รักรั่วๆของ..พรต&รัน
Part 30
(Special Run) ตีสอง..ไฟ ICU ดับ ทีมแพทย์พร้อมพยาบาลเดินออกมาด้วยสีหน้าอิดโรยกันเป็นแถว พวกเรากรูกันเข้าไปสอบถามอาการ..
คำตอบที่ได้ไอ้รั่วพ้นขีดอันตราย แต่ต้องเฝ้าระวังรอดูอาการในห้องปลอดเชื้อ
บุรุษพยาบาลจะเข็นมันออกจาก ICU มันยังไม่ฟื้นหมอให้ยาปฏิชีวนะสลายลิ่มเลือด
ให้มากก็ไม่ได้อันตรายอาจทำให้ความดันพุ่งเส้นเลือดสมองแตกกลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดกาล
หากลิ่มเลือดในกระแสเลือดไหลอุดตันหลอดเลือดในหัวใจ มีหวังโกลาหลอีกรอบ
งานนี้เสี่ยงทั้งขึ้นทั้งล่อง อาการของมันจะดีต่อเมื่อเลือดในร่างกายไม่แข็งตัว
ที่เหลือแค่ระวังแผลติดเชื้อกับลดอาการไข้เท่านั้น
ซึ่งผมกระสับกระส่ายกระวนกระวายไปแล้ว ได้แต่มองผ่านกระจกไม่สามารถเข้าใกล้ดูอาการพูดคุยกับมันได้
หน้าหล่อซีดเผือดไร้สีเลือด สวมเครื่องช่วยหายใจครอบปากจมูก สายน้ำเกลือระโยงระยางแถมเติมเลือดอีกกระปุก
“รัน..โอเคนะ” พร้อมใจกันถาม พวกมันแต่ละคนไม่มีใครไปพัก วนเวียนอยู่โรงบาล
ทั้งที่ห้องปลอดเชื้อหมอไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ร่างกายคนไข้อ่อนแอต้องระวังการติดเชื้อในกระแสเลือดกันสุดๆ
“กูผิดเอง ดูแลมันไม่ดี” ผมพร่ำแต่ประโยคนี้
“ไม่ใช่ความผิดมึง พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้ว บินมาพรุ่งนี้”
ไอ้กานแจ้ง กลายเป็นผู้ใหญ่วุ่นวายกันหมด เราโตแล้วแต่กลับสร้างปัญหา
“ปิดข่าวให้ด้วย กูไม่อยากให้เป็นข่าว ทำได้ไหม” ผมบอกมัน
“ได้..กูติดต่อคุณวิทยา เขาจัดการให้ได้ แต่ค่าใช้จ่ายสูงน่าดู”
“ไม่ต้องห่วง กูรับผิดชอบ” ผมย้ำกับมัน ไม่ให้ข่าวแพร่กระจายจนทำชื่อเสียงไอ้รั่ว
ป่นปี้ยับเยินไปกว่านี้ได้เป็นพอ เสียเท่าไหร่ก็ช่าง
“กูคงต้องพึ่งเส้นสายของพ่ออีกแรง” ผมบอกมันไป
“อืม..เครื่องลงแล้วไอ้โต๋เพิ่งเมสเซสมา มันรอไอ้บอมย์ โทนี่” ฟังมันบอกผมได้แต่ผงกหัวรับ
ก้มหน้าอธิษฐาน ให้ไอ้รั่วพ้นขีดอันตรายฟื้นปกติ อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด...
“รัน..มึงควรพัก ล้มอีกคนจะวุ่นไปใหญ่” ไอ้วินเดินมาบีบไหล่ บอกให้ผมพักผ่อน นาทีนี้พักไม่ลงจริงๆ
“กูห่วงมัน” บอกตามความรู้สึก
“ทุกคนก็ห่วง แต่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ กูเป็นหมอเชื่อกูหน่อย เขาทำดีที่สุดแล้ว ขอแค่มีโอกาสใช่หมดหวัง
สำคัญมึงมีเรื่องต้องจัดการ เรื่องคดีมึงรู้รายละเอียดพวกกูไม่รู้ ต้องหาทางแก้ไขฟังจากปากมึง พวกกูทุกคนไม่มีใครไปไหน”
เงยหน้าสบตาพวกมันเรียงตัว แต่ละคนส่งสายตาให้กำลังใจยืนยันคำพูด
“ขอบใจพวกมึงมาก พลอยทำให้ลำบากกันหมด”
“เลิกพูดเหมือนเกรงใจได้แล้ว คบกันจนขนงอก ไม่มีใครลำบากหรอกน่า..ได้แต่รอฟังข่าวสิ..ทรมานใจมากกว่า”
ไอ้หน่องมันขัด แต่ละคนพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ยอมรับซึ้งใจพวกมันมาก ผ่านความเป็นตายกันนับครั้งไม่ถ้วน
ทุกครั้งได้พวกมันคอยช่วยเหลือ ไม่เคยมีใครทิ้งกัน
“พลัสล่ะ..” ผมถามไอ้กาน หลังนึกขึ้นได้ กุญแจสำคัญคือพลัสช่วยเป็นพยานให้ผมกับไอ้รั่วได้
“ทันเอาตัวไป บอกจะช่วยดูแลให้ ส่วนสัมภาระกระเป๋าเดินทางของพวกมึง
นิรุธกับอัฐธิชัยเอาขึ้นเครื่องกลับไทยช่วงบ่าย ลูกน้องมึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กูรู้จากคุณณีโทรถามรายละเอียด
พ่อกับแม่ไอ้รั่วจองไฟลท์ด่วน ส่วนพ่อมึงคงรู้แล้ว พ่อแม่ไอ้รั่วจะแจ้งด้วยตัวเอง” ผมฟังไอ้กานแจงได้แต่ขอบคุณมันในใจ
ไม่ได้เอ่ยออกไป มันมองหน้าผมก็จับความรู้สึกได้ ยื่นมือบีบไหล่บอกกลายๆ ไม่เป็นไร
“มึงถามหาพลัสทำไม” ไอ้ชัดมันถาม
“มันคือพยานในเหตุการณ์ ที่จะทำให้พวกกูพ้นข้อกล่าวหา”
“ยากวะ..กฎหมายญี่ปุ่นไม่อ่อน ลูกน้องมึงหากใช้เป็นพยาน เท่ากับเป็นคนของเรา กูกลัวน้ำหนักไม่เพียงพอ
มึงเล่าความเป็นมาให้พวกกูฟัง แล้วค่อยมาวิเคราะห์หาทางกันอีกที” มันเสนอแนะ พวกเราทั้งหมดจึงย้ายจุดพูดคุยเป็นห้องพิเศษ
ที่รักษาผมแทน โดยมีตำรวจญี่ปุ่น 2 นาย คุมเชิงไม่ไปไหน ไม่มีการเข้ามาสอบถาม หรือพูดอังกฤษไม่ได้
ไม่ก็คงรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะมีฝ่ายสอบสวนมาก็ไม่รู้แน่
“ว่ามา พวกกูรอฟังอยู่” ไอ้หน่องเป็นคนเร่ง ผมจึงเริ่มเล่าสาเหตุของการเกิดปัญหาทั้งหมดให้พวกมันฟังอย่างละเอียด
“แม่ง..พิษรักแรงพยาบาทน่ากลัวฉิบหาย” ไอ้ต้าร์ทำท่าขนลุก เมื่อผมเล่าจบ
“มันคงไม่เกิด นอกเสียจากยัยคิมเป็นโรคจิต” ไอ้ชัดออกความเห็น ซึ่งตรงใจหลายๆ คน
“เราใช้จุดนี้ขอให้เธอเข้ารับการตรวจ เพื่อใช้เป็นข้อพิสูจน์ได้ไหม” ไอ้หมอวินมันแนะ
“จะอ้างเหตุผลอะไร เราไม่มีหลักฐานชี้มูลความผิดของเธอ การจะให้เธอพบจิตแพทย์บังคับได้ที่ไหน”
ไอ้หน่องค้าน
“มันต้องมีช่องทางบ้างล่ะน่า บลาๆๆ” แล้วก็เกิดการถกหาหนทางของแต่ละมุมมอง ซึ่งผมฟังเงียบๆ
นำทุกความเห็นมาประมวล ไม่ใช่ว่าผมจะไม่คิดในแง่มุมเหล่านี้ สรุปว่ามันไม่มีน้ำหนักที่จะไปหักล้างข้อกล่าวหาของเธอ
หากเธอยืนกรานใช้หลักฐานเท็จเป็นองค์ประกอบสำคัญปรักปรำไอ้รั่วล่ะก็ มันจนแต้มจริงๆ
“ในบ้านต้องมีกล้องวงจรปิดแหละน่า เราต้องอาศัยกล้องนี่แหละเพื่อไขปริศนาฆาตกรที่แท้จริงให้โซได” ไอ้หน่องเอ่ยขึ้น
“มึงคิดว่าเธอโง่ที่จะไม่ทำลายหลักฐานหรือไง อาจกลายเป็นนำมาซึ่งหลักฐานมัดไอ้รันโทษฐานสมรู้ร่วมคิด
ถึงได้เก็บกระเป๋าไปฝาก รปภ.ให้คนมารับไปแทน ไม่มีการลาเจ้าของบ้าน ภาพมันฟ้องเห็นๆ” ไอ้วินค้านขึ้น
พวกมันต่างถกกันไปมา ฟังจนปวดหัว
“พวกมึงเลิกเถียงกันก่อน หลักฐานทั้งหมดทำให้กูสองคนลำบาก ไอ้รั่วหนักสุดโดนข้อหาฆาตกรรม
นอกเสียจากมีคนในเป็นพยานให้พ้นผิด กูไม่เชื่อคนของโซไดจะโง่ปิดหูปิดตาเป็นพวกเธอหมด ต้องมีคนที่รู้ข้อมูล
หากเราได้ตัวคนนี้มาเป็นพวก คดีมีสิทธิ์พลิกเป็นฝ่ายชนะ” ผมบอก อาศัยคาดคะเนจากรากฐานบ้านโซได
คนเก่าแก่ที่พึ่งใบบุญตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่รู้ตื้นลึกหนาบาง รับรู้ปัญหาของโซไดทุกเรื่อง ประเด็นคือใคร..?
“พวกกูไม่รู้ใครเป็นใคร นอกเสียจากมึงค่อยๆ นึกว่าใครที่พอจะตามตัวมาได้ ถ้าช้าเขาอาจถูกเก็บเอาได้” ไอ้กานบอก
“มึงให้คนไปตามตัวจุงเบมา เขาเป็นล่ามให้พวกกู ไปรับที่สนามบินตั้งแต่วันแรก ดูเหมือนเป็นคนรับใช้ทั่วไป
แต่กูว่าต้องมีอะไรพิเศษมากกว่าแค่ล่ามปกติ เดาจากที่โซไดไว้ใจให้มาเป็นล่ามพวกกู จุงเบอาจรู้อะไรดีๆ
ก่อนเขาจะกลายเป็นผีอย่างที่มึงบอก” ผมบอกเหตุผลไอ้กาน พวกเพื่อนต่างพยักหน้ารับรู้
“กูจะใช้คนของคุณวิทยา ให้อารักขานำตัวเขามาให้เร็วที่สุด” ทุกคนเห็นด้วยกับมัน ปล่อยมันปลีกตัวไปโทรศัพท์
โดยไม่สนเวลาว่ากี่โมงกี่ยาม ปาเข้าไปรุ่งเช้าแล้วด้วย ไอ้กานคงสนิทกับคุณวิทยาเป็นพิเศษ ถึงไม่คำนึงเรื่องมารยาท...
ซึ่งผมคร้านจะหาคำตอบในเรื่องนี้ เพื่อนผมมาอยู่ต่างแดน ต้องมีบารมีไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ไม่แปลกที่มันจะคบค้ากลุ่มอิทธิพล
พอทุกอย่างคลี่คลายลง ผมซึ่งอ่อนเพลียสุดๆ ก็ผล่อยหลับไม่รู้ตัว หลังฟังคำรายงานจากไอ้กาน
คุณวิทยาส่งเรจิกับมินวะ ไปเอาตัวจุงเบมาพบพวกผมแล้วตอนนี้....
“มันโอเคไหม” เสียงพูดคุยแว่วให้ได้ยิน ค่อยงัวเงียสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมองหาต้นเหตุ
“อ้าว! ตื่นแล้ว พวกกูทำเสียงรบกวนหรือเปล่า” ไอ้บอมย์ดิ่งเข้ามาชะโงกหน้าถามผมคนแรก
ก่อนเป็นตะเกียงตามมาเกาะขอบเตียง ไอ้โต๋ยืนซ้อนหลัง ไอ้โทนี่ยืนอีกฝั่ง
“พวกมึงถึงนานยัง”
“สักพักใหญ่ เห็นมึงหลับเลยไม่กวน” ผมสำรวจพวกที่เหลือ
“เปลี่ยนพวกมันไปพัก พวกกูนอนกันบนเครื่อง แถมเจทเลคไม่ง่วง เพิ่งไล่ไอ้กานไปก่อนหน้ามึงตื่นสักครู่นี่เอง”
ไอ้โต๋เหมือนจะรู้ว่าผมอยากถามอะไร ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“เป็นไงบ้างวะ” ไอ้โทนี่มันถามถึงอาการ
“กูไม่เป็นไรมาก ไม่ได้ถูกยิง ไอ้พรตสิ..ยังอยู่ห้องปลอดเชื้อ ปัญหาเรื่องลิ่มเลือดแข็งตัว..กูห่วงมันมาก” ผมบอก
“สบายใจได้ ตะเกียงตั้งใจขอหมอเข้าดูอาการพี่พรต เรื่องลิ่มเลือดแข็งตัวตะเกียงจัดการเอง รับประกันพี่พรตหายแน่”
คนหน้าสวยจับมือผมไปกุมปลอบเบาๆ พร้อมกับพูดให้คำมั่น
“หมายความว่าไง พี่ไม่เข้าใจ” ผมถามเพราะงงพอสมควร ตะเกียงไปเรียนหมอตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่รันลืมไปแล้วเหรอครับ ตะเกียงมีวรเวทย์อัคนี ลมปราณสกัดจุดเป็นตาย สำคัญปราณนี้เป็นธาตุร้อน
เรื่องสลายลิ่มเลือดแข็งตัวเพราะเจอความเย็นของหิมะไม่ใช่ปัญหา..แค่ตะเกียงได้เยี่ยมพี่พรต รับประกันรักษาพี่เขาได้แน่
ยกเว้นแผลจากการโดนยิง ต้องให้หมอเขาดูแลเองแล้วล่ะ” พอน้องพูดมาแบบนั้น ผมถึงกับเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
ยอมรับใจชื้นขึ้นมาทันที จริงสินะเรื่องแบบนี้ตะเกียงต้องช่วยได้
“พูดจริงใช่ไหม..ตะเกียง” ผมกุมมือขาวไว้แน่น ต้องการคำยืนยัน
“จริงแน่นอน ถ้าเป็นเพราะลิ่มเลือดแข็งตัว ปล่อยเป็นหน้าที่ตะเกียงเองครับ
ปัญหาคือหมอให้เข้าเยี่ยมหรือเปล่าต่างหาก”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ยังไงวันนี้พี่ตั้งใจขอเยี่ยมอยู่แล้ว ฝากด้วยครับ พี่ขอบคุณล่วงหน้า”
ผมบีบมือน้องแน่น รู้สึกเหมือนเทวดามาโปรดเชียว จะว่าไปดูดีดี..ตะเกียงก็เหมือนเทวดาแสนสวยมาโปรดจริงๆ
“มึงคลายกังวลเรื่องไอ้รั่วแล้วสิ ที่เหลือคงเป็นเรื่องคดี” ไอ้หล่อเทพมันเอ่ยขึ้น
“อืมรอพยายานสำคัญ ถ้าไม่เป็นไปตามที่กูคิด งานเข้าซวยแน่นอน อยู่ต่างแดนแถมดันเกิดเหตุอีก ดิ้นหลุดยาก”
ผมพูดตามรูปการ ใช่ยอมแพ้
“แต่กูเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ตาข่ายฟ้าย่อมมีรูรั่ว ดูกรณีกรองกุมภ์เป็นตัวอย่าง วางแผนเหนือชั้นขนาดนั้น
สุดท้ายก็มีช่องโหว่” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ขอให้เรื่องของผมกับไอ้รั่ว มีรูโหว่เพราะฟ้าเห็นใจเช่นกัน
“หวังว่าสวรรค์มีตา” ผมบอกมันไป
“แน่นอนเพื่อน..ไอ้พรตมันคนดี มีน้ำใจ ทำบุญสุนทานเป็นกิจวัตร มึงเองก็คนดีคนหนึ่ง ฟ้าไม่ลงทัณฑ์แบบนี้หรอกน่า
ที่ผ่านมาฟาดเคราะห์ไปแล้ว หลังเมฆหมอกจางท้องฟ้าย่อมใส” ไอ้ยักษ์บอมย์ปลอบเป็นเรื่องเป็นราว
เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นานทีได้เห็นว่าที่ด๊อกเตอร์เล่นสำนวนโวหาร..ถือเป็นรอยยิ้มแรกของผม
หลังรู้สึกเรื่องราวต่างๆ เบาบางลงไปในหลายจุด ล้วนแล้วแต่มาจากน้ำใจ ฝีมือของเพื่อนทุกคน
คอยเป็นกำลังหลักอยู่เคียงข้างกัน..
“พี่พรต..ตะเกียงมาช่วยแล้วครับ” ใบหน้าสวยใส ก้มลงกระซิบใส่หูไอ้รั่วที่ยังหลับสนิท
ไม่แสดงถึงการรับรู้อะไร ระดับเครื่องวัดความดันและการเต้นของชีพจรดูอ่อนกว่าปกติ
“พรต..น้องมาช่วยแล้ว มึงต้องหายรีบฟื้นนะ..กูรออยู่” ผมกระซิบข้างหูมันด้วย
เราทั้งคู่ต่างสวมชุดฆ่าเชื้อที่พยาบาลเอาให้ใส่ สวมถุงมือ มีผ้าปิดปากด้วย ไอ้บอมย์ถึงกับล้อว่ายังดีไม่สวมชุดอวกาศ
เข้าได้แค่สองคนที่เหลือเขาไม่ให้เข้า จึงออกันอยู่หน้ากระจก คอยส่งกำลังใจให้แทน
“เริ่มเลยนะครับ” ตะเกียงหันมาถาม
“ครับ” ผมขานรับ ก่อนจะถอยมายืนข้างๆ ตะเกียงแอบถอดถุงมือออกใช้ตัวบังเอาไว้ ผ่อนลมหายใจยาว
หลับตานิ่งกำหนดลมหายใจสักพัก ใบหน้าใสหวานก็เริ่มขึ้นสีเรื่อ มือเรียวบางที่ไขว้กันระหว่างนิ้วชี้นิ้วกลาง
ยื่นไปกดตรงบริเวณไหปลาร้าใกล้คอไอ้รั่วตรงเส้นเลือดใหญ่
ผมแอบเห็นร่างไอ้รั่วกระตุกนิดนึง ก่อนจะกลับเป็นปกติ พร้อมกับเหงื่อที่ผุดซึมบนหน้าผากของตะเกียงเม็ดเล็กๆ
เวลาผ่านไปพอสมควร จากหน้าซีดไร้สีเลือดของไอ้รั่วเริ่มมีสีสันขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ดูมีเลือดฝาด ปากที่ซีดเซียวเริ่มออกสีชมพู
เห็นแบบนั้นผมดีใจมาก สัญญาณการเต้นของชีพจรที่แสดงบนหน้าจอเร็วขึ้นกว่าเดิม
สักครู่ใหญ่น้องผ่อนลมหายใจยาวกลายเป็นหน้าสวยซีดแทน เหงื่อที่ผุดซึมไหลย้อยปีกขมับ
พอหันมาสบตาผม น้องเผยยิ้มน่ารักตรึงตาส่งให้ ผมแทบอยากสวมกอดหอมแก้มเนียนสักฟอด
แทนการขอบคุณที่ช่วยไอ้รั่ว ไม่ติดกลัวสายตาคมเข้มที่จ้องไม่กะพริบตรงกระจกของไอ้หล่อเทพ
จะฆ่าผมคงทำไปแล้วเรียบร้อย จึงไอ้แค่เอ่ยจากใจ
“พี่ขอบคุณมากครับ..ตะเกียง” น้องยิ้มให้ ก่อนตอบผมมาว่า
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก พี่พรตคือเพื่อนรักคนสำคัญของผม ตะเกียงไม่เคยลืมวันที่เรานอนค้างแรมสองคน”
น้องพูดด้วยสายตาวูบไหว เมื่อรำลึกความหลังตอนถูกจับเป็นตัวประกัน
“ถึงยังไงพี่ก็ขอบคุณมาก ถ้ามีอะไรตอบแทนได้ขอให้บอกนะครับ” ผมยืนกราน คงมีบ้างที่ผมจะได้ตอบแทนคุณ
“แค่พี่รันดูแลพี่พรตให้ดี..รักให้มากๆ ถือเป็นการตอบแทนผมแล้ว” น้องพูดด้วยแววตาจริงใจ ไม่ติดล้อเลียนแม้แต่น้อย
“พี่สัญญา ต่อให้ตะเกียงไม่ขอให้รับปาก พี่ก็ตั้งใจไว้” ผมให้ความมั่นใจกับน้อง ถ้านี่คือสิ่งที่ตะเกียงอยากให้ผมทำ
น้องรู้ไว้ด้วยผมพร้อมพลีกายถวายชีวิตปกป้องมันไปตลอดชาติ หรือหากมีชาติหน้าอยากให้ผมกับมันเกิดมาคู่กันแบบนี้อีก
“แค่นี้ผมถือเป็นการตอบแทนแล้ว อ้า! พี่พรตขยับนิ้วมือ เรียกหมอเลยพี่รัน” พอน้องเอ่ยด้วยอาการดีใจปนตื่นเต้น
ผมรีบมองไปที่มือมัน ใช่แล้วนิ้วไอ้รั่วกำลังขยับ มันฟื้นแล้ว..เมียผมฟื้นแล้ว
ไม่รอช้า รีบกดกริ่งตามหมอทันที ไม่ต้องรอตะเกียงบอกซ้ำ ไม่นานทั้งหมอทั้งพยาบาลก็เข้ามา
กันให้พวกเราออกไปอยู่ข้างนอกรวมกับเพื่อนๆ ปล่อยเป็นหน้าที่หมอกับพยาบาลวัดความดัน ตรวจร่างกายมันโกลาหล
ก่อนลูกตาคมเข้มภายใต้เปลือกตาจะกระพริบเบาๆ แล้วค่อยลืมขึ้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของพวกผมตรงหน้ากระจก
พร้อมกับจังหวะตาคมเข้มได้รูปสวยที่ดูแล้วอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด จ้องสบสายตาผมผ่านกระจกใส
ผมยิ้มให้มันทั้งน้ำตา ผมเห็นหางตามันกระตุก ก่อนหน้าหล่อได้รูปที่ผมคุ้นเคยจะเผยยิ้มมุมปากคืนมาให้
เหมือนมันเองก็ดีใจที่ตื่นขึ้นมาเจอพวกเรา ‘กูรักมึงพรต’ ผมขยับปากบอกรักมันผ่านกระจก เห็นมันขมุบขมิบปากตอบกลับมา
‘กูก็รักมึงรัน’ โดยที่หมอกับทีมพยาบาลยังง่วนอยู่กับการตรวจชีพจร วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ตรวจเช็ครายละเอียดตามหลักการแพทย์ แต่ผมรู้แล้วว่า มันกลับมาหาผมแล้ว..พรตของกู?
อร๊ากกก!!! ไม่จบอ่ะ
จบพรุ่งนี้นะคะ ต่อแล้วไม่จบจริงๆ
พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงรับปากจบแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่ตามกันมาตลอด
ขอบคุณที่โอนค่าหนังสือกันมา
Luk.
