Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!  (อ่าน 419792 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #210 เมื่อ19-02-2013 22:50:23 »

.
.
.





เดือนนึงมันไวจนน่าใจหาย
ปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน และผมก็เหนื่อยมากกับการเร่งทำงานเพื่อปิดต้นฉบับ เหนื่อยกับสัมมนาปลายปีของออฟฟิศผม ออฟฟิศคนอื่น สัมมนาของบริษัทหลักทรัพย์มากมาย ชมรมนักวิเคราะห์ นักวิชาการและวิชาชีพ สารพัดงานที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้ผมลืมไปแล้วว่าเดือนหน้าผมก็ต้องเดินทางลี้จากประเทศไทย

คนที่เตือนสติคือนายคฤณ เขาเตือนด้วยคำถามเล็กๆ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านผมทั้งบ้านว่า “เตรียมกระเป๋าไปถึงไหนแล้วครับเจม”

กูเพิ่งรู้ว่ามันต้องเตรียมหลายสิ่งเยอะแยะมากมาย เรื่องปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ผมยกให้นายแม่ทำลิสท์ให้ ซึ่งเธอก็ทำได้ดีครับ ผมมีรายการของที่ต้องจัดหาเกือบ 200 รายการ หนึ่งในนั้นมีเข็มกับด้ายด้วย แต่ผมคิดว่ามันไม่เป็นประโยชน์กับผม เพราะเอาไปก็ไม่ได้ใช้ ผมเย็บผ้าไม่เป็นนี่หว่า

ไอ้จิวเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารยืนยันการเป็นมนุษย์โลก เอกสารการเงิน เอกสารวิชาชีพ เอกสารการเรียน เอกสารเดินทาง เอกสารประกัน ใบเกิดมันก็ให้เอาไปครับ รอบคอบชิบหายเลยพี่กู

ส่วนายคฤณ อาสาจัดการเรื่องที่อยู่ เรื่องวิธีการเอาตัวรอดในสัมคงเมืองแห่งสหราชอาณาจักร บัตรเครดิตของเขาก็ให้ผมมาทั้งที่ผมก็มีของผมอยู่แล้ว บัตรโทรศัพท์ บัตรรถสาธารณะ บัตรห่าเหวอะไรมากมายถูกยัดใส่กระเป๋าใส่บัตรโดยเฉพาะและกำชับว่าผมต้องพกติดตัว คิดบ้างมั้ยว่ามันจะทำให้กูหมดตัวถ้าโดนปล้นเอากระเป๋าไปแค่ใบเดียว

แต่ก็เอาเถอะ เพราะพวกเขาห่วง ถึงได้จู้จี้ดูแลผมเสียขนาดนี้ ผมก็เลยตัวลอย ระริกระรี้ถ่ายรูปแม่ รูปไอ้จิว รูปตัวหนึ่งตัวสองเก็บไว้ด้วยกล้องโพลารอยด์แสนคลาสสิค กะจะเอาไว้ดูยามคิดถึงจัดๆ แต่พอถึงวันที่ขอถ่ายรูปนายคฤณเก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาก็ทำให้ผมน้ำตาแตก

ไอ้บ้าพี่หนึ่งแม่งเลว มันไม่ให้ผมถ่ายรูปมัน แต่มันแย่งกล้องไปจากมือผมแล้วก็เป็นฝ่ายถ่ายรูปผมไว้เกือบ 100 ใบ ผมด่าไปแล้วว่าฟิล์มมันแพง แต่เขาว่า “พี่เหมามาหลายเข่ง เจมยิ้มอีกสิ ยิ้มเร็วครับ” ไอ้บ้า ส่งให้ยิ้มกูก็ต้องยิ้มสิ แม่งจะร้องไห้ก็ต้องยิ้ม นี่เขาแยกออกมั้ยว่าอันไหนยิ้มอันไหนแสยะ

สุดท้ายผมก็ถ่ายรูปเขาได้ เป็นรูปคู่ผมกับเขา เขาเอาคางนาบแก้มผมไว้ ตาของพวกเรามองเลนส์ เราทั้งคู่ยิ้มบางๆ ลูกกะตาผมฉ่ำ แต่ตาเขายิ้ม

ผมชอบรูปนี้ที่สุด รูปอื่นๆ ของผม ผมให้เขาเก็บไว้จนสมใจอยาก ผมขอแค่รูปนี้รูปเดียว

และตอนนี้ รูปคู่ของเราก็อยู่รวมกับกระเป๋าใส่บัตรสำคัญของผม และกระเป๋านั้นก็นอนหลับอยู่ในกระเป๋าสายพายสำหรับเอาติดตัวเดินทาง

คืนพรุ่งนี้ ผมจะก็บินเดี่ยวแล้วครับ






เช้านี้ ไอ้แอมโทรมานัดแนะเวลาที่จะเจอกันที่สนามบิน มันก็ตื่นเต้นไม่แพ้ผม
ผมร่ำลาทุกๆ คนที่ออฟฟิศหมดแล้ว วันนี้ผมมีเวลาดูความพร้อมของตัวเองอีกสิบกว่าชั่วโมง แม่กับไอ้จิวก็อยู่กับผมทั้งวัน ไม่ได้ทำอะไรพิเศษกันหรอกครับ มีแต่การทบทวนว่าลืมอะไรบ้างมั้ย? จัดกระเป๋ายังไง ถึงที่นั่นแล้วต้องติดต่อใคร มีปัญหาโทรเบอร์ไหน รูปที่พักจำได้หรือยัง? และที่ลืมไม่ได้เลยคือ “บอกตาหนึ่งทันทีนะเจมว่าถึงแล้ว เดี๋ยวพี่เขามาบอกแม่กับพี่จิวเอง”

แล้วเหตุอันใด แม่ไม่ต้องการฟังเสียงผมด้วยตัวเองกันเล่า?
ผมพยักหน้ารับหงึกๆ แล้วก็หน้าบานรับราดหน้าเส้นใหญ่หมูโคตรนุ่มที่ป้าพิศทำให้ผมกินเป็นมื้อสุดท้าย กินไปก็ใจหายไป ฮืออออ ไปอยู่ที่โน่นแล้วใครจะทำให้กิน ไอ้ห่าแอมก็ดูจะไม่ได้ความด้านการครัว

อ้อ! นายแม่แนบตำราทำอาหารไทยง่ายๆ ให้ไปด้วย เดี๋ยวแอบเอาไว้ใต้หมอนไอ้แอมดีกว่า เผื่อวิชามันจะซึมเข้าสมองมันบ้าง
 
ระหว่างกินราดหน้า แขกผู้มาเป็นประจำก็มาถึงเสียที นายคฤณนั่นเอง เขาเดินเร็วๆ เข้าบ้านมา วันนี้มีแขกพิเศษมาด้วยครับ

ป๋าคณิณนั่นแหล่ะ มาพร้อมกับอาหารทะเลมากมาย ซึ่งผมคงไม่ได้กิน เพราะป้าพิศคงทำให้กินเป็นมื้อเช้าวันพรุ่งนี้แทน

แม่ผมกับป๋าคณิณซี้กันเร็วดี คุยเรื่องธุรกิจและศาสนากันด้วย การเมืองเว้นครับ แต่เท่าที่ฟังจากวาจาเวลาวิเคราะห์พฤติกรรมนักการเมืองแล้ว ผมว่าทั้งคู่ก็ไม่ต่างสีกันเท่าไหร่หรอก

เด็กๆ อย่างผมกับไอ้จิวก็เลยมานั่งให้นายคฤณซักถามความพร้อม ผมไม่ได้โดนจู้จี้อะไรมาก งานหนักตกอยู่กับไอ้จิวเสียมากกว่า เพราะว่า “มึงเป็นพี่นะไอ้รชา ต้องดูน้องสิ ต่อให้ไปอยู่ต่างประเทศมึงก็ต้องเป็นฝ่ายเป็นห่วง” ฮ่าๆ รู้สึกดีมากที่มันถูกจ้ำจี้จ้ำไชหนักขนาดนี้ เชื่อว่าเท็ตสึคงดุมันได้ไม่เข้มเท่านายคฤณแน่ๆ

พอเขาแน่ใจว่าเขาไอ้จิวทำทุกอย่างได้ดั่งใจเขาแล้ว เขาก็หันมองหน้าผมแล้วพูด

“แล้วคนนี้ล่ะครับ ถึงที่นั่นแล้วต้องทำไง ต้องติดต่อใคร รายงานตัวกับทางนั้นแล้วให้ไปที่ไหน และไปยังไง”

“มาร์คมารอรับ ไปรายงานตัวที่สมาคมก่อน มาร์คพาไป จากนั้นเรียกแท็กซี่ เอาที่อยู่ให้ดู ให้ไปส่งที่บ้านพักคุณพีชที่พี่หนึ่งเช่าเอาไว้ให้ ระหว่างทางห้ามหลับ ครับ”

“ดีครับ”

“เรื่องคุณอรินทร์ พี่จะไม่ขัดก็ได้” ผมขอให้ไอ้แอมไปอยู่กับผมด้วย คือผมก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรมากมาย การไปอยู่เมืองนอกที่กว้างใหญ่ก็โล่งหน้าอกหน้าใจเกินไปแล้ว ผมอยากมีเพื่อน และไอ้แอมก็เหมาะกับตำแหน่งนี้มากสุด

“แต่แยกห้องกันนอน ไปไหนบอกพี่ด้วย”
“ห้ามวอกแวกไปชอบเขาเพราะความใกล้ชิดนะครับ”

“เจมรู้แล้วน่า” หลายรอบแล้วนะเนี่ย สั่งเสียจนอยากจะขัดใจให้แม่งแดดิ้นไปต่อหน้านี่แหล่ะ

“พี่จะโทรหาทุกๆ ......”

“สองทุ่มของที่โน่น” ผมต่อคำพูดของเขาแล้วทักท้วงด้วยเหตุผลเดิว่า “แต่ว่าพี่หนึ่งจะเหนื่อยนะ”

“พี่จัดสรรเวลาของตัวเองได้ เจมนั่นแหล่ะ ตรงเวลาด้วยนะ”
“อย่าลืมอีเมลล์ ขาดอะไรให้รีบบอก นะครับ”

“ครับ” ยิ่งกว่าพ่ออีกเห็นมั้ยล่ะ? เอ๊ะ! หรือกูจะเรียก “พ่อขา” เสียตั้งแต่ตอนนี้ดีวะ?

แล้วก็กอดกัน มองหน้ากัน หัวเราะกัน และรำลึกถึงวันเก่าๆ

วันที่เจอกันครั้งแรก วันที่ไประยองกัน วันที่เขาเลียมือผม ผมเพิ่งรู้ว่าเขาตื่นเต้นชิบหายที่ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขาครั้งแรก แต่ก็ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจจริงๆ ถ้าผมไม่มีทีท่า เขาก็ไม่คิดล่วงเกิน อืม...แต่ว่า ครั้งแรกของผมกับเขา ผมก็ไม่มีทีท่านะ ทำไมเขาล่วงเกินวะ แล้วผมก็ไม่ด่าด้วย สรุปแล้วใครไวไฟกันแน่หว่า

ร่วมปีที่ผมและเขาสร้างความทรงจำร่วมกัน เราไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นให้จดจำจนวันตาย แต่ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยเขาเป็นหนึ่งในตัวแปร ผมก็จะจดจำไว้ไม่มีวันลืม

“พี่หนึ่งครับ”

“ครับ” เขาขานรับพลางดึงมือผมไปถูหลังมือเล่น เรานั่งกันอยู่ที่สวนหน้าบ้าน หมาน้อย 2 ตัวนอนขี้เกียจเป็นหมูเปื้อนฝุ่นอยู่ไม่ไกลนัก

“เจมรักพี่หนึ่งนะ เจมก็ไม่รู้ว่าไปที่นู่นแล้วจะเจออะไรบ้าง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่หนึ่งอยู่ที่นี่จะนึกคิดหรือรู้สึกอะไรบ้าง”
“แต่เจมไม่โกรธหรอกนะถ้าพี่จะเผลอไผลไปปล่อยใจหาความสุขกับใคร เจมแค่อยากให้พี่อยู่ได้ แม้จะมีเจมหรือไม่มีก็ตาม”

“อย่าโง่สิเจม พี่ไม่มีทางมีความสุขถ้าไม่มีเจม”

“แต่ว่า...เจมไม่อยากให้พี่ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข อยู่แบบเบื่อๆ ซังกะตาย”
“จริงๆ นะครับ พี่หนึ่งมีใครก็ได้ ตามสบาย ถ้าพี่ต้องการ”

“ปากดีไปเถอะ ใครกันที่หึงจนบอกเลิกพี่ เจมอาจลืมแต่พี่ไม่มีวันลืมหรอก วันที่เจมร้องไห้และหันหลังให้พี่เพื่อจากไป ให้มันเกิดขึ้นแค่วันเดียวในชีวิตพี่ก็พอ”

“แต่ว่า....” ผมพยายามแย้งเพื่อแสดงด้านผู้ใหญ่ที่ผมคิดว่าแม่งเท่โคตร ใจกว้างโคตรๆ แต่เขาก็รู้ทันผมอยู่ดี

“นะครับ ให้พี่รอเจมเถอะนะ”

“แต่พี่หนึ่งจะเหงานะ เอาตรงๆ ก็ได้ พี่จะกอดใคร เกิดแบบ....นะ มันก็เป็นความต้องการทางร่างกาย”

“ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ พี่จะบินไปกอดเจมที่อังกฤษ เอาให้แน่นจนคุณอรินทร์ได้ยินเลยดีมั้ย?”  ตลกแระ! เสียค่าตั๋วเครื่องบินเพราะไปหนุบหนับกันเนี่ยนะ แคมฟ๊อกก็ได้ถ้านายกล้าพอ ฮ่าๆๆๆ ผมไม่ได้พูดอะไร แต่นั่งมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มให้

ตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้ว ผมต้องการแค่นั่งนิ่งๆ รอให้เวลาผ่านไป รอให้ชีวิตเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของมันเท่านั้น

ผมไม่โหยหาความรัก ไม่ไขว่คว้า ไม่เรียกร้องอะไรอีก ไม่ใช่ว่าหมดรักหรือหมดความสนใจนายคฤณแล้วหรอก แต่ที่ผมนิ่งเฉยอยู่ได้แบบนี้ก็เพราะผมเชื่อใจเขา

เชื่อว่าไม่ว่าอะไรมันจะเคลื่อนย้ายไปตามครรลอง ความรู้สึกรักที่เขาบอกว่ามีไว้มอบให้ผมคนเดียว มันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปแน่นอน



ราว 5 โมงเย็น ป๋าคณิณก็กลับคฤหาสน์หลังโตไปโดยนายคฤณไปส่ง ผมเพิ่งรู้ว่าป๋าอยู่กับคนสนิทที่มาดามใจ แต่ไม่ใช่เมียกันแค่ 2 คนในบ้านหลังโต ลูกชายคนเดียวแยกออกมามอยู่ที่คอนโดหรูใจกลางเมืองคนเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าป๋าเหงารึเปล่า แต่ดูจากสีหน้า ท่าทางป๋าจะชอบที่ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตที่ตัวเองพึงใจ






แสงไฟยามคำคื่นของสนามบินสุวรรณภูมิดูสวยดี อาคารผู้โดยสารที่มุงกระจกเทียมหลังคาเปิดให้เห็นฟ้าสีมืด ผมหันรีหันขวางมองหาไอ้แอม แป๊บเดียวมันก็โก่งคอเรียกผมแล้วลากกระเป๋าเดินมาหา

วันนี้เองที่ผมได้มีโอกาสเจอหน้าพี่เอิง พี่สาวของไอ้อ๋อมแอ๋ม สวยเหมือนไอ้ต้อมว่า แต่เผ็ดมาก สายตาดุทำให้ผมไม่กล้าปากหมาแซวอะไร กลัวพี่เขาพ่นไฟใส่เอา

ครอบครัวเราทำความรู้จักกันเล็กน้อย ผมกับมันก็เดินไปเช็คอิน ปล่อยให้แม่ๆ รำพันว่าห่วงลูกชายแค่ไหนกันไปพลางๆ

น้ำเพชรก็มาส่งผมครับ รายนี้ถักผ้าพันคอมาให้ มันพันคอผมให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ก็ถูกไอ้จิวแซวว่า “เพชรจะผูกคอกระชากวิญญาณเจมหรอ? เบาๆ สิ” แล้วน้ำเพชรก็เถียงว่า “เราซ้อมไว้ผูกคอจิวนั่นแหล่ะ” ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ได้ข่าวว่ารักกันถึงขั้นหาแบบการ์ดแต่งงานแล้ว

ไอ้ต้อมก็มาส่ง มากับพี่ปู แต่มาแป๊บเดียวก็ร่อนรถพาพี่ปูไปส่งที่บ้าน ผมก็เลยยืนหงอยๆ ให้แม่กอด ซบ ลูบหลังและหอมแก้มซ้ายแก้มขวาสลับกันไปมา ไอ้แอมเองก็ช้ำมือแม่มันไม่ต่างกันหรอก


ถึงเวลาที่ผมกับมันต้องเข้าเกท เราควงคู่ (อูยย จั๊กจี้จริงๆ ว่ะ) กันเดินเข้าตม. แม่ไม่ได้ตามเข้าไปส่งหรอกครับไอ้จิวปรามไว้ บอกว่ายิ่งยื้อก็ยิ่งคิดถึง นั่งเครื่องบินตูดยังไม่ทันขยายก็ถึงแล้ว

หมดห่วงจากแม่แล้ว แต่ผมก็ยังพะว้าพะวังเพราะนายคฤณยังไม่มาเลย

หรือว่าตอนที่ลากันที่บ้าน ถือว่าร่ำลากันแล้วเรียบร้อย
อะไรว้า? ทั้งที่ผมอยากให้เขาส่งผมจนสุดทางแท้ๆ

ไอ้แอมดึงมือผมให้เดินเร็วขึ้น เราผ่านตม.ไปแล้วก็เดินแกร่วกันอยู่ในดิวดี้ฟรี มันก็เดินร่อนเร่ไปตามประสา แต่ไม่ห่างตัวผมมากนัก

โทรศัพท์มือถือของผมยังเปิดใช้บริการอยู่ ผมอยากเก็บเบอร์นี้เอาไว้ ยอมอ้อนวอนให้ไอ้จิวจ่ายค่ารักษาเบอร์ซึ่งมันก็ยอม มันเป็นพี่ชายที่ดีมากจริงๆ

สิ่งเดียวที่ยังเชื่อมต่อผมกับเขาให้เอื้อมถึงกันได้ ก็คือโทรศัพท์ ผมกดโทรหาเขาระหว่างที่หลบจากไอ้จิวมานั่งที่ที่พักหน้าเกท รอสัญญาณอยู่นานเขาก็ไม่รับสายเสียที

ไม่โทรแล้วก็ได้ หงึ!
ผมตัดสาย ตัดใจ และสูดลมหายใจลึกๆ ยกกระเป๋าสะพายใบอวบขึ้นมากอดไว้และรอเวลาคนเดียวเงียบๆ

แต่จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งมานั่งข้างๆ ผม
ผิวขาวเขาสะอาด แขนยาว นิ้วก็ยาว ขายาวอีกต่างหาก
เขาใส่กางเกงนอน เสื้อยืด แต่เสือกสวมหมวกใบโก้
ผมใต้หมวกนั้นสั้น แต่จอนข้างหูยาวออกมาและได้รับการตัดแต่งอย่างมีระเบียบ

มือนั้นสอดจับมือผมไว้แล้วยกขึ้นไปที่หน้าปากที่เม้มสนิทเข้าหากัน

“..........” ผมมองคนที่ดูไม่ค่อยปกติอึ้งๆ ไม่ได้สะบัดมือออกเพราะผมรู้ตั้งแต่เห็นกางเกงนอนแล้วว่าเขาเป็นใคร

“ไม่อยากให้ไปเลย พี่ต้องคิดถึงเจมมากแน่ๆ”

“พี่หนึ่ง”

“พี่รักของพี่มากนะ” เขาทวนคำอ้างที่เขาชอบพูดเวลาต้องการให้เหตุผลมากมายของผมตกเป็นประเด็นรองจากความรู้สึกรักที่หนักแน่นของเขา

ผมยิ้มบางแล้วเอียงหัวไปซบไหล่ ช่างหัวใครจะมอง อยากคิดอะไรก็คิด อยากซุบซิบอะไรก็เชิญ
ตอนนี้ ผมอยากเก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากไหล่นี้ให้มากที่สุด อยากจดจำสัมผัสจากมือที่สากเป็นริ้วๆ ให้ได้ลึกที่สุด
อยากอยู่ใกล้นายคฤณ ธีระเสถียร ให้นานที่สุดเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย

ผมไม่ได้พูดอะไร เขาก็เช่นกัน เขานั่งอยู่กับผมแบบนั้น จนกระทั่งไอ้แอมโทรมา มันคงหาผมไม่เจอจนหมดปัญญาจะเดิน ผมไม่ได้รับสาย กดปิดเสียงด้วยซ้ำ

10 นาทีสุดท้าย ไอ้แอมวิ่งมาที่เกท พอเห็นผมมันก็ถอนหายใจแล้วหลบไปนั่งในระนาบเดียวกัน แต่ไม่ได้เข้าใกล้ มันคงรู้ว่าตอนนี้ใครกันที่มีตัวตนใหญ่โตในโลกส่วนตัวของผม ผมมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ

แล้วก็ถึงเวลาต้องจาก
คำว่าโหยหาที่ผมสะกดเป็นตอนชั้นประถม ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริงก็วันที่จากกับนายคฤณนี่แหล่ะ แม้จะแค่ชั่วคราว แต่มันก็ชั่วคราวที่ทำให้หัวใจผมมีรูโหว่


“เจอกันวันที่เจมกลับมานะครับ”
“พี่จะไม่ไปหา พี่จะไม่เอาแต่ใจตัวเอง จะไม่วิ่งไปตักตวงความสุขจากเจมแล้วกลับมาโดยทิ้งให้เจมเป็นฝ่ายเหงา”
“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”
“นะครับ”

“ครับ”

“พี่หนึ่งรักเจมนะครับ”

“ผมก็รักคุณ” ผมบอกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าอย่างมั่นใจ หันหลังให้เดินเข้าเกทไปโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย

น้ำตาแม่ง ประจานกูทำเชี่ยไร กูรู้แล้ว่ากูขี้เหงาชิบหาย



หัวใจไอ้ยอดชายนายชานนท์โคตรรักนายคฤณเลย!




cut


ฮื่อออออออออออออออออ จากกันแล้วววววววววว T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2013 23:38:05 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #211 เมื่อ19-02-2013 23:21:51 »

โอ๊ยยยย เศร้าาาอ่ะะะะ  :o12: :sad4:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #212 เมื่อ19-02-2013 23:40:42 »

แอมดูเป็นคนดีอยู่นะ เสียตรงเผลอเป็นตอดเนี่ยที่ขัดใจ ฮึ่ยย!!!!!



 :กอด1:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #213 เมื่อ19-02-2013 23:43:48 »

เศร้าตามเจมอะ วุ้ย

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #214 เมื่อ20-02-2013 00:02:47 »

เจมกับพี่หนึ่งสู้ๆ นะ
ผ่านช่วงระยะเวลานี้ไปให้ได้
ระยะทางแค่นี้มันสั้นนิดเดียว นี่มันโลกยุคโลกาภิวัฒน์ การสื่อสารไร้พรมแดน TwT

ออฟไลน์ CHIVAS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #215 เมื่อ20-02-2013 00:05:19 »

อ่าาาาา  นึกว่าพี่หนึ่งจะตามไปอยู่ด้วยอ่ะ
แต่ชอบเหตุผลพี่หนึ่งนะคะ เราจะเหงาด้วยกัน นับรอวันที่เราจะได้เจอกันด้วยกัน น่ารว๊ากกกกกกกกอ่ะ
แอมเนี่ยยยยย ถึงเนื้อถึงตัวไวเชียว ตอนแรกก็ไม่อะไรนะคะ แต่ถึงเนื้อถึงตัวเรามากก ไม่ชอบเบยยยย

ตอนนี้น่ารักค่ะ แต่ก็แอบเศร้าเหมือนกัน  น้องเจมก็ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าทำให้พี่หนึ่งเป็นห่วงล่ะ  ^^

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #216 เมื่อ20-02-2013 00:07:02 »

สู้ๆ นะเจม

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #217 เมื่อ20-02-2013 00:22:23 »

 :sad11:  ส่งเจมออกนอก

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #218 เมื่อ20-02-2013 00:31:56 »

อ๊ะ จากกันแล้วอ่ะ  :o12:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #219 เมื่อ20-02-2013 00:52:18 »

“พี่รักของพี่มากนะ”

“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”

ชอบ2ประโยคนี้มากๆ ฮือ อธิบายไม่ถูก
จะอยู่กันยังไงนะ จะเป็นยังไงนะ
นึกภาพไม่ออกเลย ห่างกันแบบนี้
แต่ด้วยอินเตอร์เน็ต คงทำให้อะไรๆไม่แย่จนเกินไป

ใกล้จบแล้วเหรอเนี่ย...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
« ตอบ #219 เมื่อ: 20-02-2013 00:52:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #220 เมื่อ20-02-2013 09:30:30 »

เห้ย!!! เรื่องนี่เจ๋งมากอ่ะคับติด!!!!!

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #221 เมื่อ20-02-2013 14:18:59 »

ชอบจังเลย ซึ้ง เศร้า วุ้ยต้องจากกันแล้ว ไปดีมาดีเน้อน้องเจม สู้ๆ ปีเดียวเองเน๊อะ หรือเปล่า แล้วจะเป็นไงต่อไปหว่า สนุกดีแท้

ขอบคุณจ้า   :3123: :L1: :3123:


ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #222 เมื่อ20-02-2013 21:00:09 »

รอเจมกลับมาอยู่น๊า

ออฟไลน์ kkmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #223 เมื่อ21-02-2013 01:29:17 »

ขอบคุณคับ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #224 เมื่อ21-02-2013 02:59:46 »

“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”

ประโยคนี้จี๊ดมาก เหมือนฟ้าผ่ามากลางใจเลยโฮ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
«ตอบ #225 เมื่อ21-02-2013 20:54:30 »

พี่หนึ่งหนักแน่นมาก เจมก็ยังเป็นเด็กเอาแต่ใจผู้ไม่แคร์โลกที่น่ารักที่สุด(สำหรับเฮียคลิน)
ขอให้หนึ่งตอนเท่ากับหนึ่งปี นิยายเรื่องนี้น่ารักที่สุดตอนที่พี่ที่หนึ่งอยู่กับน้องเจมนี่ล่ะ

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #226 เมื่อ23-02-2013 22:27:48 »


Hear, Me

=======
If I could, I would
======






ตอนที่ 22



ยามที่ไม่อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก หรือช่วงเวลาที่รอบกายไม่ได้โอ่ล้อมไปด้วยคนที่คุ้นเคยมันไม่มีความสุขหรอกครับ
ผมยอมรับว่าปรับตัวได้ช้า ไม่เหมือนไอ้แอม ตัวนั้นมันกินง่ายนอนง่าย ชอบง่าย ประทับใจก็ง่าย
ส่วนผมก็ได้แต่หืออือไปตามเรื่องตามราว ใครว่าดีก็ยิ้ม ใครติฉินก็เฉยซะ เพื่อจะได้อยู่ในโลกเงียบๆ ของผมต่อไป

มาอยู่ในลอนดอน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กม.ต้นคนนึงที่เข้าถึงยาก ไม่ค่อยสนใจอะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่ชอบมากนัก 2 เดือนมานี้ ผมหงอยมากถึงขั้นไอ้แอมก็เข้าหน้าไม่ติด

ยาขนานดีถูกส่งตรงมาจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เมื่อเดือนก่อน ผ่านทางสายใยแก้วหรือห่าเหวอะไรทั้งหลายแหล่ที่เรียกรวมๆ กันว่านวัตกรรม

นายคฤณนสไกป์มาหาผมหลังจากผมจัดการเรื่องต่างๆ ได้ลงตัวดีแล้ว
ตอนสัญญานเรียกเข้ามาผมโคตรตื่นเต้นๆ จู่ๆก็เขินหน้าจอไอแพด พอกดรับแล้วหน้าเขาเด้งขึ้นเท่านั้นแหล่ะ ผมแทบจะเกลือกร่างกายบนไอแพดเลยทีเดียว

เขาส่งเสียงหัวเราะมาก่อนเลย แต่ผมร้องไห้แล้ว ผมคิดถึงเขามาก คิดถึงเสียง คิดถึงมือ คิดถึงอก กลิ่นน้ำหอม ลมหายใจ คิดถึงกระทั่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบตัวเขา

พอเขาถามว่า "หมาเจมเป็นอะไรครับ? คิดถึงพี่หนึ่งมั้ยครับ?" ผมก็ร้องไห้อีก ไอ้เชี่ย ถามสะกิดต่อมอ่อนแอกูเพื่อ!!!

สไกป์ครั้งแรกไม่ค่อยมีอะไรได้คุยกันหรอก ส่วนมากเขาจะบอก จะสั่ง จะห่วงจะหวงมากมาย ผมก็ได้แต่พยักหน้าลูกเดียว พอผมหาว เขาก็ปล่อยไปนอน

เพิ่งเรียนรู้การบอกรักทางไกลเมื่อคุยกันครั้งที่ 3-4 นั่นแหล่ะ นายคฤณอ้ำอึ้งแล้วก็ทำหน้าดำ (คิดว่าหน้าจอคงมีปัญหาแล้วแหล่ะ) จากนั้นก็บอกผมว่า "พี่คิดถึงเจมมากนะครับ"
ผมก็หน้าแดง แต่เสือกกดปิดสัญญานไป แล้วค่อยดัดจริตส่งอีเมลล์ไปบอกว่า เจมคิดถึงพี่หนึ่งมากกว่า ฮ่าๆๆ รู้สึกชนะยังไงไม่รู้


ก๊อกๆ
ไอ้แอมแหงๆ จะมีใครอีกล่ะ ก็ผมอยู่บ้านนี่กับมัน 2 คนนี่นา
"อือ เอาไร?"

"เอามึงอ่ะ"

"สันขวาน!" ผมด่าใส่พลางพับโน้ตบุ้คปิดแล้วพุ่งไปเตะแข้งมันอย่างหมั่นไส้
"เอาไร เร็วๆ จะอีเมลล์ต่อ"

"พรุ่งนี้มีนัดไปกับกรุ๊ปสื่อเอเชียนะมึง"

"อือ กูไม่ลืม"

"กูไม่ได้มาเตือน มาบอกว่าปลุกกูด้วยนะ" บอกจบก็ออกจากบ้านไป ครับ มันไปติสแตกเก็บภาพแสงสีบ้าบอของมันนั่นแหล่ะ แต่ว่าเวบบล็อกของมันได้รับความนิยมมาก(จ้างหน้าม้าล่ะสิ) สืบเนื่องจากพี่ปูผู้ใช้ทุกโอกาสโยนวิกฤตใส่หัวคนอื่น เธอสั่งให้ผมกับมันทำงานส่งด้วยระหว่างที่มาอบรมหลักสูตรที่นี่

ไอ้แอมต้องทำบล็อกของตัวเองเพื่อนำเสนอมุมกล้องที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ของโลก
เข้าทางมันเลยแหล่ะครับ

ส่วนงานผมหรอ? เขียนครับ เขียนบทวิพากษ์การนำเสนอของสื่อที่ต่างวัฒนธรรม เหมือนยากเนอะ แต่ไม่ยากหรอก ผมก็เขียนขึ้นต้นว่า "ไม่เข้าใจว่าทำไมคน.....ถึงได้....." จากนั้นผมก็เอาเรื่องที่ผมคุยกับนักข่าวต่างแดนที่มาเข้าโครงการอบรมรอบนี้เหมือนกันมาชำแหละ แล้วหาข้อสรุปให้คนอ่านเข้าใจว่า ทำไม คนต่างชาติ ต่างเผ่าพันธุ์จึงได้คิดเห็นต่างกันถึงเพียงนี้
เดือนละเรื่องเท่านั้น เบากว่างานไอ้แอมเยอะ หึ!

นี่เขียนของเพื่อนมาเลเซียไปแล้ว อินโดนีเซียแล้ว กำลังยำยัยพี่พม่าอยู่ เนื่องจากเธอมีความคิดซับซ้อน ผมต้องเอาอีโก้เธอออกก้อยบอกเล่ามุมมอง ฮื้อออ! เหนื่อย

กว่ามันจะกลับมาก็เที่ยงคืน ตอนนี้ทุ่มกว่าของที่นี่ ที่ไทยก็ราวตีหนึ่งกว่าๆ  เวลาที่นายคฤณมักจะติดต่อมาก็ราว 2 ทุ่มของที่นี่ ก็เท่ากับว่าเขาต้องถ่างตาจนถึงตีสองค่อยติดต่อผม อืมม รู้สึกเป็นภาระของเขาขึ้นทุกวี่ทุกวันแฮะ

เอาวะ ไหนๆ ก็เขียนงานไม่ออกแล้ว ไอ้แอมก็ไม่อยู่ให้ชวนคุย เรียกเขาก่อนก็ได้

ทันทีที่ผมสไกป์ไปหา หน้าเขาก็เด้งขึ้นมาทันที เฮ้ย! ให้ผมได้รอบ้างไรบ้างดิ หมดมู้ดนะเนี่ย
“อ๊ะ!  พี่หนึ่ง!” ผมทักอย่างตื่นเต้นแล้วโบกมือด้วย เอ่อ...ควรทำมั้ยวะ? จำไม่ได้แล้วด้วยว่าตอนที่เขาทักมานั้นเขาโบกมือหงอยๆ แบบนี้รึเปล่า นายคฤณหัวเราะใส่ผมแล้วโบกมือตอบ แม่งก็ทำตามกูเนอะ โตแล้วไรแล้วป่ะเนี่ย?

“มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ?”

“ทำไมอ่ะ ไม่ด่วนเจมเรียกมาไม่ได้หรอ?”

“เปล่านะ! เฮ้ย! ทำไมคิดงั้น ก็ปกติเจมรอให้พี่เรียกไปก่อนนี่นา” เขาเถียงแล้วก็หันซ้ายหันขวา อะไรหว่า? สงสัยแฮะ

“พี่หนึ่งยุ่งอยู่รึเปล่าครับ? เท่านี้ก่อนก็ได้นะครับ” ผมบอกอย่างเกรงใจ ก็หน้าเขาเลิ่กลั่กนี่หว่า ไม่อยากกวนแล้ว หงุ่ยยยยย

“ไม่ยุ่งครับ แป๊บนึงนะ พี่แต่งตัวก่อน เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” คนที่หน้าเหวอไปก็คือผมนี่แหล่ะ อายว่ะ แว๊กกก กูคุยกับชีเปลือย! ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปทางอื่น เพิ่งสำเหนียกว่ากูจะอายทำเต้าหู้อะไรก็ตอนที่เขาส่งเสียงเรียกนั่นแหล่ะ

และการเรียกของเขา ถ้าจะให้มันปกติกว่านี้หน่อยก็ดีนะ

“เจมครับ หูแดงหมดแล้ว หันมามองพี่เร็วสิ”
“เจมครับ ลูกหมาเจม เจมคร้าบบบ” เชี่ยยยยยยยย กูเขินตัวขึ้นผื่นแล้วเหอะ

“อาราย!” ผมทำเสียงยืดๆ ถ้าไอ้จิวได้เห็นต้องเตะผมตัวลอยแน่เลยอ่ะ ฮ่าๆๆ กูก็ทำไปได้เนอะ
“เสร็จยัง?”

“ถ้ายังไม่เสร็จ เจมช่วยได้มั้ยครับ” เลววววววววววว!! สัปดนตลอดเหอะ! ใครเอานายคฤณผู้เงียบขรึมเป็นผู้ใหญ่ใจดีกับลูกหมาลูกแมวไปฆ่าวะเนี่ย!

ผมหันไปทำหน้าหยิ่งใส่ นายคฤณหัวเราะต่ออีกนิดก็กลับมามีสติเหมือนเดิม สังเกตได้ว่าตอนนี้เขามีเสื้อสวมให้เห็นปกเสื้อนอนแล้ว โอ้เย่!

“เจมทานข้าวรึยังครับ?”

“แล้ว”

“กินอะไร?”

“ก็อบขนมปังกับหมูหมักไปพร้อมๆ กันอ่ะ คิดว่าสุกนะ แต่กินหมดแล้วครับ ถ้าไม่สุกก็ไม่เป็นไร ไอ้แอมก็กินด้วย ตายก็ตายพร้อมกัน”

“ใครอนุญาตให้เจมตายกับคนอื่นครับ? หืม?” คือ...ผมไม่รู้ว่าเขาต่อว่าหรือออดอ้อนกันแน่ น้ำคำกับน้ำเสียงนี่คนละเรื่องเดียวกันเลยเถอะ ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง

“พรุ่งนี้พี่หนึ่งทำงานเช้ารึเปล่า? เอางี้ดีกว่า ต่อไปเดี๋ยวเจมติดต่อไปเองดีกว่า เดี๋ยวเจมเลือกเวลาเอง นะครับ จะได้ไม่ต้องนอนดึก”

“เวลานี้แหล่ะ คุยกันก่อนนอนพอดี พี่นอนดึกอยู่แล้ว”

“แต่พี่หนึ่งแก่แล้วนะ ต้องนอนให้พอ” ฮ่าๆๆ หนวดเสือกระตุกยิกๆ เลยครับ นายคฤณมองผมเหวี่ยงๆ แล้วก็ยกคาง เอียงแก้มซ้าย-ขวา แล้วก็กดหน้าตรงสบตากับผมพอดี

“พี่แก่ตรงไหนครับ?”

“เจมล้อเล่น” ผมยิ้มแก้ตัว แล้วก็ทำตาโตใส่เขาก่อนเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้เหนื่อยมั้ยครับคุณคฤณ”

“ไม่เหนื่อยครับคุณชานนท์ ทำงานตามปกติครับ เก่งเป็นปกติ นี่เพิ่งบิดงานมาได้เพิ่ม ต้องไปต่างประเทศไกลมากด้วยครับ” ครับไปก็ครับกลับ นายคฤณก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ

“งานที่ไหนหรอครับ?”

“พม่าครับ ตอนนี้ต้องเอางานในอาเซียนไว้ก่อนครับ เออีซีครับ”

“อ่ออ ไม่มาบิดงานแถวลอนดอนหรอครับ?”

“อยากไปเหมือนกันครับ”

“ไหนว่าจะไม่มาไงครับ”

“ไม่ได้ไปหาใครเพราะคิดถึงจนทนไม่ไหวนี่ครับ ไปทำงาน ไม่นับครับ”

“ขี้โกงนะครับ”

“ไม่รับรู้ครับ ไม่โกงครับ กติกาคือผมครับ” ยกหางตัวเองแล้วก็หัวเราะ ผมฟังเขาหัวเราะเสียเพลิน รู้สึกดีมากที่ได้เห็นหน้ากัน รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กันแบบนี้ ฮือออ อยากกลับแล้วอ่ะ แต่ไม่ได้! ผมยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก อย่างน้อยๆ ก็ต้องเก่งกล้าให้เท่าทันนายคฤณนั่นแหล่ะ ผมต้องโตให้ทันเขา ทั้งความคิด และการกระทำ เอาสิ กูท้าตัวเองนี่แหล่ะ!

“คุณชานนท์อาบน้ำรึยังครับ”

“อาบแห้งครับ” ผมตอบหน้าด้านๆ นายคฤณทำสีหน้าตกใจแล้วก็หัวเราะ แล้วเขาก็บอกให้ผมเขินก่อนจะสั่งให้ผมไปอาบน้ำ

“ไปอาบเลยครับ เมื่อวานก็อาบแห้งแล้ว พี่หนึ่งชอบให้เจมตัวหอมๆ นะครับ”

“ดมถึงหรอครับ?”

“ยิ่งกว่าถึงอีกครับ เห็นหน้าก็รู้กลิ่น รู้อุณหภูมิแก้ม อยากจูบเจมจังเลย!!”

“ไอ้บ้าพี่หนึ่ง!”

“ไปอาบน้ำแล้วเตรียมนอนได้แล้วครับเด็กดี แล้วเจอกันครับ” เขาทิ้งท้ายแล้วก็ตัดสัญญาณไป ปล่อยให้ผมเหวอนิดๆ ก็ปกติเขาไม่เคยตัดสัญญาณไปก่อนเลยนี่หว่า อืมมม สงสัยคืนนี้จะง่วงจัดล่ะมั้ง


อาทิตย์นึงผ่านไปไวมากกกก
ไม่ใช่เพราะผมมีความสุขอะไรหรอก แต่เพราะวันๆ นึงมีเรื่องให้ทำมากมาย จน 24 ชั่วโมงไม่เคยเพียงพอสำหรับผม ไอ้แอมก็เหมือนกัน ตอนนี้มันนั่งพิงตัวผมอยู่ที่ห้องอาหารของสมาคม เวลาบ่ายโมงตรงวันนี้พวกผมมีนัดอบรมร่วมกับสื่อท้องถิ่นครับ แว่วว่าเป็นพวกสายทูตอะไรนี่แหล่ะ

“ง่วงว่ะเจม กลับไปนอนก่อนได้มั้ยวะ”

“ไม่ทันว่ะ อีกครึ่งชั่วโมงเอง มึงฟุบหลับไปดิ ยังไม่เห็นใครมาเลย” ผมมองไปโดยรอบ หวังว่าจะเริ่มเห็นพวกนักข่าวที่มาอบรมในโปรแกรมเดียวกัน

ในกรุ๊ปที่มาอบรมนี่มาจากทั่วโลกครับ ฮ่าๆ พูดให้เวอร์ แต่ประเทศที่เข้าร่วมก็เหมือนตัวแทนแข่งโอลิมปิคนั่นแหล่ะ มีคนเกเรเหมือนกัน แต่ผมกับไอ้แอมพยายามบังคับตัวเองให้เข้าอบรมทุกหัวข้อ ไม่อยากให้เสียชื่อประเทศไทย

“เกาหลีมายังวะเจม”

“มึงจะถามถึงเจนนี่ก็บอกมาเถอะ”

“เออ มายังวะรายนั้น” เจนนี่คือนักข่าวสาวชาวเกาหลีครับ เธอเป็นลูกครึ่งรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ หน้าตาเกาหลีมากแต่พูดอังกฤษปร๋อเลย ผมสอดสายตามอง แล้วก็เห็นเป้าหมาย

“มาแล้วว่ะ”

“อย่ามีพิรุธนะเจม กูเอือมเขาจริงๆ ว่ะ ไม่ไหว” มันบอกแล้วก้มหน้าฟุบลงกับกระเป๋า มีการดึงตัวผมไปนั่งชิดกับมันเพิ่งบังไว้ แต่ผมก็เป็นกันชนที่ดีมาก ผมยกมือโบกไปโบกมาอย่างร่าเริงให้เจนนี่เห็น แล้วเธอก็พุ่งมาหาไอ้แอมทันที

ฮี่ๆ กูไปก่อนนะอ๋อมแอ๋ม
ผมย่องหนีจากมันไปนั่งที่อื่น ระหว่างนั้นก็ลอบมองไอ้แอมมันสะดุ้งจากแรงกระแทกแล้วก็หน้าเหวอถดตัวหนีเจนนี่ที่โอบล้อมมันทุกทิศทาง เออ สนุกดีเหมือนกันว่ะ

แล้วมาร์คก็มาถึง
มาร์คเป็นเจ้าหน้าที่ของสมาคมสื่ออังกฤษที่ดูแลกรุ๊ปสื่อต่างประเทศอย่างพวกผมครับ พอเห็นผมก็หันหาไอ้แอม เจอไอ้แอมก็เจอเจนนี่ เพื่อนเจนนี่ที่เป็นแกงค์รวมสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ฮ่องกง สาวๆ ส่งเสียงเซ็งแซ่บอกพิกัดกันดีมากๆ

การอบรมวันนี้ทำให้ผมตกใจนิดๆ เพราะผู้อบรมคือท่านทูตไทยกับนักข่าวสายการทูตครับ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสื่อสารที่ผิด และที่ถูกต้อง ฟังให้เป็นโจ๊กก็จะขำ แต่หากจับความหมายในน้ำเสียงได้ก็จะรู้ว่าวิชาชีพกำลังถูกเหน็บแนมเบาๆ

บรรยายจบ ท่านทูตหันหาสื่อจากไทย ผมกับไอ้แอมก็เลยโดนหมายตัว ท่านซักประวัตินิดหน่อยแล้วก็กระซิบบอกให้พวกผมอยู่ร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย

“มีโรดโชว์บริษัทในตลาดหุ้นไทยมาน่ะ ผมก็เลี้ยงต้อนรับเป็นประจำอยู่แล้ว เชิญพวกคุณด้วยนะ”

โรดโชว์บริษัทในตลาดหุ้น...หรอ?
ใครมั่งวะ?
จบการแชร์ประสบการณ์ เราก็มีการสุมหัววิพากษ์ประสบการณ์ดีและไม่ดี มีการระดมสมองกันคิดว่า การนำเสนอข้อมูลของสื่อในสถานการณ์แบบนั้นๆ ควรทำอย่างไร โน่นนี่นั่นเรื่อยไป

จบการเค้นสมองกันก็สี่โมงกว่าๆ มาร์คมากำชับพวกผมอีกที่ว่า “อย่าลืมนัดกับท่านทูตเย็นนี้นะ พลีส” พลีสนี่ใส่ให้ไอ้แอมเป็นพิเศษครับ เพราะมันขึ้นชื่อมากเรื่องการชิ่งงานสังคมที่นอกเหนือจากการอบรม

ผมพนักหน้ารับปาก และเริ่มหน้าเสีย เพราะว่า.... “ต้องแต่งตัวไงวะเจม” มึงถามกู แล้วกูถามรักยมที่ไหนล่ะ?


ปัญหามีไว้แก้ เช่าเท่านั้นครับ เช่า พวกผมเช่าชุดสูทอย่างเป็นทางการ ผ้าเนื้อเรียบสวบ สาบเสื้อ มุมไหล่ เป้ากางเกงพอดีตัวเป๊ะๆ ลองชุดกันแล้วยังหลงรักตัวเองเลยขอบอก

รอเวลาจนใกล้แล้วค่อยจรลีไปยังโรงแรมที่ท่านทูตบอก
ตัวผมไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ มันก็เหมือนไปงานประกาศรางวัลสมาคมต่างๆ ที่จัดในโรงแรมแสนหรูหรานั่นแหล่ะ แต่ไอ้แอมเนี่ยสิ ก็ไอ้ตัวนี้มันไม่ถูกกับงานทางการเสียเท่าไหร่

แล้วไอ้ห่านี่ก็ขาอ่อนขึ้นมาจริงจังเมื่อถึงหน้าโรงแรมที่หรูชิบหาย

“เข้าได้หรอวะเจม”

“เข้าได้ดิวะ!” ผมส่ายหน้าใส่แล้วก็ลากตัวมาเข้าโรงแรม พนักงานต้อนรับมองเรานิดหน่อย แต่ผมมันหน้าตามีระดับพอ ฮ่าๆ ถึงกระเป๋าจะแห้งเพราะเสียเงินเช่าชุดก็เถอะ

เดาๆ ดมๆ ทางกันไม่นานก็เจอห้อง มีแขกทยอยกันมาแล้วด้วย โอ้เย่! กูได้ยินภาษาไทยแล้วโว้ยยย กะเหรี่ยงปลาบปลื้มชิบหาย

ผมยืนจดๆ จ้องๆ หวังจะเจอแหล่งข่าวที่พอจะรู้จัก เพราะตอนทำงานที่ไทย ผมก็คลุกคลีกับแหล่งข่าวในตลาดหุ้นอยู่หลายคน

“เฮ้ย! คุณนนท์” ผมเอ่ยชื่อเป้าหมายแล้วสะกิดให้ไอ้แอมดูทันที มันเองก็รู้จักครับ ก็รายนั้นเขาเป็นซีอีโอโบรกเกอร์ที่ฐานลูกค้าสถาบันหัวทองมากสุดในอุตสาหกรรมนี่หว่า

“เออๆ คุณนนท์ ไปทักเขากัน”

“ไปดิ” ผมเห็นด้วยทันที ไอ้แอมเดินนำหน้าผมไป แต่ผมยังไม่ทันได้ไปไหนก็โดนลากให้เดินถอยหลังแล้วจับยัดใส่ห้องน้ำทันที!

ไอ้เหี้ยบ๋อยที่ไหนลากกูวะเนี่ย!

“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งตกใจเพราะจู่ๆ ไอ้คนที่ลากผมก็โถมมากอด ตั้งสติแป๊บเดียวก็ดันไอ้ห่านี่ออกแล้วจ้องหน้า

“พี่หนึ่ง”

“คิดถึงแทบตาย นี่ก็เดินตามผู้ชายต้อยๆ” คำแรกก็ด่ากูแร่ดเลยนะ คิดถึงกูแน่หรอวะ?

ผมขมวดคิ้วมองเขา พอเห็นว่าผมไม่มีอารมณ์ซาบซึ้งด้วยเขาก็ปล่อยตัวผม โอยย อยากจะกราบ เกร็งตัวเพราะกลัวสูทยับจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว

“มายังไงครับเนี่ย พี่หนึ่งมางานนี้หรอ? มางานโรดโชว์หรอ?”

“ครับ ไม่เซอร์ไพรส์หรอ?”

“เซอร์ไพรส์สิ!”

“แล้วทำไมทำหน้าไม่ปลื้ม”

“ก็พี่หนึ่งด่าเจมนี่”

“ด่าตอนไหน เจมหูหาเรื่อง”

“ด่าเจมว่าเดินตามผู้ชายต้อยๆ”

“พี่ก็ล้อเล่น” แก้ตัวแล้วก็ทำหน้างอมาดึงผมไปกอดใหม่ อืมมมม คิดถึงจังเลยกอดอุ่นๆ แบบนี้
“คิดถึงเจมมากเลย รู้ตัวรึเปล่าครับ”

“เริ่มรู้แล้วครับ” ผมตอบแล้วหัวเราะขำ มองหน้ากันอีกสักแป๊บนึงเขาก็นัดแนะกับผมว่า “พี่อยู่ต่ออีก 2 วัน กลับกรุงเทพมะรืน เดทกันนะ” พอผมพยักหน้ารับ เขาก็บอกเพิ่ม “สักทุ่มกว่าพี่จะมารอที่ล้อบบี้ ป๋าคฤณจะพาน้องเจมหนี กล้ามั้ยครับ?”

“กล้าครับ” ผมรับคำแล้วเอาหน้าผากโขกหน้าอกเขาเบาๆ ก่อนจะเดินตามเขาออกจากห้องน้ำ เออว่ะ กูนี่เป็นพวกชอบเดินตามผู้ชายต้อยๆ จริงๆ



ทุ่มกว่าผมก็ออกจากห้องจัดเลี้ยงมาที่ล้อบบี้ ชะเง้อมองอยู่นานก็ไม่เจอคนที่ชวนผมเดท หรือว่าโม้ใส่กันหว่า? ไม่นะ อย่ามาทำนิสัยแบบนี้ ไอ้เรารึใจเต้นไปแล้วเรียบร้อย

“ใจลอยหาใครครับ?” สะดุ้งเลยทีเดียว ผมหันมองแล้วเจอหน้าที่โน้มลงมาจนขนตาแทบผูกกัน เขินเว้ยเฮ้ย แต่ไงก็ต้องยิ้มสู้สินะ

“ไม่ได้ใจลอยซะหน่อย แค่คิดอยู่ว่าพี่หนึ่งโม้เท่านั้นเอง”

“ใครจะใจร้ายแบบนั้น ไปกันเถอะ หิวข้าวมั้ย พี่หิวมากเลย”

“เจมไม่หิวหรอก พี่หนึ่งจะกินอะไรล่ะครับ”

“เดี๋ยวพาไปร้านอาหารไทย อร่อยสุดๆ” เขาชักชวนแล้วดึงมือผมไปจับประสานไว้เพื่อพาเดินออกจากโรงแรม ไอ้ห่าพนักงานโรงแรมก็มองพวกผมจนคอบิดกันเลย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2013 23:32:38 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #227 เมื่อ23-02-2013 22:37:55 »

การที่มีคนคนนึงบอกว่าจะพามาร้านอาหาร ก็ต้องคิดว่าจะได้กิน ได้ลิ้มรสของกินอร่อยๆ ใช่มั้ย? แต่ที่ผมพบในร้านอาหารไทยกลางกรุงลอนดอน คือแม่นายคฤณครับ

ช็อคมาก เธอยังสวยเช้งเลยครับ
แต่ที่ช็อคที่สุด ก็คงเป็นตอนที่เธอมองหน้าผมตาโต หลังจากลูกชายเธอพูดว่า “แม่ครับ นี่แฟนหนึ่ง”
เธอสาวเท้าเข้ามามองผมใกล้ๆ 2 มือยกขึ้นประกบแก้มผมไว้แล้วก็อุทานว่า “อุ้ยตาย! น่ารักกว่าที่แม่คิดไว้ซะอีก”

คือ...ผมควรดีใจใช่มั้ยที่เธอคิดว่าผมน่ารัก
ฮือออ ผมเป็นผู้ชายอกสามศอกกว่าๆ นะ ไม่ใช่ตุ๊กตาเสียกะบาล

2 แม่ลูกเขาสนิทกันดีครับ ลูกชายก็เล่านั่นนี่ให้แม่ฟังไปเรื่อยๆ แม่เองก็พยักหน้าและเสริมนั่นนี่เป็นบางครั้ง แต่ผมรู้สึกได้ว่าเวลานายคฤณพูดถึงป๋าคณิณ คุณอร (ชื่อแม่นายคฤณครับ) จะเงียบนานหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

เห็นท่าทางของเธอแบบนั้นแล้วผมก็นึกอยากรู้ว่านายคฤณบริหารความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่สมบูรณ์ของครอบครัวอย่างไร

“น้องเจมครับ” คุณอรเรียกผมแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่อยากคุยกับผม

“ครับ”

“มาอยู่ที่นี่ร่วม 3 เดือนแล้ว ปรับตัวได้รึยังครับ?”

“ก็ดีขึ้นครับ” ผมตอบ งงนิดๆ ว่าเธอจะครับกับผมทำไม ผมไม่ใช่เด็กที่ต้องให้ผู้ใหญ่ลดวัยมาคุยด้วยเสียหน่อย

“รู้จักร้านแม่แล้ว วันหลังแวะมาบ่อยๆ นะ”

“เอ่อออ” นี่เกรงใจนะบอกตรงๆ
“ครับ”

“น้องเจมต้องรักพี่หนึ่งเยอะๆ นะครับ พี่หนึ่งเขาขี้เหงา ขี้อ้อน” อู่ววว ถ้าแม่เขาคอนเฟิร์มขนาดนี้ ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ ผมพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าหลบตา ใจนึงก็คิดกระดากอยู่บ้างว่าแม่เขาไม่คิดจะสงสัยหรือเห็นว่าไม่สมควรบ้างหรอ? ผมเป็นผู้ชาย เขาก็ผู้ชาย เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ทำไมไม่คาดหวังว่าเขาจะเป็นแบบที่โลกเขาเป็นกัน

แต่คิดไปคิดมา แม่เขาก็คงไม่ต่างคุณนายวันรพี ทั้งชีวิตนี้ หวังเพียงอย่างเดียวคือขอให้ลูกมีความสุขในวิถีชีวิตที่พวกเขาเลือกเอง

“ทานราดหน้ามั้ย? ของโปรดแม่เลย”

“ของโปรดเจมเหมือนกัน” ผมปากเบาบอกไปด้วยสัญชาตญาณชอบกินเป็นหลัก คุณอรจิราหัวเราะเบาๆ ด้วยใบหน้าสวยแล้วก็เดินเข้าครัวไปทำเมนูเด็ดให้ผมกิน


พอแม่เขาเข้าครัว นายคฤณก็หันมายิ้มอวดๆ ใส่ผมทันที
“แม่พี่ชอบเจมกว่าที่พี่คิดอีก”
“คุณอรก็ชอบทุกคนที่พี่ชอบนั่นแหล่ะ แต่ดูจะชอบเจมมากนะเนี่ย ปกติไม่ลงมือทำอาหารเองหรอก แม่ครัวก็จ้างมาตั้งแพง”

“หรอครับ ก็คงเหมือนที่แม่เจมชอบพี่หนึ่งมากกว่าที่เจมคิดนั่นแหล่ะ” ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับการมาเจอแม่เขา นายคฤณจับมือผมไปลูบไปลูบมาแล้วก็จูบเบาๆ

เรากินราดหน้าจานเดียวกัน เขาแย่งผมกินโดยการอ้างว่าผมไม่ค่อยหิว กินนิดเดียวก็พอ เขาจะกินเยอะๆ ให้เอง ไอ้เอาเปรียบ!


จบจากการเจอแม่เขาในเวลาสั้นๆ การเดทที่ผมคิดว่ามันจะพิเศษก็จบลงที่บ้านพักของนายพีชที่เขาเองก็เคยมาใช้บ่อยๆ

นายคฤณมาเพื่อสำรวจว่าผมกินอยู่ยังไง นอนห้องที่เขาบอกรึเปล่า มีของกินของใช้ครบครันตามที่ผมโม้ไว้รึเปล่า เขาเจอที่เขี่ยบุหรี่ที่ห้องรับแขก สายตาเขียวปั้ดหันมองผมอย่างคาดคั้น พอผมบอกว่าผมไม่ได้สูบ ของไอ้แอมมัน เขาก็ยื่นหน้ามาดูดปากผม ครับ ดูดจริงจังเลย แล้วก็อ้างว่า “ของแบบนี้ต้องเชื่อตามหลักฐาน” เมื่อเขาแน่ใจว่าผมไม่ได้โกหก เขาก็ดูห้องนั้นห้องนี้แล้วก็จบลงที่ห้องนอนผม

นายคฤณเหมือนเด็กชะมัดตอนที่โถมตัวลงไปกลิ้งบนเตียงผม เขาซบซุกหมอนของผมแล้วก็ตบเตียงเรียกผมไปนอนใกล้

ไอ้ผมมันก็หน้าด้านมาแต่ไหนแต่ไร เรียกให้นอน ผมก็นอน
เขากอดผม 1 แน่นแล้วก็ปล่อยออกเพื่อกอดไว้หลวมๆ แทน ความอบอุ่นที่ผมโหยหามาตลอดตั้งแต่มาอยู่ไกลบ้านถูกเติมเต็ม ถูกถมทับจนรูโหว่ในใจแทบไม่เหลือ

ผมรู้สึกดีมากๆ ที่มีเขาอยู่ใกล้กายแบบนี้

“พี่กำลังผิดคำพูดตัวเองอยู่ เจมโกรธมั้ย?”

“ผิดคำพูดเรื่องไหนหรอครับ?”

“ก็พี่เคยบอกว่าจะไม่เอาแต่ใจ จะไม่มาหาเจมเพื่อตักตวงความสุขแล้วก็ต้องจากเจมไปอีก แต่ตอนนี้พี่กำลังทำ”

“ไม่ผิดหรอกครับ เจมไม่โกรธ ดีใจด้วยซ้ำที่พี่หนึ่งมา”
“เอาเข้าจริงๆ เจมก็ยอมรับว่าคิดถึงพี่หนึ่ง คิดถึงทุกๆ คนที่กรุงเทพมากกว่าที่เจมคิดไว้”
“ตอนแรก เจมคิดว่ามันก็คงเหมือนการเปลี่ยนที่กิน เปลี่ยนที่นอน แต่จริงๆ แล้วมันอ้างว้างกว่านั้นมากเลย”
“แต่ก่อน แค่เห็นบ้านที่เจมอยู่มาตั้งแต่เกิดก็อุ่นใจแล้ว กลับบ้านเจอแม่ แม้ว่าแม่จะหลับไปแล้วเจมก็ดีใจแล้ว ที่เคยเหนื่อยเคยท้อเรื่องนั้นเรื่องนี้มันก็หาย แต่อยู่ที่นี่ หันไปทางไหนก็อ้างว้างกว่าเดิม”

“เด็กโง่ คิดถึงก็โทรหาแม่ โทรหาไอ้รชามันสิ โทรหาพี่บ่อยๆ ก็ได้”

“เจมก็อยากโตเหมือนกันนี่นา จะเอาแต่วิ่งหาแม่เป็นลูกแหง่ได้ไง”

“เจมโตได้เท่านี้แหล่ะ อย่าฝืนโตเลย เชื่อพี่หนึ่งสิ ลูกหมาเจมโตได้เท่านี้จริงๆ” หลอกด่ากูป่าววะ? ผมเงยหน้ามองเขา แต่ก็เห็นแค่คางที่ครึ้มเคราเขียวบางๆ เขาคงชอบใจที่ได้เหน็บผมก็เลยหัวเราะหึๆ แล้วก็ตะแคงตัวกอดก่ายผมเอาไว้

“คืนนี้พี่กอดเจมได้มั้ย?”

“แล้วที่ทำอยู่นี่เราซักผ้ากันอยู่หรอครับ” หึๆ ขอกวนตีนหน่อยเถอะ นายคฤณทำโทษผมด้วยการงับหูเบาๆ แล้วก็ขยายความให้มันโจ่งแจ้ง

“งั้นกอดแน่นกว่านี้อีกนะ ได้ใช่มั้ยครับ” มาขนาดนี้แล้ว ตอบว่าไม่ได้ก็เหมือนการยกป้ายห้ามบินขึ้นหน้าเครื่องบินที่แหงนหัวขึ้นมาครึ่งฟ้า ไม่ทันแล้วครับพี่น้อง

ผมนิ่งเงียบตัวแข็ง และนายคฤณก็รู้ความหมายของภาษากายผมดี เขาคลายกอดคลายขาแล้วเริ่มต้นจูบผมจนผมลืมตามองดูอะไรในโลกนี้ไม่ได้อีกเลยตลอดคืน


ทั้งที่กลับกรุงเทพคืนนี้ แต่นายคฤณกับผมก็จากกันหลังจากกินมื้อเช้าผ่านไป รอบนี้เขาก็สั่งเสียมากมาย คนที่ซวยก็คือไอ้แอมที่มาเคาะประตูห้องผมแต่เช้าเพื่อชวนกินข้าว แต่ก็ต้องเหวอแดกไปเมื่อคนที่เปิดประตูให้คือนายคฤณ ส่วนผมน่ะหรอ? ยังนอนหวงผ้าห่มอยู่บนเตียงอยู่เลย

เขาสั่งให้ไอ้แอมกินข้าวให้เป็นเวลา กินอะไรที่เป็นประโยชน์ แล้วก็ให้ไอ้แอมหมั่นติดต่อออฟฟิศและไอ้ต้อม ผมรู้หรอกน่าว่าการให้มันรายงานตัวกับคนอื่น ก็เพื่อให้ผมถูกถามถึงและถูกเป็นห่วงเยอะๆ ไปด้วย

ก่อนไป นายคฤณเอาปากชนหน้าผากผมต่อหน้ามัน ห่าเอ้ย! มึงจะมองตาโตทำเหี้ยไรอ๋อมแอ๋ม ช่วยรู้บ้างว่ากูก็ไม่ได้อยากให้เขาโจ่งแจ้ง แต่เขาหึงมึงแบบแก้ไม่หายว่ะ ขอโทษที


เพิ่งรู้ว่าการมาไวไปไวของนายคฤณก่อพิษร้ายแรงต่อผมมากกว่าการอยู่ห่างกันระยะยาวเสียอีก จริงอยู่ที่มีความสุข แต่มันก็ชั่วครู่ชั่วยาม พอเขามาหา มาปรนเปรอความอบอุ่นแล้วก็ต้องอยู่ห่างกันอยู่ครั้ง มันก็เหมือนกับผมต้องเริ่มทำใจกับการไม่มีเขาให้อ้อนให้อยู่ใกล้ๆ ใหม่อีกรอบ

และครั้งนี้มันก็ร้ายแรงเสียจนผมป่วย
พอนายคฤณรู้เรื่องเข้าก็บอกว่าจะมาอยู่กับผมยาวเลย “อย่าอยู่ห่างกันเลยนะ เจมดูแลตัวเองไม่ได้หรอก ให้พี่ไปอยู่ด้วยดีกว่า” ผมก็ดีใจนะ แต่ไม่ได้อ่ะ ไม่ได้เด็ดขาด แค่นี้ก็หลงรักกระทั่งอากาศที่เขาหายใจทิ้งแล้ว ถ้ามาอยู่ตัวติดกันตลอดอีกล่ะก็ ออกซิเจนคงไม่ได้สำคัญที่สุดในชีวิตผมแน่ๆ

สุดท้ายผมก็หักดิบ ไม่สไกป์ ไม่โทรหา ไม่อีเมลล์ถึง ไม่อะไรทั้งสิ้น
ทนทำแบบนี้อยู่ 2 เดือน ผลก็สรุปออกมาว่า  “เจม! มึงมีเมียแหม่มหรอ? มึงทิ้งเฮียกูหรอ? ห่า! โทรหาเขาเดี๋ยวนี้ เฮียกูเครียดจนน้ำหนักลดไป 4 โลแล้ว!”

ฮืออออ ทำไมผมและเขาถึงได้มีความเชื่อมโยงกันสูงขนาดนี้วะ!
สไกป์ก็ได้วะ หงึ!

อ่ะ! หน้าเด้งมาแล้ว เร็วไปมั้ย ยังไม่ได้คิดคำขอโทษเลย

“เจม!” เขาเรียกเสียงดังจนผมสะดุ้ง นายคฤณผอมลงจริงๆ ด้วย แก้มตอบเลยอ่ะ หมาตัวไหนแม่งถามแก้มแฟนกูวะเนี่ย!

“พี่หนึ่ง ดูโทรมจังเลยนะครับ ป่วยหรอ?”

“เพราะใครกันล่ะ” เออ ดูเหมือนจะโกรธจริงจังแฮะ ผมทำหน้าสลดอยู่ไม่กี่วินาที นายคฤณก็พูดเพิ่ม
“เพราะเจมนั่นแหล่ะ” รอบนี้เสียงหงอยๆ ทำหน้ามุ่ยด้วย น่ารักชิบหายเลยว่ะ

“เจมขอโทษนะครับ เจมแค่อยากใส่ใจเรื่องอบรม เรื่องใช้ชีวิตที่นี่เท่านั้นเอง”
“เจมไม่อยากติดพี่หนึ่งมากไป”

“แล้วนี่ไม่ติดพี่มากพอรึยังครับ” สรุปคือกูผิดทุกสิ่งนั่นแหล่ะ ผมเป่าปากเสียงดังปรู่วๆ แล้วก็เอ่ยเสียงอ่อย

“เจมขอโทษครับ”

“พี่เป็นห่วงนะ ไม่อยากให้พี่อยู่อยู่ด้วยก็บอกดีๆ ทำแบบนี้พี่ใจหายหมด”
“ตอนแรกคิดว่าป่วย แต่ก็เห็นส่งงานได้ ส่งข่าวไอ้รชาได้ พี่ปูเองก็บอกว่าเจมสบายดีทุกอย่าง พี่ก็คิดว่าเจมหลงแสงสี ลืมบ้านนา” โทษนะ! ถ้านายคฤณเป็นหนุ่มบ้านนา คนกรุงของโลกนี้ก็ต้องมาจากนอกโลกแล้วล่ะ
ผมพยักหน้าหงึกๆ ฟังเขาอบรม พอเขาเอมใจแล้วเขายอมคุยกับผมดี

“ทานข้าวรึยังครับ”

“ทานแล้วครับ พี่หนึ่งล่ะ”

“ทานแล้วเหมือนกันครับ นี่ทวนตัวเลข IRR** ของโครงการอยู่ พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดครับ” งานหนักสินะ ผมมองเขาอย่างเห็นใจแล้วก็อวยพรว่า “ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะครับ”

“พี่หนึ่งนอนเถอะครับ อย่าป่วยนะ เจมเป็นห่วง”

“ครับ ถ้าเจมห่วงพี่ก็จะไม่ป่วยอีกเลย ฮื้ออออ อยากกอดเจมจังเลย”
“หนาวมั้ยที่ลอนดอน”

“ก็ชื้นๆ ทั้งปี นี่เจมก็เพิ่งหายหวัด” ผมบอกอาการตัวเอง นึกถึงคนที่ต้องลำบากพาผมไปหาหมอแล้วก็อดขอบคุณในใจไม่ได้ คุณอรจิราครับ เธอแวะมาเยี่ยมพร้อมกับผลไม้ ขนมปัง เนย นม สารพัดของกิน แต่กลับมาเจอผมในสภาพนอนซมจมไข้ เพราะไอ้แอมไม่อยู่ ไปตระเวนตามเคย เธอก็เลยพาผมไปคลินิกใกล้ๆ คาดว่าเรื่องนี้นายคฤณเองก็น่าจะรู้ แม่ลูกเขาคุยกันอยู่แล้ว

“แม่บอกพี่แล้ว ตกใจแทบแย่”
“อยู่ไกลตาแม่ ไกลไอ้รชา เจมต้องดูแลตัวเองดีๆ สิ พี่น่ะห่วงเจมได้อีกเยอะ แต่แม่กับไอ้รชาจะเหนื่อยใจนะ อย่าให้คนที่ไว้ใจว่าเจมจะดูแลตัวเองได้ต้องผิดหวังสิ”

คือ...กูทรพีขนาดนั้ยเลยหรอ? แค่ป่วยเองนะ ฮือออ ทำไมทำอะไรก็ผิดหมดวะเนี่ย
พอเห็นผมหน้าจ๋อย เขาก็เลยปลอบอีกนิดหน่อยแล้วก็ให้ผมนอนไวๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องส่งไรท์ติ้งหลังจากจบการอบรมเทอมแรก


กว่าผมจะลงตัวกับชีวิตที่เป็นของตัวผมเองจริงๆ ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 6 ที่มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้เข้าสู่ช่วงอบรมเทอมสอง เนื้อหาเจาะลึกลงมากๆ ผมต้องเข้าอบรมพิเศษกับนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยดัง แต่ไม่ได้เรียนเต็มหน่วยเหมือนพวกเขาหรอก อาทิตย์นึงต้องเข้าเรียน 2 คลาส ไอ้แอมก็เหมือนกัน แต่คนละสาขาการเรียน เพราะผมเน้นการผลิตเนื้อหา แต่มันเน้นส่งต่อเนื้อหา
 
เพื่อนนักข่าวชาติอื่นก็กระจายกันเรียนตามความสนใจ และตามการจัดสรรของสมาคมของที่นี่ เรียกได้ว่าต้องเข้าใจตัวเองให้มันสุดๆ ไม่งั้นก็บอกเขาไม่ได้ว่าเราอยากศึกษาเรื่องอะไรกันแน่

เวลาของผมเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ผมเคยมีแบ่งให้นายคฤณก็ลดลงเรื่อยๆ ด้วยเหมือนกัน
แต่ครั้งนี้ผมไม่งอแงอะไรอีก ร่างกายก็ไม่หักโหมจนป่วยไข้เหมือนที่ป่วยครั้งก่อน
แม่ชมว่าผมโตขึ้นแล้ว โตทันพี่จิวแล้ว อื่มมมม นี่ชมใช่มั้ย? ตามตรรกะโลกแล้ว ผมก็เป็นน้องมันไม่กี่วินาที ทำไมการเป็นผู้ใหญ่ขึ้นของผมมันถึงได้ดูน่าภาคภูมิขนาดนั้นวะ ที่ผ่านมาผมโตช้ามากหรอเนี่ย


เดือนที่ 10 แล้ว
ผมต้องทำสรุปการอบรมที่ผ่านมาทั้งหมดส่ง
วิธีการส่งแม่งก็โหดชิบหาย ให้พรีเซนท์หน้าห้องที่เรียนร่วมกับพวกป.โทนั่นแหล่ะ แต่คนละแม่งก็ค้นคว้าอลังการชิบหาย ไอ้ตัวข้อของผมมันก็กระจอกงอกง่อยเสียด้วยสิ

ผมเขียนหัวข้ออะไรน่ะหรอ?
หัวข้อว่า “สื่อและอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคสื่อ” มันก็ต้องตั้งสมมติฐาน สร้างเงื่อนไขที่ทำให้สมมติฐานเป็นจริงและไม่จริง สรุปผลว่าสื่อแบบไหนมีอิทธิพล และสื่อแบบไหนไม่มี มีเพราะอะไร ไม่มีเพราะอะไร ไหนจะต้องตัดเงื่อนไขของตัวแปรอย่างผู้บริโภคอีก ทีนี้รู้แล้วหรือยังครับว่าทำไมเวลาของผมมันถึงได้ผ่านไปเร็วนัก ฮือ กูก็สะกดคำว่าเหนื่อยเป็นนะเว้ยโลก!

กระบวนการส่งเปเปอร์ผ่านปุ๊บ อกผมก็โล่งปั๊บ ผมแค่มาอบรม ไม่ได้มาเรียนเพื่อผ่านหลักสูตรป.โทอะไรยั้วเยี้ยเสียหน่อย
วันนี้กลับบ้านแบบเพลียๆ แต่พอเปิดประตูแล้วตะลึงเลยครับ เพราะไอ้แอมทำเซอร์ไพรส์
“อะ..อะไรวะแอม!”

“งานเลี้ยงอบรมจบของกูกับมึงไงอัญ”

“นี่ทำเองหรอ?” ผมถามแล้วเดินตาพองเข้าบ้าน ถอดโค้ทวางร่ม ถอดหมวกเหวี่ยงๆ ไว้ตรงโซฟาเรียบร้อยแล้วก็กระโจนไปเกาะโต๊ะหน้าโซฟาทันที มันเตรียมดินเนอร์บ้านนาไว้ให้ครับ โอ้ย!! ส้มตำ ลาบ น้ำตก ไก่ทอด(เสือกชุบเกล็ดขนมปังให้เสียอรรถรสนะมึง) คอหมู(มโนเอา จริงๆแล้วหมูสันนอก)ย่าง จิ้มแจ่ว!

“อือ ทำเอง”

“ห่า! โม้!”

“เออ กูโม้”
“คุณอรแม่คุณหนึ่งเขามาหา แต่มึงกลับค่ำกว่าปกติ เขาก็มีธุระต่อของเขา แต่ก็อยากทำอะไรไว้ให้มึงกิน กลับมาจะได้หายเหนื่อย กูเลยเสนอ จำได้ว่ามึงบ่นๆ ว่าอยากกินอาหารเผ็ดแบบไทยๆ”

“น่ารักนี่หว่าอ๋อมแอ๋ม จำได้ด้วยว่ากูบ่นว่าไร กินกันเหอะมึง หิวชิบหาย”
“คิดถึงบ้านเนอะแอมเนอะ”

“กูเฉยๆว่ะ”

“อ้าว ไมอ่ะ? มึงไม่คิดถึงแม่มึงหรอ?”

“ก็คิดถึง แต่ก็ใช่ว่ากูจะไม่ได้เจอแม่อีก แต่กูคงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับมึงแค่ 2 คนแบบนี้อีก”

“...........” อืม อ๋อมแอ๋ม นี่มึง..... ผมถอนหายใจแล้วยู่ปากไปมา รอให้มันดับอารมณ์ห่วงหาห่าเหวอะไรที่ไม่สมควรไปก่อนค่อยชวนกิน แต่ไอ้แอมมันก็ไม่จบง่ายๆ

นายอรินทร์จับมือผมไว้แล้วเอาไปจับนมมัน จริงๆ ก็อยากบอกว่าจับมือผมไปจับหัวใจ แต่ผมไม่อยากเคลิ้มคลานตามความรู้สึกมัน ขอคิดขอเข้าใจในแบบของผมก็แล้วกัน

มันคงท่านั้นไว้สักพักก็ยกมือผมไปประกบแก้มมันต่อ ผมไม่ดึงมือออก ใช่ว่าคล้อยตามอารมณ์มัน แต่ร่วม 10 เดือนที่อยู่กับมัน มันทำให้ผมรู้ว่ามันยอมลงให้กับเงื่อนไขของผม และความเป็นตัวตนของผมทุกอย่าง มันขออย่างเดียวคือขอรักผมไปเรื่อยๆ

ผมสงสารไอ้อรินทร์ที่สิ้นฤทธิ์หล่อกวนส้นตีนคนนี้จริงๆ

“แอม มึงอย่า”

“ปล่อยกูไปเหอะเจม”
“ใช่ว่ากูไม่พยายาม ประตูห้องเราห่างกันเท่านี้ มึงห่างจากกูแค่ไม่กี่ก้าว แต่กูก็ไม่เอื้อม”
“เพราะมึงไม่อยากให้กูเข้าใกล้มากกว่านี้ ใช่มั้ยล่ะ”
“ระยะห่างของเพื่อน มันทรมานกูว่ะ”

“แต่ถ้ากูปล่อยให้มึงรักไปเรื่อยๆ กูก็จะแย่ซะเอง”
“กูใจอ่อน กูรู้ แต่กูก็เลือกแล้วว่าความรักของกูคือใคร กูจะหนักแน่นเพื่อเขา”
“การที่มึงรักกูไปเรื่อยๆ ตามความพอใจของมึง มันทำให้กูรู้สึกผิดบาป”
“มึงหยุดเถอะแอม”

“................”

“แค่รัก ก็ไม่ได้”
“เป็นเพื่อนกูเถอะนะ นะแอมนะ”

มันจ้องหน้าผม แล้วมันก็น้ำตาคลอ ไอ้แอมไม่พูดอะไรอีก มันปล่อยมือผมและนั่งลงกับพื้นแล้วชี้ชวนผมกินส้มตำ มารู้ว่าคุณอรไม่ได้ทำไว้ให้ก็ตอนที่ผมบ่นว่ารสชาติแม่งแย่ชิบหาย มันก็เลยสารภาพว่าลงมือเองหมดเลย

ไอ้เหี้ยแอมน่ารักชิบหาย แต่ผมก็ไม่รักมันอยู่ดี

หมดส้มตำครบเครื่องที่กินกันแบบไม่รู้รสชาติ มันก็ชวนผมดื่ม
ด้วยหน้าไอ้แอม ด้วยความรู้สึกมัน ด้วยความเห็นใจที่ผมมีต่อมัน และด้วยอากาศชื้นๆ ที่แสนน่ารำคาญ ผมก็ดื่มแม่งนอนสต๊อปเลย!

สูตรชงเหล้าแม่งก็พิสดารชิบหาย เดี๋ยวบอกสูตรยูเครน เปอตาริโก้ สเปน อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ห่าเหวสูตรที่มันบอกว่าเพื่อนใหม่ๆ มันแนะนำเอาไว้ตอนที่มันไปกินเหล้ากับพวกเขาหลังผูกมิตรกันหลังเลนส์

แล้วผมจะเหลือหรอ? เมาปลิ้นมาก
เมาจนต้องยอมหลับไปทั้งที่หูแว่วได้ยินเสียงไอแพดร้อง หากเอื้อมมืออีกนิดผมก็คงได้ยินเสียงนายคฤณก่อนหลับในคืนนี้ แต่ผมเอื้อมมือไม่ไหว

ด้วยฤทธิ์เหล้า ผมทำได้แค่ปรือตามองไปไอ้แอมที่เอนตัวลงนอนหน้าโซฟาคู่กับผม...เท่านั้น



และชีวิตผมคงเรียบง่าย ไม่มีอะไรมาทำให้หัวจิตหัวใจต้องทำงานหนักนัก หากว่าตื่นมาเช้าวันนี้แล้วไม่เจอไอ้แอมนอนกอดผมอยู่ ไม่ได้ซุกอยู่กับอกมัน ไม่ได้เหลือเสื้อผ้าติดตัวแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ ไม่มีรอยกัดจางๆ บนเนินอกและซอกคอ

และไม่ได้ฟังคำว่า “เจม กูขอโทษ” จากปากไอ้อรินทร์คนที่บอกว่าจะรักผมไปเรื่อยๆ คนนี้




cut



ฮู่วๆๆๆ ยังไม่จบค่ะ อีกติ๊ดนึงเนอะ >,<!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2013 23:34:00 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ CHIVAS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #228 เมื่อ23-02-2013 23:12:40 »

 :z3: :z6:  ให้แอม
นี่มันอัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
หวังว่าน้องเจมจะมโนไปเองนะคะ มันคงไม่มีอะไรนะ ทำไม ทำไม ทำไม

ตอนหน้ามาด่วนๆ เลยยยยยค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย แบบนี้ไม่ทนนะคะ ไม่ทน !!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2013 23:50:12 โดย CHIVAS »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #229 เมื่อ23-02-2013 23:14:24 »

แอมทำอะไรเจมมมมมมม
คงไม่ได้มีอะไรใช่มั้ย
คงแค่กอด จูบ ลูบ คลำใช่มั้ย งื้อ
กลัวพี่หนึ่งมาเจออ่ะ ก็อบรมเสร็จแล้ว เกิดพี่หนึ่งเซอร์ไพรส์มารับกลับทำไง อ๊ากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
« ตอบ #229 เมื่อ: 23-02-2013 23:14:24 »





ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #230 เมื่อ23-02-2013 23:18:59 »

ม่ายยยยยยยยยยยย แอมทำแบบนี้ทำไม! :z3:

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #231 เมื่อ24-02-2013 00:01:59 »

 :z3:

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #232 เมื่อ24-02-2013 00:05:56 »

ตรบอ๋อมแอ๋ม นิสัยเสีย ทำแบบนี้ เจมจะทำไงล่ะ เจมต้องเสียใจกับความเห็นแก่ตัวของแกนะอ๋อมแอ๋ม ก่อนนี้ก็เอาใจช่วยให้เจอคนที่รักใหม่นะ จะได้มีคู่ แต่ทำงี้ ขอให้จิวตื้บตายเลยยยย

DIIK

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #233 เมื่อ24-02-2013 00:18:22 »

อ่านถึงกับน้ำลายฟูมปาก *นอนตาย

ทำไมแอมทำอย่างเน้ ขอให้แค่กัดแค่กอดไม่มีจุ๊กจิ๊กเถอะ ฮือออออออออออออออ

อิแอมบร้า ชั้นว่าแล้วว่าแกต้องหาโอกาส *กระโดดเอามีดเสียบ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #234 เมื่อ24-02-2013 00:42:39 »

 :a5: :a5: :a5: :a5:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #235 เมื่อ24-02-2013 00:54:59 »

ถ้าทำแบบนั้นจริงคงได้มีใครตายคาลอนดอนอะ เจมนะเจม!ดีกับแอมมันมากไป

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #236 เมื่อ24-02-2013 01:03:55 »

แอมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก
คือที่ทำนี่จริงๆไม่ได้รับเจมหรอก เหมือนแค่อยากเอาชนะ เหอะๆๆ
ทีแรกก็สงสารนะ แต่ทำแบบนี้คือหักหลังกันเลย
ไปไกลๆเลยนะอ๋อมแอ๋ม !!!!!! เห๊อะ !!!!!!!!

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #237 เมื่อ24-02-2013 01:07:01 »

 :a5: :a5: อ๋อมแอ๋ม ทำได้ไงเนี่ย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #238 เมื่อ24-02-2013 02:19:51 »

ยังตามอ่านไม่ทันจ๊ะ พึ่ง 14 ตอนเอง ขอเม้นให้่กำลังใจก่ิอน สนุกมากกก ฮามากกกด้วยย โดยเฉพาะ เฮียคลิน 555555

+1 นะคะ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
«ตอบ #239 เมื่อ24-02-2013 08:19:02 »

แล้วจะทำไงต่อ บอกนายคลินก็ไม่ได้ ยิ่งปิดบังยิ่งรู้สึกผิด
เคลียร์กับอ๋อมแอ๋มด่วน สำรวจตัวเองให้ครบว่าถูกทำอะไรไปบ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด