- 13 -
(part1)
ถึงแม้จะไม่ได้กว้างขวางเท่าห้องที่ผมหนีออกมา แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกแล้วผมสบายใจกว่าเยอะ พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกจัดใช้สอยอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ผนังห้องตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์เรียบๆสบายตา เฟอร์นิเจอร์ก็ไม่เยอะจนเกินไป มี1ห้องนอน 1ห้องน้ำ แล้วห้องครัวที่แบ่งโซนออกไปจากห้องรับแขกเฉยๆ
“ห้องรกไปหน่อยนะ เอาน้ำมั้ย?” ปกป้องหันมาถามผมขณะที่กำลังเปิดตู้เย็น
“อืม” ผมตอบพลางมองดูสิ่งของรอบตัว โดยเฉพาะบนโต๊ะเตี้ยข้างหน้าทีวีที่มีแต่หนังสือเตรียมสอบ ติววิชาหลักทั้งหลายแหล่ หนังสือเล่มโตที่วางอยู่บนสุดของกองนั้นหน้าปกเขียนว่ามันคือหนังสือสำหรับติวเข้มเพื่อเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์
เห็นแล้วก็อดหยิบขึ้นมาเปิดดูเนื้อหาข้างในไม่ได้ มันชวนให้นึกตอนที่ผมเรียนสมัยม.ปลายจริงๆ ช่วงที่ผมอยู่ม.5-ม.6นั้น เพื่อนๆคนอื่นหาที่เรียนพิเศษกันให้วุ่นวาย ครูคนไหนดี ที่ไหนสอนเก่ง มีแต่ผมที่นั่งเงียบๆกับหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด หรือไม่ก็ยืมหนังสือมาจากรุ่นพี่ที่เขาสอบติดแล้วไม่ต้องการใช้หนังสือเล่มนั้นอีกต่อไป
ผมไม่ใช่คนเก่ง จึงต้องเอาความขยันเข้าสู้ ฝึกทำโจทย์เยอะๆ เจอข้อสอบหลากหลายรูปแบบจะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นเอง
“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนหรือไง?” ผมถามหลังจากที่ปกป้องดันหนังสือติวเข้มเหล่านั้นให้พ้นทางแล้ววางแก้วน้ำลง
“มีสิ ผมยังเป็นเด็กม.ปลายที่ต้องไปเรียนทุกวันตั้งแต่8โมงจนถึง4โมงเย็นนะ” น้ำเสียงตอบกลับประชดประชัดนิดๆหน่อยๆ ราวกับเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม “แล้วโมละ? ไม่มีเรียนรึไง..เป็นเด็กมหาลัยนี่มันสบายจริงๆ” ท้ายประโยคนั่นไม่จริงเลยไอ้น้อง
จริงอยู่ว่าสามารถจัดตารางเรียนเองได้ จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าก็ได้ ไม่มีอาจารย์คอยตามจิกตามบ่นเหมือนสมัยม.ปลาย มีอิสระเสรี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยถ้าไม่รู้จักแบ่งเวลาหรือแยกแยะให้เป็น เหมือนเพื่อนในรุ่นผมที่ตอนนี้มันซิ่วไปเรียนที่อื่นแล้ว เหตุผลเพราะไม่มีสิทธิ์สอบเนื่องจากเวลาการเข้าเรียนไม่พอ
“มีเรียน9โมงครึ่ง”
“งั้นก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว นี่มันจะ4ทุ่มละนะ”
บอกตัวเองดีกว่ามั้ย? ได้ข่าวว่าม.ปลายเข้าเรียน8โมงนะ
ผมมองหน้าคนถามกลับ
“เอ่อ...” พูดถึงเรื่องอาบน้ำ แต่งตัว นี่ผมจะใส่ชุดไหนไปเรียนเนี่ย หนังสือ ชีทต่างๆอีก อยู่ที่คอนโดไอ้โทหมดเลยนี่หว่า เอาไงดีวะ...ช่างแม่งละกัน ซีรอกส์ใหม่ทั้งหมดเอาก็ได้
เหมือนเด็กตรงหน้าจะรู้ว่าผมกำลังวิตกเรื่องอะไร ปกป้องเดินไปหยิบชุดมาให้ผม2ชุด หนึ่งคือชุดนอนที่เป็นเสื้อยืดสีขาว กางเกงเจเจธรรมดาและผ้าขนหนู
“มหาลัยพี่ไม่เคร่งมากใช่ปะ งั้นใส่ตัวนี้ไปคงไม่เป็นไรมั้ง” ส่วนอีกตัวคือเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว “เดี๋ยวรีดให้ ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ขอบใจ”
“อ้อ...นี่ด้วย” มือยื่นถุงแพ๊คเล็กๆมาให้ แต่สายตาเบือนหน้าไปทางอื่น ผมมองสิ่งนั้น
กางเกงใน...ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน ดูเหมือนจะเป็นของแบรนด์ซะด้วย
“เอ่อ..อืม ใจว่ะ”
ผมรับแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พอถอดเสื้อผ้าแล้วมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ก็พบกับผู้ชายวัยรุ่นหน้าตาธรรมดาๆ หุ่นแห้งๆขี้ก้าง รอยฟกช้ำดีขึ้นมาก แต่คงต้องรออีกสักพักกว่าจะหายสนิท
หวังว่าจะไม่มีไอ้สีเขียวอมม่วงนี่ขึ้นมาใหม่หรอกนะ...มันต้องไม่มีสิ ผมบอกไอ้โทแล้วว่าให้เลิกยุ่งกับผม ไม่รู้ว่ามันจะทำตามที่ผมบอกหรือไม่...ถ้าไม่ ผมคงต้องตีตัวออกห่างมันเอง และหากเรื่องนี้มันยังไม่จบ ผมจะลาออก ไม่ต้องเรียน ทำงานหาเงิน ไม่ต้องมาเครียดกับเรื่องบ้าๆแบบนี้อีก
แต่ก่อนออกผมขอซัดหมัดหนักๆ กระทืบไอ้หลามซ้ำสักทีเหอะ คนเหี้ยไรวะ โกหกหน้าตาย ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยสักนิด
พออาบน้ำเสร็จก็เจอเด็กหัวเกรียนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ
“นี่อาบน้ำหรือขัดห้องน้ำ?” มันขมวดคิ้วใส่
จะว่าไปผมก็อาบนานจริงๆนั่นแหละ ก็คนมันใช้สมองอยู่นี่หว่า อาบนานก็ไม่แปลก
ปกป้องเดินสวนเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบบ้าง ส่วนผมก็เดินมานั่งหน้าทีวี เปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนเจอหนังผีเรื่องหนึ่ง ผมดูฆ่าเวลา ถามว่ากลัวมั้ยก็กลัว ลุ้นก็ลุ้น แต่อยากดูอะ
“แฮร่!!!!”
“เฮ้ยยยยยยยยยยย!!” ผมตะโกนร้องเสียงหลง
จะไม่ให้ตะโกนได้ไงล่ะครับ ไอ้เด็กนี่จู่ๆย่องเข้ามาทางด้านหลังผมแล้วแฮร่ใส่หูซะงั้น
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
เออออออออ หัวเราะเข้าไป อย่าให้ถึงทีผมบ้างนะ
“โมนี่แปลก กลัวผีแต่ก็ดูหนังผี” มันว่าพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งข้างๆผม
“ไม่ได้กลัวเว้ย” ผมเถียง
“แล้วที่ร้องเสียงหลงเมื่อกี้เรียกอะไร?” แหนะ ไอ้เด็กนี่ย้อน
“เค้าเรียกตกใจต่างหาก”
“เหรออออออออ” ทำเสียงได้น่าถีบมากครับ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้าของห้องละก็...โดนตบเกรียนแตกไปแล้ว
ผมกลับมาสนใจในจออีกครั้ง ตั้งหน้าตั้งตาคอยลุ้นว่าตัวเอกจะต้องเจออะไรอีก
“โมจะนอนตรงนี้เลยป่าว เดี๋ยวผมไปปิดไฟให้”
“ก็ได้” ดีเหมือนกัน ได้บรรยากาศขนหัวลุก นี่ถ้าเอาผ้าห่มมาคลุมโปงนะ ใช่เลย
ปกป้องลุกไปปิดไฟ ผมเลยบอกฝันดีเพราะคิดว่าเจ้าตัวน่าจะไปนอนในห้อง แต่เปล่าเลยมันเดินมาเลื่อนโซฟาให้ห่าง ก่อนจะนั่งข้างผมเหมือนเดิมพร้อมหมอนและผ้าห่มผืนใหญ่เรียบร้อย ผมมองมันอย่างงงๆ
“มีห้องนอนไม่ไปนอนวะ?”
“ก็ผมอยากนอนตรงนี้”
เออ เรื่องของมึง ห้องมึงนี่
ผมไม่สนใจมัน ล้มตัวลงนอนคว้าผ้าห่มมาห่ม ดูหนังผีจนเผลอหลับไป
Talk
เอาปกป้องมาเรียกคะแนน :3