[เรื่องสั้น]เรือจ้างลำแกร่ง (ลงรับวันครู) ลงเพิ่มอีกนิด (จบแล้วค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]เรือจ้างลำแกร่ง (ลงรับวันครู) ลงเพิ่มอีกนิด (จบแล้วค่ะ)  (อ่าน 15548 ครั้ง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ๅ


เรื่องนี้ขอลงให้กับคุณครูทุกท่านที่ได้อบรมลูกศิษย์ทุกคนมาด้วยใจของท่าน

ปีนี้คนเขียนจะจบออกจากโรงเรียนที่ได้เล่าเรียนมา 15 ปี โรงเรียนที่เป็นบ้านหลังที่สองของคนเขียนเอง

เรื่องที่เขียนมานี้ ได้แรงบันดาลใจมากจากบทเพลง เพลงหนึ่ง และคำพูดของครูที่เคยสั่งสอน

แม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องสั้น 11 หน้ากระดาษA4 แต่ทั้งหมดนี้ แต่งมาจากใจของเด็กม.6 คนหนึ่ง ที่มีให้กับครู

ขอบคุณค่ะ คุณครู ที่สั่งสอนเด็กงี่เง่าคนนี้ให้มาเป็นคนได้

ขอบคุณค่ะ


เพลง รางวัลของครู

http://www.youtube.com/watch?v=rzTMS2xxLnQ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2013 19:46:13 โดย midnight »

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
เรือจ้างลำแกร่ง

ทุ่มเทเพื่อศิษย์ จากจิตวิญญาณของครู
แสงเทียนเพื่อการเรียนรู้ ยังสู้ยังส่องเรื่อยมา
ให้ศิษย์ถึงฝั่ง ด้วยแรงหวังแรงศรัทธา
เหนื่อยกายและใจ ทว่า เป็นสุขอยู่ทุกนาที

แม่ของผมเป็นครู... แม่ทำงานหนักมาตลอดชีวิตของแม่ คอยพร่ำสอน คอยไล่ตาม คอยดุว่าเด็กนักเรียนมานักต่อนัก
นักเรียนหลายคนที่แม่สอนนั้นคอยนินทาแม่ ว่าด่าแม่ลับหลัง หนักหน่อยก็แกล่งแม่ของผมเล็ก ๆ ทำให้แม่ผมเสียใจ
ผมถามแม่อยู่หลายครั้งหลายครา... ทั้ง ๆ ที่แม่ไม่ได้จบครุศาสตร์มา แม่ผมจบวิศวะไฟฟ้า เกียรตินิยม ทำไม... แม่ถึงมาเป็นครู
แม่ตอบผมด้วยรอยยิ้มเสมอว่า การที่แม่มาเป็นครู เพราะแม่อยากเห็นรอยยิ้มของนักเรียนยามที่เขามีอนาคตที่ดี และเป็นคนที่สังคมต้องการ
อีกคำถามที่ผมถามแม่ คือ ทำไมแม่ถึงยังเป็นครู ทั้ง ๆ ที่แม่ได้เห็นสิ่งที่แม่หวังแล้ว อีกทั้งครอบครัวของเราก็มีฐานะที่ดี ต่อให้ไม่ทำงาน ก็สามารถอยู่ได้ด้วยเงินบำเหน็จบำนาญของพ่อ
แม่ยิ้ม แล้วบอกกับผมว่า การเป็นครูนั้น เป็นไปทั้งชีวิต เหมือนกับการเป็นศิษย์ ที่ยังคงเป็นศิษย์ตลอดไปในชีวิตของครู ความหวังของแม่นั้นมีวันจบ แม่ยังมีศิษย์ที่ให้ดูแล ให้ผลักดันไปจนกว่าจะสิ้นแรง
ผมไม่เคยเข้าใจความคิดของแม่... ตลอดมาผมโกรธนักเรียนทุกคนที่ทำให้แม่เหนื่อย ทำให้แม่เสียใจ แต่แม่ก็คอยพร่ำสอนผมว่าให้อภัยกับพวกเขาไปเถอะ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ
ผมสงสัยมาตลอดว่าอาชีพนี้มันดีอย่างไร... เงินเดือนก็น้อย งานก็หนัก นักเรียนก็ซน แทบจะไม่เห็นหัวครูเสียด้วยซ้ำไป ใช้ความอดทนอย่างมากในการทำงาน
ผมอยากรู้... ผมเลยมาเป็นครู แม้ว่าผมจะจบแพทยศาสตร์มาก็ตามที

มาวันนี้ ผมได้เข้าใจถึงความรู้สึกของแม่แล้ว ว่าทำไมแม่ถึงยังคงเป็นครูอยู่จนวันสุดท้ายของชีวิตแม่ ในวันนั้น ศิษย์ของแม่มาร่วมกันมาก ทุกคนร้องไห้กับการจากไปของครูที่พวกเขารักและนับถือ ครู... ที่ปั้นดินอย่างพวกเขาจนเป็นดาวที่เจิดจรัสบนท้องฟ้า
กว่าสิบสองปีที่ผมเป็นครูมานี้ ผมได้เจอกับเด็กหลายแบบ ทั้งเด็กที่เรียนจนไม่สนใจเพื่อน ๆ เด็กที่แก่นแก้วจนเกือบเสียผู้เสียคน
แต่สุดท้าย... พวกเขาก็สามารถไปถึงฝั่งได้ด้วยมือทั้งสองของครูนี้
มือ... ที่ยังคงพายเรือเล็ก ๆ นี้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะดับสูญ


ย้อนไปเมื่อสิบสองปีก่อน

“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้คนรอบ ๆ ก่อนจะเงยขึ้นมายิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร “ผม ภาสกร อิทธิวิธูครับ ขอฝากตัวด้วยนะครับ”
“กรเป็นครูใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ยังไงก็รบกวนทุกคนช่วยกันดูแลเขาด้วยแล้วกันนะ”ผู้อำนวยการของโรงเรียนตบบ่าผมเบา ๆ ขณะที่พูดกับคุณครูคนอื่น ๆ ในห้องพักครูแห่งนี้ “สู้เขานะ มีอะไรไปหาฉันได้”
“ครับ ขอบคุณครับท่านผู้อำนวยการ”ผมยิ้มให้ท่าน แล้วท่านก็เดินออกจากห้องไป
ตอนนั้นผมจำได้ว่าพอผมบอกคณะที่ผมเรียนจบมาไป ก็มีแต่คนมาถามผมอยู่ไม่ขาดช่วงหนึ่งว่าทำไมถึงมาเป็นครู คิดดีแล้วแน่เหรอ...
ผมตอบไม่ได้หรอกว่าผมคิดดีหรือยัง... แต่ผมแน่ใจว่าผมเลือกไม่ผิด...
วิชาที่ผมได้รับคำสั่งให้สอนกับนักเรียนนั้น คือวิชาชีววิทยาระดับม.4 ถึง ม.6 เป็นเรื่องที่ไม่ยากสำหรับคนที่อยู่กับมันมาแทบจะตลอดช่วงชีวิตการเรียน... แต่บางเรื่องผมก็ลืม ๆ ไปเหมือนกันนะครับ
ด้วยความที่ผมสอนนักเรียนในโรงเรียนรัฐบาล ก็เลยมีเด็กหลายประเภท หลายชนชั้น มีเรื่องมาให้ปวดหัวไม่หยุดไม่หย่อน

ครั้งหนึ่ง ผมเดินผ่านไปทางห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่จะไปบริษัทของคนรักของผม เจ้าของธุรกิจส่งออกชื่อดังที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมได้เหลือไปเห็นนักเรียนหญิงในโรงเรียนที่ผมสอนเดินเข้าไปในซอยที่ดูมืด ๆ
แน่นอนว่าผมต้องตามไปดูอยู่แล้วว่าสาวน้อยคนนี้จะไปไหนกัน ทำไมถึงเดินเข้าไปในซอยแบบนั้น และผมก็ไม่ลืมที่จะโทรบอกยศเอาไว้ก่อน... เผื่อเกิดอะไรขึ้น
ผมเห็นผู้ชายสองคน ท่าทางดูนักเลงฉุดนักเรียนคนนั้นเข้าไปในตึก ผมรีบตามเข้าไปทันที แม้จะแอบกลัว ๆ กับที่แบบนี้ไปหน่อยก็เถอะ
เฮ้ย... ไอ้พวกเลวนั่นมันกำลังจะทำมิดีมิร้ายกับนักเรียนของผม... ไม่ได้การแล้ว
ผมกระโดดเข้าไปดึงร่างเล็ก ๆ ของนักเรียนออกจากเสี่ยตัวอ้วนท้วม ขาถีบพวกลิ่วล้อไปเต็มตีนหลายคน
“ลื้อเป็นใครวะ มายุ่งอะไรกับของ ๆ อั๊วะ”ไอ้เสี่ยนั่นมันโวยวายที่ผมเข้าไปขัดอารมณ์มัน แก่แล้วไม่เจียมจริง ๆ อิเชี่ยนี่
“ครูกร...”เสียงใส ๆ ของนักเรียนหญิงเรียกชื่อผม
“ผมเป็นครูของเขาน่ะสิ คุณนั่นแหละ เป็นใคร”ผมถามเสียงเรียบ ตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“อั๊วะเป็งเจ้าหนี้ของนังนี่น่ะสิ ถามมาล่าย ลุงอีใช้อีขัดดอกกับอั๊วะ เพราะงั้นอีก็เป็นของอั๊วะแล้ว ลื้อไม่ต้องมายุ่ง”ไอ้แก่อ้วนคิดอยากได้เด็กเป็นเมียล่ะสิท่า เหอะ
“เท่าไหร่...”
“ลื้อว่ายังไงนะ”
“ผมถามคุณว่า นักเรียนของผมมีหนี้เท่าไหร่”ผมตลาดลั่น โมโหแล้วนะเฟ้ย อิอ้วน เดี๋ยวเถอะ พ่อจะจับไปผ่าซะให้เข็ด
“ห้าหมื่ง”มันตอบกลับมาด้วยท่าทียะโส สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่ห่างไกลแล้ว เงินห้าหมื่นนั้นเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย
“เอาไป”ผมโยนเงินห้าหมื่นให้กับมันแล้วพาตัวของนักเรียนออกจากที่โสมมอย่างนี้ทันที
ผมพาเข้าไปที่ห้องรับรองของบริษัท แล้วให้เรขาของยศเอาขนมกับน้ำมาให้เธอ และให้โทรหาผู้ปกครองของเธอทันที
“ขวัญ บอกครูได้ไหม นี่มันอะไรกัน”ผมถามเธอหลังจากที่เธอกินน้ำกินขนมไปพักหนึ่งแล้ว “ทำไมถึงไปหาเสี่ยนั่น ไม่สิ ทำไมไปรู้จักคนแบบนั้นได้”
“... ลุงของหนูติดการพนัน เลยไปกู้ยืมเงินของเสี่ยพีค่ะ ครูกร”ขวัญตอบผมเบา ๆ ใบหน้าของเธอก้มลงต่ำ “ทีนี้เราไม่มีเงินจะคืนให้กับเขา... หนูก็เลย...”
“ยอมให้มันข่มเหงรังแก อย่างนั้นหรือ”
“หนูไม่มีทางเลือกนิคะ ครูกร ถ้าหนูไม่ทำ เขาก็จะมาทำร้ายครอบครัวของหนู มาทำ... กับน้องของหนู หนูยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
“ช่างเถอะ... ครูให้เงินเขาไปแล้ว เขาคงไม่มาราวีขวัญกับครอบครัวอีก”ผมยิ้มให้กับนักเรียนตัวน้อยบาง ๆ
“แต่... เรื่องเงิน...”
“เอาไว้มีค่อยมาคืนครูก็ได้”
ผมจำได้ว่าหลังจากนั้นพ่อแม่ของขวัญก็มารับตัวขวัญกลับไป พวกเขาขอบคุณผมนับครั้งไม่ถ้วนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวพวกเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน... ผมตอบพวกเขาไปว่า
“ไม่ได้เป็นอะไรสักที่ไหน... ผมเป็นครูของขวัญนะครับ”


วันหนึ่ง ผมไปทำงานตามปกติ วันนี้เป็นเวรของผมที่จะตรวจความเรียบร้อยของนักเรียนที่โรงเรียนในตอนเช้า
หลังเคารพธงชาติ ผมเดินตรวจเครื่องแต่งกาย คนไหนที่เอาชายเสื้ออกข้างนอก ผมก็จับยัดเข้าไปในกางเกง ถ้าเป็นผู้หญิง ผมจึงสั่งให้เขาเอาเข้าเอง หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ผมก็นักเรียนทุกคนก็ขึ้นไปเรียนในห้องของตัวเอง
แม้จะเป็นโรงเรียนของรัฐก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กที่มีฐานะทางบ้านยากจนเสมอไป... เด็กที่มาเรียนที่นี่โดยรวมแล้วเป็นเด็กที่มีฐานะปานกลาง – ดี มีเงินพอที่จะส่งลูกเล่าเรียนอย่างไม่ขัดสน และยังพอสำหรับการซื้อเครื่องเขียน เครื่องแต่งกายต่าง ๆ
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อ...
นายปรัชญา นักเรียนในห้องของผม ผมคอยดูเขาอยู่เสมอทั้งในเวลาเรียนและนอกเวลาเรียนโดยที่เขาไม่รู้ตัว... คิดว่าล่ะนะ
เด็กเรียนดี แต่ทางบ้านยากจน เสื้อผ้าที่ใส่ก็มีรอยปะบ้าง ชุนบ้าง สีหมองลงทุกวัน รองเท้าใส่จนเปื่อยและขาดเป็นรู
บางวันผมไม่เห็นกล่องข้าวของเขาเหมือนที่เด็กคนอื่น ๆ หิ้วมากินกันตอนปล่อยพัก ผมคิดเองเออเองว่าเขาคงเอาไว้ในกระเป๋า...
จนกระทั่งวันนี้
ผมเข้าสอนวิชาชีวะในคาบเรียนที่สี่ ซึ่งเป็นคาบก่อนที่จะพักพอดี พอผมปล่อยพัก นักเรียนทุกคนก็หยิบกล่องข้าวขึ้นมากินกัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนผมไปกินกับเพื่อนครูที่ห้องพักครู
แต่ยังไม่ทันได้กิน ผมก็นึกขึ้นมาได้เสียก่อนว่าลืมโทรศัพท์มือถือเอาไส้ในห้องเรียน ผมเลยเดินถือปิ่นโตที่หอบมาไปเอาขอแล้วกะว่าจะไปนั่งกินในสวนแทน
นายปรัชญาเอามือกุมท้อง... ผมคิดว่าเขาคงหิว แต่ทำไมถึงไม่ไปโรงอาหารกัน...
แต่แล้วก็เหมือนมีน้ำเย็นจัด ๆ มาสาดหน้าผม เมื่อผมเดินไปเห็นเขาดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประทังความหิว... ทำไมผมถึงโง่อย่างนี้นะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากทานข้าว แต่ไม่มีเงินจะทานแล้วต่างหาก
ผมเอาความคิดตัวเองเป็นเกณฑ์มากเกินไป คิดว่าเขามีเงินพอ ๆ อยู่ตลอด เหมือนกับผมที่ไม่เคยเจอกับความยากจน
ผมมันโง่นัก... เด็กคนนี้ต้องทนหิวมาเท่าไหร่แล้วนะ
“ปรัชญา”ผมเรียกเขา เขาหันมาหาผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมยิ้มแล้วยื่นปิ่นโตในมือให้กับเขา “เอานี่ไปกินสิ”
“แต่... ครูกรครับ”ปรัชญามองปิ่นโตในมือนิ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาหาผม “นี่เป็นข้าวกลางวันของครูไม่ใช่เหรอครับ”
“เอาไปกินเถอะ ครูไม่หิวอะไร”ผมจำเป็นต้องโกหกออกไป แต่เด็กฉลาดอย่างปรัชญาคงรู้อยู่แล้วล่ะครับว่าผมหลอกเขาเพื่อให้เขาสบายใจ “มาเถอะ ไปหาที่นั่งกินดี ๆ อีกไม่นานก็ต้องขึ้นห้องเรียนแล้วนะ”
“ครับ”เขาเดินตามหลังผมมาโดยดี จนถึงโต๊ะหินอ่อนในสวน “ครูครับ... ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กินเถอะ”
ปรัชญาเปิดปิ่นโตกินด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ น้ำตาใส ๆ คลอหน่วยที่ดวงตาทั้งสองข้าง
ผมนั่งมองเขากินข้าวด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ผมไม่รู้ว่าที่บ้านเขาเป็นอย่างไร แต่ผมรู้อย่างเดียวว่า... ตอนนี้เขาได้อิ่มท้อง ได้มีแรงที่จะก้าวเดินต่อ
ตอนเย็นผมกลับบ้านไป วันนี้ยศกลับบ้านมาไวจนน่าประหลาด แต่ก็ดี ผมจะได้กินข้าวสักที หิวอยู่ไม่น้อยเหมือนกันล่ะครับ
“ยศ ที่โรงเรียนมีเด็กคนนึง ฐานะทางบ้านเขาไม่ดีเลย”ผมพูดกับคนรักขณะที่นั่งดูทีวีกัน “บางวันต้องอดข้าว เสื้อผ้าที่ใส่ก็โทรมมากแล้ว... ผมจะทำยังไงดี”
“กร...”แขนแกร่งรั้งผมเข้าไปในอ้อมกอดเหมือนทุกครั้งที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจ... ยศคอยปลอบ คอยเป็นที่ปรึกษาให้แบบนี้ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกัน นับตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ เขายังเหมือนเดิม “กรก็รู้ว่าคนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน แล้วแต่บุญกรรมที่สร้างเอาไว้... เด็กคนนั้นเขาเติบโตมาอย่างยากลำบาก จะส่งผลให้เขารู้จักการใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรน และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่าเข้มแข็ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม”
ผมหลุบตาลงไม่สบตากับคนรักเหมือนปกติ... ยศพูดถูกทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะทำอะไรสักอย่างให้เขาจริง ๆ
“การที่กรอยากจะช่วยเด็กคนนั้นก็ไม่ผิด อาจจะเป็นผลบุญที่ส่งให้เขามาเจอกับกรก็ได้ แต่กรต้องจำเอาไว้นะ ว่าอย่าช่วยเขาจนมากเกินไป ให้เขาได้ดิ้นรนเพื่อตัวเอง ให้เขาได้ต่อสู้กับความเป็นอยู่ของเขา เพื่อที่เขาจะได้มีแรงขับเคลื่อนในใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งนี้ได้”ยศลูบผมของผมเบา ๆ “เขาจะต้องไม่เป็นวัวลืมตีน ไม่ลืมถิ่นกำเนิดของตน ไม่ลืมว่าตนเป็นใคร และไม่เหลิง ไม่ถือตัวว่ามีกรคอยช่วย คอยให้ท้าย จนสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นคนที่งอมือ งอเท้า ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้”
“อืม... ขอบคุณนะยศ”ผมยิ้มบาง ยศก้มหน้ามาจูบผมเบา ๆ ก่อนที่จะหันไปสนใจกับโทรทัศน์ตรงหน้าต่อ
แม้ว่ายศจะเป็นนักธุรกิจ เป็นลูกเศรษฐีที่เกิดมาบนกองเงิน กองทอง แต่เขาก็เคยถูกถีบให้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาเพียงลำพัง ให้ยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ ให้รู้จักการดิ้นรน และรู้ค่าของเงิน... บ้านของยศสอนยศมาอย่างดีจริง ๆ
หลังจากวันนั้นผมคอยช่วยเหลือปรัชญาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หอบหิ้วปิ่นโตไปเผื่อเขาบ้าง คอยสอนพิเศษให้บ้าง แต่ที่เขาซึ้งใจจนน้ำตาหยดลงมานั้น...
คือการที่ผมซื้อรองเท้านักเรียนคู่ใหม่ให้กับเขา พร้อมกับเสื้อผ้านักเรียนสองชุดในวันเกิดของเขา
เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ผมรู้ว่าปรัชญาดีใจมากที่ได้รับของเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ วันต่อมาแม่ของเขามาขอบคุณผมด้วยตัวเอง ที่ ‘ให้’ ลูกชายเขาถึงขนาดนี้...
แน่นอน ผมยังคงตอบไปเหมือนกับที่เคยตอบกลับคนอื่นว่า...
“ผมเป็นครูของเขานิครับ”


คืนนี้ผมทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับยศ นาน ๆ ทีจะมีวันหยุดที่ตรงกันก็นิดนึงนะครับ
“อื้อ... ยศ”ลีลาของยศยังไม่ตก เขายังคงนุ่มนวลและร้อนแรงอย่างคงเส้นคงวา ริมฝีปากอุ่น ๆ นั่นไล่พรมจูบตั้งแต่ซอกคอ ไล่ลงมาถึงอก ถึงหน้าท้อง... “อ๊ะ...”
นิ้วแกร่งเบิกทางให้ผม แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่เราก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาเป็นเดือน ยศยังคงใจดีและอดทนเหมือนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ผมเจ็บนัก
ร่างสูงเอื้อมกายขึ้นมาจูบผมเบา ๆ แล้วยิ้มก่อนที่จะแทรกแกนกายใหญ่เข้าสู่ร่างขอมผมอย่างช้า ๆ...
เจ็บ... ถึงจะไม่เท่าครั้งแรกแต่ก็ยังเจ็บ เหมือนผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป ยศเขาถึงนิ่ง รอให้ผมปรับตัวก่อนที่จะดันกายเข้ามาต่อ
อารมณ์ใครพุ่งขึ้นสูงยามที่ท่อนเนื้อนั้นเข้ามาในกายจนหมด ยศขยับเข้าออกถี่รัว แม้จะอึดอัดและเจ็บแปลบ ๆ จากการเสียดสี ด้วยตัวผมที่ยังปรับตังเองให้รองรับคนรักได้ไม่เต็มที่ แต่ผมไม่บอกให้ยศผ่อนแรงให้ผมหรอกครับ...
ผมรู้... ว่าเขาใช้ความอดทนไม่น้อยในทุกวัน
ขณะที่กำลังใกล้ถึงจุดสุด เรียกว่าเครื่องกำลังร้อนได้ที่ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ก็ว่าจะไม่รับล่ะครับ แต่เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจให้ต้องรับ...
“ฮะ อื้อ เดี๋ยวสิ ฮัลโหล”ผมผลักยศเบา ๆ แล้วส่งสายตาให้หยุดกิจกรรมนี้ก่อน... แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยศละเลงลิ้นกับอกแบน ๆ ของผม ยิ่งทำให้สติสตังไม่อยู่กับตัวหนักกว่าเดิมอีก “อ๊ะ หยุดก่อนสิ อื้ออออ... เมย์ มีอะไรเหรอครับ”
“คือ... คุณชายคะ”เสียงของเมย์อึกอัก เหมือนลังเลว่าจะพูดดีไหม เธอคงรู้ล่ะครับว่าผมทำอะไรอยู่ “คือ... เมย์เห็นนักเรียนในเครื่องแบบโรงเรียนที่คุณชายสอนโดนล้อมอยู่น่ะค่ะ...”
“ว่าไงนะครับ”ผมเด้งตัวขึ้นทันที ยศผงะไป ก่อนจะมุ่นหัวคิ้วอย่างไม่พอใจเล็ก ๆ “อยู่แถวไหนครับเมย์”
“หลืบใกล้ ๆ กับเซเว่นน่ะค่ะ คุณชาย”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”ผมกดวางสาย แล้วดันตัวของคนรักออกไป อา... เจ็บอีกแล้ว “เดี๋ยวกรมานะยศ กรขอไปดูนักเรียนก่อน”
ผมคว้าเสื้อผ้ามาใส่ลวก ๆ แล้ววิ่งออกไปพร้อมกับกุญแจรถ หลังจากที่สตาร์ทรถได้แล้วผมก็เหยียบคันเร่งแทบมิดพุ่งไปยักที่ ๆ เมย์บอกผมทันที
ไม่ไกล... แต่ใจผมมันไม่เป็นสุขแล้ว
ผมหันไปมองในตรอกนั้น ใช่แน่ ๆ เสื้อฟอร์มแบบนี้ ตราแบบนี้ โรงเรียนผมแน่นอน หน้าตาแบบนี้... เด็กในห้องผมเองด้วย
นายธนวิทย์
ผมหยิบปืนในคอนโซลหน้ารถออกมา ยศให้ผมเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากเอาออกมาใช้นักหรอกครับ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
“ปล่อยนักเรียนของผมเดี๋ยวนี้”ผมพูดเสียงเย็น ในขณะที่ย่างสามขุมเข้าไปหาไอ้พวกเวรพวกนั้น “หมาหมู่แบบนี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย”
“มึงเกี่ยวอะไรด้วยวะ”แน่ะ ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร ถ้าไม่ติดว่าเจ็บช่วงล่างอยู่ พ่อจะซัดให้หมอบเลยคอยดู
ถึงจะเป็นครูที่เรียนหมอมา แต่เดิมผมมันเป็นหัวโจกพวกแก๊งเด็กซ่าในโรงเรียนนะครับ เหอะ ๆ บอกไปใครจะเชื่อวะเนี่ย
“ผมเป็นครูของเขา ไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยวล่ะครับ”ผมกระตุกยิ้มน้อย ๆ ใช้คำหยาบกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ใครสั่งใครสอนมากัน “จะปล่อยนักเรียนของผมดี ๆ ไหม!!”
“ท่าทางปวกเปียกอย่างมึงจะทำอะไรกูได้”ไอ้ตัวที่ดูน่าจะเป็นหัวหน้า ถือไม้ทีหันมาทำหน้าหาเรื่องกับผม “หน้าตาน่ารักดีนี่หว่า มานอนกับกูสักคืนมา แล้วกูจะปล่อยมันไป”
ปี๊ด..มันปี๊ดอย่างแรง ผมอายุเกือบสามสิบ แล้วนะ ถึงหน้าจะเด็กกว่าอายุจริงก็เหอะ โดนเด็กที่ยังไม่เข้ามหาลัยมาพูดแบบนี้ ของมันขึ้น
“ถ้าไม่ไปดี ๆ คงต้องเรียกเลือดกันหน่อยล่ะ”ผมหันปืนใส่พวกมัน ว่าจะเจรจาดี ๆ ก่อนแล้วนะ “ผมให้เวลาพวกคุณสิบวิ... รีบกลับไปกินนมแม่ซะ!!!!”
ยังไม่ทันจะได้นับหนึ่งเหมือนในละคร พอพวกอ่อนทั้งหลายเห็นปืน มันก็วิ่งหางจุกตูดหนีหายกันไปเรียบร้อยโรงเรียนกรแล้ว
เหอะ ทำเป็นปากดี
“มากับครูสิ”
ผมเดินนำธนวิทย์ไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล... ผมคิดบ้าอะไรอยู่วะ เอาป้ายแดงมาขับตอนกลางคืน ดีจริง
ขามาขับอย่างไร ขากลับก็ขับอย่างนั้น ถนนโล่ง เหยียบมิดคันเร่งแม่ง...
ว่าไปแล้ว... ยศจะโกรธผมไหมนะ ที่ผมผละออกมาทั้งแบบนี้ เฮ้อ... นาน ๆ ที่จะได้... อ่า... อื้มนั่นแหละ กันสักที ยังไม่ทำสุดก็ต้องจบเสียก่อน
เอาเถอะ... พรุ่งนี้หยุดอีกวันนึง
“ไหนบอกครูมาสิ นี่มันเรื่องอะไร”ผมยืนกอดอกมองลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามคนรักนิ่ง หลังจากป้ายุ้ยทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย
“คือ... พวกเขาหาว่าผมไปแย่งแฟนเขาน่ะครับ”ธนวิทย์ตอบผมเบา ๆ หน้าของเขาก้มลงไม่กล้าสบตาผม “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นะครับ ครูกร”
“ครูเชื่อเธอก็ได้”ผมหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด ปกติเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว “แต่อย่าให้ครูรู้นะว่าเธอโกหกครู ไม่งั้น”
ผมทำมือรูปปืนแล้วทำท่ายิงใส่เขา
“ครับ ครู”
“ไปนอนได้แล้วไป”ผมโบกมือไล่ให้นักเรียนไปนอน “พรุ่งนี้ค่อยกลับแล้วกัน โทรบอกผู้ปกครองเธอด้วย ธนวิทย์ เมย์ ผมฝากพาเขาไปห้องรับรองด้วยนะ”
“ค่ะ คุณชาย”เมย์รับคำด้วยรอยยิ้ม
ยศลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วดึงผมเข้าห้องไปทันที อา... ผมเพิ่งสังเกตว่าคนรักของผมใส่ชุดคลุมตัวเดียว... ตัวเดียวเพียว ๆ จริง ๆ
ไม่มีพูดพร่ำทำเพลง ยศกระชากเสื้อผ้าผมให้หลุดจากกายแล้วเข้าโลมเลียร่างผมทันที... ครับ ได้แต่รับชะตากรรมล่ะครับ
อื้อ... เอาเป็นว่า ผมไม่เป็นอะไรแล้วกัน
ฮา...
หลังจากวันนั้น ผมสลัดมาดครูออกไปชั่วคราว ลุยไปจัดการกับพวกที่ทำศิษย์ขอผมเจ็บตัว เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กล้าทำในสิ่งที่ผิดและไม่สมควรเช่นนี้อีก
เอ่อ... สิ่งที่ทำนี่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและสมควรก็ได้ล่ะมั้ง...

เป็นอีกวันที่ผมมาทำงานเหมือนปกติ ตรวจความเรียบร้อย และทำทุก ๆ อย่างเหมือนหลายปีที่ทำมา แม้ว่าปีนี้ผมจะลงมาสอนม.ต้นก็เถอะ วันนี้ดูจะเป็นวันอีกวันหนึ่งที่เงียบสงบของโรงเรียน
“ขอเชิญคุณครูกรวิทย์ ที่ห้องครูใหญ่ในเวลานี้ค่ะ”เสียงประกาศของโรงเรียนดังขึ้น เอ... ครูใหญ่ต้องการพบผมหรือ??
ผมเร่งฝีเท้าไปยังห้องของครูใหญ่ทันที จะวิ่งก็ไม่ได้ ต้องรักษาภาพพจน์ของครูที่ดีไว้ก่อน... แม้ว่าจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ก็ตามที
“ขออนุญาตครับ”ผมเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเบา ๆ
“มาสิครูกร”ครูใหญ่ผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ผมเข้าไปนั่งตรงที่นั้น แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ “นี่ คุณพ่อของนาย อธิชา นักเรียนในห้องของคุณ”
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ผู้ปกครองตรงหน้า อธิชา... อ่อ... นายอิฐ ที่มีเรื่องกับเด็กช่างกลเมื่อวันก่อนสินะ “คุณพ่ออยากพบผมหรือครับ”
“อ่อ คุณครูกรสินะครับ”เขายิ้มให้ผม อืม... ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี ไม่น่าเป็นเหตุให้นายอธิชาเป็นเด็กที่ก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรงเลยนะ “ผมต้องขอโทษคุณครูด้วยจริง ๆ ครับ ที่ลูกชายผมทำให้ครูต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อธิชาก็ไม่ใช่เด็กที่ดื้ออะไร”จริง ๆ นะครับ เขาไม่ไช่เด็กที่ไม่เชื่อฟัง เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ใครมากดหัวใช้หรือมาข่มก็เท่านั้นเอง ในบางเรื่องอาจจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผม แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องเสียหน่อย คนเรามีข้อดี ก็ต้องมีข้อเสีย จริงไหมครับ
“โอ้ย ลูกชายมันเป็นเด็กดื้อ พูดดี ๆ ก็ไม่เคยฟัง”คุณพ่อหันไปมองลูกชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้าง ๆ “แกก็ขอโทษคุณครูเขาสิวะ”
มือหนายื่นไปตบหัวลูกชายของตนอย่างแรง ทำเอาครูประจำชั้นอย่างผมสะดุ้ง บอกดี ๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลย
“... ขอโทษ”สั้นและห้วน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่เต็มใจจะขอโทษจริง ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร เพราะเรื่องนี้ผมนี่แหละวิ่งโร่เข้าไปช่วย(?) เอ่อ... ไปยุ่งกลางวงล้อมจนได้ลูกหลงเล็ก ๆ ที่ไหล่มาก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“มะ...”
“ไอ้อิฐ จริงใจหน่อยสิวะ”เอาอีกแล้ว... จะตบหัวลูกทำไมกัน บุคลิกเขาเป็นคนพูดน้อย ไม่รู้นิสัยลูกตัวเองหรือยังไง “อย่ามาทำให้ข้าขายหน้าไปมากกว่านี้นะโว้ย”
จากคุณพ่อที่ดูใจดีตอนนี้กลับตาลปัด ตบตีลูกต่อหน้าคุณครูอย่างไม่อาย ปากด่าทอลูกอย่างเจ็บแสบ เพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้
อธิชาไม่ร้องโวยวาย ไม่ตัดพ้อ มีแต่สีหน้าที่บอกถึงความโกรธและความเจ็บปวดเท่านั้น...
“คุณพ่อครับ หยุดเถอะ”ผมเข้าไปกันไม่ให้เขาตีนักเรียนของผมได้อีก อูย... โดนลูกหลงจุดเดิม เจ็บนะเนี่ย “คุณจะทำร้ายเขาทำไม ในเมื่อเขาก็ยอมขอโทษแล้วไงครับ”
“แล้วมันจริงใจกันซะที่ไหนล่ะครู”คุณพ่อยังคงง้างมือเอาไว้ คงหมายจะตีทันทีเมื่อผมหลบออกไป แต่ใสเจียนะครับ ผมไม่หลบง่าย ๆ หรอก
“อธิชาเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด คุณจะเอาอะไรกับเขามากมาย เขาขอโทษก็คือขอโทษ ถ้าเขาไม่อยากพูดเขาก็ไม่มีทางพูดหรอก”ผมเถียงกลับ ผู้ปกครองก็ผู้ปกครองเหอะ ผมไม่กลัว!!
“นี่ลูกผม ผมรู้จักมันดี ครูนั่นแหละที่ไม่รู้อะไร”
“เขาเป็นนักเรียนในความดูแลของผม ผมคอยดูเขามาตลอด คุณนั่นแหละที่ไม่รู้จักลูกชายของคุณเอง!!!”ด้วยความโมโหที่พุ่งขึ้นมาผลักดันให้ผมตวาดออกไป ทำเอาชายตรงหน้าถึงกับนิ่งไปเลย
“ถ้าครูรู้จักมันมากกว่าผม ครูก็เอามันไปอยู่ด้วยแล้วกัน!!!!”ฝั่งเขาก็ตวาดผมกลับด้วยแรงอารมณ์เช่นกัน ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเดินออกนอกห้องไปเลย
“ครูกร คุณไปตลาดคุณพ่อเขาก็ไม่ถูกนะ”ครูใหญ่ติผมหลังจากที่เขาลับสายตาไป “แต่คุณเขาก็ทำไม่ถูกที่มาทำร้ายเด็กแบบนี้”
“เพราะผมใช่ไหม ทำให้ครูลำบาก”อธิชาถามผมเบา ๆ เขาก้มหน้าลงต่ำ “ผม... ผมมันไม่ดี ผมมันเลว มันไร้ค่า เกิดมาก็มีแต่ล้างผลาญไป”
“ไม่ อิฐเป็นเด็กดี เรียนก็ดี แต่ที่ไม่ดีคือคนที่คอยเลี้ยงดูเธอมา ถึงจะเป็นพ่อ แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกแบบนี้”
“เขา... เขาเป็นพ่อเลี้ยงของผม”อิฐกระซิบแผ่วเบา “ผมเกิดจากความผิดพลาดของแม่ พอแม่แต่งงานกับเขา แม่ก็ตามใจเขาตลอด เขาจะทำอะไรก็ถูกไปหมด... ผม...”
“ไม่เป็นไร... ไม่ต้องเล่าแล้ว ไปอยู่กับครูก็ได้ แค่เธอคนเดียว ครูเลี้ยงได้”เป็นแค่เด็กม.1 แต่กลับถูกพ่อเลี้ยงตบตีแบบนี้... “เสื้อผ้าพวกนั้นก็ช่าง ของที่มีก็ช่าง ครูจะหาให้เธอใหม่ทั้งหมดเอง”
ตกเย็น ผมพาอธิชาไปที่บริษัท ก่อนหน้านี้ผมโทรเข้าหายศ เล่าทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว ยศบอกว่าตามใจผม... เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ค้านนะเนี่ย
พอกลับบ้าน แม่บ้านก็พาอิฐไปนอน ส่วนผมนั่งคุยกับยศในห้องเหมือนปกติ
“สงสัยละสิที่ฉันไม่ค้านน่ะ”เขายังคงรู้ใจผมเสมอมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม “น้องสาวของแม่อธิชาคือเบล เพื่อนที่เรียนสมัยอยู่มหาลัย จำได้ไหม”
“เบล... เจ๊โหดน่ะนะ”ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ “จริงเหรอ”
“อืออ เอะใจที่ชื่อ เลยโทรไปถามมาแล้ว”ยศลูบผมของผมเบา ๆ รอยยิ้มอ่อน ๆ คลี่ออกมา “ตัวเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเด็กที่ถูกอุปการะมาโดยคุณย่าของเขา คุณแม่ของเบล ท่านแต่งเรื่องขึ้นเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าไม่ใช่สายเลือดจริง ๆ แต่หลังจากท่านเสียไป เบลก็ไปต่างประเทศ เขาเลยต้องอยู่กับคนที่เขาถูกให้ตำว่าเป็นแม่มาตลอด”
“แล้วทำไม...”
“คุณท่านยกสมบัติให้เบลสามส่วน ให้คนพี่ส่วนเดียว เขาเป็นคนที่ใช้เงิน ไม่รู้จักการเก็บ การออม เลยทำให้ไม่เหลือจนต้องทำงานเป็นสาวโรงงานอย่างทุกวันนี้ สามีของเธอก็เป็นเจ้าของบ่อน โมโหร้าย”เสียงทุ้มพูดมาเรื่อย ๆ พาลให้ผมรู้สึกหดหู่ใจ “แต่อิฐเขาอยู่ในการอุปการะของเบลต่อนะ เพียงแต่ตอนนี้เบลยังไม่กลับมา เธอบอกว่าถ้าเราต้องการจะดูแลเขาก็ดี เธอจะได้ไม่ห่วงอะไรมาก”
“แล้ว... เรื่อง”
“พวกเขาไม่ได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมหรอกนะ ชื่อของอิฐยังคงอยู่ในสถานเด็กกำพร้า”ยังไม่ทันที่ผมจะถาม ยศก็ชิงบอกเสียก่อน คนอะไรไม่รู้ รู่ใจผมจริง ๆ “ถ้าจะรับเลี้ยงเขาก็ไม่ยาก ไปจดทะเบียนได้เลย”
“แล้ว... ทางบ้านยศจะไม่ว่าเหรอ ฝั่งของกร กรไม่มีใครอยู่แล้ว แต่ยศ...”ผมจะเอาแต่ใจก็ใช่ที่ แค่การที่ผมกับยศคบกันก็แทบจะทำให้ทางบ้านเส้นเลือดในสมองแตกไปตาม ๆ กันแล้ว
“ก็อยู่ที่เด็กคนนี้แล้วล่ะนะ... ว่าจะทำให้คุณแม่โปรดได้ไหม”
หลังจากวันนั้น คุณพ่อและคุณแม่ของอิฐก็มาตามอิฐกลับบ้านหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ยอมให้แกกลับไป... ถึงผมจะไม่ห้าม แกก็ไม่อยากกลับไปเหมือนกัน ทั้งสองโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันมาก แต่ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร ผมมารู้ที่หลังว่าที่ต้องการให้อิฐกลับไปเพราะขาดคนดูแลบ้าน ซักผ้า รีดผ้า สารพัด แล้วยังขาดเด็กชงและเสิร์ฟเหล้าด้วย... อีกอย่างไม่พูดแล้วกัน มันทำให้ผมอยากจะฆ่าพวกเขาเลยล่ะ
ผมกับยศไปจดทะเบียนรับอิฐเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย ในตอนแรกคุณแม่ของยศก็ปรี๊ด ปรอทแทบแตก แต่อิฐก็เอาชนะคุณท่านมาได้ด้วยความอ่อนน้อมที่มีอยู่ในตัว
แกไม่ใช่เด็กก้าวร้าว อาจจะเจ้าอารมณ์ แต่เพราะถูกกดดันจากหลาย ๆ ด้าน ไร้อิสระ ไร้เสรีมาหลายปี เลยทำให้แกระเบิดออกมาได้ง่าย
แล้วผมก็ได้ลูกชายมาหนึ่งคน...

สิบสองปีที่ผมทำงานเป็นครูมา ผมได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย ได้พบเจอคนหลากหลายรูปแบบ ได้พบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้น
มาปีนี้ ปีที่ลูกชายของผมจบการศึกษา ผมตั้งใจจะเกษียรตัวเองออกจากการเป็นครูไปทำอาชีพในสายงานของตัวเองอย่างจริงจังเสียที...
ประจวบเหมาะกับการที่ยศจะโยกย้ายตัวเองไปดูแลงานที่อังกฤษ ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปเป็นแพทย์ที่นั่น และอิฐก็จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยในอังกฤษเช่นกัน
มันคงเป็นจุดอิ่มตัวในอาชีพครูของผม สิบสองปีอาจจะเป็นเวลาที่ไม่มากนักถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ หรือแม่ของผมเองที่เป็นครูชั่วชีวิต แต่สิบสองปีที่ผ่านนั้นสอนให้ผมได้รู้อะไรต่าง ๆ มากมาย
ผมส่งเด็กหลายต่อหลายคนไปถึงฝั่งฝันด้วยมือทั้งสองข้างของผม ช่วยเหลือเด็กที่กำลังลำบากมาก็มา ดูแลเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม ให้ความรัก ความเมตตากับพวกเขา ตามปณิธานของแม่
16 มกราคม วันครูแห่งชาติ
วันครูวันสุดท้ายของผมในฐานะที่ผมเป็นครู
ปีนี้ก็เหมือนทุกปี ในวันก่อนวันครู ทางโรงเรียนจัดงานวันครูให้นักเรียนได้รำลึกถึงพระคุณของคุณครูผู้ให้การอบรมสั่งสอนศิษย์
ผมมองบรรยากาศเหล่านั้นด้วยความปลื้มปิติ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบโหวงในอก เมื่อคิดว่าจะไม่ได้สัมผัสบรรยากาศเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
ผมก้าวเข้าไปในห้องเรียนตามเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้ บนกระดานดำเขียนบทกลอนวันครูเอาไว้ และมีเก้าอีกวางไว้ข้างหน้า ผมเข้าไปนั่งที่เก้าอี้นั้น
เด็กทุกคนร้องเพลงวันครูให้ผม พานพุ่ม พวงมาลัยถูกมอบให้ด้วยใจของพวกเขา ทุกคำที่พูด ทุกมือคู่ที่กราบลงมานั้นตราตรึงในหัวใจของครูคนนี้
“ครูครับ / ครูคะ”เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่คนจำนวนหนึ่งจะก้าวเข้ามาในห้อง
“...”ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นพวกเขา ลูกศิษย์ของผมที่จบออกไปแล้ว... พวกเขามีงานการที่ดี เรียบจบออกมาอย่างภาคภูมิตามที่ผมหวัง
พวกเขาเข้ามาไหว้ผม กอดผม เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ผมรับฟัง น้ำตาของผมเริ่มไหลซึมออกมาด้วยความตื้นตัน ผมไม่คิดฝันว่าวันนี้จะมีจริง วันที่ผมได้เห็นนักเรียนของผมกลับมาหาผมพร้อมกับความสำเร็จในชีวิตของพวกเขา
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร... แค่ได้เห็นเพียงเท่านี้ผมก็นอนตายตาหลับแล้วจริง ๆ


คุณครูนั้นคอยหวงห่วงใยศิษย์                   ครูคอยคิดคอยคุ้มครองคอยห่วงหา
ปกป้องศิษย์สั่งสอนศิษย์อยู่เรื่อยมา      พระคุณค่าสุดชีวิตจะทดแทน
ชีวิตครูครูให้ไม่รู้จบ            ส่งศิษย์พบความสำเร็จด้วยสองแขน
สองมือพายเรือลำน้อยไปสุดแดน      แม้นสุดแสนลำบากครูยอมทน
ถึงศิษย์ดื้อศิษย์ด้านครูยิ้มให้         เอาใจใส่ด้วยพระคุณอันเหลือล้น
แนะทางศิษย์ไม่ให้พบทางอับจน      ให้เป็นคนมีค่าด้วยคุณธรรม
แม่พิมพ์ชาติผลิตสร้างคุณความดี      ย้ำศิษย์นี้ให้ฝึกใช้ให้ใจจำ
ยึดแนวถืออันประเสริฐอันเลิศล้ำ      รู้บุญกรรมชั่วดีรักเมตตา
สองมือศิษย์ประนมก้มลงกราบ              ด้วยความซาบซึ้งในกรุณา
ความรักที่คุณครูมอบให้มา         รักที่พาให้อนาคตสดใส
ดอกมะเขือแทนอ่อนน้อมถ่อมกายา      อีกด้วยหญ้าแพรกอดทนแกร่งจากใจ
ดอกเข็มคือปัญญาที่ครูมอบให้              ข้าวตอกไซร้พอกพูนดั่งความรู้
พานพุ่มน้อยมอบให้ครูจากหัวใจ      พวงมาลัยประคองวางจากมือคู่
สองแขนโอบกอดซบอกคุณครู              บุคคลผู้อดทนปั้นดินเป็นดาว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทกลอนนี้ขอมอบให้กับคุณครูทุกท่านนะคะ อาจจะไม่ได้ไพเราะเหมือนคนที่แต่งเก่งๆ แต่ก็แต่งมาจากใจค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2013 20:01:06 โดย midnight »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้ำตาซึมเลยครับ เรียนจบมานานแล้ว ไม่เคยได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมคุณครูเลย T^T

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
^^

รำลึกถึงคุณครูค่ะ...

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
ซึ้งมากเลยครับ อ่านแล้วอยากจะร้องออกมา ไม่เคยได้เห็นแง่ความคิดของคนเป็นครูเท่าไหร่ :L1:
ชอบมากเลยล่ะ ขอบคุณนะครับ :pig4:

pooy

  • บุคคลทั่วไป
อ่านท่อนแรกน้ำตาไหลเลยอะ  เปิดเพลงรางวัลของครูจะรู้ถึงความรู้สึกเลยแระ  ง้าๆๆๆๆ :call:  นี้แระครูที่ดีมาจากจิตใจที่แท้จริง

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ดีจัง มีคนรักที่ดี และเป้นที่รักของลูกศิษย์ :L2: :3123:

ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
 :sad4: :monkeysad: :monkeysad:

น้ำตาจะไหล ซึ้งอะ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
หลายปีผ่านไป ผมกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร หลังจากที่อิฐเรียนจนจบ และสามารถทำงานต่าง ๆ แทนยศได้แล้วบางส่วน
ผมกับยศตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนของพวกผม บ้านที่ทำให้พวกผมได้พบกัน และมีกันและกันจนถึงทุกวันนี้
ผมยึดอาชีพหมอเป็นอาชีพหลัก และไปเป็นครูสอนพิเศษบ้างบางครั้งบางคราว ที่มีเวลาว่าง ส่วนยศยังคงดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทอยู่ แต่ทำงานน้อยลงกว่าเดิมเพราะเจ้าอิฐมาช่วยพ่อของเขาทำอย่างขยันขันแข็ง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมบินกลับมาไทยไม่กี่วันเพื่อต่อวีซ่า และบินกลับอังกฤษภายในเวลาอันสั้น ทำให้ไม่ได้พบเพื่อนที่เคยร่วมงานกันเลยสักครั้ง... ตอนนี้ผมก็อยากกลับไปเจอทุก ๆ คน แต่ภาระติดพันทำให้ไม่สามารถไปได้อย่างใจหวัง
อาชีพแพทย์นี่ก็เหนื่อย เพราะต้องทำงานภายใต้ความกดดัน ทำงานกับชีวิตของคน ถ้าพลาดอะไรไปสักนิดก็คงจะแย่... ไม่ต่างอะไรนักกับตอนที่เป็นครู เมื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับเด็ก เด็กก็จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ
“ครูกร... ใช่ไหมครับ”เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นเรียกความสนใจจากผมที่เดินคิดอะไรเหม่อ ๆ ออกมาจากโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่
“หืม... ครับ”ผมตอบรับกลับไปอย่างงง ๆ จะว่าไปคนตรงหน้านี่ก็ดูหน้าคุ้น ๆ อยู่นะ...
“ผม ชัย ชิดชัยไงครับ ครูจำผมได้ไหม”เขาพูดกับผมอย่างตื่นเต้น ชิดชัย... ชิดชัย... ชัย... หืม!!
“เฮี้ยวชัยใช่ไหม”ผมมองร่างตรงหน้าอย่างทึ่ง ๆ นายชิดชัย ที่ผมเคี่ยวเข็ญมาแต่ยังเป็นเด็กชายที่แสนแสบสัน แกล้งคนไปทั่วไม่กลัวใครคนนั้นน่ะนะ ได้เป็นถึงนายทหารยศสูงอย่างนี้
“ครับ ผมเอง”เขายิ้มกว้างอย่างยินดี เมื่อผมจำเขาได้ “ตั้งแต่ครูกรออกไป เด็กในโรงเรียนก็แสบ ๆ เยอะขึ้นเหมือนกันนะครับ เกเรียนก็เยอะ ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้ครูฉุด ได้ครูดึงไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางไปตอนสมัยเรียน ถ้าไม่มีครู ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะมีวันนี้ไหม”
“ดีแล้วที่เธอได้ดีนะ ชัย ครูดีใจด้วยจริง ๆ”ผมยิ้มให้เขาอย่างจริงใจที่สุด
“อ่อ จริงสิ ครูจำคนนี้ได้ไหมครับ ภรรยาของผมคนนี้น่ะ”เขาผายมือไปทางหญิงคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับเด็กตัวน้อย
“... ปลา ปริฉัตรใช่ไหม”ผมตอบกลับอย่างไม่แน่ใจนัก
“ค่ะ ครูกร หนูปลาเอง”นักเรียนหญิงดีเด่นของผมได้เป็นคุณหญิง คุณนายซะแล้ว อีกทั้งยังมีลูกอีกด้วย ผมคงแก่ขึ้นมาแล้วจริง ๆ “หนูปลาดีใจจังเลย ที่ครูจำหนูได้”
“จำได้สิ นักเรียนดีเด่นของครู ถ้าไม่มีหนูปลาโรงเรียนของเราอาจจะไม่มีโล่ระดับประเทศประดับห้องครูใหญ่ก็ได้”ผมลูบหัวของเธอเบา ๆ เหมือนสมัยที่เธอยังเป็นนักเรียน “ไม่เจอกันสิบกว่าปี ครูดีใจนะ ที่พวกเธอจำครูได้”
“ครูเป็นครูของพวกเรา ต่อให้พวกเราได้เป็นศิษย์ครูเพียงแต่ชั่ววินาที แต่ครูก็จะเป็นครูของพวกเราตลอดไปนะครับ”
น้ำตาผมซึมออกมาน้อย ๆ นั่นสินะ ถึงจะได้สอนเพียงไม่กี่นาที แต่ศิษย์กับครูนั้นจะผูกพันกันตลอดไป
หลังจากวันที่ผมได้เจอทั้งสองคนนั้น เพียงเวลาไม่กี่วัน พวกเขาก็ไปเรียกรวมตัวศิษย์ทั้ง 12 รุ่นที่ผมได้สั่งสอนมาถล่มที่ห้องทำงานของผู้บริหารในบริษัท เท่าที่จะหาตัวเจอ
ทุกคนยอมลาหยุดงานมาในวันนี้เพื่อที่จะมาหาอดีตครูของพวกเขาอย่างผม ทุกคนมีของติดไม้ติดมือมาฝากครูวัยกลางคนอย่างผม บางคนถึงกับเดินทางมาจากต่างจังหวัด ยิ่งไปกว่านั้นบางคนลงทุนกลับมาจากต่างประเทศก็มี... สิ่งนี้ทำให้ผมได้รู้อีกอย่างว่า

ครู และ ศิษย์ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแสนนานเพียงไร ก็ยังคงเป็นครูและศิษย์อยู่เสมอ จนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของกันและกัน

ผมดีใจ... ที่ได้เป็นครู แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ

แม่ครับ... สักวันนึง ผมจะกลับไปเป็นครูอีกครั้งครับ

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้นะครับ

ผมรักแม่ครับ

กร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ่านแล้วอยากกลับไปหาครูเลยอ่า

คิดถึง

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องราวดี

ขอบคุณจริงๆค่ะ

 o13

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13

ออฟไลน์ Kaewkaew

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันนี้วันครูแล้วนะคะ

น้อมรำลึกถึงพระคุณ

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ซึ้งมากเลยอ่ะเป็นครูที่ดีจริงๆ
อ่านแล้วคิดถึงครูขึ้นมาเลยอยากไปกราบท่านบ้างจัง^,^

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
โหยยย สุดยอดดด ซึ้งมาก น้ำตาคลอ^^ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ zebza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รู้สึกคิดถึงครูขึ้นมาเลย อยากกลับไปหาครูเหมือนกันนะเนี่ย :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






benji

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยอ่า  ครูกร   

พี่ยศ  เป็นคู่ชีวิตที่หาได้ยากสมัยนี้
 :pig4:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
น้ำตาคลอเลยครับ
คิดถึงคุณครูที่เคยสอนมา

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โหวตเซ็งเป็ดอาหวาดไม่ทันแร้ววววว

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ครูแบบคุณกรกับคุณแม่สมัยนี้หายากมาก เรานึกถึงครูที่สอนเมื่อก่อนเลย
แต่ป่านนี้ก็เกษียรกันหมดแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ซึ้งมากเลยครับเรื่องนี้ ...... ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ nonyny12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด