Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Overwhelming lovers เหตุเกิดเพราะรักมากมายของนาย(นาย)ออฟฟิต=ตอนที่40=(จบแล้ว)  (อ่าน 59222 ครั้ง)

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=30=


"..........................." ชินดนัยกระพริบตาถี่ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะอ้าปากออกเล็กน้อย
"หะ?"

" เออ กูบอกว่ากูชอบมึง พูดจริงๆนะเว้ย " มือแกร่งตบที่บ่าของเพื่อนอย่างแรง

"มึงเนี่ยนะ....ชอบคนอย่างกู " ชินดนัยชี้นิ้วสลับกับตัวเอง

...พระเจ้า นี่มันบ้าอะไร...

"มึงแค่อกหักจน...เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ... "ชินดนัยพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นในอกของตัวเอง

" กูขอถามมึงหน่อย มึงใช่ไหมที่เป็นคนเชียร์พี่อาร์ตให้กู? " เจตน์ถามเสียงเรียบ

"เออ...อื้ม...กูนี่ล่ะ...ที่เชียร์" ชินดนัยพยักหน้ารับอ้อมแอ้ม

...เจ็บชิบหายก็เถอะ...

" มึงบอกว่าพี่เขาเป็นคนดี กูก็เลยลองคบดูก็แค่นั้น "เจตน์ยักไหล่ เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ

"กูก็อยากจะเห็นมึง มีความสุข..." หนุ่ม่างท้วมย้ำคำพูดของตนเอง

เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ " ทำไมมึงต้องคิดแทนกูด้วยวะ อ้วน กูที่อยู่กับมึงไม่ใช่คนดิบดีอะไร มึงก็ยังรับกูมาได้จนทุกวันนี้ ไม่ว่ากูจะไปหาใครสุดท้ายกูก็ต้องกลับมาหามึงไม่ใช่รึไง? "

"ก็เพราะกุชอบมึง...เหมือนกัน" ชินดนัยตอบเสียงเบา

เจตน์เลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปหาอีกฝ่าย
" มึงว่าอะไรนะ?? "

"โอ้ย...แล้วมันจะมีไอ้บ้าหน้าไหนที่ทนมึงได้ขนาดนี้วะ...กูชอบมึง ไม่ชอบมึงกูก็ไม่ทนคบกับมึง ดูแลมึง แบบนี้หรอกโว้ย" ชินดนัยเองเมื่อได้ยินอีกฝ่ายระบาย ทีนี้มันก็ถึงเวลาของเขาต้องระบายออกมาบ้างแล้ว
"แต่มึงดูกูซิ่...อ้วนฉิบหายแบบนี้ หล่อก็ไม่หล่อ พ่อก็ไม่รวย... ไม่มีอะไรดีเลย ...ก็จะกล้าเสนอตัวเองเรอะ กูก็ต้องเสนอคนที่กูคิดว่าดีเด่ะ"

" แต่มึงก็มีแฟนแล้วนี่? นี่คงนอนด้วยกันแล้วใช่ไหม? เขาถึงเกาะมึงแจแบบนี้?? "
เจตน์เองก็โวยวายใส่อีกฝ่าย ความรู้สึกที่เขาอึดอัดมาตลอดหลายชั่วโมงที่กลายเป็นส่วนเกินถูกระบายออกมา

"เออ... วันนั้นกูเมา...เห็นมึงกลับไปทำดี กับพี่เขานั่นล่ะ กูเลยเมาเละ...ตื่นมาอีกที ก็เป็นแบบนั้นแล้ว..." ชินดนัยเดินไปพิงรั้วข้างทาง รู้สึกเหมือนกับว่าขาไม่มีแรง ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

....เอ้อ...กูเนี่ยละน้า....

" นั่นกูก็ผิดเอง..ที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ช่างเถอะ กูแค่อยากจะบอกมึงก็เท่านั้นเอง " เจตน์ว่าก่อนจะปากระป๋องเบียร์ลงถังขยะ
" กูกลับห้องนะ "

"งั้นก็เป็นกูเองที่ไม่ได้บอกมึงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้" ชินดนัยเองก็ปากระป๋องเบียร์ไปลงถังเหมือนกัน ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป
"แล้วมาบอกกันตอนนี้...พวกเราจะทำอะไรได้วะ"

" ที่กูควรทำกูก็ทำแล้ว .. ที่เหลือก็แล้วแต่มึง " นิ้วเรียวจิ้มที่อกของอีกฝ่ายเบาๆ

"ไม่รู้ว่ะ" ชินดนัยยักไหล่
"ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ กูเอง คนตอบมึงได้ทันทีทันควันเลยที่บังเอิญมาใจตรงกันแบบนี้...แต่ตอนนี้...กูก็ลูกผู้ชายคนนึงเหมือนกัน... ขอกูคิดดูก่อนก็แล้วกัน" ชินดนัยว่าพลางยิ้มให้กับอีกฝ่าย ไม่ได้รู้สึกสบาย และแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์มากจนเกินไปนัก...เพราะอย่างน้อยที่สุดแล้ว พวกเขาก็คิดตรงกัน

" อืม กูเข้าใจ ..วันนี้มึงนอนคิดไปเถอะ กูจะกลับห้องแล้ว "ริมฝีปากได้รูปนั้นยิ้มให้อีกฝ่าย มือแกร่งขยี้ผมของชินดนัยเบาๆแล้วเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ

"เออ...เจอกัน" ชินดนัยโบกมือใหกับอีกฝ่าย พลางยิ้มออกมาเหมือนกัน

=================

"เอ่อ..... Hi" ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่มองซ้ายขวา หาคนช่วยบอกให้รู้ทีว่า คนตรงหน้าของเขาคือใคร...เมื่อหาไม่ได้ เอริค จึงเอ่ยทักออกไป

...หน้าตาแบบนี้...

"What can I help you,Mister?"

หนุ่มลูกครึ่งผมสีเข้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินลงบันไดมา

...ฝรั่ง ผมสีเข้ม ...แฟนคุณวิน?..

" Where is he?.. I mean Khun Tawin"

"Urr... He's upstairs...taking a rest, you know the jet lack stuff."เอริค ยิ้ม ก่อนจะเดินลงมาหาอีกฝ่าย มือของนักดนตรีหนุ่มยื่นไปทักทาย

"I'm Eric. I'm Tawin's friend from New York. Nice to meet you."

" Boyfriend? " คิมหันต์ถามย้ำออกไป ดวงตาสีนิลจ้องกับอีกฝ่ายนิ่ง มือแกร่งจับกับมืออีกฝ่ายเป็นการทักทาย

".........." เอริค ทำหน้าไม่ถูกเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกคนที่เพิ่งจะเคยเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกถามแบบนี้
"If that's what you'd like to call." เอริค หัวเราะออกมาเบาๆ


(ขอปรับเป็นโหมดภาษาไทยนะคะ เพราะว่าคุยยาวมาก)


" คุณวินบอกผมว่าคุณเป็นแฟนเขา เมื่อวานนี้ " คิมหันต์ตอบกลับมา
" ผมคิมหันต์ เป็นน้องชายบุญธรรมของเขา "

"คิมหันต์?...โอเค ผมเข้าใจแล้ว" เอริคยิ้ม
"ผมได้ยินเรื่องของคุณมาบ้าง...ดีใจ ที่ได้พบตัวจริงเสียที" ชายหนุ่มว่า ก่อนจะหันไปมองที่โซฟาแล้วหันมามองหน้าของอีกฝ่าย
"ผมรู้ว่า ผมไม่ใช่เจ้าของบ้าน ...ไม่ได้อยู่ในสถานะ...แต่...ผมว่าเรานั่งกันดีกว่า" ว่าพลางก็ผายมือไปพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา

" คุณวินคงไม่ชวนคุณทำอะไรแผลงๆหรอกนะครับ " คิมหันต์นั่งลงที่โซฟา

"ครับ?" เอริคหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก

...พามานี่ยังแผลงไม่พออีกหรือ?...

" ไม่มีอะไรหรอกครับ " คิมหันต์หัวเราะออกมาเบาๆ
" ดูเหมือนคุณวินจะเปลี่ยนไป..ในทางที่ดีขึ้นนะครับ "

"เหรอครับ...อาจจะเป็นเพราะการไปอยู่ต่างประเทศคนเดียว...มันอาจทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป " เอริคพูด ถึงจะรู้ว่า บางส่วนที่เปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะตัวเอง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา

" เอาแต่ใจมากไหมครับ  เวลาอยู่กับคุณน่ะ? "คิมหันต์เองก้อยากรู้ว่าเอริคทำยังไงธาวินถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้

"อืม...ยังไงดีล่ะครับ...จะว่าแบบนั้นก็ใช่" เอริคหัวเราะนึกสงสารคนที่นอนอยู่บนบ้านไม่น้อย ที่กำลังโดนพูดถึงตอนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องแบบนั้น

" แล้วตอนนี้กำลังทนอยู่หรือเปล่าครับ? ผมแปลกใจมากนะที่คุณวินพาคุณมาอยู่บ้านใหญ่แบบนี้  " คิมหันต์สบตาเอริคอย่างต้องการจะค้นหาความจริง
" แสดงว่าเขากำลังจริงจังกับคุณมากนะครับ "

"ความสัมพันธ์ของเรา...มันอาจจะเรียกได้ว่าผ่านช่วงที่ดี และ ช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว...จากนี้ไปมันกำลังจะเริ่มต้น..."เอริคยิ้มพลางประสานมือเข้าหากัน
"ผมคิดว่าผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไง...เขาถึงได้พาคนแบบผมมาในที่ของเขาแบบนี้" ชายหนุ่มว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามของคฤหาสน์ตระกูลดัง 

"คุณคิดแบบนั้น เหรอครับ " หนุ่มลูกครึ่งประสานมือตนเองลงกับตักแล้วพังพนักเก้าอี้โซฟา เขามองดูชายหนุ่มชาวอเมริกันร่างสูงใหญ่คนนี้นิ่ง

"ใช่ครับ "เอริคตอบกลับไปทันที

คำตอบที่ได้รับจากเอริคทำให้คิมหันต์ยิ้ม
 " จากนี้ไปต้องฝากให้คุณดูแลพี่ชายของผมด้วย "

"คุณไว้ใจผมได้เลย... " เอริคตอบพลางยิ้ม ต่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องพูดเขาก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

=================

" นั่งนินทาอะไรกันๆ " เสียงใสของคนที่เดินบันไดลงมาดังขึ้น พลางเปิดปากหาว

"กำลังคุยเรื่องคุณน่ะ" เอริคหันไปยิ้มให้กับคนที่เดินลงมา

" อ้าว ทำไมไม่พาคุณอารยะมาด้วยล่ะ? " ธาวินแซวน้องชายบุญธรรมพลางนั่งลงข้างๆเอริค

คิมหันต์ยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ ก่อนจะเอ่ยถาม
" มาคนเดียวครับ ว่าแต่ คุณวินมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ? "

" ไปนิวยอร์กับฉันไหม? " ธาวินพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาตั้งใจจะให้เอริครับรู้ด้วย
" ตอนนี้เราต้องการฝ่ายประสานงาน มาคิดดูแล้วคนที่เก่งการเจรจาอย่างนาย ฉันคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว "

........นิวยอร์ก........

คิมหันต์นิ่งไปทันที ใช่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลย แต่ตอนนี้...

" ผม................. คงต้องคิดดูก่อน "

เอริค นั่งฟังการพูดคุยของทั้งสองคนไปเงียบๆ...

....ท่าทางจะเชื่องแล้ว อย่างที่ว่านะ...

" อย่านานละ เอริคจะโปรโมทเพลงที่เมืองไทยนี่อาทิตย์นึง ฉันจะอยู่แค่อาทิตย์เดียวนะ "
ธาวินหันไปทางเอริค เมื่อนึกขึ้นได้ “ พรุ่งนี้จะไปยังไงน่ะ ให้คนรถไปส่งไหม? ”

"เอ่อ... แจ๊คบอกว่า เดี๋ยวจะส่งรถมารับ..."เอริคว่าพลางพยายามนึกถึงสิ่งที่ผู้จัดการของเขาบอก ก่อนที่จะแยกกันหลังจากที่เขาขอตัวออกมาจากโรงแรมที่ทุกๆคนพัก
"ซัก....9โมงมั้ง"

" โอเค.... ไว้จะแวะไปดู " ธาวินแตะมืออีกฝ่ายไว้เบาๆแล้วยิ้มให้ ภาพรอยยิ้มอย่างมีความสุขชนิดที่คิมหันต์ไม่เคยเห็นทำให้เขาต้องยิ้มตาม

" ผมเข้าไปในครัวหน่อยดีกว่า ตามสบายนะครับ " พูดจบก็ปลีกตัวเข้าไปในครัวของบ้าน นานแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่เลย คงนานพอๆกับที่ธาวินไปนิวยอร์ก

"เขาก็ดู...อืม...นิสัยดีนะ...แต่...รู้สึกว่าจะตรงๆ กว่าผมที่เป็น อเมริกันเสียอีก"เอริคว่าพลางหัวเราะออกมาเยา ๆ

" ก็ดีขึ้นเยอะ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยละ " ธาวินยิ้มอย่างดีใจที่น้องชายของเขาเปลี่ยนไปเสียที

"ท่าทางเขาจะเป็นห่วงคุณมาก"

" ก็เขาเป็นน้องชายนี่ ... นี่ หึงใช่ไหม? " ธาวินเปลี่ยนมานั่งที่ตักของอีกฝ่าย นิ้วเรียวจิ้มที่ปลายคางคนตัวโตกว่าเบาๆ

"ผมเชื่อคุณ"เอริคตอบสั้นๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ
"หรือคุณไม่"

" จนขนาดนี้แล้วนะ ... ฉันให้นายเต็มร้อยอยู่แล้วล่ะ  " ริมฝีปากบางแตะกับเอริคเบาๆ แล้วละออกมา

"นั่นล่ะ "เอริคว่าพลางทำนิ้วเหมือนปืนยิงไปที่อีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่

=================

หนุ่มลูกครึ่งกลับมาที่คอนโดของตนเองในเวลาที่ค่อนข้างดึกพอสมควร กว่าธาวินและพ่อบุญธรรมของเขาจะปล่อยตัวมาก็แทบจะเรียกได้ว่าโดนซักเสียสะอาดเลยทีเดียว เพราะนานมากแล้วที่คิมหันต์ไม่ได้กลับไปที่บ้านใหญ่เลย
มือแกร่งกดออดที่หน้าห้องตนเอง

"กลับมาแล้วเหรอ" บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างบางของอารยะ ใบหน้าสวยนั่นมีผ้าพันแผลปิดอยู่

" อื้ม กลับมาแล้ว " คิมหันต์ตอบก่อนจะชูถุงของกินแล้วยื่นให้อีกฝ่าย " ถ้ากินอะไรแล้ว ค่อยเก็บไว้กินพรุ่งนี้ "

อารยะยิ้มพลางรับถุงมาจากอีกฝ่าย
"ฉันเอาไปเก็บให้ "

" นี่..อาบด้วยกันไหม? " คิมหันต์ถามออกมาลอยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

"...เอ่อ... "อารยะค่อยเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน "ก็กะว่าจะอาบ เหมือนกัน "
ชายหนุ่มว่าพลาง ปลดกระดุมเสื้อออก

=================

หนุ่มลูกครึ่งเดินไปเปิดน้ำลงในอ่างก่อนจะเข้าไปในโซนเปียก เปิดฝักบัวรดศีรษะแลัวถอนหายใจออกมา

"เป็นอะไร... " เสียงนุ่มของอารยะ ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ ร่างบางมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กพันกาย

" เข้ามาสิ " เสียงสะท้อนภายในห้องน้ำ มือแกร่งเสยผมที่เปียกอยู่ของตนไปไว้ด้านหลัง

อารยะมองภาพนั้นนิ่งก่อนจะเสมองไปอีกทาง นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่ได้เห็น ร่างกายสมส่วนของอีกฝ่ายแบบนี้

" อาบให้หน่อยได้ไหม? " คิมหันต์เอ่ยขอเมื่อเห็นอารยะยังคงอยู่ที่เดิม

"อ่ะ...อื้ม เดี๋ยวจะถูหลังให้ก็แล้วกัน" อารยะตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินประโยคนั้น พลางเดินเข้าไปอยู่ใต้สายน้ำเช่นเดียวกับอีกฝ่าย มือเรียวไล้เบาๆบนแผ่นหลังขาวกว่าคนเอเชียทั่วไปอย่างเขา ก่อนจะหยิบสบู่ขึ้นมาไล้เบาๆ จนเกิดฟอง
"มีอะไรรึเปล่า... ดูนายไม่สบายใจเลย"

" พอดี มีอะไรที่ต้องคิดน่ะ " คิมหันต์จับมืออีกฝ่ายให้เปลี่ยนเป็นกอดเขาไว้จากด้านหลัง 
" ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้อยู่กับนาย ก็คงไม่ได้ต้องคิดมากขนาดนี้ "

มือเรียวของชายหนุ่มละออกจากผิวกายของอีกฝ่าย คำพูดของคิมหันต์ทำให้เขาแปลกใจ..และความรู้สึกเจ็บลึกๆภายในอกที่คงเรียกได้ว่าคืออาการน้อยใจ
"ฉันทำให้นายลำบากใจเหรอ..."

คิมหันต์หันหลังไป แล้วใช้มือทั้งสองข้างล้อมกรอบร่างนั้นไว้ " นาย........... "
หนุ่มลูกครึ่ง ทำท่าจะพูดออกมาแต่ก็กลับปล่อยมือเสีย ร่างสูงของคิมหันต์ลงไปในอ่างอาบน้ำที่เปิดน้ำไว้จนเต็ม

"ขอโทษนะ.." อารยะเบือนหน้าไปอีกทาง จัดการอาบน้ำตัวเองจนเสร็จ ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่รออีกฝ่ายเลย

=================

อารยะนั่งอยู่บนเตียงโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว เขาไม่ได้คิดจะเช็ดผม หรือตัวเองให้แห้ง ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขาเป็นกังวล ยิ่ง มีเรื่องของธาวินคนนั้นด้วย มันทำให้รู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก

"หรือว่าเขาจะกลับไปคืนดีกัน... ธาวินกลับมาเพราะเรื่องนี้เหรอ?"

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น คิมหันต์เดินมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวแห้งๆ เช็ดผมให้เบาๆ
" ..นายย้ายมาอยู่ที่นี่ไหม อาร์ต? "

"เอ๊ะ?... "

" ฉันถามว่า นายจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า? " ดวงตาสีนิลสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ดวงตาคู่สวยแบบชาวตะวันตกนั้นมองใบหน้าสวยของคนรักนิ่ง สายตาที่ปรารถนาให้อารยะมาอยู่ข้างๆ..

"ก็...ถ้านายอนุญาต ฉันก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคนที่ฉัน.... รัก" อารยะตอบใบหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มให้กับอีกฝ่ายแดงระเรื่อ

คิมหันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งชันเข่าลงตรงหน้าอารยะ แล้วจูบเบาๆ
" เคยไปนิวยอร์กไหม? "

อารยะหัวเราะออกมาเบาๆกับคำถามนั้น
"ไม่เคย...ถามทำไม"

" ฉันก็ไม่เคยไป " มือแกร่งไล้กับผิวแก้มที่ยังแดงระเรื่อนั้นเบาๆ
ท่าทางของอีกฝ่ายนั้นแปลกไป ..."มีอะไรล่ะ... บอกมาซิ่"อารยะว่าพลางเอียงคอลงรับสัมผัสอุ่นนั้น

" ถ้าไปที่นั่น ก็อาจจะได้ใช้ความสามารถมากกว่านี้ก็ได้ .. คุณวินบอกมาแบบนั้น .. เขาอยากให้ฉันกลับไปกับเขาด้วย "

"ไปไหน....นิวยอร์คเหรอ?" คิ้วเรียว ขมวดเข้าหากันแทบจะทันที

" ไปทำงานที่สาขานิวยอร์ก "คิมหันต์สบตากับอีกฝ่ายนิ่ง นิ้วเรียวยังไม่หยุดไล้กับผิวแก้มนั้น

...นิวยอร์ค....

....ธาวิน…

ใบหน้าสวยของอารยะส่ายรัว มือเรียวจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

".....ไม่......"

.....ไม่ให้ไป....
.....จะกับใคร...
...จะที่ไหน....


....อย่าไปเลย.....

ดวงตาคู่สวยมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ราวกับกำลังอ้อนวอน
"นายจะทิ้งฉัน...ใช่ไหม?"

" หรือจะไปด้วยกัน? " คิมหันต์ถามกลับมาเบาๆ

คำชวนนั้นทำเอาอารยะต้องเงียบไปชั่วอึดใจ

"ฉันจะไปทำอะไร...เขาไม่ได้จะมาเชิญฉันไปด้วยนี่" ร่างบางยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว
"เขาแค่กลับมาพานายไป...ตอนที่ฉัน...."ริมฝีปากบางพูดขึ้นชิดกับผิวบนไหล่ของอีกฝ่าย

"รักนายแล้ว"

คิมหันต์กอดอีกฝ่ายแน่นเมื่อได้ยินคำรักของอีกฝ่าย
" ถ้าเป็นที่นั่น เราจะจูงมือกัน จะจูบกันกลางถนน จะไม่มีใครสนใจทั้งนั้น "

"..............แต่มีเขาอยู่" เสียงอารยะพูดออกมาเบาๆ

" เขาเป็นพี่ชายฉัน แล้วก็มีแฟนที่จริงจังกันมากด้วย " คิมหันต์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่นานๆจะได้เห็นจากอารยะ

"แต่พวกนายก็กอดกันแบบนั้น... " อารยะยังไม่ยอมปล่อย มือ
"ไม่เอา ไม่ให้ไป...นะ "

" ฮะ ฮะ ฮะ .. อ้อนเป็นเด็กๆเลยนะเนี่ย " มือแกร่งลูบผมที่ยังชื้นของอีกฝ่ายไปมา เมื่อเห็นท่าทางอ้อนเป็นเด็กๆแบบนั้น

"ไม่รู้ล่ะ ไม่ให้ไป " อารยะขยับตัวมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะเอ่ยย้ำ
"ไม่อยากให้นายไป...ได้ยินรึเปล่า "

" ได้ยินแล้ว... งั้น นายต้องไปบ้านใหญ่กับฉันนะ "

เมื่อได้ยินแบบนั้น อารยะกลับถอยออกมา ดวงตากลมโตมองใบหน้าคมอย่างแปลกใจ ความร้อนตีแผ่ขึ้นมาบนใบหน้าจนปิดไม่อยู่
"เกี่ยวอะไรล่ะ... " ทั้งๆที่รู้ความหมายดี  แต่ใจเต้นระรัวเสียจน บรรยายไม่ถูก

" คุณวินดื้อจะตาย ถ้านายไปบอกเขาเองว่า รักฉันมากจนไม่อยากให้ไปไหน เขาอาจจะฟังบ้างก็ได้ "นิ้วเรียวจิ้มปลายจมุกโด่งนั้นเบาๆ

"ยังมีดื้อกว่านี้อีกเหรอ... " อารยะ หัวเราะเบาๆ

" ใช่ " คิมหันต์หัวเราะกลับมาก่อนจะดันอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียง " ดื้อกว่านายแน่ๆ "

"ฮ่ะๆ...พวกดื้อเหมือนกันอาจจะพูดกันรู้เรื่องก็ได้นะ" มือเรียวกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ

" ก็ลองพูดดูสิ " คิมหันต์ก้มลงจูบอีกฝ่ายเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างมีความหมาย มือแกร่งกระตุกปมผ้าผืนขนหนูที่ปกผิดร่างกายของอารยะออก ก่อนจะปิดไฟที่หัวเตียง

=================

talk : ไม่ได้อัพนานเลยนะคะ นานจนคนอ่านลืม  o18 อิ อิ
หยุดยาวนี้ท่านผู้อ่านทั้งหลายไปเที่ยวไหนไหมคะ ที่นี่เองก็ฝนตกแทบทุกวันเลย อยากไปออกทริปไกลๆบ้างจัง
ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
อา..... คิดถึงเอริคจัง....  :hao5:

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=31=

พวกเขาแวะซุปเปอร์ที่ไม่ห่างอพาร์ตเมนต์ของชินดนัยมากนัก และเจตน์เองก็หยิบนั่นหยิบนี่มาใส่ตะกร้าที่ชินดนัยถือย่างเอาแต่ใจเหมือนทุกครั้ง

"หยิบมาเนี่ย จะให้ทำไรให้กินวะ...  แล้ว...มึงจ่ายใช่ป่ะ"ถามพลาง ก็หยิบเอาของออกจากตะกร้าส่งต่อให้ แคชเชียร์คิดเงิน
และคำตอบของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็คือธนบัตรใบใหญ่ของเขาถูกจ่ายออกไป ราวกับเป็นคุณชายที่มากับผู้ติดตาม เช่นเคย ที่ชินดนัย เป็นคนถือถุงชอปปิ้งคนเดียว

...จะหาคนรับนิสัยมึงได้เนี่ย ยากนะเว้ยไอ้ตี่...
 
ชินดนัยบ่นในใจ แต่ก็ยอมหอบหิ้วถุงชอปปิ้งไปจนกระทั่งถึงอพาร์ตเมนท์ของตัวเอง


===================
ชายร่างท้วมลงมือ ทำอาหาร จากวัตถุดิบที่ซื้อออกมาได้เป็นอาหารสามถึงสี่อย่าง ทั้งของทอดของต้ม ของผัด แทบจะเรียกได้ว่า ครบทุกหวาดหมู่

เบียร์ที่ถูกแช่ในตู้เย็นจนเย็นเฉียบถูกโยนให้กับแขกที่ไม่ได้มาเยือนเสียพักใหญ่อย่างเจตน์
"เอ้า แดกซะ..."

" เจ๋ง! " ชายหนุ่มเขย่าเบียร์ก่อนจะเปิดกระป๋อง ออก และเบียร์ก็พ่นใส่หน้าตัวเอง
" เฮ้ย! " มือแกร่งเช็ดเบียร์ที่หน้าตัวเองอย่างเคืองๆ " ไรวะเนี่ย? "

"อะไร เล่า...แล้วมึงไปเขย่ามันทำไม...." ถึงปากจะบ่นๆ แต่ก็เดินไปหาผ้าขนหนูมายื่นให้กับอีกฝ่าย

ชินดนัยเป็นคนเดียวที่ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าเวลาที่เขาทำตัว"ตามสบาย"แบบนี้ เป็นเพื่อนแท้ที่รับนิสัยแย่ๆของเจตน์ได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น หนุ่มผมสีน้ำตาลทองจึงสามารถ เอาแต่ใจ ได้ทุกอย่างเวลาอยู่กับเพื่อนคนนี้

"เออนี่ ...สรุปงอนกูเรื่องไรอีกวะ.... "  ชินดนัยว่าพลางคีบลูกชิ้นหมูสับที่ปั้นเองกับมือเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ถึงจะบอกว่า ชอบอีกฝ่ายไป แต่มันก็ไม่ได้ มีอะไร เปลี่ยนแปลงซักเท่าไร นอกจากความรู้สึกที่มันไม่ต้อง อัดอั้น อะไรอีกต่อไปก็เท่านั้น

" ว่าแต่แฟนมึง เขาไม่อยู่รึไง? "  เจตน์เลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามนั้น ด้วยการเปลี่ยนเรื่อง

"เอิร์นไม่อยู่ ส่งข้อความมาบอกว่าไปฮ่องกง สามอาทิตย์แน่ะ" ชินดนัยถอนหายใจออกมาเบาๆ หญิงสาวรูปร่างบอบบางคนนั้น บางครั้งสุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยดี ทำให้เขาต้องเป็นห่วง และคอยถามไถ่อยู่เสมอ

" อ้อ..เรอะ เดี๋ยวนี้เรียกซะสนิทเลยนะ ไม่เบานี่หว่าไอ้อ้วน " น้ำเสียงของเจตน์ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

"...ก็เรียกมาพักนึงแล้ว... เขาก็เป็นคนดีนะ " พูดไปพลางก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
"ทำกับข้าวอร่อยด้วยเนี่ยซิ่"

" ช่วงนี้กูว่างๆ จะมาอยู่เป็นเพื่อนละกัน "เจตน์ว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เสียงก๊อกน้ำถูกเปิดออกเพื่อล้างหน้าที่เลอะเบียร์

ชินดนัยมองตามไปบางอย่างในใจ บอกให้รู้ว่า เพื่อนกำลังไม่พอใจเรื่องบุคคลที่เขาเพิ่งจะกล่าวถึง
"งอนเรื่องกูกับเอิร์น หรือไง" เสียงเพื่อนร่างท้วมตะโกนถาม

" ไม่ได้งอนโว้ย! "เสียงห้าวตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

"โวยวายแบบนี้ มึงนี่โคตรเข้าใจง่ายเลยว่ะ..." หนุ่มร่างท้วมหัวเราะจนพุงขยับ

ถึงจะบอกว่าชอบไป แต่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อน เขามีคนที่อยากจะดูแลอยู่ แต่ถ้าจะปล่อยเจตน์ออกไป ทั้งๆที่ เป็นแบบนี้ มันก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย

....คนที่จะมาดูแลมึงต่อจากกู โคตรน่าสงสารเลยว่ะ…

อาหารมื้อใหญ่ถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเบียร์ และขนมขบเคี้ยว ดูท่า ทั้งเจตน์และชินดนัย จะดื่มกินกันด้วยลืมไปเลยว่า วันรุ่งขึ้นก็ยังมีงาน ต้องทำกันอีกมาก การใช้ชีวิตเหมือนกับย้อนไปสมัย มหาวิทยาลัยดูท่าจะเพิ่งเริ่ม

===================

เจตน์แทบจะหอบผ้าผ่อนย้ายมาอยู่บ้านชินดนัย เพียงเพื่อจะดื่ม และ กิน อาหารฝีมือเพื่อนร่างท้วม ตลอดสองสามอาทิตย์
และแทบจะทุกคืนที่ชินดนัยต้องได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากฮ่องกงของอิสราภรณ์ ซึ่งเจตน์จะเดินเลี่ยงไปทันที

"เป็นยังไงบ้าง ทางโน้น งานหนักรึเปล่าครับ" ชินดนัยเอ่ยถาม นึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่ปลายสาย

" เดี๋ยวก็จะได้กลับแล้วล่ะค่ะ มีเรื่องจะบอกคุณด้วย " อิสราภรณ์บอกเสียงแผ่วใฝนประโยคสุดท้าย

"เรื่อง?....บอกผม...อะไรเหรอครับ" ชินดนัยหัวเราะออกมาเบาๆ

" ไว้กลับไปบอกดีกว่าค่ะ  " หล่อนยังคงตั้งใจจะเก็บไว้เซอร์ไพรซ์อีกฝ่าย " อาทิตย์หน้าเจอกันนะคะ "

"ครับ...ได้ครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน...ให้ผมไปรับไหมครับ คุณไปกะทันหัน ผมไม่ได้ไปส่งเลย" ชายร่างท้วมเสนอตัว

--ปัง--

เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดอย่างไม่พอใจ

เสียงบานประตูที่ปิดลง ทำให้อดที่จะมองตามไม่ได้ มืออวบยกขึ้นเกาหัว

...เป็น...ห่า อะไรของมันอีกวะ....

"เอ่อ...เอิร์น...สรุปให้ผมไปรับ ได้ไหมครับแต่ถ้าคุณอายท่าประธาน...กับ..คนอื่นๆ ก็ไม่เป็นไรนะครับ...."

" ไม่มีอะไรต้องอายนี่ มารับสิคะ .. เอิร์นจะรอที่สุวรรณภูมินะ "หญิงสาวตอบกลับมาพลางหัวเราะ

"ฮ่ะๆ..อย่างนั้นค่อยโล่งอกหน่อย..ขอบคุณครับ แล้วผมจะไปรอนะครับ" ชายหนุ่มร่างท้วมหัวเราะออกมาเบาๆ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่ คนที่ดึงดูดใครอะไรเท่าไร ตัวไม่สูง แถมยังอ้วนตุ้มตุ้ยแบบนี้อีก...

....กลัวว่า คนที่เดินข้างๆจะอายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา...

===================

เสียงประกาศดังก้องทั่วบริเวณกว้าง พร้อมกับเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ทั้งคนไทย ทั้งคนต่างชาติ ทั้งคนที่เพิ่งกลับมาถึง และ คนที่มายืนรอรับ

ชายหนุ่มร่างท้วม ยืนรออยู่ที่รอผู้โดยสารขาเข้า หันซ้ายมองขวาดูตื่นเต้นอยู่ไม่สุข
"อ๊ะ เอิร์นครับ ทางนี้ ครับทางนี้"

หญิงสาวเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโต หากชุดสูทราคาแพงกับผ้าพันคอยี่ห้อดังที่สวมอยู่ถูกเปลี่ยนเป็นเป็นยูนิฟอร์มของแอร์โอสเตสที่เดินลากกระเป๋าอยู่ด้านหน้าแล้ว อิสราภรณ์คงจะกลมกลืนกับพวกหล่อนไม่น้อย

หล่อนยิ้มให้คนที่มารับ ท่ามกลางสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นที่มองหาชายหนุ่มผู้โชคดี
" รอนานไหมคะ? "

"อ่า ไม่ครับ ไม่นาน..." ชายหนุ่มเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมืออวบไปคว้ากระเป๋าของหญิงสาว
 "มาครับ ให้ผมช่วยดีกว่า "

" เราไปหาอะไรกินก่อนดีไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณด้วย " อิสราภรณ์มองดูท่าทางของอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากชวน

"ครับ...ไปหาอะไรกินแถวนี้ ก็แล้วกัน... เดินทางมาเหนื่อยๆด้วย"  ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะรีบ พาอีกฝ่ายเดินไปที่ ประตูทางออก พลางโบกรถแท็กซี่

===================

ไม่นานนัก ทั้งสองคน ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ร้านอาหารแบบครอบครัวภายในห้างสรรพสินค้า คือร้านที่ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าไปนั่ง และหลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อย อิสราภรณ์ก็เอาแต่มองหน้าของหนุ่มร่างท้วมที่เธอกำลังคบหาอยู่

"ม...มีอะไรหรือเปล่าครับ มองหน้าผมแบบนั้น...หน้าผม...มีอะไรติดอยู่รึคเปล่า " ด้วยคิดว่าคงเผลอกินเปรอะเปื้อนเข้าให้ ชินดนัย รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดอย่างรวดเร็ว ปากก็บอกขอโทษๆ ไปเรื่อย

หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา " เปล่าหรอกค่ะ .. คือว่า..  "
เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง


" เอิร์นกำลังจะมีเด็กน่ะค่ะ "


"..............................................." ใบหน้าอวบอูมของชินดนัย เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยิ้มเสียทีเดียว ในแววตามีคำถามอย่างเห็นได้ชัด
"ครับ? "

" ชิน..อยากจะให้เอิร์นทำยังไงกับเด็กคะ? "หล่อนถามออกมาตรงๆ

"เด็ก....ลูกของผม...ทำยังไง...ก็...ก็ต้องรับผิดชอบซิ่ครับ" ชินดนัย เอ่ยออกมาจริงจัง ขยับร่างนั่งตรง

" ชิน? "น้ำเสียงและท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวแปลกใจไม่น้อย เธอเคยคิดว่าเขาอาจจะไม่ต้องการลูกตอนนี้
แม้จะรู้สึกตกใจ แต่สติ ก้ฒีพอจะเรียบเรียงได้ว่า อิสราภรณ์ใช่ผู้หญิงที่เที่ยวไปกับใครได้ และตลอดเวลา ที่คบหากันมา เธอก็ดูจะอยู่กับเขาโดยตลอด ชินดนัยสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง

...แล้วเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ จะให้เขาทำอย่างไรได้...

"ให้ผม..ได้รับผิดชอบ...เด็กคนนี้ จะได้ไหมครับ"

" แต่ถ้าคุณไม่พร้อม.. " หล่อนพยายามจะทักท้วง เลขาสาวไม่อยากให้เรื่องเด็กทำให้ชินดนัยต้องมารับผิดชอบเธอไปทั้งชีวิตหากว่าระยะเวลาในการคบกันยังไม่อาจทำให้แน่ใจได้

"แล้วเอิร์นจะทำเขาลงเหรอครับ..." ชินดนัยเอ่ย เขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร  ชายหนุ่มเอ่ยถามไปตามตรง

" ถ้าจำเป็น.. "   คราวนี้อิสราภรณ์กลับเป็นฝ่ายก้มหน้าลงเสียเอง " ถ้าคุณหรือฉันไม่พร้อม.. "

"ผมพร้อมจะรับผิดชอบ...ไม่อย่างนั้นผมคงไม่พูดออกไป คุณเป็นคนดี แต่ถ้าคุณคิดว่ามันจะทำให้คุณต้องอยู่กับคนแบบผมตลอดไปล่ะก็.... ผมก็จะไม่ห้าม ร่างกายของคุณ การตัดสินใจของคุณ ผมย่อมเคารพอยู่แล้ว "

" ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ! "หญิงสาวรีบบอก ก่อนจะถาม 
" แต่คุณอยากจะอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตรึเปล่าคะ  เราเองเพิ่งจะคบกันไม่นาน " เธอยิ้มให้กับคนตรงหน้า
" ฉันชอบคุณมาก แต่ก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้ เป็นพันธะที่ต้องผูกติดคุณเอาไว้กับฉันหากว่าคุณไม่ต้องการ "

"ผมก็ชอบคุณมากเหมือนกัน...." ชายหนุ่มเอ่ย แม้เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็เอ่ยออกมาดังเพียงพอที่จะยืนยัน  "และผมก็ยินดี ที่จะรับผิดชอบพวกคุณทั้งสองคน"
พลันในใจนึกถึงใบหน้าของเพื่อนรัก ถ้าเจตน์รู้เรื่องนี้เข้าจะเป็นอย่างไรนะ ช่วงหลังๆ ก็มักจะอารมณ์เสียแปลกๆอยู่เสมอ เดาใจไม่ค่อยได้

แต่...เขากำลังจะเป็นพ่อคน...กับผู้หญิงที่ดีที่สุดคนหนึ่ง..หมอนั่นเองก็ควรจะยินดีกับเขาด้วยไม่ใช่หรือไงกัน

"เอิร์นครับ..." ชายหนุ่มฉวยมือเรียวของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้
 "...คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหมครับ?"

" ชิน? "อิสราภรณ์เรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆแล้วยิ้มให้ทั้งน้ำตา
" ดูแลเอิร์นกับลูกด้วยนะ "

"ครับ ผมจะดูแลพวกคุณเอง " ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆ ความชื้นที่มือด้วยความตื่นเต้นของตนเองนั้นยังคงมีเช่นทุกครั้ง หากแต่ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่ปล่อยมือของหญิงสาวคนนี้อีกต่อไป .. ตลอดชีวิต..

===================

talk : ดูวันที่อัพครั้งสุดท้าย หายไปนานมากเลย(ตั้งสองเดือน) ขอโทษด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะยังจำเรื่องได้อยู่ไหมนะ? ตอนนี้เจ้าชินกำลังจะเป็นคุณพ่อแล้วนะคะ แล้วเจ้าเจตน์จะทำยังไงล่ะ?! มาเอาใจช่วยทั้งคู่นะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันนะ
ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว คนอัพอาจจะบ้าพลังหน่อยนะคะ อัพทั้งเรื่องนี้แล้วก็เรื่องอื่นด้วย ขอให้สนุกนะคะ

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=32=

เพียงไม่นานหลังจากนั้น ข่าวของความสัมพันธ์ระหว่าง อิสราภรณ์ซึ่งเป็นหลานของท่านประธานกับชินดนัย ชายหนุ่มตัวอ้วนกลม ดูไม่ได้โดดเด่นอะไรจากแผนกเอกสาร ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วบริษัท

และแน่นอนว่ามันต้องเข้าหูเพื่อนสนิทอย่างเจตน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้ดูท่าหนุ่มร่างสูงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักในแผนกต่างประเทศ ดีที่ช่วงนี้งานที่เขารับผิดชอบจะค่อนข้างมากเลยทำให้เจตน์ขลุกอยู่กับงาน ไม่ยอมโผล่หน้าไปให้เพื่อนร่างท้วมได้เห็นตัวเลย

"อกหักจากฉันไม่เห็นจะโหมงานขนาดนี้..." เสียง อารยะเดินเข้ามาทัก คนที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำเอกสาร

" ผมไม่ได้อกหัก ก็แค่..งานเยอะ "เจตน์เงยหน้าจากกองเอกสารที่เขาต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ

ดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่มสบตาของอีกฝ่าย
"แน่ใจ? ได้ข่าวว่าเพื่อนนายไปแอบหมั้นหมายกับ หลานสาวท่านประธาน"

" ไม่รู้สิ .. ไม่ได้เจอหน้ามัน คงกำลังยุ่งๆมั๊ง " เจตน์ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อ ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่อดีตคนรักกำลังพูด

"ก็มัวทำงานอยู่แบบนี้ มันก็คงจะได้เจอหรอก "ว่าพลางก็ดึงเอาแฟ้มหนึ่งมาจากโต้ะของอีกฝ่าย
" เอามานี่ ช่วยทำอันนึง ...เสร็จงานแล้วก็ไปหาเวลาคุยกันหน่อยไป เพื่อนสนิทจะแต่งงานทั้งที"
"หมอนั่นคงอยากคุยกับนายเหมือนกัน" เสียงอารยะเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

" จะให้คุยอะไร .. มันก็เหมือนกับที่คนอื่นพูดกับมันล่ะวะ .. ตกถังข้าวสารถังใหญ่เลยนิ "เจตน์บ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปสูบบุหรี่บนดาดฟ้า

===================

บานประตูที่ดาดฟ้าค่อยเปิดออก เห็นร่างสูงของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยืนอยู่ ท่าทางหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ในมือมีบุหรี่ ที่กำลังไหม้ต่อไปเรื่อยๆ

"เห็นพี่อาร์ตว่ามึงอยู่นี่..." ชินดนัยเอ่ยขึ้น ก่อนจะปิดประตูดาดฟ้าไว้เบื้องหลัง

" ไม่ยักรู้ว่ามึงว่างพอจะมาโต๋เต๋ได้แถวนี้ " เจตน์ว่าก่อนจะพ่นควันมะเร็งออกมา เขาไม่หันไปมองคนที่ทักแม้แต่น้อย

"ก็แวบออกมาพักเบรก.... " ชินดนัยเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆอีกฝ่าย ไม่ได้หันไปมองหน้าเพื่อนร่างสูงเช่นกัน
"มึงโกรธ?"

เจตน์ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
" ท่านประธานคงหาตำแหน่งๆดีๆ รอไว้ให้มึงแล้ว  "

"กูไม่ได้ขอ... " ชินดนัยเอ่ย "กูไม่ได้คิดว่ากูจะตกถังข้าวสารหรืออะไร มันไม่ใช่เรื่องเงิน ... และถ้ามึงคิดแบบนั้นกูคงเสียใจ" ชินดนัยล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

" มึง..กำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว  " เจตน์ขยี้ก้นบุหรี่กับระเบียงไปมา
" กำลังจะเดินนำหน้ากูไป .. และไปอยู่กับอีกสังคมหนึ่ง ที่กูเข้าไม่ถึง "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองก้มหน้าลงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเท้ากับระเบียง

"มึงคิดว่าการที่กูจะแต่งงาน ทำให้กูจะเลิกคบมึงรึไง  " น้ำเสียงของชินดนัยเจือความไม่พอใจ มืออวบกระแทกเข้ากับไหล่ของอีกฝ่าย
"มึงคิดแต่แบบนี้ มึงจะเดินไปกับกูได้อยู่หรอก แต่มึงไม่ยอมก้าวออกไปเอง... มันไม่มีประโยชน์ ถ้าจะหยุดอยู่กับที่ "

...ถึงกูจะชอบมึง แต่ มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกต่อไปแล้ว...

เจตน์ขยับถอยออกมาจากอีกฝ่ายทันที มือแกร่งนั้นชี้หน้าอีกฝ่าย ใบหน้าได้รูปแสดงความไม่พอใจ
" ไม่ต้องมาสอนกู ! "
" แค่ทำผู้หญิงท้อง ก็กล้ามาสอนกูแล้วเรอะ! "ร่างสูงนั้นเดินลงจากดาดฟ้าไปแทบจะทันที

.
.
.


บุหรี่ที่ถืออยู่ในมืออวบของชายหนุ่มร่างท้วมถูกจุดขึ้นสูบ ดวงตาเหม่อมองออกไปยัง ท้องฟ้าด้านบน ควันสีขาวล่องลอยออกไป
"แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ.... ไอ้บ้าเอ้ย"

===================

ชินดนัยไม่ได้ เจอกับเจตน์อีกเลยตลอดบ่ายจนกระทั่งเลิกงาน ทั้งที่ตามปรกติ อย่างน้อยพวกเขาก็จะเจอกันบ้าง ในห้องพักของพนักงาน หรือเดินสวนกัน ในทางเดิน แต่ไม่ใช่วันนี้ อันที่จริงหากจะให้พูดถึง นับ ตั้งแต่ ข่าวคราวของการหมั่นหมายระหว่างเขากับอิสราภรณ์แพร่กระจาย ออกไป พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีกเลย

และเมื่อตอนเย็น กลับมาถึงห้องในอพาร์ตเมนท์กลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง ก็พบว่า ประตูห้องไม่ได้ล็อค มีรองเท้าคุ้นตาของเพื่อนสนิท ถอดอยู่หน้าประตู

"กลับมาแล้ว" ชินดนัยตั้งใจพูดเสียงดังๆให้คนที่อยู่ใน ห้องได้ยิน ชินดนัยเดินเข้าไปด้านใน เป็นอย่างที่คิดเพื่อนร่างสูงกำลังยัดเสื้อผ้าลงใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่อย่างลวกๆ
"คิดจะขนไปให้หมดภายในวันเดียวเลยรึไง?"

" เดี๋ยวให้แทกซี่มาเอา " เจตน์ไม่ยอมเงยหน้าจากการเก็บข้าวของแม้แต่น้อย เขาพยายามเก็บของทุกชิ้นที่เขาเอามาที่นี่
ร่างอวบท้วมของเจ้าของห้องทิ้งตัวลงบนโซฟา เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ

"กู...เป็นคนขอเขาแต่งงานเอง...ไม่อยากให้เขาฆ่าใคร...." ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"ไม่ได้จะทิ้งมึงไปหรอก...เพียงแค่ คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่กูจะต้องดูแล...คนอื่นด้วย"

" กูถึงควรจะรีบย้ายออก แล้วก็ รีบอยู่ให้ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพามึงแบบนี้ไง "ชายหนุ่มรูดซิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น

"แต่ที่มึงกำลังทำอยู่นี่...มึงคิดเหรอว่ามันทำให้กู....จะเดินต่อไปได้อย่างสบายใจ..." ชินดนัยเอ่ย
"มึงกำลังโกรธกูแบบ หัวฟัดหัวเหวี่ยง..แล้วมึงจะให้กูทิ้งมึงไปแบบ "เออ ช่าง ไม่สนแม่ง " ได้ไงวะ"

" ไม่ใช่แบบนั้น ... " เจตน์ถอนหายใจ
" กูเชื่อว่ามึงต้องเป็นพ่อที่ดี แต่ ก่อนจะถึงตอนนั้น มึงต้องเตรียมสร้างครอบครัวที่ดี ให้คุณเอิร์นวางใจได้ " เขาเดินผ่านหน้าชินดนัยไปที่ประตู
" กูถึงควรจะถอยออกมา เพื่อตัวมึงเอง และกูด้วย "

ชินดนัยถอนหายใจออกมาอีกคำรบ
"มึงรู้ไหม ว่ากูอกหักจากมึงมากี่รอบแล้ว..กับมึง มันไม่มีทางเป็นไปได้ กูชอบมึงว่ะ..โคตรชอบเลย แต่มันก็เป็นได้แค่นี้ จนบางทีกูคิดนะ ว่ากูอาจจะมีประโยชน์กับมึงได้มากกว่า ถ้าชอบมึงแบบเพื่อนต่อไป...กูไม่อยากให้มึง...หนีหายไปไหน ได้ไหม? "

ราวกับเป็นการระบายความรู้สึกทั้งหมดที่เก็บมาเป็นสิบปี ทั้งคู่ได้แต่เงียบหลังจากที่ชินดนัยได้พูดความรู้สึกของตนเองออกไปทั้งหมด ก่อนที่เจตน์จะหลับตาลง
" ถ้ามึงคิดแบบนั้น .. " มือแกร่งประตูห้องออกไป
 " ไว้กูจะแวะมาเอาของ แล้วจะคืนกุญแจให้วันหลัง "เขาบอกกับชินดนัยก่อนจะปิดประตูห้อง

===================

งานแต่งงานเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดการอย่างเรียบร้อยด้วยญาติทางฝ่ายเจ้าสาว แต่สิ่งที่หนุ่มร่างท้วมต้องเตรียมตัวอย่างหนัก คือการเตรียมเข้ามาเกี่ยวดองกับวงศาคณาญาติของท่านประธานคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งเป็นลุงของอิสราภรณ์นั่นเอง

พ่อกับแม่ของชินดนัยดูจะยังตื่นเต้นไม่หาย เพราะ ทั้งคู่เป็นเพียงแค่ครอบครัวคนจีนที่ค้าขายภายในตัวอำเภอ กลับต้องมาอยู่ในแวดวงของผู้มีอันจะกินที่แทบจะเรียกว่าเป็นมหาเศรษฐีทั้งหลาย ทำให้อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ชินดนัยพยายามอย่างมากไม่ให้พ่อของเขาดื่มมากจนเกินไป

ชายร่างท้วมหาที่นั่งให้พ่อกับแม่ก่อนจะขอตัวออกมาพักหายใจด้านนอก

"อ้าว พวกพี่ก็มาด้วยเหรอครับ" ชินดนัยเอ่ย เมื่อเห็นว่าหนุ่มลูกครึ่งกำลังยื่นแก้วแชมเปญให้กับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง รุ่นพี่ของเขาอีกคนนึง

" มาสิ ยังไงเขาก็ยังนับญาติกันอยู่ อีกอย่างก็อยากให้อาร์ตมางานนี้ด้วย " หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่เล็กน้อย คิมหันต์หันไปทางอารยะที่เดินมาทางพวกเขาพอดี หลังจากออกมาจากห้องน้ำ
 " เปิดตัว "

"พวกพี่...นี่.... เหมาะกันดีจริงๆเลยนะครับ" ชินดนัยอดไม่ได้ ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

" เหมาะ? "หนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วเล็กน้อยเชิงคำถาม

"หัวเราะอะไรกัน " อารยะเอ่ยออกมา พลางรับแก้วแชมเปญมาจากมือของคนรัก

"พี่สองคน...เหมือนกันในหลายๆอย่าง ไม่รู้ซิ่ครับ ผมเลยว่ามันเหมาะมากถ้าพวกพี่จะคบกัน แบบ เปิดเผย ต่อหน้าทุกคน"
ชินดนัยเอ่ย เขารู้สึกว่า ทั้งสองคน อยู่เพียงเพื่อกันและกันและ...ไม่สนใจสายตาจากภายนอก เท่าไรนัก ...มันเป็นความกล้า ในแบบที่เขาไม่มี มาจนกระทั่งตอนนี้

" ถึงจะถูกมองแบบนั้นก็ไม่เป็นไรใช่ไหม? "คิมหันต์หันไปถามคนรักอย่างเป็นห่วง

"...ถ้านายไม่ปล่อยให้ฉันตายอยู่คนเดียว...ล่ะก็..." มือเรียวยื่นไปจับมือของคิมหันต์เอาไว้ "คงจะไม่เป็นอะไรหรอก"
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย บนใบหน้านั่นเปื้อนรอยยิ้ม ที่เป็นใครที่ได้ยินชื่ออารยะ มานาน ก็คงอดไม่ได้ ที่จะแปลกใจ

" ไม่เห็นเป็นไร คุณวินเปิดตัวเอริคเหมือนกันนะ " มือแกร่งลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ ราวกับว่าอารยะเป็นเหมือนเด็กๆ

"เฮ้ย...อายน้องมันมั่งเถอะ..." อารยะคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้ทันที "แล้ว...เพื่อนหายไปไหนล่ะ ชิน"

" จะว่าไปช่วงนี้เจ้าเจตน์มันทำงานหนักนะ วันๆไม่ค่อยพูดจากับใครเลย " คิมหันต์ให้ความเห็น เกี่ยวหับการเปลี่ยนไปของน้องในแผนก

"เอ่อ...หมอนั่น...เห็นว่าลาพักร้อนน่ะครับ....อันที่จริง ผมก็ไม่ได้ข่าวจากเขาโดยตรงหรอก... ไปเห็นเอาตอนไปยื่นใบลา ช่วงที่จะจัดงานแต่งนั่นล่ะครับ" ชินดนัยตอบไปตามตรงพลางถอนหายใจ
"เหมือนมันหนีหน้าผมยังไงก็ไม่รู้...."

"สงสัยจะช็อค...เพื่อนซี้จะแต่งงาน...ตัวเองเลยไม่รู้จะอยู่ยังไงล่ะมั้ง" อารยะเอ่ยพลางหัวเราะออกมา

"ไม่รู้จะอยู่ยังไง??" ชินดนัยทวนคำไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย

"ก็...นายน่ะสปอยเขาจนเสียคน เขาคงอยากจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนบ้างล่ะมั้ง"

"สปอย?..." ชินดนัยเลิกคิ้ว
"ฮ่ะๆ...ผมก็แค่อยากจะเทคแคร์เขาบ้าง...ในฐานะเพื่อนน่ะครับ" ดวงตาของชายร่างท้วม ฉายแววบางอย่าง ก่อนจะหันมองกลับเข้าไปในงาน เห็นว่าที่เจ้าสาวของเขายืนอยู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม
"แต่ตอนนี้ผมคงต้องดูแลคนอื่น...อีกสองชีวิต...เขาที่โดนผมสปอยมาตลอด...คงจะช็อคจริงๆอย่างพี่ว่า"

" ให้เวลามันหน่อยก็แล้ว กันเจ้าเจตน์น่ะ  "คิมหันต์บอกก่อนจะมองตามหนุ่มรุ่นน้องไป " ไปเถอะ ว่าที่เจ้าสาวนายรอแล้ว "

"ครับ...เชิญพี่ๆ สนุกกับงานนะครับ...ผมขอตัวก่อน" ชินดนัยบอกกับทั้งสองคน ก่อนจะเดินกลับไปหาอิสราภรณ์ ที่ดูจะกำลังต้องการความช่วยเหลือ เมื่อถูกซักจากญาติผู้ใหญ่

===================

" นายคิดว่าไง เรื่องเจ้าเจตน์กับเจ้าชินน่ะ? "หนุ่มลูกครึ่งถาม ดวงตาสีนิลมองตามร่างท้วมนั้นอย่างเป็นห่วง

"คิดยังไงเหรอ... อืมมมม...." อารยะลากเสียงยาว

"ฉันยุให้เจตน์ คิดดูดีๆว่า เขาต้องการใคร...แต่อีกฝ่ายก็ดูจะรู้ตัวดี...แถมยังมีเรื่องนี้เข้ามาอีก ....ก็คงหวังแค่ว่า หมอนั่นจะเลิกเอาแต่ใจ แล้ว หัดทำให้เพื่อนสบายใจเสียที"

" ต้องให้เวลามันหน่อยล่ะ  "คิมหันต์ถอนหายใจก่อนจะโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้ " เข้าไปในงานเถอะ "

"ว่าแต่...วันนี้ นอกจากเปิดตัวแล้วจะต้องไป ก้มขอลูกชายบุญธรรมด้วยไหมเนี่ย" อารยะแหย่คนรัก

===================

talk : ความรักบางที ก็ไม่ใช่การอยู่เคียงคู่กันไปในฐานะคนรักหรอกนะ..ความรู้สึกของเจ้าชินที่มีกับเจตน์มันเป็นความรักจริงๆนั่นล่ะค่ะ..รู้ว่าออกมาในรูปนี้ขัดใจผู้อ่านแน่ๆ แต่ก็อยากให้ติดตามต่อไปนะคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
เป็นตอนที่ชอบนะ รักกัน ไม่จำเป็นต้องคบกัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ความรักมันก็แค่ การทำเพื่อใครสักคน
การแต่งงาน ไม่ได้ทำให้ ความต้องการที่จะทำเพื่อใครสักคนมันหมดไปนี่นา
ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ได้ทำเพื่อใครสักคนก็คงจะหาความสุขได้จากสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่นั้นนั่นล่ะนะ

จาก โคไรท์ (นานๆจะโพล่มาที.....ขอโทษนะ กำลังอินเลย )

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
เป็นตอนที่ชอบนะ รักกัน ไม่จำเป็นต้องคบกัน
ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ความรักมันก็แค่ การทำเพื่อใครสักคน
การแต่งงาน ไม่ได้ทำให้ ความต้องการที่จะทำเพื่อใครสักคนมันหมดไปนี่นา
ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ได้ทำเพื่อใครสักคนก็คงจะหาความสุขได้จากสิ่งเล็กๆน้อยๆแค่นั้นนั่นล่ะนะ

จาก โคไรท์ (นานๆจะโพล่มาที.....ขอโทษนะ กำลังอินเลย )

+เป็ดให้เลย
ตอนที่เขียนกันก็อยากจะลองเสี่ยงเขียนอะไรแบบนี้ดูซักตั้งเนอะ อยากจะสื่อในลักษณะนี้ล่ะนะ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ขัดใจกับตอนนี้จริงๆ แหละ แต่ก็นะ ชีวิตใครก็ชีวิตมัน

บางทีเจตต์อาจจะสมหวังกับลูกของชินก็ได้ (แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจจะช็อกนิดๆ นะ ฮะๆๆๆ)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
กว่าจะรู้ตัวก็เสียชินไปแล้วสินะ

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=33=

ประตูรถไฟฟ้าถูกเปิดออกเมื่อมันมาสุดสายยังสนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณทางออกนั้นอยู่ชั้นใต้ดินของสนามบิน เป็นความสะดวกสบายในการเดินทางของทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเป็นอย่างมาก หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่สวมกางเกงยีนส์กับแจคเก็ตสีอิฐเดินออกมาจากที่นั่งพร้อมกับกระเป๋าเดินทางขนาดกลางอีกหนึ่งใบ บ่งบอกว่าเขากำลังจะไปไหนซักแห่ง
 
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ของสายการบินเพื่อคอนเฟิร์มตั๋วและโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่อง ทุกอย่างถูกดำเนินการอย่างไม่ติดขัดใดๆนัก

และเมื่อได้ตั๋วเดินทาง เจตน์ก็เดินผ่านเข้าไปยัง ตม.เพื่อเข้าไปรอขึ้นเครื่อง ชายหนุ่มหยุดดูของที่ร้านขายของปลอดภาษีเป็นพักๆ
แล้วก็ต้องสะดุดกับร้านขายขนมนำเข้าประเภทชอคโกแลต พลางนึกถึง เพื่อนร่างท้วมที่กำลังจะแต่งงานอีกไม่นานนี้
ก่อนจะต้องส่ายหน้าไปมา แล้วเปลี่ยนใจ เดินเข้าร้านที่ขายน้ำหอมแบรนด์เนม

==================

ขวดน้ำหอมหลากหลายสี หลากหลายรูปทรง ตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณร้าน ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยืนเลือกสินค้าอยู่ พร้อมกับ พนักงานขายที่คอยให้คำแนะนำ อยู่ข้างๆ
ขวดน้ำหอม รูปทรง ทันสมัยของเคลวิน ไคลน์ ตั้งอยู่บนชั้นวาง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแต่ก็ต้องหยุด เมื่อมองเลยชั้นไปแล้วเห็นว่าใครเดินผ่านเข้ามาในสายตา

"สวัสดีครับ..." รูปร่างสูงโปร่ง เดินเข้าไปทัก เสื้อสูทที่สวมอยู่เป็นเครื่องแบบ ที่คุ้นตาของสายการบินชื่อดัง

"จะไปเที่ยวเหรอครับ...คุณ....เจตน์" ด้วยความที่ต้องทำงานกับผู้คนมากมาย แต่จำเป็นจะต้องจำชื่อให้ได้ ทำให้เขาดูเหมือนจะมี ความสามารถไม่น้อยในการจำชื่อและหน้าของคน

" เอ่อ..ครับ? .. คุณอะไรนะ.. "
เจตน์หันไปมองใบหน้าคุ้นๆของอีกฝ่าย ชายหนุ่มคนนี้สวมเครื่องแบบและมีป้ายชื่อ เลยทำให้เห็นชื่อสกุลของอีกฝ่ายได้ชัดเจตน์น .. นามสกุลคุ้นๆ ..

“ สุธาสิน ครับ .. เราเคยเจอกันที่ผับแถวทองหล่อไง ” เจ้าของร่างสูงโปร่งบอกชื่อตนเอง พลางยิ้มให้

" มีบินเหรอครับ? .. ไม่ยักรู้ว่าคุณทำงานสายการบินนี้ "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเริ่มชวนอีกฝ่ายคุย ดูจากเครื่องแบบ มันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

"ใช่ครับ... คราวนี้ก็ทำงานด้วย ติดเครื่องเขาไปลงด้วย ก็ว่าจะถือโอกาสพักร้อนเสียหน่อย คุณล่ะครับ ไปติดต่องาน?"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยถาม พร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนที่มีให้กับลูกค้า เมื่อยิ่งคุย ก็ยิ่งจำได้ว่า คนๆนั้นเป็น คนเพื่อนในที่ทำงานเดียวกับ คิมหันต์ นั่นเอง

" เปล่าหรอกครับ ผมลาพักผ่อนน่ะ .. " เขาว่าก่อนจะชูตั๋วเดินทางสายการบินเดียวกับคู่สนทนา
" ฮาวาย "

"บังเอิญนะครับ...ผมก็จะติดเครื่องไปเที่ยวบินนี้เหมือนกัน" สุธาสินเอ่ยอย่างสุภาพ ก่อนจะโค้งให้อีกฝ่ายน้อย

" อ่อ ครับ " เจตน์พยักหน้าเบาๆก่อนจะหันมาสนใจน้ำหอม ตรงหน้า
" ถูกกว่าข้างนอกเยอะนะครับเนี่ย .. "

"นั่นซิ่นะครับ...คุณชอบกลิ่นแบบนี้เหรอครับ..." สจ๊วตหนุ่มยิ้ม

" ว่าจะลองใช้ดูน่ะครับ "เจตน์ว่าก่อนจะหันไปทางพนักงาน แต่เพราะกำลังดูแลลูกค้าคนอื่นอยู่จึงทำให้ไม่ได้มาดูแลเขา
" อ้าว ว่าจะลองกลิ่นซักหน่อย "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

"ผมก็ใช้....อืม..."ร่างเพรียวขยับออกมาเล็กน้อย มองการแต่งตัว กับบุคลิกลักษณะของอีกฝ่าย
"กลิ่นนี้ ก็คงจะเหมาะกับคุณเหมือนกัน "

นั่นทำให้เจตน์ขยับเข้าใกล้สจ๊วตหนุ่มแล้วขยับสูดกลิ่นที่ออกมาจากกายของหนุ่มร่างเพรียวอย่างถือวิสาสะก่อนจะนึกได้
 " อะ..ขอโทษครับ  "

"ฮ่ะๆ.... " สุธาสินไม่ได้ ขยับหนีหรือแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่หัวเราะออกมาเบาๆ 
"ไม่เป็นไรครับ...เป็นยังไงครับ...น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการตัดสินใจนะครับ" ชายหนุ่มว่า

" งั้น ผมเอาขวดนี้ก็แล้วกัน ขอบคุณนะครับที่ช่วยเลือก "
เจตน์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินไปจ่ายเงินพร้อมกับโชว์พาสปอร์ตให้กับพนักงานเพื่อเป็นการยืนยัน

แต่เมื่อหันกลับมาอีกที สจ๊วตหนุ่มคนนั้นกลับหายตัวไปเสียแล้ว

==================

หลังจากบินไปพักเครื่องที่ญี่ปุ่น แล้วจึงบินต่อไปที่ฮาวาย ผู้โดยสารหลายคนเตรียมตัวมาพร้อมกับ หนังสือ อ่านเล่นส่วนตัว บางคนก็ต้องหาความสำราญให้กับตัวเองด้วย หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า
หรือบางคน ก็พอใจที่จะเรียกใช้บริการของพนักงานบนเครื่องให้นำหนังสือ หรือ เครื่องดื่ม มาเสริฟ

ส่วนชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็นั่งฟังเพลงรอคจากไอพอตของตน และอ่านหนังสือนิตยสารภาษาอังกฤษของสายการบินไปด้วย

" ขอโทษครับ ขอกาแฟร้อนครับ " ชายหนุ่มเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันไปทางพนักงานที่กำลังทำงานของตนอยู่ข้างๆเขา กลิ่นหอมอ่อนๆที่ผ่านไปผ่านมา ค่อนข้างจะทำให้เจตน์แน่ใจว่าคงจะเป็นกลิ่นเดียวกับที่ตนเองซื้อมาเป็นแน่

"ครับ...."เสียงล้อเลื่อนค่อยเลื่อนมาหยุด ชายหนุ่มดึงเอาแก้วกาแฟ ขึ้นมาวาง ก่อนจะดึงกา กาแฟ ขึ้นมาค่อยรินใส่แก้ว จัดวางช้อนและซองครีมและน้ำตาลใส่ ก่อนจะจัดเสริฟให้อย่างคล่องแคล่ว "ได้แล้วครับ..."

" อีกนานไหมครับกว่าจะถึง แล้ว ที่นั่นช่วงนี้พอจะเล่นเซิร์ฟได้ไหม? "ชายหนุ่มเริ่มถามหาสิ่งที่เขาจะทำที่นั่น

"อีก สองชั่วโมงเครื่องก็จะถึงที่หมายแล้วครับ...อากาศที่ฮอนโนลูลู วันนี้ แจ่มใสครับ คลื่นแรง น่าจะเหมาะกับการเล่นเซิร์ฟนะครับ" สุธาสินยิ้ม ให้กับอีกฝ่าย
"พักผ่อน พร้อมทั้งเล่นเซิร์ฟด้วย เป็นความคิดที่ดีนะครับ... ไม่ทราบจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าครับ"

" ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ " เจตน์ยิ้มให้อีกฝ่าย
เขามองตามร่างเพรียวที่เข็นรถเข็นผ่านเขาไป คนๆนี้ดูเป็นมิตร ผิดกับหน้าตา และท่าทางแรกๆที่เคยเห็นที่ผับ ดูเป็นคนหยิ่งและเข้าถึงตัวยาก ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะอ่านหนังสือต่อไป

==================

เมื่อมาถึงสนามบินฮอนโนลูลู ชาวต่างชาติเพื่อมาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยดอกไม้เขตร้อน
เสียงเพลงและบรรยากาศโดยรอบ ดูจะยิ่งเน้นย้ำความเป็นฮาวายให้รู้สึกได้ไม่ยาก

สุธาสินออกจากหน้าที่แล้ว เขาเอ่ยลา กับเพื่อนร่วมงาน เมื่อเดินออกจากสนามบิน เขาจองโรงแรม แยกกับครูวว์ในเที่ยวบิน ที่ฮาวายนี่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะมาเพื่อพักร้อนและเป็นเพียงแค่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเท่านั้น

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเปลี่ยนเป็นเสื้อคอโปโลสีขาวดูสบายๆเข้ากับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน หลังจากเข้าเช็คอินที่โรงแรม เดินออกมาพร้อมกับกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็คในมือ เตรียมพร้อมจะเก็บทุกเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆที่เจอ ในเมืองเขตร้อนเอาไว้

เขามาพักผ่อนสบายๆในฮาวาย หลีกหนีให้พ้นจาก ความจู้จี้ขี้บ่นของเพื่อนร่วมงานสาว ความน่าเหนื่อยหน่ายของกัปตันบนเครื่อง และ ความอลหม่านในตัวเครื่อง หนีทุกอย่างมาเพื่อพักผ่อนและอิ่มเอมกับท้องฟ้าสีคราม ทะเลสีฟ้าใส และเกลียวคลื่นสีขาว

เสียงโห่ร้องดังขึ้นเรียกความสนใจ บนเกลียวคลื่นมีร่างของนักโต้คลื่นกำลังอวดลีลา
ริมฝีปากได้รูปยิ้มก่อนจะกดชัตเตอร์เก็บภาพนั้นเอาไว้ ก่อนจะเอนกล้องไล่มาเรื่อยจนเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นจากน้ำพร้อมกระดานโต้คลื่น

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ที่เห็นจากไกลๆดูคุ้นตา จากบนเครื่องคนนั้น ชายหนุ่มที่บัดนี้ผิวขาวแบบชาวไทยเชื้อสายจีนเริ่มคล้ำลงเล็กน้อยกำลังเดินขึ้นมายังเก้าอี้ชายหาดที่เช่าเอาไว้พักผ่อน

"คุณเจตน์" สจ๊วตหนุ่ม เดินเข้าไปใกล้พอที่จะส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

" ครับ? "
เจตน์หันไปตามเสียงเรียกนั้น " อ้าว เจอกันอีกแล้ว? "

"คลื่นดีไหมครับวันนี้"

" ดีเหมือนที่คุณบอกแหละครับ .. ว่าแต่เล่นด้วยกันไหมครับ? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยช่วนอีกฝ่าย

"ฮ่ะๆ...ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมเล่นไม่เป็นเสียด้วยซิ่ "ชายหนุ่มยกมือเป็นเชิงปฏิเสธ "แค่มาเก็บรูปน่ะครับ... "

" งั้นนั่งที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปอีกรอบ  " เจตน์ว่า แล้วหันไปโบกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย
" ดื่มอะไรดี? "

ชายหนุ่มยิ้ม "แล้วนี่เลิกเล่นแล้วเหรอครับ"

" นั่งเป็นเพื่อนคุณจะดีกว่า .. ว่ามาสิ ดื่มอะไรดี? "
ชายหนุ่มยิ้มจนเห็นฟัน แสดงความจริงใจพลางเร่งเมื่อพนักงานเดินมารับออเดอร์แล้ว

"เอ๊ะ.... " สุธาสิน เลิกคิ้วสูง มองหน้าของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นพลางยิ้ม "...น้ำมะพร้าวซักแก้วน่าจะดี..."

" โอเค "เมื่อได้รับคำตอบนั้น ชายหนุ่มก็หันไปสั่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายทันที

"ขอบคุณครับ "ชายหนุ่มยังคงพูดกับอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำสุภาพ ก่อนจะเริ่มถามในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ
"คุณ...ทำงานบริษัทเดียวกับ ...คิมใช่ไหม"

" ครับ พี่คิมเป็นพี่ที่แผนกน่ะ "คำที่เรียกบุคคลที่สามว่าพี่ทำให้เขาต้องนึกได้
" คุณเป็นเพื่อนพี่คิมเหรอครับ? "

"เห็นเขาเป็นฝรั่งๆ ผมก็เรียกเขาคิม เฉยๆนี่ล่ะครับ ...ไม่เคยถามอายุกันเสียด้วยซิ่" สุธาสินโกหกคำโต หากให้เจตน์เข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนในวงเหล้าของคิมหันต์อาจจะดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องยุ่งยากในภายหลัง

" งั้น เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมครับ? "น่าแปลกที่คราวนี้เจตน์อยากจะหาเพื่อนคุยอย่างจริงจังในต่างแดนแบบนี้ จะเรียกได้ว่าถูกชะตาก็คงไม่ผิดนักกับสจ๊วดหนุ่มคนนี้

"เพื่อน?...ยินดีครับ" ชายหนุ่มยิ้ม
"อาจจะต้องแนะนำตัวกันใหม่...เรียกผมว่า สินก็ได้" มือเรียวยื่นไป

" เจตน์ ครับ  "มือแกร่งจับกับอีกฝ่ายเบาๆ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงสบตากับอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปยิ้ม  ก่อนจะเอ่ย "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ..."

เป็นนานกว่าที่เจตน์จะรู้สึกตัว เขารีบปล่อยมือจากอีกฝ่ายทันที รู้สึกแปลกๆ
" เอ่อ ครับ .. ผมไปเซิร์ฟต่อดีกว่า  "

"ตามสบายเลยนะครับ... "ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นดื่ม เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ชายหาด
"ผมอาจจะต้องขอนั่งพักที่นี่อีกซักหน่อย"

" ตามสบายครับ นั่งไปจนเย็นเลยก็ได้ แล้วไปกินข้าวกัน โอเคไหม? "เขาทิ้งคำชวนไว้แบบนั้นแล้วถือบอร์ดวิ่งออกไปเซิร์ฟต่อ

สุธาสินมองตามชายผมสีน้ำตาลทองร่างสูงนั้นไปก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขามองแก้วน้ำมะพร้าวที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ ดึงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมทั้งวาง ค่าน้ำลงบนโต้ะ
"ไม่รอฟังคำตอบแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ" สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วออกเดิน เก็บภาพ ต่อไป

==================

กว่าเจตน์จะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อเขาหันมาจากทะเลแล้วพบว่าคนที่ควรจะนั่งอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มหยุดเล่นกีฬาที่เขาโปรดปรานและเล่นเป็นจากการได้มาเวิร์กแอนด์ทราเวลที่อเมริกาสมัยเรียน เขาว่ายเข้าฝั่งแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ แก้วน้ำมะพร้าววางอยู่ข้างๆกับเงิน มูลค่าของมัน

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองมองซ้าย มองขวา แต่ก็ไม่พบสุธาสินแล้ว

==================

talk : อืม..คนเขียนก็รู้สึกว่าฮิตมันวิ่งอยู่นะ แต่คนอ่านคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ที่เจ้าชินจะแต่งงาน :mew2: .. แต่ว่าสำหรับตัวคนเขียนแล้ว นี่คือชีวิตของคนทั้งคู่ล่ะค่ะ .. ก้าวต่อไปนะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
แค่เห็นว่าอีกคนแต่งงานไปก็ไม่อยากอ่านต่อแล้ว มันเศร้า   :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เจตต์จะไม่ได้คู่กับชินจริงๆ เหรอ เอิ่ม...เรื่องมันเศร้า :'(

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
เรื่องมันเศร้า ............

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=ตอนที่34=

พระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ลมทะเลพัดเข้าหาชายฝั่ง
เสียงเพลงในแบบเร็กเก้ดังคลอเคล้าเสียงคลื่นและเสียงหัวเราะของแขกของโรงแรมและที่พักอีกสองสามแห่งบริเวณชายหาด มารวมตัวกัน จัดปาร์ตี้ขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์
บางก็เต้นรำคลอเคล้ากันไปกับเสียงเพลง บ้างก็ยืนดื่มเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ ให้พร้อมกับอาหารแบบฮาวายเลิศรส

สจ๊วตหนุ่มก็มาร่วมงานพร้อมทั้งเพื่อนักท่องเที่ยวที่บังเอิญเจอกันเมื่อครู่

ร่างสูงโปร่ง ดูเพรียวลมมากขึ้นในเสื้อเชิ๊ตสีขาวกับกางเกงผ้าแบบผูกที่หาซื้อได้ก่อนกลับเข้าพักผ่อนในโรงแรมเมื่อตอนเย็น ชายผ้าทิ้งลงนั้นลู่ตามลมเล็กน้อย เมื่อสายลมพัดผ่านมา

หนุ่มชาวไทยผิวแทนแดดเล็กน้อยเองก็อดที่จะมาร่วมสนุกกับปาร์ตี้ฟูลมูนริมหาดในฮาวายแบบรี้ไม่ได้เช่นกัน เจตน์มาในเสื้อกล้ามสีขาวเผยให้เห็นรอยสักที่ต้นแขนและแผ่นหลัง กางเกงผ้าแดงนั้น ทำให้เขาดูเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว

ชายหนุ่มเดินไปหยิบแก้วเหล้าแล้วขยับตัวไปตามเสียงเพลงเล็กน้อย เขาเองก็ไม่ได้หาเพื่อนเป็นจริงเป็นจังนัก นอกจากการเอ่ยขอเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ยอมรอเขาไม่กินข้าวเย็นด้วยกัน

แล้วก็ต้องเหลือบเห็นสีผมที่เด่นสะดุดตาของคนที่อยู่ในงานเลี้ยง เจตน์ไม่รอช้า เขาเดินตามเข้าไปทันทีพร้อมกับมือที่ถือแก้วเหล้า

" สิน! "เขาเรียกชื่อของคนที่หันหลังให้ " เจอตัวแล้ว "

"ไม่ดีกว่าครับสาวๆ...ผมเริ่มเมาแล้วด้วย..." ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธเสียงเบา ความจริงเขาไม่ได้เมาแต่อย่างใด แต่ ก็คงต้องยอมรับเลยว่า เขาไม่ถูกโรคกับผู้หญิงช่างตื๊อซักเท่าไร การปฏิเสธแบบนี้ อาจจะพอถนอมน้ำใจอีกฝ่ายได้บ้าง

" คุณจำผมไม่ได้แล้วรึไง? "เจตน์ถือวิสาสะจับไหล่บางนั้นให้หันมาหาเขา "  อยู่ๆคุณก็หายไปอีกแล้ว "

"อ่ะ...อ้าว...คุณเจตน์...เจอกันอีกแล้วนะครับ" สุธาสินตอบกลับ ทำทีเป็นไม่ได้ยินข้อความที่อีกฝ่ายพูด

"พอดีพวกสาวๆเขาต้องการคู่เต้นน่ะครับ...ไม่เต้นรำเหรอ?" ได้ทีก็รีบโยนหน้าที่เต้นรำกับสาวๆให้กับผู้มาใหม่ทันที

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนเลย ส่วนมากมักจะต้องเออออกับการเอาแต่ใจของเขาทุกราย
" ผมอยากเต้นกับคุณมากกว่า "มือแกร่งดึงมือบางนั้นไว้เบาๆ

"เต้นกับผม?...เหมือนคิมจะเคยบอกว่าคุณคบกับ....ใครซักคนอยู่? มันจะดีเหรอครับ" รอยยิ้มที่มอบให้นั้นแฝงความขี้เล่นอยู่ในที

" เต้นกับเพื่อน จะไม่ได้เชียวเหรอครับ? "เจตน์ย้อนถามท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไม่มีใครที่ปฏิเสธเขาได้เลย ทำไมคนๆนี้ ถึงทำให้เขาแปลกใจนักนะ

"เป็นเพื่อนแล้วจะต้องเต้นรำด้วยเหรอครับ...ผมนึกว่าต้องเต้นกับคนรัก หรือ คนที่คุณมีใจด้วยเสียอีก" สุธาสินย้อนถาม
 "ยิ่งเพลงแบบนี้ด้วยแล้ว ..." เพราะทำนองเพลงที่เปลี่ยนไปเป็นเพลงช้า แถมยังเป็นเพลงรักหวานที่ทำให้ใคร ต่างขยับเข้าหาคู่เต้นทำให้ต้องคิดดีๆ ก่อนจะเดินออกไปที่ฟลอร์กับใคร เขายังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ไม่อยากจะ ให้ใครมองว่าเขามีคนที่ผูกมัดหรืออะไรด้วย ซักเท่าไรนัก

คิ้วเรียวขมวดอย่างไม่สบอารมณ์นักมือแกร่งเกาศีรษะไปมา เขาไม่เคยต้องรับมือกับคนแบนี้จริงๆนั่นแหละ
" งั้น...ไม่เต้นก็ได้ "ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะมองไปข้างหน้า คู่รัก ทั้งที่มาด้วยกัน และอาจจะเจอกันที่นี่ต่างก็ออกไปเต้นรำกันอย่างมีความสุข


"ดูท่า...จะไม่ค่อยมีใครปฏิเสธ คุณซักเท่าไรนะ..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ


" คุณเป็นคนแรกเลย ทั้งแต่ผมจำได้ " เจตน์ไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย เขามองตรงไปข้างหน้า
พลางนึกถึงสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ที่เมืองไทย เพื่อนรักของเขา คงเคยเต้นรำอย่างมีความสุขกับอิสราภรณ์ นึกๆแล้วก็ช่างเป็นภาพที่ชวนขำนัก ที่หนุ่มอ้วนคนหนึ่งจะเต้นรำกับสาวสวยแบบนั้น

..ช่างไม่เหมาะกับเจ้าอ้วนของเขาเลยแม้แต่น้อย..

"ดีแล้วครับ...เจอผมที่ไหนอีกก็บอกคนอื่นไปเลยนะ ว่า "นี่ล่ะ คนที่ปฏิเสธผม" " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานเสริฟ รับแชมเปญ มาสองแก้ว
 "ดื่มนะครับ"

" ............................ "ดูเหมือนเจตน์จะยังคงจมกับความคิดของตัวเอง ขณะที่มองคู่รักคู่หนึ่งข้างหน้า หนุ่มร่างท้วมท่าทางอารมณ์ดีกำลังเต้นรำกับแฟนสาว พวกเขาดูรักกันมาก

"เจตน์?...มีอะไรหรือเปล่า .... "ชายหนุ่มขยับแก้วแชมเปญแตะกับท่อนแขนของอีกฝ่ายเบาๆ

" หมอนั่นน่ะ.. "ชายหนุ่มยังคงมองไปข้างหน้า " กำลังจะแต่งงาน "

"ใครครับ?" ได้ยินแบบนั้น ก็อดจะถามต่อไม่ได้ แต่...ดูๆไปแล้วอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยินคำถามของเขามากกว่า เหมือนกับว่า คนตรงหน้าได้จมลงไปสู่ห้วงความคิดที่เขาไม่อาจจะเข้าใจ
สุธาสินวางแก้วแขมเปญทั้งสองลงกับโต๊ะก่อนจะหันไปหาอีกฝ่าย ช่วงแขนเรียวพาดลงบนไหล่กว้างนั้นก่อนจะตบเบาๆ

" คนที่เข้าใจผมมากที่สุดในโลก หมอนั่นกำลังจะแต่งงาน .. มันกำลังจะทิ้งผมเอาไว้ข้างหลัง "

"ไม่มีใครทิ้งใครไปหรอก... คนเรา แค่มีทางเดิน คนละทาง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียเบา
 "หรือจะมีก็แต่...ตายจากกันไปเท่านั้น...คนๆนั้นของคุณก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือไง"สจ๊วตหนุ่มเอ่ย ก่อนจะขยับออกห่าง
 "ถ้าเขายังไม่ได้จากไปไหนไกลขนาดนั้น มันก็มีวันที่คุณทั้งสองจะ ตามกันทันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง... หรือคุณยอมแพ้แล้วที่จะก้าวต่อไป" สุธาสินพูดพลางตบมือลงบนหน้าตัก แล้วลุกขึ้นยืน มือเรียวคว้าแก้วแชมเปญมาดื่มอึกเดียวหมด

"เพื่ออนาคต..." รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก ก่อนที่ร่างเพรียวนั้นจะเดิน เลยฟลอร์เต้นรำลงไปที่ชายทะเล

" พูดเองเออเองก็เป็นแฮะ "เจตน์มองตามร่างเพรียวนั้นไป เขาไม่ได้เดินตามลงไป .. แม้จะเกิดความสนใจในตัวของสุธาสินมาก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายขีดเส้นกับเขาเอาไว้ เขาเองก็ไม่ควรจะรุกจนอีกฝ่ายต้องอึดอัดเหมือนทุกครั้ง

==================

เจตน์กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักก่อนที่ปาร์ตี้จะจบเสียด้วยซ้ำ คืนนี้เป็นคืนที่เขาได้พักผ่อนจนเต็มอิ่มหลังจากนอนไม่หลับมาหลายวัน และตื่นขึ้นในช่วงเช้าที่สดใส

เขาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวสบายๆแล้วลงมาทานอาหารเช้าพร้อมๆกับแขกคนอื่นของโรงแรม และร่างเพรียวที่สะดุดตาด้วยผมสีน้ำตาลแดงที่จิบกาแฟอยู่ก็ทำให้เจตน์เดินเข้าไปทักทันที

" ไม่ยักรู้ว่าคุณเองก็พักที่นี่ "

"อ้าว...อรุณสวัสดิ์ครับ" ชายหนุ่มผมแดงยิ้ม ก่อนจะวางแก้วกาแฟ พลางผายมือเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนั่งลง
"เชิญครับ"

" เมื่อคืนผมนึกว่าคุณกลับไปแล้ว "เจตน์นั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
" หรือว่าโกรธผมซะอีก "

"โกรธ ผมมีอะไรจะต้องโกรธกัน?" ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"ผมก็แค่ หนีปาร์ตี้มาแล้วยังจะมาเจอปาร์ตี้อีก... มันก็ออกจะน่าเบื่อไปหน่อยจริงไหม" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งชุดอาหารเช้ามาเสียหนึ่งชุด
"แล้ววันนี้ มีโปรแกรมจะไปไหนหรือเปล่า...." สุธาสินเอ่ย

" คงจะไปเดินเที่ยวในเมือง ดูพวกของพื้นเมือง อยากไปด้วยไหมล่ะ? " เจตน์เอ่ยชวน ในฐานะ เพื่อน

"อืม... " ใบหน้ามนเหมือนจะพยักหน้ารับ "ก็ดีเหมือนกันนะ ผมมาที่นี่ ก็ยังไม่ได้วาง โปรแกรมอะไรไว้เลย"

" โอเค งั้นวันนี้ไปกัน  "เจตน์สรุปเสร็จสรรพ แล้วยิ้มดีใจราวกับเด็กๆที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้าที่ยิ้มอย่างเปิดเผยนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
 
....ยิ้มเปิดเผย...ดีนะ.......

==================

ชายหนุ่มทั้งสองคนออกไปทัวร์รอบเมืองด้วยกัน พร้อมทั้งไปเดินซื้อของ และชมการแสดงแบบ ฮาวาย ตามที่มีอยู่ในหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวของฮาวาย และหมู่เกาะโดยรอบ ที่เจตน์เป็นคนถือติดมือมา

" สิน เราไปพายเรือคายัคกันไหม? "
เจตน์ถามขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังทานอาหารกลางวันออยู่ ท่าทางเขาจะสนใจมากเลยทีเดียว

" พายเรือ? ที่ไหนล่ะ ที่เกาะใหญ่นี่หรือที่ไหน เกาะ ลาไน ?...เห็นว่าที่นั่นสวยมาก แต่นี่มันก็เที่ยงแล้ว ไปตอนนี้ คงได้พายกันตอนกลางคืน..."สจ๊วตหนุ่มเริ่มคิดเรื่องเวลา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้

" งั้น พรุ่งนี้เราไปกัน เก็บกระเป๋าค้างคืนด้วย โอเค้? "เขาถามความเห็นของอีกฝ่าย ไม่ได้พูดเองเออเองเหมือนทุกที

"ค้างเหรอ...อืม...."สุธาสินมองดูแผนที่ ระยะทางมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ "โอเค ค้างเป็นค้าง"

" โห..แต่นั่งเครื่อง ท่าทางจะไกลมากแฮะ "เจตน์บ่นพึมพำเมื่อเห็นทางที่จะไปได้จากเกาะใหญ่ที่พวกเขาอยู่

"เราอาจจะต้องค้างกันหลายวันหน่อยล่ะมั้ง ไปที เอาให้คุ้มคุณกำหนดกลับตอนไหน? " สุธาสินถามพลางเปิดโบชัวร์

" ผมลางานมาสามอาทิตย์น่ะ ..  "

"เหรอ...อืม...งั้นไปค้างซัก...สามสี่วันเป็นยังไง ส่วนโรงแรม ที่นี่ มันก็คืนละเป็นร้อยเหรียญเหมือนกันนะ สะดวกไหม หรือจะหารค่าห้องกัน?" สุธาสินเอ่ยถามนึกสนุกเหมือนจะออกไปแคมป์กับเพื่อนหรืออะไรซักอย่าง

" หารก็ดีนะ .. พูดตรงๆ ผมก็เพิ่งทำงานปีแรกน่ะ เงินเก็บมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอก "เจตน์ยิ้มอย่างโล่งอกเมือ่ได้ยินข้อเสนอนั้น

"เหรอ...ฮ่ะๆ...ตกลงหารกัน ไปที่นี่ก็แล้วกันนะราคาไม่แพง มากแล้วก็ดูเหมือนคนจะไม่เยอะ ผมไม่อยากเจอคนเยอะๆน่ะ" สจ๊วตหนุ่มว่าพลางส่งโบชัวร์ที่เขาเลือกมาให้กับอีกฝ่าย เขาเอง ทำงานมาได้สองปีแล้ว ด้วยการงานที่ทำ ทำให้เขาไม่มี ปัญหาอะไรมากนัก หากจะเลือกโรงแรมที่ดีกว่านี้ แต่เพราะเขา อยากจะมีเพื่อนไปด้วยมากกว่า

" โอเคงั้นไปกัน คุณจะเป็นคนติดต่อให้หรือยังไงดี? "ท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆทำให้สุธาสินต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง

"อื้ม ได้ซิ่ เดี๋ยวผม บอกที่เคาท์เตอร์ให้เขาช่วย ติดต่อให้ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงว่า พลางหยิบโบชัวร์มาจากมือของเจตน์แล้วเดินไปที่เคสท์เตอร์ของโรงแรมทันที

" บริการดีจริงแฮะ " เจตน์เอ่ยแซวอีกฝ่ายเล็กน้อย คงเป็นนิสัยที่ติดมาจากงานที่สุธาสินทำอยู่เป็นแน่

==================

เช้าวันรุ่งขึ้นทางสองเร่งเรียกรถแท็กซี่ไปยังสนามบินท้องถิ่นเพื่อบินข้ามเกาะไปยังเกาะที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ทันที
ด้วยระยะ ทางที่ไม่ไกลมากนัก ทั้งสองคนเดินทางมาถึงเกาะ ที่มีชายหาดแสนสวย ได้ในเวลาเพียงอึดใจ
รถแท็กซี่แบบกระป๋องพาทั้งสองคนนั่งมาจนถึงโรงแรมที่มีชายหาดเล็กๆเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงแรม
ทั้งสองได้รับการต้อนรีบเป็นอย่างดีไม่ต่างไปจากตอนที่ลงมาจากเครื่อง ทางเดินไปจนถึงห้อง นั้นลัดเลาะไปกับสระน้ำที่มีไว้บริการ พร้อมด้วยเก้าอี้หวายื่ตั้งเรียงราย ใต้ร่มคันใหญ่

ห้องพักที่จองเอาไว้ นั้นมีหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้เห็น วิวของทะเลสีครามที่อยู่ด้านนอก แบ่งเป็นสองส่วนคิอ ส่วนของห้องรับแขกและห้องนอนที่มีเตียงเดี่ยวสองเตียง

" วิวดีแฮะ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองโยนกระเป๋าลงกับเตียงที่เขาเลือกก่อนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เห็นทะเลได้ชัดเจตน์เลยทีเดียว

"นี่...." เสียงเรียก ดังจากด้านหลัง ก่อนจะมีเสียงชัตเตอร์ตามมา ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงยืนยิ้มอยู่ พร้อมกับกล้องดิจิตอลในมือ

" อ้าว แอบถ่ายได้ไง? "เจตน์ทำหน้าเหวอก่อนจะเดินย่างสามขุมมาพยายามแย่งกล้องในมือ

"ถ่ายรูปขึ้นเหมือนกันนะ "สจ๊วตหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ กับหน้าตาเหวอๆของอีกฝ่าย พลางก้าวเท้าหนี เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้
"ไม่ให้หรอก...ขืนเอากล้องไป เดี๋ยวคุณก็ลบรูปซิ่ ผมอุตส่าห์ถ่าย"

มือแกร่งนั้นถือวิสาสะดึงแขนอีกฝ่ายไว้แล้วแย่งกล้องนั้นมา เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย

" ไม่เอาน่า...." ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "เอางี้ๆ " เขาทำมือเหมือนจะขอสงบศึก
 "ถ่ายด้วยกันดีกว่า "ช่วงแขนเรียวเปลี่ยนมาล็อคคอของอีกฝ่ายให้อยู่นิ่งๆ
"เอ้า มองกล้องหน่อย "ว่าพลางก็ยืดมืออีกข้างออกไป เตรียมกดชัตเตอร์

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองขมวดคิ้ว ทำหน้าบูด ผิดกับสุธาสินที่ทำหน้าระรื่นใส่กล้อง

----------- แชะ-------------

"อ้าว ทำหน้างี้ได้ไง ไม่เอา.." สุธาสินโวยวาย เมื่อ เห็นย้อนกลับดูภาพที่ถ่ายได้ พลางหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย แม้ระยะห่างจะใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเคอะเขินอะไร "ยิ้มหน่อยซิ่

" คุณแกล้งผมนิ จะให้ยิ้มได้ไง? "คิ้วเรียวยังคงขมวด ก่อนจะลุกขึ้น " หาอะไรให้ทำหน่อยซิ จะได้หายโกรธไง "

"เอ้ะ...นี่ผมจะต้องง้อคุณด้วยหรือไง..." สุธาสินเลิกคิ้วถามพลางหัวเราะ... "ช่างเถอะ ได้รูปแบบนี้ไปก็ดีเหมือนกัน เอาไปให้เพื่อนดูคงขำกันไม่น้อย"

" อาบแดด ท่าจะดีวันนี้ " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองลุกขึ้นดูวิวที่หน้าต่าง เขาพึมพำออกมาก่อนจะถอดเสื้ออก เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่ง ที่คล้ำลงเล็กน้อยก่อนจะถามคนที่มาด้วยกัน
" อาบด้วยกันไหม? "

"อืม...คงดีมั้ง... ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน ..."ชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมทั้งถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปข้างในห้องนอน
ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมกับกางเกงว่ายน้ำ และ ผ้าขนหนูผืนใหญ่ หนังสืออ่านเล่น และ แว่นกันแดด "พร้อมแล้ว"

==================

ร่างบาง ขาวเหมือนไม่ค่อยได้โดนแดด โดนลม เมื่อเดินออกไปยืนอยู่กลางแดด สีผมนั้นเป็นประกาย สีแดงสดล้อเล่นกับพระอาทิตย์และปลิวไปเล็กน้อย เมื่อลมทะเล พัดผ่าน

ชายหนุ่มทั้งสองเดินไปยังบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งมีเก้าอี้สาหรับอาบแดด และแสงแดดที่ไม่เป็นอันตรายกับเขาทั้งคู่มากนัก
เจตน์มองร่างเพรียวนั้น ขาวเนียนตา .. มันทำให้เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นของตัวเอง

"มีอะไรหรือเปล่า " เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมทั้งใบหน้าสวยที่หันมา นิ้วเรียวเกี่ยวแว่นกันแดดลงเล็กน้อย เพื่อมองหน้าของอีกฝ่าย
"แดดร้อนไปเหรอ หน้าแดงๆ ก็ไม่น่าฝืนนะ เดี๋ยวเป็นลมแดดเอา...ผมคนเดียวแบกคุณไม่ไหวหรอก"ริมฝีปากได้รูปนั้นยิ้มออกมาน้อย

" คุณสวยดี "เจตน์เอ่ยชมอีกฝ่ายมาตรงๆ " ยิ่งเห็นแบบนี้ ผมยิ่งคิดว่าคุณสวยจริงๆนะ "

"ขอบใจ..." แม้จะรู้สึกทึ่งกับคำชมของอีกฝ่าย ที่เอ่ยออกมาตรงๆ กับผู้ชายกันเอง แต่ ถ้านั่นเป็นคำชมแล้ว สุธาสินคนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรนักที่จะรับมันไว้
 " คุณนี่ พูดตรงดีนะครับ...ในที่ทำงานผมน่ะ ไม่ค่อยมีให้ได้เห็นนักหรอก... แบบคุณเนี่ย"

" พูดตรงแบบผม คนบางคนที่ทำงานเขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน .. มีแต่เพื่อนผมคนนั้นแหละที่เข้าใจว่าผมเป็นยังไง "
ชายหนุ่มว่าก่อนจะถอนหายใจ
 " แต่ไปนึกถึงมันทำไมเนี่ย จะแต่งงานเป็นพ่อคนอยู่แล้ว ถอนตัวออกมาดีกว่าเนอะ ..ไปนั่งตรงโน้นเถอะ สิน แดดแรงดี "เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ดูราวกับว่าไม่ได้อยากพูดถึงปัญหาของตัวเองเท่าไหร่นัก

"คุณพูดเหมือนคุณอยากจะเจอหน้าเขา...แต่ก็ไม่อยาก...."สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ
" ถ้าคุณโกรธ หรือไม่พอใจอะไรก็น่าจะคุยกันดีๆน้า.... ผมนั่งตรงนี้ล่ะ ดีแล้ว คล้ำไปก็ไม่เหมาะกับงานผมเท่าไร...คุณคงเข้าใจ"

" โอเค.. แต่ที่จริงผมว่า .. ผิวขาวมันเหมาะกับคุณดี เอาล่ะ ผมไปนอนตรงโน้นนะ  "
เจตน์เดินแยกไปนอนที่กลางแดด แว่นตากันแดดอันใหญ่ถูกนำมาสวม เขาหลับตาลง ซึมซับไอแดด และเสียงของทะเล ความสงบของบรรยากาศ มันทำให้เขาสงบลงมาตั้งแต่มาที่นี่

==================

เสียงคลื่นที่ได้ยิน กับ แรงลมที่พัดผ่านมาทำให้คนที่ตั้งใจจะอ่านหนังสือ แต่ก็มัวแต่หันมองไปทาง ที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเดินไป นั้น ยอมตัดใจวางหนังสือ ลงแนบอก ด้วยว่าโรงแรมนี้ไม่ค่อยมีแขกมาพักมากนัก ทำให้เขามีมุมเงียบๆ พอที่จะหลับตาลง และ สลัดความคิดแปลกๆที่อาจจะเกิดขึ้นในใจออกไป

ทั้งคู่ไม่ได้ใช้เวลาพูดจากันเท่าไหร่นัก ราวกับว่ามาด้วยกันเพื่อต่างคนต่างพักผ่อน หรือคิดเรื่องของตนเอง

" โอ๊ย..แสบๆ "หนุ่มผมสีน้ำตาลทอง กับผิวสีแทนแดด นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ พลางทำหน้าบอกบุญไม่รับเท่าไหร่นัก เขาอาบแดดมาเกือบทั้งวัน ถ้าสุธาสินไม่เรียกเขาซะก่อนคงจะไหม้ไปทั้งตัวแล้วแน่ๆ

"เป็นอะไรไป..." สุธาสินเอ่ยถามเสียงดังมาจากโซนห้องรับแขก แต่สายตายังจับจ้องอยู่กับ ทีวี ที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย มือกำลัง ทาครีม ไปทั่วแขน มันเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องป้องกันไม่ให้มันไหม้ไปมากกว่า ที่ควรจะเป็น
ก่อนจะหันไปมองเห็นผิวที่คล้ำลงไปมากของอีกฝ่าย แผ่นอกกว้างนั้น แทบจะเป็นรอยแดงไปทั้งตัว สจ๊วตหนุ่มกลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่ทัน
" ไปตกถังสีมาหรือไง"

" ขำอีกๆ .. ก็เกาน่ะซิ คันยิบๆเลยอะ "เจตน์ขมวดคิ้วอีกแล้วพลางเกาตามแขนตามตัวอีก

"เฮ้...อย่าเกาซิ่..."ร่างบางลุกจากโซฟา ไปรั้งมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองหน้าของอีกฝ่ายเหมือนจะต่อว่า
"มานี่... นั่งลง... ผมจะทายาให้ "สุธาสินพูดพลางดึงให้อีกฝ่ายเดินตามเขาไปนั่งที่เตียงสองมือเรียวจับให้อีกฝ่าย นั่งหันหลังให้
"มันต้องทาครีม ก่อน กับ หลัง อาบแดด ตัวจะได้ไม่ไหม้ จะได้ไม่คัน...." เสียงนุ่มเอ่ย เหมือนจะสอน พลาง มือเรียวป้ายยากึ่งโลชั่น ลงบนผิวที่ไหม้แทบจะเรียกว่า เกรียมจนสุกแดงได้ที่ของอีกฝ่าย

มือเรียว ไล้ทาไปเบาๆ บนผิวของอีกฝ่าย " เจ็บรึเปล่า" เสียงดังราวกระซิบดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู ในขณะที่ยังไม่หยุดทา ครีมลงบนไหล่แกร่งนั้น

เสียงหัวใจเต้นแรงของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองคงเป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามนัก ซึ่งการใกล้กันขนาดนั้นก็ทำให้สุธาสินรู้ได้ไม่ยาก

"ตื่นเต้นเหรอ" เสียงนั้นถามกระเซ้า เมื่อรู้สึกได้ผ่านจากสัมผัสบนผิวเนื้อ

" แปลกรึไง ถ้าผมจะตื่นเต้นกับผู้ชาย? "มือแกร่งนั้นจับมือเรียวที่ละเลงครีมให้เขาอยู่เบาๆ

เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาจับมือเขาไว้แบบนั้น สุธาสินนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม
"ไม่แปลกนี่ คุณชมว่าผมสวย...มันก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว"

ดวงตาสีน้ำตาลนั้นเป็นประกายเมื่อต้องกับแสงไฟ แสงสีส้มนวลจากโคมไฟทำให้มองไม่ออกว่า สจ๊วตหนุ่มกำลังมีสีหน้าแบบไหน
สจ๊วตหนุ่มเหลือบมอง มือแกร่งที่จับมือของเขาเอาไว้เป็นเชิงถาม ว่าจะให้เขาทำหน้าที่ต่อไปได้หรือยัง

นั่นทำให้ชายหนุ่มปล่อยมือออกได้อย่างง่ายดาย

"เอ่อ...ผ้าเช็ดตัวจะหลุดแน่ะ...." ก่อนจะแซวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าปมผ้าเช็ดตัวที่ขมวดอยู่มันจะคลายออกอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะแรง เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาอย่างกระทันหันเมื่อครู่

" อะ..โทษทีๆ " ชายหนุ่มรีบดึงผ้าพันตัวขึ้นมาห่อนจะขมวดปมใหม่ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ด้วย
" ไม่หลุดละ ผมหันหลังให้ทาดีไหม? "

"คุณก็ไม่น่าจะหันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ..." สุธาสินพูดพลางตบหลังอีกฝ่ายเบาๆให้อีกฝ่ายหันกลับไปเหมือนเดิม
จนเมื่ออีกฝ่ายหันไป สจ๊วตหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ หวังว่าอีกฝ่าย คงไม่ได้ ยินนัก คำพูดของอีกฝ่าย มันตรงเสียจน เขา ต้องอาศัยเวลาซักหน่อยในการตั้งรับ เลยทีเดียว

....ไม่คุ้นกับคนตรงๆแบบนี้เลยจริงๆ

"อ้อ..... สักสวยนี่" ก่อนจะเอ่ยชม เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายมีรอยสัก

" ร้ายเหมือนผมนั่นแหละ "เจตน์ตอบอย่างติดตลก รอยสักรูปซาตานของของที่หลังนั้น มันแสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น

"ร้าย?... ไม่รู้ซิ่นะ อาจจะเอาแต่ใจแล้วก็คิดว่า ตัวเอง...เป็นใหญ่ล่ะมั้ง" สุธาสินเอ่ยออกมา เขาพอจะเดาได้ กับหลายๆคำพูดของอีกฝ่ายว่าเป็นคนอย่างไร
"มีคนเคยบอกคุณใช่ไหมล่ะ เรื่องนี้.... ผมคงไม่ใช่คนแรกหรอกนะ" มือเรียวนั้นไล้ลงไปกับแผ่นหลัง เรื่อยลงไปจนเกือบถึงบั้นสะโพก

" เอาล่ะพอดีกว่า " อยู่ๆเจตน์ก็ขยับตัวออกห่างจากมือของสุธาสิน
" ขอบคุณนะ " เขาเดินไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

"อ้าว...ทายังไม่ทั่วเลย" สุธาสินแปลกใจ ในมือยังถือขวดโลชั่นเอาไว้
"จะทาเองเหรอ? ทาเองไหม ขอโทษที ผมคง ทาแรงไปหน่อย"

" ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมาก " เจตน์ปฏิเสธเรียบๆ ถ้าสุธาสินจะสังเกตเห็น คงจะพอรู้ว่า ใบหน้าได้รูปนั้นกำลังพยายามสะกดกลั้นอะไรอยู่

"โกรธผมเหรอ... ที่ผมพูด?"

" เปล่า..ก็แค่..รู้สึกสะอึกนิดหน่อย ถึงผมจะพอรู้ตัว แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าบอกตรงๆแบบนี้ "

..ยกเว้นเจ้าอ้วนนั่น..

เจตน์ถอนหายใจ " ใช่ไหมล่ะ ผมมันนิสัยแย่ คบกับใครก็ไม่รอดซักราย เพราะผมมันเป็นแบบนี้ "

"ผมก็ไม่รู้หรอกนะ...ก็แค่บอกไปตามเนื้อผ้า... แต่ถ้าคุณยอมรับแบบนั้นได้ ก็...ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ดีกว่า ไม่ยอมรับตัวเอง "
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเอาขวด โลชั่นไปยัดใส่ในมือของอีกฝ่าย แล้วเดินกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืม จะปิดไฟหัวเตียง

"จัดการตัวเองก็แล้วกันนะ ผมนอนล่ะ ราตรีสวัสดิ์"

==================

talk : ไม่ได้อัพนานมาก แม้จะเรื่อยๆ แต่ก็เรื่อยๆต่อไปนะคะ หวังว่าจะสนุกกับฮาวายของเจนต์และเพื่อน(?)ใหม่นะคะ
ปล.อย่าเศร้าไปเลยค่ะ ชีวิตของเจนต์มันต้องก้าวต่อไปนั่นล่ะค่ะ

ออฟไลน์ BlackKnight09

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เศร้าอ่ะ

อุตสาห์ รับรักแล้วแต่ต้องเสียไป

แล้วจะยังไงละ หนีมาแล้วทางโน้น จะคิดยังไง

มาต่อ เร็ว ๆ เนอะๆๆๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=35=

ในตอนเช้า ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ลุกขึ้นดึงผ้าม่านเปิดออก แสงแดดยามเช้าประกายสีทองระยิบ ไปกับพื้นน้ำ

"อื้ม วันนี้ น่าจะอากาศ สดใส เหมือนเมื่อวานนะ"
ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปยังรูมเมทจำเป็น ที่ยังคงนอนคุดคู่อยู่ใต้ผ้าห่ม
"นี่...ตื่นเถอะ ไปดำน้ำกันเถอะ ต้องติดต่อเรือเขาด้วยนะ..."มือเรียวตบเบาๆ ลงบน ผ้าห่มเบาๆ

" อื้อๆ "ชายหนุ่มค่อยตื่นขึ้น แต่ก็ยังงัวเงียอยู่ไม่น้อยเลย
" ยังไม่ได้ติดต่ออีกเหรอ? "

"เอ...เอ๊ะ ไม่ซิ่ เหมือนจะไม่ได้ ติดต่อ เรื่องอุปกรณ์ ดำน้ำมากกว่า "สุธาสินเอ่ย
"เอาะเถอะยังไงก็ต้องรีบตื่นเหมือนกันนั่นล่ะ"  ชายหนุ่มเอ่ยพลางตบลงอีกครั้งบนผ้าห่ม "ลุกๆ"

" โอเคๆ"เจตน์ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาแต่งตัวในชุดลำลองสบายๆอย่างเสื้อคอโปโลกับกางเกงสามส่วน

"รอแป๊บนะ เดี๋ยวอาบน้ำก่อน....อ้อ...เอากางเกงว่ายน้ำไปด้วยล่ะ งานนี้ ได้ลงน้ำ กันไม่ได้ ขึ้นแน่เลย" สต๊วตหนุ่มเอ่ย พร้อมกับรอยยยิ้มบนใบหน้า นึกสนุกไม่น้อยกับกิจกรรมที่แพลนไว้ว่า จะทำ

" ลงน้ำ? " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองทวนคำพลางขมวดคิ้ว " แต่ก็เอาเถอะ เลยตามเลยละกัน "
เขาเตรียมของจำเป็นที่น่าจะเอาออกไปใช้ในวันนี้ เช่นแว่นกันแดด กางเกงว่ายน้ำ ครีมกันแดด และอื่นๆ

===================

อาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมไว้ถูกจัดการอย่างเต็มอิ่ม ดูท่า อาหารทุกมื้อที่ฮาวายจะถูกใจเจตน์ที่ชอบอาหารรสจัดเป็นพิเศษ

"เดี๋ยวไปดำน้ำกัน..."

" ดำน้ำ? นี่ไม่ต้องเข้าไปเรียนก่อนรึไง แบบว่าดำน้ำลึกเหรอ? "เจตน์ขมวดคิ้ว ดูท่าว่าวันนี้จะเจอของยากเข้าแล้ว

"ดำน้ำดูประการัง ตื้นๆนี่เอง...เขามีพนักงานเทรนให้ก่อนหรอก" สุธาสินว่าพลางชี้นิ้วทางพนักงาน ของโรงแรมที่ยืนยิ้มอยู่อีกด้าน

" งั้นก็โอเค ฮะ ฮะ ฮะ "นั่นทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองต้องหัวเราะแก้เขินที่เข้าในผิดไปเสียยกใหญ่

===================

หลังจากอาหารเช้า ทั้งสองคน เดินตามพนักงานของโรงแรมไปจนถึงชายหาด เรือแคนนู สองสามลำ เตรียมพร้อมอยู่ที่ชายหาด พนักงาน รับหน้าเป็นติวเตอร์ ให้ทั้งในเรื่องการใช้สนักเกิ้ล และการพายเรือ อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะทำหน้าที่เป็นไกด์นำทั้งสองคน ออกไปยังจุดดู ปะการัง

น้ำทะเลใส คลื่นลมแม้มีบ้างก็ไม่เป็นอุปสรรค ที่จะพายเรือไปตามเส้นทางที่ไกด์เป็นคนนำทางไป
จนเมื่อถึงจุดชมปะการัง ทั้งสองสละเรือ ลงใส่สนักเกิ้ลและตีนกบกันอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มชิน ว่ายดำดู ความสวยงามใต้พื้นน้ำกันอย่างลืมเหนื่อย นี่อาจจะเป็นข้อดี ของการมาพักผ่อนก็เป็นได้

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองดำลงดูฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่เบื้องล่าง อย่างเพลิดเพลินและในบางครั้งก็ดึงสุธาสินให้ดูด้วยกันด้วย
จนเมื่ออากาศในปอดจะหมดเสียก่อน สุธาสินยื้อแขนกลับ ทำท่าชี้ขึ้น บอกเป็นเชิงว่า จะต้องไปแล้ว

แต่เจตน์กลับขยับขาไม่ได้ เขาพยายามขยับแขนเพื่อพาตัวเองไป แต่ยิ่งขยับตัวมาก็ยิ่งปวด

ท่าทางแบบนั้นทำให้คนที่กำลังจะถีบตัวเองขึ้นเหนือน้ำ กลั้นใจ ดำลงกลับไปใหม่ กึ่งดึงกึ่งพยุง เอา คนเจ็บ ขึ้นเหนือน้ำทันที

"....ช่วยด้วย..." แม้ทุกลักทุเล ไม่น้อย แต่ ก็พาเอาตัวเองกับอีกฝ่ายขึ้นมาเหนือน้ำได้ ไกด์ที่สแตนด์บายรออยู่ด้านบน รีบ พายเรือ เข้ามาช่วยดึงทั้งสองคนเอาไว้เหนือน้ำ ก่อนวิทยุ เรียก หน่วยพยาบาล ให้รีบนำเรือเร็วมาทันที
"ทนหน่อยนะ เป็นอะไรมากไหม พยุงตัวขึ้นไปบนเรือ ก่อนนะ...จะนวดให้..."
สจ๊วตหนุ่ม ดูจะไม่ลืมหน้าที่การทำงาน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ ทั้งๆที่ตกใจ แต่ กลับ ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

มือแกร่งพยายามพยุงตัวเองให้ได้มากที่สุด เขารู้ดีว่าตนเองตัวหนัก มันยากเกินกว่าที่คนผอมกว่าอย่างสุธาสินจะพยุงตัวเขาได้ได้สะดวก

" โอย " เจตน์ครางออกเมาเบาๆเมื่อหน้ากากถูกสุธาสินดึงออกความปวดยังคงลามไปทั่วช่วงขาทั้งสองข้าง
" อย่างกับ..เป็นอัมพาตน่ะ.. "

"เฮ้ บ้าน่าแข็งใจหน่อยซิ่ แค่ นวดก็หายแล้ว..."สุธาสินทำเสียงดุ  ก่อนจะดันให้อีกฝ่ายเกาะเรือคายัคเอาไว้เป็นหลักยึดนะหว่างที่รอให้ หน่วยพยาบาลมาถึง ได้ยินเสียงเรือแล่นมาแต่ไกล คงจะเข้ามาใกล้มาแล้ว

มือเรียว ขยับไปจับขาของอีกฝ่าย พยายามนวดให้เบาๆ จนเมื่อ หน่วยพยาบาล มาถึงด้วย เรือที่ลำใหญ่กว่าเรือคายัค ที่มีพื้นที่ เพียงน้อยนิด พนักงานของโรงแรม กับ คนขับเรือช่วยกันดึงตัวเจตน์ ขึ้นในฯที่ตัวเขาเองก็รีบตามไปดู อาการ
"เป็นไงบ้าง"ถามไปมือก็ยังหยุด บีบนวด

" ดีขึ้น .. ขยับได้ นิดหน่อย " เขาว่าพลางพยายามขยับขา

"โอเค งั้นบอกให้เขา เอาเรือเข้าฝั่งดีกว่า "สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ร่างบางหอบหายใจเหมือนเหนื่อย กับการพยุงร่างใหญ่กว่าของอีกฝ่ายเอาไว้ในน้ำ เมื่อครู่ พนักงานขับเรือ พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบหันหัวเรือกลับเข้าฝั่งทันที

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง จะถูกหามเข้าไปในห้องพยาบาลของโรงแรม แต่เจตน์ร้องห้ามเอาไว้ เขาไม่อยากนอนบนเตียงแข็งนั่น จนท้ายที่สุด ก็ถูกพากลับเข้าไปในห้องจนได้

===================

" น่าอายแฮะ เป็นตะคริวจนได้ "เจตน์บ่นออกมาเมื่ออยู่กับอีกฝ่ายสองต่อสอง อาการของเขาดีขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ได้สุธาสินช่วย และพนักงานของโรงแรม

"จะอายอะไรกันเล่า ใครก็เป็นได้หรอก...คุณคงเหนื่อยน่ะ" สุธาสินยิ้ม ก่อนจะส่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆให้กับอีกฝ่าย
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงนั่งลง ที่ข้างเตียง

"ดีนะไม่จมหายไป"

" คุณคงไม่ยอมให้ผมจมหรอก "เจตน์ตอบอย่างมั่นใจ ดวงตารีนั้นสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้

"คุณคงไม่สมควรตายขนาดนั้นหรอกมั้ง" สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย
"ดูหน้าแล้ว คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น"มือเรียวเผลอยื่นไปแตะใบหน้าของอีกฝ่าย จนรู้ตัวว่า ทำอะไรลงไป ก็ดึงมือออกทันที
"ไม่มีไข้.... โอเค งั้นพักไปก็แล้วกันนะครับ"

มือแกร่งดึงมืออีกฝ่ายเอาไว้แต่มันก็คงจะแรงเกินไปหน่อย

ร่างบางเซกลับเข้ามาตามแรงดึง ได้ยินเสียงอุทานจากร่างของสจ๊วตหนุ่มเบาๆ
"อ่ะ..ขอโทษ " ดวงตาสีเข้มที่สบตาของอีกฝ่ายนั้นฉายแววตกใจไม่น้อย

" ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ "เจตน์ตอบ ทั้งๆที่ตอนนี้เขากำลังจับจ้องที่ริมฝีปากบางนั้น

"พูด...อะไรแบบนั้น..." สุธาสินรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้า ของเขาอยู่ ดวงตาคู่สวยนั้นเสมองไปทางอีก
"เป็นใครก็ต้องทำไม่ใช่หรือไง"
"ถ้าคุณเห็นคนเป็นอะไรไปตรงหน้า ก็ต้องช่วยไม่ใช่เหรอ "สุธาสินหันกลับมาสบตาของอีกฝ่าย

แต่ใบหน้าของเจตน์ ที่อยู่ไม่ห่างออกไปนั้นกลับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ทั้งๆที่อยากจะหลบสายตา แต่น่าแปลก...เขาอยากจะเข้าใกล้มากขึ้น สุธาสินขยับตัวสัมผัส กับ ริมฝีปากนั้น แผ่วเบา ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมารวดเร็ว

ริมฝีปากนุ่มอุ่นที่แนบลงมา สำหรับเจตน์แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไวต่อการตอบสนอง ชายหนุ่มยังอยากจะได้รับสัมผัสนั้นอีก จากคนๆนี้มือแกร่งดึงสุธาสินให้ก้มลงมาอีกครั้ง และคราวนี้ ริมฝีปากได้รูปก็มอบจูบที่ร้อนแรงขึ้นกว่าที่อีกฝ่ายเริ่มก่อน มากนัก

เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ มือเรียวใช้ เตียงเป็นที่พยุงตัวเองเอาไว้ มืออีกข้างดูเหมือนไม่รู้จะวางเอาไว้ตรงไหน สุดท้าย สัมผัสใบหน้าแกร่งนั้นแผ่วเบา

ริมฝีปากบางพยายามขยับออกเพื่อขออากาศหายใจ ตั้งแต่กลับไปเข้าทำงาน จนกระทั่งขอตัวมาพัก เขาไม่ได้สัมผัสกับใครแบบนี้ มานานเท่าไรกัน

เป็นจูบแรกที่เริ่มต้นยาวนานนักสำหรับทั้งคู่ ปลายลิ้นร้อน เลียริมฝีปากของตนเบาๆ เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกมาจากความหวานของสุธาสิน

ความเงียบเกิดขึ้น ได้ยินหัวใจตัวเองเต้นรัวอยู่ในอก สุธาสินอยากจะขยับหนี แต่ตัวก็เหมือนจะยังไม่ยอมรับคำสั่งจากสมอง ทุกอย่างมึน หมุนคว้าง ได้ยินเสียงคลื่นกำลังซัดเข้าหาฝั่ง

"ข...ขอโทษ ผมไม่น่าทำแบบนั้น..." ชายหนุ่ม ขยับ ถอย กลับไปที่เตียงของตัวเอง ทันทีที่ตั้งสติได้ ไม่ยอมให้เจตน์ได้แก้ตัวหรือพูดอะไรอีก

ส่วนหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็ได้แต่มองตามร่างนั้น เขาควรจะขอโทษ หรือแก้ตัวอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ทำ .. เพราะในใจลึกๆ เขาไม่ได้คิดว่ามันผิดซักนิด..

===================

มื้อค่ำคืนที่สองของการเข้าพัก มีการจัด แคมป์ไฟเล็กๆ ให้ กับแขกที่เข้ามาพัก เนื่องจากมีคนเข้ามาพักไม่มาก เพราะไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวจึงมีแขกเข้ามาพักในโรงแรม ไม่ถึงยี่สิบคน

ชายหนุ่มทั้งสองคนไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ บนชายหาดที่มีการ วางคบเพลิงเอาไว้เป็น จุดๆยาวลงไปจนถึงชายหาด แต่ ท่ามกลางบรรยากาศ ของความสนุกสนาน เป็นกันเอง ดูเหมือนว่า สุธาสินจะไม่กล้ามองหน้าของเจตน์มากนัก มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ยามเมื่อหยิบ บาร์บีคิวส่งให้เท่านั้น

" ขอบคุณ "เจตน์รับเอาของกินที่สุธาสินมักจะจัดแจงเอาใส่จานมาให้เขาเสมอ

ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่ตื่นมา ทั้งคู่ไม่ค่อยได้พูดจากันเท่าไหร่ และเพราะเจตน์เป็นตะคริวเมื่อวาน ตลอดทั้งวัน ทั้งสองคนจึงพักผ่อนอยู่ในห้อง

"ผม...ไปเดินรับลมหน่อยก็แล้วกัน " เสียงนุ่มเอ่ยเบาๆ ก่อนที่ร่างเพรียว จะเอาจานไปส่งคืนให้กับพนักงาน เสียงดนตรี บรรเลง อยากสนุก แต่ถ้าอีกฝ่ายยัง มองตามอยู่ตลอดแบบนี้ มีความรู้สึกเหมือนจะไม่ได้หายใจหายคอกันพอดี สุธาสิน เดิน ไปตามทาง ที่มี คบเพลิงปักไว้เป็นแนวลงไปจนถึงชายหาด

นั่นทำให้เจตน์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย .. มันเหมือนกับคืนแรกที่พวกเขารู้จักกัน ..แล้วสุธาสินก็เดินหนีเขาไป

เพียงแต่วันนี้ เพราะว่าจูบไปแล้ว เจตน์รู้สึกว่า เขาไม่สามารถจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อีกแล้ว คิดได้อย่างนั้น หนุ่มร่างสูงจึงเดินตามสุธาสินไปทันที

" สิน! "เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย หลังจากปล่อยให้เจ้าของชื่อ เดินออกมาห่างจากแคมป์พอสมควร

เจ้าของชื่อหยุด ก่อนจะหันกลับมา ลมทะเลพัดเส้นผมสีน้ำตาลนั้น จนลู่ไปเล็กน้อย ร่างบางในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ดูบอบบาง ท่ามกลางแสงสลัว

" คุณโกรธผมรึเปล่า เรื่องเมื่อคืนนี้? "เจตน์เดินมาอยู่ตรงหน้าร่างบาง ดวงตารีสบตาอีกฝ่ายท่ามกลางแสงนวลตาของโคมไฟ
เสียงคลื่นลมกระทบชายหาดเป็นระยะๆ พัดลมเย็นๆสู่ร่างของทั้งคู่

"โกรธ?...เรื่องอะไร..."สุธาสินเอ่ยเสียงเบา
"ผมเริ่มก่อนนี่ ผมควรจะถามคุณมากกว่า ไม่ใช่รึไง...."

" คุณหลบหน้าผมมาทั้งวันแล้ว .. ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ เดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี "เจตน์ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะทำยังไงกับท่าทางแบบนั้นของสุธาสิน

"ก็...ผม...ผมไม่รู้ซิ่ โธ่เอ้ย นี่มันบ้าแล้ว ผมนี่หาเรื่องเองแท้ๆ " สุธาสิน เริ่มสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางแล้ว ออกเดิน พยายามจะหลบ "ความผิด" ของตัวเอง
"ผมมาที่นี่ จะมาพักสมอง พักใจ...แต่...ไม่รู้ ...พอสัมผัสคุณแล้ว... ผมรู้สึกว่า ผมทำแผนตัวเองพัง มันแปลกๆ "ชายหนุ่มร่างบางหยุด ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่าย

"ตรงนี้..." มือเรียววางแทบอก ใบหน้าดูลำบากใจ แต่ก็มีความรู้สึกอื่นแอบแฝงอยู่ในนั้น

มือแกร่งจับมือเรียวของสจ๊วดหนุ่มมาแตะที่อกเขาเช่นกัน

" ตรงนี้ของผม ..ก็เหมือนกัน "เขายิ้มกับท่าทางของสุธาสิน
 " แต่ตรงนี้ของผมมันสงบลง ตั้งแต่ได้มาที่นี่กับคุณ .. นั่นเพราะผมได้อยู่กับคุณ "

"...มันก็แค่ไม่กี่วัน... "สุธาสินพูดเหมือนแก้ต่าง แต่ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มขึ้นมานิดๆ เมื่อรู้สึกถึง หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของอีกฝ่าย
ดวงตาสีเข้ม หันมองไปยังทะเล ที่ยังคง ซัดคลื่นเข้าหาฝั่ง

"แต่ช่างมันเถอะ "เสียงนั้นเหมือน ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะดึงคอของอีกฝ่าย โน้มลงมา แตะริมฝีปากแผ่วเบา

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะในคออย่างพอใจกับท่าทางของสุธาสิน มือแกร่งโอบเอวบางนั้นไว้
" นั่นสิ..ช่างมัน  "ปลายลิ้นร้อนลากกับริมฝีปากบางอย่างยั่วเย้า

เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอแผ่วเบา สองแขนโอบร่างสูงเข้าหาตัว สัมผัสยั่วยวนนั้น ทำให้ร่างทั้งร่างรู้สึกร้อนไปหมดทั้งที่ลม ทะเล ก็นับได้ว่า เย็นสบาย

ริมฝีปากบางละออกจากริมฝีปากของอีกฝ่ายเล็กน้อย มือเรียวยึดไหล่แกร่งทั้งสองข้างเอาไว้ เป็นหลักเล็กน้อย
แต่มือที่โอบเอวบางนั้นกลับเริ่มลากไล้ไปที่สะโพกบางราวกับต้องการมากกว่านี้

"เอ่อ...เดี๋ยวซิ่...มีคนมาจะว่าไง... " รู้สึกได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกร้อง สุธาสินรีบยื้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที

" งั้น..กลับห้องไหม? "

"ก็...กลับสิ... "สจ๊วตหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ รู้ได้ว่า ใบหน้าร้อนผ่าว แต่อีกฝ่าย ก็คงจะไม่ต่างกัน

===================

แสงไฟในห้องเป็นสีส้มนวล ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง พยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตที่ข้อมือที่เหลืออีกเม็ดออก น่าแปลก ที่แกะไม่ออกเสียที

....อะไร...ห่างไปพัก เป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ...
.....หรือเพราะอีกฝ่ายกันแน่นะ...

เจตน์เดินมาซ้อนแผ่นหลังนั้นก่อนจะจัดการปลดกระดุมเสื้อที่ติดอยู่ ริมฝีปากร้อนเม้มเบาๆที่ลำคอนั้น
" เป็นอะไรไป?.. "เขาถามงึมงำ ขณะที่ฝังริมฝีปากกับลำคอนั้น

"เปล่า ...ก็แค่...ตื่นเต้นมั้ง ผมไม่ได้...มีอะไรกับใครมาซักพักแล้ว"ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่าย

"งั้น..ผมคงเป็นผู้โชคดีสิเนี่ย"มือแกร่งค่อยๆ ปลดกระดุมเชิ๊ตขาวตัวนั้นออกทีละเม็ด

" คงงั้น...มั๊ง "เสียงนั้นตอบแผ่วเบา

ชายหนุ่มรั้งมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพียงเพื่อจะจูบอีกฝ่าย ก่อนจะขยับ ตัวออกจากอ้อมแขนนั้น มือเรียว ดึง เอาเสื้อของตัวเองออกไปจนพ้นตัว

ผิวกายขาวเนียนนั้นเด่ชัดในสายตาของหนุ่มผิวแทน เจตน์โอบเอวบางนั้นไว้ก่อนจะเริ่มขยับไปซุกไซ้กับผิวกายขาวเนียนนั้น ทั้งๆที่พวกเขากำลังยืนอยู่

เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยจากสจ๊วตหนุ่ม
"จะอยู่กับแบบนี้เหรอ..."

" แล้วจะไปไหนดีล่ะ? โซฟา ห้องน้ำ ระเบียง หรือ ที่นอนดี? "เจตน์ถามติดตลก แต่ริมฝีปากของเขากลับไม่ได้ตลอกด้วยเลย มันกำลังทำงานเพื่อทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วม

"ปากดี.....อ๊ะ " สุธาสินอุทานออกมาเมื่ออีกฝ่ายสัมผัสแรงบนแผ่นอก
 "ที่ไหนก็ได้...เร็วสิ...." เสียงนุ่มนั้น ฟังดูยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อมือเรียวนั้นไล้มาจนถึงสะโพกแกร่งของร่างสูง เร่งเร้าให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ไม่ใช่ผ่านผิวผ้า ของกางเกงผ้าที่ยังผูกติดอยู่กับเอว

ช่วงขาเรียวที่เป็นตะคริวเมืองสองสามวันก่อน พาร่างบางไปยังเตียงของเขา ก่อนจะผลักร่างนั้นลงนอนเบาๆ บนเตียงนุ่ม
แล้วทาบทับลงไป ริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนๆ หยอกเย้าอย่างเร่าร้อน จนผิวกายขาวมีร่องรอยปรากฏ

มือแกร่งลากไว้สะโพกไล่ไปถึงต้นขาก่อนจะปลดกางเกงที่สุธาสินสวมอยู่ออก จนร่างนั้นนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง

"ขี้โกงเป็นบ้า..." แม้จะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ต้องพยามไม่น้อยที่จะเค้นเสียง ออกมา มือเรียวเอื้อมไปหมายจะแกะ กระดุมกางเกงของอีกฝ่ายออก ซึ่งเจตน์เองก็ยอมให้อีกฝ่ายทำให้เขา ออกจะถูกใจด้วยซ้ำที่สุธาสินช่วยเขาบ้าง

ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ปรากฏต่อหน้าสายตาของกันและกัน ดวงตารีมองร่างบางนั้นดูร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาสุธาสินให้มอดไหม้

นิ้วเรียวลากตามผิวเนื้อเนียนของคนที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดีตามอาชีพ จนมาถึงเบื้องล่าง หนุ่มผมสีน้ำตาลทองยิ้มให้อย่างทะเล้นก่อนจะขยับสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย ให้ร่างของพวกเขาได้สัมผัสกันและกันเสียก่อน

สัมผัสร้อนจากร่างของอีกฝ่าย เหมือนจะยิ่งทำให้ ร่างบางควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้ สะโพกบางนั้นขยับตอบสนอง พร้อมกับเสียง ครางเครือจากร่างที่มีเหงื่อกาฬเกาะพราว

สองแขนโอบร่างแกร่งขยับเจ้าหา ราวกับจะเรียกร้องมากขึ้นไปอีก
".....เร็ว...ได้....ไหม"

เบื้องล่างขยับเข้าหาเร็วขึ้น จนเขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างบางนั้น  ในขณะที่ริมฝีปากก็มอบจูบที่ยั่วเย้าจนสุธาสินเคลิบเคลิ้มก่อนจะละริมฝีปากออก จูบลงต่ำเรื่อยๆ แล้วจับขาเรียวนั้นให้แยกออกกว้างก่อนจะมอบสัมผัสที่เร่าร้อนตามที่อีกฝ่ายปรารถนา

มือเรียวขยับคว้าเส้นผมสีน้ำตาลทองนั้นอย่างแรงจนแทบจะเรียกได้ว่าผวา ใบหน้าสวยส่ายไปมา ด้วยยากจะควบคุม ริมฝีปากเอ่ยถ้อยคำฟังไม่ได้ศัพท์ แต่มันเร่งเร้า ยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกับการขยับย้ายของร่างนั้น
แต่เจตน์กลับละออกไปเมื่อสุธาสินร้องครวญหนักขึ้น ในหัวได้ในสิ่งที่สุธาสินบอกว่าห่างหายจากสิ่งที่กำลังทำอยู่มานานนัก คิดได้อย่างนั้นจึงลากปลายลิ้นไปยังช่องทางร้อนๆที่เขาควรทำความรู้จักมันก่อนจะเข้าไปในไม่ช้า

"อ๊า..ไม่...ไม่ต้องก็ได้.... "ทั้งที่ปากยังร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความรู้สึก แต่กลับเค้นคำออกมาราวกับห้าม สุธาสิน ขยับหมายจะดันอีกฝ่ายออก มันน่าอายเกินไป ไม่ค่อยมีใครทำให้เขาขนาดนี้ ร่างบางตั้งใจขยับหนี

"  ให้ทำเถอะ..นะ "เจตน์กลับไม่ยอมให้สุธาสินขยับไปไหน มือแกร่งนั้นแรงเยอะเหลือเกิน เขาจับให้ขาเรียวนั้นแยกออกมากขึ้น ปลายลิ้นสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่กระตุก มือแกร่งขยับขึ้นสัมผัสความต้องการของหนุ่มร่างเพรียว ขยับขึ้นลงมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างบางเกร็งแน่น รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ยกท่อนแขนขึ้นปิดหน้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน เมื่ออยู่ในความมืดของตัวเอง ได้ยินเสียง หัวใจเต้นคละเคล้าไปกับเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย หัวใจขยับแรงมากขึ้นไปอีกจน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะควบคุมอะไรเอาไว้ไม่อยู่ ความร้อนผ่าว ที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ กำลังจะทนต่อไปไม่ได้ อีกแล้ว ร่างนั้นเกร็งสั่น

"อ๊า...." ความต้องการถูกปลดปล่อย น่าอายเหลือเกินที่รู้สึกมากเสียจนควบคุมเอาไว้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะห่างหายไปนาน แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายต่างหาก ความเร่าร้อนเหล่านี้ มันยากจะอธิบาย
มันเลอะทั้งมือและใบหน้าได้รูปของผู้เร่งเร้า แต่เจตน์กลับไม่ได้รังเกียจ ความพร้อมของร่างกายแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เขายิ้มออกมาเสียด้วยซ้ำ

มือแกร่งรั้งขาเรียวข้างหนึ่งกับบ่ากว้างก่อนจะค่อยๆดันนิ้วที่เปรอะเปื้อนเข้าหาร่างที่ร้อนรุ่ม ส่วนมืออีกข้างก็ขยับไปดึงลิ้นชักที่หัวเตียงเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ

"เจตน์.... " เสียงเรียกชื่อนั้นดังขึ้น ทันที ร่างบางผวา กอดอีกฝ่ายเข้าหา ริมฝีปากบางประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย เรียวลิ้นไล้เล็ม ได้รสของตัวเองเข้ามากระตุ้นเร้าความรู้สึกให้มีมากขึ้น สะโพกบางขยับรับสัมผัสของปลายนิ้วที่เพิ่มจำนวนและความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางเครือดังขึ้นในลำคอบ่งบอกได้ถึงความพอใจ

" อา..สิน "เจตน์ที่แทนที่นิ้วทั้งสามด้วยตนเองที่เตรียมพร้อมแล้วนั้นครางออกมาทันทีที่เข้าไปได้ทั้งหมด ชายร่างสูงก็เริ่มขยับกายเข้าหา เร็วขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือข้างนึงปลุกเร้าอารมณ์ของคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง

"เจตน์....อ้ะ...อ๊า...เจตน์..." เสียงนั้นตอบรับ มือเรียวจิกเกร็งลงบนผิวเนื้อ ของอีกฝ่าย ก่อนจะพยายามห้ามเสียงด้วยสัมผัส ลงบนผิวกายของอีกฝ่าย เม้มแรงฝากร่างรอยของตัวเองเอาไว้ไม่ต่างกัน สะโพกมน ขยับรับ สัมผัสจากร่างสูง เร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็น ความสุข แล่นริ้วจากเบื้องล่างไปยังทุกโสตประสาท น้ำตาพร่างพรูห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ในอก ในร่างมันร้อนและสุขเกินจะทานทนไหว ร่างเกร็งแน่นอีกครั้งในเวลาไม่นาน 

"เจตน์....ผม...." เสียงนั้นขาดช่วง ราวกับจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่อาจทานทนเอาไว้ได้อีกต่อไป

" ผมก็..อึก! "เจตน์กระตุกเกร็งอย่างแรงในกายอีกฝ่าย พร้อมกับที่มือของเขารู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นอีกครั้ง

ร่างทั้งสองร่างหอบหายใจอย่างแรง ผู้บุกรุกกระซิบข้างใบหูร้อนนั่นเบาๆอย่างกวนประสาท

 " คุณน่ะ..ยอดไปเลย.. " ก่อนค่อยๆถอนกายออก แล้วรูดถุงยางอนามัยทิ้งลงที่ถังข้างเตียง ก่อนจะกลับมานอนคลอเคลียอีกฝ่ายไม่หยุด

"....พูดอะไร....ปากดี อีกแล้ว..." สุธาสินหอบเหนื่อย ร่างบางรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังล่องลอย ตาเขากำลังจะหลับ แต่ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสของอีกฝ่ายบนผิวกาย "ขอโทษ....ผมควรจะใช้นั่นด้วย..." มือเรียวแตะหน้าของอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาหา บางอย่างยังหลงเหลือ ใบหน้าสวยร้อนผ่าว

" แค่ผมคนเดียวก็พอ .. อีกอย่าง .. ของคุณมันหวานออก "ปลายลิ้นร้อนค่อยๆทำความสะอาดคราบที่เลอะตามตัวของสุธาสิน อย่างอ่อนโยน

"บ้าไปแล้ว...ไม่ต้อง...."สุธาสินหัวเราะ ริมฝีปากบางคลี่เป็นรอยยิ้ม ความรู้สึกเต็มเปี่ยมในอกนี้ยังไม่ห่างหาย เป็นครั้งแรกที่มีใครทำให้รู้สึก ได้ถึงขนาดนี้ และมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

 " ปล่อยเถอะ จะไปอาบน้ำ...."ร่างบางว่า พลางพยายามขยับหนี

" ไม่ต้องอาบหรอก .. กลิ่นหอมแบบนี้ น่าเสียดายออก นอนเถอะ คุณง่วงแล้ว "มือแกร่งกอดร่างบางเข้าหาตัว ผิวกายที่ร้อนระอุกลายเป็นความอบอุ่นที่เขาอยากจะกอดเอาไว้นานๆ

"แต่....ไม่เคย....นอนทั้งๆแบบนี้นี่..." เสียงนุ่มอ้อมแอ้มเอ่ย ใบหน้าสวยก้มลงกับแผ่นอกของอีกฝ่าย

" ก็ลองซี่..แล้วคุณจะชอบ มานี่มา "พูดจบมือแกร่งก็โอบร่างบางเข้ามาแนบชิด มือแกร่งกอดร่างนั้นไว้หลวมๆ
" Good night "

"ราตรีสวัสดิ์..."สุธาสินรับคำแผ่วเบา อ้อมกอดแกร่งของอีกฝ่ายนั้นอบอุ่น มันอบอุ่นมากขนาดนี้เชียวหรือในอ้อมกอดของใครบางคน สุธาสินยิ้ม ริมฝีปากบางแตะเบาๆบนแผ่นอกนั้น ก่อนจะหลับตาลง ไม่นานนัก ก็ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับห้วงฝัน เสียงคลื่นยังคงซัดสาดเข้าหาฝั่งราวเพลงขับกล่อม


Talk : ความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็คืบหน้าไปเรื่อยๆนะคะ..ยังคงโพสต์ต่อไปเรื่อยๆนั่นล่ะค่ะ(แต่อาจจะช้าๆหน่อยแต่จบชัวร์นะคะ) ช่วงนี้ก็ลอยกระทงแล้วไปลอยกระทงกันก็ขอให้ระวังอันตรายจากประทัดด้วยนะคะ^^

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนแรกเหมือนเจตน์จะชอบชิน แล้วก็ไปชอบอาร์ท แล้วก็เปลี่ยนอีกละ
เรื่องมันไปเรื่อยๆโดยไม่จบใช่มั้ยน่ะ เจตน์ควรจะหยุดบ้างอ่ะ
ตอนแรกเชียร์ชินเต็มที่แต่พอนึกถึงลูกชินแล้วก็นึกว่าจะไม่มีไรแล้ว
นี่ไรอีกเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย งงว่าใครเป็นพระเอกใครสมควรเป็นนายเอก
เฮ้อออออออออออออ........................

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เจตต์โครตมั่วอ่ะ ไหลไปเรื่อยเหมือนอยู่ใกล้ใครก็พร้อมที่จะโอนอ่อนไปกับคนนั้น ดีแล้วหล่ะที่ชินไม่ได้กับคนแบบนี้โลเลมาก ๆ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
โคไรท์เอง

นานจนจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรไปบ้าง

แต่...อย่างที่เคยบอก จะว่า เจตน์โลเล ไม่พอ ? หรืออะไรก็ตามแต่ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะรักคนๆแรกที่เห็น (ยกเว้นคนในครอบครัว) ถ้ามันไม่ใช่ สมองก็จะบอกให้เราออกตามหาต่อไป รู้สึกดีกับใคร...กับคนแบบเจตน์แล้วก็คงอยากจะบอกออกไปตรงๆ เจตน์ไม่ได้ผิด ถ้ารู้สึกดีแล้วมีความสัมพันธ์ด้วย มันขึ้นกับอีกฝ่ายว่าจะตอบรับเจตน์ได้ไหม...ซึ่ง มนุษย์ที่ชื่อว่าเจตน์นั้น โดนทิ้งมาแล้วสองคร้ง   :mew5:

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=36=

เสียงนกร้องดัง คละเคล้าไปกับเสียงคลื่น  แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในยามเช้า ทำให้ คนที่ไม่คุ้นนักกับการนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครรู้สึกตัวตื่นขึ้นได้ไม่ยากเย็น อ้อมแขนแกร่งที่ โอบรอบตัวอยู่ ทำให้ ยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะต้องซุกไซ้หาความอบอุ่นต่อ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ขยับลุกออกจากเตียงก่อนจะลุกไปอาบน้ำชำระร่างกาย อย่างที่อยากจะทำมาตั้งแต่เมื่อคืน

เสียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดตามมาด้วยเสียงฝักบัวทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองต้องลืมตาตื่น มือแกร่งลุกขึ้นนั่งก่อนจะเกาศีรษะไปมา
" ไม่โรแมนติกเลยน้า "

ไม่นานนักเสียงน้ำ ก็เงียบลง ก่อนจะตามมาด้วยร่างเพรียวที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในเสื้อคลุมอาบน้ำ และผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนบ่า สจ๊วตหนุ่มดูสดชื่นเมื่อได้สระผม

" หนีไปอาบน้ำคนเดียวได้ไง? "เจตน์ถามพลางยิ้มกับท่าทางสดชื่นของอีกฝ่าย

"ก็... ผมบอกแล้วนี่ ว่าผมอยากอาบน้ำ " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ตอบ ใบหน้าได้รูปนั้นยังมีหยาดน้ำเกาะอยู่ บ้างเล็กน้อย

" โอเค งั้นผมอาบต่อละกัน "ชายหนุ่มร่างสูงที่เปลือยเปล่าลุกขึ้นผ่านอีกฝ่ายไป แต่ก็ไม่วายที่จะช่วยสุธาสินเช็ดผมไม่ได้

"อาบน้ำซิ่..." สุธาสินเอ่ยพลางหัวเราะขยับหลบมือของอีกฝาย
"ผมทำเองได้... " ชายหนุ่มเอ่ย พลาง ดันอีกฝ่ายให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
"ไม่ต้องห่วง ผมไม่หนีไปไหนหรอก เดี๋ยวรอไปกินข้าวด้วยกัน"

"อ้าว นึกว่าจะให้ช่วย " ด้วยเพราะเคยคบกับอารยะแล้วเคยชินกับการทำนั่นทำนี่เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ เมื่อเห็นสุธาสินแบบนี้เขาเลยแปลกใจ

"ทำไมล่ะ... ก็.... เช็ดผมเอง แปลกตรงไหนกัน " สุธาสินเลิกคิ้ว ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
"อ้อ...อย่าบอกนะว่า ต้องเช็ดผมให้แฟนด้วย?"

" เคยทำน่ะ.. เอาล่ะ เดี๋ยวหาอะไรกินกัน "เจตน์ตอบก่อนจะจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อย รวดเร็วเหมือนทุกครั้ง

===============

"เร็วจัง... " สุธาสินยิ้ม ออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋า กับกล้อง ร่างบางเดินไปที่ประตู ก่อนจะหันกลับมา มองหน้าของอีกฝ่าย
"จูบได้ไหม "

" เอาสิ "

ริมฝีปากได้รูปนั้นคลี่ยิ้ม ก่อนที่ร่างของสจ๊วตหนุ่มในชุดเสื้อยืด ดูสบายตา จะขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากนั้นแตะกับริมฝีปากของอีกฝ่ายแผ่วเบา

" morning kiss รึเปล่า? " เจตน์ถามเมื่ออีกฝ่ายถอนสัมผัสออก

สุธาสินเม้มฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง เสียงพึมพำว่า อาจจะใช่มั้ง

เมื่อเห็นแบบนั้นก็ทำให้หนุ่มผมสีน้ำตาลทองอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วหันไปหอมแก้มสุธาสินเบาๆ
" ไปกินข้าวเถอะ "

===============

อาหารเช้าของวันนี้ถูกรวมไว้กับอาหารเที่ยงที่โรงแรม

" ว่าแต่วันนี้ทำอะไรดีล่ะ? " เจตน์ถามอีกฝ่าย พลางดูนาฬิกา มันจะเกือบเที่ยงแล้ว จะไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมอื่นๆก็คงไม่ทัน

"อืม... คุณ...ก็....เป็นแบบให้ผมถ่ายรูป....ริมหาด จะเป็นไง"

" ฮะ ฮะ ผมหล่อขนาดนั้นเลย? "คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ

ชายหนุ่มสีน้ำตาลแดงขยับลุกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเรียวขยับราวกับจะเรียกให้อีกฝ่าย ลุกขึ้นมาฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
ชายหนุ่มขยับเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย พลางขมวดคิ้ว
"ผมว่า... คุณก็...ไม่ได้ดูขี้ริ้ว และ....ก็ "ไม่เลว" ในหลายๆเรื่องนะ..." ริมฝีปากบางขยับชิดใบหูของอีกฝ่าย น้ำเสียงฟังดูซุกซน อยู่ในที

" ติดใจแล้วก็บอกมาเถอะ "แทนที่จะเขิน เจตน์กลับรำคำชมนั้นหน้าตาเฉย ก่อนจะเอ่ยชวน
 " งั้นเดี๋ยวไปเล่นน้ำที่หาดข้างหน้านี่ก็แล้วกัน ดีไหม? "

"ก็ดีนะ... หามุมเงียบๆหน่อยก็แล้วกัน..." ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ 

“ โอเค งั้นคิดเงินเลยดีกว่า ” เจตน์เรียกพนักงานให้มาคิดเงิน โดยที่มื้อนี้เขาอาสาเป็นเจ้ามือเอง

===============

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จช่วงบ่ายๆ ทั้งคู่ก็เดินลงมายังหาดของโรงแรม เจตน์ที่สวมกางเกงว่ายน้ำขาสามส่วนเดินนำสุธาสินลงไปตามชายหาด ลงไปยังผืนน้ำที่เย็นสบาย

" มาซี่ ไม่ต้องกลัวดำหรอกน่า " เจตน์ป้องปากเรียกคนที่ยังตัดสินใจว่าจะลงหรือไม่ที่หาดทราย

"เอ้า...ชีส...." สุธาสินเอ่ยขึ้นพร้อมยกกล้องขึ้นเตรียมพร้อมจะถ่ายร่างสูงนั้น
" ยังมีรอยอยู่เลย" สุธาสินเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อมองผ่านกล้องไปแล้วยังเห็นร่องรอยที่ตัวเองฝากเอาไว้บนแผ่นอกของอีกฝ่าย

" อ้าว มัวถ่ายรูปได้ไง โอเค มาถ่ายในน้ำดีกว่ามา " หนุ่มร่างสูงโวยเล็กๆแล้วเดินขึ้นมาหาอีกฝ่าย
" มาเล่นน้ำกันน่า สิน "

"กล้องนี่ลงน้ำได้ไม่ลึก ก็อย่ากดผมลงน้ำ ก็แล้วกัน " ชายหนุ่มว่า พลาง เดิน ลง น้ำไปหา อีกฝ่าย ใน มือยังยกกล้องเอาไว้สูง

" นี่..ไม่อยากลองถ่ายรูปคู่กับผมหน่อยเหรอ? "เจตน์ถาม มือข้างหนึ่งจับมือให้ร่างนั้นเดินตามมา

มือเรียว คว้าคอของอีกฝ่ายเอาไว้ ดึงร่างสูงนั้นเข้ามาใกล้ ริมฝีปากได้รูปนั้นแตะเบาๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเฉกเช่นเมื่อตอนก่อนที่พวกเข้าจะเดินออกจากห้องมา แขนอีกข้างที่ชูกล้องเอาไว้นั้นยืดออกก่อนที่จะกดชัตเตอร์ สุธาสินเหยียดยิ้มทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิด
ท่าทางแบบที่ไม่เคยเจอกับใครทำให้เจตน์ต้องเผลอทำหน้าเหวอๆและชัตเตอร์ก็จับภาพเอาไว้ได้ ชายหนุ่มโวยวายเล็กน้อย แล้วขอโอกาสถ่ายใหม่ และภาพที่ได้ก็เป็นภาพที่ราวกับเป็นคู่รักกันเลยทีเดียว

"ขี้อายจริงๆ...แต่ที่จริง เมื่อคืน คุณก็ทำเอาผมอายไปเหมือนกันนะ " สจ๊วตหนุ่มหัวเราะรู้สึกได้ถึงแรงซัดของคลื่นที่โถมเข้าหา ร่างบางขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย
"คราวนี้ เก๊กหน้าดีๆ กันซักทีจะได้ไหม " ว่าพลางยืดมือออกไปอีกครั้ง

ภาพที่ทั้งคู่ถ่ายด้วยกันนั้น ราวกับเป็นคนรักกันเลยทีเดียว โดยที่ต่างก็ไม่รู้ตัวว่าสายตาที่มองกันและกันนั้น ราวกับว่าตกหลุมรักกันเข้าให้แล้ว ก่อนจะกดชัตเตอร์ ภาพที่ได้นั้นทำให้เจ้าของกล้องยิ้มออกมา

ชายหนุ่มขอเวลาเอากล้องไปเก็บบนโต๊ะที่ริมหาด นั้น ก่อนจะเดินกลับลงมา ท่อนบนเปลือยเปล่า คราวนี้ พร้อมแล้ว ที่จะสนุกไปกับท้องทะเลสีครามของหมู่เกาะฮาวาย

เจตน์วิ่งกลับมาที่หาดอีกครั้งแล้วดึงแขนของสุธาสินให้ลงมาเล่นกับเสียเร็วๆ เร็วเสียจนทั้งคู่เสียหลักเปียกกันไปทั้งตัว

" ฮะ ฮะ ฮะ  "เจตน์หัวเราะอย่างสบายอารมณ์เมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำ

"อารมณ์ดีจริงนะ ..." สุธาสินว่าพลางสาดน้ำใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย

" ได้แกล้งคนนี่ " เจตน์โอบรอบเอวบางนั้นเบาๆ มือข้างว่างแตะผิวแก้มที่ร้อนเพราะแดด
" ว่าแต่ไม่กลัวดำแน่นะ? "

"อืม... นั่นซิ่ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่ร่มๆ....กันดีไหมล่ะ "สุธาสินยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายมีความหมาย

" แต่คงต้องล้างน้ำทะเลออกก่อนล่ะ กลับห้องไหมล่ะ? "
เจตน์เองก็เข้าใจมันดี คิดๆดูแล้วตอนนี้เมดก็คงมาทำห้องให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว

"ก็...ดี"สุธาสินรับคำพร้อมกับริมฝีปากบางที่สัมผัสเบาๆลงบนไหล่แกร่งของอีกฝ่ายได้รสของน้ำทะเล

===============


วันแล้ววันเล่าที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน ด้วยการออกไปเที่ยว ทำกิจกรรมด้วยกัน แล้วกลับมาสนุกกันบนเตียง หรือในบางวันก็ขลุกอยู่บนเตียงไม่ไปไหนเลย

เจตน์พยายามจะรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เริ่มมากขึ้น และในบางครั้งเขาเองก็อาสาที่จะออกเงินให้กับสุธาสินด้วย ทำให้การวางแผนการใช้จ่ายเงินในการทำงานปีแรกของเขาต้องล้มเหลว

"มีอะไรหรือเปล่า "สุธาสินถามเมื่อเห็นเจตน์ดูมีสีหน้า เคร่งเครียดในคืนวันหนึ่ง เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นชายหนุ่มนั่งกับอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะตรงหน้า มีกระเป๋าสตางค์และของทุกอย่างวางอยู่ระเกะระกะ เหมือนถูกเทออกมาก็ไม่ปาน

" แย่แล้วน่ะสิ..ผิดแผนหมดแล้ว "เจตน์ขมวดคิ้วกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เงินดอลล่าตรงหน้าของเขามีเหลือไม่มากเท่าไหร่ ค่าห้อง ค่าเครื่องบินที่กลับเกาะใหญ่ล่ะ ถึงจะพอ เขาก็ต้องอดตายก่อนอยู่ดี มือแกร่งกุมศีรษะของตนเอง ก่อนจะถอนหาใจอย่างหงุดหงิด

"ให้ยืมก่อนไหม" สุธาสินเอ่ยออกมาแทบจะในทันที

" ............................. "
คำพูดนั้นราวกับกระตุกความรู้สึกและอารมณ์ในขณะนี้ให้แย่ลงไปอีก เจตน์เงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
" ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ.. "ก่อนจะลุกขึ้นโกยธนบัตร เงินดอลล่า และเงินเหรียญใส่กระเป๋าเงิน

"เจตน์...ผมไม่ได้หมายความว่าอะไรแบบนั้นนะ” ท่าทางแบบนั้น ทำให้สุธาสินต้องพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงในท่าทีของอีกฝ่าย

" คุณไม่ต้องห่วง เงินค่าห้อง และค่าตั๋วกลับเกาะใหญ่ ผมยังมี "เจตน์เดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเก็บกระเป๋าของตนเองทันที
" แต่คงอยู่ได้ถึงแค่คืนนี้เท่านั้น "

"......................เหรอ......อืม...." สุธาสินรับคำด้วยเสียงเรียบๆจะให้เขาพูดอะไรได้มากกว่านี้ สถานการณ์มันเด่นชัดมากอยูแล้ว
"งั้น...ผมก็...กลับด้วย..."

" เช็คเอาท์พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ "

คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ทั้งคู่ต่างคนต่างนอนยังเตียงของตน บรรยากาศที่จู่ๆก็ตึงเครียด เพราะประโยคนั้นของอีกฝ่ายนั้น แทบทำให้เจตน์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว

===============

ในตอนเช้าชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงยังคงตื่นเร็วเหมือนเช่นเคย ร่างเพรียวลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินกลับมาที่เตียงของเจตน์เพียงเพื่อจะปลุก ให้อีกฝ่ายตื่น

หากแต่เจตน์ไม่ได้ตื่นสาย เหมือนทุกวัน เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย รวดเร็วเหมือนทุกวัน แล้วมานั่งรอสุธาสินที่เก้าอี้โซฟากลางห้อง

" เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้ว เช็คเอาท์เถอะ  " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองบอกคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางสงบนิ่ง ออกจะเย็นชาด้วยซ้ำ

"อ่ะ..อื้ม...ถือของไปเลยใช่ไหม...เพราะเครื่องบินจะเข้ามาตอนสิบโมง"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงว่าพลางถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ในมือ

" อืม แต่กินข้าวก่อนเถอะ ข้าวเช้ามันบวกกับค่าห้องแล้ว " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยังคงยืนยันในสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะดึงกระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้เอง
" ไปเถอะ "

"อืม" แม้จะรู้สึก ผิดที่ผิดทางไปบ้างกับการมีคนมาถือกระเป๋าให้ แต่ สุธาสินก็เดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว

===============

บรรยากาศในการทานอาหารเช้ายังคงเป็นไปด้วยความเงียบ เหมือนกับเช้านี้ที่เจตน์ตื่นมา หนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ปล่อยให้สุธาสินจัดการเคลียร์ค่าห้อง ให้เรียบร้อย โดยที่ค่าห้องนั้น พวกเขาได้ตักลงหารกันคนละครึ่งตั้งแต่แรกแล้ว

"เรียบร้อยแล้วล่ะ... เรา....กลับกันเถอะ" น่าแปลกเหลือเกิน ที่ไม่อยากจะ เอ่ยคำนี้ออกมาเลย สุธาสินมองทิวทัศน์รอบด้านที่เริ่มให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ก่อนจะหันมามองใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงที่เขาใช้เวลา อยู่ด้วยมาหลายวัน

เจตน์กลับหลบสายนั้นแล้วเดินนำหน้าอีกฝ่ายไป มือทั้งสองข้างมีกระเป๋าของตัวเขาเอง และ สุธาสิน .. มันต่างจากวันแรกที่พวกเขาเจอกัน วันนั้น สุธาสินเป็นคนอาสาถือกระเป๋าให้เขาเอง

===============

ทั้งสองคนเดินทางกลับมาถึงสนามบินที่เกาะใหญ่ ผู้คนกับนักท่องเที่ยวเดินไปมาขวักไขว่ หาได้สงบเหมือนครั้งที่หลีกไปอยู่ที่เกาะเล็กไม่

" หาที่พักเถอะ คืนนี้ก็คงต้องแชร์กันอีก ขอโทษด้วยนะ "ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองถอนหายใจออกมาเบาๆ เป็นเพราะเขาวางแผนการใช้เงินผิดพลาดถึงได้เป็นแบบนี้

"ไม่เป็นไรนี่... ผมต่างหากที่ชวนเที่ยวเสียเสียแผน ต้องขอโทษด้วย" สุธาสินเอ่ย ท่าทีของเจตน์นั้นแตกต่างไปจากสองวันก่อน แต่เขาพอเข้าใจดีว่าการที่เสียเงินไปจากกระเป๋าอย่างไม่รู้ตัว นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการถูก ล้วงกระเป๋านั้นล่ะ ...ไม่แปลกเลย ที่จะรู้สึกตกใจและเครียดในภายหลัง

" ช่างเถอะ.. "เจตน์โบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

"ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ เราไปพักที่ไหน ที่มันประหยัดหน่อยก็แล้วกัน" สุธาสินเอ่ย พลางยิ้ม "เซฟทั้งคู่"

" มีที่พักใกล้ๆที่นี่ไหมล่ะ? "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองมองซ้าย-ขวา
" ว่าแต่คุณจะไม่ลำบากเหรอ พักที่มันถูกๆ นอนไม่ค่อยสบายน่ะ "

"งานของผม มันต้องนอนไหนนอนนั่นได้ นั่นล่ะ "

===============

โรงแรมขนาดสองดาวเป็นโรงแรมที่เจตน์ตัดสินใจเลือกพัก ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก ใกล้สนามบิน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร

"เอ่อ...นี่เจตน์ แล้ว พรุ่งนี้คุณจะกลับเลยเหรอ " สุธาสินไม่ได้อยากจะถาม แต่ความอยากรู้ ก็ทำให้เขาห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ได้

" ครับ .. ไม่งั้นผมจะเอาอะไรกินที่นี่ล่ะ? "ชายหนุ่มว่าก่อนจะเปิดโทรทัศน์

คำพูดแบบนั้น ทำให้อดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้
"อืม... โอเค ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ ก็นอนให้เต็มอิ่มก็แล้วกันนะครับ พรุ่งนี้ ตอนเดินทางจะได้ไม่เหนื่อยมาก" สุธาสินเอ่ย พลางเดินไปหยิบ ขวดวิสกี้เล็กๆ จากใน มินิบาร์ มาเปิดใส่แก้วและน้ำแข็งดื่ม
"อ้อ...อันนี้ ผมจ่ายเองนะ คุณไม่ต้องห่วง "

เจตน์พยักหน้าอย่างรับรู้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับเตียง เขาไม่ได้อยากดูโทรทัศน์ซักเท่าไหร่นักหรอก แต่อยากจะเปิดให้เสียงมันทำลายบรรยากาศหากว่าต้องอยู่กันสองต่อสองก็เท่านั้น


เช้าวันรุ่งขึ้น หนุ่มผมสีน้ำตาลทองตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด เขาลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะหันมามองร่างบางซึ่งนอนอยู่อีกเตียงหนึ่งที่มักจะอาบน้ำก่อนนอนเสมอ  สุธาสินยังคงอยู่ในชุดเมื่อวาน ที่หัวเตียงมีแก้วและขวดวิสกี้ตั้งอยู่ เจตน์รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงดื่มไปหลายแล้ว จนไม่อาจลุกไปอาบน้ำได้ ซึ่งนั่นก็ดี สำหรับเขาในตอนนี้

เจตน์ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวสำหรับเดินทางกลับให้เรียบร้อย เช็คดูสัมภาระ และสุดท้าย เขาวางธนบัตรสกุลดอลล่า ค่าห้องพักไว้ที่หัวเตียงของสุธาสิน โดยที่ใช้แก้วเหล้าวางทับไว้ เจตน์มองดูใบหน้าสวยที่เคยมีความสุขร่วมกับเขามาในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนจะก้มหน้าลง สัมผัสริมฝีปากบางนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไปให้เงียบที่สุด

...ก็แค่เพื่อนเที่ยว..ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย...จะเป็นไร..

===============

หลังจากนั้นหลายขั่วโมง สจ๊วตหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาได้อย่างยากเย็นเพราะฤทธิ์ของวิสกี้ ที่ดื่มเข้าไป

เมื่อลืมตามองไปยังเตียงข้างๆ เห็นว่าเตรียงนั้นว่างเปล่า สุธาสินถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปที่หัวเตียงหมายจะคว้านาฬิกามาดู เวลา แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่า มีอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงด้วย

".....................เป็นคน จริงใจ แล้วก็ทำจริงอย่างที่พูดซิ่นะ" ชายหนุ่มร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

........แต่ ทำจริงด้วยการกลับไปจริงๆอย่างที่พูด....
....มันทำให้รู้สึกแปลก ไม่น้อย.....
....ความรู้สึกที่เต็มอิ่มในอกนั้นกลับรู้สึกเบาโหวง จนตั้งตัวไม่ติด....

===============

talk : โลเล หลายใจ หรืออะไรก็แล้วแต่..แต่นายต้องสู้ต่อไปนะ เจตน์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของเจตต์อยู่ดี

เฮ้อ..หน่วง คิดถึงชิน เบื่อเจตต์ เง้อ...

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=37=

--RRR---

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องพักในอพาร์ตเมนต์กลางเมืองของหนุ่มลูกครึ่ง

"ฮัลโหล... " เสียงรับจากปลายสายยังฟังดูงัวเงียไม่น้อย ทั้งๆที่เวลาก็ผ่านไปจนเกือบจะบ่ายโมงอยู่แล้ว

" อ้าว พี่อาร์ต? " น้ำเสียงห้าวแสดงถึงความแปลกใจ ที่อารยะมาอยู่ที่ห้องคิมหันต์และมารับโทรศัพท์ให้ ในเวลาแบบนี้

"อืม...ใครน่ะ...เจตน์เหรอ หายหัวไปไหนของนายมาเนี่ย " ทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาแต่กลับสรรหาคำพูดมาแดกดันอีกฝ่ายได้ แต่ หัววัน ในสายตาของคนเพิ่งตื่นนอน

" ผมลาพักร้อนแล้วนะพี่ เปิดห้องให้หน่อยได้ไหม "หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่เริ่มหงุดหงิดจากการการเดินทางที่แสนเพลียด้วยการข้ามเส้นเวลา เริ่มโวยวายเล็กๆ

"เปิดห้อง? อยู่ไหนเนี่ย?"

" อยู่หน้าห้องนี่ไง  "

"อ้าว เหรอ เดี๋ยวนะ " ว่าพลางก็เดินหนีบหูโทรศัพท์ไว้ที่ข้างหู พลางเดินไปเปิดประตูหน้าห้องให้กับอีกฝ่าย

หนุ่มร่างสูงเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของห้องแม้แต่น้อย
" ขออาบน้ำหน่อยนะพี่ เออ แล้วพี่คิมล่ะ ? "

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าของเจตน์ ด้วยใบหน้ายุ่งยากเล็กน้อย ก่อนจะพยักเพยิดไปที่ห้องนอน
"นอนอยู่โน่น"

" นี่เล่นกันถึงบ่ายรึไง? " หนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยแซวเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกระเป๋าเอาผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำของคิมหันต์ไป เขาอาบน้ำ สระผม รวดเร็วเหมือนทุกครั้ง

"มาถึงก็ปากดี.... "อารยะเอ่ย ก่อนจะ เดินไปหยิบน้ำ กับ แซนด์วิชที่ซื้อมาเก็บเอาไว้ให้กับอีกฝ่าย
"เอ้า กินอะไรเสียหน่อย"

" ดีเลย กำลังหิวเลย " เจตน์ยิ้มร่ากับของที่อารยะเอามาให้ แล้วแกะทานมันตรงนั้นเลย
" เดี๋ยวขอนอนนี่ละกันนะพี่ ง่วงจะแย่แล้ว " เขาพูดทั้งๆที่แซนวิชเต็มปาก

"จะเข้าไปนอนในห้องไหมล่ะ.... " อารยะแหย่พลางชี้เข้าไปในห้อง ที่มีคิมหันต์นอนอยู่

" ไม่ล่ะ โซฟาก็ได้ เดี๋ยวพี่คิมจะหน้ามืดมาปล้ำผมแทนพี่  "เจตน์ได้ทีเอ่ยแซวอีกฝ่าย แล้วหัวเราะ

"อ่ะ ปล้ำกันไปซิ่...ฉันก็อยากจะนั่งดูเหมือนกัน" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะออกมา
"เอาล่ะ ๆ จะนอนไหนก็นอนไปเถอะ ฉันไปอาบน้ำล่ะ...จะอาบด้วยกันไหมล่ะ" แต่ก็ยังอดไม่ได้ ที่จะเอาเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวเอง กับ อีกฝ่าย ขึ้นมาหยอกล้อ เหมือนกับว่าไม่มีใครเคยเจ็บจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

" ไม่ล่ะ .. นอนดีกว่า "เจตน์โบกมือไปมาเป็นเชิงบอกไม่เป็นไร แต่พออารยะเข้าห้องน้ำไปแล้ว เขาก็รีบเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้กับตัวที่สนามบิน ของที่ยังอยู่ในถุงซิปลอคอย่างดี เจตน์มองซ้าย มองขวา ก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออก

กลิ่นหอมสดชื่น ให้ความรู้สึกเหมือนท้องทะเล ในหน้าร้อน  ส่วนผสมของเครื่องเทศและสมุนไพรนั้น ให้กลิ่นอมเปรี้ยวเล็กๆ

... CK One Summer ...

ขวดสีฟ้าใส ขนาดกำลังพอเหมาะกับมือ สัมผัสเย็นบนผิวแก้ว นั้น ทำให้หวนคิดถึงผิวกายของใครบางคนที่มีโอกาสได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดอยู่ด้วยกัน สัมผัสนุ่มเนียน ของผิวเนื้อเย็นมือที่แปรเปลี่ยน เป็น ร้อนระอุขึ้นเรื่อย เมื่ออารมณ์ในร่างกายแปรเปลี่ยน จะเป็นอย่างไร หากได้กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวที่ทำให้รู้สึกสดชื่นนี้ จากร่างของอีกฝ่ายอีกครั้ง

เจตน์สะบัดศีรษะไล่ความคิดที่เริ่มไปไกลของตนเอง ทั้งๆที่อีกฝ่ายเสนอเงินให้เขา ทำเหมือนเขาไม่มีศักดิ์ศรีแท้ๆ
" ทำไมต้องไปนึกถึงเขาด้วยวะ บ้าเอ้ย " พูดจบก็วางน้ำหอมขวดนั้นลงกับโต๊ะ อย่างทนุถนอมแล้วไปนอนที่โซฟา
====================

เสียงฮัมเพลง ดังออกมาจาก ห้องน้ำ พร้อมกับร่างบางของอารยะ ที่เดินออกมาพร้อมกับ เสื้อผ้าที่ดูสบายๆ ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ มี แผนจะออกไปไหน  ร่างสูงของคนคุ้นเคยที่นอนอยู่บนโซฟา ทำให้อดที่จะเดินไปดูไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆบนใบหน้า ก่อนที่ดวงตาสีอ่อน จะเหลือบไปเห็น ขวดน้ำหอมสีฟ้าใสที่วางอยู่ บนโต้ะ

"หืม...น้ำหอม " อารยะหัวเราะออกมาเบาๆ

"ซื้อมาฝากใคร...ฉันเหรอ?..." อารยะมองหน้าคนที่นอนหลับเล็กน้อย ก่อนจะวางขวดน้ำหอมนั้นลง
"เหอะ... ไม่หรอก...." เขาหัวเราะ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อไปปลุกคนรักของตัวเอง

อารยะค่อยขยับลงนั่งที่ข้างเตียง ใบหน้าคมของหนุ่มลูกครึ่งนั้นยามหลับพริ้มชวนมองอย่างแปลกประหลาด อีกทั้งรอยที่เชาฝากทิ้งเอาไว้บนผิวกายนั้นเองก็ดูยั่วยวนไม่น้อย ชายหนุ่มวางสองแขนคร่อมทับร่างนั้นเอาไว้
"คิม...ตื่นได้แล้ว"
ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหู
"ไม่ตื่นจะกินล่ะนะ"

แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมตื่น ริมฝีปากบางขบเม้มปิดริมฝีปากของอีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างก็บีบปลายจมูกโด่งนั้นเอาไว้

...........ไม่ตื่นให้มันรู้ไป.................

หนุ่มลูกครึ่งประท้วงเบาๆ เมื่อถูกแกล้งแบบนี้ มือแกร่งจับต้นแขนอีกฝ่าย แล้วดันออก พร้อมกับดวงตาสีนิลที่มองย่างขัดใจ
" ใครจะกินใครกันแน่? "

"อ้าว ก็ไม่ตื่น ก็ว่าจะกิน แทนข้าวเช้าเสียหน่อย" อารยะพูด ท่าทางเอาแต่ใจไม่เปลี่ยน

" เช้าเหรอ? บ่ายแล้วนะ "คิมหันต์ชี้ไปที่นาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะลุกขึ้นไปหามผ้าเช็ดตัว

"นั่นล่ะ มันก็ มื้อแรกของวันนั่นล่ะ..." เมื่อถูกบอกอย่างนั้น ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองขยับจะลุกออกจากเตียงทันที

" งั้นวันนี้ฉันทำเองก็แล้วกัน " หนุ่มผมดำเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่าย แกล้งทำให้มันยุ่งๆ เหมือนเมื่อคืน
แล้วนุ่งผ้าเช็ดตัว เดินออกไปจากห้อง แล้วเขาก็ต้องอุทานเมื่อเห็นร่างของหนุ่มผมสีน้ำตาลทองนอนอยู่ที่โซฟา

" เฮ้ย เจ้าเจตน์?! "

แต่เจ้าของชื่อกลับไม่ยอมตื่น

" อาร์ต ทำไมเจ้าเจตน์มันมาอยู่ที่นี่ได้?! "เขาตะโกนถามคนที่อยู่ในห้อง

"บินมา" คนที่อยู่ในห้องตอบพร้อมเสียงหัวเราะ เขากะเอาไว้แล้วว่า อีกฝ่ายจะต้องโวยวาย
"เพิ่งจะกลับมาจากลาพักร้อน... เห็นว่า ไปฮาวายมา "

" แล้วใครให้มันมาวะ? ไอ้นี่ .. เอาแต่ใจชะมัด "คิมหันต์บ่นเล็กๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

"ฉันเปิดให้เข้ามาเองล่ะ" อารยะเอ่ยไล่หลังอีกฝ่ายไป

" เปิดให้มัน ก็เลี้ยงมันเองละกัน "คิมหันต์เถียงก่อนจะเปิดฝักบัว

"ให้เลี้ยงดูปูเสื่อเลยนะ...แน่ใจนะ....จะเลี้ยงให้ดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยล่ะ" เสียงตะโกนกลับมา แค่นึกสนุกอยากจะหาเรื่องให้อีกฝ่ายหึงเล่น ก็เท่านั้น แต่ดูท่าทางแบบนี้ คงจะไม่ได้ผลซักเท่าไร แต่ก็ยังพูดออกไปแบบนั้นอยู่ดี

ทันทีที่คิมหันต์ออกมาจากห้องน้ำ เขาก็เดินไปหาคนที่นอนหลับอยู่อีกรอบ นิ้วเรียวที่เปียกน้ำสะบัดน้ำใส่ใบหน้าเรียวของหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง ราวกับจะแกล้ง เขาหัวเราะชอบใจ เมื่อเจตน์ขมวดคิ้ว และขยับหนีเพื่อนอนต่อ

" อื้ออออออ..ขออีกหน่อยน่า " เจตน์โวยทั้งๆที่ยังหลับอยู่

"เฮ้ย..ตื่น....มานอนบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ไง บ้านตัวเองก็มีไม่ใช่หรือไง" ไม่พูดเปล่ามือเปียกๆนั้น ตบหน้ารุ่นน้องเบาๆ

แรงตบ แถมยังเปียกทำให้เจตน์ตื่นแบบไม่เต็มใจนัก
" โธ่พี่! ทำบ่นไปได้ ขอนอนหน่อยเดียวเอง "

"ไม่ได้บ่น...แค่...ไม่อยากให้มานอน แถวนี้ " คิมหันต์พูดไปตามตรง

" อะราย..กลัวผมจะแย่งพี่อาร์ตไปเป็นหมอข้างรึงาย? " รุ่นน้องหนุ่มยังไม่วายปากดี
เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจะเล็กน้อยก่อนจะลูบท้องตัวเองไปมา " ไม่มีอะไรกินอีกเรอะ หิวแล้วนะเนี่ย "

"ก็เมื่อกี้ กินแซนวิชไปอันนึงแล้วนะ..." อารยะเอ่ยอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเดินเอาบะหมี่ถ้วยกึ่งสำเร็จรูปที่ยังไม่ได้ต้มส่งให้
"เอ้า น้ำร้อนอยู่ในครัว กินแล้วก็ช่วยเลิกบ่นได้ไหม มานี่...ยังไม่หยุดบ่นเลยนะ"

" ก็ เจ็ทแลค อะ .. บ่นไม่ได้รึไง? " เจตน์ที่หงุดหงิดเพราะถูกปลุกให้ตื่นเถียง ราวกับเป็นน้องชายคนเล็ก
มือแกร่งก็รีบแกะห่อเปิดฝาแล้วเดินไปกดน้ำร้อนในครัว

ทั้งคิมหันต์และอารยะมองหน้ากัน เล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน
"ไม่ได้ "

หนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว มองคนทั้งคู่ทั้งๆที่บะหมี่ที่ยังไม่สุกยังอยู่ในปาก

"ยังจะทำหน้างง... ฉันคิดว่า นายน่าจะรีบไป หาเสื้อสูทดีๆ กับของขวัญ เตรียมไปงานแต่งเพื่อนได้แล้วนะ หายไปเกือบสามอาทิตย์ จนอาทิตย์หน้า เจ้าชินมันจะแต่งอยู่แล้ว" อารยะเอ่ยออกมา

" นี่ พวกพี่อย่าเพิ่งบอกมันได้ไหม ว่าผมกลับมาแล้ว " เจตน์ถอนหายใจแล้วตัดสินใจขอร้อง เขาในตอนนี้ยังอยากจะอยู่กับตัวเองอีกซักพัก

"เป็นอะไร จะหนีไปทำใจที่ไหนอีกเหรอ..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองอีกคนยังไม่วายจะคอยกระแนะกระแหน อดีตคนรักของตัวเอง

" แล้วก็ช่วงนี้ ผมเฝ้าห้องให้พี่ก็ได้นะพี่คิม ไหนๆ งานก็ลาไปแล้ว  " เขาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
" เงินเก็บก็หมดเกลี้ยง " ถึงจะพูดไปแบบนั้น ที่เขาโกรธคือตัวเองมากกว่าที่รักจะไปเที่ยวแบบสบายๆ ในปีแรกของการทำงาน แถมยัง....

"ถ้าเจ้าชินรู้ หมอนั่นคงเป็นห่วงนายแน่เลย...."อารยะพูดเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนไม่อยากจะยุ่งแล้ว ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเดินหนีไปอีกทางปล่อยให้ คิมหันต์ คุยกับเจตน์ไปเอง หากเขาอยู่ คงต้องหาเรื่อง เจตน์อีกเรื่อยๆเป็นแน่

" ผมก็รู้นะว่ามันต้องห่วง แต่ผมแค่อยากจะคิดอะไรหน่อย.. "เจตน์ถอนหายใจออกมา
 " จะกลับไปที่ห้องก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง .. ตอนนี้นะ ถังแตกเลยล่ะ ซื้อ ไอ้นี่ได้อย่างเดียวเอง ตลกดีเนอะ "เจตน์หันไปมองที่ขวดน้ำหอมที่เขาซื้อมาจากร้านขายน้ำหอมในสนามบิน

"หืม?...น้ำหอม...ใช้เองเหรอ?" ในน้ำเสียงคาดคั้นเล็กน้อย เอาออกมาวางแบบนี้ คงไม่ได้ เอามาให้ใครแถวนี้หรอกนะ

" ไม่รู้สิ..คิดว่ามันน่าจะเหมาะ..กับเขา.. "
เจตน์พูดเสียงเบาในประโยคหลัง แต่ท่าทางแบบนั้นไม่ได้แปลว่าเขายังมีเยื่อใยอะไรกับอารยะอยู่

"เขานี่...เขาไหน...มีคนใหม่แล้วเหรอ?" ท้ายเสียงยินดีไม่น้อย

" มันก็แค่..ที่ฮาวายน่ะพี่ .. .มันจบแล้วล่ะ "ดวงตารีนั้นมองขวดน้ำหอมตรงหน้า
 " บ้าว่ะ .. ตังค์กินข้าวยังไม่มี ดันไปซื้อของแบบนี้มาอีก "

"จบแล้ว?"

" ก็ บอกแล้วไงว่า ถังแตก ก็เลยแยกกับเขาแล้ว .. คือจะว่าไงดีล่ะ หารค่าเช่า เที่ยวด้วยกันน่ะ แล้วก็เขาน่ะ สุดยอดเลยนะพี่ " เจตน์ยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน

"อ้อ...เรื่อง พรรค์นั้นน่ะเหรอ...ก็ถ้านายติดใจเขาขนาดนั้นแล้ว... ทำไมไม่ติดต่อเขาล่ะ...เขา...อยู่ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ"
คิมหันต์ถอนหายใจ เหมือนกับโล่งอก ก่อนจะนั่งลงกับ โซฟาฝั่งตรงข้าม

" แล้วพี่คิดยังไงกับการให้ตังค์คนที่เที่ยวด้วยกันยืมล่ะ? "เจตน์ย้อนถามก่อนจะถอนหายใจ
" ตอนแรกผมโกรธเขามากเลยนะ .. เขาดูถูกผมไม่ใช่หรือไง? "

" ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นกันหรอก...." ดวงตาสีเข้มของรุ่นพี่หนุ่ม มองหน้าของอีกฝ่าย อย่างพิจารณา
"แต่จะว่าไป คนอย่างนาย เนี่ย ก็ไม่แปลกที่จะคิดนะ"

" ไม่คิดได้ไงพี่ กินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน แถมยังนอนด้วยกันทุกวันอะ! "เจตน์ขมวดคิ้ว
 " แต่ก็นั่นแหละ ผมชอบเขาเข้าจริงๆแล้วมั๊ง "

"แล้วไอ้ที่นายพูดมามันเกี่ยวอะไรกับที่เขาต้องดูถูกนายวะ... ถามจริงเถอะ...ที่กลับมานี่ เพราะคิดแค่ว่า "เออ ฉันมันจน ฉันกลับดีกว่า" แค่นั้นใช่ไหม... " คิมหันต์ถามตามตรง

" ก็คงแบบนั้น .. เริ่มมาคิดจริงๆก็ตอนที่เขาให้ยืมเงินนั่นแหละ ความแตกต่างของระดับชั้นมั๊ง พี่ " เจตน์หัวเราะตัวเองเบาๆ

"...ทีอย่างนี้ล่ะเพิ่งจะมาคิดมาก...แคร์เขาจริงๆ ก็...ไปทำอะไรให้มันดีๆกับตัวเองหน่อยไม่ดีกว่าเร้อ... "

" เอาเถอะพี่ มันจบแล้วล่ะ " เจตน์จิ้มขวดน้ำหอมตรงหน้าเบาๆ
 " ไอ้นี่ เอาไว้นึกถึงเรื่องดีๆ ระหว่างพักร้อนที่ฮาวายละกัน "

====================

ด้วยว่า วันลางานยังคงเหลือ ผิดกับเงินทั้งในกระเป๋าและในธนาคารที่แทบไม่เหลือเลย ตอนนี้เจตน์จึงของอาศัยอยู่กับคิมหันต์ชั่วคราว อย่างน้อยก็จนกว่าเงินเดือน เดือนนี้ของเขาจะออก

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองอาสาเฝ้าบ้าน ทำความสะอาด ให้ แต่ก็ทำตัวตามสบายได้ไม่ต่างจากห้องตัวเองนัก

"เอ้า.... มีคนฝากมาให้ " อารยะ เดินมาพร้อมกับยื่นการ์ดสีชมพูอ่อนให้กับอีกฝ่าย บนหน้าซองมงคล นั้น จ่าหน้าซองให้ถึงเจตน์
เจตน์เปิดซองนั้นออกดู เขาอ่านดูทุกรายละเอียด ของการ์ดใบนั้น ....อาทิตย์หน้าแล้วรึ?...
ถ้าเขาไม่ได้ไปฮาวาย และจมกับความทุกข์ที่นี่ เขาคงจะไม่อ่านการ์ดนี่ด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ได้ไป และได้คิดบ้างแล้ว เจตน์จึงยิ้มให้กับการ์ดใบนั้นเล็กน้อย
" ผมฝากพี่ไปบอกก็แล้วกัน .. ว่าไปแน่  "

"ฝากบอกได้ไง เอ้า เขียนลงไป ข้างหลังนั่นน่ะ...ว่าจะไป กี่คน ... " ตามธรรมเนียมแล้ว ต้องตอบการ์ดเชิญด้วยว่าจะไปกี่คน เพื่อที่เจ้าภาพจะได้เตรียม ของชำร่วยถุงใหญ่ให้กับแขกได้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ยิ่งงานใหญ่ระดับนี้แล้ว ต้องมีการเตรียมการเรื่องนี้เป็นพิเศษเป็นแน่

" ก็ได้ๆ .. ยุ่งยากจริงเล้ยย แต่งกับพวกไฮโซเนี่ย " เจตน์ทำเสียงเบื่อหน่าย แล้วจรดปากกาเขียนรายละเอียดไปที่ด้านหลังของการ์ด

"อยากไปใช่ไหมล่ะ" อารยะอดไม่ได้ ที่จะแหย่

" งานแต่งงานเพื่อนทั้งทีนี่ .. เอ้า นี่ ส่งให้ด้วยนะ " ใบหน้าได้รูปก้มลงไปใกล้

"เฮอะ...ส่งเองดิ่ ออกไปเดินข้างนอกมั่ง... หมดตัว นี่คงไม่ได้ขาด้วนด้วยใช่ป่ะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยักไหล่
เจตน์ยื่นการ์ดปิดหน้าไม่ใช้อารยะเข้ามาใกล้

" ผมไม่ให้พี่แกล้งได้หรอก .. ตอนนี้ผมไม่สนพี่แล้ว "

"อกหักได้ไม่เท่าไร นี่มีคนใหม่เลยเหรอ....บอกมา ใคร" ไม่ได้หึงหวง แต่ ชอบที่แกล้ง จะต้อนอีกฝ่ายเล่นแบบนี้มากกว่า คิมหันต์ยังไม่กลับจากไปธุระกับลูกค้า เขายังมีเวลา ที่จะแหย่อดีตคนรักได้อีกหน่อย

" ใครก็ช่างเถอะพี่ มันจบแล้วด้วย ฮะ ฮะ ฮะ " เจตน์หัวเราะออกมา แต่ก็มีแววเสียใจอยู่
" ไม่ได้อกหักอะไรด้วย แค่จบไปแล้วน่ะ "

"เหรอ ทำไมล่ะ ...ความรัก?...ความสัมพันธ์ นี่มันจบได้ด้วยเหรอ..." อารยะถาม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆอีกฝ่าย

" มันก็แค่เรื่องฉาบฉวย ก็เหมือนกับว่า เจอคนถูกใจ ในที่หนึ่ง เวลาหนึ่ง พอใจจะเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน ก็แค่นั้นเอง " เจตน์พูดเหมือนไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะมองออกไปที่ระเบียงห้อง
 " แต่ว่านะ พอรู้ตัวอีกที พอเดินหันหลังให้เขาไปแล้ว ก็อยากเจออีก ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะได้เจออีกไหม "

"นายที่รู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัดเนี่ย...เพิ่งเคยเห็นนะ" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้าด้านข้างนั้น

" ผมโตแล้วนี่พี่ .. ถึงจะไม่มีเจ้าชิน ผมก็ต้องอยู่ให้ได้ "เจตน์หันมาสบตาอีกฝ่าย

"งั้น ฉันจะรอดูนายไปที่งานนั่น แล้วยินดีกับคู่บ่าวสาวก็แล้วกัน" อารยะว่าพลางขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ น่าแปลกที่ตอนนี้ รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องชาย ที่ควรจะเฝ้าดูไปอีกซักพัก

====================

ตลอดอาทิตย์  เจตน์ดูจะเป็น คนที่กระตือรือร้น กับการไปงานแต่งงานของเพื่อนร่างท้วมอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
เมื่อออกไปเดินข้างนอกก็เผลอมองของกินที่ชินดนัยชอบ นึกในใจว่า ในวันงาน จะมีเมนูอะไรที่ชินดนัยเลือกขึ้นมา เพราะความชอบบ้างหรือไม่

หรือแม้แต่การขอยืมเงิน รุ่นพี่อย่างคิมหันต์ไปเช่าเสื้อสูทตัวสวยมาจากที่ร้านเพียงเพราะอยากจะดูดีแต่ไม่มีสตางค์ แต่เมื่อถูกแซวเล็กๆน้อยๆจากอารยะ ก็ทำเป็นเฉไฉไปเรื่องอื่นเสียทุกครั้งไป

====================

จนกระทั่งถึงวันงาน รถยนต์คันโตหลายคันแล่นมาจอดในลานจอดรถของโรงแรม หญิงสาวในแผนกเลขานุการ ของบริษัทต่างแต่งตัวกันมาอย่างเพริศพริ้งเพื่อมาร่วมงานใหญ่ ที่จะมีทั้งแขกจากนอกบริษัท และหนุ่มๆจากในบริษัทมาร่วมงาน กันเป็นจำนวนมาก

หนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ย้อมสีผมเป็นสีดำ ในชุดสูทตัวสวย เดินด้วยท่าทางภูมิฐาน วันนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขณะที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับหัวหน้าแผนกฝ่ายต่างประเทศชาวอเมริกัน และรุ่นพี่ในแผนกอย่างคิมหันต์ และอารยะ

เสียงฮือฮาดังขึ้นจากโต้ะของสาวๆแผนกต่างๆ ที่นั่งจับกลุ่มแยกกันอยู่แต่ละมุมห้องจัดเลี้ยงอย่างช่วยไม่ได้

"มาแล้ว...หนุ่มหล่อแห่งแผนกต่างประเทศ"

"เหมือนเทพบุตรเลยใช่ไหมล่ะ..."เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นทันที

"วันนี้ คุณคิมหันต์กับคุณอารยะก็ยัง ดูดีจังเลยน้า “

"ฉันชอบแนวผู้ใหญ่ๆ แบบ หัวหน้าแมคเคแกนมากกว่า...."

"แต่..คุณเจตน์ ลาไปเที่ยวฮาวายมา อ๊า ผิวสีแทนด้วย...ผมดำนั่นก็เข้ากันดีนะ..."

"เดี๋ยว...เจ้าบ่าวคงจะออกมาแล้วล่ะ... พวกเราก็ควรจะเตรียมตัวได้แล้ว...." อารยะชี้ไปยัง ทางเดินที่ปูพรมยาว ออกไปยัง เรือนกระจกที่อยู่ด้านนอก พิธีแต่งงานใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนตามคอนเซปต์....วันทานาบาตะ คืนที่ เจ้าหญิงและเจ้าชายจะได้พบกันอีกครั้ง ... แนวความคิดนี้ คงเป็นของอิสราภรณ์เป็นแน่

แขกในงานต่างเตรียมตัวต้อนรับบ่าวสาวที่เดินเข้างานมาพร้อมกัน บริเวณแคบๆนั้น ทำให้มองเห็นแขกในงานได้เกือบทั้งหมด

"ญาตินายนี่เข้าใจคิดนะคิม....ชายเลี้ยงวัว กับ เจ้าหญิงทอผ้า..." ว่าพลางก็เดินนำ ทั้งอารยะ และ เจตน์ไป โดยไม่ลืมที่จะบอก ให้หัวหน้าแผนก ไปร่วมกับ เหล่าแขก ผู้ใหญ่ ท่านอื่นก่อนที่พวกเขาจะไปเตรียมตัว

" เหอะ ผมว่า ชายเลี้ยงหมู มากกว่า " เจตน์อดที่จะปากเสียออกมาไม่ได้ ก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ไปยังบริเวณที่ทำพิธี

====================

ชายหนุ่มทั้งสามเดินเข้าไปที่ห้องด้านหลังเพื่อเตรียมตัว ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ดอกไม้ ช่อเล็กๆ ถูกนำมาติดบนอกเสื้อของแต่ละคน ในขณะที่เจ้าบ่าวร่างท้วมดูจะตื่นเต้นไม่น้อย และตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อหันมาพบว่า เพื่อนร่างสูงของเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว

"คล้ำไปเยอะเลยนะมึง" ชินดนัยเอ่ยเสียงเบา คำพูดของเจตน์ที่ดังขึ้นบนดาดฟ้าในวันนั้น ยัง ดังก้องอยู่ในหัว เขาคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอย่างมาก

" มึงก็ผอมลงนะเว้ย เข้าคอร์สเจ้าบ่าวรึไง? " เจตน์เอ่ยแซวอีกฝ่าย ไม่ได้มีท่าทางเจ็บปวดเหมือนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเลย ในตอนนี้เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับชินดนัย ถึงได้เข้าใจความรู้สึกตัวเองเสียที

เจ้าบ่าวยิ้มน้อยๆ
"ก็วันสำคัญของกูนี่... " มืออวบนั้นวางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ดวงตาสีเข้มของเจ้าบ่าวมองใบหน้า ที่ไม่ได้เห็นมาหลายอาทิตย์
"กูดีใจนะที่มึงมา... ขอโทษที่เรื่องมันกระทันหันไปหมด...คืนนี้กินให้อิ่มแล้วค่อยกลับนะ " มือใหญ่ตบลงแรงอีกครั้ง และอีกครั้ง

" เออ เรื่องนั้น มึงก็รู้นี่หว่า ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้มึงเป็นพระเอกนะเว้ย พยายามเข้า " หนุ่มผมดำยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่สุดของเขา ในวันนี้เขาดีใจเหลือเกินที่ชินดนัยจะได้สร้างครอบครัวใหม่ ยิ่งเขาเห็นหนุ่มร่างท้วมในตอนนี้ เขาก็ยิ่งแน่ใจว่า เพื่อนเขาคนนี้ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้อย่างไม่ต้องสงสัย

"ขอบใจ..." ชินดนัยเคยคิดว่า เจตน์จะต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเสียจนไม่ยอมแม้แต่จะตอบการ์ดเชิญของเขาเป็นแน่ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับบอกว่าจะมาร่วมงาน นั่นทำให้เขาดีใจไม่น้อยทีเดียว

หลังจากเรื่องราว ทั้งหมด ที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่เดือน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว จนบอกเล่าให้ใครฟังก็คงจะคาดไม่ถึง
แต่ที่แน่ๆ... จากการที่อีกฝ่าย มาในวันนี้ เขาเชื่อว่า ทุกอย่าง จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน

====================

talk : แต่งงานจริงไม่มีพลิกโผค่ะ..เจ้าชินน่ะ ตัวคนเขียนเองก็อยากให้เจตน์ได้เริ่มต้นใหม่เหมือนกันนะคะ ถึงจะเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีเพราะถูกสปอยมากเกินไปก็เถอะ .. บางทีนายอาจจะเจอคนที่ใช่ซักวันนะ เจตน์ สู้ต่อไป !

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=38=

พิธีแต่งงานเป็นเรื่องที่ไกลตัวเจตน์เป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเขาต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวร่วมกับ คิมหันต์ และอารยะ ทั้งสองจึงซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจตน์ก่อน ให้เขาได้รู้ถึงหน้าที่และพิธีคร่าวๆ

"เอ้อนี่เจตน์.... "ชินดนัยเอ่ยพลางหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไป ยืนรอเจ้าสาว ที่จะเดินมาตามเวอร์จิ้นโร้ด
"เก็บนี่ไว้ให้ดี จนกว่าจะถึงเวลานะ... พระเอก ต้องการผู้ช่วยพระเอกเว้ย"

" ได้ทีข่มใหญ่เลยนะมึง ฮะ ฮะ "เจตน์หัวเราะกับคำพูดติดตลกของเจ้าบ่าว แล้วเอาของสิ่งนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า

=========================

ใต้อาคารกระจก ที่มองขึ้นไปเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า ชายหนุ่มและหญิงสาว เดินทางมาเพื่อสาบานความรักกันและกันต่อหน้าบาทหลวงและสักขีพยานมากมาย

อิสราภรณ์เดินมาในชุดสีขาวสะอาดมองดูราวกับจะเรืองแสงและเปล่งประกายในความมืด ไม่ต่างจากดวงดาว
ผู้ประกอบพิธี เอ่ยเพื่อประกอบพิธี จนกระทั่งถึงตอนสำคัญ

"คุณชินดนัย และ คุณอิสราภรณ์ ทั้งสองได้นำแหวนซึ่งจะเป็น หลักฐานที่จะแสดงถึงความรักของทั้งคู่มาหรือไม่"
ชายหนุ่มร่างท้วมหันไปมองหน้าของเจตน์ที่ยืนเยื้องไปไม่ห่าง

"ครับ...เอามาครับ"

"เจตน์...แหวนเว้ย...แหวน..." ชินดนัย แทบจะหันไปกระทุ้งศอกใส่ท้องเพื่อน

" เอ่อ! ครับๆ "เจตน์รีบล้วงกระเป๋าหยิบของออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอก ของเขา กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินบรรจุด้วยแหวนแต่งงานวงสวยจำนวนสองวง เพื่อเป็นสักขีพยายามต่อความรักของบ่าวสาว

ชินดนัยรับมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม พลางหยิบเอาแหวนของตัวเองไว้ในขณะที่อิสราภรณ์เองก็รับเอาแหวนอีกวงไว้เช่นกัน
ทั้งสองสวมแหวน ให้กันและกัน

แสงแฟลซสว่างวูบวาบ ก่อนบาทหลวงจะเอ่ย ขึ้นเป็นประโยคที่ใครหลายคนก็รอคอย
"คุณ ชินดนัย จะรับ คุณอิสราภรณ์ เป็นภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะรัก และ และดูแล ทั้งในยามสบาย และยามป่วยไข้ จนกว่าความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่"

"รับครับ" ชินดนัยเอ่ย เรียกเสียงเฮได้ไม่น้อย

"และคุณอิสราภรณ์ จะรับ คุณ ชินดนัย เป็น สามี ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะรัก และ ดูแล ทั้งในยามสบายและยามป่วยไข้ จนกว่า ความตายจะมาพรากจากกันหรือไม่"

" รับค่ะ "
เสียงหวานของเจ้าสาวเอง กลับทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในงานส่งเสียงอย่างอดที่จะอิจฉาหนุ่มร่างท้วมผู้โชคดีไม่ได้

เจตน์ที่อยู่ไม่ไกลจากพิธีเลย เขาเห็นแววตาของเพื่อนรักและภรรยา ความรัก และความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตา ลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้

คิมหันต์หันมามองเจตน์เล็กน้อย ท่าทางของรุ่นน้องทำให้เขาหมดห่วงได้แล้ว สำหรับเรื่องของชินดนัย

ทั้งสองบ่าวสาว หันมาโค้งให้กับ แขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน งานยังจะต้องดำเนินต่อไป เดี๋ยวพวกเขาจะต้องเดิน ออกไปตามทางเพียงเพื่อจะต้องรีบไปเปลี่ยนชุดและกลับเข้ามาขอบคุณแขกในงานเลี้ยง

ชินดนัยจับมือเจ้าสาวของเขาไว้แน่น ก่อนจะ จูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทาง แขกเหรื่อลุกขึ้น โปรยข้าวตอก และดอกไม้ ให้กับบ่าวสาว เพื่อความ เป็นสิริมงคล

จนเมื่อ ใกล้จะถึงทางออก ราวกับรู้ทันหญิงสาวหลายคนแย่งกันไปอยู่แถวหน้า เพื่อรอช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ที่คราวนี้ เหมือนจะ มีอะไรพิเศษๆ รอพวกเธออยู่

ช่อดอกไม้ ที่อิสราภรณ์ถือลอยขึ้นไปในอากาศ แต่แทนที่จะเป็นช่อเดียว กลับ เป็น ช่อเล็กๆหลายช่อ เจ้าสาวช่างคิดคงอยากจะแบ่งปันโชคครั้งนี้ ให้กับทุกคนกระมัง

ดอกกุหลายช่อเล็กๆ หลายช่อลอยละลิ่ว เรียกความสนใจ จากสายตาหลายคู่
จนดอกไม้ช่อหนึ่งตกลงบนมือของคนที่ ถอยออกมายืนเสียห่าง

"อ๊า...คุณสินขี้โกงเป็นผู้ชายแท้ๆ...ทำไมได้ดอกไม้ล่ะ" เสียงหนึ่งตัดพ้อ

"ให้ผมยกให้ ดีไหมล่ะครับ" เสียงนุ่มเอ่ย

" สิน? "
หนุ่มผมดำที่ยืนอยู่ด้านหลังต้องอุทานออกมาเป็นชื่อของคนที่อยู่ที่ฮาวายด้วยกัน ไม้ว่าจะไกล แต่เขาจำได้ดี เลยทีเดียว

ท่าทางแบบนั้น ทำให้ คิมหันต์ต้องหันไปมองตามรุ่นน้อง คนที่เห็นยืนห่างออกไปนั้นคือ เพื่อนดื่มของเขา และเป็น ลูกพี่ลูกน้องทางฝ่ายแม่ ของเจ้าสาว ...แล้วเรียกกันสนิทสนมขนาดนั้น?....

....จริงอยู่ที่แนะนำให้รู้จัก แต่...เรียกกันเสียสนิท....

คิมหันต์ดันไหล่ รุ่นน้องร่างสูงเบาๆ ในใจนึก ดีใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ คงจะบอกให้คนที่อยู่ข้างๆรู้ไม่ได้ แน่ว่า เขาดีใจอะไรนักหนา
" ไปสิ..."

" หะ? " เจตน์หันไปเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงที่ไหล่ของเขา

"คนนั้นใช่ไหม" คิมหันต์ถามพลางพยักเพยิด ไปทางชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ในชุดสูทตัวยาวสีน้ำตาลเข้มรับกับเส้นผม ร่างสูงโปร่งยิ่งดูโดดเก่น เมื่อมีดอกกุหลายสีขาวแดง ถืออยู่ในมือ

" พี่คิม มีแหวนให้ผมยืมซักวงไหมล่ะ? "เจตน์ถามหนุ่มรุ่นพี่ ทั้งๆที่ยังมองร่างบางไม่วางตา

"หา?...เงินมี แต่แหวนน่ะไม่มีว่ะ..." คิมหันต์เลิกคิ้วสูง
"เอาไปทำไม"

เจตน์ไม่ตอบคำถามนั้นแล้ว เขาเดินดุ่มๆไปหาหนุ่มร่างบางทันที
" สุธาสิน.. "

เสียงที่คุ้นเคย ทำให้คนที่ถูกเรียกหันกลับไปหาทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง ริมฝีปาก เผยอเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ได้ เหมือนมีอะไรในอกมันตีบตัน

" เพื่อนผมเป็นเจ้าบ่าวน่ะ "ชายหนุ่มอธิบาย ยิ่งเขาเห็นอีกฝ่ายใกล้ๆแบบนี้ เขาก็ยิ่งนึกถึงน้ำหอมขวดนั้น

"เหรอ.. ”สุธาสินรับคำเหมือนจะถอนหายใจออกมาจากการที่กลั้นลมหายใจเอาไว้นานเสียมากกว่า ชายหนุ่มยิ้ม
 "ผมไม่นึกว่าจะพบคุณที่นี่...ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าสาวน่ะ"

" ผมนึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว " ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้คนตรงหน้า
" ผมขอโทษ "

"ขอโทษ?....เรื่อง....เรื่องอะไรครับ" ชายหนุ่มแสร้งยิ้ม เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆที่ เขารู้สึก แย่ไปหลายวันเลยทีเดียว หลังจากที่อีกฝ่ายจากมา จนต้องรีบแพ็คกระเป๋ากลับมาไทยแทบจะในทันทีที่รู้ข่าวว่า น้องสาว จะแต่งงาน เพราะรู้ว่าอยู่ที่ฮาวายต่อก็ไม่มีอะไรทำ

" ที่ผมโกรธคุณ เพราะเรื่องแค่นั้น .. มันเป็นความโง่ของผมเอง  "เจตน์สบตาอีกฝ่าย แววตาเต็มไปด้วยความผิด

"ไม่หรอก...ผมเองก็ผิด... พูดอะไรไป บางครั้ง เราก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่าย จะคิดเหมือนอย่างที่เราคิดหรือเปล่า " ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ดวงตาสีเข้มสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง "แต่ผม ก็ดีใจ ที่ได้ พบคุณอีกครั้ง"

"พวกเขาดูรักกันดีนะครับ...ว่าไหม "ก่อนที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลแดง จะหันไปมอง เจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่กำลังจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

" ออกไปสูดอากาศหน่อยไหม? "จู่ๆเจตน์ก็เอ่ยชวน ขึ้นมา

" แต่งาน ยังไม่เสร็จเลยนะครับ"

" ก็แค่ออกไปสูดอากาศน่ะ เดี๋ยวค่อยกลับเข้ามาในงาน .. นะครับ "ท้ายประโยคนั้นฟังดูแผ่วเบา

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้าลง "ครับ...ออกไปสูดอากาศซักหน่อยก็คงดี"

=========================

หนุ่มผมดำพาสจ๊วดหนุ่มออกมาจากบริเวณงาน โชคดีที่ แขกในงานยังคงอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศงานแต่งงานครั้งใหญ่ของบริษัท จึงไม่ค่อยมีใครมากนักในบริเวณริมสระน้ำของโรงแรม

แสงไฟสลัวกระทบกับพื้นน้ำเป็นประกาย

"...อากาศดีนะครับ "สุธาสินสุดหายใจเข้าลึก ใบหน้าได้รูปเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า "สวยดีด้วย "

" ขอโทษนะ ที่กลับมาทั้งแบบนั้น " เจตน์พูดขึ้นมา วันนี้เขาขอโทษคนตรงหน้าไปกี่ครั้งแล้วนะ กับสุธาสิน เขาทำผิดไป ... ซึ่งที่จริงมันก็เหมือนทุกครั้ง ที่เขาทำผิดกับคนที่เคยคบหากันมา เพียงแต่ว่า เขาไม่เคยเอ่ยขอโทษใครเลยได้แต่ปล่อยให้มันจบไปเสียเฉยๆ

"คุณจะขอโทษผมทำไมกัน.... หลายรอบแล้วนะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง เอ่ย ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายล้อกับแสงไฟริมสระ

" ก็ผมทำไม่ดีกับคุณไปหลายเรื่องนี่ .. ใช่ไหม? "เจตน์สบตาอีกฝ่ายนิ่ง " คุณเป็นคนแรกที่ผมอยากจะขอโทษ  "

ได้ยินแบบนั้นใบหน้าได้รูป ขยับมองใบหน้าของอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูป คลี่เป็นรอยยิ้ม
"พูดอย่างกับ จะสารภาพรัก... ผมนึกว่า เรื่องระหว่างเรามันจะ ฉาบฉวย เหมือน วันหยุด สั้นๆของพวกเราเสียอีก...คุณคิดจะจริงจังเหรอครับ"

" ใช่..แล้วคุณล่ะ คิดยังไง? "น่าแปลกที่ตอนนี้เจตน์กลับตอบมาได้ง่ายๆ เขาสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
" อยากจะลองคบคนนิสัยแย่ๆอย่างผมดูไหม? "

"ผมไม่ได้คิดจะเป็นตัวช่วยในการเปลี่ยนนิสัยใคร...เพื่อที่คุณจะเอาไป...ทำให้ใครคนไหน เขามองคุณใหม่หรอกน้า...." สุธาสินตอบกลับ บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม มือเรียวยกขึ้น ปัดเอากลับดอกไม้ที่ยังติดอยู่บนเส้นผมสีดำที่ดูแปลกตาไปจากครั้งสุดท้ายที่จำได้ออก

....น่าแปลก ที่เขาควรจะลืมอีกฝ่ายไปเสีย...
...แต่กลับยิ่งจำได้....
...เส้นผม โครงหน้า กลิ่นกาย....

" โอเค..งั้นก็ไม่เป็นไรครับ " มือแกร่งจับมือที่ลูบผมของเขาเอาไว้
" คุณจะได้บินอีกทีเมื่อไหร่ล่ะ? ผมจะได้แวะเอาของไปให้ "

"ตาราง มีก็...อีกซักสองสามวัน อาจจะไปทาง ลอนดอน ... "สุธาสินเม้มริมฝีปากเหมือนขบคิด เล็กน้อย
"ว่าแต่...ของอะไรเหรอครับ?"

" น้ำหอมน่ะ .. เงินก้อนเล็กๆสุดท้ายของผมเลยล่ะ  "เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งที่กำลังรู้สึกเบาโหวงไปหมด

"น้ำหอม...คุณซื้อน้ำหอมให้ผม?..." สุธาสินเลิกคิ้วถามเสียงสูง

" ก็แค่คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับคุณไง " เจตน์ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปที่งาน เขาได้สินเสียงปรบมือจากบริเวณนั้น เจ้าบ่าว เจ้าสาวคงจะกลับมาแล้ว
" กลับเข้างานเถอะครับ พวกเขาคงกลับมาแล้ว "หนุ่มผมดำว่าก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วก้าวออกไป

"เอ่อ...เจตน์..." เสียงสจ๊วตหนุ่มเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับมือเรียวที่ดึงแขนของร่างสูงเอาไว้เบาๆ
"ถึงยังไม่ได้เห็น แต่...ขอบคุณนะครับ"

แรงดึงนั้นทำให้คนที่พยายามที่จะข่มความรู้สึกต้องหันกลับมา มือแกร่งโอบเอวบางเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

สจ๊วตหนุ่มหลับตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ เมื่อริมฝีปากนั้นละออกไป มือเรียวไล้แตะเบาๆ บนดอกไม้บนอกเสื้อของอีกฝ่าย  ใบหน้าสวยก้มลงเล็กน้อย ได้ยินเสียงลมหายใจ และ หัวใจของตัวเอง เต้นระรัว
"เดี๋ยว...เสื้อยับนะครับ"

ราวกับยั่ว ริมฝีปากที่เผยออกเพื่อห้ามเขาถูกปิดอีกครั้ง ปลายลิ้นล่วงล้ำเข้ามาในริมฝีปากบางที่หวานหอมเหมือนทุกครั้ง

"อืม..." เสียงครางเครือดังขึ้นแผ่วเบา ยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก สุธาสินตอบสนองสัมผัสนั้น นุ่มนวล อย่างที่ไม่เคยตอบสนองให้กับใคร มือทั้งสองยึดเสื้อที่ห่วงว่าจะยับ เอาไว้แน่น
"เจตน์... เดี๋ยวก็มีคนออกมา.... "

" ให้ตายสิ..ผมไม่เข้าใจคุณเลย "เจตน์กรระซิบติดริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะละออกมา มือแกร่งไล้กับผิวแก้มที่แดงระเรื่อ แล้วมองเข้าไปในงาน
" กลับเข้างานกันเถอะ "

"...........อืม...." สุธาสินสูดลมหายใจเข้าลึก รู้ดึว่า ตัวเอง กำลังหน้าแดงซ่าน เลือดในตัวกำลังพลุ่งพล่าน...แต่เขาต้องห้ามทุกอย่างเอาไว้ ที่นี่คืองานแต่งงานของน้องสาว เขาไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้...แต่ การที่ได้เจออีกฝ่าย มันก็... ทำให้อะไรๆสับสนไปหมด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน ไม่ได้รอ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายมากนัก

=========================

ทั้งสองเดินกลับเข้าไปในงาน โดยที่หนุ่มผมดำพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งๆที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ตั้งใจจะจูบสุธาสินแบบนั้นด้วยซ้ำ ตอนนี้ใจของเขาต้องค่อยๆสงบลงได้แล้ว

" พี่สิน ทางนี้ค่ะ " เจ้าสาวที่เปลี่ยนจากชุดเจ้าสาวเป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาว สวยงามด้วยเม็ดคริสตัลที่เย็บอย่างปราณีต ระยิบระดับท่ามกลางแสงไฟ

" ยินดีด้วยนะ เอิร์น " สุธาสินโบกมือให้กับ เจ้าสาว ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางนั้นเบาๆ " คุณชินดนัย ผม...ฝากน้องสาวผมด้วยนะครับ"

"อ่ะ....ครับ....ดะ..ได้ครับ " ชินดนัยรับคำตะกุกตะกัก เขาเพิ่งเคยพบผู้ชายคนนี้ อดนึกแปลกใจไม่ได้ ที่อิสราภรณ์ ภรรยาของเขาจะมีญาติเป็นคนที่ดูโดดเด่นขนาดนี้

...ว่าแต่เมื่อกี้เหมือนเห็นเดินออกมากับ...เจ้าเจตน์....

"รู้จักกับ..เพื่อนผมด้วยเหรอครับ...เอ่อ...พอดีเมื่อกี้เหมือนเห็นพวกคุณคุยกัน" ชินดนัยว่าพลางผายมือไปทางเจตน์ ที่เพิ่งจะเดินตามมา

"อ้อ....ครับ...พอดีว่า...รู้จักกันตอนเดินทางน่ะครับ"

ดูเหมือนว่าสายตาที่มองมาจากทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะทำให้เจตน์รู้ตัว เขาเดินเข้าร่วมวงสนทนาด้วย
" ยินดีด้วยนะครับคุณอิสราภรณ์ ไม่สิ คุณเอิร์น" เจตน์หันไปแสดงความยินดีกับอิสราภรณ์ แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน

"ช่าย ต้องเรียกให้มันถูกๆหน่อย... "ชินดนัยตบไหล่เพื่อนร่างสูงเสียงดัง ในสายตามองหน้าเพื่อน เป็นนัยถามว่า ...ใช่ คนนี้ หรือเปล่า....

" ฮะ ฮะ .. อีกหน่อยก็ดูแลภรรยาดีๆล่ะ ต่อไปมึงก็ไม่ต้องห่วงอะไรกูแล้วนะโว้ย อยู่คนเดียวมันไม่ตายหรอก "

คำพูดนั้นทำให้ชินดนัย ยิ้ม
"เออน่า...รู้แล้ว... ไม่ต้องย้ำมากหรอก" ชินดนัยตอบอีกฝ่ายเป็นนัยๆเช่นกัน

คำพูดกับท่าทางของชายหนุ่มทั้งสองคน ทำให้ ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ จนไหล่ทั้งสองข้างสั่น

...เพราะเป็น เพื่อนที่สำคัญแบนี้สินะ ถึงได้หวงมากขนาดนี้....

=========================

"เอาล่ะครับ... ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว เต้นรำเป็นการเปิดฟลอร์ให้กับทุกๆคน จะดีกว่า " เสียงพิธีกรในงาน ดังขึ้น พร้อมกับไฟที่มือสลัว และ เสียงดนตรีที่แปรเปลี่ยนไป

"เขาเรียกแล้ว...ขอตัวก่อนนะ เอ้อ อยู่ให้ถึงคอนถ่ายรูปหมู่ล่ะ เพื่อนเจ้าบ่าว"ชินดนัยย้ำ ก่อนจะจูงมือเจ้าสาวเดินไปตามคิวที่ได้มีการซักซ้อมเอาไว้

=========================

หนุ่มผมดำถอยออกมายังบริเวณงาน เพลงบรรเลงหวานของเครื่องดนตรีที่เล่นสดในงาน ทำให้บรรยากาศฝนตอนนี้เต็มไปด้วยความโรแมนติก ทำให้เขาอดนึกถึงคืนที่มีฟูลมูนปาร์ตี้ไม่ได้ คืนนั้นเป็นคืนแรกของเขาในฮาวาย แต่กลับล้มเหลวไปในครั้งแรก
และคืนนี้ก็คงเป็นอีกครั้ง แม้ว่าจะได้จูบ .. แต่ก็คงได้อยู่แค่นั้น คิดได้อย่างนั้นจึงกวักมือเรียกบริกรเพื่อขอเครื่องดื่มซักแก้ว ชายหนุ่มยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ ดวงตารีมองไปยังฟลอร์เต้นรำ เขาแทบจะไม่อยากเชื่อว่า เพื่อนร่างท้วมที่เต้นรำไม่เป็นของเขา วันนี้กลับทำได้ขนาดนี้

ผู้ร่วมงานหนุ่มโสดต่างเข้าไปทำความรู้จักกับสาวๆที่พวกเขาหมายตา เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์จากการเต้นรำ และหลังจากที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้เต้นรำเปิดฟลอร์ ก็ได้เวลาของคู่อื่นๆ

"อยู่ที่นี่ คงไม่มีคนให้เต้นคู่ใช่ไหมครับ" เสียงสจ๊วดหนุ่มดังขึ้น
ร่างบางในเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้ม ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆในมือมีแก้วแชมเปญ ถืออยู่ พร้อมกับ ดอกไม้ที่ได้รับจากเจ้าสาวเมื่อครู่ เขาก็ยังไม่ได้ สละมันให้เด็กสาว คนไหนอยู่ดี

" วันนี้ผมคงไม่เต้นกับใครหรอกครับ "เจตน์หันมาสบตาอีกฝ่าย " คุณไม่หาคู่เต้นหน่อยเหรอ? "
คำถามนั้นทำให้ ชายหนุ่มหรี่ตามองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้ม ออกมา

"คุณนี่...ยอมแพ้ง่ายกว่าที่คิดนะ"

" ผมเองก็มีลิมิตของผมเหมือนกันนะ .. จะให้ผมตื้อเหรอ? "เจตน์สวนกลับมาแทบจะทันที

"เปล่า....ผมแค่จะบอกคุณว่า ผมก็ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธอะไรคุณเสียหน่อย"
สุธาสินหันมาสบตากับอีกฝ่าย "แต่ถ้าคุณจะตื้อ... ผมก็จะยินดีนะ...ไม่เคยมีใครตื้อผมเหมือนกัน"

" ไม่ล่ะ..ผมไม่ทำหรอก  "หนุ่มผมดำยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา แล้วถามหาคำตอบที่เขาถามไปเมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้ว
" ตกลง จะตอบผมได้รึยัง .. คุณอยากจะคบกับผมไหม สิน? "

"ก็...ถ้าคุณ...ยอมรับได้ว่า ผมเดินทางบ่อย เราอาจจะไม่มีเวลาให้กันมาก ทั้งๆที่เราอาจจะต้องเรียนรู้กันมากกว่านี้....ผมก็อยากจะคบกับคุณนะ"

เจตน์ยิ้มกับคำตอบนั้นก่อนจะสบตาอีกฝ่ายนิ่ง  " เรายังไม่เคยเต้นด้วยกันเลยนะ .. ไว้คราวหน้าไปฮาวายด้วยกันนะ  "

"อืม...."มือเรียวข้างที่ว่าง ยื่นออกไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนขยับตัว เข้าไปใกล้เพียงเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ามือของทั้งสองกำลังกอบกุมมือของกันและกันเอาไว้
"ถ้า...เราเปิดห้องที่นี่กันคืนนี้...พวกเรายังจะจัดว่ามันเป็นเรื่องฉาบฉวยอยู่รึเปล่า" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำ

" ผมไม่มีเงินหรอกนะ "เจตน์ตอบกลับมา
" และผมไม่อยากให้คุณต้องจ่ายให้ ในเรื่องแบบนี้ ผมควรจ่ายไม่ใช่เหรอ? "

"หรือจะไปบ้านผม?" สุธาสินยักคิ้วมอง

" ได้เหรอ? " หนุ่มผมดำหันมาถามพลางยิ้มอย่างยินดี

"เราไม่มีทางเลือกนักนี่นา... ไว้ผมจะรอให้คุณจ่าย ค่าห้องให้ผมก็แล้วกัน...ไม่แพงหรอก "สุธาสินยังอดไม่ได้ที่จะแหย่เรื่องเงินๆ ทองๆกับอีกฝ่าย

=========================

เจ้าบ่าวเจ้าสาว ยืนอยู่ตรงกลาง ในขณะที่เพื่อนเจ้าบ่าว ทั้งสามคนยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งการถ่ายรูปหมู่ ที่ชินดนัยกำชับนักหนา ให้ทุกๆคนอยู่ รอเพื่อที่จะถ่ายรูปด้วยกัน
คิมหันต์ดูท่าจะกำลังกลั้นหัวเราะอยู่กับ อารยะที่ยิ้มให้กับ ดอกไม้ที่ไปฉวยหยิบมาจากมือของเด็กถือดอกไม้ เด็กชายตัวเล็กคนนั้นดูจะงงไปเลยทีเดียว ตอนที่ดอกไม้ช่อเล็กๆถูกฉวยออกไปจากมือ

ในขณะที่อีกด้าน ชายหนุ่มชาวต่างชาติ ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กับ ลูกชาย ของประธานบริษัท ที่เพิ่งจะกลับมาจากนิวยอร์ค อย่างธาวิน ดูจะมีท่าทีประหม่าไม่น้อย เมื่อต้องมายืนหน้ากล้อง โดยที่มีชายหนุ่มร่างเล็ก คล้องแขนของเขาเอาไว้แน่น

และไม่ห่างไปจากคู่บ่าวสาว คือชายหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนผมตัวเองให้เป็นสีดำ สนิทรับกับผิวสีเข้ม เคียงกายด้วย ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงดูโดดเด่น ซ่อนมือของทั้งสองเอาไว้ ด้านหลัง

คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดในภาพนั้นคงจะหนีไม่พ้น ชายหนุ่มร่างท้วมและเจ้าสาวคนสวย

...ดีแล้วล่ะ ที่ทุกคนมีความสุข ...

ชินดนัยยิ้ม เมื่อแสงแฟลซสว่างวาบขึ้น

=========================

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=39=
มีฉาก...นะคะ ถ้าไม่ชอบก็ข้ามไปเลยค่า :pig4:


เมื่อการถ่ายภาพจบลง ทั้งสุธาสินและ เจตน์ดูจะหายไปจากบริเวณงานแทบจะในทันที หนีไม่พ้นทิ้งให้เป็นหน้าที่ของ คิมหันต์และอารยะต้องคอยกลบเกลื่อนให้ เมื่ออิสราภรณ์เดินมาถามหา

ในขณะเดียวกัน รถยนต์คันสวยของสจ๊วตหนุ่มก็พาชายหนุ่มที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนตรงไปที่ห้องพักใจกลางเมือง สถานที่ ที่เขาไม่เคยพาใคร กลับมาด้วย

"เข้ามาสิ...." เจ้าของห้องเอ่ย พลางเปิดประตูให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา ห้องกว้าง ขนาดน่าจะพอๆกับห้องของอารยะ
มีรูปเครื่องบิน และรูปของเจ้าของห้อง ที่ได้เดินทางไปทั่วโลก ติดประดับอยู่ตามมุมต่างๆ รวมอยู่กับของที่ระลึกต่างๆ ที่ได้มาจากการเดินทางไปทำงาน

หนุ่มผมดำในชุดสูทเดินตามเข้ามา เขามองดูรอบๆห้อง คนๆนี้เดินทางมาคงแทบจะรอบโลกแล้ว
" คุณไปมาทั่วโลกรึยังเนี่ย? "

"ก็...เกือบๆ " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ พลางปลดเสื้อสูทออกวางพาดกับโซฟา สีแดงส้ม ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง
"ดื่มอะไรก่อนไหม"

" ไม่ล่ะ.. "เจตน์ค่อยๆถอดเสื้อสูทที่เขาเช่ามาแล้วคลายไทค์ออก

"อ้าว แล้วผมจะบริการแขกยังไงถูกล่ะเนี่ย... " ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดง หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปรับ สูท ตัวนั้นของอีกฝ่ายเอาไว้ในมือ

" ไม่อยากดื่มอะไร แต่อยากอาบน้ำ ช่วยอาบหน่อยได้ไหมล่ะ? "เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะสบตาอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย

"...." สุธาสินสบตาของอีกฝ่ายเล็กน้อย ริมฝีปากได้รูปนั้นหยักยิ้ม ก่อนที่จะหันหลังให้กับอีกฝ่าย แล้ว เดิน นำเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของเขาเอง

"ผมไม่เคยต้องอาบน้ำให้ใครเสียด้วย...ถ้าบริการไม่ดีต้องขออภัย " เสียงนั้นดังขึ้นจากในห้องน้ำ  พร้อมกับ ร่างสูงโปร่งที่ค่อยปลดเสื้อเชิ๊ตดำสนิทออกจากตัว

สีของเสื้อที่เพิ่งถูกปลดออกไปนั้น ขับให้สีผิวของชายหนุ่มยิ่งดูขาวเนียนมากขึ้น หากให้พูดไปแล้ว ก็ นึกไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายเพิ่งจะไปใช้เวลา ช่วงวันหยุดอยู่ทามกลางทะเลและแสงแดดของฮาวายมา

เจตน์เดินมาซ้อนหลังอีกฝ่าย ริมฝีปากได้รูปจูบไหล่บางเบาๆ มือแกร่งเอื้อมมาลูบไล้แผ่นอกบาง ผิวกายที่เขาคิดถึงมาตลอด
เสียงหัวเราะดังขึ้นสลับเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความพึงพอใจในรสสัมผัสแทบจะในทันที

"ไหนว่าจะอาบน้ำ"เสียงนั้นกระซิบ ติดริมฝีปาก เมื่อสุธาสินเอี้ยวคอมารับรสจูบจากชายหนุ่มร่างสูง

" ก็เปิดน้ำซิ "มือแกร่งเลื่อนลงมาปลดตะขอกางเกงของสุธาสินแล้วจับให้สจ๊วดหนุ่มหันหน้าเข้าหาเขา
ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้ม มือเรียวผลักให้อีกฝ่ายก้าวเข้าไปด้านในโซนเปียกของห้องน้ำ ก่อนที่มือข้างนั้นจะไล้เบาๆ กับแผ่นอกของอีกฝ่าย แล้วเลื่อนไปด้านหลังเพื่อเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลรดลงมาบนเสื้อเชิ๊ต ที่อีกฝ่ายยังสวมใส่ อาภรณ์ทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำแทบจะในทันที

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายสเน่หา มือเรียวไล้เบาๆบนแผ่นอกผ่านเนื้อผ้า บางเปียกลู่แนบตัวของอีกฝ่าย ก่อนจะไล้ลงไป ปลดเข็มขัดของอีกฝ่ายออก ร่างบางขยับเข้าแนบชิด ขยับเนื้อตัวเข้ากับผ้าเปียกน้ำหนักอึ้งนั้น มือเรียวไล้เรื่อย พลางขยับปลดกางเกงของอีกฝ่ายลง เนื้อผ้ากองหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกนั้น

เจตน์เองก็สอดนิ้วเข้ามาในกางเกงของอีกฝ่าย แล้วค่อยๆดึงเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากร่างบาง และร่างขาวบางที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้อารมณ์ของเขาคุกรุ่น

"อาบน้ำซิ่.... "
น้ำเสียงเอ่ยปนเสียงหัวเราะอย่างพอใจในลำคอ  ชายหนุ่มขยับแนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย เรียวลิ้นขยับรุกล้ำ อ่อนหวานหากแต่เร้าร้อนภายใต้ สายน้ำที่สาดซัดลงบนร่าง

หนุ่มผมดำจูบกับอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน มือข้างที่ว่างถอดเสื้อผ้าของตนเองออกไปจนหมด แล้วดึงร่างนั้นมาแนบชิด ผิวเนื้อเสียดสีกันเกิดเป็นความเร่าร้อนภายใต้สายน้ำ

"เจตน์... " น้ำเสียงที่เอ่ยอย่างมั่นใจ ฟังดูแผ่วเบากว่าทุกครั้ง ร่างบางในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างสูง สั่นระริก เช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นอยู่ในอก ดวงตาสีเข้มปรือมองใบหน้าของอีกฝ่าย

"ผมนึกว่าจะไม่ได้ พบคุณอีกแล้ว "

" ผมชอบคุณ"เจตน์เอ่ยออกมาอย่างจริงใจ มันไม่ได้เป็นไปเพราะอารมณ์ความต้องการ แต่เป็นสิ่งที่เขาอยากจะบอกเอาไว้

สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย มือเรียวเสยเส้นผมสีดำสนิทที่เปียกน้ำนั่นขึ้นไปเล็กน้อย
"ผมก็ชอบคุณ" ชายหนุ่มเอ่ย แผ่วเบา แล้วแตะริมฝีปาก กับริมฝีปากของอีกฝ่าย สองมือตระกองกอดให้เจตน์ขยับเข้ามาแนบกาย จนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่จะไม่มีทางโกหกตัวเอง แม้ในหน้าที่การงานของเขาจะรู้สึกได้ถึงการตีสีหน้าเข้าหากัน แต่ เมื่อได้อยู่กับชายหนุ่มร่างสูงคนนี้ เขาแค่อยากจะจริงใจ กับทั้งคำพูดและการกระทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่ จะทำได้

เจตน์จับสุธาสินพิงกับผนังห้องน้ำ ริมฝีปากได้รูปจูบตามผิวกายขาวจนเกิดรอยแดง เขาขบที่ยอดอกที่ไวต่อการสัมผัสอย่างยั่วเย้า พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ปลุกเร้าเบื้องล่างของสจ๊วดหนุ่ม

ร่างบางผวากอดอีกฝ่ายเข้าหา ริมฝีปาก ร่ำร้องออกมาเป็นถ้อยคำที่ไม่อาจตีความหมายได้ แต่ชายหนุ่มผมสีดำคงเข้าใจ ดี
เจตน์คุกเข่าลงกับพื้นห้องน้ำ เขารับเอาความเร่าร้อนนั้นไว้ในปาก เกือบแทบทุกครั้งสำหรับเขาและสุธาสิน นี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายพอใจ เวลาเขาปฏิบัติให้เช่นนี้

ปลายนิ้วเรียวขยับไล้กับเส้นผมสีดำที่เปียกร่างบางเกร็งแน่น เมื่ออารมณ์ ถูกปลุกเร้าจนไม่อาจต้านทาน ความร้อนระอุในร่างกาย ถูกปลดปล่อย เรียวขาทั้งสองข้างขยับ เหมือนไม่มีแรงจะยืนอยู่อีกต่อไป จน สุธาสินต้องอาศัย ไหล่กว้างทั้งสองข้างนั้นเป็นหลักยึด

"...เจตน์...... เจตน์..... " เสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายปะปนไปกับเสียงหอบหายใจขาดช่วง ใบหน้าของชายหนุ่มแดงก่ำ แม้จะ อยู่ท่ามกลางสายน้ำ แม้อารมณ์จะถูกปลดปล่อย แต่ กลับยิ่งรู้สึกอยากจะใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ให้มากขึ้น ความโหยหา ที่รู้สึกมาตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายจากมาไม่เคยได้รับการเติมเต็ม

ทั้งความรู้สึกที่อยู่ในใจ อยากจะบอกออกไป และร่างกาย ที่ต้องการ กันและกัน

หนุ่มผมดำจับร่างนั้นให้ขยับขึ้นเล็กน้อย ปลายนิ้วแตะหยาดหยดแห่งความสุขของคนรักแล้วลากไปยังสะโพกบางที่สั่นระริก ปลายนิ้วร้อนๆขยับเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ เขาก้มลงจูบอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน ปลายนิ้วที่ขยับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
จนร่างที่อ่อนระทวยนั้นพร้อม หนุ่มผิวแทนขยับกายเข้าหา สัมผัสแนบเนื้อต่อเนื้ออย่างไม่มีอะไรมากั้น

" อา.. " เขาครางออกมาอย่างพอใจกับความเร่าร้อนและแนบแน่นจากอีกฝ่าย

ร่างบางเกร็งแน่นแทบจะในทันที สองแขนโอบอีกฝ่ายเข้าหาตัว
"เจตน์....อ๊า...เจตน์...." เสียงหวานหูร่ำร้องออกมาเป็นชื่อของคนรัก สะโพกมนขยับ ตอบสนองความต้องการของตัวเอง เข้ากับร่างของอีกฝ่าย ห้ามไม่ได้ ต้องการอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

" สิน .. อ๊าา.. " ชายหนุ่มเร่งขยับตัวอย่างเร่าร้อนรุนแรง เมื่อได้รับการตอบสนองเช่นกัน

ริมฝีปาก ปลายลิ้นลากไล้ไปทั่วจนผิวกายขาวแดงช้ำ ฟันของเขาขบลงบนผิวกายบางจุดเบาๆ กระตุ้นอารมณ์จากร่างข้างใต้ให้สุขสม ไม่ได้สนใจ ต่อสายน้ำที่ยังสาดลงมาบนร่าง สุธาสินขยับร่างตอบสนอง ภายในกายร้อน ร่างบางส่งเสียงออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อร่างทั้งร่างเกร็งแน่นอีกครั้ง

ปลายนิ้ว กดลึกลงบนแผ่นหลัง ฝากรอยลากยาวสีแดง เอาไว้เมื่อเบื้องหลังเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้น กำลังจะกลายเป็นสีขาวโพลน

"เจตน์............." เสียงนุ่มลากยาว เรียกชื่อของอีกฝ่าย ดังกังวานไป

เมื่อรู้สึกได้อย่างนั้น หนุ่มผิวแทนก็จับร่างบางขยับเข้าหาความรุนแรงของอารมณ์แห่งความต้องการ มากขึ้นอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเขาต้องครางออกมา แล้วปลดปล่อยความร้อนออกมาในร่างบางที่รองรับ

หน้าท้องของเขายังคงรู้สึกลื่นจากสิ่งที่หนุ่มร่างบางปลดปล่อยออกมา  เจตน์หอบหายใจแรง ริมฝีปากได้รูปซุกได้กับผิวแก้มของอีกฝ่าย เขาปล่อยให้ตนเองกับสุธาสินได้แนบชิดกันอีกซักพัก ก่อนจะค่อยๆถอนกายออกมา

ร่างบางหอบหายใจ ก่อนจะทรุดกายลงกับพื้นห้องน้ำ ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน มือเรียวขยับไปปิดน้ำ
"อาบน้ำ...พอแล้ว..............." เสียงนุ่มดังราวหอบเหนื่อยแต่กลับมี รอยยิ้มบนใบหน้าแดงเรื่อนั้น

เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตารีดูสภาพของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งดูกระตุ้นเร้าได้อย่างบอกไม่ถูก มือแกร่งช้อนตัวคนที่แทบจะไม่มีแรงขึ้นอุ้มก่อนจะพาออกจากห้องน้ำ
" เอาเถอะ ผมจะช่วยคุณเช็ดตัว .. ดีไหม? "

"เช็ดตัว แล้ว คืนนี้ จะได้ปล่อยไหมเนี่ย" สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ แค่มองตาอีกฝ่าย ก็พอจะเข้าใจ

" คืนหนึ่ง เราเคยทำได้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? "
เจตน์ถามก่อนจะวางร่างบางลงกับเตียงกว้าง แล้วบรรจงเช็ดตัวให้ร่างบาง ด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม

"ก็จริง..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแเดง เอ่ย ดวงตาสีเข้มมองอีกฝ่ายยั่วยวน ริมฝีปากบางนั้นเหยียดยิ้ม สองแขนเหยียดออก แตะแขนของอีกฝ่ายที่กำลังไล้ผ้าขนหนูลงบนแผ่นอกของตน
"คราวนี้ ...กี่รอบดีล่ะ... ต้องให้ผมนับส่วนไหนดี ...ส่วนผม หรือส่วนคุณ... นี่...ผมจะอยู่ที่นี่อีกซักอาทิตย์เองนะ...ไปดูหนังกันหน่อยไหม"

" เดทตอนผมไม่มีเงินเนี่ยนะ? .. ไว้กลับมากรุงเทพ ค่อยไปเถอะ "
เจตน์ลากผ้าขนหนูกับแผ่นอกที่มีแต่รอยจ้ำ ก่อนจะขมวดคิ้ว
 " ผมทำผิวคุณไม่สวยแล้วนะเนี่ย .. ไหนรอยฟันนี่อีก "นิ้วเรียวจิ้มที่รอยฟันที่หน้าท้องอีกฝ่ายเบาๆ

"ผมทำคุณหมดตัวขนาดนั้น...เป็นแผลนิดหน่อยจะเป็นไร... ถ้ามันช้ำ...ก็ทายาเสีย เดี๋ยวก็หาย "
ปลายนิ้วไล้ๆเบาที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

หนุ่มผมดำจูบปลายนิ้วนั้นเบาๆ แล้วมองดูรอบๆห้องที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ ไหนจะย่านที่อาศัยอยู่ เขารู้ดีว่าคงแพงมากแน่ๆ
" ห้องผมยังไม่ได้หนึ่งในสี่ของคุณเลยนะเนี่ย .. ไหนจะสถานภาพทางการเงินของผม .. ใครรู้เข้าจะคิดว่าผมมาเกาะคุณกินรึเปล่าเนี่ย? "

"คิดแต่เรื่องเงินนะคุณเนี่ย...ไม่คิดเหรอว่า ทำไมผมถึงชอบคุณ ... " สุธาสินดึงนิ้วออก ดวงตาฉายแววไม่พอใจเล็กๆอยู่ในที
"ผมชอบคุณ เพราะคุณเป็นคนจริงใจ พูดอะไรตรงๆ ไม่ค่อยเหมือนสังคมที่ผมอยู่ซักเท่าไร... ที่นั้น ใครเขาก็พูด เรื่องเงินๆทองๆ แบรนด์นั่นนี่ ...ผมเบื่อ...แต่อยู่กับคุณ ไม่ต้องใส่หน้ากากดี...ผมชอบ"

" นึกว่าคุณจะบอกว่า เพราะเรื่องพรรคนั้นซะอีก " เจตน์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพูดถึงเรื่องของตนเอง

สุธาสินหน้าแดงก่ำ บ่นอุบว่าอีกฝ่าย เริ่มปากดีอีกแล้ว ดวงตาสีเข้มมองหน้าอีกฝ่าย

" แต่ก็นั่นแหละ ผมเคยคิดว่าการที่ผมเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยยอมปรับตัวอะไร  มันคงเป็นปัญหากับการอยู่ในสังคมไทยนะ "

"แล้ว ในตอนนี้ คุณคิดว่า คุณ จะปรับตัวได้บ้างหรือยัง.... อา...ผมคงจะตามใจคนเอาแต่ใจแบบคุณไปหลายอย่างแล้วล่ะซิ่"

เจตน์หัวเราะ ลั่นแล้วขยับหน้าเข้าไปกระซิบที่ใบหูบาง
" ตามใจสุดๆเลยล่ะ .. ผมชอบนะ แบบนั้น "เขาทำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะลากมือไปทั่วผิวกายเนียนมือ

"ชอบผมเพราะแค่นี้ซิ่นะ.... " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่ได้ จะงอนหรืออะไร เพราะรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมันเริ่มมาจากสิ่งใด
"แต่ผมก็อยากจะให้เราพัฒนาไปอีกนะ...."

" ผมไม่ได้เป็นพวกโทรหาทุกวันหรอกนะ เพราะงั้น ถึงคุณจะบินบ่อยๆก็ไม่ต้องห่วงหรอก  "
ริมฝีปากร้อนซุกไซ้กับผิวแก้มแดงระเรื่อ " หรือคุณอยากให้ผมโทร..แต่ค่าโทรศัพท์ต้องทำผมหมดตัวแน่ๆเลย "

"ไม่ต้องโทรก็ได้... ผมก็ไม่ได้ จะมานั่งนับโทรศัพท์ คุณเสียเมื่อไร... " เสียงนุ่มขาดห้วง เมื่อริมฝีปากร้อนนั้น ขยับเม้มแผ่วเบาที่ข้างหู
มือแกร่งจับให้ร่างบางนอนคว่ำลงกับเตียงนุ่ม แล้วลากริมฝีปากกับแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล

"อ๊ะ... "เสียงสุธาสินอุทานขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงปลายลิ้นของชายหนุ่มร่างสูง มือเรียวยึดผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ความรู้สึกซาบซ่านแล่นริ้วจากเบื้องล่าง ริมฝีปากบางส่งเสียงแผ่วเบาปนหอบหายใจ

ปฏิกิริยาที่ไวต่อความรู้สึก มันง่ายต่อการกระตุ้นเร้าโดยเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส นั่นทำให้เจตน์ไม่ลังเลใดๆ ต่างจากประสบการณ์ที่แล้วมา  กับสุธาสินแล้ว เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจเสมอ เขาฝันที่จะเป็นผู้ชายแบบนี้มาตลอด และสุธาสินก็ทำให้เขาเป็นได้

ร่างแกร่งสอดประสานกับสุธาสินอย่างเร่าร้อน มือที่ชื้นเหงื่อขยับมาปลุกเร้าเบื้องหน้าของสจ๊วดหนุ่มเป็นจังหวะเดียวกับการแทรกกายเข้าหา เนื้อสัมผัสเนื้ออย่างไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ อีกครั้ง

"อ๊ะ....เจตน์.... "ชายหนุ่มร้องครวญออกมาเป็นชื่อของอีกฝ่าย สัมผัสร้อนที่รับรู้ได้ ทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป แต่ จนกระทั้งตอนนี้ แล้วหากจะพูดออกไป คงไม่ทันการณ์

...ลืม...ไปได้ยังไง....

"ไม่เคยลืมแท้ๆ....." เสียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงหัวเราะปนหอบเหนื่อยอย่างเร้าอารมณ์ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มร่างสูง

" ลืม?..อ๊า..อะไร? "เจตน์ถามทั้งที่เขากำลังหอบหายใจอย่างหนัก เบื้องล่างกระแทกหาอีกฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

"อ๊ะ... ...อ๊ะ..เจตน์..." สุธาสินเม้มริมฝีปากแน่น อีกฝ่ายขยับเข้าหารุนแรง ร่างบางพยายามตั้งสติ ที่กำลังจะหลุดลอย เอ่ยคำ สุดท้ายออกจากปาก

"ล...ลืม ... ถุงยาง....อ๊ะ..อ๊า..."

" อึ่ก .. อ๊า! "เจตน์ครางออกมาหลังจากได้ยินคำตอบ ไม่ทันเสียแล้ว เขาลืมใช้มันอีกครั้งแล้ว ชายหนุ่มปลดปล่อยออกมาในกายอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เขาปล่อยให้ตัวเองยังคงอยู่ในกายของคนรัก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ทั้งๆที่ยังหอบหายใจ
" อา..ฮะ..ฮะ ..ฮะ..เมื่อกี้ก็ลืม..นะ "

"...ไม่ต้องมาหัวเราะเลย...ออกไปเลย จะอาบน้ำ...." สุธาสินอยากจะผลักอีกฝ่ายออกไปเสียให้ได้ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ ใบหน้าสวย ฟุบลง กับเตียง มือ ที่เกี่ยวเกาะ ผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เมื่อครู่ สั่นระริก...

" เดี๋ยวเลอะ "เจตน์ห้ามเมื่อสุธาสินจะขยับออกจากเขา ความต้องการของเขามันยังคงอยู่ในกายอีกฝ่าย ไม่น้อยเลย 
" ขอผมนอนกอดอีกหน่อยน่า "

"มันเหนียวตัวนี้ ...ไม่สกปรกบ้างหรือไง...." ชายหนุ่มบ่น ยกมือพยายามจะดันอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล....อีกฝ่ายทาบร่างทับลงมา ร่างบางอุทานออกมาเบาๆ ในที่สุดก็ต้องยอมนอนนิ่งโดยดี

" ไม่นี่  ผมชอบตอนที่อยู่ในตัวคุณแบบนี้ที่สุดเลย " มือแกร่งโอบกอดร่างบางเข้ามาหาตัว แล้วหลับตาลง

"เดี๋ยวผมเสียพลังงานหมด" สุธาสินบ่นออกมา ที่จริงเขาไม่เคยชอบให้ใครนอนกอดเขาทั้งๆที่อะไรๆยังคากันอยู่แบบนี้ แต่กับอีกฝ่ายแล้ว น่าแปลกที่อ้อมกอดกว้างนี่มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

"อา...ผมคงจะชอบคุณจริงๆนั่นละ"

" เพิ่งจะรู้ตัวเหรอคุณ? ว่าแต่เรื่องถุงยางน่ะ ผมปลอดภัยนะ"
เจตน์กอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย แล้วกระซิบแหย่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทั้งๆที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อครู่

".......ผม...ก็กลัวว่าคุณจะถือ มันก็แค่....นึกขึ้นมาได้ "สุธาสินพึมพำเอ่ยออกมาใบหน้าแดงก่ำ

" ต่อไปจะไม่ใช้แล้วนะ "เจตน์พูดออกมาอย่างจริงจัง
" ก็เราไม่ใช่คู่นอนกันแล้วนี่ "

"เพราะไม่ใช่คู่นอน...ก็เลยไม่ป้องกันเหรอ?" สุธาสินหันมาถามพลางขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบอะไร
"ไปอาบน้ำดีกว่า...." เขาคิดว่าตัดบทไปแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายจะหาว่า เขาเรื่องมากหรืออะไรอีก

" ไม่เอา .. สิน มาคุยกันก่อน " เจตน์ดึงอีกฝ่ายเอาไว้
" อยากผมให้ทำอะไร? " เขาถามออกมาตรงๆด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง

"ผมก็แค่...ไม่อยากให้คุณ ปล่อยตัวเอง ก็เท่านั้น...จริงอยู่ว่าถ้าเราจะจริงจังกับใครซักคน มันอาจจะไม่จำเป็น...แต่..."ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ถ้าเรา...ป้องกันเอาไว้ ถ้าเกิดว่า ความสัมพันธ์นี้ มันจะไม่ยืนยาว คนอื่นเขาจะได้ไม่มาว่าคุณได้... ก็เท่านั้น"

" โอเค .. คราวหลังผมจะระวัง” เขายิ้มกับท่าทางที่ดูอ่อนลงของอีกฝ่าย
“ นี่ มีอะไรก็ให้บอกนะ ถ้าคุณชอบที่ผมเป็นคนตรงๆ ผมก็อยากให้คุณตรงๆกับผมเหมือนกัน "
ชายหนุ่มร่างสูงย้ำในสิ่งที่เขาอยากให้เป็น ก่อนจะขยับขึ้นไปนอนหนุนหมอนใบใหญ่

"ผม...ก็แค่...ห้ามตัวเองไม่ทัน ก็เท่านั้นเอง" ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ อย่างช่วยไม่ได้

" ช่วยไม่ได้นี่นา ผมเก่งออก จริงมั๊ย? " เจตน์หัวเราะร่า แล้วชี้ไปที่ห้องน้ำ
" ไปอาบน้ำเถอะ "

====================

ยามเช้าในห้องนอนเงียบสนิท ไม่มีเสียงนก หรือ เสียงเครื่องยนต์ของรถรารบกวน นี่เป็นข้อดีที่เขาเลือกที่อยู่ในบริเวณนี้
ร่างบางมีเพียงผ้าห่มหลุมกาย อยู่บนเตียงนุ่ม เพียงลำพัง ผิดกับเมื่อคืนที่เขามีใครอีกคนอยู่ด้วย

ดวงตาสีเข้มปรือขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าข้างกาย ไม่มีไออุ่นของใครบางคนอยู่ข้างกาย

"อืม... เจตน์... " ปลายนิ้วไล้สัมผัส แต่พบเพียงผ้าปูที่นอนยับย่นไร้ไออุ่น สจ๊วตหนุ่มสะดุ้งผุดลุกในบัดดล ดวงตาคู่สวยเหลียวมองซ้ายขวา แต่ไม่เห็นใคร

"เจตน์............" เขาลองเรียกชื่อของคนที่รักร่วมกันเมื่อคืน แต่กลับไม่มีเสียงตอบ

"เจตน์..................." แม้เรียกอีกครั้งก็ยังคงได้รับเพียงความเงียบกลับมา พลันดวงตาเหลือบไปเห็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ในห้อง บนโต๊ะหัวเตียงมีขวดน้ำหอมสีฟ้าใสตั้งอยู่

....วัน ซัมเมอร์...

มันเป็น น้ำหอมขวดเดียวกับ เป็นหัวข้อสนทนาให้เขาได้พบและพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นจริงเป็นจัง ในครั้งนั้น
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม ในแววตาให้ความรู้สึกเศร้าสร้อย เหมือนอย่างเช้าวันนั้น

....คุณชอบทิ้งอะไรเอาไว้จริงนะ.....

(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2014 15:08:27 โดย kuruma »

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
ร่างบางลุกออกจากเตียง ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ...ไม่ใช่แค่ร่างกาย น่าแปลก ที่ความรู้สึกเต็มตื้นที่ได้รับในคืนวันแต่งงานของน้องสาว กลับหายไปจนหมดเมื่อยามเช้าผ่านมาถึง

ตื่นมาแล้วไม่มีใคร มันไม่ต่างอะไร จากวันที่ไม่มีชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นผ่านเข้ามาในชีวิต

อีกไม่นาน ก็คงจะต้องหอบเอาความเบาโหวงเหล่านี้ กลับไปทำงานด้วย

"นี่เรา..คงเหมือนศพเดินได้แน่... "

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงเอ่ย หยิบเสื้อคลุมสีดำมาคลุมกาย เดินไปยังห้องครัว อยากจะหาอะไรมาดื่มให้ อย่างน้อย ก็รุ้สึกว่า สดชื่นมากกว่านี้

====================

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงถุงพลาสติกกระทบกันหลายต่อหลายใบ คนที่เพิ่งกลับมาคงจะไปซื้อข้าวของมาหลายอย่างเลยทีเดียว

เสียงประตูที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังจะรินน้ำส้มใส่แก้ว สะดุ้งเผลอปล่อยแก้วลงกับพื้นทันที

...เพล้ง...

เสียงแก้วกระทบพื้น น้ำส้มที่กำลังเท หกเปื้อนพื้นไปหมด แต่เจ้าตัวไม่ได้ สนใจ ร่างสูงโปร่งวิ่งไป ที่หน้าประตู ทันที

" สิน! เป็นอะไรรึเปล่า? " เจตน์เองก็วางถุงของสดที่ซื้อมา แล้วเดินไปหาคนรักของเขาตามเสียงที่ได้ยินทันที

"อย่ามาเล่นบ้าๆ แบบนี้อีกนะ" สุธาสินผลักอีกฝายออก

" เล่น? ผมไม่ได้เล่นอะไรซักหน่อย คุณเป็นอะไรไปน่ะ? "เจตน์ทำหน้าไม่ค่อยถูกที่เห็นคนรักเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

"นี่เหรอ ไม่ได้เล่น.... "สุธาสินพูดด้วยเสียงเรียบขึ้นมาทันที ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายกลับเข้าไปในห้องนอน

"วางไอ้นั้นเอาไว้...แล้ว ก็หายไป.... นี่เหรอไม่ได้เล่น..."ดวงตาสีเข้มมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

" ก็ผม .. อยากทำอาหารเช้าให้ แล้วก็ไหนๆ ห้องคุณก็ใกล้ห้องพี่คิมก็เลยแวะไปเอาเจ้านี่มาให้ไง แต่ดันลืมซื้อของพวกนั้น " หนุ่มผมดำชี้ไปที่กองถุงของสดที่อยู่หน้าประตูห้อง
" ก็เลยออกไปซื้อ  "ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะคลายหัวคิ้วออก เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทน แล้วพูดแหย่
" ทำไม? คิดว่า ผมได้คุณแล้วจะทิ้งรึไง?  "

"............................แล้วผมผิดตรงไหนที่จะจินตนาการไปแบบนั้น" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ท่าที่ไม่ได้แสดงว่า ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ คล้อยตามไปกับคำแหย่นั้นเสียงทีเดียว
"คุณเคยทิ้งผมเอาไว้ ... แบบนี้เหมือนกัน...  คิดว่าผมต้องพยายามทำใจขนาดไหนกัน?"

" โอเค ขอโทษครับผม  " เจตน์พูดมันได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหอมแก้มของคนรักเป็นการง้อ

" หายโกรธนะ จะทำข้าวเช้าให้กิน ข้าวต้มดีไหม? .. ไปอาบน้ำเถอะ "

".......ไม่ ผมไม่อาบน้ำตอนเช้า... มันเย็น.... "ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ห้องครัว เพื่อเก็บกวาด ของที่เขาทำหล่นเอาไว้ มือเก็บเศษแก้วไป ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย

...แก้วแตกเลย พื้นเป็นรอยไหมเนี่ย ...

" อ่า.. ช่วยไหม? "เจตน์ที่เดินไปเก็บถุงของสด เดินมาถาม ทั้งๆที่ของเต็มไม้เต็มมือไปหมด

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ..." สุธาสินเอ่ยขึ้น เขาชินแล้วกับการทำความสะอาด การเก็บกวาดที่รวดเร็วมันเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเขาเสมอ และเขาก็ทำมันได้เร็วและสะอาดเอี่ยมภายในเวลา ไม่กี่นาที

" โอเค งั้นผมไปทำข้าวเช้าให้ละกัน "หนุ่มผมดำพยักหน้าลง เร็วๆ ดูท่าสุธาสินคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาซักเท่าไหร่นัก

ข้าวต้มขาว กับกุนเชียงนาบกะทะ และไข่เจียวแห้งๆ และผักกาดดองกระป๋อง นั้นเป็นอาหารง่ายๆที่เจตน์ทำในเช้านี้

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงช่วยจัดเสริฟ ลงบนโต้ะ ทันทีที่เห็นว่า อีกฝ่ายทำอาหารเสร็จ

" เอาล่ะ เสร็จแล้ว " เจตน์มองชุดอาหารเช้าง่ายๆที่เขาภูมิใจเสนอ ถึงแม้จะดูไม่ค่อยมีราคาอะไรนักแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายได้ชิมดู
" มากินข้าวกันเถอะ "

"นี่ครับ........." ชายหนุ่มเอ่ย พลางยื่นแก้วน้ำเย็นให้กับอีกฝ่าย

" มากินข้าว สบายๆซี่ .. ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานนะครับ ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ผมไปหยิบเองก็ได้ "เจตน์บอก ตอนนี้สุธาสินทำเหมือนเขาเป็นผู้โดยสารบนเครื่องเลย

"ครับ... "สุธาสินรับคำเสียงเบา ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต้ะอีกด้าน ชายหนุ่มตักกับข้าวเข้าปาก
"อร่อยดีนะครับ" ปากเอ่ยชม เล็กน้อย "ไม่รู้ว่าคุณทำกับข้าวเป็นด้วย... "

" แค่ข้าวต้มกับกับข้าวง่ายๆถูกๆน่ะ เห็นคุณทานได้ผมก็ดีใจนะ “ เจตน์ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปเช็ดเม็ดข้าวที่ข้างริมฝีปากนั้น
“ว่าแต่ คุณชอบกินอะไรมั่งล่ะ ผมจะได้หัดทำของยากๆให้คุณกินมั่ง "เจตน์ยิ้มกับคำชมของคนรัก เขามั่นใจเรื่องฝีมือการทำอาหารของตนเสมอ

"ผม...ชอบกินไก่ย่างเหลือ "ใบหน้าสวยนั้น เบือนไปอีกทางเหมือนจะอาย "แล้วก็ ขนมหวาน... "

" ขนมหวาน? "หนุ่มผมดำทวนคำอีกฝ่าย พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ .. ไม่น่าเชื่อแฮะ..
" ขนมไทยหรือ? "

"... ผมกินได้หมด ขอแค่หวาน...ปรกติไม่ค่อยได้กินเท่าไร นานๆ จะกินที... ผมทำงานแบบนี้ ให้ไปนั่งกิน ตามร้านอะไรแบบนั้น อายคนอื่นเขา" ชายหนุ่มเอ่ย แม้บางครั้งได้ไปตามสถานที่ต่างๆ แต่ การที่ทำงานแบบนี้ นอกจากจะต้องดูแล ตัวเอง แล้ว ภาพพจน์ของสายการบินก็ต้องรักษาเช่นกัน

" งั้นคราวหน้ากลับมา รับรองได้กินแน่ๆ "เจตน์จิ้มแก้มที่แดงระเรื่อของอีกฝ่ายเบาๆ
" น่า .. ไม่เห็นต้องอายเลย น่ารักดีออก "

"ผม...ไม่ได้อยากให้คุณชม ว่าน่ารักหรอกนะ..." สุธาสินพูดแต่ถึงกระนั้นก็ยิ้ม ยิ้มแรกของเช้าวันนี้

เจตน์ยิ้มตอบอีกฝ่ายแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าในส่วนของตนไป
" อะ..โทษที นี่กุญแจ "เจตน์ว่าแล้วรีบเอากุญแจวางบนโต๊ะ

สุธาสินยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากุญแจห้องกลับมา..
"เดี๋ยวผม จะ ปั้มเอามาให้ก็แล้วกันนะ"

====================

ช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเป็นไปอย่างมีความสุข หนุ่มผมดำเก็บของออกจากห้องของคิมหันต์ โดยที่อารยะอดที่จะกระแนะกระแหนอย่างทุกครั้งไม่ได้ ที่เห็นอดีตคนรักกำลังมีความสุขกับคนที่ดูดีได้ขนาดนั้น

แต่เจตน์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เสื้อผ้าไม่กี่ชุดถูกนำมาใช้ที่ห้องของสุธาสิน เขาทำตัวตามสบายๆ ทำอาหาร ทำความสะอาด แล้วก็เริ่มหัดทำของหวาน..

" เป็นไง โอเคไหม? " เจตน์ถามออกมาเมื่อคนรักของเขาตักคัสตาร์ทเข้าปาก
ท่าทางไม่ค่อยมั่นใจเลย แน่ละ .. เขาไม่ชอบของหวาน เลยไม่ยอมชิมเลย

"อืม...ก็อร่อยดี" สุธาสินยังคงชมด้วยถ้อยคำแบบเดิมๆเสมอ ไม่เคยมี "อร่อย " หรือ "อร่อยมาก"

" โอเค ก็ชมแบบขอไปที "เชฟขนมหวานจำเป็นทำหน้าเซ็งเล็กน้อย
" บอกว่าไม่อร่อยก็ได้นะ .. ไม่เป็นไรหรอก "

"เปล่า มันอร่อย... แล้วจะให้ผมชมคุณมากขนาดไหนล่ะ อร่อย ก็คืออร่อย ... "สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
“ที่สำคัญมันอยู่ที่ คุณทำให้ผมมากกว่า"

" งั้น คราวหน้ากลับมา ผมจะรอคำว่า " อร่อยมาก " จากคุณก็แล้วกัน  "
นิ้วเรียวจิ้มปลายจมูกของคนรักเบาๆ แล้วเดินไปเก็บครัว ผิดจากวันแรกๆที่มาอยู่กับสุธาสิน เขาไม่ค่อยชอบเก็บนั่นเก็บนี่เท่าไหร่นัก

ชายหนุ่มเจ้าของห้องยิ้ม...
" นี่ คราวนี้ผมไปนานหน่อยนะ ตารางยาวเลย "

" งั้นเหรอ.. ไว้ผมไปส่งคุณที่สุวรรณภูมิ แล้วค่อยกลับห้องก็แล้วกัน คงพอดีกับวันสุดท้ายที่ลางานไว้ "เจตน์ตอบกลับมา มือทั้งสองข้างยังคงล้างเครื่องครัวที่ใช้ไป

"ไว้คุณก็...หัดทำไปเรื่อยๆก็แล้วกัน รอลูกของเอิร์นเกิด ก็เอาไปรับขวัญหลานกัน ดีไหม" ร่างสูงโปร่งเดินไปยืนช้อนที่ด้านหลังของอีกฝ่าย มือเรียวแตะเบาๆที่ไหล่ของร่างสูง

" ฮะ ฮะ .. พ่อมันคงกินหมด ไม่เหลือให้ลูกหรอก "เจหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงคนที่กำลังจะเป็นพ่อของเด็กคนนั้น และสภาพขนมของเขาก็คงดูไม่จืดเลยทีเดียว

"ของที่ทำด้วยใจ พ่อกิน แม่กิน ลูกก็คงรู้สึกด้วยนั่นล่ะ"

" แต่ถ้าตอนนั้น คุณยังบอกแค่ อร่อยเฉยๆ .. คงจะไม่ไหวแน่ๆล่ะ " เจตน์หันมายิ้มให้คนชอบของหวาน
" ไว้ผมจะซื้ออุปกรณ์ไปหัดทำที่ห้องก็แล้วกัน " 

"ทำที่ห้อง?.... "สุธาสินเลิกคิ้วสูง
" นึกว่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียอีก"

" ย้าย? " เจ้าของดวงตารีเลิกคิ้วขึ้นสูง " คุณอยากให้ผมอยู่ที่นี่ กับคุณเหรอ? "

"อ้าว" คราวนี้เป็นสุธาสินเองที่อุทานเสียงสูง
"นี่ก็ยังไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย ...อืม ต้องขอโทษที่ผม เป็น คนคิดอะไรไปเองตลอด"

" ผมอยากนะ! "เจตน์ตอบเสียงดัง
" ที่ถามออกไปแบบนั้น แค่แปลกใจก็เท่านั้น ผมแค่นึกว่า คุณอยากให้ผมอยู่ด้วย ก่อนบินอีกรอบ "

ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม สบตาของอีกฝ่ายนิ่ง มือเรียวจับมือที่ยังเปียกอยู่ของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
"บอกคุณตรงนี้เลยนะ ถ้าผมไม่คิดจริงจัง... ผมไม่พาคุณมาที่นี่ ตั้งแต่แรกหรอก"

" โอเค .. ให้ผมอยู่ที่นี่กับคุณใช่ไหม? " เจดึงมือที่จับมือเขาไว้มาจูบเบาๆ

"อืม... " เสียงรับในลำคอเบาๆ

"นี่..อยู่แล้วก็ทนผมไปเรื่อยๆก็แล้วกันนะ " สุธาสินยิ้มให้อีกฝ่าย รอยยิ้มสวยจนคนอายุน้อยกว่าอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกโด่งนั้นอย่างมันเขี้ยว

" คุณต่างหากที่เป็นผู้โชคร้าย คุณนั่นแหละต้องทนผมน่ะ ฮะ ฮะ ฮะ "เขาระเบิดเสียงหัวเราะลั่นแก้เขิน

"ล้างจานต่อไปเลย " สุธาสินตัดบท ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง

====================

หนุ่มผมสั้นสีดำ ที่อยู่ในสาขาต่างประเทศ ยังคงเป็นหนุ่มคนดังของบริษัท และยิ่งดังขึ้นมากหลังจากที่เพื่อนสนิทของเขาแต่งงานกับสาวแผนกเลขาและเข้ามาอยู่ในแผนกเดียวกัน มีข่าวลือหนาหูเลยทีเดียวว่า เจตน์เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวเองในทางที่ดีขึ้นเพราะรักครั้งใหม่กับญาติของอิสราภรณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าของบริษัท

เจตน์ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์เล็กๆเข้ามาอยู่ยังอพาร์ตเมนต์หรูกลางเมือง มันใกล้บริษัทของเขามาก จึงทำให้เขาเลือกที่จะขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ยังมีคนเห็นว่าช่วงวันหยุดเขาได้ขับรถสปอร์ตสีดำราคาแพงไปไหนต่อไหนเพียงลำพัง
เสียงลือต่างๆนานาไม่ได้ทำให้เจตน์สนใจอะไรมากนัก ต่างจากเมื่อก่อนที่คงจะเดือดร้อนไม่น้อย เขายังคงทำตัวปกติ ทำงานตามปกติ และไปเยี่ยมภรรยาของเพื่อนที่ท้องแก่พร้อมกับของบำรุง และขนมบ้างเป็นบางครั้ง


จนกระทั่งวันนี้ เป็นวันที่คนรักของเขาจะกลับมาเสียที ตามเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้

.. สามทุ่มตรง สนามบินสุวรรณภูมิ ..

ชายหนุ่มเปิดฝาเตาอบแล้วหยิบพิมพ์เค้กร้อนๆออกมาวางไว้บนตะแกรง ก่อนจะราดชอคโกแลตที่ตุ๋นเอาไว้ลงไปคลุมอย่างไม่เสียดาย แล้วไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย จึงกลับมาเขียนที่หน้าเค้กต่อ เขายิ้มให้ผลงานของตนเองอย่างพอใจ แล้วเดินไปหยิบแจคเก็ตตัวเก่ง กุญแจรถ กุญแจห้องแล้วออกจากห้องไป

====================

ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเลือดหมูอันเป็นเครื่องแบบของสายการบินเดินลากกระเป๋าเดินทางมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน มีรอยยิ้ม ให้กับพวกพนักงานต้อนรับอย่างชื่นชมตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือสลับกับนาฬิกาของทางสนามบินก่อนจะปรับตั้งเวลาเสียใหม่

"เดี่ยวก็คงมาถึง...." ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้ ก่อนที่จะหันมาบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินเลี่ยงออกมาอีกด้านเพื่อไปรอกับคนรักที่บริเวณที่นัดพบกันเอาไว้ตั้งแต่แรก

สจ๊วตหนุ่มหันมองซ้ายขวา เขามายืนใกล้กับประตูทางออก อากาศเย็นที่ดูจะผิดปกติของภาคกลางในประเทศไทยนั้นพัดผ่านเข้ามาด้านในจนตัวเองต้องกระชับเสื้อสูทของตัวเอง

"เย็นๆนะ คืนนี้" ว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะ..

" ว่าไง คนสวย มารอใครเหรอครับ? " น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ออกจะกวนๆ เหมือนพวกนักเลงไม่มีผิด
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของคนรักที่ไม่ได้เห็นมานานหลายอาทิตย์

"เสียใจ ผมไม่ว่างแล้วล่ะ"

" อืม " หนุ่มผมดำยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่ายเบาๆ
" กลับบ้านกันดีกว่า " พูดจบก็ฉวยกระเป๋าเดินทางของสุธาสินมาถือเอาไว้

" นี่! จูบในเครื่องแบบได้ไง... "สุธาสินโวยวายเล็กๆพลางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะรีบเดินตามเจตน์ออกมาข้างนอก บ่นพึมๆพอให้อีกฝ่ายได้ยินว่า ถ้ากลับถึงห้องแล้วจะเอาคืนแน่ๆ

" นี่ วันนี้ทำอะไรให้กินน่ะ?" เขาถามขณะที่คาดเข็มขัดนิรภัย จะว่าคาดหวังกับอาหารของเจตน์ก็ไม่ผิด เพราะชายหนุ่มดูมุ่งมั่นในการทำอาหารให้เขาเหลือเกิน

" ข้าว กับเสตกปลา สลัด ซุป  แล้วก็เค้ก " เป็นแบบนี้เสมอ ถ้าสุธาสินกลับมา เขามักจะทำอาหารมื้อใหญ่เตรียมไว้ เพราะได้ยินคนรักบอกประจำว่า อาหารบนเครื่องสำหรับพนักงานนั้น มีไม่มาก และรสชาติแย่เอาเสียมากๆ

"ดีจัง..รีบไปเถอะ มาอยู่ในเครื่องแบบแบบนี้มันทำอะไรไม่ค่อยถนัด" สุธาสินว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ มือเรียวไล้ที่หลังมือของคนรักไปมา

" ทำอะไรไม่ถนัด? " ชายหนุ่มถาม พลางทวนคำพูดติดเรทนั้น แล้วหัวเราะออกมา มองดูมือที่ถูกลูบไล้นั่นแล้วก็อดที่จะหันหน้าไปจูบคนช่างยั่วเบาๆ แล้วออกรถไปทันที

=========ตอนที่39===========

เมื่อกลับมาถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสบายๆ กลิ่นหอมของอาหาร ยั่วยวนน้ำลาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด เค้กชอคโกแลตก้อนโต ดูจะเตะตามาก เมื่อเดินเข้ามาในส่วนครัว

"เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ"

" อ่านสิ " เจดึงให้สุธาสินมาอยู่ตรงหน้าเค้ก

"lick me??? เค้ก จะไปเลียได้ไงไม่ใช่ไอติม" สุธาสินหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

" หมายถึงคนทำต่างหาก "ชายหนุ่มหัวเราะลั่น

"เฮอะ... อร่อยตายล่ะ..."สุธาสินพูดก่อนใช้มือจิ้มเอาหน้าชอคโกแลตมาใส่ปาก

" แต่ก็กินตลอดนี่นะ..อืม "หนุ่มผมดำดึงนิ้วจากปากอีกฝ่ายมาดูดมั่ง " เป็นไง หรือว่าไม่ค่อยหวาน? "

"มาเลียนี่แล้วจะได้รสอะไรรึไง กินไปหมดแล้ว " สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ "อร่อยใช่ได้"

" ให้คะแนนคนทำหน่อยซิ " เจตน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"อืมมม" สุธาสินหัวเราะในลำคอก่อนจะแตะริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆแล้วถอนออกรวดเร็ว
"พอใจไหม"

" แค่เนี้ย? "เจตน์เลิกคิ้วขึ้น แล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตัดเค้กใส่จาน " ลองชิมดูทั้งชิ้น แล้วจะเปลี่ยนใจ "

"งั้นจะละเลียดกินนานๆนะ" แต่แทนที่จะเอาเค้กชิ้นที่ตัดไปกลับยกเค้กทั้งก่อนที่เหลืออยู่เดินหนีไปนั่งหน้าทีวีทันที ก่อนจะตักเค้กเข้าปาก รสหวานกลมกล่อมทำให้ชายหนุ่มทำเสียงราวพึงพอใจเป็นอย่างมาก

" กินทั้งก้อนแบบนี้นะ .. อีกหน่อยลงพุงแน่ๆ "หนุ่มผมดำเตือน แต่เขารู้ว่าสุธาสินไม่ฟังเขาหรอก เมื่อคิดได้แบบนั้นเลยเดินไปอาบน้ำอาบท่าเสียที

====================

พอเจตน์กลับมาอีกที ก็ดูเหมือนว่าสุธาสินจะเลิกกินเค้กเสียแล้ว สจ๊วตหนุ่มเอาเค้กที่มีเหลือไม่มากแล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็น ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าทีวี แต่สายตาไม่ได้อยู่ที่จอ เขากำลังมึนนิดๆกับรสชาติหวานหอมบรั่นดีที่พ่อครัวจำเป็นเป็นคนบรรจงใส่ลงไป อยู่อย่างนั้น

" ไปนอนไหม ดึกแล้ว กินก็อิ่มแล้ว จะได้พัก"เจตน์เดินไปนั่งข้างๆอีกฝ่าย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำผสมกับอาฟเตอร์เชฟ กลิ่นเดียวกับแชมพู ดูสดชื่น ชายหนุ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมสั้นของตนเองไปด้วย

"จะได้พักแน่เหรอ..."ท้ายเสียงถามเหมือนจะยั่ว ดวงตาคู่สวยฉ่ำหวาน ร่างบางกดรีโมทปิดทีวี ก่อนที่จะเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องนอน

" หรือว่า อยากออกกำลัง เผาผลาญ ชอคโกแลตก่อน? "หนุ่มผมดำหัวเราะ แล้วเดินตามหลังร่างบางนั้นเข้าไปในห้องนอน

"นอนเลยก็ได้นะ... "สุธาสินหัวเราะออกมาเบาๆ

"ไม่เป็นไรซักหน่อย..." ร่างบางนั่งลงบนปลายเตียงสองแขนเท้าไปด้านหลัง มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

" ไม่ได้ซี่.. ถ้าคุณลงพุง ผมก็ผิดที่เป็นคนขุนสินะ " เจตน์เท้าแขนทั้งสองคร่อมร่างเพรียวนั่นไว้
" แล้วก็ทั้งชอคโกแลต ทั้งเหล้า….. "

"อืม...มาทดสอบกันดูก่อนไหม"
ริมฝีปากบางเหบียดยิ้มสองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งของชายหนุ่มร่างสูงให้ก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบดเบียดรุกเร้าราวจะให้รางวัลเพิ่มเติมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้

" อื้ม " เจตน์เองก็จูบตอบสุธาสินอย่างเร่าร้อน มือแกร่งที่คร่อมร่างนั้นไว้ลากสัมผัสผิวกายนุ่มนวลนั่นไปทั่ว

ทั้งสองร่างขยับเข้าหากันภาระหน้าที่การงานที่อาจทำให้เหนื่อยล้าดูจะถูกลบไปจากความทรงจำ
เวลานี้แค่อยากจะใกล้ชิดกัน ให้ได้มากที่สุดชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น

====================

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้า ซึ่งแม้จะเรียกได้ว่าไม่เช้าเกินไปนักสำหรับคนอื่น แต่สำหรับชายหนุ่มที่อ่อนแรงทั้งสองก็ยากเหลือเกินที่จะลุกขึ้นมารับโทรศัพท์

"สวัสดีครับ...." เสียงเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อนของสจ๊วตหนุ่มดังขึ้นแหบพร่าเมื่อเขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ผ้าห่มผืนหนาร่นลงไปอยู่ที่เอวจนเห็นผิวกายขาวเนียนที่เป็นรอยจ้ำไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง

"เอ่อ...คุณสุธาสิน? นี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันครับ ...เอ่อ..อ่ะ ...เอ้ย...ผมต้องขอโทษที่โทรมากวนเวลาของพวกคุณสองคนนะครับ" เสียงของชายร่างท้วมยังคงเอ่ยด้วยความประหม่าเหมือนทุกที

"อ้อ...อืม..ไม่เป็นไรครับ..คุณชินดนัย ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่า" เจ้าของชื่อตอบกลับ พลางยกมือขึ้นขยี้ตา

"เอ่อ เจ้าตี่ เอ้ย เจตน์มันอยู่แถวนั้น หรือเปล่าครับ"

" อื้อ...พูดกับใครน่ะ สิน? " เสียงห้าวของของหนุ่มผมดำดังเข้าในโทรศัพท์แทนคำตอบจากสุธาสิน พลางยกแขนขึ้นกอดเอวบางเอาไว้หลวม ร่องรอยเล็บที่มัดกล้ามแขนนั้นก็มีไม่ใช่น้อยเลย

สุธาสินไม่ได้ตอบเขาส่งโทรศัพท์ให้กับอีกฝ่าย ตั้งใจจะลงไปนอนกับเตียงอีกครั้ง

เจตน์ขมวดคิ้วแล้วรับเอาโทรศัพท์มาคุยทั้งๆที่ยังกอดคนรักเอาไว้
" ฮัลโหล..ใคร..ครับ? "

"ฉันเอง...พวกแกรีบลุกแต่งตัวเลยนะ “ ชินดนัยเอ่ย ควบคุมเสียงตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่ได้

" มีไรวะ? "เจตน์ลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตา เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของเพื่อนรัก

"เออน่า ล้างหน้าล้างตามาดูหน้าหลานสาวได้แล้ว" เสียงอีกฝ่ายเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะราวกับกลั้นความตื่นเต้นดีใจนี่เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

" หา หลานสาว? คลอดแล้ว หลานสาว??!! "ได้ผล เขาลืมตาตื่นได้ทันที พลางถามออกมาเสียงดัง เสียจนสุธาสินต้องสะดุ้งตื่น

"เออน่ะซิ่ หลานสาวมาได้แล้ว "เสียงชินดนัยออกคำสั่ง

" ที่ไหน? โรงพยาบาลอะไร " หนุ่มผมดำลุกขึ้นโดยไม่สนใจจะหาผ้าผ่อนมาใส่ให้เรียบร้อยนัก

หลังจากวางโทรศัพท์จากชินดนัย เจตน์ก็รีบดึงสุธาสินออกจากที่นอนทันที เขารู้ดีว่า คนรักพิถีพิถันเรื่องการอาบน้ำแต่งตัวขนาดไหน
" ตื่นเถอะ สิน ไปอาบน้ำก่อนเลย "

"อ่ะ...อืมๆ จะรีบก็แล้วกัน" ปากบอกแบบนั้น แต่ร่างอ่อนแรงก็ได้แต่เดินกะเผลกๆไปยังห้องน้ำ  ในใจนึกตื่นเต้นอยากรีบแต่งตัวไปมองหน้าหลานเร็วๆ แต่ก็อ่อนแรงเกินกว่าจะเร่งตัวเอง ทำงานมาหลายชั่วโมง แถมพักผ่อนน้อยอีก แบบนี้ อยากให้เร็วแค่ไหน คงไม่ได้ดั่งใจ

ส่วนหนุ่มผมดำก็ดูนาฬิกา ก่อนจะตัดสินใจที่จะ..เข้าครัว...

====================

หลังจากที่สุธาสินเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างยากลำบาก ก็ต้องแปลกใจเมื่อได้กลิ่นหอมของเค้กวนิลาจากเตาอบที่ถูกใช้งานอย่างโชกโชนภายในครัวของเขาเอง

 "โห...ยังอุตส่าห์ทำเค้ก....หรือผมอาบน้ำนานเกินไป สุธาสินหันหน้ามองนาฬิกา นึกตกใจว่าตัวเอง อาบน้ำนานขนาดอีกฝ่ายอบเค้กได้ก้อนหนึ่งเลยหรืออย่างไร

" ก็รู้อยู่แล้วว่านาน .. เอาล่ะ ครีมก็เสร็จแล้ว ผลไม้ก็อืมม มีแล้ว เหลือแต่คนช่วยแต่ง " หนุ่มผมดำในชุดนอนตอบอย่างอารมณ์ดีแล้วกวักมือเรียกอีกฝ่าย

"มีอะไรให้ช่วยไหม"

" ให้ลุงสิน ช่วยแต่งหน้าเค้ก "เจตน์บอกพลางยิ้ม ที่แล้วมา เขาเป็นคนทำตลอด คราวนี้สุธาสินต้องช่วยเขาบ้างแล้วล่ะ

"เรียกลุงแบบนี้ไม่อยากช่วยเท่าไร...นึกถึงตัวเองแก่ก็อ่อนแรงแล้ว" ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะหน้าผากทำหน้าเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้

" เอาน่าๆ " เจตน์หัวเราะแล้วไปจูงแขนอีกฝ่ายเข้ามาในครัว
" เดี๋ยวช่วยจัดผลไม้ก็แล้วกัน "เขาว่า พลางใช้สปาตูล่าปาดครีมสดลงบนเค้กอย่างไม่เสียดาย

"...โธ่ หนูน้อย ต้องมากินอาหารฝีมือฉันแบบนี้ จะเป็นอะไรไหมเนี่ย...แต่ก็เอาเถอะ....อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำตัวเค้กล่ะนะ" สุธาสินหัวเราะได้ใจ ก่อนจะเดินไปนำชิ้นผลไม้มาจัดเตรียมตามคำบอกของเจตน์ ที่ยังคงง่วนอยู่กับการแต่งหน้าด้วยครีม ดวงตาสีเข้มเหลือบมองร่างสูง อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
"ไว้...วันเกิดผมก็ทำให้กินด้วยนะ"

" แต่คงต้องก้อนใหญ่หน่อยล่ะ .. เดี๋ยวไม่มีที่ปักเทียน " เจตน์ยังคงตอบแบบยียวน ไม่วายล้อถึงอายุของอีกฝ่าย ทำเอาสุธาสินต้องมองค้อน ตอนนี้เขาปาดครีมเสร็จแล้ว จึงปล่อยให้สุธาสินใช้ผลไม้แต่งหน้าเค้กไป ส่วนตัวเขาเองก็เตรียมกรวยที่มีน้ำตาลผสมน้ำและสีชมพู ไว้เขียนหน้าเค้ก

"แล้วจะเขียนหน้าเค้กเหรอ จะเขียนว่าอะไรดีล่ะ เด็กผู้หญิง หรือ เด็กผู้ชาย พ่อเค้าได้บอกไหม"

" หลานสาว ..เขียนว่าไงดีล่ะ? "

" จากลุงสินกับลุงเจตน์? "หนุ่มผมดำขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าเขาจะชอบคำว่า ลุง เหลือเกิน

สุธาสินมองหน้าของอีกฝ่าย... สายตาเอาเรื่องไม่น้อย
"จากลุงเจตน์ กับ พี่สิน"

" งั้น จาก เจตน์กับสิน " คนทำเค้กตัดสินใจเสร็จสรรพเพราะโดยที่ไม่รอให้สุธาสินตอบอะไร เขาก็เขียนหน้าเค้กลงไปเสียแล้ว

..Dear New Baby..

from J&S

(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2014 14:42:42 โดย kuruma »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
ชอบฉากริมสระนะ น่ารักดี
ส่วนคุณวินกับเอริค เจอกันเลย!

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
=40=
END

โรงพยาบาลสำหรับผู้มีอันจะกินกลางกรุงเทพคือที่หมายของชายหนุ่มทั้งสองที่มาพร้อมกับกล่องใส่ขนมเค้กใบโต หากว่าชินดนัยไม่ได้แต่งงานกับอิสราภรณ์ หลานสาวของเขาคงคลอดที่นี่ไม่ได้เป็นแน่ หนุ่มผมดำคิดในใจ

"พี่คิมครับ...ผมว่าให้พยาบาลเขาเอาลูกไปก่อนดีกว่าไหมครับ แล้วจะได้ให้แม่เขาพักด้วย" ชินดนัยพูดไปยิ้มไป ท่าทาง คนมาเยี่ยมอย่างคิมหันต์จะไม่ยอมปล่อยรถเข็นเด็กเล็กๆในมือของพยาบาลไปง่ายๆ
มืออวบของชายหนุ่มร่างท้วมยังกุมมือภรรยาเอาไว้แน่น

" เอ่อ..เอาสิ หลานคงเหนื่อยแล้ว .. อาร์ต นายไปทำอะไรตรงนั้นนะ มาบอกลาเจ้าตัวเล็กซะสิ  " หนุ่มลูกครึ่งว่าก่อนจะกวักมือเรียกคนที่ทำเป็นไม่สนใจเด็กทารกที่ได้ชื่อว่าเป็นหลาน

"...บอกไป...ก็คงจะรู้เรื่องหรอก ... เด็กเพิ่งเกิด" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง พยายามไม่สนใจ สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ชื่อว่า "เด็ก" ที่ขยับเบาๆอยู่ในห่อผ้าที่พันรอบตัวแน่น ใบหน้าเล็กๆนั้นดูกลมนูนไม่ได้ต่างไปจากหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น คุณพ่อคนใหม่เท่าไรนัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหลือบมองหน้าของอิสราภรณ์เล็กน้อย ก่อนจะก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษกับคำพูดของตัวเอง

"คือ..ผม... ดูแลเด็กไม่ค่อยเก่งน่ะครับ" เขาพูดเสียงเบา ใบหน้ามนนั้นขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย

" ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปมาเล่นกับแกบ่อยๆก็ได้นะคะ .. ดูท่าแกจะชอบคนเยอะๆน่ะค่ะ " อิสราภรณ์ยิ้มให้กับคนรักของญาติตนเอง คามอบอุ่นของคนเป็นแม่ชัดเจนเหลือเกิน

"....ค...ครับ" เป็นไม่กี่ครั้งที่จะได้เห็นอารยะที่แสนมั่นใจไปเสียทุกเรื่องแสดงท่าทีประหม่ากับเรื่องของเด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งคลอดไม่กี่ชั่วโมง

" อายเหรอ..ไว้มีเองคนนึงดีไหม? "  คิมหันต์กระแทกไหล่กับคนรักเบาๆ พลางหัวเราะ

"อยากเป็นคนท้องใช่ไหม.... "อารยะหันหน้าไปมองอิสราภรณ์ก่อนจะหันไปดึงคอคนรักลงมากระซิบข้างหูท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย
"จะได้ทำให้... นายไม่ต้องมาขี้เล่นอะไรแถวนี้เลยนะ"

" ใครท้องกันแน่? " ริมฝีปากได้รูปกระซิบห้างหู พลางทำเสียงที่เข้าใจความหมายกันดีเพียงสองคน คงลืมไปแล้วกระมังว่าอยู่ต่อหน้าคนอีกสามคน

ได้ยินเสียงแบบนั้น คนที่ตั้งใจว่าจะขุ่เขากลับโดนเอาคืนเสียงเอง

"เฮ้ย...ปล่อยให้พยาบาลเขาพาเด็กไปได้แล้วน่า" ว่าพลางก็ขยับตัวออก พลางดึง แขนของคิมหันต์ออกจากรถเข็นคันเล็ก พยาบาลสาวกลั้นหัวเราะ ก่อนจะขอเอาตัวเด็กออกไป

"ไม่อายชาวบ้านชาวเมืองเขาเลยนะนาย"

เสียงประตูห้องพักถูกเปิดออกเรียกความสนใจจากคู่ที่เพิ่งแหย่กันได้ทันที

" ไงเจ้าเจตน์? ..อ้าว สิน กลับมากรุงเทพแล้วเหรอ? "คิมหันต์หันไปทักคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างสนิทสนมทั้งคู่
อารยะขมวดคิ้ว เท่าที่จำได้ สุธาสินเป็นแฟนของเจ... และ...คนที่มักจะอยู่กับคิมหันต์เสมอที่ผับ ก่อนที่พวกเขาจะคบกันแต่หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ได้เจอกันอีกเลย อารยะเดินเข้ามายืนข้างๆคนรักก่อนจะยื่นมือออกไป

"คงยังไมได้แนะนำตัว.. ผมเป็น...แฟนของคิมครับ" น้ำเสียงนั้นเน้นย้ำในประโยคหลัง ทำเอาคิมหันต์ต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับการแสดงออกถึงความหึงหวงของคนรัก ..ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ

" ครับ  จำได้ว่าเจอคุณที่ผับวันนั้นครั้งเดียว อีกทีก็งานแต่งของเอิร์น "
สุธาสินจับมือของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูท่าว่าเพราะเรื่องที่ผับตอนนั้นจะทำให้ คนที่แนะนำตัวกับเขาลงเอยกับหนุ่มลูกครึ่งได้ แถมยังหวงมากเสียด้วย

ส่วนเจตน์ก็เดินถือกล่องเค้กไปที่เตียงซึ่งมีคุณแม่และคนพ่อคนใหญ่อยู่ไม่ห่าง
" คุณเอิร์น ยินดีด้วยนะครับ"

"ขอบคุณค่ะ... เค้กเหรอคะเนี่ย... ดูซิ่ คุณพ่อ มีเค้กมาให้ลุกเราด้วยล่ะ"
อิสราภรณ์ใช้คำแทนตัวสามีของตัวเองใหม่ ยิ่งทำให้ ชินดนัยยิ้มมากขึ้นไปอีก

"เฮ้ย นี่มึงเค้กทำเองเลยเหรอวะ?... " ชินดนัยรับเค้กไปวางไว้ที่โต๊ะที่อยู่ไม่ห่าง

" ก็คนโน้นเขาชอบ เลยต้องหัดทำน่ะสิ "เจตน์หันไปทางคนรักที่ยังคงยืนคุยกับอารยะ และคิมหันต์อยู่

ชินดนัยมองตามเห็น สุธาสินกำลังยืนคุยอยู่กับคิมหันต์ โดยที่มีอารยะคอยแทรกบทสนทนาเป็นระยะ ชายหนุ่มร่างท้วมยิ้ม
"ดีแล้วนี่... ทำให้คนที่รัก...อะไรก็ทำได้ใช่ไหมพวกเรา"
 มืออวบตบเบาๆลงบนไหล่ของเพื่อน ดวงตาที่มักจะยิ้มจนหยีนั้นสบตาเพื่อนรักของตนเองนิ่ง

 "ขอบใจมากนะ...ที่มา "

" ยินดีด้วยนะ คุณพ่อ " เจตน์ตบบ่าอีกฝ่ายตอบ สบตาคู่นั้นอย่างเปี่ยมด้วยความหมายที่ต้องการแสดงความยินดีอย่างแท้จริง ก่อนจะหันไปทางคุณแม่คนใหม่ที่นอนยิ้มอยู่ข้างๆ

" ต่อไปก็ ฝากดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ คุณเอิร์น "

ซึ่งหญิงสาวเองก็หันไปสบตาสามี พวกเขายิ้มให้กันเนิ่นนานท่ามกลางสายตาของเพื่อนรักอย่างเจตน์ที่ในตอนนี้กำลังอวยพรให้เพื่อนของตนมีความสุขอยู่ในใจ ก่อนที่หล่อนจะรับปากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตัน
 " ค่ะ "

ในวันที่อากาศดีแบบนี้ ในวันที่มีแต่เรื่องดีๆแบบนี้ สำหรับชินดนัยแล้วคงไม่ต้องการอะไรอื่นอีก
นอกจากการที่ได้รายล้อมด้วย คนที่เขารัก และ เหล่าเพื่อนฝูง

การที่ได้อยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในตอนที่มีปัญหาหรือตอนที่มีความสุข นี่ก็อาจจะเป็นหน้าที่ ที่เพื่อนที่ดีจะมอบให้กัน และชินดนัยให้สัญญากับตัวเอง ว่าเขาเองก็จะไปอยู่กับเจตน์ในวันที่ดีที่สุดของอีกฝ่ายเช่นกัน

หนุ่มร่างท้วมยิ้ม ไม่มีวันไหนที่เขาจะมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว
 เขาได้เป็นพ่อคน มีภรรยาที่น่ารักแสนดี
 ในขณะที่เพื่อนคนสำคัญ ก็ดูจะประสบความสำเร็จ ทั้งในหน้าที่การงาน และ ความรัก

====================


เวลาของพวกเขาหมุนไปช้าๆ จนกระทั่งถึงวันนี้จนได้...

...ดอกทองกวาว...ยังไม่บานเลยน้า...

ชายหนุ่มคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองกิ่งก้านที่ของต้นไม้ใหญ่ที่สูงเด่นอยู่ใกล้ๆหอประชุมที่อยู่ห่างออกไปจากตัวมหาวิทยาลัยถึงสองแยกแต่สามารถเดินกลับมาได้ ชินดนัย หนุ่มร่างอ้วนกลม เรียนที่นี่ในคณะมนุษยศาสตร์มาก็ 4 ปี ทำงานอีกหนึ่งปี ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากเหลือเกิน เผลอๆก็มีภรรยาที่แสนดีและมีลูกสาววัยแบเบาะที่น่ารักน่าชังเสียแล้ว

แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น


ผั่วะ !!

เสียงฝ่ามือที่ตบหลังเสียดังก็มาหยุดความคิดเสียก่อน
" เหม่อ .. เออ หล่อแล้ว "

"โอ๊ยเจ็บนะ ไอ้ตี่ " คนโดนทำร้ายหันไปมองค้อน ไอ้ผู้กระทำการนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนของเขาเอง

" บอกให้เรียก ชื่อไง ไอ้อ้วน " มือเดิมยังคงตามมาตบไล่ดัง บึ๊ก ก่อนจะยิ้มให้กับเพื่อนสนิท  รอยยิ้มจากใบหน้าอวบอูมอย่างมีความสุขนั่นเป็นสีชมพู ขณะที่เดินตามแผ่นหลังกว้างเพื่อไปเข้าแถวที่หน้าทางเข้าหอประชุมแห่งนี้

====================

หลังจากซ้อมรอบเช้าเสร็จ ชายหนุ่มร่างท้วมในชุดครุยสีดำแถบขาวของคณะมนุษยศาสตร์ที่ถูกเรียกว่าไอ้อ้วน ก็มองหาเพื่อนรักที่เขามักจะเรียกติดปากว่าไอ้ตี่คนนั้น โชคดีที่ชื่อจริงของพวกเขามีตัวอักษรให้เคียงกันจึงทำให้เดินตามกันออกมาโดยไม่พลัดหลง ทั้งคู่ออกมาจากหอประชุมใหญ่ที่เป็นสถานที่รับปริญญา ตลอดทางก็มีแต่เสียงแซวหนุ่มร่างท้วมอย่างชินดนัยว่าเป็นคุณพ่อบ้าง เมียสวยบ้าง ขอจองลูกสาวบ้าง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ได้แต่หัวเราะรับคำแซวนั้นเช่นทุกครั้ง การกลับมาหลังจากทำงานที่กรุงเทพหนึ่งปีนั้นทำให้เขาเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว เพื่อนหลายคนบอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ถึงจะอ้วนกลมเหมือนเดิมก็เถอะ ส่วนเจตน์ หนุ่มเนื้อหอมประจำภาควิชาภาษาอังกฤษเองก็ถูกแซวเช่นกันเพราะหลังจากเปลี่ยนสถานภาพจากโสดเป็นแต่งงานในโซเชียลเนตเวิร์กเมื่อไม่นานมานี้ แม้เขาไม่บอกว่าเป็นใคร แต่หลายๆคนก็ทำตัวเป็นนักสืบจนไปเจอรูปถ่ายคู่กันของเขากับที่สุธาสินที่ฮาวายในตอนนั้นที่ลงเอาลงไว้ในเฟซบุคนั่นล่ะ โชคดีที่สาขาวิชาที่พวกเขาเรียนนั้นไม่ปิดกั้นเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก จึงมีแต่คนมาแสดงความยินดีและอิจฉาที่เจตน์มีคนรักที่ดูดีได้ขนาดนั้น

“ เราเดินกลับกันเถอะว่ะ ” ชินดนัยว่าพลางยกมือขึ้นซับเหงื่อท่ามกลางแดดร้อนระอุทั้งๆที่เป็นฤดูหนาวของเชียงใหม่แท้ๆ

“ ก็ดีว่ะ..อะ ขอบใจนะน้อง ” เจตน์ตอบกลับมาสั้นแล้วหันไปรับขวดน้ำเปลี่ยนที่หลานรหัสของเขานำมาให้

“ พี่เจตน์คะ หนูขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้ไหมคะ? ” สาวน้อยที่ยังห้อยป้ายชื่อพร้อมรหัสประจำตัวสามตัวสุดท้ายเดียวกับหนุ่มรุ่นพี่สุดเท่ห์เพราะยังไม่ได้รับการยอมรับให้เข้ารุ่นนั้น ถือกล้องโปรตัวใหญ่มาตั้งค่าแล้วยื่นให้หนุ่มร่างท้วมที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้ม
“ พี่คะ รบกวนถ่ายรูปคู่หนูกับพี่เจตน์ให้หน่อยได้ไหมคะ? ”
มักจะเป็นแบบนี้เสมอที่เวลาเขาอยู่ข้างๆเจตน์แล้วเป็นคนที่คอยถ่ายรูปให้ ชินดนัยรับคำยิ้มแล้วเอื้อมมือไปหมายจะรับกล้องนั้นมา

“ ถ่ายรูปคู่ให้พวกพี่ก่อน น้อง เดี๋ยวค่อยถ่ายคู่ .. มาอ้วน ถ่ายกับกูก่อน ” เจนต์ดึงแขนเพื่อนให้มายืนข้างๆ แล้วโอบบ่านุ่มๆนั้นเข้ามา ชินดนัยได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะเห็นว่ารุ่นน้องสาวทำหน้าเจื่อนๆขณะที่กำลังถ่ายรูปให้พวกเขา
“ เฮ้ย! มึงทำหน้าดีๆดี่วะ .. น้องครับ ขออีกรูป ” เจตน์ใช้นิ้วจิ้มแก้มเพื่อนเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบนั้น ก่อนจะกำชับให้ชินดนัยทำท่าดีๆ หลายรูปเลยทีเดียวกว่าที่เจตน์จะพอใจ จึงยอมถ่ายรูปคู่กับรุ่นน้อง โดยที่ชินดนัยเป็นคนถ่ายให้ แถมยังถ่ายแค่รูปเดียวเท่านั้นอีกด้วย

“ ทำแบบนั้นกับน้องเค้าจะดีเหรอวะ? ” หนุ่มร่างอ้วนกลมมองตามหลานรหัสของเพื่อน หลังจากที่เจตน์ได้กำชับให้หล่อนส่งรูปมาทางเฟซบุคเมื่อครู่

“ กูทำอะไร? .. ขืนถ่ายกับน้องคนนั้นคนนี้ไปทั่ว สินจะได้งอนกูเอาน่ะสิ ” เจตน์ยักไหล่ ถึงแม้คนรักของเขาจะไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหวงนัก เพราะมั่นใจในความดูดีของตนเอง แต่เขาก็อยากจะทำตัวดีๆให้อีกฝ่ายได้วางใจเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันบ้าง

“ แล้วคุณสิน เค้า... ” ชินดนัยพูดได้แค่นั้นก็ต้องเงียบ เพราะเจนต์ทำหน้าไม่สบอารมณ์ได้ทันที

“ บินอยู่ ยังไงก็ไม่ทันมางานกูหรอก ”

มืออวบๆตบที่หลังของเพื่อนเป็นเชิงให้กำลังใจ ทั้งๆที่ควรตบบ่า แต่เพราะความสูงของบ่าเพื่อนนั้นมันมากเกินไปสำหรับเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจตน์ยิ้มให้เล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องบ้าง ในตอนนี้พวกเขาเดินผ่านประตูด้านหลังมหาวิทยาลัยมาถึงแปลงสาธิตของคณะเกษตรศาสตร์แล้ว

“ ปีนี้เกษตรปลูกทานตะวันว่ะ ” เขาชี้ไปที่แปลงปลูกดอกทานตะวันที่ปีนี้บานท่วมศีรษะคนที่ความสูงปานกลางได้พอดี แล้วหันมาแหย่เพื่อน
“ บานเท่าหน้ามึงเลยว่ะ อ้วน ฮะ ฮะ ฮะ ”

เห็นท่าทางหัวเราะชอบใจของเจตน์ ชินดนัยเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ เออ! โทษทีเมียเลี้ยงดีไปหน่อย ”
เขายิ้มหยีแล้วนึกถึงสมัยที่เข้ามาเรียนปีแรก ตอนนั้นพวกเขายังอยู่หอในมหาวิทยาลัย เจตน์ชอบมาดูนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ศูนย์ภาษาที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับแปลงเกษตรแห่งนี้ และเป็นเขาอีกนั่นแหละที่ต้องมาคอยเป็นลูกไล่ ระหว่างที่เพื่อนตรงเข้าไปจีบสาวฝรั่งทรงโต

“ มึงมาทำอะไรที่นี่วะอ้วน เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก กูขี้เกียจเอาไปส่งโรงบาล ” นายเจตน์ที่เอาป้ายชื่อเด็กปีหนึ่งออกอย่างไม่กรงกลัวรุ่นพี่ตะโกนมาจากอีกฝั่งถนน ด้านหลังเขามีกลุ่มนักเรียนสาวชาวต่างชาติยืนหัวเราะเบาๆอยู่

“ กูมาดูดอกทานตะวันโว้ย ไอ้ตี่ ” ชินดนัยที่อยู่ในสภาพชุดนักเรียนปีหนึ่งถูกระเบียบพร้อมป้ายชื่อลุกขึ้นยืนตะโกนตอบท่ามกลางดอกทานตะวันดอกโตเท่าหน้าตัวเอง ใบหน้าขาวๆกลมๆแดงไปหมด

“หน้ามึงบานอย่างกับดอกทานตะวันแล้ว! กลับมาเลยนะมึง!! ”สภาพของเพื่อนทำให้เจตน์ต้องโวยวายออกมาจนได้


ตอนนี้พวกเขาเดินรับบรรยากาศการแสดงความยินดีของแต่ละคณะไปเรื่อยๆ จนถึงหอนาฬิกาที่อยู่ตรงวงเวียนขนาดใหญ่

“ มึงว่าตำนานผีหอนาฬิกาเป็นจริงหรือเปล่าวะ อ้วน? ” เจตน์ถามขณะที่เงยหน้ามองเวลาที่นาฬิกานั้นไปด้วย จวนจะบ่ายสองโมงแล้วสินะ

“ กูเคยมาส่งมึงพิสูจน์แล้วไม่ใช่เรอะ? แล้วเจอไหมล่ะ ” ชินดนัยย้อนถาม นึกถึงตอนที่ต้องปีนรั้วหอชายออกมาตอนเที่ยงคืนพร้อมเหล้าต้มเถื่อนจากคณะอุตสาหกรรมเกษตร ดื่มย้อมใจกันจนเมาเละพร้อมกับเพื่อนอีกสี่ห้าคน แต่กลับสั่งห้ามไม่ให้เขาดื่ม

“ มึงจะได้เก็บศพพวกกูไง! ” เจตน์ชี้นิ้วสั่งเพื่อนสนิทก่อนจะลากคอเพื่อนที่กำลังเมามายไปปั่นจิ้งหรีดที่หน้าหอดนาฬิกาแล้วจึงก้มลงมองหอนาฬิกาผ่านหว่างขาตนเอง แต่ยังไม่ทันจะเห็นผลเขาก็กลับสำลักเหล้าออกมาเสียก่อนตามมาด้วยอาเจียนรดวงเวียนหอนาฬิกาเสียตรงนั้นทำเอาชินดนัยต้องมาเก็บศพกลับไปจริงๆ

“ เจอแต่กองอ้วก.. ” หนุ่มผมดำตัดสั้นทำหน้าเลี่ยนๆเมื่อนึกถึงสภาพของตนเองในคืนนั้น ก่อนจะฉวยแขนเสื้อคุยของเพื่อนให้ข้ามถนนไปอีกฝั่ง บรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และการตกแต่งสวนดอกไม้ของหอพักหญิง และ หอพักชายยที่อยู่ตรงกันข้ามกันนั้นทำให้รู้สึกสดชื่น เห็นบรรดาบัณฑิตที่มาถ่ายรูปกับซุ้มหน้าหอพักและมุมถ่ายรูปต่างๆกันมากมายเลยทีเดียว เดินผ่านมาอีกหน่อยก็เจอกับหอสมุดกลางที่เป็นที่สิงสถิตเป็นประจำของชินดนัยและเจตน์ แม้จะจุดประสงค์คนละแบบกันก็เถอะ

“ ที่นอนประจำมึงอะ ” มืออวบๆชี้ไปที่ชั้นสองของหอสมุด ที่ตรงนั้นเจตน์มักจะมาแอบงีบตอนกลางวันในวันที่แฮงค์จากปาร์ตี้ และเป็นเขานี่แหละที่ต้องมาปลุก หลังจากอ่านหนังสือเสร็จแล้ว

“ แอร์มันเย็นนี่หว่า ” เจตน์ยักไหล่ ก่อนจะหยุดให้รุ่นน้องจากชมรมถ่ายภาพของคณะที่มาเก็บภาพแถวๆนั้นถ่ายภาพ และเช่นเดิม ก่อนที่จะได้ถ่ายภาพเดี่ยวของเขา จะต้องถ่ายภาพคู่ของเขากับชินดนัยจนกว่าจะพอใจ!

ตอนนี้การเดินทางด้วยเท้าของพวกเขาและเหล่าบัณฑิตที่บางคนเดินด้วยกันมาตั้งแต่แรกกำลังจะถึงปลายทางแล้ว เพราะข้ามถนนไปอีกนิดก็จะถึงภาควิชาภาษาอังกฤษของตนเอง ซึ่งแม้จะมีอาคารที่สร้างขึ้นใหม่แต่คงจะไม่มีอาคารไหนน่ากลัวไปกว่าอาคารดั้งเดิมของภาควิชาภาษาอังกฤษ เพราะว่าที่นั่นเป็นที่ประกาศผลคะแนนสอบรวมถึงยื่นคำร้องต่างๆนานา เจตน์เองก็เคยมาลุ้นชะตาชีวิตของตนเองที่นี่หลายครั้ง ส่วนชินดนัยนั้นสบายมาก

เจนต์ชี้ไปที่บอร์ดชี้ชะตาที่อาคารด้านล่างนั้นพลางหัวเราะ ก่อนจะนำหน้าหนุ่มร่างอ้วนกลมเดินลัดตึกเรียนของพวกเขาไปก็ถึงภาควิชาจิตวิทยา วิชาที่เจตน์ไม่ชอบอย่างที่สุดแต่ก็ต้องเรียนเพราะเดินทางใกล้ที่สุดแล้ว แต่ด้วยความที่เขาไม่ละเอียดอ่อนนี่ล่ะถึงได้เกรดอันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก ผิดกับชินดนัยที่แค่”มาเรียนเป็นเพื่อน”แต่กลับฟันเอได้อย่างง่ายๆ

..ส่วนเขากลับได้ฟันสาวจากคณะสังคมแทน..

“ ไปทางอ่างแก้วก็แล้วกัน ” เจตน์ว่าพลางดึงแขนเสื้อครุยของคนที่กำลังเช็ดเหงื่อให้เดินเลียบไปกับถนนเลียบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยหวงนักหวงหนา ถึงกับมีประตูเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปพลอดรักกันได้ง่ายๆ แต่นั่นไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเจตน์..

“ มึงนั่นล่ะบ่นอยากกินปลาเผา กูเลยไปยืมเบ็ดลุงยามมานี่ไง! ” เพื่อนตาตี่ร่างสูงโวยวายใส่เด้กหนุ่มร่างอ้วนกลมหลังจากที่โดนยามของมหาวิทยาลัยจับได้เมื่อช่วงดึกหลังจากที่เขาไป”ตกปลา”ในอ่างเก็บน้ำนั้นมา เดือดร้อนให้ชินดนัยต้องไปซื้อเหล้ามาขอโทษขอโพยเพื่อไม่ให้เอาเรื่องเพื่อน

แทนที่จะได้กินปลาเผา กลับต้องเสียเงินค่าเหล้า แล้วยังต้องเลี้ยงเหล้าเจตน์ปลอบใจมันอีกต่างหาก!

“ อดกินปลาเลยมึง.. ” เจตน์ที่พูดขึ้นมานั้นทำให้ชินดนัยยิ้ม พวกเขามักคิดถึงอดีตในเรื่องเดียวกันเสมอ ความทรงจำที่มีร่วมกันนั้นกำลังพรั่งพรูออกมาตามสถานที่ต่างๆที่พวกเขาได้เดินผ่านไป

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ก็ได้กินแล้ว มึงก็มากินด้วยกันดี่วะ ” มืออวบตบหลังของอีกฝ่ายเบาๆพลางเอ่ยชวน เขายิ้มตนตาหยี

“ ไปกินโรงแรมเนี่ยนะ เหอะกูขอบายว่ะ .. เป็นเซเลปไฮโซอย่างมึงไม่ไหวหรอก ” เจตน์หรี่ตาลงเล็กน้อย ถึงชินดนัยจะเอาแต่เดินตามหลังเขาอยู่แบบนี้ แต่ที่กรุงเทพแล้วมันตรงกันข้ามกันเลย สถานะทางสังคมของเขากับชินดนัยที่เป็นสามีของญาติประธานบริษัทนั้นและกำลังรับตำแหน่งใหม่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เขายังเรียกได้ว่าเกาะสุธาสินกินอยู่เลยมั๊ง?

ชินดนัยดึงเสื้อครุยของอีกฝ่ายให้หยุดเดินทันที เจตน์ขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์นัก หลังๆมานี่ ตั้งแต่มีลูกมีเมีย ชอบขัดกันเสียจริง!

“ มึงจะมาจิตตกอะไรตอนนี้วะ .. ไอ้ตี่ กูล่ะเบื่อ เซเลปห่าอะไรเล่า กูก็ไอ้อ้วนเพื่อนมึงคนเดิม ไปกินข้าวแกงข้างบริษัทกับมึงเหมือนเดิม ” ชินดนัยเงยหน้ามองเพื่อนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

เจตน์ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเพื่อนกำลังเป็นห่วง แต่..

“ กูไปไม่ได้ว่ะ อ้วน .. ญาติมึง ก็ญาติสิน พวกเขาไม่ค่อยชอบกูมึงก็รู้ ”

“ ถ้ากูไม่มี อิงอิง ให้ พวกเขาก็คงไม่ยอมรับกูเหมือนกันล่ะวะ แล้วมึงจะแคร์อะไร? ในเมื่อมึงเดินหน้ากับทุกอย่างมาตลอด ” ชินดนัยพูดถึงลูกสาวของตนเองที่เป็นที่รักของทุกคนเลยทำให้เขาเองเป็นที่ยอมรับไปด้วย เขาเข้าใจดีว่ามันยากที่จะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นถึงสุธาสินแล้ว

“ มึงกำลังพยายามในแบบของมึงอยู่ มึงตั้งใจทำงาน อยากให้ทุกคนยอมรับ เพราะมึงรักคุณสินเค้ามาก กูรู้ดีกว่าใคร! ” มืออวบๆนั้นเลื่อนมาตบแขนของเพื่อนแรงๆ

การให้กำลังใจของเพื่อนที่เดินอยู่ข้างหลังมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาคนนี้ทำให้เจตน์ยิ้มได้ในที่สุด เขาต่อยที่พุงพลุ้ยของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วยิ้ม

“ เออ! มึงนี่มันรู้ดีตลอด ”

====================

การเดินทางของทั้งคู่ได้สิ้นสุดลงเมื่อมาถึงสวนดอกไม้ด้านหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่นัดหมายของชินดนัยและครอบครัว

“ อิงอิง พ่อมาแล้ว ” ชินดนัยรีบเข้าไปหาลูกสาวที่อยู่ในชุดเด็กลายคิตตี้สีชมพู พลางเอื้อมมือไปจะอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่

“ ไม่ได้นะ คุณพ่อยังไม่ได้ล้างมือเลย แถมเหงื่อเต็มหน้าเลย เดี๋ยวเอิร์นเช็ดให้นะ  ” หญิงสาวตัวเล็กน่าทนุถนอมอุ้มลูกสาวส่งให้พี่เลี้ยงเด็กที่พามาด้วย ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้เล็กๆจากในกระเป๋าถือมาเช็ดหน้าให้สามี

ภาพนั้นทำให้เจตน์ยิ้มออก ครอบครัวของชินดนัยเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ เพื่อนของเขาโชคดีที่มีภรรยาที่สวยน่ารัก และจิตใจดี แถมยังมีลูกสาวน่ารักน่าชังอีก ส่วนเรื่องการงานนั้น แน่นอนว่าชินดนัยเรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ขาดความมั่นใจในตนเองไปบ้างก็เท่านั้น การที่ได้ภรรยาคนสวยมาช่วยส่งเสริมนั่นดูจะทำให้เพื่อนของเขามั่นใจในตนเองมากขึ้น ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งและหัวหน้าครอบครัว
ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว

ชายหนุ่มเหลือบมองที่ช่างภาพครอบครัวของอิสราภรณ์สั่งตรงมาจากกรุงเทพ ช่างภาพหนึ่งคนกับผู้ชายที่ถือรีเฟลคและแฟลชอีกสองคน สมกับเป็นงานรับปริญญาของเซเลปจริงๆ

“ คุณเจตน์คะ มาถ่ายรูปด้วยกันสิคะ! ” อิสราภรณ์รีบเรียกเพื่อนสนิทของสามีเมื่อเขาทำท่าจะปลีกตัวไปอย่างเงียบๆ

“ ครับ ” เจตน์ยิ้มให้หล่อนก่อนจะเข้ามาในบริเวณที่เตรียมไว้..ข้างๆกับเพื่อนรัก..

“ มึงอยู่กับเอิร์นสิวะ เดี๋ยวกูอยู่ห่างๆก็ได้ ” ชายหนุ่มร่างสูงรู้สึกลำบากใจไม่น้อง เขากระซิบกับชินดนัยที่อุ้มลูกสาวแล้วยิ้มค้างเอาไว้

“ อย่าเรื่องมากน่า ถ่ายๆไปเถอะ ” ชินดนัยตอบทั้งๆที่ยังมองกล้อง ส่วนอิสราภรณ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ อยู่ตรงนี้ดีแล้วค่ะ ลุงเจตน์อยู่ใกล้อิงอิง ดีออกนะ ”

เมื่อถูกบังคับจากสามีภรรยาคู่นี้ สุดท้ายเขาก็ต้องยืนอยู่กลางรูปจนได้ เจตน์ถ่ายรูปกับครอบครัวนี้ได้ไม่กี่รูปก่อนจะขอตัวไปหาญาติๆที่วันนี้เดินสายร่วมยินดีกับบัณฑิตหลายคน เลยนัดเขาที่ประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัย

====================


“ โอย เฮีย! กว่าจะมา “ ญาติของเจนต์เป็นสาวห้าวท่าทางทะมัดแทมง หล่อนตรงดิ่งมาต่อว่าเขาทั้งๆที่ถือกล้องถ่ายรูป และรับหน้าที่เป็นช่างภาพประจำตัวให้เขาในวันนี้อีกด้วย

“ รอนิดรอหน่อยเองน่า เดี๋ยวเฮียเพิ่มตังค์ให้  ” คิ้วได้รูปขมวดพลางขยี้ผมที่ตัดจนสั้นของน้องสาว

“ โทรศัพท์ดังตั้งแต่เช้าแล้วไหม เอาไปๆ ”

เขารับเอาโทรศัพท์มาก่อนจะกดดูข้อมูลการโทร และสายที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครอื่น สุธาสิน นั่นเอง ที่จริงเขาก็ชวนให้มางานรับปริญญาตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนแล้วนั่นล่ะ แต่ก็ถูกโวยวายว่าทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่สามารถลางานหรือแลกไฟลท์บินได้ ซึ่งเขาเองก็เข้าใจ .. แต่ว่าในวันที่น่ายินดีเช่นนี้..

--- ไม่มีข้อความใหม่---

เจตน์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสูทสีขาวด้านในแล้วเดินตามญาติของตนไป

(มีต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2014 14:44:10 โดย kuruma »

ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
การได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ล้วนแต่เป็นความภาคภูมิใจแก่บัณฑิตและครอบครัว หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื้นตันใจในความสำเร็จของบัณฑิตนั้นอัดแน่นอยู่ทั่วบรรยากาศในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย จนกระทั่งพิธีรับปริญญาในช่วงเช้าได้สิ้นสุดลง ชินดนัยได้สะกิดไหล่เพื่อนเพื่อขอตัวไปหาครอบครัวที่วันนี้ขนกันมารับเขาถึงบริเวณสวนหย่อมหน้าหอประชุม

“ คืนนี้ไปฉลองกันที่โรงแรมด้วยล่ะมึง! ” ชินดนัยตะโกนบอก

“ บ้านกูจองร้านปลาเผาแล้ว มึงไม่รู้เรื่องหรือไงวะ! ” เจตน์ตะโกนตอบกลับมาเช่นกัน เขาจำได้ว่าเคยปฏิเสธเพื่อนไปรอบหนึ่งแล้ว มันออกจะผิดปกติไปเสียหน่อยสำหรับเพื่อนสนิทร่างท้วมที่เข้าใจอะไรได้ง่ายมาโดยตลอด

“ รู้โว้ย! แต่มึงต้องมา โอเค? ” พูดจบก็พาร่างอ้วนกลมของตนเองหายไปท่ามกลางฝูงชน เจนต์ได้แต่ถอนหายใจ จะปฏิเสธก็คงไม่ทันแล้ว

=======================

“ ม๊า เดี๋ยวผมจะแวะไปโรงแรมที่ไอ้ชินมันจองไว้หน่อยนะ ” เจตน์กระซิบบอกผู้เป็นแม่หลังจากที่เขาได้จัดการจ่ายเงินค่าอาหารที่เลี้ยงรับปริญญากับทางบ้านซึ่งในปีนี้ มีเขาและญาติอีกสองคนที่รับปริญญาปีเดียวกัน ภาระค่าใช้จ่ายจึงไม่มากเท่าไหร่นัก

“ ได้สิ แล้วคืนนี้จะกลับบ้านไหมลูก? ” ผู้เป็นแม่ที่ตามใจลูกชายคนเดียวของหล่อนมาแต่ไหนแต่ไรถามเสียตรงประเด็น

“ ม๊าถามอะไรแปลกๆ ” บัณฑิตหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“ อ้าว ก็นึกว่าเจ้าชินเป็นข้ออ้าง แต่ที่จริงจะไปฉลองกับแฟนเราสองต่อสองเสียอีก พามาหาม๊าสิ อาเม่ยมันบอกว่าแฟนเฮียเจตน์หล่อจะตาย ”
น้ำเสียงใจดีของผู้เป็นมารดา เอ่ยล้อ พลางจ้องใบหน้าของลูกชายอย่างจับผิดเล็กๆ ครอบครัวของหล่อนรู้มาพักหนึ่งแล้วว่าเจตน์กำลังคบหาดูใจกับผู้ชาย ถึงจะไม่สบายใจนักในตอนแรก แต่หลังจากที่เห็นภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์กและตามสืบดูหน้าที่การงานของอีกฝ่ายแล้ว สุธาสินก็ยังดีกว่าคนก่อนๆของเจตน์มากนัก

“ ฮะ ฮะ เขางานยุ่งน่ะม๊า .. ไว้คราวหน้าจะพามาไหว้นะ ” เจตน์บอกปัดกลายๆ ที่จริง ญาติผู้น้องเขาคงบอกไปแล้วล่ะว่าเขามีคนที่คบอยู่จากสถานภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่แคร์เท่าไหร่นัก หากว่าจะเปิดตัวสุธาสินสักวัน

เขารู้ดีว่าครอบครัวของเขาย่อมทำตามที่เขาตัดสินใจอยู่แล้ว..

=======================

โรงแรมที่ครอบครัวของชินดนัยจองห้องจัดเลี้ยงและที่พักเอาไว้นั้นเป็นโรงแรมชื่อดังระดับโลกที่มาเปิดใจกลางเมืองเชียงใหม่ ห้องอาหารที่จองเอาไว้ก็เห็นวิวแม่น้ำปิงประดับไฟสวยงาม อีกด้านเป็นสระว่ายน้ำประดับไฟและตกแต่งด้วยโคมไฟแบบล้านนา

เจตน์ที่สวมเสื้อสูทลำลองทับเสื้อยืดคอวีกับกางเกงยีนส์ทรงเดฟนั้นเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่บรรดาญาติๆของอิสราภรณ์และชินดนัยอยู่เต็มไปหมด ทั้งสองครอบครัวมีจำนวนสมาชิกรวมกันนับสามสิบคนได้ จึงทำให้การเข้ามาของเขาไม่ได้รับการสนใจเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่เหล่านั้นเงียบๆ ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ถูกญาติๆรุมอยู่อีกด้าน

“ กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้วนะเนี่ย ” ชินดนัยตบบ่าของเพื่อนพลางดันให้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

“ รถติดว่ะ กว่าจะขับมาถึง แม่ง! ” ชายหนุ่มบ่นก่อนจะขอเหล้าจากพนักงานมาดื่มรสแอลกอฮอลล์เจือจางนั้นอึกใหญ่ก่อนจะถามถึงคนที่หายไป
“ อิงอิงล่ะ? ”

“ เอิร์นพาไปนอนแล้ว ”

เจตน์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะโวยวายกับแก้วเหล้าของตน สุดท้ายก็คะยั้นคะยอให้ชินดนัยเอาขวดเหล้ามาวางไว้บนโต๊ะเพื่อที่เขาจะได้ชงเอง ทั้งคู่พูดจาเล่นหัวกันเช่นเคย ดูเหมือนในห้องอาหารนี่ญาติๆทั้งหลายต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเสียมากกว่า ไม่มีใครมารุมสนใจเจ้าของงานนักหรอก

“ แล้ว..สรุปว่าคุณสินเขาไม่มาจริงดิ? ” ชินดนัยเทเหล้าใส่แก้วตนเองก่อนจะเทให้เจตน์ ดวงตาเล็กมองใบหน้าได้รูปของเพื่อนนิ่ง ราวกับจะมองหาความผิดหวังในแววตานั้น

“ อือ .. ไม่มา ” เจตน์ตอบสั้นๆก่อนจะฉวยแก้วเหล้าเพียวๆยกขึ้นดื่ม
พวกเขาเปิดเหล้าชั้นดีจากต่างประเทศยี่ห้อเดียวกันนี้เป็นขวดที่สามแล้ว

มืออวบๆตบบ่าเพื่อนเบาๆเชิงปลอบใจ..

=======================

ญาติๆทยอยกันกลับทีละกลุ่มๆ จนสุดท้ายเหลือเพียงบัณฑิตสองคนที่อยู่ดื่มเป็นขวดที่ห้า แม้จะเมามายไม่น้อย แต่พวกเขาก็ทำเพียงดื่มด้วยกันเงียบๆเท่านั้น

“ เหล้า..หมด..แล้ว ” ชินดนัยจิ้มขวดแก้วเปล่าๆนั้น พลางพูดเสียงแหบๆ ดวงตาเล็กๆนั้นแทบจะปิดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์

“ อือ..กลับไปนอนไป ” เจตน์โบกมือไล่เพื่อนเบาๆ พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆ

“ มึงนอนนี่ล่ะ..กูเปิดห้องเผื่อ..แล้ว ” หนุ่มร่างอ้วนกลมบอก พลางดึงแขนเสื้อสูทของเพื่อนสนิทเอาไว้ พลางโวยวายเพราะความเมา แต่ก็เป็นห่วงเป็นไยเช่นทุกครั้ง
“ เมาแม่ง! เดี๋ยวได้ตายห่าข้างทางหรอก ”

“ กูไม่มีตังค์ค่าห้องโว้ยยยย ” เจตน์สะบัดแขนออกจากเพื่อน ถึงจะเมาเขาก็รู้ดีกว่าการเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้ต้องมีเงินหลักหมื่นต่อคืนเท่านั้น

“ แล้วมึงจะนอนที่ไหนอะ? ” ชินดนัยรู้ดีว่าไม่มีทางคะยั้นคะยอเจตน์ไปได้มากกว่านี้ เรื่องเงินๆทองๆสำหรับเจตน์ถือเป็นศักดิ์ศรีของเลยทีเดียว แต่เขาก็เป็นห่วง..

“ ถ้าขับไม่ไหว ก็นอนในรถนั่นล่ะ .. กูไปล่ะ เจอกันที่กรุงเทพ ” เจตน์โบกมือส่งๆแล้วเดินเซๆออกจากประตูห้องอาหารไป ทิ้งให้ชินดนัยมองเขาจากประตูห้องอาหารจนเขาเดินออกประตูฟรอนท์ของโรงแรมออกไป

=======================

ลึกๆแล้ว..ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดที่ทิ้งเจตน์เอาไว้คนเดียวแบบนั้น..


“ ชินคะ? ”
เสียงหวานของภรรยานั่นเองที่เรียกสติของหนุ่มร่างอ้วนกลมที่ยืนมองเพื่อนจากด้านหลังอยู่แบบนั้น

“ ขอโทษนะ เหล้าเพิ่งหมด .. ผมนี่แย่จริงๆเลยเนอะ ” ชินดนัยพยายามปั้นหน้ายิ้มให้ภรรยา ทั้งๆที่อยู่ในห้วงอารมณ์ที่รู้สึกแย่ คงเพราะแอลกอฮอล์เขาเลยอ่อนไหวกว่าปกติล่ะมั๊ง

ภรรยาสาวได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินมากอดเขาไว้จากด้านหลัง มือเล็กๆนั้นลูบพุงกลมๆที่ชอบไปมาราวกับปลอบใจ
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ”

“ แต่ผมปล่อยไอ้เจตน์ให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว..ผมมันเป็นเพื่อนที่แย่สุดๆเลย ” ชินดนัยบีบมือของภรรยาเบาๆ เขามองประตูที่เงาของเจตน์อยู่แบบนั้น

“ คุณเจตน์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ .. เชื่อเอิร์นนะ ” หล่อนรู้ดีว่าชินดนัยผูกพันกับเพื่อนคนนี้ขนาดไหน และความรู้สึกนั้นคืออะไร เคยแม้แต่เปิดอกพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยซ้ำไป

ความรักที่ปรารถนาจะให้อีกฝ่ายมีความสุขนั่นน่ะ .. หล่อนเองก็เรียนรู้จากสามีคนนี้เช่นกัน..

=======================

เสียงรีโมทกดปลดลอครถอีโคคาร์สีดำที่จอดอยู่ในที่จอดรถด้านนอกของโรงแรมดังขึ้นพร้อมกับไฟกระพริบ ที่จอดรถมีเพียงไฟสลัวๆกับอากาศด้านนอกที่หนาวเย็นจับใจ เจตน์เปิดประตูด้านหลังพลางถอดเสื้อสูทของตนเองโยนทิ้งบนเบาะอย่างลวกๆ

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ...เขาเกลียดความรู้สึกเจ็บลึกๆในอกแบบนี้..ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีมีใครอยู่ข้างๆ..

ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปมา ก่อนจะยกมือตบหน้าตนเองเบาๆอย่างเรียกสติ

อีกไม่นานก็เช้าแล้ว ขอเขางีบในรถเสียหน่อยก็แล้วกัน เจตน์แง้มกระจกรถลงทั้งสี่ด้านเพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก ก่อนจะเอนร่างลงนอนที่เบาะหลังนั้นเพียงลำพัง

=======================

---RRR---

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขณะที่เจ้าของรถกำลังเคลิ้มหลับ เจตน์หยิบมันมากดรับโดยที่ไม่ลืมตา

“ ไม่กลับนะ ม๊า ..เมา ขับรถไม่ไหว ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาลง ไม่ได้สนใจว่าปลายสายนั้นจะเป็นแม่ของเขาจริงๆหรือเปล่า ชายหนุ่มอ่อนเพลียเกินกว่าจะสนใจอะไรอีก

แต่ดูเหมือนจะงีบไปได้ไม่นานเท่าไหร่

--ก๊อกๆๆ—

“ แม่ง อะไรอีกวะ! ” เจตน์สบถอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นจากเบาะรถแคบๆ หมายจะจัดการกับคนที่รบกวนเขาเสียสองสามหมัด ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกมาพลางดึงแขนเสื้อขึ้นเตรียมหาเรื่องเต็มที่

“ นอนในรถนี่มันผิดรึไงวะ?! ”

“ เรื่องนั้นน่ะไม่ผิดหรอก แต่คุณผิดที่คุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่องต่างหาก ” เสียงนุ่มที่ตอบกลับมาทำเอาเจตน์ต้องสะบัดหน้าไปมาอย่างพยายามเรียกสติตนเอง นี่เขาเมาจนเห็นภาพหลอนหรืออย่างไร

“ สิน?..มาได้ไง .. กูเมาเกินไปละ ” ประโยคหลังดูเหมือนเขาจะพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า แต่กลับถูกมือเรียวของคนที่ดูเหมือนจะเป็นภาพหลอนดึงคอเสื้อเข้ามาใกล้ๆ

“ นี่ตัวจริงนะ .. ดูดีๆสิ ” เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาที่ริมฝีปากได้รูปในประโยคหลัง ตามมาด้วยสัมผัสนุ่มอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของลานจอดรถของโรงแรมที่ไร้ซึ่งผู้คน ก่อนจะละริมฝีปากออกมา

“ ยินดีด้วยนะครับ บัณฑิตใหม่ .. แต่ผมรีบแลกไฟลท์กลับมาเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ ขอโทษนะเจตน์ ” สุธาสินดูเสียใจไม่น้อยที่มาถึงช้าเกินไป ใบหน้าสวยก้มลงมองที่อกของคนรัก

"ถ้า...เราเปิดห้องที่นี่กันคืนนี้..." สจ๊วดหนุ่มเอ่ยเสียงเบา

" ผมไม่มีเงินหรอกนะ "เจตน์ตอบกลับมา เขาจำได้ดีว่าเคยพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่ายมาแล้วหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของอิสราภรณ์กับชินดนัย
" และผมไม่อยากให้คุณต้องจ่ายให้ ในเรื่องแบบนี้ ผมควรจ่ายไม่ใช่เหรอ? "

"พูดเหมือนตอนนั้นเลย” สุธาสินบอกพลางยิ้มอย่างเขินๆ ถึงเจตน์จะดูเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน แต่ลึกๆแล้วรายละเอียดบางอย่างระหว่างพวกเขา อีกฝ่ายนั้นจดจำได้เป็นอย่างดี

“ ถ้างั้น..ไปบ้านผมดีไหม ” เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาสุธาสินต้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนรัก

“ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม.. ” ดวงตาคู่คมสวยนั้นฉายแววไม่มั่นใจและไม่แน่ใจเอาเสียเลย

“ ม๊าถามถึงคุณด้วย .. ที่จริงก็บอกให้พามาไหว้ได้แล้ว ” มือแกร่งลูบผิวแก้มเนียนอย่างคนที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดีนั้นเบาๆ

“ แต่ผมเป็นผู้ชาย ” เสียงนุ่มนั้นเถียงแต่ก็ดูจะไม่มีแรงต้านสักเท่าไหร่

“ ม๊าไม่ว่าหรอก ป๊าก็ไม่ว่า ... ญาติผมก็เป็นทอมพาแฟนเป็นผู้หญิงเข้าๆออกบ้านบ่อยไป ” เจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางที่นานๆจะได้เห็นจากคนรักเสียที ท่าทางที่ไม่มั่นใจอะไรแบบนั้น เขาถามย้ำ พลางเลื่อนมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาลแดงเบาๆ

“ ว่าไง จะไปหรือเปล่า? ”

“ ถ้าคุณโดนไล่ออกจากบ้านขึ้นมา ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงหรอกนะ ” สุธาสินไม่ตอบคำถามนั้นเขาเปิดประตูรถตรงด้านคนขับออก ก่อนจะแบมือขออะไรบางอย่าง

“ กุญแจรถล่ะ ผมขับให้เอง คนเมาน่ะบอกทางมาก็พอ ”

เจตน์หัวเราะกับคำพูดนั้น เขาหยิบกุญแจรถของตนให้กับคนรักก่อนจะเปิดประตูนั่งลงด้านข้างคนขับ ปล่อยให้สุธาสินขับรถกลับบ้านในคืนนี้


คืนที่ถูกเติมเต็มความรู้สึกปวดในอกจากการที่ไม่มีใครด้วยการมาของคนที่อยู่ข้างๆนี้


หลังจากที่ใช้หัวใจเดินทางตามหาความรักมากมาย จนลืมมองความรักที่อยู่ข้างตัวมาตลอดชีวิต จนกว่าจะรู้ตัวก็เสียรักนั้นไปแล้ว เขาจึงเดินทางอีกครั้งและได้พบกับความรักครั้งนี้

รักที่ดูเหมือนเป็นเรื่องฉาบฉวย ไม่จริงจัง แต่กลับตราตรึงในหัวใจจนไม่อาจลืม

ถึงแม้พวกเขายังต้องพิสูจน์อะไรอีกมากมายเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทางบ้านของสุธาสินก็ตาม

เจตน์เองก็ไม่รู้ว่าการเดินทางของความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร..แต่ครั้งนี้จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของเขา..


=========END===========

talk : จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ จะว่าไงดีล่ะ เข้าใจนะสำหรับคนที่เชียร์คู่เจตน์กับชิน ถึงจะไม่สมหวังก็เถอะนะคะ แต่คนเขียนก็อยากจะเล่าเรื่องของพวกเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเดินทางตามหาความรักของเจตน์จบลงค่ะ มันอาจจะไม่สมใจผู้อ่าน แต่อย่างน้อยในความรู้สึกของคนเขียน เรื่องนี้ไม่ได้ Bad End เลยนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตั้งแต่ต้นนะคะ บางคนอาจจะห่างหายจากเรื่องนี้ไปแล้วกลับมาอ่านตอนที่มันจบแล้ว
และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่เข้ามาอ่านรวดเดียวจนจบเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คนอ่านแชร์ความรู้สึกหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ร่วมกันมากๆเลยล่ะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

kuruma

21.04.2557


talk : กลับมาดูอีกที(10.5.57)ปรากฏว่าเนื้อเรื่องหายไปหนึ่งตอนใหญ่ๆ Edit เพิ่มเติมจนครบแล้วนะคะ ขออภัยอย่างสูงค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2014 14:46:03 โดย kuruma »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
Co Writer's Talk

โอ จบแล้วจริงๆ
ยาวนานเหลือเกินกับเรื่องนี้ อันที่จริง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Kuruma รับผิดชอบมานานแสนนาน
นานจนบางทีเข้ามาอ่าน ก็ จำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าตัวเองเขียนตรงไหนไปบ้าง ฮา
คนอ่านคงหงุดหงิด กับ คู่ลูกครึ่งกับนายจอมเหวี่ยงนั่นมากสินะ บอกตามตรงบางทีอ่านไปก็นึกอยากเปลี่ยนคู่เหมือนกันค่ะ ฮ่ะๆ

แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ชินไม่สมหวังในตอนแรก และพบกับความสุขในตอนจบ
การที่ทุกคนทำร้ายกันด้วยคำพูด การกระทำ แต่ในท้ายที่สุดก็พบเจอกับความรักที่ตามหา
การที่เลือกแล้วในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง และเก็บสิ่งที่มีค่าเอาไว้ ....
ทุกอย่างที่พูดมานีคือเรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตของทุกคนนะ

และถึงมันจะไม่เพอร์เฟค แต่เราว่ามันสวยงามในแบบของมัน

สุดท้ายนี้ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
ฝากติดตามผลงานอื่นๆของคนเขียนทั้งสองคนด้วยนะคะ

p.k.a

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด