♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]  (อ่าน 84441 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 









kagehana : เปิดเรื่องใหม่จ้ะ   หลังจากที่เขียนนิยายดราม่ามานาน หมีกับดอกไม้เลยลงมติในที่ประชุม(นั่นก็คือกูเกิลด็อกซ์ ฮ่าๆ) ว่า "เรื่องถัดไปจะเอาแบบหวานๆ กุบกิบๆ"
 
กุบกิบคืออะไร?

กุบกิบ = กรุบกริบ เป็นภาษาที่หมีกับดอกไม้ใช้เรียกนิยายเบาๆ หวานบ้าง เศร้าบ้าง แต่ไม่ดราม่ากระจาย มีตัวขำๆไว้คอยชูโรง ประมาณว่าเรื่องรักใสๆปนฮา

หลังจากเขียนกันไปได้สักพัก เราก็คิดชื่อเรื่องอยู่นาน ทาสรักบ้าง บลาๆไป แล้วก็พบว่าชื่อไม่ได้ไปทางเดียวกับนิยายเลย o22 สุดท้ายคิดอยู่นาน ก็ลงตัวที่


"รักกุบกิบ"



 :-[



ขออภัยที่ภาษาที่ใช้ในชื่อเรื่องอาจจะวิบัติเพื่อความบันเทิงไปบ้าง แต่ภาษาในเนื้อเรื่องไม่วิบัตินะคะ (หรือถ้ามีก็เป็นวิบัติเพื่อเสียง เพิ่มความเร้าใจในการอ่าน)


ขอฝากตัวละครเซทใหม่ จิน พี่คีย์ พี่ไผ่ เม็ดโฟม รถถัง อาลัว  ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ



รักคนอ่านค่ะ


ป.ล. แต่ไม่รับประกันนะคะว่าจะกุบกิบไปได้กี่น้ำ....นิสัยคนเขียนชอบลากเข้าดราม่าตลอด มือมันไปเอง :เฮ้อ:












-1-






“ผมต้องแต่งงานกับเมย์” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจหลังจากเสร็จสิ้นบทรักเร่าร้อนบนเตียง


“เมย์? เมย์ลินดา? แต่งอะไรอีก ไหนว่าอันว่าคุยกับพ่อแล้วไง” ชายหนุ่มร่างบางที่เอนซบอยู่บนตัวคนรักเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


มือสากแตะไล่บนผิวเปล่าเปลือยและลาดไหล่เนียนนุ่มก่อนจะดันตัวคิรากรออกห่าง “ก็คุยแล้ว สรุปว่าพ่อยอมให้คบกับคีย์ต่อ...แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งกับเมย์ คีย์เข้าใจใช่มั้ยว่าพ่อผมเป็นคนยังไง ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว”


อนลแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มเบาๆก่อนจะพูดต่อ “แต่ยังไง คนที่ผมรักก็มีแต่คีย์นะ”


คิรากรขยับใบหน้าหนี “แปลว่าอะไร ทำไมอันคิดว่าผมจะโอเคกับการที่ต้องเห็นอันแต่งงาน” ร่างบางดันตัวเองออกมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าที่มักจะมีแต่รอยยิ้มมีแต่ร่องรอยของความไม่พอใจ


“ก็จะให้ผมทำไง ผมรักคีย์จริงๆนะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มบอกถึงความจริงใจ อนลกอดคนรักที่เป็นผู้ชายอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงงอนง้อ “รอผมหย่านะ สัญญาว่าจะทำให้เร็วที่สุด”


“หย่า... แล้วอันจะหย่าได้เหรอ” คิรากรเงยใบหน้าที่มีแต่ร่องรอยของความกังวล คนอายุน้อยกว่ารู้ดีว่าอีกฝ่ายที่มีพ่อแม่มีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงนั้นต้องระวังตัวอย่างไรบ้าง-- โดยเฉพาะสังคมชั้นสูงที่สหรัฐอเมริกา


“ได้สิ....รอผมนะคีย์”












 

 

“ผมไม่รอแล้วอัน”


“ไหนว่าเราเข้าใจกันแล้วไง” อนลกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มในห้องของคิรากร “....รู้ว่ามันตั้งปีนึงแล้ว แต่ผมยังหย่าตอนนี้ไม่ได้จริงๆ เมย์เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”


...เมย์ไม่ได้ทำอะไรผิด...


...ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...


...แล้วความรู้สึกของผมล่ะ...


“ผมรักคีย์นะ” อนลพูดคำหวานที่รั้งหัวใจของคนรักไว้ได้มาตลอด ชายหนุ่มชอบคิรากรมาก ทั้งความคิด ร่างกาย การกระทำ เข้ากันได้ดีทุกอย่าง ถ้าหากต้องเสียไป ก็ไม่รู้ว่าจะหาคนรักแบบนี้ได้อีกที่ไหน


รักก็รัก แต่ไม่สามารถจะทิ้งทุกอย่างเพื่อรักได้


“แต่อันรักผมไม่พอ” คิรากรตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดกับความจริงที่หลุดออกมา


...ผมยอมรับได้ทุกอย่าง...


...แต่ไม่ใช่แบบนี้...


“ผมได้เจออันในวันที่อันไม่มีนัดกับเมย์ ต้องหลบๆซ่อนๆ ไม่ต่างอะไรกับเป็นชู้กันสักนิด ทั้งๆที่เราเป็นคนรักกัน”


อนลสวมกอดร่างโปร่งแล้วลูบศีรษะกลมมนที่มีเส้นผมอ่อนนุ่มสีดำอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าคนรักของเขาต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการที่จะต้องคบหากันแบบนี้ อนลรู้สึกผิด...แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอยู่ไปอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร พ่อเขายังมีภรรยาน้อยที่รักกันมาก สังคมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว จะให้แลกทุกสิ่งทุกอย่างกับความรักดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


“แต่เมย์เป็นเมียตามกฏหมาย...ถึงคีย์จะมาก่อนก็เหอะ”


คำพูดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้คิรากรรู้สึกแย่กว่าเก่า ราวกับหาค่าของตัวเองไม่ได้ในความรักที่มีให้กัน


“ผมมาก่อน... ก็แค่เวลาเท่านั้น...”


“น้อยใจเหรอ” อนลดึงร่างโปร่งเข้ามากอดไว้แล้วซบใบหน้าลงกับช่วงท้อง คิรากรเป็นคนน่ารักที่เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เจ้าตัวมีผิวขาวที่จะกลายเป็นแดงก่ำยามเขินอาย ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนในบางครั้งทำให้เวลาอยู่ใกล้แล้วมีความสุข เส้นผมสีดำขลับอ่อนนุ่มที่ตัดสั้นรู้สึกดียามสัมผัส แต่ก็ไม่เท่าริมฝีปากหวานๆที่พร้อมจะบอกรักในทุกเวลา


“ผมมีคีย์คนเดียวตอนนี้ไม่ได้...รออีกสักพักได้ไหม...”


“ผมอยากจะตอบว่ารอได้นะอัน แต่ผมไม่ไหวแล้ว...” ดวงตาที่เคยฉายสะท้อนแต่ความรักมีแต่ความเจ็บปวด ตลอดเวลาสี่ปีที่คบกันมา สามปีแรกนั้นมีแต่ความสุขจนกระทั่งอนลบอกว่าจะต้องแต่งงาน คิรากรก็ยังจะอดทน


“คีย์จะทิ้งผมเหรอ....” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงจะเป็นเพศเดียวกัน ถึงคิรากรจะอายุน้อยกว่า แต่ความรักที่มีให้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง


“อย่าพูดเหมือนคีย์ผิดสิ”


“ผมเลือกไม่ได้...เลือกไม่ได้จริงๆ นะคีย์ อันรักคีย์นะ”


“ถ้าเลือกไม่ได้ผมก็ไม่เอาด้วยแล้ว” คิรากรมองใบหน้าของคนรักแล้วก็หลบสายตา


“แล้วจะให้ผมทำยังไง จะให้เลิกกับเมย์ คบคีย์ออกหน้าออกตางั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก...ทำอย่างนั้นคนอื่นจะมองว่ายังไง แล้วเพื่อนๆคีย์จะมองคีย์ยังไง ถึงในอเมริกาจะเป็นเรื่องไม่แปลก แต่ไม่ใช่กับในสังคมคนไทยที่นี่นะ”


“แล้วทำไมอันต้องแคร์สังคมมากกว่า เพื่อนๆคีย์เขาก็รู้กันหมดนั่นแหละ มีแต่อันที่ไม่ยอมรับความจริง” ร่างบางดันตัวเองออกจากอ้อมกอด เจ็บปวดจากคำพูดทุกคำที่คนรักพูดออกมา


“คีย์ไม่เข้าใจ....ผมกลับก่อนแล้วกัน ไว้คีย์ใจเย็นผมจะมาหาใหม่”


ร่างสูงคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ตัดปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่อนลไม่รู้เลยว่า...ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะได้เห็นคนที่ตัวเองพูดว่ารัก


 










 




“ให้ตายเถอะ เปิดเทอมวันแรกไอ้จินมันไปอยู่ไหนนะ” ชายหนุ่มผิวขาวร่างเล็กกับเรือนผมยาวตรงสีดำบ่นออกมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งประกอบคำพูดขณะที่เดินลงบันไดอาคารเรียน


“ก็คงไปสิงแถวไหนของมันแหละ เม็ดโฟมจะกลับหอป่ะ เดี๋ยวเราไปส่ง” คนตอบเป็นชายหนุ่มร่างสูงกับแว่นตากรอบเหลี่ยม เส้นผมสั้นๆเสยขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ เช่นเดียวกับชุดนักศึกษาที่เป็นเสื้อขาวกางเกงยีนส์


“พี่ไผ่แอบคิดอะไรเปล่าครับ ไปรับไปส่งแต่ไอ้จิ๋วโฟม ที่น้องรถถังกับน้องอาลัวปล่อยให้เดินตากแดด” รถถัง...รฐกร ชายหนุ่มว่าที่ตำแหน่งคาสโนว่าประจำคณะเอ่ยแซว เพราะตัวที่อ้วนเป็นรถถังถึงได้ชื่อนี้มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าตอนนี้จะกลายร่างเป็นหนุ่มหล่อสุดแสนจะเจ้าชู้แล้วก็ตาม เขาโอบไหล่เพื่อนอีกคนที่ยืนกอดชีททำหน้ายิ้มๆ...หน้ายิ้มที่หวานเหมือนขนมอาลัวสมชื่อ


“อ้าว อกุศลนะครับไอ้ถัง มีรถก็พาอาลัวไปดิ พี่ไผ่เห็นใจเด็กอ่อนแออย่างโฟมต่างหาก” อิชย์ ชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของชื่อเล่นที่ฟังเหมือนสาวน้อยน่ารักคิขุทำหน้าเบ้ใส่เพื่อนจอมเจ้าชู้


“อย่างมึงอ่อนแอตายแหละ พี่ไผ่เขาเห็นใจ กลัวมึงเดินกลับแล้วจะไปฉุดใครเขาเข้า สงสารสัตว์โลกคนอื่นๆ พี่ไผ่แม่งโคตรพ่อพระเลยว่ะ สาธุ”


“อย่างกูจะไปฉุดใคร มีแต่มึงนั่นแหละที่จะไปฉุดคนอื่น เนอะพี่ไผ่” เขารีบหันไปมองหน้าเจ้าของชื่อก่อนจะยิ้มให้


“ทะเลาะกันอยู่ได้ เม็ดโฟมจะกลับหอเลยหรือว่าจะกินข้าวก่อน ถ้ากินจะได้ไปที่โรงอาหาร โทรเรียกจินมาด้วย” พี่ไผ่...กลายเป็นชื่อเล่นของเขาไปแล้ว ทั้งๆที่อายุก็เท่ากัน แต่ดูเหมือนท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่ทำให้ทุกๆคนเรียก พชร ว่าพี่ไผ่ๆ ไม่เว้นแม่กระทั่งคนที่หายหัวไปเป็นประจำอย่างจิณณ์


“พี่ไผ่หิวเปล่า โฟมหิวก็ได้ ไปโรงอาหารกัน อาลัว ไปกับไอ้ถังนะ” อิชย์หันไปพูดแกมสั่งกับเพื่อนสนิทของตัวเอง


“อือ เราไงก็ได้ ถ้าถังว่างก็โอเค” นภัสรพียังคงยิ้มรับกับคำพูดของเพื่อนตามประสาคนง่ายๆที่มีคำพูดติดปากว่าไงก็ได้


“อะหือ ไม่ถงไม่ถามกูสักคำ สั่งเสร็จสรรพเลยนะครับไอ้น้องเม็ดโฟม เอาแต่ใจชิบหาย ขี่มอไซค์ ปั่นจักรยานก็ไม่เป็น ยังอยากจะเรื่องมากอีกเนอะ เดี๋ยวกูให้พี่ไผ่ทิ้งไว้แถวนี้ให้หมาไล่ฟัดเลย” รฐกรตั้งใจเรียกชื่อเต็มของโฟม...ชื่อที่ถ้าคนอื่นนอกจากพี่ไผ่เรียกเมื่อไหร่ ไอ้โฟมจะโวยทันที


“ใครให้มึงเรียกเม็ดโฟมวะ มีแต่มึงแหละทิ้งกู พี่ไผ่ใจดีไม่ทิ้งกูหรอก” พูดจบชายหนุ่มผมยาวก็หันมาหาร่างสูงที่ยืนยิ้มจางๆ “ไปกันเถอะพี่ไผ่”


เจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวอ้างพยักหน้าเบาๆ “ฝากโทรหาจินด้วยนะอาลัว บอกเจอกันที่โรงอาหาร”


“โอเค”


“ว่าไงอาลัว” น้ำเสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มหน้ายุ่งกรอกใส่โทรศัพท์ เจ้าของชื่อที่ทุกคนถามหาเมื่อเช้าขับมอตอร์ไซค์มือเดียวแล้วคุยไปด้วย


-ทุกคนรออยู่ที่โรงอาหารนะ โดนโฟมสวดยับแน่วันนี้-


“บอกมันว่ากินก่อนไปเลย ใกล้ถึงแล้ว....เฮ้ย!!!” คนขับเหยียบเบรกตัวโก่งเมื่อเห็นเงาคนตัดหน้าแถวถนนหน้าคณะ จิณณ์หักหลบลงข้างทางเสยพุ่มไม้ไปเป็นแถบ ในแบบที่เรียกว่าคนไปทางรถไปทาง


“เชี่ยเอ๊ย” ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นอย่างโมโหแล้วเดินมาที่อีกคนที่นอนกลิ้งอยู่ใกล้ๆ “เป็นไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”


ถึงแม้ว่าจะถูกตัดหน้า แต่ยังไงกับอีกฝ่ายที่เดินอยู่ริมถนน ถ้าเกิดเป็นอะไรไปก็มีแต่ซวยไปเท่านั้น


คนที่ล้มลงไปรีบลุกพรวดขึ้นก่อนจะกระพริบตามองร่างสูงด้วยความแปลกใจ “ขอโทษครับ ผมกำลังหาตึกเรียนอยู่... ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”


เขาหยิบแว่นกรอบหนาสีดำทรงเหลี่ยมที่หล่นอยู่ไม่ไกลขึ้นมาเช็ดแล้วสวมคืนพลางลุกขึ้นยืนปัดเนื้อตัวที่มอมแมม “รถล่ะครับ เสียหรือเปล่า”


คนที่ยืนค้ำหัวอยู่เดินไปยกรถขึ้นมองสำรวจ พอลองสตาร์ทว่าไม่มีปัญหาก็ส่ายหัว ชายหนุ่มมองไปยังอีกคนที่ยืนตัวเปื้อนผมยุ่ง ตัวที่บอบบางกับแก้มขาวๆที่เป็นสีแดงจัดทำให้เจ้าตัวดูต่างกับผู้ชายคนอื่นนิดหน่อย เป็นไทป์ใกล้เคียงมนุษย์พันธ์แฮมสเตอร์ ยังไม่นับรวมดวงตาโตใต้กรอบแว่นที่ดูยังไงก็ขัดหูขัดตาเหลือเกิน


“รถไม่เป็นไร แต่คนเจ็บ หน้าพุ่งเข้ากอต้นไม้ ทีหลังหัดดูทางบ้าง ถ้าไม่อยากเป็นผีเฝ้ามหาลัย”


“ขอโทษครับ ผมเพิ่งมา ยังไม่คุ้นทางเท่าไหร่ครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะอีกครั้ง


“จะไปไหนล่ะ นี่มันทางไปคณะ...” จิณณ์พูดถึงชื่อคณะของตัวเองที่ปกติมักจะมีแต่ผู้หญิงเรียน ถ้ามีผู้ชาย...ไม่เกย์ กระเทย ก็พวกหน้าหม้อหื่นไม่เลือกหวังฟันสาวสวยทั้งคณะ


“งั้นแปลว่าผมมาถูกทางแล้วสิ... เดี๋ยวตอนบ่ายผมต้องไปพบอาจารย์...” เขาก้มลงมองกระดาษในมือแล้วจึงพูดต่อ “สุนันทา...”


“อ่อ เจ๊ฟู ป่านนี้ไปกินข้าวมั้ง ค่อยไปหาบ่ายๆดิ่” จิณณ์ปัดเบาะแล้วพยักเพยิด “ไปนั่งรอที่โรงอาหารไหม ไปส่งก็ได้ ถือว่าขอโทษที่เฉี่ยว”


“อ๊ะ ก็ได้ครับ ขอบคุณมากเลย” คนแปลกหน้าที่เพิ่งมายิ้มรับคำชวนก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าด้วยความเคยชิน


“ผม... คิรากรครับ...”


“ชื่อแปลก ฉันจิน...” ชายหนุ่มจับมือแล้วดึงเข้ามาใกล้ มองอย่างพิจารณาก่อนจะปล่อยมือออก พยักหน้าไปทางเบาะด้านหลัง


“เรียกคีย์ก็ได้ ชื่อเล่น...” เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะก้าวไปยืนข้างๆรถมอเตอร์ไซค์


จิณณ์ไม่แน่ใจว่ากำลังทำเรื่องน่าเบื่ออย่างช่วยคนที่เพิ่งรู้จักทำไม แต่เพราะอีกฝ่ายหน้าเหมือนไอ้พวกสัตว์ตัวกลมนิ่ม ที่ตื่นกลัวตลอดเวลา เลยคิดว่าถ้าปล่อยทิ้งไป คงได้นอนตายเปล่าแถวนี้ ไหนจะท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ว่าตอนหลบรถไปชนอะไรเข้าหรือเปล่า คงจะเป็นพวกปีหนึ่งเข้าใหม่มากกว่าจะรุ่นเดียวกัน


“คีย์ เล่นเปียโนเหรอถึงชื่อนี้”


“เปล่าครับ เป็นชื่อเล่นเฉยๆ” เขาตอบก่อนจะก้าวขาขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของคนตัวสูงกว่า


จิณณ์มองคนตรงหน้าที่ก้าวขึ้นนั่งอย่างเก้ๆกังๆแล้วถอนใจ นิสัยก็ไม่ใช่...ทำไมต้องมาดูแลวะ


“จะขึ้นวันนี้หรือพรุ่งนี้ ให้มันเร็วหน่อยสิวะ”


พอได้ยินน้ำเสียงที่ฟังเหมือนรำคาญ คิรากรก็รีบนั่งให้เรียบร้อย กระชับกระเป๋าที่สะพายข้างไว้ให้แน่นก่อนจะเอ่ยปากบอก “ครับ เสร็จแล้ว”


จิณณ์ออกรถไปชนิดที่เรียกว่ากระแทกกระทั้นนิดๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่มีเสียงบ่นสักแอะ มีแต่มือสั่นๆที่เอื้อมมาดึงเสื้อเอาไว้...ไอ้เด็กนี่มันเอ๋อหรือเบลอกันแน่วะ


ฟีโน่สีดำขับผ่านแนวต้นไม้สองข้างทาง จิณณ์คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ร่มรื่นแห่งนี้ ฟากฝั่งหนึ่งเป็นสระน้ำกว้างชื่อเดียวกับชื่อเดิมของมหาวิทยาลัย เป็นแหล่งรวมพลของนักศึกษาที่มาจีบ กินเหล้า เดินเล่น หรือกระทั่งคึกอยากว่ายน้ำเล่นกับสัตว์น้ำเจ้าถิ่นที่นี่ เขาชอบที่นี่..ติดแต่เพียงว่าบางครั้งความตั้งใจในการเรียนของตัวเองช่างน้อยเหลือเกิน


จิณณ์จอดลงที่แนวจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าโรงอาหารใหญ่ ซึ่งเป็นโรงอาหารเก่า และเสียเวลาเกือบครึ่งนาทีในการยืนรอแฮมสเตอร์ใส่แว่นที่มองทุกอย่างอย่างสนใจ


“ไม่เคยเห็นโรงอาหารเหรอ เปิดเรียนมาสักพักแล้วนะ”


ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยตอบ เสียงตะโกนก็ดังมาจากด้านใน เรียกให้ต้องหันไปมองหาต้นเสียง


“คุณชายจินครับ จะยืนเอ๋ออีกนานไหมมึง เข้าเรียนก็ไม่เข้า ยังจะไม่แดกข้าวอีกเหรอวะ” เป็นอิชย์ที่โบกไม้โบกมือพลางส่งเสียงร้องเรียกจิณณ์ให้มาร่วมโต๊ะทานข้าว


“เพื่อนคุณเรียกแล้ว ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” คนที่ซ้อนท้ายมาไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง


“ไม่เป็นไร ไปนั่งกินด้วยกันสิ” จิณณ์ดึงคิรากรไว้แล้วลากเข้าไปนั่งในกลุ่ม...ใช่ เขาไม่ได้ห่วงไอ้แว่นแฮมนี่สักนิด ที่จริง จะนั่งกินไหน กินอะไรก็ช่าง แต่เพราะอยากกินข้าวแบบสงบๆเลยจำใจลากมานั่งกลางวงด้วย


ก็เพราะว่าน้องเม็ดโฟมของเพื่อนๆเป็นผู้ชายที่ว่างเป็นคุย ถ้าเอามาเรียกความสนใจได้ ก็คงชวนคุยกันยาว ให้กินข้าวได้สบายๆ


“พี่ไผ่อุดปากมันหน่อยเหอะ เชี่ยแม่งตะโกนดังป้าร้านข้าวแกงทัพพีหล่นแล้ว”


“ให้พี่ไผ่เอาอะไรอุดดีจ๊ะ น้องเม็ดโฟม” รฐกรที่หาจังหวะมานานแซวขึ้นทันที “เอาจุ๊บหรือเอาส้นพี่ดีจ๊ะ”


“เอาส้นกูอุดปากมึงเป็นไงไอ้ถัง” อิชย์เอื้อมมือไปหมายจะผลักอีกคน ทว่าสายตามองเห็นชายหนุ่มร่างโปร่งบางอีกคนที่เดินมาด้วยจึงยั้งมือไว้ได้


“ใครอะจิน”


“คิรากรครับ เรียกคีย์ก็ได้...” คนแปลกหน้าไม่รอให้จิณณ์ได้เอ่ยแนะนำ แต่กลับเป็นฝ่ายทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง


“เก็บได้เมื่อกี้ จะกินอะไร” ประโยคแรกตอบอิชย์ แต่ประโยคที่สองเปลี่ยนเป็นก้มถามคนที่มาด้วยกัน


“เอ่อ... ข้าวไข่เจียวหมูสับ... ก็ได้ครับ” เขาหันไปตอบร่างสูงข้างๆ ปล่อยให้อิชย์ได้แต่ทำหน้ายุ่งด้วยความแปลกใจ


“เก็บได้... คีย์อยู่เอกอะไรน่ะ”


“เอกอังกฤษครับ”


“ปีหนึ่งเลือกเอกได้ที่ไหน โดนรถเฉี่ยวประสาทกลับป่ะวะ” จิณณ์ที่ยังยืนอยู่บ่นแล้วหันไปหา รฐกร พชร และนภัสรพี ที่นั่งทำหน้างงๆ “น้องปีหนึ่งมั้ง ถัง มึงเคยเห็นหน้าป่ะ”


“กูว่าไม่คุ้นนะ กูเข้าไปซ้อมเชียร์น้องตั้งหลายรอบ ไม่เห็นเคยเจอ”


“ผมอยู่ปีสี่ครับ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน” คิรากรไขข้อข้องใจและเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของคนกลุ่มใหญ่ “มาจากประเทศอเมริกาครับ”


“ก็เป็นพี่สิครับ อาลัวครับ” นภัสรพียกมือไหว้แล้วยิ้มให้กับคนที่บอกว่าอยู่ชั้นปีที่สี่


“โฟมครับ...” พอเห็นเพื่อนทำแบบนั้น อิชย์เลยแนะนำตัวตามพลางยกมือไหว้บ้าง


“ผมรถถังครับ แต่เพื่อนเรียกถังเฉยๆ นี่พี่ไผ่” รฐกรแนะนำตัวเองพร้อมพชรเสร็จสรรพ


“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกว่าปีสี่.....” จิณณ์พูดเสียงอ่อนลง เห็นหน้าอ่อนๆนึกว่าจะอายุน้อยกว่า ที่ไหนได้....ไอ้บ้าเอ๊ย


“ปกติต้องบอกด้วยเหรอ จินก็ไม่ได้ถามผมนี่” คิรากรที่อายุมากกว่ายิ้มให้จางๆเมื่อสังเกตได้ถึงท่าทีที่อ่อนลง


“สัด” ชายหนุ่มพูดสั้นๆแล้วเดินไป เรียกเสียงฮาครืนจากคนทั้งโต๊ะ จะมีก็เพียงคิรากรที่กระพริบตาปริบๆมองงงๆ พชรที่นั่งเงียบอยู่นานจึงเฉลยให้


“ไอ้จินมันเขินน่ะครับพี่ หน้าแหกแถมพี่ยังตอกย้ำมันอีก”


“เห็นหน้าเถื่อนๆตัดสกินเฮด แต่จริงๆมันขี้เขินนะพี่คีย์ ใช่มั้ยน้องเม็ดโฟม” รฐกรพูดกลั้วเสียงหัวเราะ


“อ้าว... ไหนว่าชื่อโฟม”


“โฟมครับพี่ ขอร้อง อย่าเรียกเม็ดโฟม” เจ้าของชื่อน่ารักทำหน้าเบ้


“แล้วไผ่อยู่ปีอะไรเหรอ ทำไมมาขลุกอยู่กับรุ่นน้อง” คนมาใหม่ถามต่อด้วยความสงสัย


“ปีสองเหมือนกัน แต่อยู่ๆก็โดนเรียกพี่...เลยเลยตามเลย แล้วย้ายมากลางเทอมแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอครับ”


คิรากรยิ้มกว้างขึ้น ไม่อยากจะบอกออกไปว่าที่ไม่เป็นไรก็เพราะพ่อของตัวเองช่วยขอร้องให้ จึงได้แต่ตอบอ้อมแอ้มไป


“ก็... มาได้ ไม่เห็นเป็นไรนี่...”


“พี่คีย์ สาวฝรั่งอึ๋มป่ะ เผื่อซัมเมอร์นี้ผมจะไปตามหารักแท้สักหน่อย” เจ้าของตำแหน่งคาสโนวา ประจำกลุ่มพูดกรุ้มกริ่ม


“... ก็ เท่าที่เห็น ก็อึ๋มนะ แต่ตัวก็จะอวบด้วย” คนพูดทำหน้าคิดไปพลาง เท่าที่สังเกตก็ตามนั้น แต่เพราะปกติตัวเองไม่ได้มองผู้หญิงเท่าไหร่เลยไม่สามารถจะตอบได้ชัดเจนมากนัก


“ลามกนักนะมึง” คนที่เดินกลับมาพร้อมข้าวสองจานในมือด่ายิ้มๆ จิณณ์วางข้าวไข่เจียวร้อนๆลงตรงหน้าคิรากร แล้วนั่งลงข้างๆ “กินเป็นเด็กประถมเลยนะ คีย์...เอ่อ...พี่คีย์”


“จริงๆเรียกคีย์เฉยๆก็ได้ ไม่ถือ แล้วไข่เจียวหมูสับที่นี่ ไม่เหมือนที่นู่นน่ะ” เขาหันไปเปิดกระเป๋าตัวเองออก “เท่าไหร่เหรอ”


“ให้” พูดจบก็นั่งลงกินเงียบๆ ปล่อยให้คนหยิบกระเป๋าเงินเก้อไป


“ขอบคุณนะ” คิรากรยิ้มให้คนเลี้ยง (ข้าว) อีกครั้งก่อนจะเริ่มตักไข่เจียวทานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข


จิณณ์ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ ฟังเสียงไอ้รถถังกับไอ้โฟมทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง โดยมีพี่ไผ่กับอาลัวเป็นกรรมการห้ามทัพ จนเมื่อนาฬิกาเลื่อนตัวเองมาถึงเวลาบ่าย เขาก็หันกลับไปมองหน้าคิรากรที่อยู่ใกล้ๆ


...ไอ้แว่นแฮมเอ๊ย...


“ให้ไปส่งหาอาจารย์ป่ะ พี่คีย์”


เจ้าของชื่อหันมาทำหน้าสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีนัด เลยรีบพยักหน้ารัวๆ “ได้ไหม ยังไม่ค่อยรู้ทาง อ้อ แล้วก็บอกว่าเรียกคีย์เฉยๆ ไม่เป็นไร”


“จะเรียกอะไรก็เรื่องของกู...ของผม.... พวกมึง กูไปก่อนนะ” จิณณ์จับแขนคิรากรให้ลุกแล้วเลื่อนจานเปล่ามาถือ พาทั้งคนทั้งจานไปที่เก็บจานแล้วเดินออกมานอกตัวอาคาร


เอาเหอะ....


ช่วยครั้งสุดท้าย...


คราวหน้าเจอกันอีกกูจะแกล้งทำไม่รู้จักแล้ว!
 
 
 
 
 













To be continued...

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2015 09:13:44 โดย kagehana »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
แววดราม่านะ แม้จะรักกุบกิบ !

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ท่าทางจะสามคู่ชู้ชื่นสินะ


กลัวสังคมจะรู้เลยต้องคบกันแแบบหลบๆซ่อนๆทั้งๆที่มาก่อน
เห็นแก่ตัว---ทุเรศที่สุด---ดีแล้วล่ะที่เดินจากมาซะ
ไม่ตายก็หาใหม่ได้โว๊ยยยย

+ เป็ดจ้า


putiinez

  • บุคคลทั่วไป
ต้องอ่านใหม่2รอบเพราะสับสนชื่อจริง-ชื่อเล่นของแต่ละคน 55 <<< โง่มากมาย

อณลอย่างแย่ แต่ก็เข้าใจอะนะที่ไม่ยอมหย่า มันเป็นวิธีสามัญของคนเห็นแก่ตัวไง จะเลือกสังคมก็ต้องไม่ทำร้ายคีย์ด้วยการให้คีย์เป็นกึ่งๆเมียน้อยสิ อย่างคีย์มีคนดีขี้เขินแถมปากแข็งรออยู่แล้ว ไม่ต้องง้อคนอย่างนายหรอก นี่แน่ะไอ้ตัวประกอบ  :z6:

คู่พี่ไผ่-เม็ดโฟมมุ้งมิ้งมาก รถถังกะอาลัวเหมือนกัน แต่คู่จิน-คีย์ กุบกิบเกินจนน่ากลัวมาม่า อย่ามาม่าเลยนะะะ  :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้นะ จะติดตามจ้า

ออฟไลน์ capool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
คีย์น่าจะคิดได้ตั้งแต่มันแต่งงานแล้วทนโง่เป็นควายอยู่ได้ตั้งนาน ถ้ามันรักได้แค่นี้ก็ตัดใจเหอะหาคนใหม่ดีกว่า จินณ์จะได้คู่กับคีย์ไหมน๊า..หวังว่าคีย์คงไม่กลับไปหาอนลนะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะคะ ส่วนเรื่องชื่อ อย่าว่าแต่คนอ่านเลยค่ะ บางทีหมียังหลุดเขียนชื่อสลับเลย

เพราะงั้น นี่คือชื่อ-ชื่อเล่นตัวละครแบบคร่าวๆนะคะ




จิณณ์ - จิน

คิรากร - พี่คีย์

พชร - ไผ่ ที่ทุกคนเรียกว่าพี่ไผ่

อิชย์ - เม็ดโฟม

รฐกร - รถถัง อิถัง

นภัสรพี - อาลัว

และตัวอื่นๆที่จะตามมา 555




ตัวละครเป็นตัวสมมติ แต่ฉากในมหาวิทยาลัยและบรรยากาศเอามาจากสถานที่จริง ที่คนเขียนเคยเรียนค่ะ มีใครอยากรู้มั้ยเอ่ยว่าที่ไหน



ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ






-2-






“ตามนั้นก็แล้วกันจิณณ์ ถ้าคุณไม่เป็นบัดดี้ให้คิรากร ครูจะให้คุณติดไอ” ศจ.ดร.สุนันทา หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษยื่นคำขาดด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหลังจากมอบเอกสารที่จำเป็นให้กับคิรากรแล้ว


“เฮ้ย! ได้ไงอ่ะอาจารย์ ทำไมผมต้องทำด้วย โตๆกันแล้วไม่ใช่เหรอ” จิณณ์โวยด้วยเสียงไม่ดังมาก เพราะยังเกรงใจอีกฝ่ายที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และสอนวิชาเอกของตัวเอง


ซวย...มีใครซวยกว่ากูอีกมั้ย แค่พามาหาอาจารย์ แต่ต้องเป็นบัดดี้ให้ไอ้แว่นแฮมนี่จนกว่ามันจะจบอีก


“ไม่เข้าชั้นเรียนอย่างคุณ อาจารย์ท่านอื่นเขารายงานมา ไม่ต้องติดเอฟคุณน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่ครูยังปรานี”


“แล้วทำไมไม่ให้พี่ปีสี่เขาเป็นบัดดี้ไปล่ะครับ ผมอยู่ปีสองนะ”


“ส่วนใหญ่พี่ๆคุณก็วุ่นกันเรื่องเตรียมจบแล้ว คุณจะทำหรือไม่ทำ จิณณ์” สุนันทาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“ไม่ทำครับ ไม่ใช่เรื่อง” นัยน์ตาคมตวัดมองคิรากรที่ยังยืนเอ๋อ ให้ตายเหอะ ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนจริง


...ไอ้ตัวยุ่งยากเอ๊ย...


“งั้นครูก็ไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติมแล้ว” คิ้วของสุนันทาขมวดเข้าหากันพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษมาให้ ก่อนจะหันไปหาคิรากร


“เดี๋ยวครูจะหาบัดดี้ใหม่ให้คุณก็แล้วกัน”


“ไม่เป็นไรครับ จินก็ดีแล้ว ใช่ไหมจิน ขอบคุณนะครับอาจารย์” คิรากรรีบยกมือไหว้แล้วคว้าแขนอีกคนเอาไว้ไม่ปล่อยให้ทันปฏิเสธ


“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ อาจารย์ ....ไอ้พี่คีย์ หลอกตีหัวเข้าบ้านเลยนี่หว่า” เมื่อเห็นว่าจะเถียงอาจารย์ก็ไม่ได้ เพราะถูกลากออกมานอกห้องแล้ว ชายหนุ่มที่เกลียดความยุ่งยากก็หันมาว้ากใส่คิรากร


“ใครอยากทำวะ บัดดี้เชี่ยอะไร ไม่ใช่เด็กๆ ไม่ได้ว่างมาเฝ้าทุกวันนะเว้ย”


“ก็ตอบไปแบบนั้นก่อน ไม่อย่างนั้นจินต้องติดไอนะ”


“อย่างเจ๊ฟู ขืนผมไม่ทำ มีหวังให้เอฟแหง”


“ก็แล้วทำไมไม่ตอบตกลงไปล่ะ เธอนี่ประหลาดจัง” คิรากรกอดอกมองคนอายุน้อยกว่า


“ก็ยุ่งยาก น่ารำคาญ...ผมไม่ชอบดูแลคนอื่น”


“ไม่ต้องดูแล รับปากไปอย่างนั้นแหละ” เขายิ้มให้ หวังว่าอีกฝ่ายจะหายหงุดหงิด


“แล้วทำอะไรเองได้ เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ หออยู่ไหน อยู่หอในหรือหอนอก มีจักรยานมั้ย รู้รึเปล่าว่าตารางเรียนมีวันไหนบ้าง....” จิณณ์รัวคำถามยาวเหยียดพร้อมสรุปให้ทันที “งี้แหละ เจ๊ฟูแกถึงให้ผมมาดูแล วุ่นวายชิบหาย”


“อยู่หอใกล้ๆ... ไม่มีจักรยาน ตารางเรียนเขาบอกให้เข้าไปดูในเว็บได้”


“อืม...” คนที่ตัวสูงกว่ารับคำ ถึงจะบอกว่าวุ่นวายชิบหาย...แต่เมื่อแลกกับเกรดที่ไม่ต้องได้ไอได้เอฟ ก็คงจะต้องลงทุนดูหน่อย


“พี่ปรินท์ตารางเรียนออกมาให้ผมแล้วกัน แล้วจักรยานจะเอาไหม เดี๋ยวพาไปซื้อที่ร้าน วันนี้ต้องไปไหนป่ะ”


“ไม่ไป... ไม่เอาหรอก ขี่จักรยานไม่แข็ง... เดินเอาก็ได้ ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น” บัดดี้ที่อายุมากกว่ายิ้มให้อีกครั้ง


“งั้นก็ลองเดินกลับเอาแล้วกัน” จิณณ์เดินมาที่รถตัวเองแล้วขึ้นคร่อม สตาร์ทเครื่องรอ “บอกไว้ก่อนว่าแถวนี้ขับกันเร็วมาก เดินดีๆ ระวังโดนชนอีกแล้วกัน”


“อื้ม เมื่อเช้าผมก็เดินมา” เขากระชับสายสะพายกระเป๋าให้แน่นขึ้น “วันนี้ขอบคุณมากนะจิน แล้วไว้เจอกัน”


“เอาเบอร์มา...แลกไลน์กันด้วย แล้วแน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง”


“ยังไม่มีเบอร์เลย เดี๋ยวกะว่าวันนี้จะไปหา...”


“แล้วจะเจอกันยังไงวะ เบอร์ก็ไม่มี ให้จุดธูปเรียกเหรอ” จิณณ์บ่นอย่างหงุดหงิดแล้วเลื่อนรถเข้ามาเทียบ “ไปจัดการให้เสร็จๆ เดี๋ยวพาไปซื้อซิมที่โลตัสแล้วจะไปส่งที่คอนโด”


ในเมื่อรับฝากมาแล้ว จะยังไงก็คงต้องดูแลให้ตลอดรอดฝั่ง ถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องจำใจทำ เมื่อคิดได้แล้ว ชายหนุ่มก็ตวัดตามองคนที่ยังยืนนิ่ง


“ขึ้นรถ”


คิรากรเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมา แม้อีกฝ่ายจะทำท่าทางขึงขัง แต่จริงๆแล้วก็จิตใจดีไม่น้อย


“ขอบคุณนะจิน”


ชายหนุ่มเจ้าของรถเกาหัวเบาๆ จะว่าเขินก็ไม่เชิง แต่พวกรอบตัวไม่มีจำพวกที่พูดขอบคุณ ขอโทษ ได้ง่ายดายแบบนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยชินนิดหน่อย จิณณ์รอให้อีกฝ่ายขึ้นนั่งที่อานและเกาะเสื้อเรียบร้อย แล้วค่อยออกรถไปทางด้านข้างมหาวิทยาลัย


ต้นราชพฤกษ์ที่เรียงรายสองข้างทางมีดอกสีเหลืองสดอยู่เต็มต้น ระหว่างทางที่แล่นไปตามมหาวิทยาลัย เขาก็อธิบายคร่าวๆว่าตรงไหนเป็นอะไร ทั้งตึกกองบริการนักศึกษา โรงเรียนมัธยมสาธิตที่อยู่ในรั้วเดียวกัน พอออกนอกป้อม จิณณ์ก็ชี้มือไปที่ตึกตรงหน้า


“นี่หอศิลป์ เดือนกุมภาจะมีแสดงดนตรีจากนักศึกษาดุริยางค์ สนุกดี เลยไปก็เป็นสวน...วังเก่าน่ะ” จิณณ์เหลือบมองคนที่ทำท่าสนใจในกระจกแล้วพูดต่อ “ไว้ว่างๆจะพามาเดินเล่น ข้างในมีให้อาหารปลา...แล้วก็สวนสัตว์ด้วย”


“มีสวนสัตว์ในมหาลัยด้วยเหรอ” เขายิ่งแปลกใจเข้าไปอีก “กว้างขนาดนั้นเลยเหรอ”


“สวนสัตว์เล็กๆ...” พูดแค่นั้นแล้วก็เลี้ยวไปอีกทาง “นี่ร้านเครื่องเขียน มีทุกอย่าง ข้างในซอกนั้นเป็นร้าน จานใหญ่ แพงกว่าในม.นิดหน่อย แล้วก็มีร้านหนังสือด้วย”


จิณณ์พาเด้กใหม่ที่อายุมากกว่านั่งซ้อนท้ายลัดเลาะไปตามถนน จนถึงห้างที่ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ เขาซื้อซิมและแพคเกจให้เสร็จสรรพ หลังจากที่ไอ้แว่นแฮมพยายามทำความเข้าใจเรื่องสัญญาและโปรโมชั่นเกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็พามานั่งในร้านไอติมที่มีสาขาทั่วประเทศ


“พี่คีย์เลี้ยงนะ ค่าเช่าน้องบัดดี้”


“ได้ อยากกินอะไรล่ะ” คิรากรไล่สายตาไปบนเมนู ที่ต่างกับสาขาที่อเมริกาเป็นส่วนๆไป “ผมเอาช็อคโกแล็ต... ซันเดย์”


“เอาขุมทรัพย์โบนันซ่า เปลี่ยนเป็นอัลมอนด์พราลีน เปลี่ยนวิปเป็นเชอรี่ เพิ่มคาราเมล” จิณณ์หันไปสั่งบริกรสาวที่มารอรับทันที


คนอายุมากกว่าอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเมนูที่อีกคนสั่ง “ชอบเชอร์รี่เหรอ”


“มาก” เจออากาศเย็นๆ อารมณ์ของคนขี้หงุดหงิดก็เย็นลง จิณณ์เคาะนิ้วตามจังหวะเพลงในร้านพลางจ้องมองหนูแฮมใส่แว่นตรงหน้า ไม่ใช่คนที่สะดุดตามาก...แต่เป็นประเภทน่ารักมากกว่าหล่อ โดยเฉพาะแววตากลมโตเวลามองอะไรอย่างสนอกสนใจ


“ทำไมถึงย้ายกลับมาเรียนนี่ล่ะ ไม่เรียนที่เมกาต่อเหรอ”


“.... อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็มาแลกเปลี่ยนไม่นาน... ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่ประถมแล้ว...” สาเหตุที่รีบกลับมาปุบปับไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกให้คนเพิ่งจะเจอหน้ากันรับรู้


“ไม่ใช่ว่าอกหักมาหรอกนะ” จิณณ์มองคิรากรที่หน้าซีดไป


อ่าวเชี่ย...แจ็คพอตเหรอวะ


“............ แหะ... แหะ”


“อกหักจริงอะ”


“ก็... ประมาณนั้น...” คนตอบยิ้มจางๆให้แทน


ถึงจะไม่เคยได้อกหักอย่างจริงจัง เพราะมักจะเลิกรากันไปก่อนที่จะเกิดความรู้สึกผูกพัน แต่จากประสบการณ์ที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณชายอะไรก็ได้อย่างอาลัว กับผู้ชายลั้ลลาอย่างรถถัง จิณณ์ก็เชื่อว่าตัวเองมีประสบการณ์มากอยู่เหมือนกัน


และจากประสบการณ์....อาการอย่างงี้


...ปล่อยแม่งซะ...


...ปลอบไปก็เหนื่อยเปล่า...


“พี่คีย์เอาไลน์มาแลกดิ๊ ยิงเข้าเบอร์ผมด้วย”


“เบอร์อะไร...” เขายื่นมือถือไปให้อีกฝ่ายจัดการเองตามความเคยชิน “ทำเองเลย”


จิณณ์กดเบอร์เข้าหาแล้วจัดการเซฟไว้ แลกเปลี่ยนพวกโซเชียลมีเดียต่างๆที่มี ดูเหมือนว่าไอ้แว่นแฮมจะไม่ได้โง่เทคโนโลยี เพราะทุกอย่างใส่รหัสตั้งยูสเซอร์เรียบร้อยพร้อมใช้งาน เพียงแต่อาจจะเชื่องช้าไปบ้างตามประสาหนูแฮม... เขากดตอบรับเสร็จไอศกรีมสองถ้วยที่สั่งไว้ก็มาวางตรงหน้า ชายหนุ่มยื่นคืนคิรากรแล้วลงมือจัดการของตัวเองตรงหน้า


“จะเอาอะไรอีกป่ะ หรืออยากให้ผมพาไปที่ไหน....”


“ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวกลับคอนโดแล้วก็ได้” คิรากรตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี


“เย็นนี้จะไปกินกับพวกผมไหม” จิณณ์ชวนอย่างไม่ใส่ใจนัก


“กิน หมายถึงข้าวเย็นน่ะเหรอ ไปที่ไหนกันล่ะ” เขารีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น


ชายหนุ่มผมสั้นสกินเฮดไม่ตอบ แต่ยิ้มนิดๆให้กับถ้วยไอติมตรงหน้า แววตาเข้มมองคิรากรอย่างอมภูมิ


“เดี๋ยวพี่ก็รู้”


“ถึงบอกชื่อมาตอนนี้ ผมก็ไม่รู้จักหรอกนะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปากอีก


“เอาน่า ถือว่าเป็นการต้อนรับพี่ใหม่สู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้วกัน”


 









 




ในตอนเย็นหลังจากเลิกเรียนแล้ว อิชย์ที่กลับมาถึงห้องของตัวเองพร้อมกับพชรก็ล้มตัวลงบนเตียงทันที


“พี่ไผ่... ปวดหัว... โฟมไม่ไปกับไอ้จินแล้วนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาทาบทับบนดวงตาของตัวเอง สาเหตุน่าจะมาจากการเข้าๆออกๆระหว่างห้องสมุดที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำกับอากาศด้านนอกที่ร้อนมาก


“เป็นอะไรมากไหม” พชรทาบมือไปบนมือเรียวสีนวล “กินยาไหม ไปซื้อให้”


เดิมที ห้องนี้มีแต่อิชย์อยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆกระจายตัวอยู่ตามห้องใกล้ๆ เพราะต่างคนต่างต้องการความเป็นส่วนตัว แต่จู่ๆวันหนึ่งอิชย์ก็เอากุญแจมาให้เขา บอกว่า...เผื่อโฟมทำหาย จะได้ไปเอาที่พี่ไผ่ พชรเลยสามารถเข้านอกออกในห้องนี้ได้อย่างสบายโดยที่เจ้าของเต็มใจ


นิสัยช่างอ้อนเหมือนน้องคนเล็กของอิชย์ ทำให้การที่ต้องคอยดูแล...ไม่ใช่เรื่องลำบากใจ


“อือ... ไม่เป็นไร นอน... เดี๋ยวก็หาย” เขายกมืออีกข้างมาวางซ้อนลงบนมือของอีกฝ่าย “พี่ไผ่อยู่ด้วยกันก่อนนะ”


“บอกแล้วว่าอย่าวิ่งเข้าวิ่งออก ไม่ยอมเชื่อ” ถึงจะบ่น แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน พชรรู้ดีว่ากับคนๆนี้...เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย อิชย์อาจจะเป็นน้องเล็กที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจ แต่ก็เป็นคนดื้ออย่างร้ายกาจเหมือนกัน ยังดีตรงที่อีกฝ่ายไม่คิดจะกวนประสาทเขาเหมือนกับกวนรฐกรคู่กัด


“ก็ไอ้ถังอยากจะนั่งมองสาวข้างนอก หนังสือก็ของมัน... จะให้ทำยังไง...” อิชย์เอ่ยคล้ายจะบ่นแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นออก “พี่ไผ่มือเย็นดีจัง...”


“ก็โฟมตัวร้อน...ยาก็ไม่กิน...ดื้อ”


“ไม่ดื้อ......ขออยู่แบบนี้ก่อน...นะ” น้ำเสียงอ่อนแรงนั้นฟังออดอ้อนชัดเจนซ้ำยังออกแรงจับมือข้างนั้นให้แน่นขึ้น


พชรปล่อยให้อิชย์จับมืออยู่อย่างนั้น ส่วนมืออีกข้างก็ลูบเส้นผมสีดำที่ปล่อยไว้จนยาวเบาๆ  พชรที่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยมีพี่มีน้อง เลยรู้ดีว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่อย่างนี้ไม่ใช่แค่เอ็นดูน้องชาย...เขาถอนใจเบาๆแล้วมองคนตรงหน้าที่ซุกตัวเข้าหาอย่างสนิทใจ


...ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ก่อน...


“หลับนะโฟม.....”


“...อืม.....” คนป่วยรับคำเสียงเบาขณะปล่อยมือมาเอื้อมกอดเอวของพชรเอาไว้ก่อนจะค่อยๆหลับไปในที่สุด


พชรค่อยๆปลดมืออิชย์ออกเมื่อเห็นว่าหลับสนิทแล้ว ผ้าห่มผืนบางถูกหยิบมาคลุมทับคนขี้หนาว เขาจ้องใบหน้าเล็กๆของคนขี้อ้อนครู่หนึ่งแล้วค่อยๆก้มลงใกล้ แววตาที่ทอประกายอ่อนโยนมองเพื่อนตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่พยายามแอบซ่อนไว้


“เม็ดโฟม....” เสียงกระซิบแผ่วดังข้างหูคนหลับ...ก่อนจะตามด้วยจุมพิตแผ่วละมุนบนผิวแก้ม


จูบ...ที่ไม่เหลือร่องรอยในยามตื่น

 













ตั้งแต่ได้รู้จักคิรากร ชีวิตก็ไม่เคยเป็นเหมือนปกติเลย


จิณณ์ปิดโปรแกรมสนทนาในโทรศัพท์แล้วมองหน้าคนที่ยืนยิ้มแหะๆตรงหน้า


“ผมบอกแล้วไง ว่าพี่ไม่มีเรียนวันนี้ กับอีแค่ตารางเรียนตัวเองหัดจำบ้างเหอะ”


เช้านี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงปลุกส่งมาอรุณสวัสดิ์ คิรากรส่งสติกเกอร์ขี้มูกโป่งมา ตามด้วยข้อความว่าจะเข้าเรียนตอนแปดโมงครึ่ง และทั้งๆที่เขาบอกไปว่าคิรากรไม่มีเรียน เจ้าตัวกลับระดมส่งสติกเกอร์หน้าไม่เชื่อมามากมาย ตบท้ายที่กล่าวหาว่าเขาจำผิด


และสุดท้าย จิณณ์ก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์มารับหน้าตึกเรียนอย่างที่เห็น


“ขอโทษนะ พี่จำได้จริงๆว่ามีเรียนน่ะ” สรรพนามจากผมเปลี่ยนเป็นพี่หลังจากเวลาผ่านไป เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแหยขอโทษในความผิดพลาด


“พี่แม่ง...ใช้ชีวิตมาได้ยังไงจนป่านนี้วะ” คนที่นั่งอยู่บนอานส่งหมวกกันน็อคให้ หมวกใบนี้เจ้าตัวซื้อหลังจากได้บัดดี้เป็นหนูแฮมใส่แว่นได้หนึ่งอาทิตย์ จิณณ์รู้ว่าเขาปล่อยคิรากรได้ แต่ก็รู้อีกอย่างว่าที่ว่าได้นั้น....คือในระดับเลเวลที่เทียบเคียงกับปล่อยเด็กอนุบาลไปเดินหน้าปากซอยคนเดียว


“ให้ผมไปนอนที่หอพี่เลย ขี้เกียจเข้าเรียน”


“เข้าสิ เดี๋ยวพี่รอนะ นั่งใต้ตึก สัญญาว่าไม่ไปไหน” คิรากรทำหน้าเป็นกังวล อีกฝ่ายไม่ใช่คนหัวไม่ดี เสียแต่ว่าขี้เกียจเข้าเรียนเพียงอย่างเดียว


“บอกแล้วไงว่าขี้เกียจ ขึ้นมาเลย”


คนอายุมากกว่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากประท้วงอะไร คิรากรรับหมวกกันน็อคมาแล้วก้าวข้ามขึ้นรถ


“ก็ได้...”


“ก็แค่เนี้ย”


จิณณ์รอจนอีกคนนั่งที่เบาะหลังแล้วเอื้อมมาเกาะเสื้อ แล้วค่อยๆออกรถไป เขาลัดเลาะเข้าไปทางริมสระน้ำแล้วขับออกทางประตูข้างมหาวิทยาลัย หอพักของคิรากรดูเหมือนควรจะเรียกคอนโดมากกว่าหอ เพราะข้างในแบ่งเป็นสองห้องนอนเล็กแต่ใช้ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นรวมกัน หลังจากที่ดูแลมาพักใหญ่ๆ เขาก็อาศัยหอพักของไอ้แว่นแฮมเป็นที่หลบภัยยามถูกไอ้ถังกับไอ้โฟมรบกวนความสงบสุข


จิณณ์หลบหน้าให้คิรากรยื่นหัวออกมาแสดงตัวตนกับยามคอนโดแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดอย่างคุ้นเคย


“หิว...ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”


“จะกินหรือจะนอนก่อนล่ะ” เขาหยิบคีย์การ์ดออกมาแนบกับล็อคที่ประตู เสียงร้องปิ๊บๆดังขึ้นพร้อมกับไฟสีเขียว คิรากรจึงค่อยผลักประตูเข้าไป


เดินเข้าไปไม่ลึกมากก็จะถึงส่วนที่เป็นลิฟต์ ทันทีที่กดปุ่มเรียก ประตูลิฟต์ก็เปิดออก


“นอน แล้วค่อยตื่นมากินที่พี่คีย์ทำให้กิน”


“อืม ได้” เจ้าของห้องรับคำก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้องของตัวเองออก “เดี๋ยวพี่เปิดแอร์ให้ แวบนึง” เขาไม่พูดเปล่า คิรากรรีบเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอนตัวเองแล้วหยิบรีโมทมาเปิดแอร์ให้


ทั้งๆที่ไม่ว่ามองทางไหน คิรากรก็ไม่ควรเรียกว่าหอพัก แต่ควรเรียกว่าคอนโด เจ้าตัวก็ยืนยันว่านี่นับเป็นหอพักระดับหรู


“พี่นี่เหมือนเมียเลยว่ะ บริการแบบนี้แฟนพี่ไม่ติดใจตายเลยเหรอ” จิณณ์พูดแล้วก็ชะงัก ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “โทษที ลืมไปว่าเพิ่งเลิก”


“...นอนไปนะ เดี๋ยวใกล้ๆเที่ยงจะปลุก” คิรากรทำเป็นไม่ได้ยินเสียแทน เขายิ้มจางๆให้กับคนอายุน้อยกว่าแล้วค่อยเดินออกจากห้องนอนไป


เขาเดินมาถึงส่วนห้องครัว เปิดตู้เย็นเพื่อดูวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ไล่สายตาดูครบทุกชั้นก็หยิบเอาข้าวสวย ไข่ไก่ และเบคอนออกมาละลายน้ำ เตรียมทำข้าวผัดเบคอน เมนูยอดฮิตที่ตัวเองมักจะทำตอนอยู่ที่นู่น


จิณณ์ปิดประตูห้องนอนของคิรากรลงอย่างหน้าตาเฉย เขากระโดดขึ้นเตียงแล้วซุกตัวลงในผ้าห่มอุ่นแดดที่มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุมนิดๆ ห้องของคิรากรก็เหมือนเจ้าตัว เรียบๆ ง่ายๆ แต่อุ่นสบาย ให้ความรู้สึกเป็นกันเองจนเกือบจะหลับได้ในทันที


ถ้าถามว่าเกรงใจไหม...ถ้าให้ตอบตรงๆก็คง...


...ไม่....


จิณณ์ไม่คิดว่าต้องมีอะไรเกรงใจ ใช่ ในช่วงแรกๆเขาอาจจะตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยที่เจ้าของให้นอนในห้อง แถมยังเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ช่วยเหลือกันเป็นประจำ จิณณ์ก็คิดว่ามันเจ๊ากันไป


-ตุ้บ-


เสียงของหล่นเรียกสติของคนที่ใกล้หลับ จิณณ์เกือบจะนอนต่อ ถ้าของที่หล่นไม่ใช่หนังสือเล่มหน้าแล้วลมแอร์ก็เป่าจนหน้ากระดาษพลิกส่งเสียงหนวกหู ชายหนุ่มเลื่อนตัวเองขึ้นนั่งแล้วเดินไปหยิบหนังสือวรรณคดีอังกฤษโบราณขึ้นมา ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ที่เดิม แต่สิ่งที่โผล่ออกมาทำให้เขาชะงัก


มันเป็นรูปใบหนึ่ง....รูปของคิรากรกำลังยิ้มแย้มอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งคู่ยิ้มหวานใส่กล้องในระยะที่คงจะถ่ายกันเอง


“เชี่ยแล้ว.....ความลับป่ะวะเนี่ย” จิณณ์เก็บรูปสอดเข้าไปในหนังสือเล่มเก่าแล้วพาตัวเองกลับขึ้นไปนอนที่เดิม


เขานอนมองเพดานสูงแล้วทอดถอดใจ...เปล่า จิณณ์ไม่ได้กังวลเรื่องที่คิรากรจะเป็นอะไร เขาเพียงแค่ประหลาดใจที่อีกฝ่ายเก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัวเองเสียสนิท รูปถ่ายใบนั้นบ่งบอกถึงความสนิทสนมที่ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา ไหนจะข้อความ....รักนะ....อัน.....


ชายหนุ่มเกาศีรษะที่ตัดสกินเฮดแล้วชักผ้าห่มขึ้นห่มปิดใบหน้า


เอาเหอะ....ไม่อยากบอกก็ช่างแม่ง


....กูก็ไม่ได้อยากรู้....


แต่ถึงอย่างนั้น...คนที่ไม่อยากรู้ ก็หลับไปพร้อมกับความคิดสุดท้ายในหัว.....ว่าอันเป็นใคร












 




To be continued...


ออฟไลน์ janji

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ชอบอ่ะ รออยู่นะค่ะ คนแต่ง :call: :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
สลับกันดูแลนี่มันเหมือน...  :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






230

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบบบ  :pig4:

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อยากเห็นจินเขินคีย์
 :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เรื่องนี้ดูท่าจะกุบกิบสมชื่อจริงๆ  :-[

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อย่าดราม่าเป็นพอนะ. รู้สึกว่าเราจะอ่านดราม่ามาเยอะแลัวยังไงไม่รู้ช่วงนี้ ขอน่ารักๆบ้าง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โค้ะะ สงสารคีย์นะเนี่ย แฟนเก่าแย่จริง
หวังว่าจินจะทำให้คีย์ยิ้มได้น๊าา

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
จินนี่หนุ่มสายซึนสินะ ฮะๆ
ก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย
นายอันอะไรนั่นหลอกคีย์ชัดๆอ่ะ ลืมๆมันไปเหอะ
มาชอบน้องจินดีกว่านะพี่คีย์ อิอิ  :hao3:

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : ยังคงกุบกิบกันอย่างต่อเนื่อง อั๊ยยะ







-3-









คิรากรลงมือทำอาหารหลังจากเบคอนละลายเรียบร้อย เขาใช้เวลาทำไม่นานก็ได้ข้าวผัดเบคอนหอมๆชวนให้น้ำลายสอ เจ้าของห้องหันไปมองประตูห้องนอนที่ปิดอยู่แล้วก็เอาฝาพลาสติกมาครอบข้าวผัดจานหอมเอาไว้ก่อนจะวางลงบนเคาน์เตอร์


ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดที่จิณณ์พูดใส่เมื่อครู่


...พี่นี่เหมือนเมียเลยว่ะ บริการแบบนี้แฟนพี่ไม่ติดใจตายเลยเหรอ...


เขาจำได้ว่าอนลติดตัวเองขนาดไหน คิรากรไม่ค่อยได้กลับบ้าน มักจะไปค้างอยู่ที่ห้องของอนลมากกว่า หลังเลิกเรียนก็มักจะทำอาหารเย็นรออีกฝ่ายเพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าชอบอาหารฝีมือเขา


...แต่ความรักของเรามันก็ไม่พอ...


คิดแบบนั้น คิรากรก็ส่ายศีรษะก่อนจะหันไปมองนาฬิกา เขาตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาก่อนจะหลับตาลง


...งีบสักพักแล้วค่อยปลุกจินก็แล้วกัน...








 





 

จิณณ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ลืมปิดส่งเสียงกรีดร้อง เขาหยิบขึ้นมาดู...และเป็นไปตามคาด ไอ้เม็ดโฟมเตรียมสวดอีกแล้ว คราวนี้คงมาทั้งอิติปิโสมิกซ์พาหุงพร้อมส่งวิญญาณเลยละมั้ง


“ว่าไงโฟม.....”


-มึงอยู่ไหนครับ อาจารย์เช็คชื่อ ถามหามึงรอบที่ล้าน-


“อยู่คอนโดพี่คีย์ ง่วง” จิณณ์ลุกขึ้นแล้วกดปิดแอร์ ดูท่าว่าวันนี้คงโดนสวดตาสว่างอีกแหง “มึงก็บอกไปดิว่ากูตายไปแล้ว จะเกิดใหม่อีกทีตอนไปสอบ”


-ตื่นมาเข้าคลาสเย็นเลยมึง- อิชย์ไม่ยอมเลิกรา


“คลาสเย็น.....” จิณณ์ใช้เวลาชั่วครู่รำลึกว่าใครสอน “เจ๊ฟูนี่หว่า เออ ไปก็ได้ มึงอยู่ไหน”


-เดี๋ยวจะไปห้องสมุดกับพี่ไผ่ มึงอย่าลืมก็แล้วกัน-


“ตัวติดกันเลยนะมึง เออ เจอกัน” จิณณ์กรอกเสียงแล้วพาตัวเองออกมานอกห้อง ดูเหมือนว่าใครบางคนที่บอกจะทำอาหารให้กินหายตัวไปไหนไม่รู้ได้


เขาเดินออกมาเรื่อยๆ จนเห็นคิรากรนอนพับหลับอยู่บนโซฟา ตรงหน้ามีจานพร้อมฝาปิดตั้งไว้ หัวทรงลูกเจี๊ยบยุ่งนิดๆจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลูบเบาๆ จิณณ์ลูบเส้นผมนุ่มๆเหมือนขนสัตว์ก่อนจะแตะเบาๆบนผิวแก้มนวล...ไล้ปลายนิ้วแผ่วเบาเชื่องช้า


บ้าเอ๊ย!!!


ชายหนุ่มชักมือกลับแล้วกระแทกตัวลงนั่งข้างๆ หวังให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาคุยกัน


“ห หา?!” ได้ผลตามคาด คิรากรสะดุ้งลุกพรวดขึ้นนั่งพลางร้องออกมาอย่างตกใจ


“มานอนทำไมแถวนี้ ไม่ไปนอนในห้องล่ะ”


“ก็จินนอนอยู่ พี่แค่กะว่าจะงีบเฉยๆ” เจ้าของห้องยิ้มให้เขินๆขณะจับผมตัวเองให้หายยุ่ง


“ดีเนอะ เป็นเจ้าของห้องต้องนอนโซฟา....” จิณณ์มองใบหน้าที่ดูเด็กกว่าอายุ...แล้วอดจะนึกเปรียบเทียบกับรูปถ่ายที่เห็นไม่ได้


“กินข้าวยังอ่ะ หิว”


“ยัง ก็รอ ครอบไว้แล้ว เดี๋ยวอุ่นกินกัน” เขาลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายแล้วเดินเข้าไปที่ส่วนครัว


จิณณ์เดินตามาที่ครัวแล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มเหมือนเป็นเจ้าของห้อง เขานิ่งมองคิรากรครู่หนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจออกมา


“พี่คีย์.....คนชื่ออันเป็นแฟนเก่าพี่เหรอ”


“ห หา? ไปเอามาจากไหน พี่บอกเหรอ” เขาปิดไมโครเวฟเสียงดังด้วยความตกใจ


“อือ...ก็พี่ละเมอถึงเมื่อกี้” จิณณ์อำกลับหน้าตาเฉย


“อ...อืม ก็ ตามนั้นแหละ” คิรากรรับคำตะกุกตะกักก่อนจะกดสวิทช์ตั้งอุ่นข้าวผัด


พอเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของคนตรงหน้า ไม่รู้ทำไมว่าความอยากแกล้งถึงลดลงไปกว่าครึ่ง จิณณ์เดินเข้าไปยืนซ้อนหลังหยิบจานแบ่งบนตู้แขวนเอามาวางไว้ตรงหน้า


“ไม่เห็นบอกเลยว่าชอบผู้ชาย”


“ก็... จินไม่ได้ถาม...” เพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้ คิรากรเลยหันขวับมามองโดยไม่ตั้งใจ ในอกรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เพิ่มขึ้น “ขอโทษ... ที่ไม่ได้บอก”


คนฟังยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ กะอิแค่ชอบผู้ชายไม่ใช่เรื่องใหญ่ตรงไหน


“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


พอได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจขึ้นมา ร่างเพรียวดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองไมโครเวฟ รอเวลาให้อุ่นเสร็จ


คิรากรรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยังยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมา


“เพราะเป็นผู้ชายนั่นแหละ... ถึงไปไม่รอด...”


“มือที่สามป่ะ หรือนอกใจ” จิณณ์พูดเป็นปกติเหมือนถามว่ากินข้าวหรือยัง “แต่ผู้ชายคนนั้นแม่งคิดผิดชัวร์ พี่คีย์ของผมออกจะน่ารักขนาดนี้”


“แต่งงานบังหน้าทางสังคมน่ะ...” เขาหันมามองหน้าอีกคนพร้อมรอยยิ้มจางๆ “พี่รอไม่ไหวแล้วก็เลยหนีกลับมา”


“เลวว่ะ” จิณณ์สบถออกมาโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตแฟนของคนตรงหน้า เขามองแววตาใต้กรอบแว่นที่สลดลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนหนูแฮมสเตอร์เฉามือทำให้อดจะสงสารขึ้นมาไม่ได้


จิณณ์ยกมือลูบศีรษะกลมมนของคิรากรเบาๆ “ทิ้งแม่งเลย มีแฟนใหม่ดีกว่า เดี๋ยวผมช่วยสกรีนให้...อย่าทำหน้าเศร้าอย่างงี้สิ”


คนอายุมากกว่ายิ้มให้จางๆอีกครั้ง “ขอบคุณนะ แต่... มันต้องใช้เวลาน่ะ อยู่กันมานาน... ก็ยากหน่อย”


เพราะว่าคบกับอนลมาหลายปี จะให้ลืมในทันทีคงทำไม่ได้ คิรากรจำได้ว่าเคยคุยกัน ว่าจะซื้อบ้านอยู่ที่ไหน จะทำสวนแบบไหน แต่ทั้งหมดนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น


“ผมเข้าใจ....” จิณณ์พึมพำ


ชีวิตของคิรากรไม่ต่างอะไรกับของแม่เขา แม่มีตัวเขากับพ่อที่ตัวจิณณ์แทบจะไม่ค่อยได้เห็นหน้า เพราะพ่อของเขาแต่งงานมีครอบครัวและลูกชายแล้ว


สถานะที่ยาวนานของแม่และจิณณ์คือเมียเก็บและลูกลับๆ จนวันหนึ่ง เมื่อถึงจุดที่แม่ของเขาทนไม่ไหว จึงเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของคนๆนั้น จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้...แม่ที่เคยเป็นของจิณณ์คนเดียวกลับมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต และตั้งท้องในวัยสี่สิบ


หลังจากที่คนๆนั้นเข้ามา....ตัวเขาที่เคยเป็นเด็กดีเพื่อให้แม่สบายใจกลับเปลี่ยนไป


“พี่คีย์ต้องทำได้ เดี๋ยวนี้คนเป็นเกย์เยอะแยะ ต้องมีที่ถูกใจพี่บ้างแหละ” ความรู้สึกของคิรากรที่ส่งผ่านทำให้อดจะเห็นใจไม่ได้ จิณณ์จับมืออีกฝ่ายไว้เบาๆก่อนจะดึงมาโอบไว้


“ช่วงนี้ไม่มีใคร ก็อยู่กับผมไปก่อน จะได้ไม่เหงานะ”


“อะไรนั่น ตอนแรกไม่อยากมีบัดดี้ไม่ใช่เหรอ” คิรากรหัวเราะเบาๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในจิตใจกับคำพูดของอีกคนขึ้นมา


“อะไรล่ะ ไอ้พี่คีย์” ใบหน้ายุ่งๆดูเขินขึ้นเล็กน้อยยามที่จิณณ์จ้องรอยยิ้มของคนตรงหน้า ชายหนุ่มเสมองถ้วยชามในมือคิรากรแล้วแย่งมาถือไว้


“ผมหิว ไปกินข้าวได้แล้ว...มองหน้าแล้วยิ้มทำไม” จิณณ์ทำเสียงดังแยกเขี้ยวใส่


“โอเคๆ เอ้า ไปนั่งๆ” เขาทำมือไล่อีกคนให้ไปนั่งแล้วตักเอาข้าวผัดใส่ถ้วย คิรากรไม่ลืมที่จะหยิบแก้วน้ำออกมาเทน้ำเย็นใส่แก้วให้ด้วย ก่อนจะหยิบมาวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆที่ตั้งไว้ต่างโต๊ะกินข้าวบนพื้น


“มาแล้วครับ”


จิณณ์ไม่พูดไม่จา ตักข้าวผัดที่หนุ่มรุ่นพี่ทำให้เข้าปากอย่างอารมณ์ไม่เสถียร ยิ่งเห็นใบหน้ายิ้มๆเหมือนจะล้ออาการเขินของเขาก็แทบจะเอาจานกระแทกโต๊ะ เขาส่งสายตาดุใส่คิรากรแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวผัดในจานที่แทบไม่รู้รสต่อ


“เดี๋ยวผมจะเข้าคลาสเย็น เจ๊ฟูสอน เดี๋ยวโดนด่าอีก” จิณณ์พูดขึ้นลอยๆหลังคำสุดท้ายกลืนลงคอไป


“ดีแล้ว พี่ไปด้วย อาจารย์จะได้เห็นว่ายังเป็นบัดดี้อยู่” เจ้าของห้องเทน้ำเติมให้อีกขณะหันไปดูนาฬิกา “แล้วพี่ค่อยไปเข้าคลาสพี่”


“เออ ย้ำอยู่ได้เรื่องบัดดี้” คนอาศัยหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางลง “นี่ถ้าพี่กวนตีนกว่านี้นะ ผมเตะไปแล้ว.....ผมแม่งใจอ่อนเองแหละ รับเป็นบัดดี้ให้ไอ้แว่นแฮมซะได้”


“ไอ้แว่นแฮมอะไร ก็ใจร้ายนะ” คิรากรอดไม่ได้ที่จะขำออกมา “เอาน้ำอีกไหม” เขายกเหยือกน้ำขึ้นชูประกอบคำถาม


“เอา....อยากกินโค้ก”


“โอเค” คนเป็นพี่ลุกขึ้นเปิดตู้เย็นก่อนจะถามต่อ “ธรรมดาหรือซีโร่”


“ธรรมดา ใส่น้ำแข็งด้วย” เพราะว่านั่งกินอยู่กับพื้นหน้าทีวี จิณณ์เลยอาศัยพื้นนอนเขลงรอให้อีกฝ่ายบริการเต็มที่


“คนชื่ออันนี้แม่งน่าเอาหัวชนเต้าหู้ตาย พี่คีย์บริการดีขนาดนี้ยังไปแต่งงานได้ โง่เนอะ”


คนฟังไม่ตอบในทันที เขากดน้ำแข็ง เปิดกระป๋องโค้ก แล้วรินใส่แก้วให้เรียบร้อยก่อนจะยกมาให้ถึงที่


“ก็บอกแล้ว สังคมไฮโซที่นู่น... น่ะ”


“เป็นผมนะ ถ้าเป็นคนที่รักจริงๆ สังคมว่าไงก็ไม่แคร์” จิณณ์พูดสวนขึ้นทันที


“ดีแล้ว” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆก่อนจะยิ้มให้กับความคิดของอีกคนที่น่าชื่นชม


“อย่าเศร้านะพี่คีย์” ไม่รู้เพราะบรรยากาศรอบตัวที่หม่นลงของคิรากรหรือเปล่า ที่ทำให้จิณณ์พูดคำนี้ออกมา....


“ไม่เศร้าหรอก มีจินอยู่ด้วย”


“พูดงี้รักตายเลย” จิณณ์หัวเราะเบาๆแล้วยกแก้วโค้กขึ้นจิบ “ระวังเหอะ เดี๋ยวโดนจีบนะ”


เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง “ระวังเหรอ ทำไมพี่จะต้องระวังล่ะ”


“ก็ถ้าผมจีบ....ผมจะเกาะหนึบจนกว่าพี่จะรักผมเลย”


“แบบนั้นก็ดีสิ พี่ชอบ” คิรากรยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วน้ำอีกฝ่ายขึ้นมาด้่วย “เดี๋ยวพี่ล้างจาน แล้วค่อยไปด้วยกัน”


“อื้อ” คนที่นอนอยู่ตอบรับในลำคอ


จิณณ์ไม่รู้เลยว่า....สักวันหนึ่งคำพูดเล่นๆของเขาในวันนี้ จะกลายเป็นจริงขึ้นมา


...ก็ถ้าผมจีบ...ผมจะเกาะหนึบจนกว่าพี่จะรักผมเลย....

 

 

 

 

 

 





To be continued...



armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้อ่านแล้วมันกุบกิบดีจริง คนเราเมื่อเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว มันก็คงพอไปเอง. เริ่มต้นชีวิตใหม่. เอ๊ะ พูดถึงพี่คีย์หรือตัวเองนี่. เริ่มงง  :katai1:

ออฟไลน์ janji

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อยากอ่านต่ออ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
จีบเลยๆ  :impress2:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อั๊ยยยยยยยยย อ่านไป กุบกิบๆ
สนุกจังเลย เนื้อเรื่องรื่นไหลดีมากๆเลยค่ะ
 o13 o13

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
จีบเลย ยุอยู่เนี่ย

 :กอด1:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ฉันว่าละแกต้องชอบพี่เค้า!!!!!!!
โหยมันกุบกิบจริงแหละค่า อ่านแล้วใจเต้นโครมครามเลยตอนท้ายๆฮ่าๆ

จินน่ารักฟะ
เอาพี่คีย์มาเป็นแฟนนะเกลียดอันทำกับพี่คีย์ได้ลงคอ
มันรักไม่จริงหรอกมันผูกพันแค่นั้นละ เกลียดมานนนนนนนนนน!

MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดอ่านแล้วมันแบบน่ารักกุบกิบกิ๊วก๊าวใจอ่าาาา~ ถึงฉากเปิดเรื่องจะออกดราม่าก็เถอะ
เชียร์ให้จินชอบพี่คีย์เร็วๆ มาดามอกพี่คีย์ทีเถอะ  :o8:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ในที่สุดก็มากุบกิบต่อ
จีบคีย์เลยจินๆๆๆ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
น่ารักๆ :o8:
คนมีอดีตสองคนมาเจอกัน เชื่อว่าความสัมพันธ์พัฒนาได้นะฮะ :impress2:
อิพี่อันเสียดายไปจนตายแน่ พี่คีย์เจอคนที่ดีกว่าตั้งเยอะอย่างน้องจิน :-[
รออ่านตอนต่อไปฮะ :katai2-1:

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ชอบอ่านแล้วกรุ๊บกริ๊บสมชื่อ

ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
มาอ่านด้วย....
แบบว่านะ..น่ารักม๊ากกก
กุบกิบดีจัง...พี่ไผ่ทำแบบนี้เม็ดโฟมไม่ว่าร๊อออ
คำของจินทำเอาอยากดิ้นตาย น่ารักมาก
จีบ้ลยจิน!! เอาให้หนึบแบบไม่ต้องปล่อยเลย!!!
ส่วนคีย์...ทิ้ง ลืมคนเก่าแย่ๆนั่นไปเต๊อะ!!

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  พี่คีย์ออกจะแสนดี  หึหึ 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด