- 9 -
(part1)
ในที่สุดวันงานนิทรรศการหมุนเฟืองครั้งที่ 36 ก็มาถึง ใต้ตึกคณะผมจัดตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม มีพิธีเปิดโดยอธิการบดี นิสิตนักศึกษาหลายคนสนใจเข้ามาดูและงานนี้ก็มีนักเรียนม.ปลายที่สนใจจะศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมมาเพียบเลยครับ
“กูโคตรชอบเครื่องแบบนักเรียนหญิงของโรงเรียนเอกชนเลยวะ เนคไทด์สั้นๆ ใส่กระโปรงเอวสูง ยิ่งคนใส่ขาวๆใสๆ ถักเปีย 2 ข้าง หูยยยยยยย กูนี่อยากจะเข้าไปลักพาตัว” ไอ้บูมครับ มันเพ้อไปไกลแล้วครับ
“ไม่สนใจเด็กผู้ชายมั่งเหรอ? นั่นไง อย่างกลุ่มนั้น กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ถุงเท้าต่ำๆอย่างกับไม่ได้ใส่ หัวเกรียนๆเพราะเรียนรด.” ผมชี้ให้ไอ้บูมดูบ้าง
“ไหนๆๆๆ หึย น่ากินไม่แพ้กันเลยวะ”
“นับวันมึงยิ่งน่ากลัวนะ” ชมมันหน่อย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ตอนนี้ผมกับไอ้บูมนั่งเฝ้าสถานที่ครับ แบบว่าว่างมากๆ ไอ้ประธานเจอร์ก็ไปหาอะไรกิน ส่วนคนอื่นๆก็เดินไปโน่นไปนี่ จุดประสงค์พวกนั้นก็ไม่ต่างจากไอ้บูมที่บอกว่าขอนั่งเฉยๆรอเหยื่อเดินมาให้มองเองดีกว่า
เฮ้ออ เห็นแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กม.ปลายจริงๆ กลับไปเรียนโรงเรียนวัดสังกัดรัฐบาลธรรมดาๆ เด็กนักเรียนไม่เยอะ ม.4-6 แทบรู้จักกันหมดทุกคน ตอนนั้นผมอาศัยอยู่กับป้าเพียงลำพัง ไม่ต้องเจอเรื่องปวดหัววุ่นวาย...แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว
“บูม มึงช่วยไปหยิบบอร์ดที่ชั้น 3 ให้หน่อยดิ” กอล์ฟ ผู้เป็นประธานเจอร์เดินกลับมาแล้วครับ ซึ่งมาถึงก็ใช้งานเลย ไอ้บูมมันบ่นอุบอิบนิดหน่อยแต่ก็ยอมลุกขึ้น
“มีไรให้ช่วยมะ?” คือไม่ได้จะเป็นคนดีอะไรขนาดนั้น แต่แบบว่าไอ้บูมลุกไปแล้ว ผมก็เหลือตัวคนเดียว มันเหงาๆเปลี่ยวๆไงไม่รู้ คนอื่นเขามีงานทำกันหมด
“งั้นมึงช่วยกรุณาไปตามเพื่อนสุดหล่อทั้ง 3 ตัวที่เหลือของมึงด้วยครับ แม่งงานก็ไม่ช่วย วันนี้เสือกหายหัวอีก จะให้ใช้ใบหน้าหล่อๆของพวกมันเรียกเด็กๆเข้าบูธซะหน่อย”
“เอ่อ...”
“อะไร ไม่ต้องปฏิเสธเลย ไปตามมาเร็วๆ มึงดูเจอร์ข้างๆเราดิ๊ ไอ้พวกภาคเครื่องแม่มมม เห็นละหมั่นไส้” ผมปรายตาไปมองตามที่กอล์ฟพูด ก็พบว่าภาควิชาของผมกับภาควิชาภาคเครื่องนั้นมีคนสนใจแตกต่างกันมากจริงๆ คงเป็นเพราะรุ่นพี่หน้าตาดีหลายคนคอยยืนตอบคำถามน้องๆอยู่ละมั้ง
ส่วนบูธของภาควิชาผมนั้น...เงียบอย่างกับป่าช้า
“อืมๆ เดี๋ยวมาละกันงั้น” ผมตอบรับส่งๆเพราะไม่คิดจะตามหาอดีตเพื่อนทั้ง 3 อยู่แล้ว
แค่เข้าใจผิดคิดว่าผมขายตัว ถึงกับต้องตัดเพื่อน...โดยเฉพาะไอ้โท มันรังเกียจผมมาก อยากดูถูกถึงขนาดกับ...ข่มขืนผมเลยเหรอ…
ไหนว่าไม่รังเกียจกันไง ผมจนก็จริง แต่พวกมันก็ยังให้ผมเข้ากลุ่ม สนิทสนมด้วย คอยช่วยเหลือพึ่งพากันเกือบทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเงิน เรื่องเรียน เรื่องผู้หญิงหรือเรื่องอะไรก็ตาม...
ไม่เอาๆ ไม่คิดๆๆๆ คิดไปก็จิตตกเปล่าๆ
“คุณ!”
“คุณ! คุณๆๆๆ”
ผมเดินไปเรื่อยๆ เสียงดังขึ้นข้างหลัง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกใคร
“คุณณณณณณ” จนกระทั่งเสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับแรงจับที่แขนนั่นแหละ ผมถึงหยุดเดิน เมื่อหันกลับไปผมก็พบกับ
“อ่าว...” ผู้หวังดีที่เคยช่วยพาผมไปคลินิกนั่นเอง
“แฮ่กๆ เรียกตั้งนาน” คนตรงหน้าผมย่อตัวเอามือจับหัวเข่า ใบหน้าเขามีหยาดเหงื่อ แต่งกายด้วยชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดัง “จะ..จะรีบไปไหนเนี่ย ผมเหนื่อยนะ วิ่งตามคุณมาตั้งไกล”
“เอ่อ...ก็ไม่รู้นี่ว่าเรียก” ผมไม่ผิดนะครับ เขาไม่เรียกชื่อ เกิดผมหันไปแล้วไม่ได้เรียกผมทำไงละ หน้าหล่อๆของผมแตกยับพอดี
ดูจากท่าทางแล้วคงมาดูนิทรรศการสินะ โลกกลมจริงๆ ว่าแต่ที่เขาตามผมมาแบบนี้ คงไม่ใช่...มาทวงหนี้หรอกนะ เงินสดในตัวผมตอนนี้คงไม่พอที่จะจ่ายซะด้วย
“คุณอยู่มหาลัยนี้เหรอ?”
“อืม”
“คณะวิศวะ?”
“ใช่”
“ปีไหน?”
“ปี2”
“เอ่อ..ว่าแต่คุณชื่ออะไร?”
อ๋อนี่เพิ่งนึกได้เหรอ...ผมคิดในใจ แต่ก็ตอบไป
“นะโม เรียกโมเฉยๆก็ได้”
“โอเค โม...ผมปกป้อง คิดว่าโมคงรู้แล้ว แล้วทำไมไม่โทรหาผม” ผู้หวังดียืดตัวมาคุยกับผมตรงๆแล้วครับ ซึ่งความสูงเขากับผมต่างกันมากทีเดียว นี่ถ้าเขาไม่ใส่ชุดนักเรียนกับตัดผมเกรียนๆละก็ ผมคงนึกว่าเขาอยู่สักปี2-3 และจากคำถามเมื่อกี้ผมคิดว่าต้องคุยกันยาว ดังนั้นจึงเดินนำเขามานั่งที่โต๊ะหินแถวนั้นดีกว่า
“โทรแล้ว แต่นายไม่รับเอง” ปกป้องขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมา จิ้มโน่นเลื่อนนี่แป๊บนึงก็ยื่นจอให้ผมดู
“ใช่เบอร์นี้ปะ?”
“อืม ใช่” ผมมองเด็กที่ชื่อปกป้องจัดการกับไอโฟน “เอ่อ...คือพี่ไม่ได้คิดจะเบี้ยว แต่...เอางี้ นายอยู่ถึงกี่โมง”
“ผมชื่อปกป้อง ไม่ได้ชื่อนาย” เขาสวนขึ้นมานิ่งๆ
อะไรวะ...ขนาดผมเป็นรุ่นพี่ไอ้เด็กนี่ยังเรียกแค่โมเฉยๆเลย แต่ผมเป็นคนไม่เรื่องมาก ใครอยากเรียกไรก็เรียก อีกอย่าง ผมคงไม่เจอกับปกป้องบ่อยนักหรอก
“ป้องอยู่ถึงกี่โมง” ผมถามใหม่ “เดี๋ยวพี่ไปกดเงินมาให้”
คนตรงหน้าทำท่าคิดก่อนจะตอบเบาๆ
“ผม...อยู่ได้เรื่อยๆ”
“อืมมม ถ้างั้นรอแถวนี้สักพักละกัน เดี๋ยวพี่มา” ไหนๆก็ว่างละ ออกไปถอนเงินที่ธนาคารมาให้เลยดีกว่า จะได้หมดหนี้หมดสิน
“โมจะไปไหน?” ผมลุกขึ้น แต่มือของป้องก็ยึดไว้ไม่ให้ผมเดิน ผมมองไปตามแขน เหมือนเขาจะรู้ตัว จึงปล่อยผมทันที
“ไปธนาคาร ในมหาลัยนี้มี ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก”
“เดี๋ยว”
อะไรอีกวะ...
“เอ่อ...โมพาผมเดินดูงานหน่อยดิ” ป้องบอกผม ซึ่งนั่นทำให้คิ้วผมกระตุกเข้าหากัน มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
จะเอามั้ยเงินเนี่ย?
“แล้วเพื่อนไปไหนหมด?” ผมถามพลางมองไปรอบตัวๆ
“ก็ผมตามโมมาคนเดียว ส่วนเพื่อนก็แยกย้ายกันไปที่บูธแล้ว” เขาบอกผม “น่า...พาผมไปหน่อย”
ท่าทางอ้อนๆนั่นไม่ได้เข้ากับสรีระเลยนะ แต่ช่างเถอะ...ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว พาเด็กเที่ยวเล่นคงไม่เสียหาย
“เออๆ สนใจเอกอะไรล่ะ?” ผมลุกขึ้นเดินนำตรงไปยังสถานที่ที่แต่ละภาควิชาจัดบูธแนะนำกัน
“โมเรียกเอกอะไร?”
อะไรของมันวะ ถามไม่ตอบแถมถามกลับซะงั้น
“ปิโตรเคมี”
“งั้นไปเอกปิโตรเคมี” ป้องตอบง่ายๆ
เอากะมันสิ เฮ้อออ ผมเดินกลับไปที่บูธอีกครั้ง เด็กนักเรียนและนักศึกษาเริ่มจางลงไม่แน่นเหมือนตอนเช้าแล้ว คงเพราะแดดที่ส่องมาลงมันร้อนเกิน
“นี่”
“อะไร”
“แผลหายแล้วใช่มั้ย?” จู่ๆก็ถาม ผมดูจากลักษณะท่าทางแล้วเด็กคนนี้คงจะพูดเก่ง ชอบชวนคุย แถมมีอะไรก็แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าหมด อย่างตอนนี้ดวงตาของมันสื่อออกมาว่าเป็นห่วงผมจริงๆ
“อืม”
“ไหนเอามาดู” สิ้นคำแขนผมก็ถูกดึง เจ้าตัวปลดกระดุมแขนผมแล้วถลกขึ้นอย่างไม่ขออนุญาต ผมรีบชักแขนกลับทันที
“เฮ้ย ไรวะ” ผมเผลอตวาดเพราะตกใจ
“แล้วที่ท้องอะ?” ปกป้องจ้องที่ช่วงตัวผม
นี่มันคงไม่ได้คิดจะถลกชายเสื้อผมขึ้นมาดูใช่มั้ย? ไอ้เด็กนี่...แต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะถลกเสื้อของผมเพื่อดูรอยที่ท้องแต่อย่างใด ผมรูดแขนเสื้อให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วติดกระดุม จับเนคไทด์ให้คลายลงหน่อยเพราะอากาศร้อนแล้วผมเริ่มอึดอัด
อันที่จริงแล้วปกติผมก็ไม่ได้แต่งแบบนี้หรอกครับ วันนี้มีนิทรรศการ มีรุ่นน้อง เพื่อนต่างคณะ ต่างมหาวิทยาลัยมาดูงานมากมาย แถมยังมีอาจารย์ คณบดีเดินดูด้วย ผมต้องแต่งตัวเรียบร้อย ส่วนวันปกติน่ะเหรอ? กางเกงยีนส์สิครับ เสื้อเชิ้ตแขนสีขาวธรรมดาๆแต่พับแขนให้ถึงข้อศอกก็พอ ยิ่งเนคไทด์ไม่ต้องพูดถึง...
“ป้อง” เสียงผู้หญิงเรียก ผมกับเด็กข้างๆหันหลังกลับไป
“อ้าว...วาฬ”
คนกลุ่มนึงอยู่ตรงหน้าผม คนที่เรียกเป็นเด็กนักเรียนหญิงใส่ชุดแบบที่ไอ้บูมมันชอบ ตรงอกปักอักษรย่อแบบเดียวกับของปกป้อง ใบหน้าน่ารักกำลังยิ้มกว้าง แต่ผมไม่ได้สนใจเลย ผมมองเลยไปยังผู้ชาย 3 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังน้องผู้หญิงคนนี้ต่างหาก
ใบหน้าหล่อได้รูปของไอ้โทนิ่งสนิท มือของมันกำแน่นจนสั่นน้อยๆ ข้างๆมันมีร่างสูงของไอ้จ๊อบที่ยืนหัวฟูอยู่ และคนสุดท้ายไอ้หลาม...
ปลาฉลาม มันมีน้องสาวชื่อ ปลาวาฬ
งั้นเด็กผู้หญิงคนนี้คงเป็นน้องสาวของมันสินะ เพราะน่ารักแบบนี้นี่เองมันถึงไม่ยอมให้น้องมารู้จักกับพวกผม ผมลืมไปได้ยังไง เหอะๆ แต่โลกมันจะแคบไปไหม น้องสาวมันเสือกเรียนที่เดียวกับปกป้องเนี่ยนะ?
“หายไปไหนมาเนี้ย? รู้มั้ยเพื่อนตามหากันใหญ่” น้องไอ้หลามเดินเข้ามาทักป้องตรงๆ
“เรามาหาโม” เด็กข้างๆผมตอบเหลือบมองผมแว๊บนึง “แล้ววาฬมากะใครอะ? เพื่อนไปไหนหมด?”
“เรามากะพี่ฉลาม พี่ชายเราอะ เค้าเรียนวิศวะที่นี่” เด็กสาวว่าพลางหันไปโบกมือให้พี่ชายที่ยืนห่างออกไป ไอ้หลามยิ้มเจื่อนๆ ผมหันหน้าหนี เหมือนไม่ได้เจอพวกมันนานมาก ทั้งๆที่เรื่องเพิ่งผ่านมาได้ไม่แค่กี่วัน ส่วนคนที่ทำหน้าตาหน้ากลัวมันกำลังเดินเข้ามา
“มึง!!” มันกระชากผมเข้าไปแนบ “มานี่เลย!!”
“ปล่อย!” ผมต้านแรงมัน แต่ก็ฝืนไม่ไหว
“เฮ้ย ทำอะไรวะ!!?” ป้องเข้ามาจะช่วยผม แต่โดนไอ้เหี้ยโทถีบออกล้มลงกับพื้นแต่ก็รีบลุกขึ้นมาทันที “เชี่ย!!” ป้องจะชกกลับแต่ติดที่ว่าน้องวาฬห้ามไว้ซะก่อน
“ป้องอย่า!”
ตอนนี้คนรอบข้างเริ่มหยุดมองพวกเราแล้ว ไม่ได้มองเพราะไอ้เหี้ยโทหล่อหรือไอ้หลามเป็นนักร้องดัง แต่พวกเขากำลังมองคนที่กำลังจะต่อยกันต่างหาก
“ไอ้สัด!! นี่มหาลัยนะ!!” ผมหันไปด่ามัน ให้มันรู้ตัวบ้างว่ากำลังทำอะไรและอยู่ที่ไหน ไม่ใช่เอาแต่อาละวาดเป็นหมาบ้าแบบนี้
“เหรอ? ก็รู้นี่...นึกว่ามึงคิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมม่านรูดซะอีก” มันกระซิบบอกเสียงเหี้ยม หันไปมองป้องที่กำลังจ้องเขม็งมาที่มันเช่นกัน
“หึ แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น”
“ปล่อยกู” แต่มันกลับทำตรงกันข้าม ยึดต้นแขนผมให้แน่นกว่าเดิมแล้วบังคับให้ผมเดินตามมัน ผมหันหลังกลับไปมอง ผู้คนมากมายกำลังจ้องพวกเรา ปกป้องมองมาที่ผมอย่างเจ็บแค้น น้องปลาวาฬหน้าเสีย ไอ้หลามกับจ๊อบมองมาที่ผมกับไอ้โทอย่างสงสัย
Next Chapter >> - 9 - (part2)Talk
เราจักใช้ตัวละครให้คุ้มค่า ให้พวกท่านสับสนมึนงงเล่น อุวะฮาฮ่า