สวัสดีค่าาาา
น้ำแข็งใสพาครอบครัวตัวจอมมาทักทายกันอีกครั้งในวันเสาร์สุขหยุดสบาย
มีความสุขกันนะค่ะ
บทที่ 12
[/b]
แม้เป็นเวลาบ่าย หากแต่เวลานี้ฟ้าออกจะครึ้มๆ ก้อนเมฆที่ล่อยละล่องอยู่บนท้องฟ้าเป็นสีเทา อากาศเย็นๆมาพร้อมกับกลิ่นฝน เหล่านักศึกษาที่เดินผ่านไปมารีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ร่างกลมๆในชุดนักศึกษาพร้อมกับเพื่อนสองคนรีบสาวเท้าเข้ามาใต้ตึกคณะ
“เฮ้อ...เหมือนฝนจะตกเลย...” เด็กหนุ่มร่างสัดทัดของมรกรตพึมพำไม่ทันขาดคำ หยดน้ำก็ค่อยๆตกลงมาจากฟากฟ้า เมื่อกระทบกับพื้นก็ดังแปะๆ...ฝนตกปรอยๆเริ่มมีท่าทีหนักขึ้นเรื่อย ผู้คนยังอยู่ด้านนอกรีบหาที่กำบังกันใหญ่...ผ่านไปเพียงชั่วครู่ แค่ฝนตกปรอยกลับกลายเป็นฝนไล่ช้างที่หนักเสียจนแรงฝนที่กระทบหลังคาดัง ลมที่มาพร้อมละอองฝนทำเอาคนที่อาศัยอาคารเป็นที่หลบยังรู้สึกหนาวสะท้าน
เจ้าลูกหมูเขยิบเข้ามายืนด้านในมากขึ้นเพื่อหลบฝน เพื่อนๆอีกสองคนก็เขยิบตาม...ความจริงวันนี้พวกเขาเลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงแต่พวกเขาสามคนนั่งทำโปรแกรมมิ่งกันอยู่แล้วเพิ่งออกไปหาข้าวกลางวันกินกันตอนบ่ายสอง ตอนนี้ฝนก็ตกอีก ไปไหนไม่ได้
มรกรตเรียกเพื่อนๆให้นั่งลงตรงโต๊ะไม้ที่ตั้งไว้ใต้ตึก ธัชดนัยและจอมใจเดินมานั่งอย่างเสียไม่ได้เพราะดันทุรังจะออกก็มีแต่เปียก
มือขาวๆล้วงเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาพลางกดโทรออก รอสายเพียงครู่เดียวก็มีคนรับ “ฮัลโหล หม่าม้า นี่ใจนะครับ...วันนี้ใจกลับบ้านเองนะครับ...อีกสักพักครับ...รอฝนหยุด” ใช่...วันนี้เป็นวันที่หายากยิ่งสำหรับน้องที่ต้องกลับบ้านเอง เนื่องจากมุกครั้งจะมีลุงทศไม่ก็พี่เวทย์มารับ แต่หากวันนี้พี่เวทย์ติดโปรเจคจึงไปทำงานที่บ้านเพื่อน และลุงทศไปทำหน้าที่ให้ท่านประธานใหญ่
หากแต่ผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย ลมยังคงพัดแรงอยู่ตลอด
“เอาไงดีเนี่ย ฝนไม่ยอมหยุดเลย” จอมใจหันไปปรึกษาเพื่อน ที่ยังคงนั่งรอๆแล้วก็รอ ในที่สุดเหมือนฟ้าจะเป็นใจ...เมื่อฝนห่าที่ตกลงมาไม่ลืมหูลืมตาเมื่อกี้ดูเบาลง แต่ว่าก็ไม่ได้หยุดเสียทีเดียว สามหนุ่มตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนออกไปที่หน้ามหาลัย
เสื้อนักศึกษาสีขาวเมื่อถูกน้ำก็แนบเนื้อมากขึ้น จนจอมใจรู้สึกอึดอัดเลยดึงเนคไทออกและปลดกระดุม รู้สึกเหนียวตัว เส้นผมก็โดนน้ำจนเปียก เพื่อนที่มาด้วยกันก็สภาพไม่ต่างกัน หน้ามหาลัยเวลานี้ก็เต็มไปด้วยเด็กนักศึกษาที่รอรถกลับบ้าน เพื่อนเขาสองคนนั้นพักอยู่หอจึงเรียกมอเตอร์ไซด์ไปส่งเลย แต่เขาซึ่งต้องนั่งรถกลับบ้านนั้นมีปัญหาใหญ่ เนื่องจากจำนวนคนที่ยืนออรอรถตู้จะขึ้นไปอนุสาวรีย์ชัยนั้นเรียกได้ว่าล้นออกมา จะขึ้นรถสองแถวไปแอร์พอร์ตลิ้งก็เกรงว่าจะไม่ไหวเพราะเนื่องจากอ้อมไกลมาก รถแท็กซี่ที่ตอนนี้ก็ขายดีถูกคนโบกไปคันแล้วคันเล่า จอมใจได้แต่ยืนหลบอยู่ใต้กำบังที่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ละอองฝนยังซัดสาดเข้ามาโดนอยู่ อ้อมแขนกลมกลึงกระชับกระเป๋าเข้าหาตัวเพื่อคลายหนาวและป้องกันกระเป๋าเปียกมากกว่าเดิม
ยืนรออยู่สักพักจนปากเริ่มสั่นในที่สุดโชคก็เข้าข้าง...เมื่อมีแท็กซี่สีฟ้าคันหนึ่งหลุดเข้ามาให้โบก ขึ้นรถไปก็บอกเส้นทางกลับบ้าน พี่โชเฟอร์ผู้ใจดีก็ไม่ได้บ่นว่าที่ผู้โดยสารตัวเปียก...ฝนตกเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้และก็ไม่มีใครอยากตัวเปียก แถมยังใจดีช่วยหรี่แอร์เบาเมื่อเห็นว่าร่างกลมสั่นงึกๆ เจ้าหนูทีนั่งหนาวสักพักก็พล่อยหลับไปเนื่องจากเพลียจัด จนมาได้ยินเสียงเรียกจากคนขับ
“น้องๆๆ เลี้ยวซอยหน้าเปล่า” ตากลมแงะออกจากกันอย่างยากลำบาก แล้วค่อยปรับโฟกัสเรียบร้อยก็เอ่ยบอกทางเข้าหมู่บ้านให้พี่คนขับ รถโดยสารสีฟ้าก็พาผู้โดยสารมาถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัยท่ามกลางฝนที่ยังคงตกปรอย จ่ายเงินเสร็จสรรพก็คว้ากระเป๋าลงจากรถ
เดินเตาะแตะเข้าบ้านทั้งๆที่ตัวยังหมาด หน้าใสกลมบัดนี้ขาวซีด
“หม้าม้า กลับมาแล้วครับ” เอ่ยทักมารดาที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับสีหน้าห่วงใย
“เปียกกลับมาเชียว” มือก็ดันตัวกลมๆขึ้นไปข้างบน “ไปอาบน้ำไปลูก สระผมด้วย” ขาวกลมกลึงก้าวขึ้นบันไดจนมาถึงห้อง วางกระเป๋าข้างโต๊ะแล้วก็คว้าเสื้อผ้าที่แขวนไว้เข้าห้องน้ำ ผ่านไปสิบห้านาที...ร่างกลมๆก็เดินหัวฟูออกมา การอาบน้ำอุ่นแล้วพอออกมาข้างนอกทำให้หนาวกว่าเดิม เจ้าตัวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อร่างปะทะกับที่นอนนุ่มๆก็ตาปิดทันที มือกลมยังคว้าเจ้าแบดแบดตัวโตมากอดเอาไว้ด้วย...
...โดยลืมไปว่าพี่ราชันเคยบอกว่าสระผมแล้วต้องเช็ดให้แห้ง...ไม่งั้นจะเป็นหวัด!...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อืม...” เสียงงึมงำแผ่วเบาดังมาจากร่างกลมๆของคนที่ยังนอนกอดตุ๊กตาตัวยักษ์ เขารู้สึกเหมือนร่างกายมันหนักๆยังไงไม่รู้แถมหัวก็ปวดซะจนจะระเบิด พยายามลุกขึ้นมานั่ง ตากลมโตมองไปรอบๆอย่างงง เมื่อลุกออกจากที่นอนก็รู้ว่าร่างกายเหมือนจะเสียสมดุลเล็กน้อยทำให้ต้องลงไปนั่งบนเตียง จอมใจเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนมาดูเวลา ซึ่งตอนนี้ก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว
...นี่นอนมาสองชั่วโมงได้...
ตัดสินใจลุกขึ้นมาพลางเดินเข้าห้องน้ำ ส่องกระจกเงาบานใหญ่ก็เจอกับหน้ากลมๆที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ลองจับหน้าผากและต้นคอก็รู้สึกว่าอุ่นๆ
พาร่างเปื่อยๆของตัวเองเดินละโหล่สะเหล่ลงมาข้างล่าง เดินมาทรุดตัวนั่งข้างปาปาที่นั่งดูทีวีอยู่ ปาป๊าเมื่อเห็นลูกชายเดินมาคลอเคลียเหมือนแมวก็เอ็นดู
“เป็นอะไรเจ้าลูกหมู” หากแต่พอลองจับแขนกลมกลึงนั่นก็ขมวดคิ้ว “ทำไมตัวรุมๆละลูก ไม่สบายหรือเปล่า”
เจ้าหนูส่งเสียงอืออาอย่างเหนื่อยๆ ลุกขึ้นมาซบไหล่กว้างนั่น “อือ...ปาป๊า ใจปวดหัวจัง”
หม่าม้าที่จัดโต๊ะอาหารอยู่ก็เดินมาดูลูกชายอีกคน เธอลองจับหน้าผากเนียนๆนั่นก็พอจะรู้ว่าเจ้าหนูคงไม่สบายจากฝนวันนี้แน่นอน
จอมใจเป็นเด็กร่าเริง แจ่มใส ร่างกายแข็งแรง แต่ฝนและของทอดนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้าหนูเลยทีเดียว...เจ้าลูกหมูเป็นเด็กชอบกิน รักอาหารอร่อยๆ แต่หากเกิดกินของทอดมากเกินพิกัดละก็แค่วันเดียวเท่านั้น...อาการไอโขลกๆจะมาเยือนทันที
เธอเดินกลับไปที่ครัวแล้วกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าอุ่นๆหนึ่งแก้ว “ดื่มน้ำหน่อยลูก”
“...ขอบคุณครับ...” เอ่ยเสียงแผ่วแล้วก็ดื่มน้ำช้าๆ ตากลมโตเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและเยิ้มๆ ใบหน้ากลมก็ขึ้นสี พอดื่มหมดค่อยๆลุกโดยมีปาป๊าพยุงไปที่โต๊ะกินข้าว
วันนี้เจ้าตัวไม่มีความอยากอาหารสักนิดหนึ่ง ทั้งที่อาหารวันนี้ก็น่ากินเสียไม่มี แต่เขาไม่อยากกินสักอย่าง แต่ก็เอื้อมมือตักข้าวร้อนเข้าปาก แล้วทำหน้าแหยเกเมื่อรู้สึกขมปาก จนต้องคว้าแก้วน้ำมาดื่มพลางวางช้อนลง
“ใจกินไม่ลงครับ” ป๊าม้าก็มีสีหน้าเป็นห่วง อรอุมาจึงลุกไปตักแกงจืดเต้าหู้ที่เธอทำไว้ในครัวใส่ชามเล็กๆมาวางตรงหน้าลูกชาย
“ทนกินสักหน่อยนะลูก แล้วเดี๋ยวค่อยกินยานะ” เอ่ยเสียงอ่อนโยน มือขาวก็ยกช้อนแกงจืดเป่าเบาๆแล้วเอาเข้าปาก น้ำแกงร้อนไหลลงผ่านคอแม้จะรสชาติไม่อร่อยแต่หากก็กินง่ายกว่าอย่างอื่น
จอมใจนั่งซดแกงจืดช้าไปเรื่อยสลับกับน้ำเปล่า แต่ยังไม่ถึงครึ่งชามดีเจ้าหนูก็หยุดกินแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เอาแล้ว นายประสิทธิ์จึงลุกไปที่ตู้ยาแต่...ไม่เจอยาแก้ไข แก้หวัดสักแผง ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามันหมดไปตั้งแต่สองสามอาทิตย์ก่อนแล้วยังไม่มีเวลาไปซื้อเพิ่ม
“อร...ยาหมด เดี๋ยวผมว่าลองไปขอบ้านใหญ่ดู เผื่อมี” ว่าเสร็จร่างสูงสมส่วนก็เดินไป เจ้าหนูที่กินเสร็จก็มานั่งตาแดงบนโซฟา เอาหมอนอิงขึ้นมากอดแน่นแล้วหลับตา เนื่องจากอาการปวดหัวตุ้บๆมาอีกแล้ว หม่าม้าก็มองอย่างเป็นห่วงแล้วรีบเก็บจานไปล้าง
นายประสิทธิ์เดินผ่านเข้ามาในตัวบ้าน เดินเลยผ่านไปจนถึงห้องอาหารที่มีสมาชิกในบ้านใหญ่นั่งอยู่ ขาดเพียงจอมพลและจอมทัพ คนแรกคาดว่าอยู่ที่โรงพยาบาล แต่คนที่สองนี่อาจจะยังไม่กลับบ้านก็เป็นได้...บนโต๊ะจึงมีเพียงท่านประมุข ภรรยา และบุตรชายคนโตและคนที่สี่
“อ้าวประสิทธิ์มีอะไรหรือเปล่า” ท่านจอมไตรถามเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามา
“เอ่อ...ท่านครับ ที่บ้านมียาแก้ไขกับยาแก้หวัดสักแผงไหมครับ” ประโยคคำถามที่ทำเอาทุกคนขมวดคิ้ว
จอมราชันเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นมา “เอายาไปทำไมครับอา”
“เจ้าใจไม่สบายนะสิ เหมือนจะเป็นไข้ อาจจะเป็นเพราะตากฝนเมื่อเย็นตอนกลับบ้าน” พอบอกเท่านั้นแหละ...ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นยืนจนเก้าอื้นครูดกับพื้นเสียงดัง
“น้องไม่สบายหรือครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลครับ” เสียงทุ้มใส่คำถามไม่ยั้ง ใจพะวงไปถึงร่างกลมๆของน้องชายอย่างเป็นห่วงสุดใจ
“ไม่เป็นไรมากหรอก คงแค่เป็นไข้เป็นหวัดธรรมดา” หากแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนขี้ห่วงคลายความกังวล
“ผมขอตัวไปดูน้องหน่อย”
ด้านจอมเวทย์เมื่อเห็นพี่ชายท่าทางเป็นห่วงน้องชาย เจ้าตัวเริ่มรู้สึกผิดเพราะว่าวันนี้น้องคงต้องกลับบ้านเองเนื่องจากเขาไม่อยู่และลุงทศไม่ว่าง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้จอมใจต้องตากฝนกลับบ้าน
“ผมขอโทษครับพี่ วันนี้ผมไม่ว่างไปรับน้อง น้องเลยต้องตากฝนกลับบ้าน”
“ไม่ใช่ความผิดเวทย์หรอก” พี่ชายคนโตเห็นน้องคนที่สี่ทำหน้ารู้สึกผิดจึงปลอบ เขาไม่ได้คิดโทษน้องชายสักนิด เพราะเขารู้ว่าเรื่องฟ้าฝนมันโทษกันไม่ได้
พี่ใหญ่รีบเดินไปที่ตู้กระจกในครัวที่บรรจุยาสามัญประจำบ้านเอาไว้ เลือกค้นยาแก้ไขและหวัดออกมาหนึ่งแผงแล้วเดินออกมา พลางบอกบิดามารดาว่าจะไปดูหาน้อง ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ว่าอะไรเนื่องจากกูรู้สึกห่วงน้องน้อยเช่นกัน ส่วนจอมเวทย์นั้นก็ตามพี่ชายมาบ้านเล็กด้วยคน
สามหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านหลังเล็ก เจอกับอรอุมาที่นั่งดูอาการเจ้าหนูอยู่ โดยเจ้าตัวนั่งหน้าแดง ตาปรืออย่างเหมือนคนเบลอๆ
จอมราชันเห็นน้องไม่สบายก็ยิ่งห่วง รีบสาวเท้าเขามา ยกมือไหว้อรอุมาแล้วทรุดตัวนั่งข้างเจ้าลูกหมูที่ยังสะลึมสะลืออยู่
“เด็กดีเป็นไงบ้างครับ” จอมใจหันหน้ามามองงงอยู่พักหนึ่งจึงยิ้มแห้งๆ
“พี่ราชันจ๋า...” เอ่ยเสียงแหบแล้วซุกหน้ากลมลงกับไหล่กว้างอย่างออดอ้อน มือใหญ่ลูบหัวทุยๆ อีกมือก็อังหน้าผากเนียนเมื่อรับรู้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาก็ยิ่งหน้านิ่ว
“ตัวร้อนเหมือนกันนะ” พึมพำเสียงเครียด “พาไปหาหมอดีไหมครับ” หันไปถามความเห็นของผู้ใหญ่
แต่เจ้าลูกหมูส่ายหน้าพัลวัน “ไม่เอาๆๆ...ใจไม่ไป”
“เด็กดี...ไปตรวจสักหน่อยนะ จะได้กินยาตามที่หมอสั่งดีกว่า” พี่ชายปลอบเสียงนุ่ม เขารู้น้องไม่อยากไปโรงพยาบาลแต่เจ้าตัวนั้นกินยาที่มาจากร้านขายยาไม่ค่อยหาย ต้องหาหมอถึงจะดีขึ้น แล้วเขาก็ไม่อยากให้น้องกินสุ่มสี่สุ่มห้า
เจ้าตัวกลมยังคงส่งเสียงงึมงำๆ หลับตาทำหน้าเบ้ “ไปก็ได้...ครับ” สุดท้ายก็ยอมเนื่องจากปวดหัวอยากกินยาแล้วนอนเลย
พี่ใหญ่จึงหันไปบอกน้องชายร่างสูง “เวทย์เอารถออกให้พี่หน่อย...อาประสิทธิ์กับน้าอรรอที่บ้านก็ได้ครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...เดี๋ยวน้องผมดูแลเอง” คราวนี้หันไปบอกผู้ใหญ่
ท่านทั้งสองก็มีสีหน้าเป็นห่วงแต่หากยอมรับการตัดสินใจของชายหนุ่มเนื่องจากรู้ดีว่าเจ้าตัวดูแลน้องได้ดีเสมอ
จอมเวทย์รีบกลับไปที่บ้านใหญ่เพื่อไปเอารถและไปบอกให้ทุกคนที่นั่นรู้ ส่วนพี่ใหญ่นั้นก็พยุงร่างกลมขึ้นมาจากโซฟาแต่หากร่างกายที่อ่อนเปลี้ยของเจ้าหนูทำให้ทรุดตัวลงไปนั่งอีกครั้งด้วยความมึนงง
“ไหวไหมครับคนเก่ง...” เมื่อเห็นน้องหลับตาด้วยความทรมานชายหนุ่มก็ยิ่งกังวล “งั้นขี่หลังพี่แล้วกัน” ว่าแล้วร่างสูงก็ย่อตัวลงข้างโซฟาพลางจับมือขาวทั้งข้างมาคล้องคอแล้วยกตัวน้องขึ้น มือใหญ่เปลี่ยนไปรองสะโพกกลมกลึงทั้งข้าง น้ำหนักของน้องไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อชายหนุ่มสักนิดเนื่องจากเป็นคนแข็งแรงและน้องก็ไม่ได้หนักขนาดนั้น ใบหน้าใสเนียนแดงก่ำซบลงกับลาดไหล่กว้าง ลมหายใจร้อนๆกระทบกับซอกคอแกร่งของชายหนุ่ม ส่งเสียงงึมงำด้วยความทรมาน ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านขยับเข้ามาดู ก่อนร่างสูงจะแบกร่างน้องน้อยออกไป
“อดทนหน่อยนะคนเก่ง...” พี่ชายเอ่ยปลอบคนที่ขี่หลัง มือใหญ่กระชับสะโพกกลมกลึงในเข้าที่แล้วรีบสาวเท้าไปอีกบ้าน เมื่อเดินมาถึงก็พบว่าทุกคนในบ้านมายืนรอด้วยสีหน้ากังวล โดยที่จอมเวทย์ที่ติดเครื่องยนต์ไว้เรียบร้อยและก็เป็นสารถี
“น้องเป็นอะไรมากไหมลูก” คุณหญิงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไข้ขึ้นครับ กำลังจะพาไปหาหมอ” เธอจึงรีบพยักหน้าให้ชายหนุ่มพาน้องขึ้นรถ จอมราชันส่งตัวน้องไปนั่งด้านหลังแล้วก็ก้าวตามเข้าไปนั่งติดๆ เขาเลือกที่จะนั่งกับน้องและจอมเวทย์ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เจ้าตัวยอมเป็นคนขับด้วยความเต็มใจ
จอมใจซบหน้าลงกับไหล่กว้างมือก็กดอกตัวเองไว้ พี่ใหญ่จึงบอกให้น้องชายคนที่สี่เบาแอร์ลงแล้วขยับตัวชิดร่างกลมๆมาขึ้น มือใหญ่วาดผ่านมากระชับตัวน้องดึงเข้าไปชิดมากขึ้นเพื่อคลายหนาว เจ้าหนูยกมือกอดเอวพี่ใหญ่แน่น มือใหญ่ที่ว่างอีกข้างก็ยกมืออังหน้าผากเป็นครั้งคราวพลางเกลี่ยผมที่ลงมาปิดหน้า พร้อมกับเช็ดเหงื่อเม็ดบางๆที่ผุดขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อรถแล่นเข้ามาถึงหน้าโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน บุรุษพยาบาลที่ประจำอยู่ก็เข็นรถมารับ จอมราชันอุ้มน้องที่ทำหน้าป่วยๆลงจากรถแล้ววางลงบนรถเข็นแล้วเดินตามเข้าไป ส่วนจอมเวทย์นั้นรีบวนหาที่จอดแล้วดับเครื่องวิ่งตามเข้าไป
จอมใจมีประวัติคนไข้ที่นี่อยู่แล้วจึงสะดวกต่อการทำเรื่องต่างๆ จนเจ้าหนูถูกพาไปยังหน้าห้องเพื่อรอรับการตรวจ นั่งรอบนเก้าอี้แถวนั้น ระหว่างรอพี่เวทย์ก็กดน้ำจากตู้ดื่มมาให้ มือขาวรับมาดื่มนิด น้ำอุ่นไหลผ่านคอรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แล้วก็เอาหัวพิงกับบั้นเอวของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ มือใหญ่ก็ลูบหัวเบาๆ จนพยาบาลเรียกชื่อคนไข้ ร่างสูงพยุงน้องน้อยเข้าไป
นายแพทย์หนุ่มซึ่งเป็นแพทย์ที่เข้าเวรช่วงกะกลางคืนยิ้มให้คนไข้และผู้ปกครองสองคน เดินมานั่งตุบหน้าคุณหมอ ส่วนร่างสูงสองคนก็เขยิบไปด้านข้าง
หมอตรวจหู ตา คอ จมูก และอาการทั่วไป...
“คนไข้เป็นไข้หวัดธรรมดา อาจจะเพราะตากฝนและช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยร่างกายเลยปรับตัวไม่ทันนะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ หมอจะจ่ายยาให้...ผักผ่อนสักสองสามวันก็หายครับ ยิ่งยังเด็กอยู่เลย” หมอสรุปเมื่อตรวจเรียบร้อย พลางยื่นใบจ่ายยาไปให้พยาบาล จอมใจยกมือขอบคุณ จอมราชันเข้าช่วยพยุงน้องพากลับออกไปด้านนอกเพื่อรอรับยา
ร่างกลมนั่งซบไหล่พี่เวทย์อยู่ พี่เวทย์ก็นั่งกอดไหล่น้องเพื่อคลายหนาว พี่ใหญ่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“เป็นไงบ้างครับเด็กดี”
เจ้าหนูตอบเสียงอู้อี้ “ใจปวดหัว รู้สึกไม่สบายตัวด้วยครับ”
“รอรับยาแล้วเดี๋ยวก็ลับบ้านนอนได้เลย” จอมเวทย์บอก พอช่องจ่ายยาเรียก ร่างสูงก็รีบเดินไปเอายาพร้อมจ่ายค่ารักษา จอมเวทย์พยุงเจ้าลูกหมูเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ขากลับพี่ใหญ่เป็นสารถีแทน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รถค่อยแล่นมาจอดในโรงรถ จอมเวทย์เปิดประตูพร้อมกับจอมราชัน ส่วนเด็กป่วยๆนั้นนอนหลับคร่อกไปเรียบร้อยแล้ว
“เอาไงดีพี่ หลับไปแล้ว ยังไม่ได้กินยาเลย” จอมเวทย์ถาม ร่างสูงพยักหน้าแล้วก็เปิดประตูหลัง
“เด็กดีถึงบ้านแล้วครับ” ปลุกพร้อมสะกิดเบา ร่างกลมๆขยับยุกยิกแล้วลืมตาแดงๆขึ้นมา ตาเยิ้มเพราะน้ำตาทำให้มือใหญ่อดเอื้อมมือไปเช็ดไม่ได้
พยุงร่างกลมๆเดินเข้าข้ามฝั่งมาบ้านหลังน้อย ปาป๊าหม่าม้ายังคงนั่งรออยู่ที่โซฟาด้านล่าง
“น้องเป็นไงบ้างราชัน” ปาป๊าถาม
“ไม่เป็นไรมาครับ แค่ไข้หวัด” พี่ใหญ่ตอบพลางจับเจ้าหนูให้นั่งลงบนเก้าอี้เนื้อนิ่ม พอนั่งปุปเจ้าตัวก็ล้มลงนอนทันที พี่ใหญ่จึงช้อนหัวน้องน้อยขึ้น แล้วก็เอาตัวใหญ่ของตัวเองเข้ามาแทนที่แล้วจับหัวทุยนั่นวางลงบนตักตนเอง เจ้าลูกหมูขยับให้การนอนเข้าที่เข้าทางแล้วก็หลับฟี้ๆๆ มือใหญ่อังหน้าผากเนียนอีกครั้ง
“ไข้ยังไม่ค่อยลดเลย เวทย์เอายามาให้น้องเลยดีกว่า” จอมเวทย์ผละตัวไปตามที่พี่บอก
“น้าว่าพาน้องไปนอนข้างบนเลยดีกว่านะ...” อรอุมาเสนอเนื่องจากลูกชายจะได้ผักผ่อนเต็มที่ แล้วเธอก็ปลุกเจ้าหนูขึ้นมากินยา เสร็จแล้วจอมราชันก็พยุงน้องไปนอน
พอวางร่างกลมลงบนเตียงก็จัดการถอดเสื้อชื้นเหงื่ออกและเช็ดหน้าเช็ดตาและหาเสื้อยืดเนื้อนิ่มใส่ให้ แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงบนเตียงข้างๆแบดแบด เจ้าลูกหมูคว้ามือใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายมาแนบหน้าร้อนๆ
“อือ...มือพี่ราชันเย็นจัง...จ...ใจ...ชอบมาก...” เสียงใสค่อยๆเลือนหายไปกับความง่วงจนเหลือเพียงความเงียบปกคลุมห้องเท่านั้น มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงฝัน ร่างสูงชะโงกลงมาใกล้ๆ
“หายไวๆนะครับเด็กดีของพี่...” ริมฝีปากอุ่นๆประทับลงบนหน้าฝากเนียนกว้างอย่างอ่อนโยน...
นัยน์ตาคมกริบมองน้องน้อยด้วยสายตาอบอุ่น พลางค่อยๆเดินกลับไปข้างนอกเพื่อให้น้องได้พักผ่อน
To be Continue
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้พี่ใหญ่กับพี่เวทย์เด่นมาก อย่าว่ากันนะค่ะ
ใครรอพี่พล พี่ทัพ อดใจอีกนิดนะค่ะ เดี๋ยวพามาแน่นอน