Take off ur Pants!!
Special 02
‘ HAVE SOME SHAME, BITCH. ’
อีหนู หัดมีหิริโอตัปปะซะบ้าง!!!!!!!Tong’s Part“สารเลว”
มันเป็นคำที่ผมไม่โต้แย้ง แล้วก็ไม่คิดจะทำ ในเมื่อมันเป็นความจริง.. แต่ก็ไม่ได้จะชอบใจนักหรอกนะที่ๆต้องมาโดนมันด่าอยู่แบบนี้..
…
สองวันที่แล้ว...“เมื่อไหร่กูจะจบ”
ไอ้เป๊ปโอดครวญออกมาพร้อมกับเพื่อนๆของมัน ใต้ตาสีดำคล้ำจากการอดหลับอดนอน เห็นที่เขาว่าเด็กถาปัดงานหนักคงจะจริง ไม่รู้สินะ ผมมันจบนิเทศศิลป์มาซะด้วย
“ปีสี่แล้วนี่ เดี๋ยวก็จบแล้ว” ผมปลอบใจมันที่เพิ่งเลื่อนมาขึ้นเป็นรุ่นพี่ใหญ่สุดของเอกคณะมันเมื่อไม่นานมานี้เอง ..นี่แสดงว่าผมคบกับมันมาสี่ปีกว่าแล้วด้วยสินะ?
“..ไอ้แก่” เหี้ย! กำลังคิดอยู่พอดีเลยว่าตัวเองอายุเริ่มมากแล้ว สัดนี่เสือกด่าทะลุกลางป้อง แทบสำลักควันบุหรี่ในคอตัวเอง ผมหันไปถลึงตาใส่มัน ไอ้เป๊ปฉีกยิ้มสะใจออกมาทั้งๆที่สีหน้ายังอิดโรย ซ่านักนะมึง!!
“สัด กูยังไม่แก่” ผมพูด ก็จริง ผมยังไม่แก่ อายุ 26 ปีนี่อาจไม่ได้ถือว่าวัยรุ่นแต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่คึกคะนองได้อยู่
“แต่ก็แก่กว่ากู น้องเป๊ปเพิ่งขึ้นเลขสอง พี่ตองอีกสี่ปีก็จะไปเลขสามซะละ.. หะ นี่มึงจะสามสิบแล้วเหรอเนี่ย เฮ้ยย.. แม่งแก่ว่ะ!” ส่วนท้ายๆนี่มันทำหน้าจริงจังเหมือนเพิ่งมาคิดประเด็นนี้อย่างจริงจัง ไอ้เด็กเปรต ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ มึงมาวิจารณ์ใส่หน้าแบบนี้คิดว่ากูจะเสียเซล์ฟบ้างมั้ยวะ..
“เป๊ปมึงก็ไปว่าเฮีย.. เฮียเขายังไม่แก่ซะหน่อยนะ ใช่มั้ยครับเฮีย เฮียแค่ไม้ใกล้ฝั่งเฉยๆ..โอ้ย!!” ไอ้นูโดนแดกไปหนึ่งลูกตบบนหัว ไอ้เป๊ปหัวเราะสะใจทันทีที่เพื่อนมันหันมายกมือไหว้ผมท่วมหัว พอเริ่มสนิทกันก็ปีนเกลียว ดีที่ผมยังคุมไว้อยู่มันเลยเกรงๆไว้บ้าง.. นี่ขนาดเกรงแล้วยังกวนส้นตีนขนาดนี้ สมกับที่คบเป็นเพื่อนกับไอ้เป๊ปเปอร์มาได้จริงๆ
“ตอง”
“หืม” ผมรับคำ ละสายตาจากโต๊ะลูกค้าสาวเยื้องๆนุ่งสั้นมามองหน้าไอ้เป๊ป ..ไม่เอาน่า ก็แค่อาหารสายตา ขนาดเมียกูยังไม่ว่าอะไรเลยนี่
“กูคัน”
พรวด..
“...” ผมมองหน้าไอ้เป๊ปนิ่งๆ เหมือนมันเองที่ก็จ้องผมกลับ ไอ้ธนูสำลักเบียร์หน้าดำหน้าแดง บอกตรงๆผมออกจะประสาทเสียกับไอ้นิสัยอยากพูดเหี้ยไรก็พูดของแม่งอยู่เหมือนกันนะ คือบางทีกูก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เวลาเปลี่ยนไป ไอ้เป๊ปเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอยู่นะถ้าเทียบกับสมัยก่อน แต่ไอ้ความแรงนี่แม่งเหมือนมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือกูก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือมีปัญหาอะไรกับนิสัยนี้ของมันหรอก แต่บางครั้งก็อดจะตกใจไม่ได้กับแต่ละอย่างที่ออกมาจากปากเมียกู
“แล้วยังไง..” ผมถามกลับยิ้มๆ ไอ้เป๊ปเท้าคางกับโต๊ะแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม กัดปากยั่วเบาๆที่ไม่ว่าทำกี่ครั้ง ผมก็ยังมองว่าแม่งโคตรเอ็กซ์
“พี่ตองจะเกาให้ผมมั้ยล่ะครับ”
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!!.. โขลก! อึก ..โขลกๆๆ!!..” เสียงไอ้ธนูไอจริงๆจังๆขัดจังหวะผมกับมัน ไอ้เป๊ปจิ๊ปากก่อนจะหันไปหาเพื่อนมันอีกคนที่ตั้งแต่มาเหยียบร้านกู นอกจากยกมือไหว้แล้วแม่งก็ไม่มีบทสนทนาร่วมกับชาวบ้านเขาเลย
“เชี่ยเพ้นท์ ดูผัวมึงหน่อย จะตายห่าละ .. แล้วนี่มึงจะคุยมือถืออีกนานมั้ย มารยาทไม่มี?” กูว่าคนที่ควรจะโดนคำนั้นด่าน่าจะเป็นตัวมึงเองมากกว่า ไอ้เพ้นท์ที่คุยโทรศัพท์อยู่รีบเอามือปิดมือถือมันไม่ให้เสียงไอ้เป๊ปเข้าไปหาคนปลายสาย มันแยกเขี้ยวใส่ไอ้เป๊ป ก่อนจะลุกจากโต๊ะไปยืนคุยอยู่ที่มุมร้าน
“..นู เพ้นท์นอกใจมึงแล้ว” ไอ้เป๊ปหันไปพูดกับเพื่อนมัน ไอ้นูที่ยกแขนเสื้อปิดปากตัวเองอยู่รีบผงกหัวขึ้นมาทันที
“เหี้ย.. จะบ้าเหรอ กูกับไอ้เพ้นท์ไม่ได้เป็นอะไรกันสัด!” ไอ้ธนูตอบออกมาทันที ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่เงียบๆไม่ได้พูดอะไร นั่งดูเรื่องพวกมันก็สนุกเพลินตาดี เหมือนได้ตามดูหนังซีรี่ย์วัยรุ่นทุนต่ำๆซักเรื่อง
“จะบอกกูว่ามึงไม่ได้รักมัน?” ถึงตรงนี้ไอ้ธนูทำตาโตใส่ไอ้เป๊ปก่อนจะตวัดสายตามาทางผมเหมือนไม่อยากให้รู้เรื่อง ผมแกล้งหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง หึ ขอโทษเหอะ ไม่ต้องบอกกูก็ดูแววตามึงออกแล้วไอ้พวกเด็กโง่
“เฮ้อ.. กูรัก แต่ไม่ใช่แบบพวกมึง”
“...”
“กูไปทำงานก่อนนะ” ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะเพื่อให้ไอ้พวกเด็กเปรตพวกนี้คุยกันได้สะดวกใจ ไอ้เป๊ปยกมือปัดไล่ผมโดยที่สายตาไม่ละออกมาจากหน้าไอ้นูด้วยซ้ำ.. จัญไรว่ะ เมื่อกี้ใครแม่งยังยั่วจะไปซั่มกับกูวะ ทียังงี้ละต่อมเสือกกำเริบ! ผมยกตีนถีบเก้าอี้แม่งแรงๆทีนึงก่อนจะเดินหนีออกมา เสียงไอ้เป๊ปโวยวายตามหลังมาทำผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
“เฮียคะ เด็กที่จะมาแทนพี่ทาวน์มาแล้ว เกล้าให้เขาไปรออยู่ที่ห้องเฮียนะ”
การ์ดสาวตัวใหญ่ยืนคุยกับผมด้วยท่าทีนอบน้อม ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเลี่ยงเดินขึ้นชั้นสองไปยังห้องทำงานตัวเองอย่างที่ไอ้เกล้าบอก เปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของผม มันหันมาตามเสียงที่เปิดประตู ก่อนที่จะรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับ ผมชื่อตาล”
ผมพยักหน้าตอบรับคำทักทายนั้นก่อนจะเดินผ่านไปนั่งประจำที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เด็กตัวผอมบางนั่นฉีกยิ้มสดใส เหล็กดัดฟันสีเขียวในปากนั้นก็ทำให้ดูน่ารักแบบขี้อ้อนดี แต่เมียกูอ้อนกว่าว่ะ...อ้อนตีน
“ที่จะมาทำแทนไอ้ทาวน์ใช่มั้ย” ผมพูดถึงบาร์เทนเดอร์คนเดียวของร้าน ที่ตอนนี้ขอลาป่วยเพราะว่ามือเจ็บ ทำงานไม่ได้
“ครับ”
“อืม เริ่มวันนี้เลยแล้วกัน” ผมบอกออกไป ไอ้ตาลดูเอ๋อๆนิดหน่อยกับคำสั่งนั้น
“จะไม่สัมภาษณ์อะไรก่อนซักหน่อยเลยเหรอครับ”
“ไม่จำเป็น ดูจากการทำงานเลยดีกว่า ยังไงก็แค่ชั่วคราว.. ใช่มั้ย?” ผมถามกลับออกไป ร้านกูไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากอยู่แล้ว เด็กตาลพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนที่ผมจะไล่มันออกจากห้องไปเพื่อความเป็นส่วนตัวในห้องทำงาน
ผมนั่งมองร่างเล็กๆนั่นเดินออกจากห้องไปจนลับสายตา มุมปากกระตุกขึ้นนิดๆ ถึงจะไม่ได้แสดงออกมา แต่ดูก็รู้น่ะนะ ว่าเด็กนั่นเองก็คง ‘เป็น’ ถามว่าทำไมรู้..อารมณ์ว่าผีเห็นผีละมั้ง.. แต่เอาเหอะ
ยังไงก็คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกู
“เมิงง” ผมเงยหน้าจากกองบัญชีตรงหน้าขึ้นมองไอ้คนที่เปิดประตูเข้ามาโดยไร้มารยาท ไอ้เป๊ปยืนพิงประตูโดยที่ปากคาบบุหรี่เอาไว้ ผมเลิกคิ้วขึ้นใส่มัน
“กูกลับก่อนแล้วนะ แม่ง ใจมันคึกแต่สังขารร่างกายไม่ไหวละ” ผมพยักหน้าตามคำพูดของมัน ก็น่าเห็นใจอยู่ เห็นว่าอดหลับอดนอน ซัดกระทิงแดงแทนน้ำเปล่ามาหลายวันละ
“สรุปไม่รอให้กูเกาให้ก่อนหน่อยเหรอ นี่เคลียร์งานเสร็จแล้วนะ” ผมแกล้งหยอกมัน แต่ถ้าได้จริงก็คือเอา ไอ้เป๊ปแสยะเขี้ยวใส่แล้วเชิดหน้าขึ้น กอดอกด้วยมือข้างเดียว อีกข้างยกขึ้นคีบบุหรี่ไว้อยู่
“ไม่เป็นไร อันที่จริงกูก็แค่คันตีนอ่านะ แต่พอไม่ได้เห็นหนังหน้ามึง อาการนั้นมันก็หายไปแล้วล่ะ กูก็ไม่รู๊วว..ว่าทำไมเหมือนกัน”
“สัด” คำนี้สั้นๆเลยจริงๆ มันหัวเราะในลำคอ แก้มของไอ้เป๊ปนูนออกมาเพราะแม่งดุนลิ้นเล่นในปาก กวนตีนจริงๆ ตาแม่งจะปิดอยู่แล้วแท้ๆ จากที่เดิมก็ตี่เป็นทุนอยู่แล้วด้วยนะน่ะ
“แล้วใครไปส่ง” ผมถามมันเพราะดูสภาพแล้วถ้าขับเองคงเสยเสาไฟฟ้าก่อนได้ถึงห้อง ไอ้เป๊ปยังไม่ตอบเพราะมัวแต่ดูดบุหรี่แรงๆอยู่จนปลายมวนแดงวาบ ผมลุกจากโต๊ะแล้วเดินไปแย่งออกจากปากมันมา
“มึงสูบมากไปแล้วนะ” ช่วงปั่นงานนี่ดูดแทบทุกสองชม. กูยังไม่อยากหม้ายแดกเพราะเมียปอดพังตายห่า ขนาดผมที่ว่าสูบจัดแล้วหลังๆมานี่ยังยอมแพ้ ไม่รู้แม่งจะเครียดอะไรนักหนา
“เออ.. จะตายห่าเอาละ เดี๋ยวน้องถังสีจะไปส่ง โอย.. มึนหัวว่ะ” ถังสีหรือก็คือเพ้นท์นั่นเอง ไอ้เป๊ปทำท่าเซแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้ ผมเอาบุหรี่ที่แย่งจากมันได้มายัดเข้าปากตัวเองแทน เอาไหล่ผลักหัวมันเบาๆ
“นอนนี่ก่อนมั้ย แล้วรอกลับพร้อมกัน”
“..เห้อะ กูอยากนอนสงบๆ.. ไปแล้วละกันแม่ง ไม่ไหวๆ เจอกันมึง” มันยกมือขึ้นตบแก้มผมเบาๆก่อนจะผละตัวเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง ไอ้เป๊ปหันมายิ้มให้ผมด้วยสีหน้าอิดโรยแต่ก็ปิดรอยเจ้าเล่ห์ไว้ได้ไม่มิด.. “เด็กที่ออกจากห้องมึงมาก่อนหน้านี้.. น่าฟัดดีนะว่าป๊ะ คึคึ”
เอามือแตะปากหัวเราะอีก มึงคิดว่าน่ารักนักเหรอ เหี้ยจริงๆ..
...
เวลาตีสามสามสิบห้านาที.. โต๊ะสุดท้ายถึงได้เสด็จเช็คบิลกลับที่พำนักไปซะที.. ห่า! กูนึกว่ามึงจะจดทะเบียนบ้านย้ายมาอยู่ร้านกูเลย ครัวก็ปิดไปตั้งนานแล้วจะแช่ตูดให้นานหาขี้เล็บตีนพ่อแม่ใครอยู่ได้เหรอ ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะความง่วง ..ว่าแล้วก็กาแฟซักแก้วดีกว่า ไม่อยากเสี่ยงขับรถกลับทั้งแบบนี้
ผมเดินเข้าไปในครัวด้วยตัวเอง เพราะว่าพนักงานกลับกันไปหมดแล้ว ..กูก็ไล่ให้พวกแม่งกลับกันไปเองน่ะแหละ แค่ปิดร้านกูมีปัญญาทำเองได้ สงสารเด็กมันด้วยตอนเช้าบางคนก็มีเรียน หึ เห็นแบบนี้กูเองก็คนดีบ้างเหมือนกันนะครับ.. แต่ก็บางอารมณ์ด้วยอีกนั่นแหละ
“อ่ะ..”
มือที่กำลังคนแก้วกาแฟหยุดชะงัก ผมหันมองไปตามเสียง ไอ้เด็กใหม่ในชุดเชิ้ตขาวและสแลคดำตามยูนิฟอร์มบาร์เทนเดอร์ที่คุ้นตาผู้คน.. ผมขมวดคิ้วยุ่ง แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีเหมือนลนลาน..
“ยังทำอะไรอยู่ที่นี่”
ไอ้เด็กใหม่อึกอักที่จะตอบกับคำถามนั้นของผม.. ไอ้เด็กใหม่ เออ มันชื่ออะไรนะ ลืม “มึงชื่ออะไรนะ?”
“เอ๊ะ.. เอ่อก็ ตาลไงครับ น้ำตาล” น้ำตาล?.. ชื่อตุ๊ดไปหน่อยนะ แต่ก็โอเคดีถ้าเทียบกับหน้าหวานๆของมันที่ไปกันได้อยู่ ผมคิดออกมาขำๆว่าถ้ามันชื่อน้ำตาลแล้วพี่น้องมันต้องชื่ออะไรวะ เกลือ? น้ำปลา? พริกไท?..
พริกไท.. หึ
“คุณเจ้าของร้านจะยังไม่กลับเหรอครับ”
“กูชื่อตอง ไม่ได้ชื่อเจ้าของร้าน” ผมว่าพลางยกกาแฟขึ้นจิบ “กูมากกว่าที่ต้องถามว่าทำไมมึงไม่กลับ คนอื่นเขากลับกันหมดแล้วนะ”
“.. ผมอยู่ช่วยเก็บร้าน...น่ะครับ” ผมเลิกคิ้วกับคำตอบของมัน .. อีกฝ่ายหลบสายตาของผมทันทีที่โดนจ้องใส่ ..ก็ไม่ได้อยากจะหลงตัวเองหรอกนะแต่
“นี่ยั่วอยู่เหรอ?”
“!!!.. เอ่อ ผม.. ผมไม่ได้” คนตอบปฏิเสธแต่หน้าแดงซ่าน ผมยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก หืม.. น่ารักดีนะ ดูไม่เจนจัดหรือร่านอะไรมากด้วย ผมแอบไล่สายตามองรูปร่างของเด็กตาลหัวจรดเท้าแล้วก็ต้องเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ..ก็แค่ความคิดในหัวมันก็คงไม่เป็นไรนักหรอกใช่มั้ย เพราะยังไงสิ่งที่ตอบกลับไปก็คือ..
“มีแฟนแล้ว โทษที”
“...”
“ฝากปิดร้านด้วยก็แล้วกันนะ .. ทำเป็นใช่มั้ย”
“ครับ”
ผมหันไปมองมันอีกครั้งก่อนจะวางแก้วกาแฟที่หมดแล้วลงบนซิงค์เตรียมล้าง ไอ้ตาลเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้ผมเดินออกนอกประตูครัวไปได้ .. พอขึ้นรถมาได้ผมกับตบพวงมาลัยพร้อมจิ๊ปากออกมา แม่ง! โคตรเสียดายชิบหาย ไม่ใช่ว่าไม่อยาก ก็ถูกใจ ชอบ อย่างเล่นอยากลอง มึงเข้าใจความรู้สึกที่มีสเต็คเนื้อหอมๆมาเสิร์ฟตรงหน้าตอนท้องว่างฟรีๆ แต่สิ่งที่ทำได้คือการเดินหนีไป! เข้าใจความรู้สึกนี้มั้ยวะ!!!
..แต่ก็อย่างที่บอก ว่าไอ้ความรู้สึกพวกนี้ถ้าเทียบกับการที่ไอ้เป๊ปแม่งต้องหายไปอีก.. มันเทียบกันไม่ได้ว่ะ
...
แต่ก็อย่างว่า กูไม่ใช่พระอิฐพระปูน
“เฮียคะ เฮียช่วยไปรับน้องตาลที่ม่านรูดแถวถนนXXXหน่อยได้ไหม”
ไอ้เกล้าบอกผมในวันหนึ่ง และเนื่องจากว่าวันนี้มีบริษัทมาเหมาร้านไปจัดงานฉลองเหี้ยอะไรซักอย่างกัน เด็กทั้งร้านยุ่งไปหมดจนเหลือแค่ผมคนเดียว เลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ไอ้เกล้าต้องมาขอความช่วยเหลือทั้งๆที่ทำหน้าเหมือนโดนจับกรอกยาเบื่อ
แต่พูดก็พูดเถอะ กูก็งง
“อะไรของมึง”
“เกล้าก็ไม่รู้ แต่น้องบอกว่าน้องบังเอิญไปอยู่ที่นั่นแล้วไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง .. น้องไม่อยากบอกคนในครอบครัวเพราะเดี๋ยวจะโดนดุ” ไอ้เกล้าบอกผมด้วยใบหน้าเครียด “เฮีย.. ได้มั้ยคะ เกล้าก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ แต่เกล้าเชื่อใจเฮียนะ พี่เป๊ปเองก็ด้วย..”
คำพูดนี่บอกกันมาเลยว่ารู้สันดานชั่วๆกูมากขนาดไหน ก็อย่างว่า ศิษย์เอกไอ้เป๊ปเปอร์แล้วก็คนใกล้ตัว รับรู้แทบทุกสถานการณ์และรู้จักเด็กทุกคนที่กูเคยคั่ว -_- อือ เอาเหอะ จะยังไงก็ช่าง
“จะพยายาม” ผมบอกแล้วหยิบกุญแจรถเดินออกไป เกล้าดูจะมีสีหน้าไม่ดีนักกับคำตอบของผม.. ผมทำให้ได้แค่นี้ ไม่รับปากเพราะไม่ไว้ใจตัวเอง แต่ก็จะพยายามควบคุมให้ได้มากที่สุด..
ทำได้มาแล้วตั้งสองปี จะตกม้าตายเอาตอนนี้ก็...ฮึ ไม่แน่
ผมขับรถมาจนถึงโรงแรมที่ไอ้เกล้าบอกแล้วถามหาไอ้ตาลโดยสวมบทว่าเป็นคนที่จะมาเอามัน ที่ต้องทำแบบนี้เพราะกูลืมถามรายละเอียดมาจากไอ้เกล้า ตอนแรกพนักงานก็ไม่ตอบ แต่พอเอาแบงค์ม่วงๆยัดให้แม่งไปซักใบก็พากูนำให้ถึงห้อง ไอ้ตาลมึงติดกูห้าร้อยแล้วตอนนี้ ไม่นับค่าห้องที่ยังต้องจ่ายให้อีกนะแม่ง.. มันมาทำอะไรที่นี่วะ
ก็เห็นว่าดูจะใสๆ.. ไม่น่าจะ แต่ก็ไม่แน่หรอกว่าไหม อย่างไอ้ฟางนั่นเมื่อก่อนกูก็เคยเข้าใจผิดว่าแม่งใส สงสัยผมจะเป็นประเภทดูคนไม่เป็น หรือไม่สนใจจะดูจริงๆอย่างที่ไอ้ขวัญว่า
ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นไอ้น้ำตาลนั่งหน้าเจื่อนอยู่บนเตียง พอเห็นหน้าผมมันก็สะดุ้งเฮือกแถมด้วยใบหน้าซีดเผือด ดวงตาที่จ้องผมมันสั่นเหมือนคนกำลังกลัวหรือสับสน ไอ้ตาลเม้มปากเข้าหากันแล้วหลบตาวูบโดยไม่พูดอะไร
“..ออกมาสิ จะไปจ่ายเงินให้” คำแรกที่ทำลายความเงียบลง ผมพยายามที่จะทำให้มันจบลงเร็วๆ บรรยากาศและสถานการณ์ที่เป็นใจแบบนี้มันชวนให้ประมาท..
“อ่ะ.. เอ่อ..” มันอึกอักและไม่ยอมลุกออกมาจากเตียง กูเริ่มรู้สึกถึงอะไรที่มันไม่ใสสะอาด ไม่สิ.. มันไม่ใสสะอาดตั้งแต่การที่พนักงานใหม่ของกูโทรให้เจ้านายมารับที่ม่านรูดแล้วล่ะ ผมกระตุกยิ้มขึ้นมาพร้อมย่างเท้าเข้าไปใกล้ร่างที่นั่งอยู่บนเตียง วางแขนไว้กับเตียงคร่อมร่างบางไว้แล้วยื่นใบหน้าเข้าไป
“ถ้ามึงยังไม่ออกไปในหนึ่งนาทีนี้.. อีกสองชั่วโมงนะ มึงถึงจะได้ออกไป..”
“!!!” คนตรงหน้าเบิกตาโต สีหน้าจากซีดขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงซ่าน ..
“...”
“...”
“..ล้อเล่นน่ะ”
“เอ๊ะ” มันร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจในขณะที่ผมหยัดตัวลุกขึ้น.. ไม่ควรจริงๆ เมื่อกี้นี่เกือบที่จะโน้มตัวลงไปจูบไอ้ตาลแล้ว แต่เหมือนอาถรรพ์ที่ชื่อของไอ้เป๊ปผุดขึ้นมาในหัวจนตัวเองยังตกใจ ผมหันหลังเดินหนีจากไอ้ตาลแต่แล้วจู่ๆก็โดนกระตุกมืออย่างแรงจนเสียหลักล้มลงไปบนเตียง..!?
“แค่ครั้งเดียว.. ผะ..ผมไม่พูด พี่ไม่พูด .. ไม่มีใครรู้หรอก”
ผมขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น ไอ้ตาลพลิกตัวเป็นฝ่ายคร่อมผมไว้ มือสั่นๆของมันจับคอเสื้อของผมไว้แน่น..
เสียงหวานของไอ้ตาลร้องครางออกมาในลำคอ.. เพราะอะไรกันนะ อ่อ .. โดนคลึงเนื้อบั้นท้ายนี่เอง .. น่าขำ มือของกูเหมือนมีชีวิตเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกันกับร่างกายที่ควบคุมไม่ได้ในตอนนี้
ร่างของไอ้ตาลถูกพลิกลงไปนอนกับเตียงขาว.. ผมเหมือนกำลังดูหนัง มองผ่านมุมมองของใครซักคนที่การกระทำเป็นไปตามสัญชาตญาณ ติ่งเนื้อเล็กๆที่ใช้ลิ้นดุนดันแล้วมีเสียงคราง และสัมผัสนุ่มมือจากร่างกายของเด็กตรงหน้าดึงให้ผมจมดิ่งลงไปในโลกของกามอารมณ์
ลืมโลกภายนอก.. เพิกเฉยต่อผลกรรมที่กำลังจะก่อ
แม้แต่เสียงริงโทนพิเศษที่ตั้งไว้สำหรับคนสำคัญบางคน.. มันยังฉุดผมในตอนนั้นไว้ได้ไม่อยู่..
...
“สารเลว”
มันเป็นคำที่ผมไม่โต้แย้ง แล้วก็ไม่คิดจะทำ ในเมื่อมันเป็นความจริง.. แต่ก็ไม่ได้จะชอบใจนักหรอกนะที่ๆต้องมาโดนมันด่าอยู่แบบนี้..
ยิ่งเป็นมัน.. กูยิ่งไม่ชอบใจ
“มึงมาเสือกอะไรกู.. ไอ้ฟี่”
ผมถามมันด้วยบุหรี่ที่ยังคาบอยู่ในปาก แค่เปิดประตูออกมาจากห้อง คำว่าสารเลวก็กราดใส่หน้าทันที ผมนึกแปลกใจกับการปรากฏตัวแบบฉับพลันของมันหลังจากที่แทบจะหายจากสมองกูไปได้สองปีกว่าแล้ว แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเพราะพริบตาต่อมา กูก็ต้องเซไปไกลเพราะแม่งถีบมาไม่ทันตั้งตัว! ไอ้ฟี่กระโจนตัวเข้าใส่ผมแล้วเงื้อหมัดต่อยอีกที อีกหมดหนึ่งกำลังจะถูกส่งมาอีกแต่ผมปัดได้ออกก่อนจะเป็นฝ่ายต่อยสวนให้มันเซได้แทน
“..ถุด .. ไอ้สัด!!” ผมพ่นลิ่มเลือดในปากออกก่อนจะหันไปด่ามันที่กำลังยกมือขึ้นเช็ดมุมปากอยู่ไม่ต่าง “มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!!!”
“..มึงไม่ถามตัวเองก่อนล่ะว่าทำเหี้ยอะไร!!” มันสวนกลับมาทันที ไอ้ฟี่ตะคอกด้วยท่าทีที่โกรธจัด .. อ่อ นี่คงจะเพราะเห็นกูเข้าโรงแรมกับคนที่ไม่ใช่ไอ้เป๊ปสินะ ผมหัวเราะเยาะมันออกจมูก
“หึหึ นี่ยังจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันอีกงั้นน่ะเหรอ.. สองปีนี่..ความพยายามดีเนอะ” ผมแสยะยิ้ม คนฟังเบิกตาขึ้นทันทีก่อนที่มันจะกัดฟันกรอด..
“..ทำไมต้องเป็นมึง.. มึงมันไม่มีเหี้ยอะไรคู่ควรกับมันซักนิด!!!” ไอ้ฟี่มองผมอย่างเจ็บปวด ผมรู้สึกหน้าตึงกับคำนั้น.. เจ็บแปล๊บขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก นี่อาจเป็นความรู้สึกผิดเหรอ?.. คงใช่ ถ้าแฟนของไอ้เป๊ปคือไอ้ฟี่ บางทีมัน.. คงทำให้ไอ้เด็กนั่นมีความสุขได้มากกว่านี้..
“แต่มันรักกู”
“แล้วมึงไม่ได้รักมันบ้างเลยเหรองไง!!?” ไอ้ฟี่ตะคอกอีกครั้งจนแทบเป็นแผดเสียง ผมเงียบ ก็แค่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบออกไปยังไง แต่ว่ารักมั้ยมันก็รักอยู่แล้ว.. รักมากด้วย ผมมองหน้าของไอ้ฟี่นิ่งๆอย่างไม่หลบสายตา มันเม้มปากก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้งด้วยเสียงที่เบากว่าเดิมมาก “.. ถ้ามึงรักมัน.. ก็ช่วยดีกับมัน ให้คุ้มพอที่กูจะยอมปล่อยมันไปหามึงเถอะ ได้มั้ย..”
“มึงยังรักมันอยู่เหรอ”ผมถามขัดออกไปด้วยความอยากรู้จริงๆ.. ผมรู้ว่าไอ้ฟี่ยังเป็นห่วงไอ้เป๊ปอยู่อันนี้แน่อยู่แล้ว แต่ความรัก.. สองปีที่ผ่านไปแล้วมันจะยังมั่นคงกับไอ้เป๊ปแค่คนเดียวเลยงั้นน่ะเหรอ .. ไอ้ฟี่ก้มหน้าเงียบแต่ผมรู้ว่ามันกำลังจะตอบ
“รัก”
“...”
“แต่มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเพราะมึง เพราะมัน หรือเพราะกู..”
“...”
“ในหน้าที่ๆกูทำไม่ได้อีกแล้ว .. มึงทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอวะตอง” มันเงยหน้าขึ้นถามผมอีกครั้งด้วยสายตาเจ็บปวด
“กูทำดีที่สุดแล้ว”
“..มึงมันเหี้ย!!” คำด่านั้นไม่ได้ทำให้โกรธ กลับยิ้มรับได้ซะอีก.. คำด่าซ้ำซากจำเจที่กูโดนด่าบ่อยๆ หรือบางทีก็แม้แต่ด่าตัวเองด้วยคำนี้เหมือนกัน.. “ทำให้มันดีมากกว่านี้! ไม่งั้นก็เลิกกับมัน ให้มันไปเจอคนที่ดีกว่ามึง”
“.. หึ” ผมแค่นหัวเราะแล้วเลือกจะเดินเลี่ยงหนีไปโดยไม่ตอบอะไรมันอีก หมดธุระที่จะอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ก็โดนกระชากไหล่ให้กลับไปก่อนอย่างแรง ไอ้ฟี่ตะโกนใส่หน้าผมอีกครั้ง
“บอกกูมาว่าจะทำให้ดีกว่านี้!!! สัญญากับกูสิ แล้วเรื่องที่กูเห็นมึงวันนี้..กูจะลืมมันไปก็ได้..”
นี่มันกำลังจะให้โอกาสผมอีกครั้งงั้นน่ะเหรอ?
.. กูไม่ใช่ไอ้อ่อนที่ต้องรับความปราณีจากมึงขนาดนั้นหรอกนะ
“ไม่จำเป็น” ผมปัดมือของมันที่อยู่บนไหล่ทิ้ง เชิดหน้าและเหลือบสายตามองมันอย่างเหยียดๆ กระตุกมุมปากขึ้นมา
“อยากบอกอะไรมันก็พูดไป เพราะกู.. ไม่ได้ทำอะไรผิด!” TBC.
ทิ้งบอมบ์ไว้แล้วกระดื้บหนีไปไวๆ วิฮิ้ววววววววว

ขอโทษที่เอามาลงนานไปหน่อย สารภาพเลยว่าลืมคับ
