[บันทึกรัก Leiden]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [บันทึกรัก Leiden]  (อ่าน 81402 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
[บันทึกรัก Leiden]
« เมื่อ27-10-2006 22:35:11 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ








8 Mar. 2006

17.45 น. Potsdam hofpbahnhof



   “แกเดินเร็วๆ เด้ รถมาแล้ว” ไอ้โอ้ส่งเสียงเร่งมาเมื่อเห็นผมยังนวดนาดโอ๋เอ๋วิหารลายเดินชมวิวในสถานีรถไฟอย่างสบายอารมณ์อยู่  วันนี้ผมต้องเดินทางต่อไปยังเมือง Leiden ประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ  ผมมีตั๋วอยู่สองใบ  ทำไมนะเหรอ? 

         ก็เพราะตอนแรกผมได้รับเมลล์จากเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่ผมติดต่อเรื่องจองห้องพักว่า  ‘ห้องพักที่ผมอยากได้ไม่ว่างหากผมจะมาวันที่ 9 มีนาคม จะต้องไปพักที่โรงแรมก่อนแล้วพอถึงวันที่ 13 มีนาคม จึงจะสามารถเข้าพักที่ห้องพักรับรองของทางมหาวิทยาลัยได้’ ผมก็เลยจิตตกกลัวแพงไม่อยากไปพักที่โรงแรมตั้งหลายวัน  ก็เลยจัดการเมลล์ตอบกลับไปว่าจะไปถึงนั้นวันที่ 13 แทนแล้วรีบไปจองตั๋วรถทัวร์ออนไลน์ของบริษัท eulolines ในราคานักศึกษาเลือกเดินทางวันที่ 12 ให้เขาส่งตั๋วมาทางไปรษณีย์เอาชื่อกะที่อยู่ของไอ้โอ้ใส่ไปครับ   

           พอผ่านไปสองวันตั๋วก็มาส่งเขาคิดราคาค่าตั๋ว 29 ยูฯ บวกค่าธรรมเนียมอีก 5 ยูฯแล้วค่าส่งไปรษณีย์อีก 2 ยูฯ  รวมทั้งหมดเป็น 36 ยูฯครับ  เจ้าของหอที่โอ้พักเป็นคนรับจดหมายแล้วจ่ายเงินไปให้ก่อน  ผมเลยให้โอ้เอาเงินไปให้เขาพร้อมกับขอบคุณเขาเป็นการใหญ่    :impress:

         พอรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ก็เมลล์มาบอกว่าแกจัดการจองใหม่ให้ผมแล้ว  สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่เก้าแล้วผมยังอยากจะมาวันไหน  ไอ้ผมก็เกรงใจ  เขาอุตส่าห์ดิ้นรนจัดการจองให้ได้ตรงตามวันที่เราบอกไป  ก็เลยเมลล์ตอบไปใหม่อีกว่าจะไปถึงนั้นตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 9 ให้เขาจองห้องพักได้เลยไม่ต้องเลื่อนอีกแล้ว    ทีนี้จะทำไงหรอครับก็ไปเลื่อนตั๋วสิ  เพราะว่าตอนที่พักที่ปารีสเพื่อนผมเขาจะเลื่อนตั๋วกลับอังกฤษให้เร็วขึ้นได้แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ 5 ยูโรเป็นค่าเลื่อน  ผมก็นึกว่าที่นี่จะเลื่อนได้เหมือนกัน    :interest:

        ที่ไหนได้!!  ปรากฏว่าเลื่อนไม่ได้เพราะว่าตั๋วผมมันเป็นตั๋วราคาถูกไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้อีกก็เลยต้องกลับมาตั้งหลักใหม่  ทีแรกกะว่าจะไปรถไฟแต่ติดปัญหาตรงที่ตั๋วที่ราคาถูก (29 ยูโร) นั้นต้องซื้อผ่านเน็ตแล้วต้องใช้บัตรเครดิตซึ่งผมไม่มี  จะเอาของเพื่อนก่อนก็ไม่ได้เพราะเขาระบุว่าชื่อผู้โดยสารต้องตรงกับชื่อเจ้าของบัตร  พอจะซื้อที่ราคาแพง (94 ยูโร) แทน  ปรากฏว่าต้องเปลี่ยนรถหลายครั้งไม่มีแบบที่ไปจากเบอร์ลินถึงอัมสเตอร์ดัมในขบวนเดียวเลย  ต้องไปเปลี่ยนที่นั้นที่นี่เพราะว่ารถไปตรงๆ เลยไม่มี  ก็บังเกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาครับว่าถ้าต่อรถเปลี่ยนคันไม่ถูก  จะทำไง  ขนาดเลือกเที่ยวที่เปลี่ยนน้อยสุดแล้วก็ยังต้องเปลี่ยนตั้งสามครั้งเลยไม่ไหวไม่กล้าเสี่ยงครับ  กลับมาตายรังที่รถทัวร์เหมือนเดิมก็เข้าไปจองออนไลน์ใหม่อีกครั้งคราวนี้ระบุชื่อผมแต่ที่อยู่เป็นหอเพื่อน   

         ปรากกว่ารออยู่หลายวันตั๋วก็ยังไม่มาเลยต้องเข้าไปจองใหม่  คราวนี้เวลามันกระชั้นเข้ามาราคาตั๋วเลยพุ่งครับ  จาก 29 เป็น 39.20 ยูฯ  รวมค่าโน้นนี้แล้วเป็น 46.20 ยูฯครับแล้วก็ใส่ชื่อกะที่อยู่เพื่อนไป  คราวนี้สามวันได้ตั๋วก็เลยพากันสงสัยว่าทำไมตอนที่จองครั้งที่สองตั๋วไม่มา  ก็เลยไปถามเจ้าของหอว่ามีจดหมายแบบเดียวกันนี้มาบ้างไหมเมื่อสองสามวันก่อน  แกก็ตอบว่ามาแต่ว่าแกไม่รับเพราะว่าไม่รู้ว่าชื่อใครไม่รู้จัก  อ้าว! กรรมของเวร  ปรากฏว่าต้องซื้อตั๋วแพงเลย  ความจริงมีการเดินทางหลายแบบให้เลือกครับจะไปเครื่องก็ได้นั่งของ easy jet ไปมันถึงไวดีแค่ชั่วโมงกว่าๆ เอง แต่ว่าด้วยความงกไงครับ  มันแพงกว่ารถทัวร์เพราะรวมค่านั้นค่านี้แล้วเป็น 84  กว่ายูฯ  แล้วยังต้องไปขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้าอีก  เครื่องออกตอน 6.30 น. อะครับคิดดู  หน้าอย่างผมไม่มีทางตื่นทันแน่เลยขอผ่าน  พอจะมารถไฟก็อย่างที่ว่าตั๋วถูกผมซื้อไม่ได้  ตั๋วแพงก็ต้องเปลี่ยนหลายต่อ  กลัวหลงกลัวพลาดรถไปไม่ทันบ้างอะไรบ้างเลยขอผ่านอีกแต่ก็ถึงเร็วนะครับแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเอง 

         ส่วนรถทัวร์ก็มีหลายบริษัทให้เลือกแต่ความที่ผมใช้บริการของ eurolines มาหลายครั้งแล้วเลยค่อนข้างสนิทใจมากกว่าที่อื่นๆ เลยเลือกใช้บริการที่นี้  ส่วนเวลาเดินทางก็ประมาณ 10 ชั่วโมง  สภาพรถก็ปลอดภัยดีครับ  รถใหม่ดีเสียแต่ว่าเบาะเอนได้ไม่มาก  แต่ว่าคนน้อยเลยสามารถยึดเบาะข้างๆ ที่ติดกันเป็นอาณานิคมได้ครับ ก็พอถูไถไปได้สำหรับผม เมื่อยหน่อยแต่ก็ทนๆ เอา  เงินมีไม่มากนี้ครับจะเลือกมากได้ไง  ว่าไหม? ก็เลยกลายเป็นว่าผมมีตั๋วรถสองใบไง  เท่ห์ไหม?  :try2:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2008 02:40:32 โดย º★*.๑۩۞۩๑..*ღ• »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #1 เมื่อ30-10-2006 22:36:46 »

17.49 น. ชานชลาที่ 2 สถานีเดิม
   “แกช่วยฉันยกด้วยดี้  ไอ้นี่” ผมประท้วงเพื่อนมันนะครับ  ก็เล่นเดินตัวปลิวขึ้นรถไปอย่างนั้น  ไม่สงสารเด็กตาดำๆ อย่างผมเลย 
               เพื่อนผมพาขึ้นรถไฟด่วนครับเรียกว่า RE (Railway Express) เป็นรถไประหว่างเมืองภายในประเทศ  ถ้าระหว่างประเทศจะเรียกว่า ICE (Inter City Express)  ตัวรถเป็นสีแดงมีสองชั้นทุกทีเราจะชอบนั่งเสนอหน้าบนชั้นสองครับแต่ว่าวันนี้ผมเลือกนั่งข้างล่างแทนเพราะว่าหนักกระเป๋าครับ ขี้เกียจออกแรงยก

18.15 น. Zoologiesher station ชานชลาที่ 1



   “มาชั้นแบกเป้ไปเอง  ส่วนกระเป๋าแบกไปเองเลยแก...ไม่ต้องเรื่องมาก  ตัวยังกะควาย กระเป๋าใบแค่นี้ทำเป็นยกไม่ไหว” ไอ้โอ้มันว่าผมครับ  คนมาลงที่นี่กันเยอะเพราะว่าเป็นสถานีหลักของเบอร์ลิน  ใครจะไปไหนต่อก็ต้องมาต่อรถที่นี่  ไม่ว่าจะไปในเบอร์ลินเอง  หรือว่าระหว่างเมืองแม้กระทั้งระหว่างประเทศก็ตาม

   ‘พลั๊ก’  เสียงไรหรอครับ? ก็ผมอะดิ  ดันไปชนกะใครไม่รู้ตอนลงรถ  กระเป๋าร่วงหลุดจากมือเลยครับ  รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตรงเล็บที่ปลายนิ้วชี้    ก็นิ้วนี้ผมไว้เล็บยาวนี่ครับ...

             ผมมัวแต่เจ็บเล็บกับพยายามสอดส่ายสายตาเหลียวหาไอ้โอ้ที่เดินจ้ำหายไปแล้วกับฝูงชนเลยไม่โอกาสได้หันไปขอโทษคนที่ผมชนเขา  อย่าว่าแต่ขอโทษเลยครับ...แค่จะหันไปมองว่าเป็นใคร  ผมยังไม่ทันหันเลยครับ  มัวแต่รีบยกกระเป๋าแล่นตามไอ้โอ้ที่เดินเหมือนตามควายหายไปล่วงหน้าก่อนแล้ว  ไม่ได้เสียมารยาทนะครับแต่ว่ารีบจนไม่มีเวลานึกเลยจริงๆ

   ผมลากกระเป๋าวิ่งมาทันโอ้ตรงบันไดเลื่อนที่จะลงไปใต้ดินพอดี  เดินไวจริงๆ หมอนี้  เราต่อรถไฟใต้ดินสาย U2 ทิศทาง Rublen ครับคราวนี้คนน้อยเลยไม่ต้องรีบยกกระเป๋าแต่ว่าเล็บผมปวดตุ้บๆ เลยครับ

18.43 น. เยอรมัน Kaiser-dam streisse station (underground line U2)



   “ไงแก? ไปทางไหนต่อละ” เสียงไอ้โอ้เพื่อนผมถามหลังที่เราช่วยกันลากกระเป๋าขึ้นมาบนพื้นพิภพสำเร็จ  ตอนแรกทำไปเก่งเดินพรวดๆ ตอนนี้ดันหันมาถาม

   “นี่ไง...  ตามมาทางนี้เลยครับน้อง...เดี๋ยวเฮียพาไปเอง  มันต้องไปทางตึก ICC โว้ย ไอ้บ้า”ผมกับเพื่อนเดินลากกระเป๋าฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายลงมา  ไม่มากหรอกครับตกลงมาแล้วก็ละลายพอให้พื้นแฉะๆ  ไม่เหลือกองสุมไว้เหมือนวันก่อนๆ แต่ว่าแบบนี้จะหนาวกว่าแบบที่ตกลงมามากๆ เสียอีก แปลกจังเลยครับ....ว่าไหม? 
             
             เราสองคนไปหยุดยืนหันซ้ายหันขวาเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงที่ท่ารถทัวร์  ทำไมหรอครับ? ก็เจ้าเพื่อนผมมันก็ไม่เคยมาที่นี่  ผมเองก็แค่มาลงรถวันก่อนแล้วเดินออกไปเลยในวันที่มาถึงวันแรก  ไม่ได้เข้ามาในอาคารอย่างนี้เลยไม่รู้ว่าจะต้องไป check in เอากระเป๋าขึ้นรถได้ที่ไหน  เลยลองเข้าไปถามมั่วๆ เอา 

   “ คุณสามารถไป check in ได้โดยตรงที่รถได้เลยคะ” พนักงานสาวหน้าบึ้งตอบมาแบบนี้ครับ  ถ้าผมแปลไม่ผิดนะ!!

   ผมกับไอ้โอ้เลยพากันไปนั่งรอที่หน้าประตูหมายเลข 1 กันเพราะว่ารถจะมาจอดรับที่นั้น  ผมเดินไปกดกาแฟจากตู้อัตโนมัติมาเพราะว่าหนาวเลยอยากทานอะไรร้อนๆ แต่ว่ารสชาติมันไม่เอาอ่าวเลยครับ  ผมทนจิบไปได้นิดเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2006 22:10:20 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #2 เมื่อ06-11-2006 21:27:43 »

“ใจหายวะ!  พอถึงวันที่แกต้องไปขึ้นมาจริงๆ” อยู่ๆ โอ้ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก

   “ไรแก?  หายตรงไหน?  ฉันไม่เห็นหายเลย  ไม่ดีหรอ? จะได้ไม่มีใครคอยชวนแกคุยตอนแกจะอ่านหนังสือไง...ดีออก  เห็นบ่นเหลือเกินนิว่าฉันชวนคุยจนไม่ได้อ่านหนังสือหนังหา”

   “แต่มีแกอยู่ก็ดีเหมือนกันนะ  เห็นไหมว่าฉันก็ไม่ได้ว่าไรแกสักคำ  แกไม่อยู่ซิ...ฉันคงเหงาอีก  ตอนนี้ฉันว่าฉันเป็นโรคคนเมืองอย่างที่แกว่าแล้วอะ”

   “อะ! เมื่อความเหงากัดกินถึงกลางใจ  ฮ่าๆๆ ไงรู้รสชาติมันยัง?  ว่าร้ายกาจขนาดไหน”

   “เออ...  ตอนนี้ฉันไม่ชอบบรรยากาศตอนเย็นๆ เลย  ยิ่งตอนนี้อากาศยิ่งหนาวๆ อยู่ด้วยยิ่งไปกันใหญ่   ฉันเลยต้องไปห้องไอ้ใหญ่บ่อยๆ ไง” โอ้พาดพิงถึงเพื่อนอีกคนที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน “แต่พอฉันเล่าให้ไอ้ใหญ่ฟังว่าฉันเป็นโรคคนเมืองอย่างที่แกว่า  มันบอกว่าไงรู้ไหม?  มันบอกว่ามันไม่เห็นเป็นเลย  ฉันนะสำออยไปเอง”  โอ้ทำหน้าเศร้า

   “ไม่หรอกแก  คนเรามันพื้นฐานไม่เหมือนกัน  ฉันกะแกครอบครัวอบอุ่นอยู่ใกล้กันมากจนบางทีอุ่นจนร้อนก็มี  พอมาอยู่ห่างๆ กันอย่างนี้โรคมันเลยจู่โจมเร็วไง  เหมือนคนไม่มีภูมิต้านทานนั้นแหละ”

   “คงจริงอย่างแกว่า  อย่างวันนี้ฉันเห็นไอ้ลมมันร้องไห้ด้วยนะแก” โอ้ทำหน้าตื่นเต้นพอเล่ามาถึงตอนนี้

   “จริ้ง? อย่างไอ้ลมเนี้ยนะ ร้องไห้  มะเชื่อโว้ย  ไม่มีทางหรอกแก” ผมก็ค้านอย่างแรง :pigscare2:

   “จริงๆ นะแก  ฉันเห็นมากะตาเลยว่าน้ำตามันหยดติ๋งๆ ที่ขากางเกงมันตอนที่ฉันปลุกให้มันลุกขึ้นมากินข้าวกินยา  คนมันป่วยไกลบ้านนะแกคิดดู  ไม่มีใครมาเอาใจ  ไม่มีใครมาให้อ้อน” ไอ้โอ้ทำเป็นเข้าใจหัวอกไอ้ลมทั้งๆ ที่ตอนไอ้ลมยังดีๆ ไม่ป่วยไข้อย่างนี้ผมเห็นมันกัดกันจะตาย  ผมละเบื่อที่ต้องเป็นกรรมการตัดสินคดีความของมันสองคน

   “อ้าวไอ้นี่! ไหนว่าเกลียดมันจะตาย  จะไม่สนใจมันไง  ตกลงเอาไงฉันจูนคลื่นตามไม่ทันแล้วนะเว้ย”

   “ก็พอเห็นน้ำตามัน  ฉันก็ใจอ่อนตามประสาคนน้ำใจดีที่เขาเป็นกันไง  ไม่เหมือนแกหรอก” อ้าว! มันยังมีแก่ใจมาแว้งกัดผมอีก :untrust:

   “มันก็คงเหงานะแก  ตอนยังดีๆ ก็ทำปากเก่งไม่ง้อใครแบบว่าอยู่คนเดียวได้  ไม่มีใครคบก็ช่าง  ไม่ยอมปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ของมัน แกเองก็เตือนมันตรงๆ แล้ว  ขนาดฉันเองเพิ่งมาอยู่ไม่กี่วันก็หลอกด่าหลอกเตือนมันไปแล้วมันยังไม่สำนึกอีก  ก็ยืนดูเฉยๆ ปล่อยให้มันตกเหวตายไปเองเถอะวะแก  ช่วยไม่ได้ทำตัวเองนี่  พี่เชื้อเตือนแล้วไม่ฟังเองแถมเถียงอีกต่างหาก  แกว่าไหม?”

   “ที่แกว่ามามันก็จริง  ฉันเองก็ทำอย่างที่แกว่าแล้วไงสวมวิญญาณคนใจร้ายยืนดูมันตกเหว” มันหลอกว่าผมรอบสองครับ 
             
              ความจริงผมก็ใจแห้งนะพอได้ฟังอย่างนี้  ลองนึกภาพนายลมเป็นผู้ชายร่างใหญ่ (เรียกว่าอ้วนดีกว่านะผมว่า) นั่งโศกสลด  ร้องไห้น้ำตาหยดติ๋งๆ....   เมื่อบ่ายตอนยังอยู่ด้วยกันที่ในห้องลมก็บอกกับผมว่าคิดถึงบ้านจังเลยพี่  แต่ผมไม่สนใจเพราะว่าผมก็ประกอบพิธีตัดหางหมอนี่ปล่อยวัดไปเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน   

            นายลมคนนี้ความจริงก็มาเรียนที่นี่พร้อมๆ กันกะโอ้  แต่ว่านักเรียนไทยทั้งในเบอร์ลินและพอต์สดัม (Potsdam) พากันตัดหางปล่อยวัดกันหมดเพราะนิสัยแปลกๆ ของลมที่ชอบดื้อใครเตือนไรไม่ฟัง 

           ลมไม่เคยผิดสักครั้งในทุกสถานการณ์  แถมคนที่คิดไม่เหมือนกะลมจะเป็นคนที่แย่มากๆ  ในสายตามัน   ไม่เคยมีใครดีเลยนอกจากตัวมันเอง  ชอบคุยแต่เรื่องของตัวเองไม่ว่าจะเรื่องงานวิจัย  เรื่องความไม่เอาไหนของผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ทั้งที่เมืองไทยและที่นี่ของลมหรือสิ่งที่ลมคิดว่าไม่เข้าท่าแม้ว่าบางทีมันอาจเป็นเพียงแค่เฉพาะลมคนเดียวเท่านั้นที่เห็นเป็นอย่างนั้น 

          ขนาดผมเองเรียนคนละสาขากับลมแต่ลมยังมาคุยเรื่องงานวิจัยที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านมากๆ ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง  แล้วลมก็เหมาว่าผมนี้รู้เรื่องไปกะลมด้วย  ครั้งสองครั้งไม่ว่าไงหรอกครับ   ศรีทนด้ายยยยยยยส์   :pigangry2:

              แต่นี้อะไรคุยทุกวันเลยขนาดผมทำหน้าเซ็งสุดขีดลมก็ยังไม่เห็นยังอุตส่าห์นึกว่าผมไม่เข้าใจแล้วอยากรู้มากกว่านี้เลยไปหยิบวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้องมาให้ผมอ่านอีก  ผมละอยากตายยยยยยย   

              รู้ไหมครับว่าการทำอย่างนี้มันเสียมารยาทอย่างมาก  เพราะว่างานวิจัยขั้นสูงๆ นั้นมันต้อง deep มากๆ เลย  ขนาดเจ้าของเรื่องเองบางทียังงงๆ  แล้วให้คนนอกที่เรียนคนละสาขาอย่างผมมาฟังเลคเชอร์จากนายลมแล้วใครมันจะไปทนไหว   

            โอ้บอกว่าลมทำอย่างนี้กับทุกๆ คนที่ลมคุยด้วยจนเขาพากันระอาลมไปหมดแล้ว  จนผมเองก็งัดวิชามารมาใช้ครับ  ทำเป็นคุยกะโอ้เรื่องเพื่อนที่มีนิสัยอย่างลมว่าไม่มีคนชอบหรอกมีแต่จะพากันเอือมให้ลมได้ยิน  ตอนแรกก็นึกว่าจะบิงโก  เห็นลมหยุดพูดๆๆๆๆ แล้วก็พูดแต่เรื่องงานของตัวเองไปอยู่สองสามวัน  พอมนต์ผมเริ่มเสื่อมลมก็เอาอีก  ผมเลยต้ององค์ลงปล่อยให้มันตกเหวไปเองตามระเบียบ....

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #3 เมื่อ06-11-2006 22:35:39 »

เรื่องจะปายแนวไหนเนี่ย
เดาไม่ออกเลย
มาต่อเร็วๆนะครับ
รู้สึกโดนกับคนชื่อลมนะ
ปกติคนชื่อลมในความคิดเราจะผิวดำแดง กล้ามเนื้อแน่นแบบนักกีฬา
หล่อเข้มอะไรแบบนี้หง่ะ แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครชื่อลมนะ เท่ห์ดี
 :love2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #4 เมื่อ07-11-2006 10:51:54 »

จ้า........................... :myeye:

จะมาเรื่อยๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #5 เมื่อ26-11-2006 13:56:05 »

ตอนนี้นั่งๆ ไปมันเริ่มร้อนแฮะเลยถอดถุงมือออก  โห! ได้เลือดเลยอะ  เล็บผมหักครับ  สงสัยคงเป็นตอนที่เดินไปชนกับคนแล้วกระเป๋าตกตอนนั้นแน่ๆ เลย  ผมเลยต้องนั่งเล็มเล็บที่อุตส่าห์เลี้ยงไว้เสียยาว  เจ็บก็เจ็บ เสียดายก็เสียดาย  ส่วนไอ้โอ้มันไม่มองเลย  มันกลัวเลือดครับ...

19.15 น. หน้าประตูหมายเลข 1 สถานีรถทัวร์กลาง,  เบอร์ลิน
   “ไปกันเหอะแก จวนจะได้เวลาแล้ว” ผมเลยลุกขึ้นเตรียมตัวจะลากกระเป๋าออกเดินตามโอ้ไปขึ้นรถมีคนอ้อกันอยู่ตรงนั้นหลายคนแล้วเหมือนกัน



   ‘พลั๊ก’ อีกแล้วครับผมไปชนใครเขาอีกละเนี้ย  อ้อ! ไอ้หนุ่มเยอรมันที่เห็นเดินไปเดินมาตอนที่ผมกะโอ้นั่งฟูมฟายกันหลายเรื่องตอนอยู่ในอาคาร  ผมสังเกตเห็นเขาเดินไปเดินมาหลายรอบ  คงจะรอรถอย่างเราเหมือนกัน  เดินไม่เดินเปล่าหันมาเหล่ผมสองคนอยู่หลายรอบ  ผมเลยแซวโอ้ไปว่ามีไอ้หนุ่มเยอรมันมามองด้วย....เปรี้ยวจริงเพื่อนเรา  มันก็เขินทุบผมอักๆๆ

   “ Ups! Sorry sir” ผมหันไปบอกเขาเท่านั้นจริงๆ แล้วก็เดินออกมาเลย ไม่ได้หันไปมองเขาเต็มตาหรอกนะ  แค่หันหน้าไปบอกแล้วก็หันกลับทันทีเพราะมัวพะวงเรื่องเม้าท์ต่อกะไอ้โอ้มันอยู่มากกว่า  คนมันกำลังจะจากกันแล้วนิ

    “ Hey!! Guy” ผมได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลังพร้อมกับคว้าไหล่ผมกระชากอย่างแรงให้หันไป

   ‘พลั๊ก!’ คุ้นๆ ไม่ครับเสียงนี้แต่ครางนี้ไม่ใช่ผมไปชนใครเขาอีกหรอกนะ  แต่ว่าผมโดนต่อยครับ!!  ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นน้ำตาร่วง   :pigcry3: ดาวขึ้นเลยครับ

   “ชนคนแล้วขอโทษแค่นี้หรอ  หัดหันมาดูซะบ้างว่าคนอื่นเขาเป็นไง  ดูดิ!  ฝีมือแกทั้งนั้นเลย” ผมเลยแหงนหน้าไปดูเขา  เสื้อเขาเลอะเทอะรอยโดนกาแฟหกราดหมดเลยครับ 

“อ้าว!  แล้วใครเป็นคนทำ  แล้วคุณทำมาชกเพื่อนผมทำไม” โอ้กางปีกปกป้องเพื่อนสุดชีพ  มันถลามาพยุงผมที่ลงไปนั่งพับเพียบน้ำตาไหลอยู่ที่พื้น  แล้วก็ชี้หน้าถามไอ้หนุ่มนั้น

“จะมีใครก็เพื่อนแกนั้นแหละ  แม่ง! ชนกูหลายรอบแล้วนะวันนี้  ที่ Zoo ก็ทีนึงแล้ว  นั้นก็ไม่ขอโทษ  ชนขนของกูตกลงไปในรางรถไฟจนพับยับแล้วยังมาชนจนกาแฟราดอีก  มันน่าซ้ำอีกทีดีไหมนะ  แค่นี้มันยังน้อยไปนะกูว่า”  มันทำท่าจะปราดเข้ามาชกผมอีก  ดีแต่ว่าเพื่อนมันที่มาด้วยกันเข้ามากั่นไว้ก่อน  คนแถวนั้นมองกันเต็มเลยครับ  พวกผู้หญิงบางคนก็อุทาน “มายก๊อด” แล้วเอามือปิดปากตัวเอง  ผมนะ งงก็งง  อายก็อาย  เจ็บก็เจ็บ กลัวก็กลัว สารพัดความรู้สึก  พูดไรไม่ออกได้แต่มองหน้ากันกะไอ้โอ้แล้วก็เกาะมันแจ

“เออๆ ขอโทษอีกครั้งแล้วกัน” โอ้ว่างั้น

“แล้วมันหายกันไหม  เสื้อผ้าเลอะเทอะอย่างนี้  ของก็พัง”  มันยังพาลไม่เลิก

“ก็แกก็ชกเพื่อนฉันแล้วนี่หว่า  จะเอาไงอีก  ถือว่าหายกันไปเถอะ”  เพื่อนของมันก็เห็นด้วย  ขอโทษพวกเราก่อนที่จากลากมันไปทางห้องน้ำ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2006 17:28:58 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #6 เมื่อ26-11-2006 14:03:44 »

“แกไปชนมันตอนไหนวะ” ไอ้โอ้ถามผมงงๆ 

ผมก็ส่ายหน้าอย่างเดียวตอนนั้นจำไม่ได้จริงๆ สมองมันขาวๆ ยังไงไม่รู้คิดไรไม่ออก  เกิดมาเพิ่งโดนต่อยเต็มแรงจริงๆ ก็วันนี้เอง   อย่างมากสุดนะก็แค่หมัดมวยวัดตอนทะเลาะกับเพื่อนสมัยเด็กๆ  อ้อ! แต่ถ้าโดนตบนี้เคยเจอมาหลายฉาดอยู่ครับ  ตอนนั้นอยู่ ป.6 แล้วทำซ่ายกพวกไปทะเลาะตบตีกะรุ่นพี่ผู้หญิงชั้น ม.3 เรื่องของตัวเองหรือก็เปล่าเรื่องของเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องมากกว่า  ตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรเล้ย  แต่แบบว่ารักเพื่อนไงครับ  เพื่อนข้าใครอย่ามาแหยม พากันยกไปทั้งห้อง (โม้ครับความจริงลงสังเวียนแค่หกคน  นอกนั้นเป็นกองหนุนที่ยืนดูเฉยๆ ส่วนพี่เขามากันสี่คน)  ผลเป็นไงหรอครับ? หน้าชาไปเลย 555 รอยข่วนเป็นทาง  กระดุมเสื้อขาด  เจ็บหนังหัวสุดๆ ก็พี่เขาเล่นจิกหัวแล้วตบนิ…

ผมกะโอ้ก็เดินไปขึ้นรถแบบงงๆ เดินลากกระเป๋าพลางลูบคางไปพลาง  ดีนะที่มันชกโดนกรามถ้าโดนจมูกนะ ผมคงสาหัสไปกว่านี้แน่ๆ เลย ไอ้โอ้ตาแดงๆ ไม่รู้ว่ามันสงสารผมหรือว่าเศร้าที่ผมจะไปแล้ว  อยู่ๆ มันก้อว่า

“เป็นไงบางแก  ค่อยยังชั่วขึ้นยัง”

“อืม....  ยังเจ็บอยู่หน่อยๆ วะ  น่ากลัวชะมัด  แม่ง! ยังตกใจไม่หายเลย  ท่าคนเยอรมันจะดุอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ”  คือเคยมีคนบอกว่าสมัยที่มีบอลโลก  ถ้าวันไหนเยอรมันลงแข่งละก็  อย่าได้เที่ยวออกไปเดินเผ่นพล่านเชียวนะ  เดี๋ยวมันพาลพาโลมาตีหัวเอา

“เออ...ฉันก็เหมือนกันว่ะ  อยู่ดีๆ เห็นแกลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว”

“น่านดิ!  :sad4:“  ผมทำหน้าน่าสงสารเออออไปกับมัน

“ไม่รู้แกกับฉันจะได้เจอกันอีกเมื่อไรเนอะ”

“เออ...  จะพยายามอยู่ กทม. ตอนที่แกกลับไป”

“สัญญา”

“ไม่โว้ย!  แต่จะพยายาม  เข้าใจไหมว่ามันต่างกันระหว่างสัญญากับจะพยายาม”  ผมย้ำกับมันอีกรอบ

โอ้ทำให้ผมแปลกใจหลายรอบวันนี้  เมื่อกี้ก็ทำแมนกางปีกปกป้องเพื่อนซ้า  แล้วยังมาใจดีสงสารไอ้ลมตัวแสบอีก  ตอนนี้ก็ยังทำตาแดงๆ ไม่อยากให้เพื่อนไป   แต่ตอนที่ผมอยู่มันก็ชวนผมกัดกันทั้งวัน  พอผมจะไม่อยู่ดันมาทำเศร้า ผมละขำมันแต่หัวเราะไม่ออกเพราะเจ็บคางเลยได้แต่แอบขำในใจเงียบๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #7 เมื่อ26-11-2006 14:10:51 »

“แกว่าฉันกวนทีนไหมวะ” ผมถามมันตอนยืนรอส่งกระเป๋าให้พนักงานยกไปเก็บใต้ท้องรถ  พร้อมๆ กับควานหาเหรียญจำนวน 1.50 ยูฯเพื่อให้พนักงานแต่ไม่รู้ว่าค่าอะไรเห็นเรียกเก็บทุกคน  สงสัยค่ายกกระเป๋า  ทำไมมันเก็บยิบเก็บย่อยจังนะ  บริษัทนี้ก็แปลกนะว่าไหมครับ  เป็นบริษัทเดียวกันแท้ๆ แต่พออยู่ต่างประเทศกัน  การจัดการการบริการก็ไม่เหมือนกันเลย  ผมละงง! เอากะเขาดิ

“เออ... กวน  กวนมากด้วย”

“เฮ้ย! ฉันไม่รู้ตัวเลยนะ  แต่ว่ามีคนบอกมาหลายคนแล้ว”

“เหอะ...  ยังไม่รู้ตัวอีกแกนี่   :untrust: กวนทีนจนฉันทำใจเลิกด่าไปหลายระดับแล้วโว้ย”  ผมไม่รู้ตัวจริงๆ นะว่าผมน่ะเป็นคนกวนอวัยวะเบื้องต่ำ  มีอันนี้อีกอย่างครับผมไม่ได้ยกหางตัวเองนะแต่ว่ามีคนบอกมาจริงๆ เขาว่าผมน่ะ ‘ไม่หล่อหรอก  แต่ว่ามีเสน่ห์’ ผมหละนึกไม่ออกจริงๆ เลยครับว่าไอ้เจ้าเสน่ห์ที่ว่านี้มันแอบอยู่ตรงไหน  หน้าตาเป็นไง  ส่องกระจกจนกระจกแตกเพราะรับไม่ได้ไปหลายบานแล้วแต่ก็ยังไม่ยักกะเจอ  ไม่งั้นผมจะงัดเอาออกมาใช้อยู่เรื่อยๆ เลยเชียวคู้ณ...
 :impress2:

“เฮ้ย! หลีกเดะ” เสียงใครวะคุ้นๆ เหะ  ผมกับโอ้พร้อมใจกันหาไปทางต้นเสียงแล้วก็พบว่า.....

......  :pigscare2: มันมาอีกแล้วครับ ไอ้ฝรั่งโหด!!  ผมกะไอ้โอ้กระเด้งหลบกันอุตลุด  ผวาไปตามๆ กัน  คนอาไร้เสียงโหดได้ใจจริงๆ 

“ ตายแล้วแก  มันไปคันเดียวกับแกด้วย  ไม่รู้ไปลงที่เดียวกันหรือเปล่าดิแก” ไอ้โอ้หวั่นใจแทนผม...  คืองี้ครับ   รถที่ผมไปนี่จะต้องไปเปลี่ยนอีกทอดครับที่ไหนไม่รู้  แต่ว่ามันเป็นชุมทางไงคือรถที่มาปารีส อัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน บรัสเซล จะเจอกันที่นั้น  ทีนี้ใครจะไปคันไหนต่อก็ให้ไปขึ้นรถที่มาจากที่นั้นต่อเพราะว่ารถจะวิ่งกลับเมืองที่วิ่งออกมาในตอนแรกครับ เช่นคนที่จะไปอังกฤษต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถจากปารีสแล้วค่อยไปเปลี่ยนอีกทีตอนรถไปถึงปารีสแล้ว  ส่วนผมจะต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถที่จะไปอัมสเตอร์ดัมไงครับ

“ไอ้เวรนี่!  อวยพรดีมากเลยนะแก  ฉันตายกันพอดีถ้าไปลงที่เดียวกับมัน  สาธุ...ให้มันไปลงที่ชอบๆ เถอะเจ้าประคู้ณ…”

“เออ...นั้นสิ  ไปได้แล้วแกถึงคิวแกแล้ว”

“เฮ้ย! แกอย่าเพิ่งกลับไปไหนนะ  ให้ฉันไปนั่งที่ก่อน   แกอยู่ช่วยส่งภาษากับคนขับก่อนเดะ” ผมตื้อมันให้อยู่ต่อ  ความจริงคือกลัวไอ้โหดนั้นเล่นงานเอาอีกนะครับ  มีเพื่อนอยู่ต่ออีกนิดก็รู้สึกอุ่นใจมากกว่าจะให้มันไปเลย

“หวาย...แก!!!   ไอ้นั้นมันมาต่อหลังเราเลยอะ” ไอ้สะกิดผมหยิกๆ

จริงครับไอ้โหดมันมายืนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้  ผมกำลังขวัญหาย  ประสาทการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวเลยหดหาย “มันจะไปนั่งใกล้แกไหมวะ”

“ห๊า! ไม่นะ  แต่ฉันว่าคงไม่หรอกแกวันนี้คนน้อย  ที่ว่างเยอะ  เดี๋ยวฉันจะเอากระเป่าเป้วางไว้ข้างๆ ไม่เอาไว้บนชั้น  ดีมะ?”

“เออ...  ดีๆๆ  งั้นชั้นไปก่อนนะ  บาย  โชคดีนะแก” แล้วมันก็รีบเผ่นไปทันที  จะทำไมหรอครับ? ก็ไอ้โหดมันยืนตาเขียวอยู่ไงครับ  ผมเลยอดเม้าท์กะเพื่อนต่อ  ตรวจตั๋วแล้วต้องไปหาที่นั่งเลย  ไม่กล้าเดินสวนผ่านมันลงมาเม้าท์กะโอ้ต่อ  แม้เวลาจะเหลืออีกสองสามนาที

“เออ  เหมือนกันโว้ย” ผมตะโกนบอกมัน  ไม่มีเวลามาเศร้าหรอกครับตอนนี้  กลัวมือกลัวทีนไอ้โหดมันมากกว่า  ก็คางผมยังเจ็บไม่หายเลยนิ  :sad4:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #8 เมื่อ26-11-2006 14:17:15 »

19.25 น.  บนรถทัวร์
   โอ้กลับไปแล้วครับ  เอ! ความจริงก็บอกไปแล้วนี่นะ  ผมเลือกนั่งแถวหลังๆ ที่มันว่างสองเบาะติดกัน  ด้านหน้าๆ ใกล้คนขับเต็มหมดแล้ว  มัวแต่เม้าท์กะไอ้โอ้เพลินเลยชวดโอกาสเลือกที่นั่งก่อนเลย...  มาแล้วครับ  ไอ้โหดมันเดินย่างสามขุมมาแล้วครับ  ผมรีบเอากระเป๋ามาวางแมะบนเบาะว่างข้างๆ ทันที  มันมาหยุดมองหน้าผมแป๊บนึงแล้วเดินเลยไปครับ  ผมละหายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ เล้ย  :try2:

21.25 น.  ถึงไหนแล้วไม่รุ  :confuse:
เมื่อกี้ผมงีบสลบไปพักหนึ่งครับ  ตื่นมาบนรถเขาปิดไฟแล้ว  เปิดไว้เพียงสลัวๆ เท่านั้น  ปวดฉี่จังแต่ว่าขี้เกียจเดินไปห้องน้ำ  ห้องน้ำบนรถที่นี่เขาสะอาดดีครับ  แต่ว่าคนมันขี้เกียจไง  ว่าแล้วก้อหาท่านอนสบายๆ แล้วหลับต่อดีกว่า  แต่ว่าไอ้ท่าสบายนี้มันหายากจังเลยแหะ...

21.38 น.  ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง บนโลกมนุษย์ใบนี้

   ผมนอนไม่หลับอะ  เมื่อยหลังจัง  นี่หละหนาเพราะความงกเลยต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอย่างนี้ไง  ไม่รู้ว่าไอ้โหดมันนั่งตรงไหนเนอะ  ผมไม่กล้าหันไปดูแต่ว่ารู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ แหะ... 

นั่งนึกตะแคงนึก  พลิกตัวอีกสามตลบนึก  อยู่ๆ ก็นึกถึงเพื่อนสมัยเด็กๆ ขึ้นมา  ก็จะใครกันละครับก็ไอ้พวกที่ยกพลไปตบเขาจนโดนเขาตบกลับมานั้นไงครับ  เชื่อไหมว่าจนป่านนี้แล้วผมยังจำชื่อจริงนามสกุลจริงของมันแต่ละตัวได้อยู่เลย  แปลกดีครับที่เขาว่าเด็กประถมปลายอย่างพวกผมจะเริ่มแยกกันเล่น  ชายไม่เล่นกะหญิง  เด็กผู้หญิงก็ไม่เล่นปนกะพวกผู้ชาย  แต่ไหงพวกผมมันปนกันมั่วไปหมดไม่รู้  เวลาไปเตะบอลนังพวกนั้นก็กะเตงติดไปด้วย  เวลาเล่นก็มาฉุดกระชากเสื้อจนยืดยานย้วยไปตามๆ กัน  เวลาเล่นกระโดดหนังยางก็พวกผมนี้แหละครับที่ใช้กลยุทธ์ตีลังกาเข้าต่อกรตะลุยฝ่าข้ามด่าน ‘อีเขย่งสูงสุด’ จนพวกผู้หญิงวิ่งไล่ตีโทษฐานโกง   :laugh: นึกแล้วยังจำท่าทางของแต่ละตัวได้เลยว่าไอ้คนนี้มันต้องทำท่าอย่างนี้  นังคนนั้นมันต้องเท้าสะเอวประมาณไหนเวลามายืนด่ากะพวกรุ่นพี่  แล้วคุณละครับยังจำชื่อเพื่อนคุณคนไหนใครได้บ้าง

23.02 น. เมืองลึกลับครับ  เพราะว่าผมหาชื่อไม่เจอ แต่ท่าทางจะยังอยู่ในเยอรมันนี้หละ  สังเกตจากชื่อร้านค้าต่างตอนรถขับผ่านว่ายังมี der, die, das นำหน้า  แสดงว่าเยอรมันชัวร์ๆ
   รถจอดเปิดไฟสว่างโล่เลยครับ  อ้าว! มันประกาศว่าอะไรนะ  อีตาลุงคนขับนี้ชอบพูดเสียงอยู่ในคอไม่ค่อยอ้าปากกว้างเสียจริงๆ เลย  ผมละไม่รู้เรื่อง(ความจริงต่อให้แหกปากกว้างๆ กว่านี้ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี  ก็ผมมันไม่กระดิกภาษาอังกฤษนิ)  จับได้สองสามคำว่า bus stop, change แล้วก็ Amsterdam  ที่นี้วิญญาณโคนันก็เข้าสิง  ปะติดปะต่อเรื่องสุดชีพ  เลยเดาว่าเขาคงให้เปลี่ยนรถเพราะว่าตอนมาจากปารีสก็เปลี่ยนอย่างนี้ที่หนึ่งแล้ว  ที่ผมลืมของไว้บนเราคันเก่าไงครับ...  ผมเลยคว้ากระเป๋เดินลงไปก่อน  แต่ว่าล้วงตั๋วเอามาเตรียมไว้  กะว่าจะไปถามอีตาลุงว่า ‘ไปอัมสเตอร์ดัมเนี้ยให้รอรถที่ไหน’

   “รอตรงนี้แหละ  เดี๋ยวรถก็มา” แกตอบเสียงงึมงำในลำคอ  หิมะโปรยปรายลงมาอีกแล้วครับ   เมื่อกี้อยู่บนรถก็ร้อนจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก  ตอนนี้ก็มาตากหิมะอีก  หมวกก็ไม่ได้เอามาเดี๋ยวหวัดจับกันพอดี   เลยกะว่าจะวิ่งไปยืนใต้ร่มอาคารแทน  ว่าแล้วฉวยกระเป๋าได้ก็ออกวิ่งร้อยเมตรเลย  ก็มันหนาวเจี๊ยกเลยอะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #9 เมื่อ26-11-2006 14:22:35 »

‘พลั๊ก’ อีกแล้วครับ  คราวนี้ผมชนใครอีกอะ   :sad3: อ้ายยยยยยยส์  ไอ้โหดอีกแล้ว  แง! ซวยจัง  โดนต่อยอีกแน่เลย  ผมเลยขอโทษมันหลายคำพร้อมโค้งนิดๆ ให้มันด้วย  แล้วก็ยืนหลับตาปี๋ ใจเต้นอยู่ตรงนั้น  มันจะชกผมอีกไหมเนี้ย  ช่วยผมด้วยคร้าบบบบบ

   “คราวหน้าคราวหลังหัดดูคนบ้างก็ดีนะก่อนวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาแบบนี้  ดีนะที่เป็นคน  ถ้าเป็นรถถึงตายนะโว้ย”  มันบอกแล้วก็เดินผ่านไปเฉย  อ้าว! ผมก็งงดิ  ไหงงี้วะ  พอเราตั้งตัวให้ชกดันไม่ชก  เดินผ่านไปเฉย  งง
 :confuse:
   ผมก็เลยหันดูรถซ้ายขวาตามที่มันว่าแล้ววิ่งกระดืบๆ ไปหลบหิมะใต้หลังคาอาคาร 

              ความจริงถึงมองแล้วผมยังเคยเกือบโดนชนหลาย  ทำไมหรอครับ?  ก็ดูผิดทางไง  รถที่นี่มันวิ่งคนละเลนกับที่เมืองไทย  จากเลนซ้ายก็มาวิ่งเลนขวา  จากเลนขวาก็ไปวิ่งเลนซ้าย  ปกติเวลาจะข้ามถนนเราจะมองทางไหนครับ  ขวาก่อนใช่ไหมแล้วดูซ้าย  แล้วขวาอีกทีแล้ววิ่ง  แต่นี้พอขวาว่าง  ซ้ายยังมาไม่ถึง  แต่ขวาอีกรอบก็ยังวาง  ก็เลยกะว่าจะเดินไปหยุดกลางถนนแล้วค่อยข้ามต่อ  ที่ไหนได้พอย่างเท้าลงไปรถมันก็กดแตรเลยครับผมชักเท้ากลับแทบไม่ทัน  ก็รถมันมาใกล้ถึงแล้วแต่เรานึกว่ามันเป็นอีกเลนไงเลยเกือบไปหลายรอบ  จนต้องรอจนแน่ใจว่าไม่มีจริงๆ ทั้งสองเลนผมถึงข้าม  แต่กระนั้นก็ยังใจตุ้มๆ ต่อมๆ ทุกทีที่วิ่งแถ่ดๆ ข้ามถนนไป...

   ผมมายืนข้างๆ คุณป้าแก่ๆ คนนึง
   “คุณไปอัมสเตอร์ดัมเปล่าครับ” ผมเริ่มหาพวกเพื่อความมั่นในใจว่ามีเพื่อนไปทางเดียวกันจะได้ไม่ตกรถ  แต่ว่ารถที่มาตอนแรกก็ยังจอดอยู่   ถ้ามันออกแล้วคันใหม่ยังไม่มาผมใจสลายแน่

   “เปล่าจ๊ะ  ป้าลงที่นี่เลย” อ้าว! จุ๋มจิ๋ม  ไหงงั้น?... มีรถมารับคุณป้าหน้าเหี่ยวไปแล้ว  ผมยืนโด่อยู่ตรงนั้นคนเดียวครับ  คนอื่นๆ ยืนตากหิมะรอรถอยู่ที่เดิมตรงที่ลงเมื่อกี้  ใครจะไปทนไหว  เกิดมาเพิ่งเคยเจอหิมะครั้งแรก  มันก็ต้อง protect ตัวเองกันมากหน่อย  เดี๋ยวไม่สบายอย่างไอ้ลมขึ้นมาไม่มีคนให้อ้อนแล้วจะลำบากนะ  อย่าว่าผมเลย...

           “ชั้นไป  ทำไม?” ผมสะดุ้งเลยครับ อยู่ๆ ก็ยินเสียงไอ้โหดในระยะปะชิด  มันมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร  ไม่ยืนเปล่าสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ  :serius3: ว่าแล้วเชียว...ทำไมมันเหม็นกลิ่นบุหรี่ 

             คุณป้าหน้าเหี่ยวที่ชิ่งหนีไปก่อนก็ไม่สูบ  ส่วนผมก็ไม่สูบแม้ว่าจะแอบพกมาก็ตาม (อย่าว่าผมนะ  บางทีมันหนาวมากๆ ก็เอามาสูบพ่นควันก็ช่วยได้บ้างเหมือนกัน  แต่ว่าซื้อมาตั้งนานแล้วยังไม่หมดเสียที  จืดเสียแล้วมั่ง  ใครจะรู้?) แล้วหมาที่ไหนมันสูบ?  ที่แท้ก็ไอ้โหดนี้เอง  ที่เยอรมันนี่คุณสามารถจะสูบบุหรี่ได้ทุกที่เลยครับยกเว้นบนรถโดยสารและสถานที่บางแห่งเท่านั้น

             “เปล่า ถามดู” ผมตอบเท่านั้นจริงๆ แล้วยืนตัวลีบใจลีบอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อน   ในใจนึกว่าทำไมคำอวยพรไอ้โอ้มันศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้วะคราวหน้าต้องให้มันใบ้หวยเสียมั่ง  เพื่อประโยชน์สุขของผองเพื่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [บันทึกรัก Leiden]
« ตอบ #9 เมื่อ: 26-11-2006 14:22:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






No_ProMises

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #10 เมื่อ26-11-2006 15:35:51 »

มาต่อเร๊วๆๆนะค๊าบบ

tamjai_sengped

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #11 เมื่อ26-11-2006 17:01:52 »

อิอิ....น่าหนุก ๆ  :laugh:

มาต่อเร็ว ๆ นะ  :yeb:

No_ProMises

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #12 เมื่อ26-11-2006 19:56:48 »

ยังไม่มาต่ออีก

 :kikkik:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #13 เมื่อ28-11-2006 14:00:29 »

 :yeb: มาแปะโป้งไว้ก่อง อิอิ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #14 เมื่อ28-11-2006 15:32:52 »

สักพักรถจากอัมสเตอร์ดัมก็เข้าเทียบท่า  ผมก็ตั้งท่าจะวิ่งร้อยเมตรอีก  ก็คนมันกลัวนิครับ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ มัน  ยิ่งตอนมาใหม่ๆ โดนไอ้โอ้มันกรอกหูเสียเยอะเรื่องความดุร้ายของคนเยอรมัน (เน้นเลยนะว่าความดุร้ายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย) เลยกลัวเข้าไปใหญ่เมื่อเจอเข้ากับตัวเองแบบนี้  พอวิ่งออกไปยังไม่ทันพ้นชายคา   :o  เคยไหมครับ? ประสบการณ์หิมะสาด  มันสาดเข้าตาเลยครับ  อยู่ดีๆ ลมมันก็หวนขึ้นมาพัดหิมะเข้าหน้า  พอลมสงบผมตั้งท่าจะวิ่งอีกเพราะว่ามีคนไปอออยู่ที่รถมากแล้วเดี๋ยวไม่มีที่นั่ง  แต่นึกถึงคำไอ้โหดขึ้นมาได้  เลยชะงักหันไปดูมัน  ก็เห็นมันจ้องมาอยู่  ผมเก๊าะเลยหันซ้ายหันขวาเอาใจมันนิดดดดดส์นึงแล้ววิ่ง จู้ดๆๆ ข้ามไปเลย... 

               พอไปถึงก็เห็นคนยืนมุงอะไรกันก้ไม่รู้  เลยต้องสาระแนแถหัวเข้าไปดูมั่ง (จำไว้นะครับเราคนไทยต้องไม่ลืมกำพืดตัวเอง = ไทยมุง)
             
               :sad5: แว้กกกกกกกกกกกกก      อะไรนะ!?    เชื่อไหมครับว่าผมต้องยกกระเป๋าย้ายคันเอง  แล้วมันจะเก็บตังค์ผมไปทำไมตอนแรก  ยกก็ไม่ยกให้แล้วยังเรียกเก็บเงินอีก  วัยรุ่นตอนปลายเซ็งเลยครับ...

             เอ้อ!  เหนื่อย  ขนกระเป๋าแสนหนัก(เกินยี่สิบโลครับ  เดินทางกะรถทัวร์ก็ดีงี้แหละ  จะเอาอะไรเอาไปก็ได้ตามใจชอบ  แต่หนักหน่อยตรงที่ต้องขนย้ายเองนี่แหละคัรบ)   พอขึ้นไปบนรถได้   :impress2: ว้าวๆๆๆๆ   สุดบอดเลยครับ  ไฟบนรถนะแบบว่า  สุดๆ    เดี๋ยวค่อยมาเขียนใหม่ขอไปชื่นชมความงามของแสงไฟก่อนะ ว้าวๆๆๆๆๆ (รอบสอง)

            ผมมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับระบบแสงไฟบนรถครับ  สวยมากเหมือนยานอวกาศเลย  สงสัยคันนี้เพิ่งถ่อยมาใหม่แน่เลยคันก่อนๆ ไม่เห็นมี  พอหันมาอีกทีไอ้โหดมันมานั่งแถวเดียวแต่ฝังตรงข้ามกับผมตั้งแต่ตอนไหนแล้ววะ  ประมาณว่าผมนั่ง 6a-b มันนั่ง 6c-d อะไรทำนองนี้  ไอ้นี้ขัดลาภตาผมจริงๆ   :serius2:  กะว่าจะมีหล่อๆ มานั่งให้ชื่นชมซะอีก  ที่ไหนได้มันเอง  วัยรุ่นตอนปลายเซ็งรอบสอง...

                                                                                                                                                      9 Mar. 2006
1.27 น. ปั้ม shell ที่ไหนก็ไม่รู้ครับ

   รถมาจอดเติมน้ำมัน  ที่นี้เขาให้เราเติมเองครับ  น่าสนุกดีอยากลองเติมมั่งจัง 

   ‘ครึด.....’ ท้องผมเองละครับที่ส่งเสียงประหลาดๆ นี่  งั้นผมลงไปซื้อไรรองท้องก่อนนะเดี๋ยวมา  แป๊บนะครับ

   มาแล้ว! ได้โยเกิร์ตเหลวมาขวดหนึ่งกลิ่นเหมือนยาแก้ไข้เด็กเลย  ส่วนอีกมือผมกำขนมปังไส้ไส้กรอกไว้สองอันครับ  ขอบอกว่าที่นี่อดอยากขนมมากเลยครับส่วนใหญ่เน้นไปที่ลูกอมกับช็อคโกแลตเสียมากกว่า  ขนมหนักๆ ท้องหาอย่าง  นมก็ไม่ค่อยมีมีแต่เบียร์  อ้อ! แล้วก็กระทิงแดงครับ  ไม่น่าเชื่อ!!  นายแน่มาก...  มาขายได้ไงเนี้ย

             เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นมา  (เอ๋! ความจริงผมกะว่าจะวิ่งขึ้นมานะ)  แต่พบหันไปเห็นไอ้โหดมันยืนพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ จ้องมาผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นเดินเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาแทนอีกแล้ว  แต่ว่าดีครับให้มันสูบมากๆ จะได้ตายไปเสียไวๆ ไม่ต้องอยู่ให้หนักโลกนาน  :haun5: อิอิ!  คนอาไร้โหดอย่างแรง

   แต่ผมขอโอกาสบอกไรอย่างดิครับ  ไอ้โอ้มันพูดถูกครับที่ว่าอาหารเยอรมันต้องเค็มนำหน้า  แล้วเค็มทุกอย่าง  เมื่อก่อนผมเถียงมันตลอด  มาตอนนี้เริ่มประจักษ์แล้วครับ  ขนมปังที่ผมซื้อมาสองอันแต่ทนกินไปได้แค่อันเดียวจริง   ขนาดกรอกโยเกิร์ตรสยาแก้ไข้หวัดเด็กก็ตามแล้วนะ...ยังเค็มติดลิ้นเลยครับ  วันก่อนซื้อขาหมูมาผัดก็เค็ม  ซื้อแกงกระป๋องมาก็เค็ม  ไส้กรอกที่หน้าตาคล้ายแหนมก็เค็ม  เลยต้องยกให้ไอ้โอ้มันชนะผมไปเรื่องนึง  นอกนั้นผมเถียงจนมันระอาไปเองนั้นแหละถึงเลิกพูด  :laugh:

3.08 น. กลางราวป่า ณ บนพื้นโลก
   ผมสะดุ้งตื่นครับ  อ้าว! เปิดไฟทำไมอะ  แล้วจอดทำไม  :confuse: ให้ลงไปฉี่หรอ  บนรถก็มีห้องน้ำนิ

   “Show me your passport, please” คุณพี่ตำรวจหน้ายับสะกิดบอกผมอีกรอบ 

             อ้าว! เกิดอะไรขึ้นหรอ  ถึงจุดผ่านแดนแล้วหรอ  ทำไมไม่เห็นมีด่านมีอาคาร  เห็นมีแต่ป่า  ผมนะใจหายแว้บ  หันเป็นดูไอ้โหดก็เห็นมันค้นกระเป๋าอยู่เหมือนกันเลยค้นมั่ง... 

           ไม่มีไรครับ  คุณพี่แกเรียกตรวจเพื่อความปลอดภัยเท่านั้นครับ  แต่เห็นมีอยู่คนนึง.....พี่แกโดนสะกิดให้ลงตามไปครับ  สงสัยมีไรผิดแหง่ๆ เลย...  ผมหันไปดูไอ้โหดอีก   ที่หันไปบ่อยเพราะว่ามันเป็นมนุษย์ตัวเดียว(อะไรนะ  ผิดหรอที่เรียกว่าตัว  ไม่ๆๆๆ  ถูกแล้ว....ก็ผมอยากเรียกมันว่า "ตัว" นิ  ใครจะทำไม?) ไอ้โหดมันเป็นมนุษย์ตัวเดียวที่ผมสามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องลุกขึ้นมองไง  ผมเห็นมันหลับคอพับคนอ่อนไปแล้วครับ  ไอ้เวร  ดันหันทีนมาทางนี้อีก  หน้าตาแกหาความศิวิไลเล้ยยยยยยยย(อย่างน้อยก็ในสายตาฉันแหละวะ)   มันจะเกลียดอะไรผมนักหนาแค่ชนสอง เอ!หรือสาม เอะ! หรือว่าสี่นะ  จำไม่ได้  เอาเหอะนา! แค่ชนแค่นี้ไม่เห็นจะบุบสลายตรงไหนเลย  ตัวยังกะควายถึก  หนาก็หนา  ใหญ่ก็หนากว่าผมอีก  ผมไปชนแค่เนี้ยทำไมต้องมองยังกะจะกินเลือดกินเนื้อขนาดน้านวะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #15 เมื่อ28-11-2006 15:34:09 »


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ     :monkeysad:    ปลื้มจนน้ำตาจะไหล  เวอร์ไปปะครับเนี้ย

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #16 เมื่อ28-11-2006 15:45:55 »

5.18 น. สถานีรถทัวร์กลาง, อัมสเตอร์ดัม

   ถึงแล้วครับ  แต่ว่าไม่ดีเลยอะ  ฝนตก! ถึงจะปรอยก็เถอะ  สู้หิมะตกปรอยๆ ไม่ได้อย่างนั้นนะไม่เปียกแต่นี้แฉะมาเชียว  ว่าแล้วก็รีบลุกลงไปเอากระเป๋าดีกว่าเดี๋ยวชนไอ้โหดของมันหล่นตกน้ำอีก  ไม่ไหว!  เดี๋ยวหามีชีวิตไม่  ว่าแต่ว่า  ตอนนี้ผมอยู่ส่วนไหนของอัมสเตอร์ดัมหว่า...   :confuse:

            :3061: ผมเดินลากกระเป๋าแถ่ดๆ มาตามท้องถนน  ฟ้ายังมืดอยู่เลย  น่ากลัวชะมัด  แต่ว่าไม่เป็นไรมีคนที่ลงพร้อมกันเดินมาเป็นเพื่อนหลายคน  ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมฝรั่งที่ข้าวสารมันถึงได้เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนดีแท้  สงสัยคงเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ละมั่ง  รวมกลุ่มเพื่อความปลอดภัย  อุ่นใจ  ไม่เหงา  เอ! รวมเพื่อการผสมพันธุ์ไปด้วยดีไหมนะ?  :haun6:

   ‘แล้วมันจะเดินไปไหนกันวะ’  ทายดิว่าผมถามใคร  แน่นอนครับไม่ใช่ไอ้โหดแน่  เฉลยดีกว่าผมถามตัวเองครับ 

             ผมก็เดินตามก้นย้อยๆ ของยัยแหม่ร่างอวบ  ไปเรื่อยๆ  ไม่รู้มันจะพากันเดินไปไหน  แต่ว่าท่าทางจะเป็นนักท่องเที่ยว  มันก็คงจะพากันเดินไปหาที่ต่อรถเหมือนผมนั้นแหลนะ  หรือว่าไงน้อ? 

             พอแหงนหน้าขึ้นคำตอบมาเลย  สถานีรถไฟ Amsterdam-Amtel (ชื่อเหมือนยี่ห้อเบียร์เลยเนอะ ว่าไหม?)   เดินเข้าไปก็จะเป็นห้องโถง หย่ายยยยยยส์ มาก  ว่าจะเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อต่อรถไปอีกเมือง  แต่ว่ามันยังเช้าคงไม่มีพนักงานมาทำงานหรอก  แล้วจะทำไงดีอะ   หันซ้ายหันขวา  อ๊ะ! นั้นไง     



             มีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติสีเหลืองๆ วางอยู่หลายเครื่อง  ผมก็ไปด้อมๆ มองๆ ที่เครื่อง  ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปนั่งตามซอกตามลืบต่างๆ 

           ดูไปดูมาไอ้เจ้าเครื่องนี้มันก็คล้ายๆ กันนะกับที่เยอรมันแต่ว่าคนละภาษากันที่นี้ใช้ภาษา ‘ดัชท์’ ที่นู้นใช้ภาษา ‘ดอยส์ช’ แต่บางทีก็เหมือนมีภาษาฝรั่งเศสมาผสม  มั่วจัง!!   :really2: แต่ว่าดีอย่างที่เขามีปุ่มกดให้เลือกภาษาด้วย   ผมกดแมะตรงรูปธงชาติอังกฤษนั้นแหละ  ภาษาอื่นหรอ? ไม่มีปัญญาหรอกครับ 

          พอกดไปกดมาจนตอนสุดท้ายต้องเลือกวิธีการจ่ายเงินดันไม่ให้หยอดเหรียญหรือสอดแบงค์อีก  บัตรก็รับแต่ของมาสเตอร์การ์ดของวีซ่าไม่รับ  เลยปลิ้นไปเครื่องอื่น 

          อา! เครื่องนี้ให้ใช้เหรียญได้ครับ   :pigscare2: อ้าว! แต่ไหงมีแต่ภาษาดัชท์ไม่มีปดให้เลือกภาษาอะ  กรรมของเวรรอบสอง  หันรีหันขวางจะถามก็ไม่มีคนสักกะคนเลย  ทำไงดีหว่า?!... 

          อ้าส์!  พุทธิปัญญาบังเกิดครับ    ผมก็เดินไปที่เครื่องแรกอีกครั้งคราวนี้ก็กดเหมือนเดิมแต่ว่าจำไว้ว่าแต่ละขั้นตอนเราเลือกช่องไหนไปบ้าง  ที่นี้ก็กด cancel ทิ้งไปแล้วกดเข้าไปใหม่แต่ว่าคราวนี้เลือกภาษาดัชท์ลองดูว่าราคาตั๋วที่ได้ในตอนท้ายจะตรงกันไหม?  ปรากฏว่าตรงครับ ฮิฮิ บอกแล้วว่าคนมันเก่ง  คราวนี้ก็เลยกดเป็นภาษาอังกฤษใหม่  กดแบบช้าๆ แบบว่าเอาให้จำได้ชัวร์ๆ เลยว่าขั้นตอนไหนเลือกปุ่มไหนช่องไหน  เสร็จแล้วก็กด cancel ทิ้งอีกแล้วกดใหม่เลือกภาษาดัชท์ไป  แล้วจดใส่กระดาษว่า  ไอ้คำดัชท์คำนั้นมันแปลว่าไงก็เลยได้มาแบบนี้ไง

Enkele reis = single, 2e klas = 2nd class, Vol tariet = full fare, Von daag = Valid today, 1 kaartie = 1ticket

         เห็นมะไม่ยากเลย  แล้วก็ไปกดตู้ที่มันหยอดเหรียญได้  ก็เลยรอดตัวมา...  ค่าตั๋ว 7.20 ยูฯครับ  ขึ้นรถไฟจากสถานีไปลงที่ Amsterddam central railway station แล้วเปลี่ยนขบวนต่อไป Leiden อีกทอดนึงครับ  แต่ตอนที่กดเครื่องหยอดเหรียญก็มีน้องหนูแหม่มกะปิคนนึงมากดตู้ที่หยอดเหรียญไม่ได้  แล้วก็งงๆ เห็นมะฝรั่งก็โง่เป็น อิอิ

           “เธอกดได้ยังไง  สอนฉันหน่อยสิ”

           “เหรอ อืมเอาสิ” น้าน  คนไทยใจงามสุดชีวิต   ผมก็เลยไปสอนเค้าแต่ตอนแรกบอกแล้วนะว่าหยอดเหรียญไม่ได้  เขาก็อืมๆๆๆ  ‘ไอ โนว์ๆ’ พอสุดท้ายควักเหรียญจะมาหยอดหน้าตาเฉย  ผมเลยต้องชี้ให้ดูว่าเขากากบาทรูปเหรียญกะเงินใบเอาไว้

          “เฮ้! ไอ้เตี้ยมนี่หน่อยสิ  กดไง” เวรของกรรม  เสียงมันดังมาอีกแล้วครับ เสียงไอ้โหดเองครับผมจำได้  เอะ! ผมไม่เห็นมันเลยนี้  สงสัยหูฝาด  อย่าไปสนใจเลย

           ‘ผัวะ’ ไม่ใช่เสียงต่อยครับ  แต่เป็นเสียงที่ไอ้โหดมันตบหัวผมคร้าบ แง! มันยังตามมาหลอกมาหลอนอีกแล้วครับ 

            “เรียกแล้วไม่หัน  บอกว่ามากดให้หน่อย เดี๋ยวปั้ด” มันยกมือทำท่าจะเบิ้ดกะโหลกขู่ผมฟ่อๆ เลยครับ  ผมเลยต้องตามไปกดให้มัน  ก็ใครจะไปเห็นมันละ  แล้วเจือก (ผมให้เกียรติมันมากจนต้องใช้คำๆ นี้เลยนะ) มายืนตู้เยื้องกันแล้วใครจะไปเห็นฟะ

   “แกจะไปไหนอะ”

   “ไป Leiden central  อ้าว! กดดิ  ยืนอ้าปากค้างอยู่นั้นแหละ เดี๋ยวปั้ด” มันยกมือทำท่าจะเบิ้ดกะโหลกอีกรอบ  โหดจริงๆ  ผมต้องก้มหลบกันพัลวัน  แล้วจะไม่ให้ค้างไงไหวครับก็มันดันเจือก(ขอใช้อีกรอบ เกลียดมันๆ) ไปที่เดียวกันกับผม  นึกว่าจะหมดเวรหมดกรรมกะมันแล้วนะเนี่ย... 

            ผมก็กดๆๆ แล้วก็กด  ความจริงกะว่าจะกดผิดๆ ซะเลย  แต่พอมานึกว่าต้องไปที่เดียวกะมันแล้วถ้ามันไปรู้ว่าผมแกล้งกดผิดแล้วไปเจอกันที่ ‘ไลเด้น’ ผมไม่แย่หรอครับ  เห็นอาจารย์บอกว่าเป็นเมืองบ้านนอกเล็กๆ มีร้านค้าแค่ร้านเดียวเอง  ผมก็เลยต้อง (ขอบอกว่าจำใจอย่างแรงเลยนิ) สวมวิญญาณคนไทยใจดีกดให้มันไปครับ

   “แล้วแกจะไปไหนวะ ไอ้เตี้ย” ดูมันดิครับคำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย  แกไงไอ้โหดมหาโหด

   “ไปไลเด้น”

   “หรอ เออ...ดีๆ พาฉันไปด้วยแล้วกัน” อ้าว! จุ๋มจิ๋ม  มรึงก็โตจนควายลากไม่ไหวแล้วกรุณาไปเองเดะวะ  ผมเลยบอกมันไปว่า

   “เออ...” คำเดียว  ไม่มีอย่างอื่นตาม  กลัวครับกลัว  :sad2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2006 12:08:40 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #17 เมื่อ28-11-2006 15:51:54 »

06.10 น. บนชั้นสองของสถานีรถไฟไปไลเด้น



   ผมวิ่งเสียเกือบแย่นึกว่าจะไม่ทันเสียแล้ว  ไหนจะกระเป๋าไหนจะเป้ เอ! แต่อย่างหลังนี้ไอ้โหดมันแย่งไปถือให้ตอนวิ่งขึ้นกะไดมา  ที่บอกว่าแย่งเพราะผมนึกว่ามีคนมาฉกกระเป๋าเลยคว้าเอาไว้แน่

   “เอามานี่ไอ้เตี้ย  เร็ว! เดี๋ยวไม่ทันรถ” ผมก็เลยงง แต่ว่าก็ปล่อยให้มันถือไปให้  ส่วนตัวเองก็หิ้วกระเป๋าใบหนักวิ่งปุเหลงๆ ตามหลังมันมาครับ

   รถไฟที่นี้สีเหลืองครับ  แต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย อังกฤษขาว ฝรั่งเศสเขียว เยอรมันแดง เนเธอร์แลนด์เหลือง   เอ! แล้วพี่ไทยสีไรครับ  สารพัดสีเนอะแล้วแต่ว่ารุ่นไหน ปีไหน....

             เมื่อกี้ตอนดูตารางรถว่าต้องไปขึ้นที่ชานชลาไหน  ไอ้โหดมันทำตัวมีประโยชน์ครับ  มันเห็นก่อนผมว่าต้องไปขึ้นที่ไหน  ตกลงว่าต้องไปที่ชานชลา 5b ครับ  ผมกำลังจำจดว่ามันผ่านสถานีอะไรบ้างจะได้เตรียมตัวลงถูก  จะได้ไม่นั่งรถเลยสถานี   มันก็ไม่ให้จดเร่งให้รีบไปอย่างเดียว  พอมาถึงเจอแต่ 5a หา 5b ไม่เจอ  มันก็แถไปถามผู้หญิงคนนึงที่ยืนรอรถอยู่

   “สวัสดีครับ...  ผมต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคือถ้าผมจะไปไลเด้น  ผมสามารถขึ้นรถไฟคันนี้ได้หรือเปล่าครับคุณ” โห! อย่างสุภาพเลยอะ  ไม่น่าเชื่อ  :sad5:

   “อ้อ ! ไม่ได้ค่ะ  รู้สึกว่าจะต้องไปชานชลา 13 เที่ยว 06.14 น.นะคะ”

   “หรอครับ  ขอบคุณมากเลยนะครับ...  ไปเร็วไอ้เตี้ย! เดี๋ยวตกรถ” ดูประโยคหลังมันดิครับสุภาพมากๆ แต่ผมไม่มีเวลาคิดหรอกครับวิ่งหอบกระเป๋าลงมาอย่างเดียว  เหนื่อยมากขอบอก  แต่ว่าผมสงสัยจังแล้วทำไมที่ป้ายเค้าบอกว่าให้ไปที่ชานฯ 5b นะ  ว่าแล้วก็อย่าเก็บไว้เลยเนอะ

   “โทษครับ  ผมจะไปไลเด้นขึ้นรถได้ที่ไหนครับ  :impress:” ผมพยายามทำหน้าตาให้น่าสงสารแล้วเข้าไปถามตาลุงสวมชุดสีดำๆ ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานี

   “อ้อ! ชานฯ 5b เลยหนู  รถจะออกตอน 06.10 น.” นั้นไงตรงตามที่ผมดูมาเป๊ะ 

   “เฮ! ยูๆ ลุงคนนี้บอกว่าชานฯ 5b ต่างหาก” ได้ผลครับมันเบรกหัวทิ่มเลย  เจือกขายาววิ่งลงกะไดเร็วดีนัก

   “แล้วมันอยู่ไหนละ”

   “จะไปรู้เรอะ  ขึ้นไปที่ชานฯ 5 ก่อนเถอะมันต้องอยู่ใกล้ๆ กัน”

   “แน่ใจนะ?” ไอ้เวร  ใครจะไปรู้วะ  นี่ก็เพิ่งมาครั้งแรกโว้ย  :serius2:

   ขึ้นมาถึงแล้วก็ วิ่งๆๆๆๆ  วิ่งไป ไปๆๆ  นั้นไงครับเจอแล้ว....  มันชานชลาเดียวกันครับแต่ห้าเอจะถึงก่อนห้าบีอะ   ว่าแล้วก็ยื่นตั๋วให้พนักงานดูแล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นมานั่งหอบอยู่นี้ไงครับ แฮ่กๆๆ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2006 16:57:36 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #18 เมื่อ28-11-2006 16:00:01 »

6.40 น. บนรถไฟ



   “จะถึงยังนะ” อยู่มันก็พูดลอยๆ ขึ้นมา ผมก็ไม่ตอบเดะ  ไม่รู้มันถามหมาที่ไหน

   “เฮ! ไอ้เตี้ย  ถามทำไมไม่ตอบ เดี๋ยวปั้ด” มันขู่ผมอีกแล้ว

   “ใครจะไปรู้ว่าถามใคร  ฉันไม่รู้เหมือนกันวะ  เมื่อกี้จะจดก็ห้ามไม่ให้จด”

   “น่าจะใกล้ถึงแล้วนะ  ไปถามเขาดิ”

             ผมเอานิ้วจิ้มอกตัวเอง  แล้วทำหน้าเอ๋อเหรอใส่มัน

              “เออ... แกนั้นแหละ” ดูดิมันใช้ผมอะครับ  ไอ้....ด่าไม่ออกเลย  อึ้งกิมกี่...
                               ................................................................................
 
             “Excuse me sir, what is the next station?”

            “Yah, Leiden”

            “Do you mean Leiden central?”

            “Yah”

           “Dunk kle” ผมตอบขอบคุณเป็นภาษาเยอรมันครับ  เขาก็ไม่เห็นงง  ท่าทางเข้าใจดี  กะแล้วเชียวคนที่นี้ต้องพูดเยอรมันได้  เห็นได้ยิน ‘Yah-Nein’ จากปากคนตรวจตั๋วเมื่อกี้
                   ................................................................................

             “ไง? เขาว่าไง”

             “เออ... ใช่ สถานีหน้า” แล้วผมก็ไม่พูดกะมันอีกเลย   เซ็งโคตร  :impress3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2006 16:58:52 โดย oaw_eang »

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #19 เมื่อ03-12-2006 15:48:54 »

................................................................................
“ไง? เขาว่าไง”

“เออ... ใช่ สถานีหน้า” แล้วผมก็ไม่พูดกะมันอีกเลย   เซ็งโคตร

6.48 น. Leiden central station



   ‘ผัวะ!!’ มันเบิ้ดกะโหลกผมอีกแล้วครับ

“ไป! ลงได้แล้วไอ้เตี้ย  หลับอยู่ได้” ความจริงผมไม่ได้หลับหรอกครับแค่นั่งหลับตาเฉยๆ  มันแสบๆ ตานะ   สงสัยน้ำในตามันแห้งเพราะนอนน้อยแน่เลย  มันนั้นแหละรู้มาก...มาว่าคนอื่นหลับ

“ไม่น่ารีบมาเลย  ยังเช้าตรู่อยู่เลย” มันบ่นๆ แล้วหมาที่ไหนมันเร่งผมจังเลยวะเมื่อตะกี้

“เออ...  ไปแล้วนะ” ผมบอกมันหลังจากลงมาถึงชั้นล่างของสถานีแล้ว

“เฮ้ย! แกจะไปไหนวะไอ้เตี้ย  ยังมืดอยู่เลย  อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ นะๆ  รีบไปจริง  เดี๋ยวปั้ด!!” ผมละงงครับ  นั้นมันอ้อนผมหรือมันขู่กันแน่ครับ  แต่ก็จริงนะ!!  รอให้ฟ้าสว่างกว่านี้ก่อนดีกว่า  อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาทำงานเลยไปก่อนจะเสียมารยาท  พวกฝรั่งมันยิ่งถือๆ กันอยู่ด้วยเรื่องตรงเวลานี้  ไปก่อนก็ไม่ได้  มาสายก็ไม่ดี

“เออ...  หิวแล้ว  ไปหาไรกินก่อน เดี๋ยวมา” ท้องผมส่งสัญญาณอีกแล้วครับ

“เฮ้ย! ไปด้วย  หิวเป็นเหมือนกันนะ”  แหม! ไอ้....  แล้วใครห้ามแกไว้วะ  :monkeyangry3:
................................................................................
“ครัวซองสอง กาแฟหนึ่งครับ” ผมไปยื่นทำหน้าแป้นแล่น(เพราะเมาขี้ตาอะเปล่าฟะ) อยู่หน้าเคาน์เตอร์

“อ้าว! ทำไมกาแฟแค่หนึ่งละ?”  มันถาม

“เอ้า! ก็กินคนเดียว  จะสั่งสองทำไม”  ว่ามะคับ

“อ้าว! แล้วทำไมทีครัวซองยังสั่งสองอันเลยอะ”

“ก็คนมันหิวโว้ย” ผมเริ่มมีน้ำโห

“แต่มากันสองคนนะ” มันแย้ง  ผมกำลังจะอ้าปากด่ามัน...

“ตกลงจะเอาไงค่ะ” ยัยนิโกรร่างยักษ์เท้าสะเอวถามผม  สงสัยแกจะเริ่มมีน้ำโหอีกคนแล้ว

“ครัวซองสอง กาแฟหนึ่งครับ”  ผมยืนยันความตั้งใจเดิม

“เหมือนกันครับ” มันเลียนแบบผม

“คนละ 4.80 ยูฯคะ”  ผมกะมันหันมามองกันเองเลยอะ  ของแค่นี้แพงโคตร… :sad4:
................................................................................

“เพราะแกคนเดียวไอ้เตี้ย  ฉันเลยต้องกินของแพง” 

คราวนี้ผมเท้าสะเอวมั่ง  “แล้วใครสั่งให้แกเดินตามตูดฉันมาวะ หา?!”  หิวก็หิว  ง่วงก็ง่วง  ไม่กลัวพระมารดาไหนมันแล้วครับ  :pigangry2:

“เออๆ  รีบๆ กินสิ  หิวไม่ใช่เหรอ”  อ้าว!!  แปลกครับ  มันไม่ยักกะสวนกลับ ???

08.05 น.  ที่เดิม  อ้อ! ย้ายตำแหน่งยืนนิดนึง  เมื่อกี้ผมไปรับแขกมาครับ  ค่าเข้าตั้งห้าสิบเซ็นต์แนะ

ไม่รู้ว่ามันไปเอาหนังสือพิมพ์มาจากไหน?  ซื้อมามั่ง  เห็นยืนอ่านทำหน้าตาเข้าใจ  พอผมมาถึงแล้วก็ยืนให้  แต่ผมอ่านไม่ออกหรอภาษาดัชท์ทั้งนั้นเปิดไปหน้าดาราดีกว่า  เอ! ทำไมยัยคนที่แสดงสาวผมบอล์นได้ออสการ์หละ  ทำไม BBMT ของผมไม่ได้  โธ่! แจ๊คกับเอนนิสที่น่าสงสาร :monkeysad:

“อ่านอีกมั้ย” ผมถามมันเมื่ออ่านข่าวบันเทิงจบ  ความจริงน่าจะเรียกว่าดูภาพมากกว่า  คำตอบที่ได้คือ

" :no2:

ผมเก๊าะ.....

“เฮ้ย! นั่งเลยหรอ”  มันทำหน้าเหรอหรา

ก็เออเดะ  ตรูเมื่อยขายื่นมาตั้งนานแล้ว  ผมก็เอาหนังสือพิมพ์มันนั้นแหละรองก้น  สม!   :D

ชิส์  แล้วรู้ไหมครับมันทำไงต่อ?  เบิ้ดผมหรอ?  เปล่า....ผิดครับ  มันก็นั่งลงแบบไม่มีอะไรปูรองด้วย  เถื่อนกว่าผมอีก  มีคนเดินผ่านไปมาเพราะเริ่มเช้าแล้วเค้าก็หันมามองเรา  ตอนนี้ผมไม่สนแล้วแหละเมื่อยขาอย่างแรง  สถานีรถไฟที่นี้สวยสุดเมื่อเทียบกับทุกๆ ที่ที่ผมไปมา  แต่ว่าเสียอย่างเดียวไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง  แง... :3064:

“ไปยัง ไอ้เตี้ย” จู่ๆ มันก็ถามขึ้นมา  ความจริงผมว่านะ...ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามมันมากกว่านะไอ้คำถามนี้  ก็มันนั้นแหละที่เป็นคนชวนให้ผมอยู่

“เออ...  ไปดิ  ไปกันเถอะ”  ผมเหลือบมองนาฬิกาเรือนโตของสถานีก่อนตอบ  เห็นว่าป่านนี้แล้ว  ถ้าบวกกับเวลาเดินเข้าไปอีก  กว่าจะถึงที่พักน่าจะได้เวลาทำงานเขาพอดี

ว่าแล่นผมก็ควักแผนที่มากางอีกรอบหลังจากกางมาหลายรอบแล้วตอนนั่งรอ 

“แกจะไปทางไหน”  มันถาม

".................." ผมไม่ตอบเพราะว่าไม่ได้ยิน แหะๆ  :nohon-l: 

“ว่าไง” มันถามอีกรอบ  กวนใจจริงไอ้นี้คนกำลังใช้สมาธิ  ผมก็เลยเดาเอาว่าต้องไปทางซ้าย

“ซ้าย”  ผมตอบมั่วๆ ส่งๆ ไป

“เออ...  ปะ”  เอ๋!...  มันแปลกๆ นะ

“แล้วแกจะไปไหน  เดินตามมาทำไม  ไม่แยกไปหละ” ผมงงแด้ก

“ไปที่เดียวกับแกนั้นแหละ  นำไปด้วยนะ  ขี้เกียจกางแผนที่”  ผมละเชื่อมันเลย
 :3066:................................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2006 18:23:10 โดย oaw_eang »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [บันทึกรัก Leiden]
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-12-2006 15:48:54 »





ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #20 เมื่อ03-12-2006 16:12:42 »

“แล้วแกจะไปไหน  เดินตามมาทำไม  ไม่แยกไปหละ” ผมงงแด้ก

“ไปที่เดียวกับแกนั้นแหละ  นำไปด้วยนะ  ขี้เกียจกางแผนที่”  ผมละเชื่อมันเลย
................................................................................

ผมก็เดินตามแผนที่ที่อาจารย์เขียนมาให้จากเมืองไทยครับ  เมืองที่นี้สวยมากไม่ได้บ้านนอกอย่างที่อาจารย์ว่าเลยในความคิดของผมนะ  มีคลองเยอะแยะเลยครับ  ถนนก็เป็นแบบปูแผ่นอิฐไม่ได้ลาดยางสีดำๆ หรือลาดปูนซิเมนต์อย่างบ้านอื่นเมืองอื่น  เรียกว่าสวยคลาสสิกมากเลยครับ  มีเรื่อจอดเทียบท่าอยู่ในคลองอยู่หลายลำ  มีนกนางนวลตัวเบ้อเริ้มบินโฉบไปโฉบมาแบบว่าธรรมชาติมากเลยครับ  มีกังหันลมด้วยครับ  บ้านช่องก็สวยมากเขายังอนุรักษ์แบบเดิมๆ เอาไว้ได้ดีมากเลย  คนที่นี่นิยมใช้จักรยานครับเหมือนเมืองจีนเลยน่ารักดี  ขี่จักรยานกันทุกเพศทุกวัย



“ว่างๆ เราหามาขี่กันบ้างก็ดีนะ” ไอ้โหดมันว่า  ผมก้อสงสัยดิว่ามันมาไม้ไหน  :untrust:

“ไร? ทำไมต้องมองแบบนั้น  อย่างฉันเนี้ยเรียกว่าชั้นเซียน  ขี่ปล่อยมือยังไหว” มันโม้ต่อ  ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินต่อ

‘ผัวะ’ มันทำนิสัยสาระชั่วของมันอีกแล้วครับ

“จะรีบไปไหน  ไม่พูดไม่จา  พูดไรมาบ้างดิ”

“ไปลงนรกซะ” ได้ผลครับมันเงียบไปเลย  ดีสม!  :laugh:

09.05 น. เลขที่ 6 ถนน Rapenburg
ถึงแล้วครับ  ง่ายนิดเดียว(วัดจากระยะเวลาในการเดิน  จำนวนครั้งการหลงและคนที่ผมไปถามทางไงคับ) แต่ว่าเค้าติดป้ายว่าเวลาทำงานเริ่มตอน 10 โมงอะดิครับ  ผมเลยรีรออยู่หน้าตึกไม่กล้ากดออดเรียก

“กดเลย  นี้ไง  มีจักรยานมาจอดอยู่แล้วแสดงว่ามามีคนมาทำงานแล้ว”

“แล้วไง?  แกไม่เห็นหรอว่าเค้าบอกว่าออฟฟิศที่เราจะมาติดต่อมันเปิดตอน 10 โมงนอกนั้นเปิด 9 โมง”

“เห็นแต่เผื่อเค้าจะมาแล้วไง  บอกว่าให้กดก็กดเดะ  ไม่ต้องเถียง”

ผมก็เลยต้องกด  พอผมกำลังจะกดก็มีคนเปิดออกมาพอดีเลย เป็นสาวเสื้อแดงครับ  ทำไมผมเจอสาวเสื้อแดงบ่อยจัง

“ผมเป็น visitor จากเมืองไทยครับจะมาติดต่อเรื่องที่พักครับ”

“หรอจ๊ะ?  งั้นขึ้นไปติดต่อชั้นสองนะ  ถามหา Miss Astrid นะ”

“ครับ  ขอบคุณครับ”

“ไงเห็นมะ  ฉันว่าแล้วว่าต้องมีคนมาทำงานแล้ว” ผมละเบื่อพวกยกหางตัวเอง
................................................................................

“เอ่อ! สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคนไหน Miss Astrid ครับ  ผม Nac มาจากเมืองไทยครับ”

“อ้อ! ฉันเองคะ  Miss Astrid ยินดีที่ได้พบนะค่ะ” เธอยื่นมือมาสัมผัสทักทาย

“เอ่อ! ผมจัสตินครับ จากเบอร์ลิน”

“อุ้ย! จ้า ดีใจที่ได้เจอนะจ้ะพ่อหนุ่ม”

“เช่นกันครับ” มันทำหน้าระรื่นเชียวครับตอนตอบมิสนั้น  ผมนะหมั่นไส้มันจริงๆ เลย ทำหน้าใสซื่อหลอกชาวบ้านเขาไปทั่ว  ชิส์

“เดี๋ยวชั้นจะพาเธอสองคนไปดูห้องพักที่บ้านพักนะ  ปกติเราจะให้แขกพักที่ห้องพักหลังออฟฟิศนี่แหละจ๊ะ  แต่ว่าเธอสองคนมาพักระยะยาวฉันเลยจัดให้ไปพักอีกที่นึง”

“ไกลไหมครับคุณ” เสียงมันถาม Miss Astrid ตอนเดินลงบันไดมา

“ไม่ไกลหรอจ๊ะ  ใกล้ๆ นี้เองเดี๋ยวเธอจะได้เห็น  ห้องสวยมากๆ เลยนะ”

“หรอครับ  ว้าว! ชักอยากเห็นเสียแล้วสิ  ผมต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับที่จัดการเรื่องนี้ให้  ถ้าผมรู้มาก่อนว่าคุณใจดีอย่างนี้ผมจะเอาช้อคโกแลตอร่อยๆ จากเยอรมันมาฝากคุณกล่องใหญ่เลย” นึกภาพคนตอแหลออกไหมครับ  นั้นหละ! หน้ามันตอนนี้เลย  อีตอนชกผมที่สถานีรถทัวร์ทำหน้าเหี้ยม  พอมาถึงนี้หน้าระรื่นเชียว  พูดคุณครับๆ เชียวนะแกไอ้โหด  หลอกใครก็หลอกไปแต่ฉันนะเห็นหนังหน้าแท้ๆ ของแกมาแล้วโว้ย  ไม่มีทางหลงกลแกแน่

“แหม! ขอบใจมากจ๊ะ  ความจริงชั้นเองก็เคยไปเบอร์ลิน  เมืองใหญ่แต่ของถูกมาก”

“นั้นสิครับ  ที่นี้ของแพง  เมื่อเช้าผมดื่มกาแฟที่สถานีรถไฟมา  แพงไม่น่าเชื่อ”

“ต๊าย!  คราวหน้าคราวหลังอย่าไปกินอีกเชียวนะ  ที่นั้นนะของแพงมากเลย  ชงกินเองดีกว่า”

“ผมก็ว่างั้นหละครับคุณ”  มันตอบตอนยืนผลักบานประตูไม้ใหญ่หนาหนักสีเขียวค้างเอาไว้เพื่อให้มิสเดินออกไป  มิสยิ้มให้มันใหญ่เลยครับ   ส่วนผมเดินเฉยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะไปแทรกเข้าบทสนทนาตรงไหนได้   

Miss Astrid พาเราเดินลัดเลาะตามลำคลองไปเรื่อยๆ แล้วข้ามฟากไปยังฝั่งสวน Hortus Botanicus แล้วเลาะกำแพงสวนไปทางด้านหลังเรียบลำคลองสายเล็กๆ ที่น้ำใสมากๆ ไปเรื่อยๆ

“นั้นไงจ๊ะ  บ้านพักของพวกเธอ  ช่วงนี้อาจจะหนวกหูไปหน่อยนะเพราะว่าเรากำลังปรับปรุงภายนอกอยู่  แต่ว่าข้างในสวยมากเลยนะห้องเธอสองคน”

“เอ๊ะ! คุณครับ  ผมติดต่อจองห้องเดี่ยวมานี้ครับ” ผมแย้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘เธอสองคน’

“ใช่จ๊ะ  แต่ว่าห้องที่บ้านหลังนี้ว่างแค่ห้องคู่  ห้องเดี่ยวมาคนพักไปนานแล้ว  ฉันหวังว่าเธอคงให้อภัยที่ฉันไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าเสียก่อน  แต่ว่าเธอเข้ามาดูห้องก่อนแล้วเธอจะหลงรักมัน” เธอว่าพลางผลักบานประตูไม้หนาหนักทาสีขาวทั้งบานตัดกับผนังห้องโถงที่ระบายสีเขียวหัวเป็ดเอาไว้

“อย่าเรื่องมากนานาย” ต่อหน้าคนอื่นเรียกนายเชียวนะแก แหลได้สัดๆ “ว้าว....เยส! ห้องสวยมากเลยครับมิส   นายเห็นหรือยังหละ  ทีนี้นายจะต้องรีบขอบใจมิสเขาเลยใช่ม้า    เอ้า! เร็วเข้าเดะ  มัวยืนเฉยอยู่ได้  เดี๋ยวปั้ด!” มันยกมือทำท่าจะแสดงความชั่วร้ายของมันออกมาอีกแล้วครับ  เห็นว่า Miss Astrid เดินนำเข้าไปในห้องแล้วใช่ไหมไอ้โหด  หน่อยแนะแก  ไอ้....

แต่ความจริงห้องนี้ก็สวยมากจริงๆ เลยครับ  อย่างกับห้องพักราคาแพงในโรงแรมเลย  ฝาผนังห้องทาทาบด้วยสีครีมอ่อนๆ ม่าน พรม โซฟาหนังแม้กระทั้งผ้าคลุมเตียงก็เป็นสีแดงเข้าชุดกันหมดดูตัดกับสีของฝาผนัง  โซฟาตัวใหญ่สีขาวหนานุ่มน่านอนเล่นมีหมอนอิงสีแดงไล่เฉดสีวางอิงอยู่ 4 ใบ  ใกล้ๆ โซฟาเป็นเตาผิงฟืนแบบดั่งเดิมดูเท่ห์มากๆ  พอแหงนหน้ามองดูเพดานห้องก็เห็นแนวไม้ตงท่อนยาวรองรับไว้ด้วยไม้คานขนาดใหญ่ตามอย่างบ้านโบราณ  ชะโลมไล้ด้วยแล็คเกอร์สีเข้มอวดลายไม้เข้ากับเครื่องเรือนอื่นๆ เช่น โต๊ะทำงานตัวใหญ่  โต๊ะหัวเตียง  ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี   ที่ผนังห้องเหนือหัวเตียงประดับด้วยภาพวาดฝีมือจิตรกรเอก ‘แวนโก๊ะ’   นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นเล็กกับโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่ไว้ให้ด้วย  ห้องสวยมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพักในตอนมาต่างประเทศคราวนี้เลยครับ  สวยจนผมไม่อยากเรื่องมากที่ต้องพักสองคนเลยครับ(ถ้าผมได้พักกับคนอื่นนะ)



“เรามีครัวรวมให้ใช้สำหรับทั้งสามห้องพัก  แต่ห้องน้ำนี้เฉพาะห้อง A ของพวกเธอจ๊ะ” Miss Astrid กรุณาพาเราเดินชมส่วนต่างๆ ภายในบ้าน  ในครัวมีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน  มีห้องซักผ้าพร้อมเครื่องอบแห้งและเตารีดอยู่ชั้นบน

“อ้อ! เรามีโทรศัพท์ไว้ให้บริการพวกเธออยู่ภายในห้องด้วยนะ  ส่วนอัตราค่าบริการเธอสามารถดูได้จากตารางที่เราวางไว้  เราจะเรียกเก็บในวันที่เธอคืนกุญแจจ๊ะ”

“ครับ” ผมกับไอ้โหดรับคำเกือบพร้อมๆ กันเลย  แล้วมันก็หันมามองหน้า

“ส่วนเรื่องทำความสะอาดจะมีแม่บ้านมาคอยเป็นธุระให้อาทิตย์ละสองครั้ง  แต่ว่าต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะ  แล้วนี้ก็กุญแจห้อง  ใช้ไขประตูบ้านด้วยนะ  พวกเธอมีอะไรอยากถามฉันอีกไหม” ผมส่ายหัวดิกๆ

“งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะ  เชิญพวกเธอผักผ่อนตามสบายจ๊ะ” Miss Astrid กล่าวทิ้งทายก่อนพาตัวหายไปพร้อมกับจักรยานที่เธอเดินจูงมาเมื่อตอนขามา

“เย้! ได้นอนเสียทีนะไอ้เตี้ย” เอาแล้วไงความมันเริ่มกลายเป็นคนเดิมอีกแล้วไงครับ

“เออ” ผมตอบเท่านั้นแล้วลงมือรื้อกระเป๋าตัวเอง

“จัดให้ด้วยสิ  ทำไม? ฉันยังไม่จัดการนายเรื่องที่นายชนจนข้าวของเสียหายแล้วยังตามมาชนจนกาแฟหกรดเสื้อผ้าฉันเลอะเทอะเลยนะ  อย่าหือขอร้อง  จัดไปเร็วๆ” คิดดูดิครับมันน่าเอาทีนยัดปากไหมปากพรรค์นี้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #21 เมื่อ03-12-2006 16:17:27 »



เอ่อ   คือว่า  เพื่อนผมมันถามว่า  ไอ้แท่งๆ สีครีมที่อยู่ข้างโน๊ตบุ้คคือ  อะไร


อย่าครับอย่า  อย่าเพิ่งคิดไปไกลอะไรขนาดนั้น


มันคือที่กั้นหนังสือตามชั้นหนังสือครับ  ที่ของบ้านเรามันเป็นแผ่นๆ ทำจากเหล็กไง

อย่าคิดว่ามันคือ.....นะ  ไม่ใช่ครับ  ระดับนี้แล้ว  ไม่ต้องใช้หร้อก   :haun2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #22 เมื่อ03-12-2006 16:21:33 »

วันนี้  เอาภาพภายนอกตัวอาคารที่พักมาฝากครับ  ห้องที่มีระเบียงเหล็กสีดำนั้นแหละครับ



คิดแล้วอยากไปอีกจัง

hardytoon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #23 เมื่อ03-12-2006 20:45:31 »

รีบๆมาต่อครับ ที่สำคัญ ลงรูปเยอะครับ สวยดี ชอบๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #24 เมื่อ04-12-2006 18:09:23 »

ผมยังจัดไม่ทันเสร็จเสียงกรนคร่อกๆ ก็ออกมาจากปากมันแล้วครับ  ผมเลยเดินไปเดินใกล้ๆ ลองเอามือโบกๆ ใกล้ๆ หน้ามัน  มันก็เฉยครับ  สงสัยหลับจริง  ผมเลยจัดการยัดๆ เสื้อผ้ามันเข้าตู้ไปทั้งอย่างนั้นแหละครับไม่ต้องพิถีพิถันช่างหัวมัน  ไม่ยอมทำเองนี้หว่าช่วยไม่ได้  แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายนะเลยโว้ยแก  ไอ้โหด..... 

13.00 น. ที่ห้องพักแสนสวยและจะดีมากถ้าไม่มีไอ้โหดมานอนกรนส่งเสียงรบกวนอยู่แบบนี้
ผมทำไรอยู่หรอครับ? ผมก็นั่งพิมพ์บันทึกประจำวันวันนี้อยู่ไงครับ  ชักง่วงแหละ  ไปนอนมั่งดีกว่า  แต่ว่าไอ้โหดมันนอนแหกแข้งแหกขาคลอมทั้งสองเตียงเลย  แล้วผมจะไปนอนที่ไหนได้เนี้ย

17.14 น.
   “เฮ้ยๆๆๆ ไอ้เตี้ยตื่น ตื่นๆ” เอ๋! เสียงมารความฝันตัวไหนนะ  ไม่ค่อยคุ้นเลยครับ  ไม่สนใจดีกว่า  ขอนอนต่อแป๊บนะ

   ‘ผลั๊ก’ ทายดิครับเสียงอะไร  .......................งงงงงงงเสียงผมกลิ้งตกโซฟาครับ  ก็ไอ้โหดอะดิ  พลิกผมให้กลิ้งลงมา

   “โอ้ย! แก  ไอ้นรก” ผมนึกคำด่าเป็นภาษาอังกฤษได้แค่นี้จริงๆ ใครรู้มากๆ เอามาสอนผมหน่อยผมจะเอาไว้ด่ามันครับ ฮื่อๆ  คิดแล้วแค้นใจจริง

   “ตื่นๆ ออกไปข้างนอกกันไปหาไรกิน  หิวแล้ว  นายจะนอนไปถึงไหนนะ” มันยืนเท้าสะเอวเหนือหัวผมพูดเหยงๆ อยู่ครับ

   “แล้วทำไมไม่ไปคนเดียว  มาปลุกฉันทำไม”

   “ไปคนเดียวแล้วใครจะถือของละ  นายนั้นแหละต้องไปด้วยกันกับฉัน” หามันจะให้ผมไปถือของครับ  จะบ้าหรือเปล่าผมไม่ใช่คนรับใช้มันนะ  นึกขึ้นมาได้ผมก็พูดอกไปตามนั้น

   “ไรนะ  แกจะไม่ไปจริงๆ หรอ” มันเริ่มเรียกผมว่าแกอีกแล้วครับ ลางร้ายมาเยือนแล้วครับ “แกกล้าขัดคำสั่งฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน” มันทำหน้าเหี้ยมแล้งนั่งยองๆ ลงจ้องหน้าผม

   “เออ ไปก็ได้...  ว่าแต่แกรู้จักที่รู้จักทางหรอ  ว่าอะไรอยู่ที่ไหน  แกเคยมาหรอ” ผมเห็นมันทำหน้าอมภูมิก็เลยถามไปแบบนั้น

   “ยัง...” ไอ้เวร  :pigangry2: แล้วทำมาวางท่าทำเป็นรู้ดี  “เดี๋ยวเดินไปถามไปก็ได้นา  เร็วๆ อย่าชักช้า  เดี๋ยวมีโมโหนะโว้ย”

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #25 เมื่อ04-12-2006 18:17:35 »

17.35 น. Supermarket ใกล้สถานีรถไฟที่ลงมาเมื่อเช้า
   “ทำไมนายซื้อเยอะจัง” มันถามหลังจากชะโงกหน้ามาสำรวจรถเข็นของผม

   “แล้วทำไมจะซื้อไม่ได้  มันเรื่องของฉัน  ห้ามยุ่ง”

   “ไม่ได้ยุ่ง  งั้นเย็นนี้กินอะไรทำอาหารเลี้ยงชั้นนะ  เคยได้ยินมาว่าอาหารไทยอร่อย  ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยแก  ฉันสั่ง เข้าใจไหม...  อยากได้อะไรบอกเดี๋ยวซื้อช่วย” ผมแปลได้อย่างนี้จริงๆ นะ  แต่ไอ้คำว่าซื้อช่วยนี้ผมแปลถูกหรือเปล่านะ  ก็มันบอกว่า  I will help U อะ  ความจริงข้าวของที่นี่ก็คล้ายๆ ในเยอรมันเลยแต่ว่าน้อยกว่าสงสัยว่าจะนำเข้าเนอะ 

ผมเลือกของง่ายๆ มาทำเช่น ไข่เจียวหมูสับ ผัดผัก ต้มจืดซี่โครง  เน้นแต่ของจืดๆ เอะ! ทำไมไม่เอาของเผ็ดๆ นะ แง!!! ผมเพิ่งนึกได้ครับ  ออกมาจากร้านตั้งนานแล้วจนจะถึงห้องอยู่แล้ว  แต่ไม่เป็นไรผมมีไม้ตายครับ  มันคือ ‘พริกไทย’  ผมเอาติดมาจากห้องไอ้โอ้ด้วยรับรองตาเหลือกแน่งานนี้ไอ้โหด 555

18.32 น. ที่หน้าบ้านพักครับ
   “ทำไมมันไม่ออกนะ  มา...ไอ้เตี้ยลองไขดิ  เอ้า! มั่วแต่กินอยู่นะแหละ” มันโยนกุญแจบ้านมาโดนหน้าผมพอดีเลย  แต่ว่าโดนนิดเดียวไม่เจ็บ  งานนี้มันเลยรอดจากการสรรเสริญชุดใหญ่จากผมไปแต่ไม่ผ่านชุดเล็กครับ   ไม่มีทางแน่

   “อ่ะ! ไม่ออกจริงๆ วะ  ตอนนั้น Miss Astrid แกไขยังไงน้า หรือว่าแกไม่ได้ไขเพราะว่ามีคนอยู่แล้วเปิดเข้ามาเลย  ทำไงดีวะ  ลูกบิดมันหลวมด้วย” ผมบ่นคนเดียว

   “อะไรวะไอ้เตี้ย พึมพำอยู่นั้นแหละรีบๆ ไขเข้าสิ”

   ‘ผลั๊ก’ คุ้นไหมครับเสียงนี้  แต่คราวนี้ผมเอาหัวโขกคางมันครับ  ก็ดันมายืนเท้าสะเอวหายใจรดหัวผมอยู่ไม่บอกไม่กล่าว  เวลาผมเงยหน้าขึ้นมาก็โขกเอาสิ  ดีสม!! คนเขากำลังใช้ความพยายามไขกุญแจอยู่ดันเจือกมาขวางทางเอง  ช่วยไม่ได้
   ‘ผัวะ’ แล้วเสียงนี้ละครับคุ้นๆ ไหม

“ไอ้เตี้ยแกทำฉันอีกแล้วนะ” มันพูดไปลูบคางไป

“แล้วใครใช้ให้แกมายืนซ้อนหลังฉันวะ ไอ้บ้า”  ผมก็ลูบหัวตัวเองป้อยๆ เหมือนกัน  วันนี้มันตบหัวผมกี่รอบแล้วนะใครจำได้บ้างครับ

“แกไม่ต้องพูดมากเลย...  ไขไม่ออกอย่างนี้แล้วจะเข้าไปข้างในไงวะ”

“นั้นดิ  แล้วคืนนี้จะนอนไหนวะ  หรือว่าจะรอคนที่พักห้องข้างบนมาไขให้” ผมพยายามหาทางออก

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ  ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว  ไม่รู้เขาจะกลับมากี่โมง  แกลองเดินไปที่สำนักงานเมื่อเช้าดูทีสิว่ายังมีคนอยู่หรือเปล่า  ถ้ามีก็ให้เขามาช่วยเราไขประตู  ไปเลย  เดินไปเร็วๆ ก่อนที่เขาจะกลับหมดนะ”

“แล้วทำไมแกไม่ไปเอง  แกเดินเร็วกว่าฉัน  ขาก็ยาวกว่าฉัน  มาใช้ฉันทำไม”

“แกนั้นแหละดีแล้ว ฉันเมื่อย  ขี้เกียจเดิน  แกเหมาะสุดแล้วงานนี้”  ดูเหตุผลมันดิครับน่าสรรเสริญชุดใหญ่กำลังสองจริงๆ ไอ้....(เติมเอาเองนะครับเอาแบบที่แสบสุดๆ เผื่อผมด้วยไม่ต้องเกรงใจ  เน้นๆ แรงๆ เลยครับตามสบาย)

ผมก็เลยต้องเดินจ้ำกลับไปที่สำนักงานอีก  ไปถึงก็ไม่มีใครแล้วเพราะเขาปิดสำนักงานตั้งแต่บ่ายโมงแล้วครับ  เลยต้องเดินกลับไปมือเปล่าอีกรอบ  รู้ไหมครับว่าผมกำลังเห็นอะไร? ไอ้โหดครับทุกคน  ไอ้โหด...   มันนั่งกระดิกทีนกินขนมปังหน้าตาเฉยเลยครับ  แถมขนมปังผมด้วยนะ ไม่มีวี่แววว่าจะเดือดร้อนหรือว่าหาทางแก้ไขอะไรเลย  ไม่ไหวแล้วครับ  น้ำโหพุ่งปิ้ดๆ

“สบายมากเลยนะแก  ฉันนี้ไม่เหนื่อยเลยวะ  เดินไปเดินมาตั้งหลายรอบ  ของก็หอบมาเอง  แล้วแกทำไร  นั่งกินขนมหน้าตาเฉยเนี้ยนะ”

“อ้าว! แล้วแกจะให้ฉันทำอะไร  นั่งรอแกเฉยๆ มันหิวเลยหาอะไรกินรองท้องไปก่อนไง  ทำไม?  ไมได้เหรอ?  ฉันกินของฉันไม่ได้กินของแก” มันตอบได้หน้าตาเฉยมากๆ ว่าแล้วก็ยื่นขนมปังของผมที่ยังไม่ได้แกะห่อให้ผมดู  อ้าว! แล้วมันไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร  ผมไม่เห็นรู้เรื่อง

“แล้วทำไมแกไม่ลองไขดูวะ  เผื่อมันจะออก  ที่โน้นก็ไม่มีใครแล้ว”

“ว่าแล้วไง  ฉันก็ใช่ให้นายเดินไปดูอย่างนั้นแหละ  ก็ไม่มีคิดว่าจะมีคนอยู่แล้ว  อ้าว! กินวะก่อนที่จะหิวตายเสียก่อน” มันยื่นขนมห่อของมันให้ผม

“ไม่กิน  ฉันจะกินของฉัน  แกไม่ต้องมายุ่ง”

“แต่น้ำนาย  เรากินหมดแล้วนะ” สังเกตไหมครับว่ามันแทนตัวมันเองฟังเพราะขึ้นๆ จากฉันแกเป็นเรานาย แต่มาเฉลยว่ามันกินน้ำในขวดผมหมดแล้วเนี้ยนะ  ผมอยากถีบมันให้ไหลตกคลองจริงๆ เลยครับ  ทำไงดี?....
 
ผมคว้าขนมไปนั่งกินตรงเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง   ไม่อยากนั่งใกล้ๆ มันเลยพับผ่า  สักพักพอกินเสร็จก็เริ่มเดินหาทางปีนเข้าบ้านครับ  ฟ้ามันเริ่มมืดจนมองไม่เห็นหน้าคนแล้ว  ผมไม่อยากนอนแข็งตายอยู่ข้างนอกคืนนี้

“ไม่มีทางหรอก  ลองแล้ว” อ้าว! ผมเลยเดินไปกดออดบ้านข้างๆ

 “ไม่มีคนอยู่  ลองกดดูแล้วเมื่อกี้” อ้าว! ประหลาดใจรอบสอง ไหนว่ายังไม่ได้ทำอะไร แล้วไปลองตอนไหน?  ผมเองก็จนปัญญาเลยนั่งลงเฉยๆ บ้าง  สักพักมีผู้ชายคนนึงเดินมาแล้วไปไขกุญแจบ้าน  ผมลุกพรวดกระโจนทีเดียวถึงตัวเขาเลยครับ  หมอนั้นทำท่าตกใจแว้บๆ

“คุณพักที่นี่เหรอครับ   :angellaugh2: ผมมาจากเมืองไทยพักที่นี่เหมือนกันครับ  แต่ว่าเข้าไปข้างในไม่ได้  :monkeysad:

“คุณไม่มีกุญแจหรอ”

“มีครับ...แต่ว่ามีเฉพาะของห้อง  ของประตูหน้าบ้านไม่มี  ลองเอามาไขแล้วแต่มันไขไม่ออก”

“แต่มันอันเดียวกันนะ  นี่ไง” ว่าแล้วเขาก็ไขแกร็กเดียว  บานประตูดีดดึ๋งออกมาเลย  ตอนนั้นผมคิดว่ามันมหัศจรรย์มากๆ ดีใจอย่างแรงที่ไม่ต้องนอนเฝ้าอยู่นอนบ้าน

 “โห!!  ผมไขตั้งนานไม่ออกนึกว่าจะต้องนอนนอกบ้านเสียแล้ว  นายไขไงสอนผมหน่อยสิ” ผมดูนายคนนั้นสาธิตแล้วลองไขดูเมื่อเขาบอกให้ลอง  ปรากฏว่ามันไขได้ครับ  กุญแจผมเองก็ไขได้  แต่ว่าตอนสุดท้ายมันต้องบิดไปทางซ้ายมากหน่อยมันถึงจะดีดออกมา  ตอนแรกผมนึกว่ามันเปิดไม่ออกเพราะลูกบิดมันเสีย  ที่ไหนได้บิดกุญแจไม่สุดนั้นเอง  ไม่ใช่มีแต่ผมนะครับที่ไขไม่ออก  ไอ้โหดเองก็ไม่เอาไหนขนาดประตูยุโรปบ้านมันแท้ๆ  ไม่ได้เรื่องเลย

“หวัดดีครับ ผมจัสตินพักที่นี่เหมือนกัน  ห้องข้างล่าง  นายพักห้องไหน” ไอ้โหดมาเสนอหน้าบ้าง

“ผมพักห้องสามครับ  ด้านบนซ้าย” อัศวินขี้ม้าขาวของผมตอบไอ้โหดมันครับ “นายชื่อไร ผมโมนิค” แล้วก็หันมาทางผม

“ผม Nac ครับ มาพักที่นี่เดือนนึง  แล้วนายละ”

“ผมปีนึงครับ  มาทำวิจัย  นายละจัสติน”

“ผมก็เหมือน Nac แต่มาจากเยอรมันกำลังทำเอกอยู่”

“เหรอ?  ดีนี่ แล้วทานไรกันหรอยัง?”

“ยังเลยกำลังจะทำมื้อเย็นทานกัน  พอดีเลยนายมาทานด้วยกันสิ” ผมชวนโมนิคเพราะซึ้งความดีที่เขามาชวยเปิดประตูให้  ไม่เหมือนบางคนที่ใช้ทำอะไรก็ไม่ได้แล้วยังมาบังคับให้ผมทำนั้นทำนี่ให้กินอีก

“ได้เลย!  เอาสิทานหลายๆ คนสนุกดี  ผมทานคนเดียวเบื่อจะแย่อยู่แล้ว  แต่ว่าวันนี้ใครจะเป็นคนลงมือ” ไม่น่าถามเลยโมนิคก็ผมดิ!  อย่างไอ้ถึกโหดนั้นมันจะทำไรเป็น  แค่เปิดประตูยังไม่ได้เรื่องเลยแล้วจะมาทำกับข้าวเนี้ยนะ

“ผมจะทำกับข้าวจากประเทศไทยให้ทานนะ  นายเคยทานยัง”  ผมถามยิ้มๆ  :myeye:

“ยังเลย  ครั้งนี้เป็นครั้งแรก  อืม! น่าสนใจนะแล้วให้ผมช่วยอะไรไหม?”  เห็นไหมครับว่าน้ำใจท่วมท้น :monkeylove2:

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมจัดการเอง  นายไปรอในห้องนายเหอะเสร็จแล้วผมจะขึ้นไปตามเอง”

“ได้ๆ แล้วเจอกัน  ขอบใจล่วงหน้านะ  พวกเครื่องปรุงนี้ก็ของผมนายใช้ได้ตามสบายเลยนะ  เพิ่งมาถึงกันเมื่อเช้านี้เองใช่ไหม  คงยังไม่ได้ซื้ออะไรมา  เอาของผมใช้ไปก่อนแล้วกัน”

“อืม...” ผมรับคำ  แล้วโมนิคก็เดินบ้านสะเทือนขึ้นไปชั้นบน

“ใครบอกให้นายชวนหมอนั้น” อ้าว! ไอ้นี้เรื่องมาก

“ทำไม  ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชวน  คนบ้านเดียวกันรู้จักกันไว้นะดีแล้ว”

“แล้วจะไปรู้จักทำไม”  ไอ้นี้แปลกคน:untrust:

“ไม่รู้  ช่างเถอะ!  มาช่วยเลยห้ามนั่งเฉยๆ”  ผมออกคำสั่งมั่งจิ  อิอิ

“ไม่...” แล้วมันก็เดินหายไปในห้องเลยครับ  ปล่อยผมทิ้งไว้ในครัวคนเดียว  ไอ้บ้านี้ท่าจะประสาทเอาการ
 :seng2ped:
................................................................................

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #26 เมื่อ04-12-2006 18:21:53 »

เอารูปลานหน้าวุปเปอร์ฯ มาฝากครับ



เห็นตรงม้านั่งนั้นปะ  เวลาแดดดีๆ ผมมักจะออกมานั่งอ่อยฝรั่งอยู่ทุกบ่อยครับ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #27 เมื่อ04-12-2006 18:37:54 »

20.34 น. ห้องครัว
   “ไม่รู้ว่ารสชาติมันจะอร่อยหรือเปล่านะ” ผมออกตัวไว้ก่อนเลย  ต่อหน้าโมนิคนี่ต้องรักษาภาพพจน์กันหน่อยครับ
 
   “ไม่เป็นไรหรอก  หน้าตาน่าทานดี  ได้แค่นี้ก็เก่งแล้วหละสำหรับคนที่ต้องใช้ครัวบ้านคนอื่นครั้งแรกแบบนี้” แหม๋! น่ารักจริงๆ ปากหวานจัง  จะว่าไปหมอนี่ก็หน้าตาดีนะ  ผมแอบส่องมาเมื่อกี้ตอนขึ้นไปตามให้มาทานข้าว  ตอนแรกให้ไอ้โหดไปตาม  มันว่าไงรู้ไหมครับ  ‘ชวนเองก็ไปตามเองสิ’ ดูมันดิครับแล้งน้ำใจโคตรๆ  :3125:

   “ขอบใจนะที่ชม  :myeye:” ผมตอบ

   “แล้วกินไง” คำถามโง่ๆ แบบนี้ของไอ้โหดครับ  ไม่มีใครอีกแล้ว

   “ก็นี่ไงช้อน  แล้วก็ส้อม” ผมยกอุปกรณ์ออกรบให้มันดู

   “ใช้ไม่เป็น”

 :pigscare2: เอ๋!!! ทำไมฝรั่งมันใช้ช้อนส้อมไม่เป็นหว่า  ไหนว่าเราได้วัฒนธรรมแบบนี้มาจากมันไง?  วุ้ย!  ผมละงง  แต่เดี๋ยวก่อน  ลุงจอนเจ้าของบ้านที่อังกฤษที่ผมเคยไปพักก็ใช้ไม่เป็น  สงสัยต้องไปหยิบมีดมาให้มันอีกแน่

   “นายละโมนิค  ใช้เป็นไหม?”  หมอนั้นก็ทำหน้าเอ๋อเหรอแล้วก็ส่ายหัวดิกๆ  ผมเลยต้องลุกไปหยิบมีดมาให้คนละอัน  ไม่ได้เอาไว้กะซวกพุงให้ไส้ทะลักกันหรอกนะครับ  แต่ฝรั่งจะทานข้าวกับส้อมแล้วเอามีดนี่แหละกดๆ ดันๆ ข้าวให้แน่นแล้วยกเข้าปาก

   “อันนี้เรียกว่าอะไรครับ Nac” ขวัญใจผมเป็นคนถามตอนตั้งท่าจะตักผักผัดรวมมิตรใส่จานตัวเอง  ผมเลยต้องครีเอทชื่ออาหารกัน ณ บัด Now นั้นเลยครับ



   “fried medley vegetable with pork” เปรี้ยวไหมครับชื่ออาหารผม  ไม่รู้มันจะเข้าใจเปล่านะ  แต่เห็นยิ้มๆ แล้วก็ตักใส่จานตัวเองไป

   “ส่วนนี่ Onion soup with pork” ผมเลื่อนถ้วยต้มแกงจืดหมูสับใส่หัวหอมใหญ่ให้ไปใกล้ๆ โมนิคขวัญใจผมขึ้นอีก  ก็คนหน้าตาดี  เก่ง(ที่สามารถไขประตูบ้านได้) และก็สุภาพอย่างนี้ใครจะอดใจไม่ให้เป็นขวัญใจไหวละครับ    :like2:อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

   “แล้วนี้เรียกว่าอะไร” ไม่มีใครหรอกครับเสียงกวนประสาทแบบนี้มีมันคนเดียว   :untrust:

   “Thai’s style Omelet” ผมบอกชื่อไข่เจียวหมูสับมันไป

   “ทำไมมันดำจัง” ว่าแล้วมันก็เขี่ยๆ พลิกๆ ดู
   
             :pigangry2: ไอ้.... ไอ้....  ผมหละด่ามันไม่ออกจริงๆ ครับ(ความจริงตูด่าภาษาฝรั่งไม่เป็น  ต้องโทรฯข้ามประเทศไปถามโอ้มันก่อน  แล้วตูจะรีบกลับมาด่าแก  คอยดูนะไอ้โหดหมาตื่น  ชิส์) แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ.......ผมได้ยินเสียงโมนิคแอบกลั่นหัวเราะด้วย :monkeysad:

   “ก็คนมันไม่เคยเข้าใช้ครัวที่นี่นี่หว่า” ผมหละอยากเฉดหัวมันออกไปห้องนี้จริงๆ  แค่ไข่เจียวมันดำนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นเรื่องมากถามนั้นถามนี่  แกอย่ากินเป็นดีที่สุดเลยโว้ย

   “แล้วนี่หละ”  มันชี้ไปที่ไข่ตุ๋น

   “ไม่รู้โว้ย  กินๆ ไปเหอะ”  ก็ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรจริงๆ นี่ครับ

   “เผ็ดไหม” คุณชายโมนิคขวัญใจผมถามพอชะโงกมาเห็นพริกหยวกที่ผมซอยแล้วโรยหน้าไปให้มันดูสวยๆ เท่านั้น

   “ไม่หรอก  นายลองทานดูซิ”  ผมทำท่าจะตักให้เขาลองชิมดู  ก็ขวัญใจนี้ครับต้องเทคแคร์เต็มที่  แต่ว่ายังไม่ทันจะตัก  ไอ้โหดก็มายกจานเอาไปดูใกล้ๆ แล้วตักไปกินเสียนี่  ขอโทษนะครับทุกคน   :3125: ไอ้สารระเลวววววววววววโหด  :pigangry2: :pigangry2:

   ผมหันไปทำหน้าขอโทษกับขวัญใจ  ฝ่ายนั้นก็ยิ้มๆ มาให้  ดูดิครับน่ารักไหมโมนิคของผม  :-[ ผมเลยชวนเขาคุยก็ได้ความว่าเขาเป็นคนฟินแลนด์(มิน่าหละ  เวลาพูดอังกฤษนี่  ลิ้นเขารัวแปลกๆ  ผมนี่งงเลยครับตอนฟังคราวแรกๆ)  มาอยู่ที่นี้ได้ครึ่งปีแล้ว  มาทำวิจัยปริญญาเอกครับ  ว้าว! เรียนเก่งอีกอย่างขวัญใจผม เท่ห์ไหมครับ? :monkeylove2:

   “แล้วแฟนนายไม่รอแย่หรอที่ฟินแลนด์” ผมหละลุ้นจริงๆ :impress:

   “ไม่มีครับ  ผมยังไม่มีแฟน”  :piglove2: ว้าว! พระเจ้าจอร์ชมันยอดมาก

   “นี่ตักข้าวให้อีกดิ” ไอ้มารคอหอยมันขัดจังหวะผมอีกแล้วครับ ผมเลยต้องรับจานมันมาแต่ไม่วายหันไปถามโมนิคว่าจะเติมข้าวอีกไหม  เขาก็ยิ้ม(น่ารักมาก...ในสายตาผมนะ)มาให้ แล้วก็ยกจานขึ้นส่งให้ผม  อิอิ  มีความสุขจังได้บริการคนน่ารักๆ  555 ออ! ยกเว้นไอ้โหดนะ

   พอหันมาอีกทีเห็นมันคุยกะขวัญผมเป็นภาษาอังกฤษไฟแลบเลยอะ  ไม่รู้คุยไรกันผมไม่ฟังทันเลย  พวกฝรั่งนี้เวลามันคุยกันเองทำไมต้องคุยเร็วๆ ด้วยนะ  สงสัยเก็บกดเพราะเวลาคุยกะผม  ผมมักถามว่า ‘ไรนะๆ’ อยู่เรื่อย   ก็คนมันไม่รู้เรื่องฟังไม่ทันนี่หว่า...  พอผมมานั่งที่โต๊ะ  ขวัญใจผมก็แสนดีถามว่าผมเตรียมของหวานไว้หรอเปล่าเขามีผลไม้อยู่จะเอามาทานกันไหม  แต่ขอโทษครับมือชั้นนี้แล้วไม่มีทางพลาด

   “ผมมีไอศกรีมเตรียมไว้แล้ว  หรือว่านายอยากทานผลไม้”

   “ไม่ๆๆ  อะไรก็ได้  ตามใจนาย”  ดูดิน่ารักไหมครับ :impress2:

   “ฉันขอน้ำส้มคั่นนะ  เตี้ย”  หา! ไอ้โหดมันเรียกผมว่าเตี้ยต่อหน้าขวัญใจผมครับ  ผมหละอายเขาจริงๆ  พอหันไปดูก็เห็นขวัญใจผมนั่งก้มหน้าอมยิ้มตักข้าวในจานกินต่อ  มันน่าตีบตกโต๊ะกินข้าวจริงๆ เลยไอ้มารคอหอยนี่  ผมเลยต้องไปปาดส้มให้มันอีก  ส้มที่นี้ต้องใช้มีดปาดครับ  ปอกไม่ไหว  เปลือกมันหนา  เหมือนส้มโอลูกเล็กๆ นั้นแหละครับ  แต่ว่าเรื่องสีน่ะ...ส้มได้ใจมากขอ บอก  ผมก็เลยเอามีดหั่นครึ่งในแนวตั้งก่อน  แต่ว่าเอาแบบแค่พอเข้าไปถึงแกนลูกนะไม่ต้องทะลุอีกด้านให้ขาดออกจากกัน  แล้วหั่นในแนวนอนเป็นแว่นๆ กะให้หนาประมาณขนาดความอ้วนของนิ้วชี้เรียงใส่จานมาให้มัน

   “เฮ้ย! เก่งนิ  กินส้มแบบไม่ต้องคั่นก็ได้  แถมกินแบบนี้ไม่เปื้อนมือด้วยนะ” ขวัญใจผมชมหลังผมหยิบส้มทานแว่นหนึ่ง  อิอิ  ผมหละปลื้มสุดๆ :piglove2:

   “งั้นๆ “ ถูกต้องครับ....พวกคุณเดาถูก   เสียงไอ้โคตรกวนเท้านั้นเองครับ  ไม่มีใครอื่น :3125: :3125:
................................................................................

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #28 เมื่อ04-12-2006 22:20:17 »

กำลังมัน ต่อเลยครับ
รูปสวยดีเข้าบรรยากาศให้นึกภาพตามได้เลย
 :yeb:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [บันทึกรัก Leiden]
«ตอบ #29 เมื่อ06-12-2006 16:43:00 »

“เฮ้ย! เก่งนิ  กินส้มแบบไม่ต้องคั่นก็ได้  แถมกินแบบนี้ไม่เปื้อนมือด้วยนะ” ขวัญใจผมชมหลังผมหยิบส้มทานแว่นหนึ่ง  อิอิ  ผมหละปลื้มสุดๆ
   “งั้นๆ “ ถูกต้องครับ....พวกคุณเดาถูก   เสียงไอ้โคตรกวนเท้านั้นเองครับ  ไม่มีใครอื่น
................................................................................
   “ขอบใจนะ Nac อาหารไทยอร่อยมาก  วันหลังจะขอมากินด้วยอีก  ส่วนเรื่องเน็ตหากนายต้องการใช้ก็ไปใช้บนห้องผมได้นะ  ไม่ต้องเกรงใจไม่มีปัญหาไรหรอก” ขวัญใจผมแสดงน้ำใจอีกแล้วคร้าบบบบบ น่าร้ากกกกกกกส์  แต่ความจริงใครจะกล้าไปใช้  ว่าไหม?  คือผมถามเขาเรื่องการใช้ติดตั้งเน็ตนะครับ  เขาบอกว่าต้องไปซื้อโมเดมชนิดพิเศษมา  แต่ผมมาพักไม่นานทำแบบนั้นไม่คุ้มกัน  เลยให้ไปใช้ที่ห้องเขาแทน  ส่วนเรื่องอาหารไม่รู้ว่าอร่อยจริงหรือชมตามมารยาทซึ่งผมคิดว่าอย่างหลังมากกว่านะ

   “นี่ไอ้เตี้ย  ต่อไปนายเป็นคนทำกับข้าวตลอดนะ  เดี๋ยวฉันช่วยหารของสดเอง  อ้อ! อย่าลืมทำแซนด์วิชเผื่อมื้อเที่ยงพรุ่งนี้ด้วยนะ” มันเริ่มออกคำสั่งอีกแล้วครับ

   “ทำไมฉันต้องทำให้แกกินด้วย  ไม่มีทางหรอก  แล้วพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ไปไหน  อยู่ห้องทั้งวัน  ถ้าแกจะไปก็ทำไปกินเองเดะ”

   “อ้าว! ไม่ไปหาศาสตราจารย์ Gerard ที่พิพิธภัณฑ์หรอพรุ่งนี้”

   “ไม่  เพราะว่ายังไม่ได้นัดเลย  แกนัดเขาแล้วเหรอ”

   “อืม... ยัง แต่ไม่เป็นไร   ไว้ค่อยไปพร้อมกันวันจันทร์ก็ได้  ดีเหมือนกันพรุ่งนี้นอนอีกวันดีกว่า”

22.47 น.
   “นายไม่อาบน้ำหรอ? เตี้ย”

   “อาบดิ  แต่เดี๋ยวก่อน”

   “ไหนทำอะไรเห็นนั่งพิมพ์ตั้งนานแล้วยังไม่เสร็จ” มันเดินเช็ดผมมาชะโงกดูบันทึกนี้ไงครับ

   “ห้ามดูเฟ้ย!!  เรื่องส่วนตัว” ผมรีบหุบหน้าจอคอมอย่างรวดเร็ว

   “ถึงไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก  ก็มันเป็นภาษาไทย  แกถอยไปหน่อยชั้นจะโทรศัพท์กลับบ้าน” มันแทรกตัวลงนั่งแล้วกดโทรศัพท์   ผมเห็นมันส่งเสียงภาษาเยอรมันอึกๆ อักๆ ในคอตามแบบคนเยอรมันแล้วหัวเราะเสียงแจ่ม  ก็อิจฉาอยากโทรมั่ง  แต่ว่ายังไม่ได้ซื้อบัตรมาเลยอด  คิดถึงบ้านจัง  แม่จ๊า  ยายจ๊า  คุณน้าด้วย  อ้อ! นังน้องสาวอีกคน  คิดถึงจัง  ไหนจะไอ้หลานตัวแสบแสนอ้วนทั้งสองตัวอีกหละมันจะรู้ไหมวะน้าคนนี้ของมันคิดถึงแก้มยุ้ยๆ ปากยื่นๆ ของมันจัง  อยากกลับบ้านเร็วๆ จังเลย  ว่าแล้วก็น้ำตาซึมแหะ  ไม่น่าเชื่อ... :impress3:

   “เอาบัตรเราโทรก่อนไหม” มันถามผมเบาๆ

   “หือ  ไรนะ?”  หูบกพร่องในหน้าที่อีกแล้วครับ เอ! หรือว่าจะเป็นสมองนะ 

   “เอาบัตรเราไปโทรก่อนไหม  มันเป็นบัตร non stop สามารถใช้โทรไปได้ทั่วโลก”

   “หึ  ไม่เอาอะ  ขอบใจนะ”  ผมส่ายหัวตอบมันไป  เกรงใจไม่กล้ายืมของมันใช้  แต่ความจริงคิดถึงคนที่บ้านมากนะ  แต่ว่าใจแข็งไง  ตอนที่อยู่เยอรมันกับโอ้ยังปรับทุกข์กันอยู่เลยว่าอยากกลับไปหาคนที่บ้านเร็วๆ  ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน  เบื่อการเดินทางด้วย ทำไมต้องเดินทางไปนั้นไปนี้อยู่เรื่อยเลยนะ  ทำไมไม่มาเรียนที่ไหนที่เดียวเหมือนคนอื่นๆ นี่อะไรพอปรับตัวได้....อะไรๆ ลงตัวก็ได้เวลาย้ายเมืองอีกแล้ว  ผมละเบื่อจริงๆ

   ‘ไม่แน่นะแกก็เหมือนอย่างในเพลงนั้นไง  แกอาจจะต้องเดินทางไปหารักแท้ที่ไหนสักแห่งในโลกนี่ไง’ โอ้ปลอบใจเมื่อเห็นหน้าผมแย่เต็มที  ทั้งๆ ที่แม้ว่าในตอนที่สบายใจดีหนังหน้าผมมันก็แย่ตามอัตภาพอยู่แล้วหละครับ


ดินแดนแห่งความรัก   ศิลปิน:Crescendo
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่แดนใดสักแห่ง  คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ที่การรอคอยที่แสนนาน
คงจะมีสักวันชั้นคงได้เจอ..

เจ็บมาแล้วกี่ครั้งที่ความรักพังทลาย  จะมีใครที่เป็นคนสุดท้าย...
คนคนนั้นอยู่แห่งไหน  จะไกลแสนไกลเท่าไร  ก็จะไปที่ดินแดนแห่งนั้น
ขอเอาคำว่าคำว่ารักทุกคำที่ฉันได้เคยเอ่ย
ขอมันคืนจากใครที่เคยผ่านเข้ามา
จะขอรวมเอาคำว่ารักเหล่านี้  ทวีความหมายและคุณค่า
ขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว

ข้างขอบฟ้า  แผ่นน้ำ  ขุนเขาหรือทะเลทราย  ไกลเท่าไรก็ไปให้ถึง
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่แดนใดสักแห่ง  คงมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น
คงมีความหมายใดซ่อนอยู่ที่การรอคอยที่แสนนาน
คงจะมีสักวันชั้นคงได้เจอ..

ข้างขอบฟ้าหรือขุนเขา  ข้ามแผ่นน้ำหรือท้องทะเลกว้างใหญ่  ชั้นจะไปหาเธอ
จะขอรวมเอาคำว่ารักเหล่านี้  ทวีความหมายและคุณค่า
ขอเอามามอบไว้ให้เธอผู้เดียว
คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ไหนสักแห่ง
...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด