่อนข้างย้ำเรื่องการเก็บความลับของคนไข้และรายละเอียดของโครงการไม่ให้เปิดเผยให้สาธารณะชนรับรู้  มิเช่นนั้นทางโรงพยาบาลมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องดำเนินการตามกฎหมายหากผู้เซ็นต์รับทราบข้อปฏิบัติมีการละเมิดข้อปฏิบัติแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง  ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในกรณีโดนฟ้องนั้นอาจทำให้ใครหลายคนล้มละลายได้เลยทีเดียว

   เมื่อหล่อนอ่านจบก็จรดปากกาตวัดเซ็นต์ลายมือชื่อลงไปอย่างรวดเร็วไม่มีลังเล  อ่านทวนเอกสารซ้ำอีกครั้งว่ามีตรงไหนอีกบ้างที่หล่อนต้องลงก็จัดการกรอกรายละเอียดก็จัดการเขียนเพิ่มจนครบ  พอเสร็จหล่อนก็ส่งเอกสารคืนให้กับนายแพทย์เชษฐา  ก่อนที่เอกสารฉบับนั้นจะถูกส่งให้กับนางพยาบาลผมทองที่ยืนรออยู่หน้าห้องไปอีกต่อหนึ่ง

“คุณหญิงแน่ใจนะครับว่ารับทราบทุกข้อปฏิบัติ รวมถึงบทลงโทษตามกฎหมายหากคุณละเมิดข้อใดข้อหนึ่ง...”

“เลิกพูดย้ำไปมาแล้วบอกอาการของพระจันทร์มาเสียที  ฉันไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ต่อหน้าเธอนานนักหรอกนะ”  บอกตามตรงว่าหล่อนยังเคืองไม่หายที่คุณหมอหนุ่มผู้นี้เคยแสดงท่าทีว่ามีอิทธิพลกับลูกชายคนโปรดและหลานชายของหล่อนอยู่เยอะนัก  หญิงสาวปลายตามองคุณหมอหนุ่มที่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจแล้วก็เบะปากใส่เช่นกัน

“...เคยมีกรณีที่...ญาติของผู้ป่วยเห็นแก่เงินก้อนโตที่ทางหนังสือพิมพ์และนิตยสารเสนอให้แล้วก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องคนไข้ในโครงการของเรา  จนมีเรื่องต้องฟ้องร้องกันวุ่นวาย  ผมไม่อยากให้กรณีนั้นเกิดกับพระจันทร์แล้วก็น้ำฟ้า”

“และมันจะไม่มีวันเกิดเด็ดขาด...คุณรู้ดีว่าคุณไว้ใจฉันได้ในเรื่องนี้  ใช่มั้ยคะ”  ดารกานต์เชิดหน้ามองไปทางคุณหมอด้วยหางตา   คนอย่างหล่อนพูดจริงทำจริง  พูดแล้วไม่กลับคำ  รู้สึกไม่พอใจนิดๆเมื่อคุณหมอหนุ่มยังไม่ยอมเข้าเรื่องเสียทีทั้งที่หล่อนก็พอจะรู้เรื่องของพระจันทร์มาบ้างแล้วก็ตาม

“โอเคครับ...ถ้างั้น  ผมอยากให้ทุกคนดูนี่  ผลการตรวจเลือดของพระจันทร์  ยืนยันว่าพระจันทร์อยู่ในช่วงการตั้งครรภ์เบื้องต้นประมาณสามถึงสี่สัปดาห์”  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยราวกับกำลังบอกเรื่องอาการทั่วไปเช่นพระจันทร์เป็นหวัดและกำลังจะหายในอีกสามถึงสี่วัน  กระนั้นอาการคิ้วขมวดปมของคุณหญิงดารกานต์ก็ทำเอาคุณหมอหนุ่มลอบยิ้มมุมปาก

“เดี๋ยวนะ...ปกติผู้หญิงเราจะมีอาการเริ่มแพ้ท้องก็ช่วงสองสามเดือนโน่นไม่ใช่เหรอ  แต่นี่...สามสี่สัปดาห์มันก็แค่หนึ่งเดือนกว่าๆเองนะ  แต่พระจันทร์กลับมีท่าทางคล้ายคนแพ้ท้องแล้วมันเป็นไปได้ยังไง”  ดารกานต์ย้อนคำถามกลับใส่คุณหมอหนุ่ม  คุณหมอเชษฐายักไหล่ก่อนจะเดินไปหาพระจันทร์ที่นอนหงายอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้า อึ้งงันไม่แพ้ดารกานต์

“ไม่แปลกหรอกครับ  พระจันทร์เป็นผู้ชายนะครับ  ร่างกายเขาไม่ได้เกิดมาพร้อมรองรับการตั้งครรภ์มาตั้งแต่ต้น  จะมีผลกระทบมากกว่าผู้หญิงก็ไม่แปลก”  นายแพทย์หนุ่มเชษฐาสาบานได้ว่าเขาได้ยินเสียงคุณหญิงเธอเอ่ยตอบว่า  ‘เออจริง’  หลังเขาพูดจบด้วยล่ะ

“แล้ว...เดี๋ยวนะ  คือเอาตรงๆว่าตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกว่าผู้ชายจะท้องได้จริงๆ  แต่ที่ฉันยอมพาพระจันทร์มาถึงที่นี่ก็เพราะฉันเชื่อว่าน้ำฟ้าจะไม่เคยพูดโกหกหรือล้อเล่นกับฉันในเรื่องแบบนี้แน่ๆ  แต่...ฉันก็ยังสงสัย...ว่า...คือ...อย่างคุณศิลาสามีของฉันเขาก็จะท้องได้อย่างนั้นน่ะเหรอ”  ท่าทางหน้าเชิดคอตั้งก่อนหน้านี้ที่คุณหมอหนุ่มเห็นมันเริ่มเลือนหายไปเมื่อความอยากรู้อยากเห็นเริ่มเข้ามาแทนที่  คุณหมอหนุ่มหัวเราะลึกๆในลำคอกับคำถามนั้นก่อนที่จะชี้แจงรายละเอียดให้ฟังอย่างไม่มีหวงวิชา  ในขณะที่มือก็สัมผัสชีพจรและลูบท้องพระจันทร์ผ่านตัวเสื้อเบาๆไปด้วยว่า

“อย่างสามีคุณน่ะโอกาสที่จะท้องเป็นศูนย์เลยครับ...แต่ถ้าเป็นน้ำฟ้าตอนก่อนหน้าที่เขาจะผ่าตัดทิ้งก็แค่ห้าสิบห้าสิบ  ในขณะที่พระจันทร์นั้นเป็นเคสที่ไม่ได้พบบ่อยนัก  เพราะเนื่องจากมดลูกของเขาค่อนข้างสมบูรณ์มาก โอกาสที่จะตั้งครรภ์หากเขาไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายจึงมีสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว”  คุณหมอหนุ่มพูดจบก็ยกยิ้มมุมปากเล็กๆพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆคล้ายหนักใจ  อาการที่สวนทางกันแบบนั้นของคุณหมออยู่ในสายตาของพระจันทร์ที่เงยมองคนตรวจตัวเองจากบนเตียง

“พี่หมอ...”  พระจันทร์เสียงสั่น

“ไม่เป็นไร  พี่เตรียมใจไว้แล้ว ว่าสักวันหนึ่งมันจะต้องเป็นอย่างนี้”  เตรียมใจตั้งแต่วันที่เขาเห็นสายตาของนายสุริยะมณฑลทอดมองคนไข้ของเขาเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เขาเอาเอกสารยินยอมเปลี่ยนมือเจ้าของไข้ไปให้ผู้ชายตาดุคนนั้นเซ็น

“เอ๊ะ...น้ำฟ้า  หนูก็ด้วยเหรอลูก  แล้วทำไมลูกไม่บอกแม่ แล้วไปผ่าออกทำไม...แม่เสียดาย!”

“เอ่อ...แม่ครับ  ฟ้าก็เป็นผู้ชายนะ  ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าวันหนึ่งจะต้องมีสา...เอ่อ จะต้องมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกัน  ตอนนั้นฟ้าก็คิดแค่อยากเป็นเหมือนผู้ชายปกติทั่วไปก็เลย..ตัดสินใจผ่าออกตอนอายุครบสิบแปดน่ะครับ”

“ก็แม่...เสียดายอ่ะ”  หล่อนยังคงทำหน้างอ  นี่ถ้าน้ำฟ้าไม่ผ่า  หล่อนคงขอให้เด็กหนุ่มอุ้มท้องหลานคนที่สามให้หล่อนไปแล้ว  ถ้าเป็นแบบนี้ไปแล้วหล่อนก็คงต้องหวังพึ่งท้องของพระจันทร์คนเดียวแล้วสินะ “คุณหมอ  แล้วพอหมดท้องนี้แล้วพระจันทร์จะท้องได้อีกรึเปล่า”

   คุณหมอเชษฐามองดวงตาเป็นประกายของคุณหญิงดารกานต์แล้วก็หลุบตามามองสบกับพระจันทร์

“ถ้าพูดตามหลักการแล้วก็ได้อยู่หรอกครับ  แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมีท้องสอง  เพราะส่วนใหญ่แล้วพอรู้ว่าท้อง...ก็...มักจะโดนทิ้งกันหมด  มีแค่ไม่กี่คู่ที่ได้อยู่เลี้ยงเด็กร่วมกันน่ะครับ”

“เอ๊ะ  งั้นก็แสดงว่าพระจันทร์ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่ท้องได้น่ะสิ”

“ก็...ครับ  แต่ถึงผมจะพูดว่าส่วนใหญ่  แต่ก็มาจากเพียงจำนวนสิบกว่าเคสที่อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลเราเท่านั้นนะครับ”

“แค่สิบกว่าเคส!...ฉันเข้าใจว่า...มัน...คือ”

“เอาล่ะครับ  ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวเพื่อที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้คุณเข้าใจอาการของพวกเขาและการทำงานของโครงการเรา  แต่ก่อนอื่น...ขอผมคุยกับพระจันทร์สักครู่นะครับ” คุณหมอหนุ่มหันไปจ้องสายตาแสดงความจริงจังให้กับคุณหญิงดารกานต์ที่ดูจะมีข้อสงสัยตามมาอีกยาวเป็นหางว่าว  ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีสวยไว้หุบฉับ  ก่อนจะหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่ลูกชายคนโปรดที่เอื้อมมือมาจับมือหล่อนไว้เป็นเชิงว่าทำตามที่คุณหมอบอกเถอะครับ

“พระจันทร์...ตอบพี่มาตามตรงนะ”  เสียงที่ถามถูกลดเดซิเบลลงจนมั่นใจว่าน่าจะได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น พระจันทร์เงยหน้ามองคนถาม  นัยน์ตาบ่งบอกความสับสนในจิตใจของคนไข้บนเตียงได้ดี  นายแพทย์เชษฐาจึงอดไม่ได้ที่จะยกมือไปลูบศีรษะคนไข้ของเบาๆเพื่อปลอบโยนก่อนจะถาม

“พระจันทร์...คนที่ทำให้เราท้อง  คือผู้ชายคนนั้น...ใช่มั้ย”

   สิ้นสุดคำถาม  คุณหมอก็เหมือนจะเห็นวาวน้ำใสๆคลอในหน่วยตาของคนไข้ พระจันทร์ไม่ยอมแม้แต่จะกระพริบตา  คงจะกลัวว่าน้ำตามันอาจจะไหลลงมาก็ได้...เด็กหนุ่มจึงทำเพียงมองหลบตาเขา ก่อนจะพยักหน้าลงมาเบาๆหนึ่งครั้ง  สีหน้าของผู้ที่ได้รับคำตอบเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าฝ่ามือหนาหนักก็กลับเลื่อนไปจับมือคนไข้ของเขาเอาไว้เบาๆ  ก่อนจะทำใจถามคำถามต่อมาตามหน้าที่

“แล้วเขาก็...ไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ยพระจันทร์”

   พระจันทร์มีสีหน้าสลดลงไปอีกเมื่อได้ยินคำถามต่อมาที่ตนต้องตอบ  กระนั้นเขาก็จำต้องตอบออกไปตามความเป็นจริง

“ขะ...เขาไม่รู้ครับ  จันทร์ไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้เลย...”  เสียงคำตอบแผ่วเบาจนแทบจะหายไปในลำคอ คุณหมอหนุ่มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันสายตากลับไปทางคุณหญิงดารกานต์ที่มีสีหน้าค่อนข้างปลื้มปริ่มกับคำตอบของพระจันทร์อยู่ไม่น้อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะคุณหมอ ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเขาเป็นหลานของฉันจริงๆ...ฉันจะดูแลพระจันทร์กับหลานแทนอีตาลูกชายจอมซื่อบื้อของฉันเอง เอาล่ะ...ทีนี้คุณก็ช่วยกลับมาอธิบายฉันต่อได้แล้ว”

“งั้นเรื่องต่อมาที่ผมต้องอธิบายให้คุณหญิงทราบก็คือ...คุณสุริยะมณฑลต้องมาเซ็นรับทราบการตั้งครรภ์ของพระจันทร์ในครั้งนี้...ที่นี่...ด้วย ก่อนที่เราจะได้เริ่มทำการตรวจและดูแลต่อไปตามขั้นตอน...”

“ก็ฉันไง..ฉันเป็นแม่ของตาอาทิตย์ ฉันสามารถเซ็นรับรองแทนให้ได้” คุณหญิงดารกานต์อ้างสิทธิ์ตนทันที ทว่าคุณหมอกลับทำเพียงยกเอกสารอีกแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาให้คุณหญิงดารกานต์ดู สายตาของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้นกวาดตามองไปที่ช่องลายเซ็นล่างสุดของกระดาษ  ใต้ช่องว่างที่เว้นไว้มีตำแหน่งของผู้ที่ต้องเซ็นต์เขียนไว้ว่า  ‘บิดา’  เคียงข้างกับลายเซ้นต์ที่เว้นไว้สำหรับช่อง ‘ผู้เข้ารับการรักษา’

“...เราต้องการลายเซ็นของผู้ที่เป็น ‘พ่อ’ เด็กครับ  เพราะหากเขายืนยันที่จะช่วยให้ความร่วมมือกับเราในการดูแลคนไข้ มันก็จะดีต่อทั้งตัวคนไข้และการวางแผนดูแลของเราต่อไป...แต่หากผู้เป็น ‘พ่อ’ เด็กยืนยันว่า...ไม่ต้องการที่จะร่วมรับรู้หรือให้ความร่วมมือในการดูแลคนไข้ หลังจากนี้เขาก็จะหมดสิทธิ์ทุกอย่างในการยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับเด็กและ ‘แม่’ ของเด็ก...” คำอธิบายยาวยืดเหมือนจะไม่ได้เจาะสาระบบความคิดของคุณหญิงดารกานต์เข้าไปได้เลย หล่อนถึงได้มีท่าทีกัดปากเหมือนคิดไม่ตกแบบนั้น

“อันที่จริงที่เราจำต้องมีข้อบังคับนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า...เคสแรกที่เราพบนั้น ฝ่ายคนไข้ก็ตั้งใจจะปกปิดไม่บอกผู้ที่เป็นพ่อเด็กเหมือนกับพระจันทร์  ปรากฏว่าหลังจากที่ฝ่ายนั้นทราบเรื่องเข้าก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะทางเราปิดบังและบังคับคนไข้ไม่ยอมให้เขารับทราบว่ามีลูก ก็เลยเกิดการฟ้องร้องกันใหญ่โตเพราะฝ่ายนั้นเขาเป็นถึง..ผู้มีอิทธิพลของเกาะซิซิลีที่อิตาลี อาจดูเหมือนเราเห็นแก่ตัวที่ต้องการปกป้องตัวเองมากกว่ารับฟังความต้องการของคนไข้  แต่...อันที่จริงแล้วเราคิดว่ามันเป็นการไม่ยุติธรรมต่อพ่อของเด็กเหมือนกัน ที่เขาจะไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้กำลังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเจริญเติบโตขึ้นอยู่บนโลกใบนี้ และผมคิดว่ากรณีของลูกคุณมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะทำเหมือนกับเคสแรกที่ผมเล่าให้ฟังไปถ้าหากเขามารู้เรื่องของพระจันทร์ทีหลัง”

   คุณหญิงดารกานต์มีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดหลังฟังคำอธิบายจบ  ในสมองของหล่อนคิดหาหนทางอย่างเร็วจี๋ กระนั้นก็ยังปากไวพูดตอบออกไปก่อนเมื่อเห็นนัยตาพราวระยับของคุณหมอที่รอลุ้นท่าทีของหล่อนอย่างสนุก

“ก็ได้...ฉันจะให้ตาอาทิตย์มาเซ็นต์รับทราบให้”

“ดีครับ...ถ้างั้นทางเราจะติดต่อไปหาคุณสุริยะมณฑลทันทีเลยก็แล้วกันนะครับ”

“ไม่ได้นะ!! ไม่ใช่ตอนนี้...” พร้อมกับที่พูดหญิงสาวก็ลุกขึ้นตบโต๊ะดังปังเมื่อเห็นฝ่ายคุณหมอหยิบโทรศัพท์มาเตรียมโทรออก  “...ฉันต้องการเวลาในการสั่งสอนลูกชายฉันก่อน แล้วเมื่อฉันพร้อม...ฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อเจ้าลูกชายฉันไปเอง”

“โอเคครับ เอาอย่างนั้นก็ได้...แต่อย่าให้นานนักนะครับ ไม่อย่างนั้นทางโรงพยาบาลจำเป็นที่จะต้องโทรไปบอกด้วยตัวเอง” คุณหมอเชษฐาเอ่ยบอก

   ทว่าดารกานต์กลับคิดว่านั้นคือการพูดขู่หล่อนชัดๆ ไอ้หมอคนนี้นี่มันอวดดีจริงๆ อายุอานามก็รุ่นลูกหล่อนแท้ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ที่จะดูแลพระจันทร์กับหลานของหล่อนได้ล่ะก็นะ...ฮึ่ม

   การรักษาเบื้องต้นในวันนั้นจึงจบลงหลังจากที่คุณหมอสั่งจ่ายยาพร้อมทั้งตกลงกับคุณหญิงดารกานต์เรื่องการขอจองบ้านพักของทางโรงพยาบาลแทนที่จะเป็นห้องพักคนไข้ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้พระจันทร์ตั้งแต่แรก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไร้ความเห็นหรือคำพูดจากพระจันทร์เลยแม้แต่คำเดียว...

-------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2014 20:04:25 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ dek-zaal3

  • แก้วปั้ณณ์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +534/-11
    • แก้วปั้ณณ์




“...ไม่....ถ้าไม่ได้เพิ่มสองเท่าตามที่เราตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกก็จบแค่นี้...ผมคงอะลุ่มอล่วยอะไรให้ไม่ได้...”  คนพูดมีสีหน้าเคร่งเครียด  แววตาอ่อนล้ามองไปทางลูกน้องของตัวเองที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างโต๊ะ “ถ้าทำตามที่ตกลงกันไม่ได้ก็ยกเลิกไปซะ”

“ครับ”  ตี้เฉินรับคำ ตอนนี้เขาไม่ต้องคอยตามคุ้มครองพระจันทร์อีกแล้ว  ชายหนุ่มจึงได้กลับมาทำงานอยู่ข้างกายของสุริยะมณฑลอีกครั้ง

“มิสเตอร์หยาง...ตอนนี้บริษัทของคุณเซี่ยกำลังขาดทุนอย่างหนักจริงๆนะครับ  มิสเตอร์จะไม่รับฟังคำขอของเขาสักหน่อยจริงๆเหรอครับ” 

“เหยียนจวิ้น...ฉันยังมีเรื่องอื่นให้ต้องทำอีกเยอะนะ  แล้วเรื่องการแก้ฮวงจุ้ยที่ที่ดินใหม่บนเกาะเกาลูนล่ะว่าไง”  สุริยะมณฑลหยิบแฟ้มปกเทาที่อ่านค้างไว้บนโต๊ะมาอ่านต่อพลางถามเรื่องที่เขาฝากงานให้ลูกน้องตัวเองไปทำ  เหยียนจวิ้นถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง  เจ้านายเขานี่...ยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่แฮะ

“เรียบร้อยแล้วครับมิสเตอร์  รายงานกำลังถูกพิมพ์  คาดว่าเย็นนี้ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย”

“ฉันให้เวลานายได้แค่บ่ายสามเท่านั้น  ฉันอยากจะเริ่มสร้างโครงการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”  สุริยะมณฑลเอ่ยบอก  เหยียนจวิ้นมีท่าทางอยากจะอ้าปากค้าน  แต่ทว่าสุดท้ายก็พยักหน้ารับคำเมื่อเห็นสภาพของเจ้านายหนุ่มที่เริ่มหันไปสนใจงานชิ้นอื่นต่อเมื่อมีอีเมล์เด้งเข้ามาในกล่องอินบ็อกซ์ข้อความ

   เหยียนจวิ้นงับประตูห้องของประธานกรรมการบริษัทอย่างแผ่วเบา  แล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเพื่อปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาหลายวัน  และชายหนุ่มก็พบว่าไม่ได้มีแต่เขาเท่านั้นที่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องท่านประธาน  ที่ตรงนั้นยังมีทั้งซานตงและตี้เฉินที่เพิ่งออกมาจากห้องท่านประธานยืนอยู่โดยพร้อมเพรียงกัน

“อ้าว...อาตง  เพิ่งมาถึงเหรอ”  เหยียนจวิ้นทักเพื่อนร่วมงานที่ยืนหนีบแฟ้มฉบับหนึ่งไว้ที่รักแร้  ดูท่าสองคนนั้นคงกำลังคุยอะไรกันอยู่ก่อนหน้าที่เขาจะออกมาล่ะสินะ

“ใช่...กำลังจะเอาแฟ้มรายงานการประชุมเข้าไปให้  แต่ตี้เฉินหวังดีห้ามไว้  บอกว่าตอนนี้งานเต็มมือบอสไปหมดแล้วอย่าเพิ่งเอาเข้าไปเพิ่ม  ไม่งั้นวันนี้ทั้งนายทั้งฉันคงได้อยู่ยาวเฝ้าออฟฟิศยันเที่ยงคืนอีกแน่”  ซานตงตอบ  เหยียนจวิ้นฟังคำพูดเหมือนจะหวังดีต่อเจ้านายของเพื่อร่วมงานแล้วก็ยักไหล่  นี่ก็ปาเข้าไปหนึ่งเดือนแล้วที่งานในบริษัทรุดหน้าไปมากอย่างรวดเร็ว  เพราะท่านประธานบริษัทมีกำลังไฟแรงสูงและมุ่งมั่นในการทำงานเป็นอย่างมาก  แต่เหยียนจวิ้นกลับมองว่ายิ่งท่านประธานของเขาใช้แรงทำงานหมดไปเท่าไหร่  แรงใจข้างในก็ค่อยๆหมดไปเท่านั้น

   ...หรืออาจจะหมดไปตั้งนานแล้วก็ไม่ทราบ...

“เฮ้อ...เอาเถอะ  ทนๆเอาหน่อย  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”  เหยียนจวิ้นบอกเพื่อนพร้อมเขย่งเท้าตบบ่าพวกมันไปคนละที  ที่ต้องใช้คำว่าเขย่งเพราะในที่นี้นั้นมีเขาที่เตี้ยที่สุดในกลุ่มแล้ว

“แล้วเดี๋ยวของแกนี่มันเมื่อไหร่วะ...นี่มันเดี๋ยวจนจะเดือนกว่าแล้วนะ ยิ่งนับวันบอสยิ่งแย่หนัก ทำงานได้เลือดเย็นขึ้นทุกวัน”  ซานตงผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเรื่องการทำงานของเจ้านายมากกว่าใครพูดวิเคราะห์ออกมา โดยมีตี้เฉินพยักหน้าให้เป็นลูกคู่

“ก็ไม่แปลกหรอก  บอสเขาทำงานด้วยสมอง...ไม่ใช่หัวใจเหมือนแต่ก่อนแล้วนี่”  ตี้เฉินพูด  พลางนึกถึงเมื่อก่อนที่เจ้านายของเขามักจะทำงานด้วยอารมณ์สุนทรีย์มากกว่านี้  อย่างกรณีคุณเซี่ยนี่..ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเดือดร้อนหนักจริงๆเจ้านายก็คงจะผ่อนปรนให้บ้าง  แต่นี่กลับไม่มีแม้แต่ความปราณีให้กับลูกค้า...ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้นานๆเข้าต้องแย่แน่

“อะแฮ่ม...อะไรใครทำงานด้วยสมองแต่ไม่ใช่หัวใจนะ” 

   ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังก้มหน้าครุ่นคิดหาทางออกกับปัญหานี้  เสียงทุ้มห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้น  ทั้งสามยืดตัวตรงแหน่วพร้อมทั้งหันไปมองต้นเสียงโดยพร้อมเพรียง  ก่อนจะก้มตัวลงเป็นเชิงแสดงความเคารพให้กับผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม

“มิสเตอร์เหมิงหลง...”  เป็นเหยียนจวิ้นที่ส่งเสียงทักออกไปก่อน  สายตาหลังแว่นไร้กรอบเหลือบมองไปทางผู้ที่เหมิงหลงลากติดมือมาด้วยก่อนจะเอ่ยปากทักต่อตามมารยาทว่า  “คุณเหวินจิ้ง...เอ๋  แล้วก็...คุณหนูน้อยคนนั้นนั่น...?”

   ดวงตาสามคู่ของลูกน้องสุริยะมณฑลเงยมอง ‘คุณหนูน้อย’ ที่เหยียนจวิ้นเอ่ยถึงอย่างพร้อมเพรียงกัน เด็กน้อยแก้มยุ้ยผิวคล้ำเล็กๆตัดกับผิวขาวจั๊วะอย่างลูกเชื้อจีนของเหวินจิ้งที่เป็นคนอุ้มกำลังเกาะคอคนอุ้มแน่น สายตาไม่ค่อยเป็นมิตรถูกส่งให้ทั้งสามที่กำลังยืนอึ้งพิจารณาตนเองอยู่อย่างไว้ที

“อ้อ...ลูกชายฉันกับเหวินจิ้งน่ะ”  มังกรตอบราวมันเป็นเรื่องธรรมดา  ในขณะที่คนฟังทั้งสามนั้นคิ้วกระดกเพราะความสงสัยกันถ้วนทั่วทุกตัวคน

   ...เดี๋ยวนะ...ลูก!!??  เฮ้ย...มันออกมาจากหลืบไหนซอกไหนวะ! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นใหญ่...บอกว่าลูก  แต่ทรงหน้าและสีผิวไม่มีส่วนไหนที่เหมือน ‘พ่อแม่’ เลยสักกระผีก! ทั้งคุณเหวินจิ้งและเหมิงหลงต่างก็ผิวขาวจั๊วะตาตี่คล้ายกันทั้งคู่  แต่ลูกชายคนที่ว่ากลับมีตาโตผิวคล้ำ  แถมคิ้วยังเข้มเป็นลักษณะโหงวเฮ้งของคนที่ดื้อมากแฝงอยู่เล็กๆอีกด้วย  แล้วจะมาโผล่เป็นลูกของสองคนนี้ได้ยังไง...

“ไม่ต้องสงสัยไปหรอก ลูกบุญธรรมน่ะ...แล้วนี่หยางหลงอยู่ใช่รึเปล่า”  และโดยไม่รอคำตอบของลูกน้องหนุ่มทั้งสาม  มังกรก็หันไปคว้าเอวของเหวินจิ้งพามายืนข้างตัวก่อนเอ่ย  “เข้าไปกัน...หนักมั้ย ผมอุ้มให้”

“ฮื้อ...ไม่อาว”  ทว่าแค่ชายหนุ่มร่างสูงกว่าพยายามจะเอามือสอดเข้าไปใต้แขนเด็กน้อย  เสียงร้องงอแงปฏิเสธก็ดังขึ้นมาทันที เหวินจิ้งจึงต้องรีบโอ๋ลูบหลังลูบไหล่เด็กน้อยบนไหล่ตัวเองพลางหันไปจุ๊ปากใส่มังกรที่ทำท่าหมั่นไส้เด็กเสียจนออกนอกหน้า

   มังกรมีท่าทางไม่ค่อยพอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นคนรักเข้าข้างเด็กมากกว่าตนเอง  กระนั้นก็พยายามอดทนกับการโดนแล่บลิ้นปลิ้นตาใส่จากเด็ก ‘ใสซื่อ’ ที่เหวินจิ้งนิยาม

   ฝ่ามือหนาเป็นผู้เคาะประตูก่อนจะเปิดมันเข้าไปแผ่วเบา  เสียงกดคีย์บอร์ดที่ดังมาอย่างต่อเนื่องหยุดชะงักไปชั่วครู่  แต่เมื่อเจ้าของห้องเห็นแล้วว่าใครมาก็หันกลับไปสนใจตอบอีเมล์ต่อทันที

“เฮ้ยๆ หุ้นส่วนใหญ่มาหานี่ไม่คิดจะต้อนรับขับสู้หน่อยเหรอวะ”  มังกรทักเพื่อนเป็นภาษาจีน เพื่อให้เหวินจิ้งได้เข้าใจด้วยว่าพวกเขาพูดอะไรกัน

“...มีอะไร”  สุริยะมณฑลถามเพื่อนด้วยท่าทีเมินเฉยที่มังกรชาชินเสียแล้ว

“โฮ่...ไม่มีอะไรนี่มาดูไม่ได้แล้วเหรอ  ก็ได้ข่าวว่าเพื่อนใกล้ตายเพราะขาดอากาศหายใจ  ก็เลยมาหาก่อนว่าเผื่อมีอะไรจะสั่งเสียก็จะช่วยรับฟังให้  ว่าไง...”

“เหมิงหลง! คุณพูดแรงไปแล้วนะ...”  เหวินจิ้งแตะแขนคนรักเป็นเชิงปราม  เข้าใจอยู่ว่าทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน  และตอนนี้ก็กลับมารีเทิร์นกันได้เรียบร้อยดี  ทว่าคำพูดเมื่อกี๊ก็ออกจะรุนแรงไปหน่อย...เรื่องเป็นเรื่องตายใครเขาเอามาพูดเล่นกัน

“เอาน่า...พูดแค่นี้มันไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก  ก็ขนาดหัวใจมันหายไปตั้งเดือนแล้วมันยังไม่ตายเลย  มันคงเป็นอมตะแล้วมั้งที่รัก”  มังกรพูดไปก็แอบเหล่ตาดูเพื่อนไป  สาบานได้ว่าเมื่อครู่เขาเห็นเพื่อนหยุดชะงักการพิมพ์งานไปช่วงหนึ่งด้วย

“เหมิงหลง...หยุดพูดน่า   แค่นี้หยางหลงก็เสียใจจะแย่แล้วนะ”  เหวินจิ้งพยายามบอกคนรักให้หยุดเย้าแหย่เพื่อนตัวเองที่นิ่งเงียบไปแล้วด้วยเพราะสงสาร  แค่เห็นสภาพแก้มซูบตอบและไรเคราที่ดูเหมือนจะไม่ได้โกนมาสี่ห้าวันก็พอดูออก  ว่าอาการของมังกรสุริยันนั้นหนักหนากว่าที่คิด

“ก็จริงนี่  ดูอย่างเราสิ  ตั้งแต่กลับมาจากเรือฉันเคยปล่อยให้ห่างมือรึเปล่า ทั้งไฟต์กับพ่อนาย...พ่อฉัน นายโดนพ่อพาตัวไปขังไว้ที่บ้าน ฉันยังตามไปอาละวาดเสียบ้านนายแตกเลยไม่ใช่เหรอ”

“เหมิงหลง...มันใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจมั้ยเนี่ย”

“ใช่ที่สุดในชีวิต...และคิดไม่ผิดด้วยที่บุกไปชิงตัวนายมา  คนเราน่ะนะ..ถ้าอยากได้อะไรแล้วไม่ได้มันก็เสียชาติเกิดเปล่าๆ  ฉันไม่มัวมานั่งเหงาเป็นหมาหงอยเหมือนใครบางคนแถวนี้หรอก...แค่แม่ตัวเองแกล้งเอาตุ๊กตาสุดที่รักขึ้นไปซ่อนไว้หลังตู้หน่อยเดียวก็ไม่ยอมเขย่งเท้าขึ้นไปหยิบ  อย่าให้พี่พูดเลย...เดี๋ยวจะหาว่ารังแกคนขี้แพ้เสียเปล่าๆ”

   ...ปัง...! 

   แฟ้มที่ถูกโยนลงบนโต๊ะก่อให้เกิดเสียงดังจนหนูน้อยที่เหวินจิ้งกำลังอุ้มอยู่สะดุ้งแล้วเริ่มเบะปาก

“ไม่ลูก ไม่ร้องๆ...”  เหวินจิ้งร้องโอ๋เด็กน้อยขึ้นมาทันควัน แขนขาวๆโยกเด็กน้อยไปมาเพื่อกันไม่ให้เขาเบะปาก และดูเหมือนมันจะค่อนข้างได้ผลอยู่

“สรุปที่มานี่ต้องการอะไร...ถ้าแค่จะมาพล่ามแค่นี้ก็ขอโทษที แต่ฉันยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ เพราะงั้น...”

“ไม่ต้องรีบไล่หรอกน่า เดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว...ความจริงก็แค่จะพาลูกชายมาเปิดตัว แต่ฤกษ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะพามาปุ๊บก็ถูกทำให้ร้องไห้เสียแล้ว...เอาเป็นว่าฉันค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน...”

“เดี๋ยวก่อน”  จู่ๆในตอนที่มังกร เหวินจิ้งและเด็กน้อยกำลังจะเดินออกไปจากห้อง  เสียงเรียกทักเป็นภาษาไทยก็ดังขึ้น  เหวินจิ้งนั้นฟังไม่เข้าใจ แต่แขนแกร่งที่รั้งเอวเขาไว้ก็ทำให้พอรู้ว่าเขาต้องหยุดเดิน

“เหวินจิ้ง พาลูกไปนั่งรอที่โซฟาก่อน คุยกับหยางหลงเสร็จแล้วฉันจะเรียกนะ”  ชายหนุ่มหันบอกคนที่พามาด้วยก่อนจะจบลงที่การจูบหน้าผากทั้งคนรักและลูกชายบุญธรรมคนละที ก่อนที่จะเดินหันกลับไปอัญเชิญตัวเองลงนั่งต่อหน้าโต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง ซึ่งเจ้าของโต๊ะกำลังเอานิ้วเท้าศีรษะตัวเองอย่างคิดไม่ตก

“โอเค ฉากนี้มันเป็นของเพื่อนพระเอกอยู่แล้ว...ว่ามา”  ท่อนขาใหญ่ยาวยกไขว้กันอย่างไว้ท่า มือสองข้างเท้าลงบนที่วางแขนรอคอยเพื่อนที่มีสีหน้ากลัดกลุ้มว่าจะระบายอะไรออกมากับเขาบ้าง  ตอนแรกก็กะแค่ว่ามาดูหน่อยเดียวว่ามันยังอยู่ดียังไม่ตายก็คิดจะลากลับเลย  แต่พอมาเห็นสภาพมันซึ่งต่างกับเขาสุดขั้วในเวลานี้ก็พูดได้อย่างไม่อายปากเลยว่า ‘สงสาร’...

   ...เอาน่ะ  อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน...

“...คือ ตอนนี้ฉัน...”

“กำลังคิดถึงพระจันทร์จนสุดหัวใจ...”

   มังกรเอ่ยต่อให้อย่างรู้ใจ  สุริยะมณฑลยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาแล้วพยักหน้ารับอย่างหมดแรงขัดขืน

“ใช่...ทั้งอยากหอม  อยากจูบ...อยากกอด...ฉันคิดถึงเขาจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”  สุริยะมณฑลระบายความอึดอัดออกมาเป็นภาษาไทยให้เพื่อนฟัง  “ทุกวันนี้ฉันรับรู้เรื่องราวของเขาแค่วันละสองหนจากแม่  พอฉันทนไม่ไหวส่งเสียงทักออกไปแม่ก็วางสายลงไปทันที ยิ่งบางวันฉันได้ยินเสียงเขาลอดออกมาจากโทรศัพท์ด้วยแล้วฉันยิ่ง...”

“แล้วทำไมไม่ตามเขากลับมาวะ ปกติแกไม่ใช่คนแบบนี้นี่...อยากได้อะไรก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็พุ่งชนใช้กำลังทั้งหมดที่มีคว้ากลับมา  กับอีแค่อังกฤษ...มันไม่ได้ไกลอะไรเลยนะเว้ย”

“ฉันรู้  แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้นฉันคงไม่ต้องมัวแต่บ้าทำงานให้ลืมความคิดถึงเขาหรอก...คราวนี้แม่ฉันเอาจริง  ถ้าคนของแม่รู้ว่าฉันบินไปอังกฤษเมื่อไหร่ แม่จะทำเรื่องฟ้องหย่าพ่อ แล้วก็จะพาพระจันทร์หนีฉันออกไปอีก”

“หนีอีกก็ตามอีกสิวะ  เมียทั้งคนนะเว้ย...”

“...ส่วนอีกคนก็แม่ฉัน”

“เออ แม่แก...แม่แกนี่ก็แปลก  จะว่าห้ามไม่ให้แกสมหวังกับพระจันทร์ก็เหมือนจะไม่ใช่ ดูจะออกไปแนวปกป้องพระจันทร์จากซาตานผู้โหดร้ายอย่างแกเสียมากกว่า  แล้วแม่แกจะทำไปทำไมวะ...ทั้งๆที่ฉันเองก็โทรไปยืนยันกับแม่แกให้แล้วนะว่าเรื่องวันนั้นมันเป็นการจัดฉาก เพื่อตัดความสัมพันธ์ของแกกับหงส์ให้จบลงอย่างสวยงาม...แม่แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ”

“เข้าใจ แล้วก็อธิบายให้พระจันทร์ฟังแล้วด้วย...แต่สุดท้ายเขาก็ยังยืนยันเจตนาเดิม ไม่ต้องการให้ฉันไปพบกับพระจันทร์”

   สุริยะมณฑลทิ้งตัวลงพิงเบาะอย่างหมดแรง ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งกดลงที่ขมับแล้วกดคลึงเบาๆ  สายตามองไปที่รูปใครบางคนที่สอดอยู่ใต้กระจกทับบนโต๊ะทำงานของตัวเอง  ท่าทางเหมือนไม่ได้เครียดแค่เรื่องที่ตัวเองบอกออกไป

“ดูเหมือนแกจะกังขาอะไรกับพระจันทร์เขาหรือเปล่า” มังกรก็โพล่งถามได้ถูกจุดเมื่อมองแววตาแล้วรู้ใจกันตามประสาผู้ชายประเภทเดียวกัน

“ฉันแค่...สงสัย  คืนนั้นก่อนที่แม่จะพาพระจันทร์ไป  เราก็ยังเข้านอนด้วยกันตามปกติ  จะมีก็แค่เขาถามฉันว่ามีอะไรอยากบอกเขามั้ย...ฉันไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องงานนั่นแล้วก็เลยไม่ได้พูดความจริงออกไป  พระจันทร์เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฉันก็ไม่ทันเอะใจกับคำถามนั่นว่ามันคงต้องมีอะไรสักอย่าง  จนฉันมารู้ว่าแม่พาเขาไปแล้วนั่นแหละ...แต่ฉันก็ยังสงสัย  พระจันทร์ไม่น่าจะยอมอยู่ห่างจากฉันได้ง่ายดายขนาดนี้ ปกติมีแต่ร่ำร้องขอจากฉันว่าอย่าทิ้งเขา...”

“ฮ่าๆๆ แต่สุดท้ายดันกลายเป็นแกที่ต้องขอร้องอ้อนวอนเขาแทนว่าอย่าทิ้งแกไป แหม่...นายแม่ของแกนี่สุดยอดจริงๆว่ะ  ทำให้นายอาทิตย์ผู้สุดแสนจะเย่อหยิ่งและทะนงตนหาใครเปรียบยอมศิโรราบกับหัวใจตัวเองได้ โชคดีจริงๆที่ไม่มาเป็นแม่ฉันหรือเหวิ้นจิ้ง ไม่งั้นฉันคงปวดหัวตาย ฮ่าๆ...”

   เสียงหัวเราะสะใจราวทีมฟุตบอลทีมโปรดที่เขากับเพื่อนมักจะชอบไม่ตรงกันเตะลูกบอลเข้าโกลด์ในนาทีสุดท้ายเฉือนคู่แข่งทิ้งไปได้ทำให้สุริยะมณฑลปวดหัวจี๊ด อาการวิงเวียนที่มักมาเยี่ยมเยียนในยามเช้าและยามได้กลิ่นหอมของน้ำหอมฉุนจมูกทำให้สุริยะมณฑลต้องยกกำปั้นขึ้นมาขู่เพื่อนเพื่อให้หุบปาก ก่อนจะโยนลูกอมรสบ๊วยเปรี้ยวๆที่มีติดโต๊ะเข้าปากเพื่อให้หายผะอืดผะอม  เข้าใจว่าช่วงนี้เขาคงเครียดหนักทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ทำให้ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอต้องทรุดโทรม

“โอเคๆ เอาเถอะๆ...เห็นแก่คนป่วยไข้ใจใกล้ตายที่ยอมแพ้จนหมดสภาพ ฉันจะซื้อตั๋วเพิ่มในทริปฮันนีมูนสวีทของฉันกับเหวินจิ้งที่เลค ดิสทริค (Lake District) ให้เป็นของขวัญก็แล้วกัน อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดแกแล้วด้วยนี่ เอาเป็นว่าฉันจะพาแกไปเปิดหูเปิดตาที่โรงพยาบาล พบคุณหมอผู้ช่วยชีวิตฉันตอนอยู่ที่อังกฤษให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้จะให้คนส่งตั๋วมาให้...ทำตัวให้ว่าง หรือลาพักร้อนยาวไปสักปีเลยก็ดีนะพวก...”

“ไอ้กร อย่าทำเป็นเล่น...ฉันไม่ว่างจะมาเล่นอะไรแบบนี้กับแกด้วยหรอกนะ งานฉันยิ่งมีท่วมหัว  ถ้าแกจะหาของขวัญให้ฉันก็เอาเป็นอย่างอื่น ฉันไม่เอาทริป ก.ข.ค. ที่แกหวังดีหามาให้หรอก” ชายหนุ่มเอ่ยตัดบทเพื่อน ก่อนจะกดอินเตอร์โฟนเพื่อเรียกซานตงเลขาคู่ใจให้เข้ามาหาเมื่อแฟ้มที่ต้องเซ็นต์รับทราบได้อ่านครบหมดทุกอัน

“เฮ้ๆ...งานนี้ไม่ใช่แค่ฉันนะเว้ยที่หวังดีกับแก  ทั้งพ่อแก แม่กะ...เอ่อ แม่ฉันและครอบครัวฉันต่างก็เป็นห่วงแกกันทั้งนั้น  เอาน่า...เรื่องลูกน้องแม่แกฉันว่าพ่อแกคงพอเห็นใจช่วยลูกชายคนโตสุดที่รักได้อยู่หรอก โอเคนะเพื่อน...รอรับตั๋วเครื่องบินอย่างมีความสุขซะ ไอ้เพื่อนยาก...”

   คำลงท้ายฟังทะแม่งๆราวเพื่อนบอกลาหมาทำให้สุริยะมณฑลมองเพื่อนที่ประคองพาคนรักกลับออกไปด้วยคิ้วขมวด รู้ทั้งรู้ว่าเขาโดนขึ้นมัมแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศอังกฤษโดยเด็ดขาดมันก็ยังอยากจะให้เขาแหกกฎ ทำครอบครัวตัวเองต้องพังพินาศหรืออย่างไร

   สุริยะมณฑลยังคงคิดว่าเพื่อนคงแค่ล้อเล่นจนกระทั่งจดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งมาที่โต๊ะในวันรุ่งขึ้น ชื่อจ่าหน้าก็ไม่มี  ส่วนด้านในก็มีเพียงกระดาษมันบางๆที่มีตัวอักษรเด่นหราว่า ‘ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล (HKG) - ลอนดอน ฮีทโทรว์ (LHR)'...

-------------------------------------------

 o18 o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2014 21:08:12 โดย dek-zaal3 »

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ต้องเลือกเมียสิคะ คุณตะวัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
มาจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ  หาทางออกได้แล้ว
จะปิดบังให้เป็นเรื่องทำไมหว่า?

แบบนี้พอรู้มันก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
พี่ยะแพ้ท้องแทนพระจันทร์ 555

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อ้าวน้องจันทร์ อารมณ์แปรปรวนหรอคะลูกกกก

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
โชคดีที่น้ำฟ้ายอมให้ติิดต่อได้ ยังพอทราบความเคลื่อนไหวฝั่งโน้นบ้าง
น้องพระจันทร์ทำถูกแล้วที่ไม่ใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้พี่ยะแพ้ท้องต่อไปซะให้เข็ด

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
พี่ตะวันต้องเข้าข้างเมียซิคะ  โบราณว่าเชื่อเมียแล้วจะเจริญค่ะ

น้องพระจันทร์เริ่มเรียนรู้ที่จะใจแข็ง ไม่ใจอ่อนยอมตามพี่ยะ  ปล่อยให้พี่ยะแกแพ้ท้องแทนเมียไป 555

ออฟไลน์ su40747

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอค่า ชอบมั่กๆ  :hao7:
อยากรู้จริงๆ ถ้าพี่ยะรู้ว่าเมียท้องจะทำไง 555 :katai2-1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
อยากเจอ หนูลิน จังคิดถึงง่ะ


ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
เกาะติดสถานการณ์

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
สงสารคุณยะมากจ้าตอนนี้

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เอออพี่ยะ แพ้ท้องแทนเมียไปเลยชิ
สงสารแต่พระจันทร์
คงคิดมากกกกกกอีกแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด