ตอนนี้ เบาๆ พอได้จิ้น ฮ่าๆๆๆ
คำเตือน อ่านนิยายเรื่องนี้ ต้องเตรียมอีโนไว้ด้วย
..................5..................................
“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…..”
ผมกดวางโทรศัพท์อย่างหัวเสียเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมติดต่อไอ้เล็กไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน โทรไปทีไรยัยผู้หญิงคนนี้ก็รับทุกที เฮ้อ
“มึงไปอยู่ไหนกันแน่ว่ะไอ้เล็ก” ผมนั่งบ่นกับตัวเองเบาๆ ไอ้เล็กไม่เคยขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้ไม่ว่ามันจะมีเรื่องอะไรก็ตามมันก็ต้อง
โทรมาหาผมเสมอ แต่เรื่องคราวนี้มันคงเหลืออดแล้วจริงๆถึงได้หนีไปโดยไม่บอกใคร ผมรู้จักไอ้เล็กดี ว่ามันถือศักดิ์ศรีขนาดไหน มันไม่มีทางขอความช่วยเหลือกับผมอย่างแน่นอน ดูอย่างคราวที่เป็นหนี้ไอ้วัตสิ ผมจะใช้หนี้ให้มันยังไม่ยอมเลย
“เออ ไอ้วัต!!” ผมตะโกนอย่างดีใจ บางทีไอ้วัตอาจจะรู้ก็ได้ว่าไอ้เล็กไปไหน ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะดีกว่าอยู่เฉยๆแบบนี้นะครับ
ผมคว้ากุญแจรถก่อนจะวิ่งออกไปที่ประตู แต่กลับพบว่าแขกที่ไม่เคยรับเชิญ ยืนอยู่หน้าห้อง
“สวัสดีครับน้องเมฆ”
“มีธุระอะไร ผมไม่ว่างกรุณาหลีกด้วย” ผมบอกเสียงแข็ง แต่เขาก็ยังยืนนิ่ง
“ ผัว จะมาหา เมีย เนี่ยมันต้องมีธุระอะไรด้วยหรือไงครับ”
“จะให้บอกกี่ครั้งกันครับ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลิกยัดเยียด ไอ้คำพวกนั้นให้ผมสักที ผมสะอิดสะเอียนเต็มทนแล้ว” ผมตอบกลับ
“งั้นเหรอครับ แหม ถ้าน้องเมฆพูดแบบนั้น พี่คงต้องให้คนทั่วไปเขาตัดสินแล้วสินะครับว่าเราเป็นอะไรกัน” เขาบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“คุณจะทำอะไร”
“ก็แค่โพส อะไรนิดๆหน่อยๆระหว่างเราเท่านั้นล่ะครับ”
“เอาสิ ถ้าคุณไม่กลัวคุณหญิงแม่คุณหัวใจวาย ก็โพสเลยสิครับ” ผมตอบอย่างเป็นต่อ คนอย่างเขา ไม่มีทางทำให้คุณแม่สุดที่รักเสียใจแน่ ผมรู้ดี ถ้าเขาคิดจะทำอะไรโง่ๆล่ะก็ คนที่เสียใจที่สุดก็คือคุณแม่ของเขาเอง
“ น้องเมฆนี่ ชอบพูดอะไร โง่ๆ จริงนะครับ ถ้าพี่โง่ขนาดนั้นคงไม่ยืนอยู่ได้จนถึงวันนี้หรอกนะครับ หึ เรื่องอะไรพี่จะทำให้ตัวเองเสียหายล่ะจริงไหมครับ” เขาบอกด้วยเสียงนิ่ง แต่ในแววตาคมคู่นั้นบอกชัดเจนว่ากำลังเยาะเย้ยผมอยู่
“คุณนี่มันเลว จนไม่มีที่เปรียบจริงๆนะครับ”
“ ขอบคุณนะครับที่ชม แต่พี่ก็คงไม่เลวไปกว่าน้องเมฆหรอกนะครับ คนที่ทำลายคนอื่นอย่างเลือดเย็นอย่างน้องเมฆกล้าด่า คนอื่นว่าเลวด้วยมันน่าปรบมือให้นะครับ” เขายิ้มรับ ก่อนจะตอกกลับผมอย่างเจ็บแสบที่สุด
“คุณหลีกไปดีกว่าครับ ผมมีธุระ” ผมบอกเสียงเรียบ
“พอเถียงไม่ได้ เลยต้องการจะหนีใช่ไหมล่ะครับ ”
“นี่คุณชลธร คุณอย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมได้ไหม ตอนนี้น้องชายคุณหายไปทั้งคนไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ออกตามหาไอ้เล็กล่ะ” ผมถามอย่างอ่อนใจ เขาไม่เคยเป็นห่วงน้องชายตัวเองบ้างเลยเหรอ
“น้องชายพี่ พี่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ แต่น้องเมฆน่ะเป็นอะไรกับเจ้าเล็กมันเหรอครับ ถึงได้เป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้” เขาถาม
เสียงเย็น ก่อนที่มือหนาจะคว้าข้อมือผมไปกำไว้แน่น
“จะเป็นอะไรกันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”
“หึ” เขาแค่นเสียงในลำคอก่อนจะลากผมเข้ามาในห้อง พลางล็อกประตูแน่น
“คุณจะทำอะไร”
“ของแบบนี้ยังต้องให้บอกอีกเหรอครับ คนเป็นผัวเมียกันน่ะ เขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้นแหล่ะ”
“นี่คุณ !!!” ผมเหวลั่น
“อะไรกันครับ วันก่อนยังอ่อยพี่อยู่เลย ไหงวันนี้ขัดขืนล่ะครับ หรือจะอัพราคา มันไม่สำเร็จหรอกนะครับ อย่างน้องเมฆน่ะแค่เมียเช่ายังเป็นไม่ได้เลย เพราะคนพวกนั้นเขาทำแล้วยังได้เงิน แต่เมฆมันก็แค่ของฟรี จริงไหมครับ ที่รัก” เขาบอกเสียงเย็น พลางกำข้อมือผมแน่น จนเป็นรอยแดง ผมหยุดดิ้นรน เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ในแววตาคมคู่นั้นสะท้อนเพียงแค่ความเกลียด หากว่าผมคือคนเลว ผมก็เลวให้สมใจเขา แต่อย่าหวังว่าเขาจะได้เห็นน้ำตาของผม
“ จะทำอะไรก็รีบทำซะทีสิครับ คุณชลธร พูดมากมันเสียเวลานะ” ผมพูดพลางไล้มือไปบนใบหน้าคมก่อน แม้จะรังเกียจการกระทำของตัวเองแค่ไหน ผมก็จะทำ ก็ผมเป็นเลวนิครับ แถมยังเป็นคนที่ร่านเที่ยวอ้าขาให้ใครเขาไปทั่วอีก หึ
“หึ” เขาแค่นเสียง ก่อนที่ริมฝีปากนั่นจะประกบลงมา รสจูบที่มีแค่ความเกลียดทำให้ผมหลับตาแน่น ไม่อยากเห็นไม่อยากรู้ว่าตัวเองถูกเขาสัมผัสแบบไหน ไม่อยากรู้สึกอะไรอีกแล้วทั้งนั้น
เมื่อพายุอารมณ์สงบลง ผมมองร่างกายตัวเองผ่านกระจกด้วยความเจ็บปวด ร่องรอยมากมายที่อยู่บนร่างกายเหมือนจะฟ้องให้ผมรู้ว่า รอยแผลในอดีตมันไม่เคยจางหายไปเลย ความผิดที่ผมเคยทำมันกำลังทำให้ต้องตกนรกทั้งเป็น
Rrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียง ที่ใครบางคนยังนอนอยู่
“ครับน้องสา” ผมเอ่ยทักคนในสาย
“พี่เมฆ ไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“เปล่าครับพี่สบายดี สงสัยเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยมันเลยหนักๆหัวน่ะครับ” ผมเลือกที่จะโกหก แม้ว่าเมื่อคืนผมจะไม่ได้ไปไหนก็ตาม
“พี่เมฆเนี่ย ทุกทีเลย ดูแลตัวเองหน่อยสิคะ อย่าดื่มเยอะสิ เดี๋ยวเกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไง” ยิ่งน้องสาแสดงออกว่ารักผมมากแค่ไหนผมยิ่งละอายใจ ละอายใจที่ผมดึงคนดีๆอย่างเธอเข้าในวังวนที่มีแต่ความเจ็บปวดนี่ ผมควรจะทำยังไงดี น้องสาถึงจะเจ็บน้อยที่สุด
“ครับ พี่จะพยายามนะ”
“ค่ะ สาไม่กวนดีกว่าพี่เมฆนอนพักนะคะ เดี๋ยวสาจะโทรไปใหม่ บายนะคะ รักพี่เมฆนะ”
“บายครับ รักสาเหมือนกัน” ผมบอกก่อนจะกดวางสายไป
“หึ คนอย่างน้องเมฆ พูดคำนั้นได้ด้วยเหรอครับ” เสียงเขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมวางหู
“พี่สงสาร แฟนน้องเมฆนะครับ ถ้ารู้ว่า ผัวตัวเอง แอบไปมีผัว เนี่ยมันคงเจ็บไม่น้อยเลยนะครับ ว่าไหม”
“กรุณาอย่าแตะต้องน้องสา เธอไม่รู้เรื่องด้วย”
“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกสักทีล่ะครับ” เขาถามด้วยเสียงจริงจัง
“ผมขอเวลาหน่อยแล้วกัน ผมไม่อยากเห็นน้องสาร้องไห้”
“อย่าพยามทำดี ทั้งที่ตัวเองเลวดีกว่าครับ มันไม่ได้ทำให้เมฆ ดี ขึ้นมาได้หรอก ไปเลิกซะ นี่คือคำสั่ง!!!”
“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมเลิกกับแฟนนักหนา หลงรักผมหรือไงครับ”
“เมื่อไหร่จะเลิกเข้าข้างตัวเองสักทีครับ พี่บอกไปเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้ว ว่าพี่แค่ไม่ต้องการเห็นเมฆมีความสุข ไม่ว่าจะใครหรืออะไรที่ทำให้เมฆมีความสุข พี่จะเป็นคนทำลายมันด้วยมือของพี่เอง” เขาเหวลั่นก่อนจะบีบไหล่ผมแน่น
“พี่จะทำให้เมฆอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ได้ ให้สมกับสิ่งที่เมฆทำไว้ เตรียมตัวพินาศเพราะความเลวของตัวเองได้เลยนะครับ น้องเมฆ”เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกออกไป
ผมนั่งเหม่อมองผ้าม่านสีขาวอย่างเลื่อนลอย หรือว่า ความผิดของผม มันไม่เคยได้รับการอภัยเลย ทั้งๆที่ผมพยายามแล้วพยายามที่จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด แต่ผมคงไม่เคยได้รับการอภัยจากใครเลย ทั้งจาก พ่อ และจาก พี่ใหญ่
.........................TBC........................
สั้นได้ใจจริงๆ สังขารตอนนี้เข็นมันออกมาได้ก็บุญมากมาย
แล้วจริงๆค่ะ เหนื่อยจุงเบย
แต่ยังไงก็ขอบคุณ ทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจนะคะ ^_^