KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56  (อ่าน 76797 ครั้ง)

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #60 เมื่อ05-04-2013 16:26:54 »

 :m25:  :m25:  :m25:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #61 เมื่อ05-04-2013 16:39:22 »

ฟิคแบบอารมณ์เก็บกดน่าดู

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #62 เมื่อ05-04-2013 17:10:08 »

ชอบที่เซย์ริวหื่น แต่ไม่อยากให้ตีคาซึโกะเลย สงสารอ่า

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #63 เมื่อ05-04-2013 21:42:37 »

พะ...พี่คือคนเขียนเรื่องนี้?
หนูมีรวมเล่มนร๊า

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #64 เมื่อ05-04-2013 22:27:45 »

พะ...พี่คือคนเขียนเรื่องนี้?
หนูมีรวมเล่มนร๊า

ขอบคุณที่ซื้อนะครับ (ยิ้มหวาน)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #65 เมื่อ06-04-2013 18:37:56 »

สมแล้วจริงๆ หื่นมาก :m25:
คนเขียนยังคงหื่นคงเส้นคงวาเลยสินะ :hao6:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #66 เมื่อ06-04-2013 21:45:35 »

รวดเดียวจบ พร้อมเลือดที่หมดตัว เลิศจริงๆ สนุกมากเลยค่ะ ยังสงสัยว่า จนบัดนี้ทำไมยังไม่รักกัน เฮ้ออออ

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #67 เมื่อ06-04-2013 22:05:47 »

อ่านทีเีดีียวตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดเลย
เซย์โหดไปปะนี่  คัตซึฮิโกะน่าสงสารจริง ๆ ที่ติดกับเซย์

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #68 เมื่อ07-04-2013 12:02:18 »

คัตสึอิโกะ...นายต้องทำให้ตาบ้าเซย์ริวหลงนาย รักนายให้ได้นะ >\\<
หมั่นไส้ตาเซย์...เห็นเป็นของเล่นรึ...

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #69 เมื่อ07-04-2013 19:27:41 »

อ่านด้วยคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-04-2013 19:27:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #70 เมื่อ10-04-2013 09:42:32 »

sm สุดๆๆ

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #71 เมื่อ10-04-2013 10:35:35 »

บร๊ะะะะะ!

คัตซึจังกำลังหลงเซย์มากขึ้นๆเรื่อยเลยหรือเปล่าเนี่ยยย (; A ;  )
แต่เซย์ม่างก็ใจร้ายเกินนะเนี่ยยยย

:pig4:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #72 เมื่อ19-04-2013 21:23:23 »

ไม่เจอกันตั้งสองอาทิตย์ คิดถึงผมมั้ยครับ?
ไม่สินะครับ งั้นคิดถึงเซย์ริวกับคัตสึฮิโกะมั้ยครับ?
คิดถึงใช่มั้ยครับ?
งั้นต่อเลยนะครับ

KOUSOKU 10

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงนาฬิกาในห้องที่ร่างสูงกำลังนอนอยู่เป็นแน่ แต่ความเก่าของห้องเช่าทำให้ผนังห้องไม่สามารถเก็บเสียงใด ๆ ได้เท่าไรนัก นาฬิกายังส่งเสียงดังรบกวนชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทนไม่ได้ เซย์ริวลุกขึ้นไปถีบฝาห้องเต็มแรง

“เฮ้ย! นาฬิกามันปลุกนานแล้วนะโว้ย ถ้าจะไม่ตื่นก็อย่าเสือกตั้งให้มันปลุกสิโว้ย! แม่งเอ๊ย!” เสียงตะโกนของชายหนุ่มดังไปทั้งอพาร์ทเม้นต์โทรม ๆ  ยังผลให้เสียงนาฬิกาเงียบลงโดยพลัน

“เออ ก็แค่นั้นแหละ รำคาญชิบหาย” เซย์ริวบ่นแล้วก็เดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนที่เดิม

“ตะโกนอะไรแต่เช้าน่ะ เซย์ริว? หนวกหูจังเลย” เสียงใส ๆ ที่ยังง่วงงุนดังขึ้น แล้วหญิงสาวก็ตลบผ้าห่มขึ้นโงหัวขึ้นจากที่นอน

“ไอ้นาฬิกาห้องข้าง ๆ น่ะสิ รำคาญชะมัด” ร่างสูงบอกพลางพลิกตัวไปซบหน้าซุกลงกับอกอวบ พร้อมกับแขนแกร่งที่พาดลงกับเอวคอด

“ฉันชินแล้วหละ มันก็ดังแบบนี้ทุกวันแหละ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ  รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อจมูกโด่งเสียดสีกับร่องอก

“แต่ฉันไม่ชินนี่หว่า ไอ้ฮิโรกิมันทนได้ยังไงนะ”

“ฮิโรกิไม่เคยรู้เรื่องหรอก เธอก็รู้นี่ว่าเช้า ๆ เขาจะหลับเป็นตายเสมอน่ะ” จิอากิบอกพลางลูบไล้ผมสีน้ำตาลยาวหนา

“ว่าแต่...มันไม่กลับบ้านมา 2 วันแล้วนะ ไม่เป็นห่วงมันบ้างเหรอ?”

“จะไปห่วงทำไม บางทีเขาก็แบบนี้แหละ ยิ่งเวลาทะเลาะกันแบบนี้ บางทีหายไปทั้งอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ” สาวน้อยพูดอย่างเฉยชา

"ไม่กลัวมันจะไปมีคนใหม่บ้างเหรอ?” อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างบางมาชิด ไล้ริมฝีปากไปตามก้อนเนื้ออวบนุ่มตรงทรวงอกของหญิงสาว

“เชอะ! ไม่สนหรอก ถึงตอนนั้นฉันก็มีคนใหม่บ้างสิ จะไปง้อทำไม” จิอากิแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสของร่างสูงอย่างนึกสนุก “อืม...ว่าแต่ คนใหม่ที่ว่าจะเป็นเธอดีมั้ยนะ เซย์?”

“ไม่ดีหรอก เป็นเจ้าฮิโรกิแหละดีแล้ว อยู่กับฉันเธอลำบากแน่” ริมฝีปากซุกซนเริ่มไต่ไปเรื่อย จนถึงยอดอกสีชมพู

“เธอเอาแต่ปฏิเสธฉันเสมอเลยนะ” สาวน้อยตัดพ้อนิด ๆ  รู้สึกสยิวเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นตวัดลงกับยอดปทุมถัน “ไม่ถูกใจฉันเหรอ หรือเพราะฉันเป็นแฟนของเพื่อนสนิท?”

“ทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือ เธอไม่ใช่สเป็กฉัน” ชายหนุ่มขบงับหยอกล้อจนยอดอกนั้นแข็งเป็นไต

“แต่ฉันถูกใจเธอนะ เท่ห์ก็เท่ห์ แถมยังเก่งเรื่องอย่างว่าด้วย” จิอากิขยับตัวเข้าหาอย่างต้องการ ซึ่งร่างสูงก็สนองให้

“ฉันเป็นได้แค่คนที่เธออยากได้ตอนที่เจ้าฮิโรกิไม่อยู่เท่านั้นแหละ” มือแกร่งขยุ้มก้อนเนื้อนุ่มที่บั้นท้าย เคล้นคลึงปลุกเร้าจนหญิงสาวสั่นสะท้าน

ผิวกายนุ่มเบียดเข้าหากล้ามเนื้อแกร่งของชายหนุ่มด้วยหวามในอารมณ์ใคร่ ซึ่งร่างสูงก็ต้อนรับหล่อนด้วยสัมผัสของมือและริมฝีปาก การกระทำที่ช่ำชองชักพาให้สาวน้อยหลงเข้าไปติดอยู่ในวังวนแห่งความปรารถนาได้ไม่ยากนัก แม้ว่าหล่อนจะมีอาชีพที่จะต้องนอนกับผู้ชายบ่อย ๆ  แต่ด้วยความที่เป็นคนที่หล่อนพึงใจ อารมณ์จึงโหมกระพือร้อนแรงกว่าเคย แม้เมื่อคืนนี้จะได้รับการเติมเต็มความต้องการจนอิ่มเอมไปแล้ว แต่เมื่อถูกปลุกเร้าหล่อนก็ยินดีจะสนองและตอบรับชายหนุ่มตรงหน้า


นับจากค่ำคืนที่อัดแน่นไปด้วยความปรารถนานั้นเวลาผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เซย์ริวไม่ได้ไปหาคัตซึฮิโกะอีกเลยนับแต่นั้น มีเรื่องยุ่ง ๆ หลายอย่างที่เขาต้องการสะสางเสียให้เรียบร้อย เรื่องค่ารักษาที่ติดค้างหมอมาซาฮิเดะเอาไว้ไม่มีแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเอาศพของเจ้าคนเคราะห์ร้ายไปทิ้งไว้ให้ ครั้งล่าสุดที่แวะไปหาเพื่อตัดไหมที่เย็บแผลที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทออก เขาพบว่ามีอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายชิ้น...ถึงหมอมาซาฮิเดะจะเป็นคนค่อนข้างหน้าเลือดและหาเงินด้วยวิธีที่ไม่ค่อยสะอาดนัก แต่เงินสกปรกเหล่านั้นก็ถูกนำมาซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รักษาชีวิตเหล่าผู้คนในเงามืดทุกครั้ง นั่นทำให้เขาเป็นที่เคารพและยำเกรงของพวกวายร้ายเหล่านี้ตลอดมา

เรื่องที่เซย์ริวต้องสะสางจริง ๆ นั้น คือเรื่องที่อาจจะติดตามมาจากการที่เขาแทงอัตสึชิปางตาย เขาไม่ต้องการให้ตำรวจหรือใครก็ตามสืบสาวเรื่องมาจนถึงตัวเขา การข่มขู่ไม่ใช่วิธีการที่เขาเลือก เพราะคนที่ถูกข่มขู่อาจจะหวาดกลัวหรือเคียดแค้นจนนำเรื่องของเขาไปบอกกับตำรวจได้ วิธีที่ดีที่สุดของเขาก็คือหาทางปิดปากอัตสึชิเสีย

โชคดีของร่างสูงที่อัตสึชิบาดเจ็บหนักมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล การลักลอบเข้าไปในโรงพยาบาลง่ายกว่าการเข้าไปในคุก ถึงโรงพยาบาลนั้นจะเป็นโรงพยาบาลตำรวจก็ตาม แต่ถึงกระนั้นความเสี่ยงก็มีสูง เขาจำเป็นจะต้องวางแผนให้รัดกุมเรียบร้อยที่สุด เพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐานใด ๆ ที่จะมัดตัวเขาได้

ลูกน้องของอัตสึชิคนหนึ่งถูกเลือกเป็นเครื่องมือสำหรับแผนการครั้งนี้ มันคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเซย์ริวมากขนาดที่คนไม่คุ้นเคยจะจำผิดคนได้ เซย์ริวยืมมือฮิโรกินิดหน่อยในการหลอกล่อมอมยามันแล้วจัดการตามแผน ครั้งแรกที่เขาบอกเล่าถึงแผนการนี้ให้ฮิโรกิรู้...เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในแววตาคู่สวย ความหวาดหวั่นที่ฮิโรกิมีต่อเขาไม่เคยเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพียงแต่มันถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน เมื่อไรที่ฮิโรกิรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขา มันก็จะปรากฏออกมาให้เห็นผ่านทางตาคู่นั้น...เงื่อนไขของเครื่องมือในแผนครั้งนี้คือจะต้องไม่มีลิ้นที่จะพูดกับใครได้ ฮิโรกิไม่กล้าพอที่จะเล่นตามบทบาทที่เซย์ริววางไว้ให้ เขาไม่สามารถจูบและกัดลิ้นมันคนนั้นให้ขาดได้!

ร่างสูงจึงต้องใช้กำลังนิดหน่อยในการตัดลิ้นของมันให้ขาด ณ วินาทีนั้น เป็นครั้งแรกที่ฮิโรกิหลับตาแล้วเบือนหน้าหนีจากสิ่งที่เขากระทำ ไม่มีเสียงร้องจากคนที่กำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา นอกจากอาการกระตุกเล็กน้อย เซย์ริวลงมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย เท่านั้นยังไม่พอ มีดปลายแหลมยังถูกแทงเข้าไปในร่างนั้นแล้วดึงออก คราวนี้ฮิโรกิถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก หลับตาแน่น ทำท่าเหมือนจะอาเจียน เพียงแค่จับไหล่เบา ๆ ยังสะดุ้งสุดตัว

“ไม่เป็นไรแล้ว จบแล้วหละ แกไม่ต้องทำอะไรแล้ว ขอบใจมาก”

“ทำไม...ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้?” ร่างบางถามเสียงสั่น

“เพื่อให้ฉันอยู่รอดไง”

ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าของร่างสูงอย่างรวดร้าวนิด ๆ  แต่แล้วก็พยักหน้า...เป็นสัญญาณว่าฮิโรกิยอมรับเหตุผลและการกระทำของเขา

“พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จบแล้วหละ แล้วจะพาไปเลี้ยง”

ถ้าเป็นเวลาปกติ เซย์ริวคงขยี้ผมนุ่ม ๆ นั้นเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่คราวนี้มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงเดินเข้าไปประคองร่างที่หายใจรวยรินแล้วรีบพาไปโรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาล เซย์ริวแสดงละครนิดหน่อย ว่าน้องชายเขาโดนทำร้ายมาบาดเจ็บสาหัส ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีใครสงสัยแม้แต่คนเดียว หมอและพยาบาลเวรรีบนำตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเข้าห้องฉุกเฉิน ข่าวร้ายถูกนำมาบอกกับเซย์ริวว่า น้องชายของเขาคงไม่สามารถพูดได้อีกเนื่องจากลิ้นถูกตัดขาด แต่แผลที่ช่องท้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ร่างสูงพยักหน้ารับด้วยความเศร้าสร้อยพลางนึกในใจว่ามันถูกต้องแล้วที่มันคนนั้นจะพูดไม่ได้อีก เพราะเขาต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น

เมื่ออาการปลอดภัยดีแล้ว ‘น้องชายของเซย์ริว’ ก็ถูกย้ายไปไว้ที่ห้องคนไข้ในธรรมดา เซย์ริวเสียเวลานั่งเฝ้าตลอดคืนนั้นพร้อมกับพยายามเดินสำรวจโรงพยาบาลเพื่อหาห้องที่อัตสึชิรักษาตัวอยู่ เขาสืบล่วงหน้ามาแล้วว่าอัตสึชิพักอยู่ในห้องพิเศษรวมสำหรับผู้ต้องคดี แล้วเขาก็หาพบ ที่หน้าห้องนั้นมีตำรวจนั่งเฝ้าหน้าห้องอยู่ 2 คน ไม่ยากที่เขาจะเข้าไป

วันต่อมา เครื่องมือของร่างสูงยังไม่ได้สติเพราะยาที่ฮิโรกิให้มาใช้เพิ่มถ้าไม่ต้องการให้ตื่นขึ้นมา จนตกดึก...แผนการก็เริ่มต้นขึ้น
ตำรวจ 2 นายที่หน้าห้องพิเศษรวมเห็นเพียงแค่มีร่างสูง ๆ ในชุดของโรงพยาบาลเดินกระโพลกกระเพลกเข้ามาหาจนถึงหน้าห้อง เมื่อพยายามสอบถามก็โดนน็อกไปโดยแทบจะยังไม่ทันจดจำใบหน้าของผู้บุกรุก เช้าวันรุ่งขึ้น มีผู้พบศพของคนไข้ที่เพิ่งเข้ารักษาตัวเมื่อคืนวานนอนฟุบอยู่ข้างเตียงในห้องพิเศษรวม สาเหตุการตายคือการเสียเลือดมากจากแผลที่เย็บเอาไว้ตรงช่องท้องฉีกขาด จากการตรวจสอบพบรอยเลือดหยดเป็นระยะจากห้องผู้ป่วยรวมมาจนถึงข้างเตียง พร้อมกันนั้นคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงก็เสียชีวิตเนื่องจากมีดปลายแหลมที่ปักอยู่บนอกจนเกือบมิดด้าม บนด้ามมีดเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของผู้ตายที่นอนอยู่ข้างเตียง ซึ่งมีดนั้นเป็นมีดแบบเดียวกับที่ทำให้คนไข้ต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานานอันมีสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาท

ตำรวจสืบหาสาเหตุแล้วสรุปความได้ว่า ผู้ตายทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะของแก๊งค์อาชญากรรม โดยที่ผู้ตายคนแรก คือ อัตสึชิ เป็นหัวหน้าของแก๊งค์นั้นและผู้ตายอีกคนเป็นลูกน้องในแก๊งค์ ซึ่งอาจเกิดการขัดแย้งบางประการทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้นทำให้อัตสึชิบาดเจ็บสาหัสจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ต่อมาฝ่ายที่เป็นลูกน้องได้เข้ารักษาตัวเนื่องจากถูกทำร้ายจนลิ้นขาดและมีบาดแผลโดนแทง ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือของลูกน้องคนอื่น ๆ ของอัตสึชิ ผู้ตายคนที่สองได้หาทางแก้แค้นด้วยการฆ่าอัตสึชิที่อาการดีขึ้นมากแล้วโดยแลกกับชีวิตของตัวเองที่จะต้องกลายเป็นคนพิการแม้จะรักษาตัวหาย แต่เนื่องจากบาดแผลที่เย็บเอาไว้ได้เปิดออกระหว่างทางที่เดินมาจนถึงห้องพิเศษรวม และผู้ตายคนที่สองยังได้ออกแรงเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าห้องจนหมดสติทั้งสองนาย ซึ่งทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น เนื่องจากตรวจพบว่ารอยเลือดจากหน้าห้องรวมไปถึงเตียงคนไข้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เมื่อทำการฆาตกรรมอัตสึชิแล้วจึงเสียเลือดมากจนเสียชีวิตในที่สุด ในห้องพักของผู้ตายคนที่สองพบร่องรอยการรื้อค้น แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรหายไปบ้าง สรุปคดีความได้ว่าเป็นการแก้แค้นกันระหว่างสมาชิกแก๊งค์อาชญากรรม เพียงแต่...ไม่มีใครหาตัวผู้ที่อ้างตัวเป็นพี่ชายของผู้ตายพบ

เสร็จจากเรื่องครั้งนั้น เซย์ริวพาฮิโรกิไปเลี้ยงขอบคุณก่อนที่จะหลบหน้าผู้คนสักพักหนึ่งจนกระทั่งคดีฆ่ากันในโรงพยาบาลเงียบไป เมื่อคืนนี้เขามาหาฮิโรกิอีกครั้ง แล้วก็พบว่าฮิโรกิกับจิอากิทะเลาะกันอีกแล้ว และตอนที่เขามาถึงจิอากิกำลังเมามายได้ที่ ส่วนฮิโรกิออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเป็นแบบนี้ฮิโรกิจะไม่กลับมาทั้งคืน

ขณะที่ปลอบโยนหญิงสาวที่ร้องไห้อย่างหนัก การกระทำของจิอากิและฤทธิ์แอลกอฮอล์ช่วยปลุกอารมณ์ดิบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คืนนี้ฮิโรกิไม่อยู่ ท่ามกลางแสงสลัวจิอากิดูสวยน่ารักกว่าเคย และด้วยร้างจากเรื่องอย่างว่าระยะหนึ่ง ความต้องการจึงปะทุขึ้น ชายหนุ่มกอดรัดร่างเล็กบอบบางไว้นับครั้งไม่ถ้วน ปริ่มสุขกันไปหลายหนจนเกือบเช้า กระทั่งถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก...


“อะ...อ๊า...เซย์...เซย์ริว อ๊า!!!!” เสียงหวานใสกรีดก้องเมื่อเดินทางมาถึงจุดสุดยอด

ร่างสูงกดกายเข้าหาเป็นจังหวะสุดท้ายแล้วปลดปล่อยความปรารถนาให้พวยพุ่ง ทั้งสองเกร็งนิ่งเข้าหากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายชายจะถอนกายออก

เสียงลูกบิดห้องดังขึ้น เซย์ริวหันขวับไปทันที...ร่างเล็กเพรียวยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับถูกภาพตรงหน้าสะกดให้กลายเป็นหิน ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น รวดร้าว

เซย์ริวรู้ดีว่าเขาไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น สภาพในตอนนี้มันฟ้องชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จิอากิดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายด้วยสีหน้าปั้นยาก ฮิโรกิกำมือแน่นแล้วกลับหลังหันวิ่งออกจากห้องไป ร่างสูงคว้ากางเกงมาสวมได้ก็วิ่งตามออกไปทันที

“ฮิโรกิ! ฮิโรกิ! ฟังก่อน!!”

“ไม่ฟัง! ไอ้...ไอ้ระยำ! แก...ไอ้คนฉวยโอกาส!!” ร่างเล็กตะโกนด่า หันกลับมามองด้วยสายตาแค้นเคือง

มือแกร่งคว้าได้ต้นแขนของฮิโรกิ ดึงกลับมากดไว้กับกำแพง “ฟังก่อนเซ่!”

“ฟังบ้าอะไร! แกจะพูดอะไร! แกจะบอกให้ฉันฟังรึไงว่าแฟนฉันรสชาติดีแค่ไหน หรือหล่อนร้องครางยังไงแกตอนที่แกอยู่ในตัวหล่อน! หรือแกจะบอกเหตุผลว่าทำไมแกถึงฟันแฟนของฉัน!” ดวงตาที่มองมาเกรี้ยวกราด สีหน้าบอกชัดว่าไม่ยอมลงให้แน่ ๆ

“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรแกก็ต้องฟัง!” ร่างสูงไม่ยอมแพ้ “เออ! ฉันฟันแฟนแก กอดแฟนแกมาทั้งคืนเลยด้วย!”

“ไอ้ระยำเอ๊ย! มึงตีท้ายครัวกู! ไอ้...” กำปั้นลุ่น ๆ หวดเข้าหาใบหน้าของร่างสูงแต่ถูกปัดเอาไว้ได้

“เออ! กูตีท้ายครัวมึง! แล้วไง? มึงอยากทะเลาะกันแล้วออกจากบ้านไปทำหอกอะไรล่ะ! แล้วทำยังกับว่ากูเป็นคนแรกที่นอนกับเมียมึงงั้นนี่!”

“ไอ้...” ฮิโรกิเริ่มหาคำมาด่าไม่ถูก เพราะสิ่งที่เซย์ริวพูดมาเป็นเรื่องจริง “แต่ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนทำกับกูแบบนี้!!”

“พ่อมึงสิ! มึงไม่รู้รึไงว่าเพื่อนมึงน่ะซื้อเมียมึงไปกี่คนแล้ว ไอ้ควาย!”

เสียงทะเลาะกันลั่น ๆ ทำให้ผู้คนในซอยชะโงกหน้าออกมาแอบดู

“มองทำเหี้ยอะไร ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันรึไง!?” สองหนุ่มหันไปด่าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เล่นเอาคนที่โผล่หน้าออกมาดูรีบผลุบกลับเข้าไปอย่างกลัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองคือเซย์ริวกับฮิโรกิ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #73 เมื่อ19-04-2013 21:26:36 »

รอบกายเงียบสงบไปชั่วขณะ ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะพรืดออกมา

“หึ! ไปหาที่คุยกันที่อื่นดีกว่ามั้ย?” เซย์ริวเอ่ยขึ้นก่อน

“ก็ได้” ฮิโรกิพูดพร้อมกับยิ้มนิด ๆ

เซย์ริวพาฮิโรกิไปนั่งที่ร้านข้าวใกล้ ๆ กับโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะและยืมเสื้อคลุมจากโรงพยาบาลเพราะรีบร้อนออกมาจนไม่ได้สวมเสื้อ พร้อมกับเลี้ยงข้าวและเบียร์ขวดใหญ่

“มันไม่ยุติธรรมนะโว้ย ที่แกจะเอาของแค่นี้มาเซ่นฉันไถ่โทษที่นอนกับเมียฉัน” ฮิโรกิบอกพลางคีบหมูทอดชิ้นใหญ่ใส่ปาก

“แล้วจะเอาอะไรอีก?” เซย์ริวถามแล้วก็ยกเบียร์ในแก้วขึ้นดื่มอึกใหญ่ “ถ้าจะเอาเงินก็พอได้อยู่หรอกนะ ฉันไปได้มาจากห้องของไอ้นั่นเยอะเหมือนกัน”

“ไม่ได้อยากได้เงินโว้ย รู้สึกพักนี้เราสองคนจะมีเงินใช้สบายมือเหลือเกินนะ” ร่างบางพูดยิ้ม ๆ พร้อมเคี้ยวข้าวอย่างสบายอารมณ์เหมือนกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“เดี๋ยวมันก็หมด” ร่างสูงยักไหล่ “ว่าแต่แกจะเอาอะไรอีก”

“ของเล่นของแกน่ะ” ฮิโรกิเหลือบตาขึ้นมองคนนั่งตรงข้ามแววตาเป็นประกายระยับ

“กะแล้ว...” จำเลยส่ายหน้าระอาใจ

“ทำไมล่ะ? ทีแกยังไปเล่นกับเมียฉันได้เลย” เจ้าตัวเล็กเริ่มทำหน้ามุ่ย

“นั่นเมีย ไอ้นี่มันของเล่น ไอ้ฉันก็ไม่มีเมียให้แกไปเล่นเสียด้วยสิ”

“ของเล่นนั่นแหละ ของเล่นชิ้นโปรดที่สุดของแกไม่ใช่เหรอ? เอามาถวายท่านฮิโรกิเป็นการไถ่โทษเสียดี ๆ ” พูดแล้วก็ทำเชิดหน้าราวกับเป็นคนสำคัญ

เซย์ริวยักไหล่อีกครั้ง “ไม่รู้จะยอมหรือเปล่านะ ไม่ได้ไปหานานมากแล้วด้วย”

“ยอมหรือไม่ยอมแกก็ต้องทำให้ยอม แกทำได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ฮิโรกิยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“เออ ๆ  ก็ได้” นิ้วเรียวหยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ใกล้ ๆ มุมปากของร่างบางมาใส่ปากตัวเอง “อยากเล่นอะไรพิเศษก็หาไปเองก็แล้วกัน”

“ด้าย~” ร่างบางพูดแล้วก็หัวเราะคิกอย่างนึกสนุก

เซย์ริวมองคนที่เป็นเหมือนน้องชายแล้วก็ส่ายหน้านิด ๆ  ยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ฮิโรกิไม่เคยรู้สึกผิดอะไรกับเรื่องชั่ว ๆ ที่พวกเขาทำลงไปมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่โกรธจัดเมื่อครู่ก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบและอาจเพราะยังโกรธค้างมาจากเมื่อคืนด้วย ถ้าเทียบกันแล้วจิอากิจะโดนโกรธบ่อยกว่าเซย์ริวเสียอีก

‘...ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...’ ร่างสูงรู้สึกไม่ค่อยปลอดโปร่งใจเป็นครั้งแรก ‘…คงไม่เป็นไรมั้ง…’
//////////

อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว ใบไม้กำลังค่อย ๆ ผลิใบออกมาต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง แต่ดูเหมือนจิตใจของคัตซึฮิโกะจะไม่ได้รับรู้ถึงความสดใสของฤดูกาล เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองผ่านฤดูหนาวที่ดูเหมือนจะยาวนานเป็นพิเศษมาได้อย่างไร เรื่องราวของอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคนราวกับเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแสนนานแล้ว...ในตอนนี้ลมเย็น ๆ ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในเมือง เช่นเดียวกับความหนาวเหน็บในใจของเขา

2 เดือนที่ผ่านมากับการกลับไปใช้ชีวิตคนเดียว...ตามลำพัง คัตซึฮิโกะเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถอยู่ด้วยตัวคนเดียวได้อีกแล้ว ห้องเล็ก ๆ แค่นั้นเขากลับรู้สึกว่ามันอ้างว้างเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ออกไปยืนตากละอองหิมะไปพลางสูบบุหรี่ที่ไม่ได้สูบมานานแล้วไปพลาง อัดควันลึกเข้าปอดเหมือนจะให้หัวใจมันอุ่นขึ้น ปลายนิ้วที่เย็นจนแทบแข็งทำให้หวนคิดถึงผิวกายอุ่น ๆ ของใครบางคนที่เคยนอนขดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...

นิ้วเรียวคีบบุหรี่ออกจากปาก ควันขาวไหลผ่านริมฝีปากซีด ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาหม่นหมองเหม่อมองตามควันขาวที่ตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มของเวลาใกล้ค่ำไป คัตซึฮิโกะนั่งเหม่ออยู่แถว ๆ หน้าบริษัทตั้งแต่เลิกงานจนค่ำมืด ลมเย็นไม่ได้ทำให้รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น มีเพียงหัวใจสะท้านเยือกทุกครั้งที่อัดบุหรี่เข้าปอดช้า ๆ ...ไม่อยากกลับบ้าน...


เมื่อ 2 เดือนก่อน คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นมาแล้วพบตัวเองอยู่บนเตียงตามลำพัง ไม่มีร่องรอยของคนที่นอนกกกอดเขาไว้ตลอดทั้งคืน เขาฝืนร่างกายที่เมื่อยขบไปทั้งตัวลุกไปที่ห้องน้ำ หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็พบว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเซย์ริวแทบจะหายไปหมด แม้จริง ๆ แล้วข้าวของส่วนตัวของร่างสูงจะมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น แต่คัตซึฮิโกะก็คุ้นเคยที่จะเห็นมันอยู่ในห้อง...เสื้อโค้ทสีดำเก่า ๆ มักจะแขวนไว้ตรงที่แขวนเสื้อข้าง ๆ ประตูห้อง กางเกงยีนส์เนื้อหนาพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้เป็นประจำ มีดสปริงที่มักจะอยู่บนโต๊ะ...ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในห้อง แม้ว่าทุกครั้งที่เซย์ริวออกจากห้องไปสิ่งเหล่านั้นจะไม่อยู่เช่นตอนนี้ก็ตาม แต่คราวนี้คัตซึฮิโกะกลับรู้สึก...กลิ่นอายของใครคนนั้นไม่หลงเหลืออยู่ในห้องแม้แต่น้อย เซย์ริวจะจากไปนาน...

คัตซึฮิโกะอยู่ด้วยตัวคนเดียวมานาน มีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิต และคนเหล่านั้นได้เข้ามาใช้ชีวิตในห้องนี้ บางคนจากกันด้วยดี บางคนก็จบลงไม่สวยนัก และอีกบางคนที่จากไปโดยไม่มีคำร่ำลา คัตซึฮิโกะจึงค่อนข้างจะไวต่อความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในห้อง เมื่อไรก็ตามที่มีใครสักคนจากเขาไปโดยไม่คิดจะย้อนกลับมาอีก ไม่เพียงแต่สิ่งของที่พวกเขาใช้ประจำจะหายไป แม้แต่กลิ่นอายก็จะหายไปด้วย...คราวนี้เซย์ริวคงจากไปนาน...ไม่มีกำหนดกลับ...

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นลูบหน้า มันไม่แปลกไม่ใช่หรือที่จะมีคนอีกสักคนออกไปจากชีวิตเขา และนี่ก็เป็นคนที่เขาเคยพร่ำภาวนามาตลอดว่าให้ออกไปให้พ้น ๆ จากชีวิตเขาเสียที แล้วทำไม...จะต้องรู้สึกใจหายแบบนี้ด้วยนะ?

เป็นเรื่องแปลกที่คัตซึฮิโกะมักจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในช่วงฤดูหนาว นับตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงจนสิ้นฤดูหนาวเขาจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเสมอ ยังดีที่มีนัตสึแวะเวียนมาหาเป็นประจำ นี่เป็นฤดูหนาวครั้งแรกที่มีคนอยู่ด้วยตลอดนับตั้งแต่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา มันอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะเลวร้าย แต่อ้อมกอดอบอุ่นใต้ผ้าห่มในยามค่ำคืนนั้นทำให้คัตซึฮิโกะรู้ตัวว่าเขาโหยหาอ้อมกอดแบบนี้มากเท่าไร แม้เซ็กส์ของเซย์ริวจะค่อนข้างโหดร้ายแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่จะยอมรับไม่ได้ ความอ่อนโยนที่แฝงมาทำให้เขาพึงพอใจได้ไม่น้อย ไม่ใช่ว่าคัตซึฮิโกะจะบริสุทธิ์จนไม่รู้จักเซ็กส์ แต่มีคู่นอนเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เขาพึงพอใจได้ขนาดนี้ ในค่ำคืนที่ผ่านมาเขารู้สึกราวกับไม่ได้อยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ...เขากำลังเสพติดสิ่งที่เซย์ริวปรนเปรอให้ แต่แล้วก็จากไป ทิ้งเขาให้ทรมานกับความหิวกระหายในรสรักที่เคยได้รับ

ผ่านจากวันนั้นมา คัตซึฮิโกะพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติที่สุด แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้ ความรู้สึกมืดดำหนักอึ้งกดทับลงมาบนตัวเขา ครอบงำเสียจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง...ทำไมจะต้องเหงาขนาดนี้ด้วยนะ...ทำไมจะต้องซึมเศร้ามากมายขนาดนี้ด้วย?...ทุกคำถามไม่มีคำตอบกลับมา เขาแทบจะไม่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานจนใครต่อใครพากันเป็นห่วง แต่ก็ยังดีที่เขาไม่เคยปฏิเสธการออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นบ้าง คัตซึฮิโกะพยายามถ่วงเวลากลับบ้านออกไปให้นานที่สุด...ไม่อยากกลับบ้าน...ไม่อยากกลับไปเพื่อรับรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ยืดเวลาการอยู่นอกบ้านให้ยาวนานออกไปเพื่อที่ว่ากลับไปถึงบ้านจะได้เข้านอนไปโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น แต่ในยามค่ำคืนเขามักจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับรู้ความอ้างว้างของห้องที่เงียบสงัดและผ้าห่มที่ไร้ไออุ่น ถึงตอนนั้น น้ำตาจะไหลรินออกมาเงียบ ๆ จนกระทั่งม่อยหลับไปอีกครั้ง...เป็นเช่นนี้ทุกคืน

หลังจากที่ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียกับเซย์ริวที่ฮาราจูกุคราวนั้น นัตสึก็แวะมาหาคัตซึฮิโกะอีกไม่กี่ครั้ง มาแต่ละครั้งก็ต้องมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเพื่อนน่าโมโหของพี่ชายจะไม่อยู่ที่นี่จริง ๆ  และหลังจากนั้นนัตสึก็หายหน้าหายตาไป คัตซึฮิโกะโทรศัพท์ไปหาบ้างเป็นบางครั้ง จากน้ำเสียงของนัตสึทำให้เขาสบายใจได้ว่านัตสึยังสบายดีอยู่และร่าเริงเหมือนเคย เพียงแต่ติดสอบก่อนจะปิดเทอมช่วงฤดูหนาวเลยทำให้ไม่มีเวลามาหาเขามากนัก ก็ยังดีที่นัตสึร่าเริงเหมือนเคย...เหมือนเคยงั้นหรือ...แล้วเขาล่ะ ที่เขาเหงาและหดหู่แบบนี้มันเป็นอาการ “เหมือนเคย” ของเขาหรือเปล่า เขาเคยร่าเริงเหมือนนัตสึหรือเปล่านะ แล้วปกติแล้วเขาเคยหัวเราะบ้างหรือเปล่า...เมื่อก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นคนแบบไหนมานะ?

ปิดเทอมก็แล้ว นัตสึก็ยังไม่โผล่หน้ามาหาคัตซึฮิโกะ แต่คนเป็นพี่ชายก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากใช้ชีวิตให้หมดไปวัน ๆ  จนกระทั่งไปเจอกับนัตสึโดยบังเอิญ...กับแฟนสาว ตอนนั้นเป็นตอนที่คัตซึฮิโกะหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เซย์ริวไม่อยู่ หัวเราะให้กับสีหน้าเก้อเขินของน้องชาย และหัวเราะให้กับความสบายใจบางอย่างที่แวบเข้ามาในวินาทีนั้น

“ไอ้ที่หายหน้าหายตาไปเนี่ย ไปจีบเธออยู่สินะ” คัตซึฮิโกะดึงนัตสึมากระซิบเบา ๆ ไม่ให้สาวน้อยได้ยิน

“ง่า...เอ้อ...ก็...ก็ใช่” นัตสึตอบอ้อมแอ้ม หน้าแดงไปถึงหู

“งั้นไอ้ที่บอกว่าอ่านหนังสือสอบก็โกหกน่ะสิ”

“เปล่านะ ก็...อ่าน...เอ้อ...อ่านกะเธออ้ะ” เจ้าตัวแสบงึมงำช้อนตามองพี่ชายแบบเขิน ๆ

คัตซึฮิโกะคุยกับนัตสึไม่นานก่อนที่จะขอตัวแยกออกมาด้วยไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอน้องชายนานนัก รอยยิ้มที่เก้อเขินแต่เปี่ยมสุขของเด็กหนุ่มที่มีความรักทำให้คัตซึฮิโกะรู้สึกดี แต่เมื่อคล้อยหลังกันไปเพียงไม่นาน ความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อล้น...เขาเหงาหนักขึ้นไปอีก...ไม่มีเซย์ริวแล้ว และยังไม่มีนัตสึอีกด้วย คราวนี้เขาต้องใช้ชีวิตตามลำพังคนเดียวจริง ๆ แล้วอย่างนั้นหรือ...

เบียร์ครึ่งโหลและบุหรี่ที่เขาเคยสูบ 2 ซองถูกซื้อจากคอนวีเนียนสโตร์ ระเบียงห้องเล็ก ๆ ที่หนาวเย็นคือที่สถิตของคัตซึฮิโกะในค่ำคืนนั้น บุหรี่ถูกอัดเข้าไปเผาผลาญปอดมวนแล้วมวนเล่า เบียร์ก็ถูกยกขึ้นดื่มไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความรู้สึก เขาแทบจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของเบียร์หรือบุหรี่ เขาแค่เสพมันไปเพราะอยากเสพ...ไม่อยากจะทำอะไรให้มันดีไปกว่านี้ ไม่อยากวาดภาพ ไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น...เบียร์และบุหรี่หมดไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่คัตซึฮิโกะไม่ได้มึนเมาจนหมดสติไปตรงระเบียงแต่เข้าไปอาเจียนจนหลับไปในห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้แข็งตายอยู่ที่ระเบียงเป็นแน่

ในช่วงปีใหม่ นัตสึมาชวนคัตซึฮิโกะไปเที่ยวกับครอบครัวที่ตั้งใจจะไปเล่นสกีกันที่ฮอกไกโด คัตซึฮิโกะไม่ปฏิเสธเพราะเขาเองก็อยู่ว่าง ๆ  บริษัทก็ปิด และครอบครัวอุปถัมภ์ของนัตสึก็เอ็นดูเขาเช่นกัน...ทว่า...มันกลับทำให้อะไร ๆ เลวร้ายลง

ครอบครัวที่อบอุ่นของนัตสึกระทบความรู้สึกของคัตซึฮิโกะอย่างจัง ความอบอุ่นที่เขาได้รับในช่วงอาทิตย์นั้น เขาปรารถนามาตลอดชีวิต...แต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของมัน แม้แต่ความอบอุ่นจอมปลอมที่เขาเริ่มยอมรับมันก็ยังจากเขาไป

ภาพนัตสึมีความสุขอยู่กับครอบครัวเป็นภาพที่เขาอยากเห็นมาตลอด เพราะในช่วงแรกที่มาอยู่กับครอบครัวนี้นัตสึมีอาการต่อต้านรุนแรง แต่ในตอนนี้ที่นัตสึสามารถเข้ากับครอบครัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ หัวใจส่วนลึกของคัตซึฮิโกะกลับปวดแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้อิจฉา...แต่เจ็บปวดที่ตัวเองถูกทอดทิ้งอยู่เสมอ...ตลอดวันหยุดหลายวันที่ต้องฝืนยิ้ม คัตซึฮิโกะกลับมาถึงบ้านพร้อมด้วยจิตใจที่มืดมนลงกว่าเดิม  ช่วงวันหยุดที่เหลืออยู่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องและไปทำงานอย่างไร้จิตใจอีกครั้งเมื่อหมดวันหยุดยาว


รู้สึกตัวอีกครั้ง คัตซึฮิโกะก็พบตัวเองยืนอยู่หน้าห้อง เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินกลับมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ประตูตรงหน้าเหมือนจะหนักอึ้ง แต่ในที่สุดคัตซึฮิโกะก็ไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปในห้อง เหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวนอน...เพิ่งจะ 3 ทุ่มกว่าเท่านั้น ชายหนุ่มเดินกลับไปถอดเสื้อโค้ทเย็นเฉียบพาดแขวนไว้ที่ข้างประตูแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอน เขาถอนใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ราวกับอยู่ในความฝัน คัตซึฮิโกะขยับตัวอย่างรำคาญ ๆ แต่ก็ไม่สนใจจะลุกไปเปิด เขารู้สึกเหนื่อยจนขี้เกียจทำอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเสียงประตูเงียบไป คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับชัยชนะของการนอน และคิดจะนอนต่อไปจนเช้า ถ้าไม่มีมือของใครบางคนมาลูบผมเบา ๆ ...ในตอนแรกสัมผัสนั้นก็เหมือนฝัน แต่กลิ่นอายคุ้นเคยที่ติดมากับมือนั้นทำให้คัตซึฮิโกะต้องปรือตาขึ้นดู...ภาพตรงหน้ายิ่งเหมือนกับความฝันหนักขึ้นไปอีก จนเขาต้องหลับตาลงแล้วยิ้มนิด ๆ

“ฝันสินะเรา...”

“คิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?”

เสียงห้าวทุ้มกระซิบตอบแผ่วเบา คัตซึฮิโกะลืมตาพรึ่บขึ้นทันที จ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ

“เซย์ริว...!?”

“ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่ผี ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นทุกครั้งที่เจอกันก็ได้” ร่างสูงที่ท้าวแขนคร่อมร่างของคนที่นอนเหยียดอยู่บนเตียงยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย...คัตซึฮิโกะเริ่มชอบรอยยิ้มนั้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

ยังไม่ทันที่เซย์ริวจะได้พูดอะไรต่อ วงแขนเรียวก็ตวัดขึ้นโอบรอบคอของเขาพร้อมกับอาการผวาเข้าซบจนต้องผงะไปนิดหนึ่ง คัตซึฮิโกะซุกหน้าลงกับอกกว้างเนื้อตัวสั่นเทาจนเซย์ริวต้องโอบกอดเอาไว้

“เป็นอะไรไป หือ?” มือหยาบใหญ่ลูบแผ่นหลังให้เหมือนจะปลอบโยน

“…ผม...” คัตซึฮิโกะกระซิบด้วยเสียงสั่นเครือ “ผมคิดว่าคุณ...จะไม่กลับมาอีกแล้ว...”

เซย์ริวหัวเราะนิด ๆ  “ต้องกลับมาสิ แกยังมีประโยชน์กับฉันอีกเยอะนี่นา”

คัตซึฮิโกะยิ้มน้อย ๆ กับคำพูดนั้น เพียงแค่นั้นก็ยังดี...อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนคอยอยู่ข้าง ๆ  แม้จะไม่ได้รักเขาเลยแม้แต่นิดก็ตาม
แล้วเขาล่ะ...คัตซึฮิโกะถามตัวเอง...เขาคิดยังไงกับเซย์ริว มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องคิดถึงเซย์ริวมากมายขนาดนั้นทั้งที่ไม่ได้รักกัน ไม่ใช่ทั้งคนรัก ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่แม้แต่เพื่อน เขากับเซย์ริวไม่ได้เป็นอะไรของกันและกันทั้งนั้น คำเดียวที่พอจะอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับเซย์ริวได้ก็คือ...เหยื่อ...เท่านั้นเอง เขาเป็นแค่เหยื่อของเซย์ริวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิตหรือเรื่องเซ็กส์ หรือไม่อีกทีก็เป็นแค่ของเล่น แล้วทำไมในตอนที่เหงาที่สุด อ้างว้างที่สุด เขาถึงได้คิดถึงเซย์ริวมากมายขนาดนั้น วันนี้ตอนที่ทำงานพลาดจนโดนเจ้านายด่าเสียไม่มีดี ในขณะที่ก้มหน้านิ่งฟังคำด่าอยู่นั้นคนเดียวที่เขาคิดถึงก็คือเซย์ริว...ทำไม...เขารักเซย์ริวอย่างนั้นหรือ? รักคนที่โหดร้ายกับเขาถึงขนาดนั้นคนนี้อย่างนั้นหรือ?...ไม่ใช่หรอก หรือว่าเขาแค่ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ เขาในวันที่รู้สึกว่าไม่เหลือใครแล้วเท่านั้นเอง

แม้จะยังสับสนความความรู้สึกของตัวเอง ร่างเพรียวก็ซุกตัวกับอกกว้างแนบแน่นขึ้นอีก เหมือนจะดึงเอาความอบอุ่นมาเติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไปด้วย

“หึ ๆ ...เหงารึไง?” จมูกโด่งซุกไซ้ลงกับเรือนผมดำขลับ

คัตซึฮิโกะไม่ตอบหากกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ถ้าเป็นไปได้จะไม่ปล่อยให้คน ๆ นี้จากไปอีกแล้ว

“คาซึโกะ...?” เซย์ริวค่อนข้างประหลาดใจกับอาการนั้นของคัตซึฮิโกะ

“อย่า...อย่าไปไหนอีกนะ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรคำพูดนั้นจึงหลุดจากปากไป มันอาจจะเป็นสิ่งที่คัตซึฮิโกะรู้สึกอยู่ในใจมาตลอดจนเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นราวกับจะตอบสนองถ้อยคำนั้น ริมฝีปากร้อนประทับแนบลงกับหน้าผากมน คลอเคล้าระเรื่อยลงมาตามสันจมูกโด่ง ก่อนที่จะจบลงที่ริมฝีปากนุ่มซึ่งเผยอแย้มต้อนรับด้วยความเต็มใจ

ความอบอุ่นส่งผ่านมาพร้อมกับจุมพิตนั้น ทั้งอ่อนหวานและซาบซ่าน แม้จะยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ดีว่าเขาคิดถึงคน ๆ นี้มากแค่ไหนเมื่อห่างกัน...ราวกับอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตได้หายไป

อ้อมกอดที่โอบประคองอยู่รั้งร่างเพรียวให้แนบชิดมากขึ้น ปรนเปรอความหวานล้ำแห่งรอยจูบให้ราวกับเป็นคนรัก นั่นยิ่งชักนำให้คัตซึฮิโกะหลงใหลเคลิบเคลิ้ม...กว่าจะรู้ตัว สาบเสื้อก็ถูกแหวกเปิดออกโดยที่ไม่รู้เลยว่ากระดุมถูกแกะออกหมดตอนไหน มือหยาบใหญ่ลูบไล้เรื่อยไปตามแผ่นอก สัมผัสความนุ่มเนียนของผิวขาวอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงปลายยอดสีระเรื่อ  ปลายนิ้วกร้านสะกิดถูไถแผ่วเบา หากเม็ดสีชมพูนั้นกลับแข็งขึงเป็นไตทันทีพร้อมกับเสียงครางเครืออย่างหวามไหวในอารมณ์อยู่ในลำคอของผู้เป็นเจ้าของ

เซย์ริวปรือตาขึ้นมองร่างในอ้อมแขน...คัตซึฮิโกะกำลังหลับตาพริ้ม เผยอริมฝีปากที่แดงเรื่อเป็นสีเชอร์รี่หอบน้อย ๆ  อกบางขาวสั่นไหวตามลมหายใจที่ออกจะติดขัด มือเรียวเกาะยึดสเว็ตเตอร์สีเทาเข้มตัวใหญ่ของเขาไว้แน่น...ร่างสูงยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม ไต่นิ้วระเรื่อยไปตามผิวกายของอีกฝ่าย สะกิดกดน้ำหนักเป็นบางจุดที่คิดว่าไวต่อสัมผัสและสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้พลางก็ขยับมือซุกซนปลดเสื้อผ้าของคนในอ้อมกอดจนหลุดลุ่ย แล้วลูบไล้ลวนลามไปตามเรือนร่าง ไม่ช้า...ร่างเพรียวก็บิดกายพลางส่งเสียงครางหวานด้วยความปรารถนา

“อึ่ก...อืม...เซย์ริว” ดวงตาคู่สวยปรอยปรือราวกับจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายทำให้มากกว่านี้

ร่างสูงไม่รีรอที่จะตอบสนองการเรียกร้องนั้น เขาปรนเปรอให้คัตซึฮิโกะจนเกินพอตลอดค่ำคืนนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะซุกหลับลงกับอกของเขาด้วยเหนื่อยอ่อนตอนเกือบรุ่งสาง
   


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #74 เมื่อ20-04-2013 04:43:31 »

 :try2: แบบนี้เค้าเรียกหลอกให้รักปะ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #75 เมื่อ20-04-2013 12:15:22 »

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #76 เมื่อ20-04-2013 12:53:48 »

ไม่อยากให้เซย์ริวพาฮิโรกิมาทำกับคัตซึฮิโกะแบบนั้นเลย สงสารคัตซึฮิโกะอ่า

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #77 เมื่อ20-04-2013 15:20:11 »

เฮ้ออออออ~

สงสารฮิโรจังสุดๆเลยน่ะนะ
ชีวิตแค่โดนทำร้าย~~~

:pig4:

มาดามดัน

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
«ตอบ #78 เมื่อ20-04-2013 16:06:14 »

มาดามดัน


ต่อเร็วๆๆนะ

อ้าสสสโหดชอบบ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #79 เมื่อ27-04-2013 12:22:32 »

เมื่อคืนลืมลงสนิทไปเลย
ช้าหน่อยไม่ว่ากันนะครับ
...

KOUSOKU 11

คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ตัว แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตรงหน้ามืดมิด...เขาถูกปิดตาเอาไว้ และเมื่อขยับตัวก็รู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเช่นกัน หรือเซย์ริวจะเล่นแผลง ๆ กับเขาอีกแล้ว

“เซย์ริว...”

“หือ? ว่าไง ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ ตัว

“คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย?”

“ก็นิดหน่อย แค่เล่นสนุก” ที่นอนข้าง ๆ ตัวคัตซึฮิโกะไหวยวบ บอกถึงว่ามีใครบางคนนั่งลงข้างตัวเขา

“แต่แบบนี้...”

“เอาน่า รับรองว่าสนุก” เสียงใครอีกคนที่คัตซึฮิโกะไม่เคยได้ยินมาก่อนพูดขึ้น

“เซย์ริว!!?” คัตซึฮิโกะร้องพลางกระถดตัวหนี “นั่นใครน่ะ!? นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”

“ก็แค่เล่นสนุกนิดหน่อย อย่าโวยวายไปน่า” มือแกร่งจับร่างที่โดนพันธนาการกดลงกับเตียง

“เล่นสนุกบ้าอะไร นั่นใคร!? คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ!!” คัตซึฮิโกะโวยวาย

“ฮะ...เหมือนที่แกเล่าให้ฟังเลยนะ เซย์ น่ารัก ไร้เดียงสา เล่นด้วยแล้วสนุก...นี่ขนาดยังไม่ได้เริ่มก็โวยวายขนาดนี้แล้ว เพิ่งเคยผ่านมือแกคนเดียวจริง ๆ สินะ” เสียงใครคนนั้นพูดด้วยอารมณ์สนุกสนาน

“อย่าพูดมาก ฮิโรกิ เดี๋ยวก็อดสนุกกันพอดี”

“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ พวกคุณ...ปล่อยผมนะ!”

“โอ้...ออกมาแล้ว ประโยคคลาสสิค” ฮิโรกิหัวเราะคิก “รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่ปล่อย นายจะโวยวายทำไมให้วุ่นวาย หือ?”

“ฮิโรกิ...” เสียงเรียบ ๆ ของเซย์ริวปราม

“โอเค ๆ  ฉันไม่พูดมากละ เริ่มเลยดีกว่ามั้ย? ฉันเตรียมอะไรมาเล่นเยอะเลย” จบคำใครบางคนก็ขยับขึ้นมาบนเตียงแล้วเคลื่อนเข้ามาใกล้คัตซึฮิโกะ

“ไม่นะ! พวกคุณจะทำบ้าอะไร!?”

โวยวายได้แค่นั้น ริมฝีปากก็ถูกประกบปิดและบดลงอย่างหนักหน่วง หากพอจะต่อต้านด้วยการขบกัด คนที่รู้ทันก็ชิงถอนริมฝีปากออกเสียก่อนแล้ว วกกลับมาจูบอีกครั้งพร้อมกับปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างไม่ให้ตั้งตัว บังคับให้ต้องกลืนยาเม็ดเล็กที่เขาเคยโดนฤทธิ์ของมันมาแล้ว

หลังจากที่ยาออกฤทธิ์แล้ว คัตซึฮิโกะแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงแต่เขาถูกล่วงเกินโดยที่จิตใจไม่ยินยอม ได้แต่กรีดร้องจนแทบไม่มีเสียงจะร้อง แต่ทั้งเซย์ริวและใครอีกคนนั้นกลับดูสนุกสนานกับปฏิกิริยาของเขา

ท่ามกลางความทุกข์ทรมานนั้น จิตใจของคัตซึฮิโกะแหลกรานยับเยิน ก็เมื่อคืนนี้เองที่เขาได้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น ได้รับ
ความสุขที่โหยหามาแสนนาน จนเขาเกือบจะเชื่ออยู่แล้วว่าเขา “รัก” เซย์ริว แต่แค่ข้ามวัน...สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังฉุดเขาลงสู่ห้วงของความสิ้นหวังอย่างรุนแรง เขาไม่ได้เป็นอะไรของเซย์ริวมากไปกว่าของเล่นเลย หนำซ้ำ...ยังเป็นของเล่นไร้ค่าที่จะแบ่งกันเล่นกับเพื่อนก็ได้ ทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เซย์โรก็ทำเพียงจูบและปลุกเร้า ปรนเปรอทางเพศให้เท่านั้น แต่ยังคงปล่อยให้เพื่อนของตนรุกรานล่วงเกินเขาอยู่เช่นนั้นโดยไม่ได้ห้ามปราม แถมบางครั้ง ยังมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างพึงพอใจและสนุกสนานอีกด้วย

ความทุกข์ที่ก่อตัวฝังรากในใจของคัตซึฮิโกะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เพิ่งถูกกลบเกลื่อนด้วยความอ่อนหวานที่ได้รับเพียงบางเบา และตอนนี้มันยิ่งหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของเขายิ่งกว่าเก่า ลึกลงไปจนถึงกลางใจ...เจ็บปวดรุนแรงเสียจนผลักดันให้เขารู้สึกว่าสูญเสียทุกสิ่งที่เชื่อมั่นไปหมดแล้ว...เขาไม่ควรคิดถึงคนแบบนี้เลย!

แล้วความทารุณโหดร้ายทั้งหมดก็สิ้นสุดลง...คัตซึฮิโกะได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เรือนร่างเป็นรอยช้ำจากการขบจูบที่รุนแรง เรียวขาขาวเปรอะเลอะไปด้วยคราบไคลจากกามกิจที่ดำเนินมายาวนาน ดวงตาที่ปรอยปรือยังมีน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย หากไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมาอีกแล้ว เขาร้องเสียจนไม่เหลือเสียงจะร้อง มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่เขารู้สึกอยู่ลึก ๆ ภายใน

ฮิโรกิเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บของที่นำมาใส่กระเป๋า ตาเรียวเหลือบไปมองเหยื่ออารมณ์ของเขาและเซย์ริว

“อา...แย่จริง ยังร้องไห้อยู่อีกเหรอ?” นิ้วเรียวปาดเช็ดน้ำตาให้เบา ๆ  หากมันก็ไม่หยุดไหล “เรื่องแค่นี้เอง...สนุก ๆ น่า”

ไม่มีคำตอบจากคัตซึฮิโกะ แม้แต่แววตาก็ไม่มีการตอบสนอง ฮิโรกิถอนใจนิด ๆ

“ยามันแรงเกินไปรึไงนะ?” ร่างเล็กนั่งยอง ๆ ลงข้างเตียง “นี่...วันนี้สนุกมากเลยนะ คัตซึฮิโกะจัง ไว้วันหลังฉันมาเล่นด้วยอีกนะ”

“ไม่ต้องมาแล้ว ฉันไม่อนุญาต” เสียงของร่างสูงที่สวมกางเกงยีนส์เพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำบอก

“อะไรเล่า แค่นี้เอง งก” ฮิโรกิหันไปทำหน้าหงิกใส่

“บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่านี่เป็นของของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาตแล้วมาแตะต้องจะเป็นยังไง แกน่าจะรู้ดีนะ ฮิโรกิ” เซย์ริวบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เฮอะ! ก้อด้าย...ไม่แตะต้องก็ได้ แกก็อย่ามายุ่งกับของของฉันอีกล่ะ ไม่งั้นไม่จบแค่นี้แน่” คนตัวเล็กทำเป็นฟึดฟัดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “งั้นฉันกลับหละ”

เซย์ริวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหลีกทางให้ฮิโรกิเดินปึงปังไปที่ประตูห้อง ก่อนที่จะจากไปยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่เขาแล้วปิดประตูใส่หน้าด้วย

ร่างสูงเดินมานั่งที่ข้างเตียง มือใหญ่เกลี่ยปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าของร่างที่นอนอยู่บนเตียงออกให้ น้ำตายังหลั่งรินไม่ขาดสาย นั่นทำให้เซย์ริวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“...ไป...” ริมฝีปากบางขมุบขมิบถ้อยคำบางอย่างที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“อะไรนะ?”

“...ไปให้พ้น” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา หากหนักแน่น

ดวงตาคมหรี่ลงนิดหนึ่ง “แกว่าอะไรนะ?”

คัตซึฮิโกะหลับตาลงอย่างรวดร้าว “ไปให้พ้นจากหน้าผม...เดี๋ยวนี้เลย”

“นี่แกกล้าเหรอ...?” เซย์ริวเค้นเสียง...คน ๆ นี้กล้าดียังไงมาออกปากไล่เขา

“ไปให้พ้น...คนอย่างคุณน่ะ...คนอย่างคุณ...” คัตซึฮิโกะยกมือปิดหน้าแล้วสะอื้นไห้

“อะไรของแก!? เป็นอะไรของแก!?” ร่างสูงกระชากดึงมือนั้นออกแล้วกดคนตัวเล็กกว่าลงกับเตียงแน่น แต่คัตซึฮิโกะยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ผมไม่ควรคิดถึงคุณเลย...คนอย่างคุณมัน...สารเลว! คุณมันไม่ใช่คน...สันดานของคุณมันไม่ใช่คน!”

เซย์ริวรู้สึกชาวาบที่ใบหน้า...คน ๆ นี้...ของเล่นของเขา...กล้าด่าเขาอย่างนี้เชียวรึ ฝ่ามือใหญ่สะบัดตบเข้าที่ใบหน้าของคัตซึฮิโกะเต็มแรงจนขึ้นรอยแดงแทบจะทันที

“เอาเซ่! เอาให้ตายไปเลย ยังไงคุณก็ไม่รู้สึกผิดอะไรอยู่แล้วนี่! แค่จะฆ่าคนเพิ่มอีกสักคนสองคนมันจะเป็นอะไรไป ฆ่าเซ่!” คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้าร่างสูงอย่างท้าทาย

“แกเป็นบ้าอะไรของแก หา คาซึโกะ? บ้าอะไรขึ้นมา? เมายาจนเพี้ยนรึไง?” เซย์ริวจับไหล่ทั้งสองข้างของร่างเล็กเขย่าแรง ๆ

“ใช่! ผมมันบ้า ผมมันบ้าที่เชื่อว่าคุณจะเห็นหัวผมบ้าง ผมมันบ้า!” คัตซึฮิโกะหลับหูหลับตาตะโกนเหมือนจะเป็นบ้าไปจริง ๆ

เพียงแค่นั้นร่างสูงก็ฉุนจนเลือดขึ้นหน้า เขากระแทกร่างของคัตซึฮิโกะลงกับเตียงอย่างแรง มือแกร่งกดล็อคลำคออีกฝ่ายเอาไว้เมื่อพยายามดิ้นรน อีกมือหนึ่งเลื่อนลงไปปลดกระดุมและซิปกางเกงของตัวเอง ดุนดันสอดกายเข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะอย่างรุนแรง

คัตซึฮิโกะกรีดร้องสุดเสียง เขาบอบช้ำมามากเกินไปจนไม่สามารถรับความรุนแรงใด ๆ ได้อีกแล้ว เรียวเล็บจิกข่วนแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังรุกรานเขา ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน หากแล้วประตูห้องก็เปิดออก...

“คัตจัง!?”

เสียงใครบางคนที่ดังขึ้นเหมือนกับเสียงจากสวรรค์...แต่มันเป็นเสียงที่คัตซึฮิโกะไม่อยากได้ยินในห้องนี้ ในเวลานี้…นัตสึ!

“แกทำอะไรพี่ฉัน!?”

ร่างของเซย์ริวโดนกระชากแยกออกจากร่างบาง หมัดลุ่น ๆ กระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง เล่นเอามึนงงไปครู่หนึ่ง นัตสึปราดเข้าไปหาหมายจะซ้ำ แต่คนที่เคยชินกับเรื่องแบบนี้อย่างเซย์ริวเบี่ยงตัวหลบทัน

“นึกว่าใคร...ที่แท้ก็ไอ้หนูขี้โวยวายนี่เอง ไม่เจอกันนานนะ” มุมปากยกยิ้มนิด ๆ เหมือนจะเยาะ

“แก...แก...กล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับพี่ฉัน” นัตสึตวาด

“กล้าดี...?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นแบบไม่รู้ไม่ชี้ จัดการจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ถ้าจะเรียกว่ากล้าดี ฉันกล้าดีกับพี่แกมาเป็นปีแล้ว ไอ้หนู”

“แก...นี่แกข่มขืนพี่ฉัน” นัตสึจ้องคนตรงหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขาเกลียดเซย์ริวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งครั้งนี้...ยิ่งให้อภัยไม่ได้

“แต่พี่แกก็มีความสุขเวลาที่ฉันทำดีออกนี่นา” น้ำเสียงนั้นมีแววเยาะเย้ยนิด ๆ  ดวงตาคมปรายมองส่วนกลางกายของร่างที่อยู่บนเตียง...คัตซึฮิโกะตื่นตัวตามสัญชาตญาณทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยินยอม...

คัตซึฮิโกะร้อนไปทั้งใบหน้า รีบคว้าผ้าห่มมาปิดคลุมทันที นัตสึมองพี่ชายแล้วก็อึกอัก...ร่างกายของคัตซึฮิโกะบ่งบอกถึงความพึงพอใจ แต่เสียงร้องที่เขาได้ยินเมื่อกี้นี้ล่ะ ไม่ใช่แน่ ๆ  เซย์ริวกำลังทำร้ายพี่ชายของเขาแน่ ๆ

“พี่แกมันใจง่าย...ปากก็ร้องไปสิ แต่สะโพกงี้ ส่ายไม่หยุด” เซย์ริวพูดเนิบ ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“พี่ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ!”

“แต่มันก็ยอมฉัน” รอยยิ้มที่มุมปากเหยียดกว้างมากขึ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
« ตอบ #79 เมื่อ: 27-04-2013 12:22:32 »





ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #80 เมื่อ27-04-2013 12:25:11 »

คัตซึฮิโกะไม่รู้ว่าเป็นรอยยิ้มที่แท้จริงหรือรอยยิ้มที่แสร้งทำ แต่เขาเคยเห็นรอยยิ้มแบบเดียวกันนี้มาก่อน...ในวันนั้น วันที่พบกับเซย์ริวครั้งแรก...นั่นแสดงว่า ความรู้สึกที่เซย์ริวมีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนับตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็น
“เหยื่อ” ที่น่าทำลาย มีแต่เขาที่บ้าไปเองคนเดียว!

“ไม่ว่าจะเล่นอะไรรุนแรงแบบไหน ใช้ของเล่นอะไร ฉันก็เห็นมันยอมให้ฉันทำทุกที ขนาดเอาเพื่อนมาเล่นกับมันด้วยมันก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่...แล้วแบบนี้ แกจะบอกรึไงว่า พี่แกไม่ได้ใจง่าย” ร่างสูงยังคงพูดต่อไป “แกมันก็บ้า ไม่เคยรู้หรอกว่าพี่แกมันเป็นคนยังไง เอาแต่ปกป้องมันหัวชนฝา ฉันจะบอกให้นะ คนที่ตอนเด็ก ๆ มันเป็นคนดีมาก ๆ น่ะ โตขึ้นแล้วมันเหลวแหลกได้มากกว่าคนแบบฉันเสียอีก หัดลืมตาขึ้นมาดูโลกแห่งความจริงได้แล้ว ไอ้โง่”

นัตสึนิ่งอึ้งไป คัตซึฮิโกะเองก็เช่นกัน...เซย์ริวไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดอะไรอีก เขาคว้าเสื้อโค้ทที่วางพาดทิ้งไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วออกจากห้องไปทันที

ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องเล็ก ๆ นั้นในชั่วขณะหนึ่ง

“พี่...”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ขานรับเสียงเรียกนั้น นอกจากกระชับผ้าห่มมาคลุมร่างให้มากขึ้น

“ไม่จริงใช่มั้ย?...มันข่มขืนพี่...พี่ไม่ได้ยอมมันมาเป็นปีแบบที่มันว่า” นัตสึหันมามองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

ไม่มีคำตอบจากคัตซึฮิโกะ นอกจากอาการก้มหน้านิ่ง แต่นัตสึรู้ดี...นั่นคือการตอบรับอย่างหนึ่งของพี่ชาย หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูด

“ไม่จริง...พี่...” น้ำเสียงของนัตสึรวดร้าว “พี่ไปยอมคนอย่างมันได้ไง?”

เมื่อพี่ชายยังคงนิ่ง ความสับสนพลุ่งพล่านในตัวนัตสึก็ถึงที่สุด เขาคว้ากระเป๋าแล้วพลุนพลันออกจากห้องไป

เมื่อเหลืออยู่คนเดียวในห้อง คัตซึฮิโกะก็ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นจากเตียง เกาะผนังห้องค่อย ๆ เดินไปที่ห้องน้ำอย่างล้าแรง น้ำอุ่นจัดไหลเป็นสายออกจากฝักบัวลงมากระทบร่างที่พิงผนังห้องน้ำแคบ ๆ อย่างแทบจะไร้แรงยืน เขาปล่อยให้น้ำตามันไหลไปกับสายน้ำ...หรือบางทีมันอาจจะไม่เหลือน้ำตาให้ไหลอีกแล้วก็ได้ สองมือลูบไล้ไปตามเรือนร่าง ค่อย ๆ ทำความสะอาดตัวเองจนทุกซอกทุกมุม...ลูบไล้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อขจัดคราบไคลและร่องรอยของใครคนนั้นให้หมดสิ้น...ขจัดออกให้หมดแม้แต่รสสัมผัส

ชายหนุ่มโผเผออกจากห้องน้ำ หยิบเสื้อผ้ามาสวมทั้งที่ตัวยังเปียกชื้น แต่ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาแล้ว คัตซึฮิโกะหยิบของบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น...จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไรแล้ว...เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว...เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว...

นิ้วเรียวขยับเลื่อนใบมีดคัตเตอร์ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า...หากแสนเศร้า บางที...สำหรับคนที่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่เกิดอย่างเขา จะมีตอนสุดท้ายที่โดดเดี่ยวบ้างก็คงไม่แปลกอะไรไม่ใช่หรือ...

ปลายมีดจรดลงกับข้อมือข้างซ้าย ความคมของมันกดลงกับผิวเนื้อจนเลือดไหลริน...
//////////

เซย์ริวเดินหงุดหงิดออกมาจากห้องของคัตซึฮิโกะ ไม่ใช่หงุดหงิดเพราะโดนนัตสึขัดจังหวะ...ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสเลยสักนิด ที่ทำลงไปก็ด้วยบันดาลโทสะล้วน ๆ ...ที่เขาหงุดหงิดก็เพราะคัตซึฮิโกะ ทำยังกับว่าเรื่องที่เขาชวนฮิโรกิมามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้นแหละ ทำยังกับเป็นพรหมจรรย์ไม่เคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาก่อน...ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดหนัก โชคดีว่าเขาไม่ต้องหงุดหงิดนานนัก เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนเดินมาหาเรื่องให้เขาได้ระบายความหงุดหงิดเสียจนฝ่ายนั้นแทบปางตาย
พออารมณ์เป็นปกติในระดับหนึ่งแล้ว ร่างสูงก็คิดจะซื้อน้ำดื่มแก้กระหาย แล้วก็พบว่าไม่ได้เอาเงินออกมาจากห้องของคัตซึฮิโกะ เพราะอย่างนั้น ถึงจะไม่อยากกลับไปนักก็ต้องกลับอยู่ดี จะหาปล้นใครเพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้มันก็เกินไปหน่อย

เซย์ริวลังเลอยู่หน้าห้องคัตซึฮิโกะนิดหน่อย เงี่ยหูฟังเสียงในห้องแล้วปรากฏว่าเงียบ...นัตสึคงกลับไปแล้ว นั่นก็ดี เขาเองก็ขี้เกียจเถียงกับไอ้เด็กบ้านั่นเหมือนกัน

ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้อง...มืดและเงียบ...เงียบเกินไป...จะว่าคัตซึฮิโกะไม่อยู่ในห้องก็ไม่น่าจะใช่ สภาพอย่างนั้นจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนออกไป หรือว่าจะออกไปกับนัตสึ...ก็อาจเป็นได้...แต่บรรยากาศที่เคลื่อนไหวบางอย่างในห้องทำให้เซย์ริวไม่แน่ใจ

ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้อง เสียงเหมือนเหยียบลงบนแอ่งน้ำดังขึ้นมาจากตรงปลายเท้า เซย์ริวรีบเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟทันที แสงจากหลอดนีออนกลางห้องสว่างพรึ่บ...

“คาซึโกะ!!!!?”

ร่างเพรียวบางนอนนิ่งอยู่ข้างเตียงนอน เลือดสด ๆ ยังไหลรินจากบาดแผลที่ข้อมือซ้ายไม่หยุด ลมหายใจรวยริน ดวงตาหรี่ปรือเหม่อนิ่งราวกับไร้ชีวิตไปแล้ว

“คาซึโกะ! คาซึโกะ!! ไอ้... ทำบ้าอะไรของแก!?” เซย์ริวปราดเข้าไปประคองร่างนั้นทันที

สัมผัสจากร่างนั้นเย็นชืด ชายหนุ่มตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่เคยเห็นความตายมาแล้วมากมาย ทั้งยังเคยฆ่าคนตายมาแล้วก็หลายคน แต่คราวนี้...

“คาซึโกะ! คาซึโกะ!!” ร่างสูงเขย่าคนในอ้อมแขนแรง ๆ

ดวงตาคู่สวยกระพริบนิด ๆ เป็นการรับรู้ ริมฝีปากแห้งผากขมุบขมิบเบา ๆ  “หนาว...”

“มันก็ต้องหนาวแน่อยู่แล้ว เลือดออกมากขนาดนี้” เซย์ริวรีบหาเสื้อโค้ทหนา ๆ มาห่มคลุมร่างบางเอาไว้พลางกวาดตามองไปบนพื้นห้อง...คัตซึฮิโกะเลือดออกมาเหลือเกิน ปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว

ผ้าสองผืนถูกนำมามัดแขนคัตซึฮิโกะและกดปากแผลไว้เป็นการห้ามเลือด สติของเขาเลือนรางเต็มทน เซย์ริวค่อย ๆ จับร่างเพรียวขึ้นพาดหลังแล้วออกจากห้องตรงไปยังโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะทันที

ท่ามกลางลมหนาว เซย์ริวแบกร่างที่เย็นเฉียบพลางชวนคุยเรียกสติไปตลอดทาง คัตซึฮิโกะยังแสดงอาการรับรู้เป็นระยะ แต่บางครั้งก็เหมือนกับพร่ำเพ้ออะไรบางอย่างออกมาเบา ๆ จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง เลือดจากแผลที่ข้อมือยังไหลซึมจนผ้าที่พันเอาไว้เปียกชุ่ม ร่างสูงพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประตูหน้าของโรงพยาบาลถูกถีบให้เปิดออกโดยแรง เล่นเอาบุรุษพยาบาลที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาสะดุ้งสุดตัว

“หมอมาสะ! เร็ว ๆ  มันจะตายแล้ว!!” เซย์ริวตะโกนลั่น

หมอมาซาฮิเดะชะโงกหน้ามาจากห้องด้านใน “ตะโกนทำบ้าอะไร? คนอย่างแกคงไม่ตายง่าย ๆ หรอก เซย์ริว”

“ไม่ใช่ฉัน มานี่เร็ว ไอ้หมอนี่มันกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย” เซย์ริวพูดเสียงดังจนเกือบตะโกน

ในตอนนั้นมาซาฮิเดะถึงได้เห็นร่างที่คลุมด้วยเสื้อโค้ทตัวหนาอยู่บนหลังเซย์ริว ใบหน้านั้นซีดเผือดแล้ว

“เอาเข้ามาข้างในนี่ เร็ว!”

ไม่ต้องรอให้หมอสั่งเพิ่มอีก ทั้งเซย์ริวและบุรุษพยาบาลรีบพาตัวคัตซึฮิโกะเข้าไปยังห้องพยาบาลด้านในทันที ร่างสูงวางคนไข้ลงกับเตียงนอนโดยมีหมอกับบุรุษพยาบาลช่วยประคอง

“ฉันห้ามเลือดไว้ แต่คงเอาไม่อยู่” เซย์ริวบอกหมอพลางมองดูคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยแววตาร้อนรนใจ

มาซาฮิเดะแกะผ้าที่ปิดปากแผลออกอย่างรวดเร็วและชำนาญยิ่ง พอเห็นแผลก็เบ้หน้า “กรีดลึก กะจะตายจริง ๆ  ไม่รู้จะโดนเส้นเอ็นรึเปล่า”

พูดแล้วก็ค่อย ๆ แกะผ้าที่เซย์ริวมัดไว้ตรงต้นแขนเพื่อห้ามเลือดออก เลือดไหลทะลักออกจากแผลทันทีจนหมอต้องมัดซ้ำไว้อีกก่อนที่จะใช้สายยางรัดตรงเหนือแผลแล้วค่อยแกะผ้าออกอีกครั้ง ทั้งหมอและบุรุษพยาบาลรีบทำความสะอาดปากแผลเพื่อทำการเย็บอย่างรวดเร็ว

“คอยเรียกเอาไว้ อย่าให้หมดสติ คนไข้เสียเลือดมากอาจช็อคได้” มาซาฮิเดะสั่งเซย์ริว

ร่างสูงเดินไปอีกด้านหนึ่งของเตียง กุมมือและบีบเป็นระยะ ๆ  อีกมือก็เกลี่ยไล้ไปตามใบหน้า “คาซึโกะ ได้ยินฉันมั้ย คาซึโกะ?”
ไม่มีคำตอบนอกจากดวงตาที่ปรอยปรือมากขึ้น สติที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มจะเลือนรางลงทุกขณะ แล้วขนตายาวก็ค่อย ๆ พริ้มลงเหมือนจะหลับ

“คาซึโกะ! อย่าหลับนะโว้ย!” ไม่เรียกเปล่ายังจับไหล่บางเขย่า

“เฮ้ย! อย่าเขย่าสิโว้ย มันเย็บไม่ได้” คนเป็นหมอด่าเข้าให้ “จะเรียกก็ตบหน้าเอา อย่าเขย่า”

สถานการณ์ในตอนนั้นไม่ค่อยจะดีนัก มาซาฮิเดะไม่ค่อยได้เจอแผลกรีดเพื่อฆ่าตัวตายเท่าไรนัก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่วิชาแพทย์ที่มีอยู่จะเอื้ออำนวย เส้นเลือดถูกเย็บต่อกันเป็นอันดับแรกเพื่อห้ามเลือดให้หยุดไหล จากนั้นจึงเย็บปากแผล แม้จะด้วยฝีมือระดับมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่องบาดแผล แต่ก็ใช้เวลามากกว่าที่คิด

“หมอ! มันหลับไปแล้ว”

“ก็ตบมันเซ่” มาซาฮิเดะตัดไหมเส้นสุดท้ายแล้วเอาผ้าพันแผลพันปิดทับ

บุรุษพยาบาลรีบเอาเครื่องวัดความดันมารัดต้นแขนของคัตซึฮิโกะ “หมอครับ ความดันต่ำมากครับ”

ใบหน้าของคัตซึฮิโกะยังซีดเผือด ลมหายใจรวยริน ดวงตาปิดสนิท...ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว แม้เลือดจะหยุดไหลแล้วแต่ก็เสียเลือดมากเหลือเกิน

“ต้องให้เลือดแล้ว ตรวจซิว่าเลือดเจ้านี่กรุ๊ปอะไร”

ผลการตรวจอย่างง่ายออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า... “หมอครับ เลือดกรุ๊ปโอที่เราไม่เหลือแล้วนะครับ”

“บ้าเอ๊ย!” มาซาฮิเดะสบถออกมาดัง ๆ  “ทำไงดีวะ...”

จริงอยู่ว่าเขาเป็นแพทย์ที่ไม่ใคร่จะมีจรรยาบรรณเท่าไร และยังทำเรื่องผิดกฎหมายเกี่ยวกับการค้าอวัยวะอยู่เสมอ แต่สำหรับคนไข้ที่ยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อยื้อชีวิตเอาไว้ให้ได้ พวกวายร้ายที่รายล้อมเขาอยู่ในโลกด้านมืดแห่งนี้ คือคนที่เขาต้องดูแลด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี ทุกคนเสมือนญาติพี่น้องเท่าที่เขามีอยู่ในชีวิตนี้...ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเด็กที่คิดจะทิ้งชีวิตตัวเองคนนี้ด้วย

“หมอ เลือดฉันกรุ๊ปโอ”

มาซาฮิเดะหันขวับไปตามเสียงพูดทันที เป็นเซย์ริวที่พูดขึ้นด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวมั่นคง

“ใช้เลือดของฉันก็ได้ ถ้ามันใช้ได้”

“แกแน่ใจนะว่าเลือดกรุ๊ปโอ?”

“แน่ใจ หมอเป็นคนตรวจให้ฉันเอง แล้วก็ย้ำให้จำเอาไว้แม่น ๆ  เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”

มาซาฮิเดะมองร่างสูงตรงหน้าอย่างชั่งใจอยู่ชั่วอึดใจ “ดี! ไปที่เตียง เตรียมถ่ายเลือด”

ปลายเข็มขนาดใหญ่ที่ต่อกับท่อยางใสซึ่งนำไปสู่ถุงสุญญากาศสำหรับเก็บเลือดถูกแทงลงที่เส้นเลือดตรงท้องแขนของเซย์ริว มือใหญ่กำบีบท่อนยางกลม ๆ เพื่อผลักดันให้เลือดไหลเข้าไปในถุงให้เร็วที่สุด

“ฉันจะเอาเลือดจากแกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเสียเลือดเยอะเกินไป เราต้องเผื่อเอาไว้ก่อน” มาซาฮิเดะบอกกับเซย์ริว

“ยังไงก็ได้ เท่าที่หมอต้องการเลย” เซย์ริวตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างอันนอนนิ่งอยู่บนเตียงใกล้ ๆ กัน

การถ่ายเลือดดำเนินไปไม่นานนักก็ได้เต็มถุง หมอมาซาฮิเดะรีบนำเลือดถุงนั้นไปถ่ายต่อให้กับคัตซึฮิโกะทันที ในขณะเดียวกันก็ให้บุรุษพยาบาลถ่ายเลือดจากเซย์ริวสำรองเพิ่มอีกจนพอที่หมอต้องการ ร่างสูงขยับจะลุกทันทีที่บุรุษพยาบาลทำแผลให้เขาเรียบร้อย

“นอนลงไปก่อน!” หมอสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะลุกต้องชะงัก “แกเองก็เสียเลือดมาก ความดันเลือดมันต่ำ นอนลงไป ลุกขึ้นมาจะเป็นลมได้”

“เรื่องแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“ฉันบอกให้แกนอน...” มาซาฮิเดะบอกด้วยสายตาเย็นเยียบ อันเป็นที่รู้กันว่าถ้าหมอทำตาแบบนั้นเมื่อไร ไม่ควรดื้อดึงกับแกเป็นดีที่สุด

เซย์ริวทิ้งตัวลงนอนอย่างเสียมิได้ เขาเฝ้ามองหมอกับบุรุษพยาบาลสาละวนวุ่นวายกับคัตซึฮิโกะอยู่ไม่ห่าง ความคิดต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่ในหัว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเดือดร้อนกับเรื่องของคัตซึฮิโกะมากมายขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขายังเล่นสนุกกับเรือนร่างของคัตซึฮิโกะ แถมยังดูถูกดูแคลนเอาไว้อย่างรุนแรง แต่พอเห็นคัตซึฮิโกะนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้องโดยมีเลือดแดงฉานไหลนองเต็มพื้น วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น...ทำไม...

เวลาผ่านไปนานพอสมควร หมอมาซาฮิเดะจึงได้ยิ้มออกมาแล้วหันมาบอกกับเซย์ริว

“โอเค ปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้เลือดต่อไปอีก”

เซย์ริวถอนใจยาวอย่างโล่งอก

“แล้วทีนี้ แก...ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งซิ ช้า ๆ นะ”

ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย โดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยดื้อกับหมอมาซาฮิเดะเท่าไรนัก ตอนที่หนีออกจากโรงพยาบาลนั่นเป็นการดื้อดึงที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาแล้ว ช็อกโกแลตหอมกรุ่นถูกยื่นมาตรงหน้า

“ดื่มซะ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น”

เซย์ริวรับช็อกโกแลตถ้วยนั้นมาถือไว้ในมือ จะพูดตามตรงก็คือตอนนี้เขารู้สึกมึนหัวจนแทบจะอาเจียน ไม่นึกอยากอะไรทั้งสิ้น แต่สายตาของหมอมาซาฮิเดะมันเหมือนจะบอกว่า...ถ้าแกไม่ยอมดื่มหละก็ ฉันจะเล่นงานแกแน่ ๆ ...เขาก็เลยต้องจำยอมดื่มช็อกโกแลตหวานแสบไส้ถ้วยนั้นจนหมดแล้วตามด้วยน้ำล้างปากที่บุรุษพยาบาลเอามาให้

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #81 เมื่อ27-04-2013 12:29:34 »

ร่างสูงโดนบังคับให้นั่งอยู่ก่อนแม้จะเวียนหัวอย่างหนักกับอาการโลหิตจาง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สำลักช็อกโกแลตที่เพิ่งดื่มเข้าไป แต่ถึงจะนั่งคอพับคอห้อยอยู่อย่างนั้น สายตาคมก็ยังคงจ้องมองคนที่นอนอยู่เตียงใกล้ ๆ ไม่วางตา...ถึงมือหมอแล้ว คัตซึฮิโกะปลอดภัยแล้ว...เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น แล้วความง่วงก็เข้ามาเยือนพร้อมกับความรู้สึกสบายใจ

ดังนั้น ทันทีที่หมอมาซาฮิเดะอนุญาตให้นอนได้ เซย์ริวจึงหลับไปเกือบจะทันทีด้วยความวางใจ
//////////

ขนตายาวเป็นแพไหวกระพริบนิด ๆ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะหรี่ปรือขึ้น แสงไฟสาดเข้ากระทบดวงตาดูเจิดจ้าเสียจนต้องยกมือขึ้นบัง หากก็ติดขัดอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ที่แขน ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง...เพดานสีขาว...สวรรค์อย่างนั้นหรือ นี่คนที่ฆ่าตัวตายอย่างเขาได้ขึ้นสวรรค์ด้วยอย่างนั้นหรือ?...ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เกาะกุมมือซ้ายของเขาเอาไว้ขยับเกาะมือของเขาแน่นขึ้น จนต้องหันไปมอง...ที่นั่น ใครบางคนกำลังนั่งฟุบหลับอยู่กับเตียงทั้งที่ยังจับมือเขาเอาไว้...ใครกันนะ...
พอคิดจะขยับไปเพื่อมองหน้าให้ชัด ๆ  ก็พอดีกับที่ใครคนนั้นลืมตาขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงห้าวห้วนนั้น คัตซึฮิโกะจำได้ดี...เซย์ริว!?

ร่างเพรียวขมวดคิ้วมุ่น...นี่ขนาดเขาตายไปแล้วยังตามมาหลอกหลอนกันอีกหรือ... หรือที่นี่จะเป็นนรกที่ลงโทษเขาด้วยการบังคับให้อยู่กับเซย์ริวไปชั่วนิรันดร์

“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว บอกกี่ทีแล้วว่าฉันไม่ใช่ผี” ร่างสูงยกมือขึ้นเกาหัวด้วยท่าทางติดจะง่วงงุนนิด ๆ

‘…ไม่ใช่...มันต้องไม่เป็นแบบนี้...ถึงเราจะตกนรกจริง ๆ ก็เถอะ แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้...ทำไมต้องมีเซย์ริว…’

คัตซึฮิโกะคิดอย่างวุ่นวายใจแล้วเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัว ในตอนนั้นเองที่สติของเขากลับมาอย่างครบถ้วน ห้องสีขาวและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่กรุ่นไปทั่ว บอกให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

“ที่นี่...”

“โรง’ บาล” คำตอบห้วนแต่ชัดเจน “เสียใจด้วยนะที่ไม่ใช่สวรรค์”

คัตซึฮิโกะหันขวับไปมองเซย์ริวทันที ร่างสูงยังคงนั่งซบกับเตียงด้วยท่าทางขี้เกียจ ๆ  ชายหนุ่มมองเลยไปที่ข้อมือของเขาที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันไว้ดิบดี...ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นมาในใจของคัตซึฮิโกะ

“มาช่วยทำไม!?” เสียงแหบเครือแหวเอา มือเรียวพยายามดึงให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เรี่ยวแรงในตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

เซย์ริวยังคงกุมมือนั้นไว้ไม่ปล่อย “ก็กลับเข้าไปพอดี เห็นแกนอนเลือดท่วมอยู่ ก็เลยพามาหาหมอเนี่ย”

“ทำไม...” คัตซึฮิโกะหรี่ตาด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวบางอย่าง “ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายไปซะเลย มาช่วยผมทำไม ผมอยากตาย!”

เซย์ริวเงยหน้าขึ้นจากเตียงแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบหน้า “เพราะแกเป็นของเล่นของฉันน่ะสิ”

“อะไรนะ...?”

“เพราะแกเป็นของเล่นของฉัน ถ้าฉันไม่ทำลายเองแล้ว ใครก็ทำลายไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ตัวแกเอง”  เซย์ริวตอบด้วยน้ำเสียงและสายตาเย็นชา

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นและสั่นระริก...นี่หรือเหตุผลที่ยื้อเขาไว้ที่นี่ นี่หรือเหตุผลที่รั้งเขาไว้ให้พบกับความทุกข์ทรมานที่เขาพยายามจะหนีมันไปให้พ้นด้วยความตาย...เพราะเขาเป็นของเล่น...!

“ไม่!! คุณทำบ้าอะไร! ผมไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ! ผมเป็นคน!! สารเลว!!” คัตซึฮิโกะอาละวาด ดึงมือจนหลุดจากการเกาะกุมในที่สุด

“เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ!” ถึงตอนนี้เซย์ริวชักจะฉุนขึ้นมาแล้ว

“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับผม! ไอ้สันดานเสีย ไอ้นรก!!” คัตซึฮิโกะฉีกดึงผ้าที่พันแผลที่ข้อมือออกอย่างรวดเร็วและพยายามที่จะดึงไหมที่เย็บแผลไว้ออกด้วย แต่เซย์ริวคว้าตัวล็อคเอาไว้ทัน

“แกจะบ้าเหรอ! หยุด!! หยุดนะโว้ย!!”

“ปล่อย! กูบอกให้ปล่อย!” นั่นเป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะใช้คำพูดรุนแรงถึงขนาดนั้นด้วยอารมณ์คลั่งถึงขีดสุด

“กูไม่ปล่อย! เลิกดิ้นซะทีสิโว้ย! เลือดในถุงนั่นมันเลือดกูนะโว้ย! อย่าเสือกทำให้เสียของนะมึง!!” เซย์ริวรวบล็อคคนตัวเล็กกว่าไว้เต็มอ้อมแขน แต่ครั้งนี้กลับง่ายดาย เมื่อคนในอ้อมแขนอยู่ ๆ ก็หยุดชะงัก

เป็นอีกครั้งที่คัตซึฮิโกะเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เลือด...เลือดของเซย์ริว...อยู่ในตัวเขา...

“หายบ้าแล้วใช่มั้ย? ดี! ต้องให้เปลืองแรงอยู่เรื่อย” ร่างสูงคลายอ้อมแขนออกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงตัวเดิม เขายังเพลียจากการเสียเลือดเป็นจำนวนมากเช่นกัน

“เลือด...ของคุณ...” ริมฝีปากบางที่สั่นระริกขมุบขมิบเบา ๆ

“เออ! เลือดของฉัน ใช้เยอะฉิบ! ยังเพลียไม่หายเลยเนี่ย” เซย์ริวบอกด้วยท่าทางเซ็ง ๆ  “เพราะงั้นจำเอาไว้ ตอนนี้ในตัวแกมีเลือดของฉันอยู่ แกเป็นส่วนนึงของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ห้ามตาย!”

“มะ...ไม่นะ...” คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง

“อะไรนะ?”

เร็วกว่าความคิด มือของคัตซึฮิโกะจับสายยางที่ต่อกับเข็มให้เลือดที่เสียบอยู่กับหลังมือขวากระตุกหมายจะดึงออก แต่โชคดีที่เซย์ริวไหวตัวทัน เขาตะปบมือทั้งคู่ของคัตซึฮิโกะเอาไว้ทันเวลา

ทันทีที่ถูกขัดขวางคัตซึฮิโกะก็กรีดร้องลั่น พยายามทุบตีและผลักไสร่างสูง เซย์ริวก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาพยายามสุดชีวิตที่จะกดล็อคร่างเพรียวลงกับเตียงให้ได้ แต่ดูเหมือนฤทธิ์คลั่งของคัตซึฮิโกะจะเหนือกว่า เสียงทะเลาะกันของทั้งสองคนดังจนคนข้างนอกต้องวิ่งเข้ามาดู

“อะไร? เกิดอะไรขึ้น!?” มาซาฮิเดะตะโกนถาม

ภาพตรงหน้าค่อนข้างคลุมเครือ...มาซาฮิเดะไม่แน่ใจว่าเซย์ริวกำลังพยายามทำลามกกับคัตซึฮิโกะ หรือคัตซึฮิโกะพยายามจะบีบคอเซย์ริวกันแน่ หรือว่าทั้งสองคนกำลังพยายามฆ่ากันเอง...แต่จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้เขาต้องหยุดไอ้เด็กบ้าสองคนนี้ก่อน

ผ่าง!!!!

ถาดใส่อุปกรณ์การแพทย์สองใบฟาดลงกลางกบาลคู่กรณีทั้งสองเต็มรัก เล่นเอาเห็นดาวเลยทีเดียว

“ทำบ้าอะไรของพวกแก หา!? ถึงที่นี่จะเป็นโรง’ บาลเถื่อนแต่ก็เป็นโรง’ บาลนะโว้ย รักษาความสงบหน่อย!!” คนเป็นหมอด่าเข้าให้

“มันเจ็บนะ หมอ” ร่างสูงโวยวายก่อนเพื่อน ในขณะที่คัตซึฮิโกะได้แต่เอามือกุมหัวก้มหน้านิ่ง

“พวกแกแหละ ทำบ้าอะไรกัน เสียงดังไปถึงชั้นล่าง จะฆ่ากันตายรึไง?”

“ก็มันอ้ะ จะถอดเข็มเลือดออก” เซย์ริวฟ้อง

“อ้าว...ทำไม?” มาซาฮิเดะหันไปมองคัตซึฮิโกะที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น โชคดีที่เข็มให้เลือดยังไม่หลุดจากตำแหน่งที่เสียบเอาไว้ มาซาฮิเดะถอนใจนิด ๆ ...คนที่พยายามฆ่าตัวตายก็เป็นแบบนี้ ปฏิเสธการมีชีวิตอยู่ต่อไปเสมอ

“แกออกไปก่อน เซย์ริว”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

“ฉันบอกให้ออกไป” น้ำเสียงของหมอราบเรียบไม่แสดงอารมณ์อะไร “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเจ้าหนุ่มนี่”

ร่างสูงถอนใจพรืด แต่ก็ยอมออกจากห้องไปโดยดี เมื่อเห็นว่าเซย์ริวออกไปแล้ว มาซาฮิเดะจึงพูดกับคัตซึฮิโกะ

“ฉันรู้ ว่าเธอพยายามที่จะตาย ดูจากแผลก็รู้แล้ว เธอกรีดโดยไม่ลังเลเลย”

“แล้วช่วยผมทำไม?” น้ำเสียงของคัตซึฮิโกะค่อนข้างสั่นเครือ

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเจอกับอะไรมาจนถึงขนาดต้องการจะตาย แต่คนไข้ที่มาถึงมือฉัน ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องรักษาชีวิตคนไข้ทุกคนเอาไว้ แม้ว่าคน ๆ จะเป็นคนที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ก็ตาม...มันเป็นหน้าที่” หมอมาซาฮิเดะพูดพลางตรวจดูถุงเลือดและเข็มให้เลือดให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย

“ถอดออกได้มั้ยครับ...ไอ้เลือดนั่น...” คัตซึฮิโกะเหลือบตามองถุงเลือดด้วยสายตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

มาซาฮิเดะนั่งลงบนเก้าอี้ที่เมื่อครู่เซย์ริวนั่งอยู่ ยิ้มนิด ๆ  “ไม่ได้หรอก เลือดพวกนี้น่ะเป็นของมีค่าที่สุดสำหรับที่นี่เชียวนะ เพราะฉะนั้น ห้ามทำให้มันเสียหายโดยไร้ประโยชน์เด็ดขาด แม้เธอจะรังเกียจมันสักแค่ไหนก็ตาม...เลือดถุงนี้ ถ้าไม่เอามาใช้กับเธอ มันจะสามารถช่วยชีวิตใครสักคนที่อยากมีชีวิตอยู่ได้ แต่มันถูกนำมาใช้กับเธอแล้ว เธอก็ต้องให้มันให้คุ้มทุกหยด”

“แต่เลือดของหมอนั่น...”

“จะเลือดของใครฉันไม่สน  ถ้าเธอไม่ยินดีที่จะรับเลือดชั่ว ๆ ของเจ้าเซย์ริวไว้ เธอจะเอามันออกอีกเมื่อไรก็ได้ แต่จำเอาไว้...” มาซาฮิเดะเว้นจังหวะนิดหนึ่ง แล้วมองคัตซึฮิโกะด้วยสายตาเย็นเยียบ “อย่ามาทำเรื่องงี่เง่าอย่างการฆ่าตัวตายที่นี่ เพราะฉันจะทำให้เธอฟื้นกลับขึ้นมาทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าอยากจะตาย ก็ต้องไปตายนอกโรง’ บาล ถ้าอยากจะกรีดข้อมืออีก ก็รอให้เลือดถุงนี้มันหมดเสียก่อน แล้วค่อยทำ!”

คัตซึฮิโกะก้มหน้านิ่ง กำเกร็งผ้าห่มแน่นจนมือสั่นระริก...ไม่มีใครเข้าข้างเขา ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาเลย...แต่พอคิดแบบนั้น มือแข็ง ๆ ที่หยาบกร้านก็วางลงผมของเขาอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล

“เจอหน้ากันมาสองครั้งแล้ว ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย”

น้ำเสียงนั้นแฝงความอบอุ่นอย่างประหลาด จนทำให้คัตซึฮิโกะอดที่จะตอบคำถามไม่ได้ “ซะ...ซาโนะ คัตซึฮิโกะครับ”

“ซาโนะคุง...ฟังฉันนะ” มาซาฮิเดะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เลือดน่ะ จะเป็นของใครก็ช่าง แต่เมื่ออยู่ในตัวเธอมันเป็นของเธอ และมันเป็นของมีค่าที่ใครบางคนจะมอบให้ใครสักคนเพื่อต่อชีวิตให้เขา ไอ้เลือดนิด ๆ หน่อย ๆ แค่นี้ คงไม่ทำให้เธอเลวร้ายอย่างเจ้าเซย์ริวได้หรอกมั้ง”

คัตซึฮิโกะได้แต่ก้มหน้านิ่งฟัง

“แต่ถ้าเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ แล้วหละก็...ฉันก็ไม่ห้าม แต่อย่ามาทำที่นี่ เพราะเธอจะไม่มีวันสมหวัง”

ร่างเพรียวพยักหน้ารับน้อย ๆ

“เข้าใจแล้วก็ดี เธอเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนต่ออีกหน่อยจะดีกับตัวเธอนะ” พูดแล้วมาซาฮิเดะก็ลุกไปหายาและเข็มฉีดยามาเตรียมให้ยากับคัตซึฮิโกะ

ปลายเข็มแหลมแทงลงกับท้องแขนใกล้ข้อพับศอก เดินยาให้อย่างเบามือจนหมดหลอด

“ความจริงก็ใช่ว่าฉันจะอยากเอาเลือดของไอ้หมอนั่นให้เธอหรอกนะ แต่ตอนนั้นมันฉุกเฉินจริง ๆ  ไม่มีเลือดสำรองเอาไว้เลย...แล้วเจ้านั่นมันก็เป็นคนเสนอเองด้วยว่าให้ใช้เลือดของมัน” คนเป็นหมอค่อย ๆ ดันคนไข้ให้ลงนอน “มีคนอยากให้เธอมีชีวิตอยู่นะ ซาโนะคุง”

คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรหมอ จนกระทั่งยาเริ่มออกฤทธิ์ ความง่วงงุนรุนแรงเข้ามาครอบงำจนร่างบางต้องหลับตาลง เขาระบายลมหายใจหนัก ๆ  แล้วก็จมลงสู่ห้วงนิทรา...

“เด็กนี่ไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรมากมายนัก ฉันรู้มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครผลักดันให้เขาต้องทำถึงขนาดนี้...” มาซาฮิเดะพูดพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คัตซึฮิโกะจนถึงอก “ฝีมือแกใช่มั้ย เซย์ริว?”

ร่างสูงขยับออกมาจากข้างประตูที่ยืนพิงอยู่ มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมด้วยท่าทางไม่ใส่ใจอะไรนัก “ก็ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นขนาดนี้หนิ”

“เฮ่อ...ที่จริงฉันก็เตือนเขาแล้ว ให้หนีแกไปให้พ้น”

“หมอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่เคยปล่อยให้เหยื่อหนีไปง่าย ๆ ” เซย์ริวเดินเข้ามายืนข้างเตียง

“แล้วก็รู้ด้วยว่า แกไม่เคยใส่ใจเหยื่อของแกมากเท่าคน ๆ  นี้” มาซาฮิเดะพูดเรียบ ๆ แล้วเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

ร่างสูงยังคงทำหน้าเฉยเมย

“เซย์ริว ฉันรู้ว่าแกไม่เคยใส่ใจใครนอกจากตัวเองกับฮิโรกิ แต่สำหรับคน ๆ นี้...” หมอมาสะเว้นจังหวะเพื่อพันแผลให้คัตซึฮิโกะอีกครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดต่อ “ฉันว่าแกควรรักษาเขาเอาไว้ให้ดี เพราะมันไม่แน่ว่า...เขาอาจจะเป็นคน ๆ เดียวในชีวิตของแกก็ได้”

เซย์ริวยังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ที่ข้างเตียงของคัตซึฮิโกะ จนกระทั่งมาซาฮิเดะออกจากห้องไปแล้วจึงได้ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ฟุบตัวลงกับเตียงเหมือนจะหลับตามคนที่นอนอยู่ก่อนแล้ว มือใหญ่เลื่อนไปเกาะกุมมือเล็กที่มีผ้าพันแผลพันรอบข้อมือเบา ๆ ...ก่อนหน้าที่จะตื่นขึ้นมานี้ เขาไม่รู้เลยว่าจับมือของคัตซึฮิโกะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร จำได้แค่ว่านั่งอยู่ข้างเตียงจนง่วงและเพลียเต็มที่จึงหลับไป...

‘…เขาอาจจะเป็นคน ๆ เดียวในชีวิตของแกก็ได้…’

คำพูดของหมอมาสะก้องอยู่ในหัว หมอเป็นคนเดียวที่รู้จักเขาดีที่สุดในโลกด้านมืดแห่งนี้...รู้จักดีเสียยิ่งกว่าฮิโรกิ รู้แม้กระทั่งว่าเขากำลังตามหาและต้องการอะไรอยู่

ชายหนุ่มแค่นยิ้มให้กับตัวเอง

“คน ๆ เดียวในชีวิตงั้นเหรอ...พูดได้ดีนี่หมอ...”
//////////



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #82 เมื่อ27-04-2013 15:15:15 »

สงสาร...มาก T_______T////

เซย์ริวม่าง ใจร้ายง๊ะะะะ(พูดคำนี้ทุกตอนเลยวุ๊ยตรู)

ขอบคุณมากครับผม :)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #83 เมื่อ27-04-2013 19:27:54 »

อยากให้เอาคืนเซย์ริวบ้าง เอาให้ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง :m31:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #84 เมื่อ28-04-2013 17:33:01 »

เซย์ริวยังคงร้ายและเลวตลอด ไม่น่าเชื่อว่าคัตจังจะอีด ถึก ได้ขนาดนั้น :hao4:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #85 เมื่อ28-04-2013 19:36:09 »

เซย์ริวใจร้าย  :hao4:

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #86 เมื่อ01-05-2013 09:55:20 »

น้ำตาซึม ชอบๆ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #87 เมื่อ01-05-2013 16:52:33 »




     ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตายสินะ
     อย่างนี้เซย์ริวจะทำอะไรได้เนี่ย




ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
«ตอบ #88 เมื่อ03-05-2013 01:46:10 »

เซย์ริวใจร้ายมากมาย ....
สงสารซาโนะจริงๆเลย T_T

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #89 เมื่อ03-05-2013 21:41:05 »

สวัสดีวันหยุดยาวครับ จะไปเที่ยวไหนกันมั้ยครับ หรือหมดตัวจากสงกรานต์แล้ว?

KOUSOKU 12

เป็นเวลากว่า 15 ปีล่วงมาแล้ว ที่เด็กชายวัย 9 ขวบที่มอมแมมและใกล้จะตายได้พบกับหมอมาซาฮิเดะ เพดานสีขาวของโรงพยาบาลเถื่อนคือสิ่งแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาขึ้น

“ไปได้แผลมาจากไหนนักหนา เราน่ะ ยังเด็กอยู่เลย” มาซาฮิเดะถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนไข้ที่เขาเก็บมาจากข้างถนนตื่นแล้ว
หากเด็กชายไม่ตอบ แถมยังมองหมอด้วยสายตาหวาดระแวง

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนแมวจรจัดตื่นคนแล้ว มาซาฮิเดะก็ตัดสินใจที่จะไม่รีบร้อนเข้าใกล้เด็กคนนั้น

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอก...เอางี้ก็ได้ ชื่ออะไร?”

เด็กชายยังคงเงียบ

วิธีที่จะเข้าใกล้สัตว์ป่าหรือสัตว์ที่ไม่เชื่อง จำเป็นต้องอดทนนิ่งเข้าไว้ให้สัตว์ตัวนั้นไว้ใจเสียก่อน จึงจะเข้าใกล้ได้...เด็กคนนั้นก็เหมือนสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ระแวง และไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น

มาซาฮิเดะจึงทำเป็นเลิกสนใจ หันไปจัดข้าวของบนโต๊ะวางอุปกรณ์เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน แล้วก็เลยไปจัดเอกสารหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำประหนึ่งว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนี้ จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง...

“...เซย์ริว...มิเนคุระ เซย์ริว...” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นเบา ๆ จากทางด้านหลังของมาซาฮิเดะ

“อืม...ชื่อเพราะดีนี่ หิวหรือเปล่า เอานมสักแก้วมั้ย?” หมอเพียงแค่หันไปถามโดยไม่ได้เข้าใกล้

เด็กชายพยักหน้าน้อย ๆ  สายตายังคงมีแววระแวงปรากฏชัด แต่ก็ไม่ได้กร้าวอย่างตอนแรก

มาซาฮิเดะอุ่นนมให้เด็กชายมอมแมมที่ตอนนี้ดูดีขึ้นแล้วจากการเช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วก็ปล่อยให้นั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงอย่างนั้นโดยไม่ได้ไปสนใจหรือไถ่ถามอะไร เขาคิดว่าเด็กคนนั้นคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้หวาดระแวงคนแบบนี้ ดูจากลักษณะท่าทางแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเด็กข้างถนนอย่างที่เขาเคยเห็น เพราะเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว แม้จะดูเหมือนไม่ได้รับการดูแลแต่ก็ดูดีกว่าพวกเด็กข้างถนนมาก แววตาก้าวร้าวหวาดระแวงนั้นเกินกว่าเด็กวัยเดียวกันควรจะมี เด็กคนนี้คงผ่านอะไรบางอย่างมามาก แต่ที่มาซาฮิเดะสะกิดใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรอยแผลมากมายบนตัวเด็กชาย มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่...นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้...ไม่เป็นไร เขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะรอให้เด็กคนนั้นเล่าอะไรออกมา

สายน้ำเกลือที่ติดอยู่ตรงหลังมือทำให้เซย์ริวออกจะรำคาญไม่น้อย และหาโอกาสดึงออกอยู่เรื่อยเมื่อหมอไม่อยู่ จนกระทั่งมาซาฮิเดะทนไม่ไหว

สายยางสำหรับรัดแขนคนไข้สะบัดฟาดเพี๊ยะลงกับหลังมือของเด็กชาย เมื่อพยายามดึงสายน้ำเกลือออกอีก

“เจ็บนะ! หมอบ้า!” ไอ้ตัวเล็กแหวเอา

“ก็ตีให้เจ็บน่ะสิ ไอ้ดื้อนี่ จะดึงออกทำไมนักหนา หา!?”

“ก็มันรำคาญนี่ มันติดอยู่เนี่ย เกะกะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาบ่งบอกว่า...เอาเรื่อง...

“แต่ก็ห้ามดึงออก! ถ้าเธอดึงออกอีกฉันจะตีเธอให้ตาย” คนเป็นหมอขู่

เด็กชายมองหน้าหมออย่างไม่สะทกสะท้าน แววตาคมกริบเป็นประกายกร้านกล้า มุมปากยกขึ้นจนเหมือนจะยิ้ม...ยิ้มร้าย ๆ ...

“ถ้าหมอทำ ฉันจะเผาหมอ...เผาให้เหมือนมันเผาเลย”

มาซาฮิเดะชะงักไปนิดหน่อย...เด็กตัวแค่นี้เอาความคิดเรื่องการเผาคนมาจากไหน...หรือว่า...

“เอ้อ...จะเผาเลยรึ แล้วเธอรู้ได้ไงล่ะว่าคนเผามันจะเหมือนมันเผา?” หมอลองแกล้งถามดู เผื่อจะหลอกให้เซย์ริวเล่าอะไรออกมาได้บ้าง

“รู้สิ เป็นดำ ๆ ถ่าน ๆ เหมือนกันเลย” เด็กชายยังคงทำท่าอวดดี

“เคยเห็นด้วยเหรอ ฉันยังไม่เคยเห็นเลย”

“เคยเผามาแล้วด้วย!” เซย์ริวบอกพร้อมกับทำท่าภาคภูมิใจ

“เหรอ? เผาใครล่ะ?”

“พ่อน่ะสิ!”

เซย์ริวหลุดปากออกมา พอรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็ตะครุบปากตัวเองแน่น เบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด กระถดหนีไปนั่งติดหัวเตียง ตัวสั่นระริก

‘…นี่เอง สาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่…’ มาซาฮิเดะบอกกับตัวเอง แม้เขาจะไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอื่นใด เด็กชายก็มีอาการหวาดกลัวลนลาน จนอดสงสารไม่ได้

“เอาหละ ถ้าเธอดึงสายน้ำเกลืออีก ฉันจะไม่ตีเธอแล้ว” คนเป็นหมอพูดขึ้นมาในที่สุด

เซย์ริวเงยหน้าขึ้นมองหมอ แววตาฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ฉันจะจับเธอมัดไว้กับเตียง ตัดเอ็นมือข้างที่ดึง แล้วก็ฉีดยาให้มือข้างนั้นมันเป็นง่อยไปเลย เพราะฉันก็ไม่อยากถูกเผาเหมือนกัน” มาซาฮิเดะพูดพร้อมกับยิ้มแบบวายร้ายอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“เอ๊ะ! ไม่เอานะ ไม่เอาเป็นง่อยด้วย!” เซย์ริวร้อง แววตายังดูหวาดกลัวเช่นเดิม แต่ดูเหมือนเรื่องที่กลัวจะเปลี่ยนไปแล้ว

“ไม่รู้หละ ถ้าดึงสายน้ำเกลืออีก เป็นง่อยแน่ ฉันทำจริง ๆ ด้วย” หมอพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าไอ้ตัวร้ายจะโวยวายอะไร

บุรุษพยาบาลยืนหัวเราะหึ ๆ อยู่หน้าห้อง

“หัวเราะอะไร โทชิ?”

“ขำหมอ ทะเลาะกับเด็กก็เป็น”

“ก็มีบ้าง ลูกฉันที่เมียพาหนีไปก็คงอ่อนกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เท่าไรหรอก” มาซาฮิเดะพูดพลางยักไหล่...ภรรยาของเขาพาลูกหนีหายไปแล้วส่งใบหย่าตามมาทีหลัง หลังจากที่รู้ว่าเขาแอบค้าอวัยวะมนุษย์ “เอ้อ นี่ โทชิ หนังสือพิมพ์เมื่อ 3 วันก่อนยังอยู่หรือเปล่า?”

“ยังอยู่ครับ ยังไม่ถึงวันทิ้งขยะ”

“งั้นเอามาให้หน่อยละกันนะ”

ข่าวที่ปรากฏในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมีข่าวที่มาซาฮิเดะต้องการรู้อยู่จริง ๆ ...”ย่างสดขี้เมาคาห้องเช่า หลับคาเถ้าบุหรี่ไฟไหม้ที่นอนดับอนาถ”...ในรายละเอียดยังบอกไว้ด้วยว่าผู้ชายนามสกุลมิเนคุระ และลูกชายวัย 9 ขวบที่ชื่อเซย์ริวหายสาบสูญไป

มาซาฮิเดะโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ ถ้าเรื่องเผาพ่อตัวเองที่เซย์ริวพูดเป็นความจริง มันก็อธิบายเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และบอกได้ว่าทำไมเด็กชายถึงมีอาการหวาดกลัวมากมายเมื่อหลุดปากเรื่องนั้นออกมา...บาดแผลตามตัวพวกนั้นคงเป็นแรงจูงใจให้ทำ แน่นอนว่าไม่มีใครคิดหรอกว่าเด็กตัวแค่นั้นจะวางแผนฆ่าพ่อตัวเองได้

“พ่อเฮงซวยมันเอาแต่เมา” เซย์ริวเล่าเรื่องให้หมดฟังเมื่อรู้สึกไว้วางใจในระดับหนึ่ง “พอเมาก็ตีแม่จนแม่หนีไป ทิ้งฉันไว้กับมัน...แม่เฮงซวย!”

“พอแม่ไม่อยู่ พ่อก็เลยตีเธอ?”

“อื้อ ตีแรง ๆ ด้วย ตอนแม่อยู่ก็ตีเหมือนกัน แต่ไม่แรงเท่านี้ มันตีแม่แรงกว่า” เด็กชายกลั้นใจนิดหนึ่งเมื่อบุรุษพยาบาลเอาน้ำราดหัวล้างฟองสบู่เป็นรอบที่สาม “บางทีก็เอาบุหรี่จี้ด้วย ร้อนจะตาย เลยเผามันเลย จะได้รู้ว่ามันร้อนแค่ไหน”

ในคำพูดก้าวร้าวยังแฝงความไร้เดียงสา มาซาฮิเดะได้แต่ยืนฟังไอ้ตัวแสบ “จ้อ” เรื่องของตัวเองให้ฟังในขณะที่บุรุษพยาบาลทำการ “ซัก” ให้สะอาดตั้งแต่หัวจรดเท้า

มาซาฮิเดะยอมให้เซย์ริวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย โดยไม่ได้มีความคิดจะอุปการะเด็กคนนี้เอาไว้แต่อย่างใด เซย์ริวต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา หมอไม่เคยถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์ให้เด็กชาย พอ ๆ กับที่เด็กชายก็ไม่ได้อยากเรียนรู้ เขาออกไปเที่ยวเล่นตลอดวัน มีเงินที่มาซาฮิเดะให้ติดตัวเล็กน้อย กลับมาโรงพยาบาลเพื่อนอนหรือหิวแล้วเงินหมด ความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดแต่ห่างเหินดำเนินไปเรื่อย ๆ จนเด็กชายโตขึ้นเป็นวัยรุ่นและหมอก็กลายมาเป็น “หมอมาสะ” ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น มาซาฮิเดะไม่เคยให้ใครเรียกเขาว่าหมอมาสะนอกจากเซย์ริว

เซย์ริวเติบโตขึ้นเป็นวายร้ายของละแวกนั้น แล้วก็เริ่มขยายอิทธิพลออกไปในฐานะตัวอันตราย โดยที่มาซาฮิเดะไม่ทันรู้ตัว เซย์ริวก็ได้มีดสปริงเล่มสวยชั้นดีอันเป็นของมือมีดที่เก่งที่สุดในย่านนั้นมาเป็นอาวุธคู่มือ ในขณะที่เจ้าของมีดต้องมานอนให้เขารักษาอยู่เป็นเดือน

เด็กหนุ่มไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มหรือแก๊งไหน เป็นอันธพาลที่ฉายเดี่ยวมาตลอด แต่ด้วยความที่ยังเด็ก มีบ่อยครั้งที่ถูกทำร้าย มาซาฮิเดะต้องคอยเป็นธุระทำแผลให้อยู่เสมอ รอยแผลเป็นบนตัวเซย์ริวเพิ่มขึ้นทุกที บางแผลก็เหวอะหวะน่ากลัวจนไม่น่าจะรอดชีวิต แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะมีความเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่ง และความเชื่อมั่นนั้นทำให้เขาพาตัวเองกลับมาถึงโรงพยาบาลได้ทุกครั้ง ไม่ว่าแผลนั้นจะสาหัสแค่ไหน...ถึงมือหมอมาสะแล้ว ปลอดภัยแล้ว...

กว่าจะโตจนแยกตัวไปอยู่ตามลำพังได้ เซย์ริวก็ผ่านบาดแผลมานับไม่ถ้วน และหลายครั้งที่ถูกล่วงเกินทางเพศ แต่ทุกครั้งที่บาดเจ็บ ทุกคนก็ได้รู้ว่า ใครทำให้เซย์ริวเจ็บ มันคนนั้นจะโดนเอาคืนเป็น 3 เท่า

แต่ตัวอันตรายที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นี้ก็ยังพอจะมีมิตรอยู่บ้าง แม้ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ศัตรู อาจมีเรื่องลอบกัดกันเองบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ  แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องกันถึงขั้นเลือดตกยางออก กลุ่มของเร็นอยู่ในกรณีนี้ ส่วนศัตรูนั้นไม่ต้องพูดถึง นอกจากมิตรแล้วทุกคนล้วนเป็นศัตรู พวกอัตสึชิเป็นแค่หนึ่งในศัตรูมากมายที่มักจะมีเรื่องกับเขาบ่อย ๆ เท่านั้นเอง

เซย์ริวออกจากโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะไปเช่าห้องเช่าเก่า ๆ โทรม ๆ แห่งหนึ่งไว้เป็นบ้านด้วยเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งพาหมอเลยแม้แต่น้อย เงินเหล่านั้นล้วนได้มาจากการปล้นจี้ ฉกชิงวิ่งราว มาซาฮิเดะก็รู้ แต่ก็เฉย ๆ อยู่ เพราะนั่นคือหลักฐานว่าบัดนี้เซย์ริวโตพอที่จะดูแลตัวเองและมีชีวิตอยู่ในโลกมืดแห่งนี้ได้แล้ว มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวในการออกไปอยู่คนเดียว นั่นคือเซย์ริวจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ค่าเลี้ยงดูและรักษาพยาบาลของหมอที่ให้มาฟรี ๆ จนถึงบัดนี้ คิดด้วยมาตรฐานของมาซาฮิเดะออกมาเป็นจำนวนเงินแล้ว เซย์ริวก็แทบจะโดดตึกตายหนีหนี้เสียเดี๋ยวนั้น ถ้ามาซาฮิเดะไม่บอกก่อนว่าเงินจำนวนนั้นมีกำหนดใช้หนี้ตลอดชีวิตและห้ามตายก่อนใช้หนี้หมด ไม่อย่างนั้นจะโดนชำแหละศพไปขาย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด