ตอนที่ 10 # ดูแล วันนี้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ เมื่อเช้ากว่าจะออกมาได้แทบจะมีการเสียเลือดเสียเนื้อกันไปข้าง...
‘ไม่เอา ผมจะเปลี่ยนเอง’
‘อวดเก่ง ถามหน่อยว่าจะใส่กางเกงนี่ได้ยังไง’
‘ให้ป้าเรืองใส่ให้ก็ได้นี่ครับ’
‘ป้าเขายกตัวคุณไม่ไหวหรอกนะ จะอายอะไรนักหนา’
‘อะ...คุณจิตมาพอดี คุณจิตเปลี่ยนชุดให้ผมหน่อยครับ!’ ตามนั้นครับ...ตอนนี้เลยมีบุคคลสี่คนนั่งพร้อมเพรียงกันอยู่ในรถ พี่สุทินเป็นคนขับ ส่วนไอ้จิต นั่งคั่นกลางระหว่างผมกับคนที่ออกอาการหงุดหงิดตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลนั่น
จิตลางานครึ่งเช้าครับ เพราะมันบอกว่าจะมาส่งผม และผมบอกมันให้ติดรถอดีตยามนั่นมาด้วย เวลามาเยี่ยมผม มันจะได้มาถูก ภูมิจิตชวนผมคุยตลอดทาง พร้อมกับบ่นเป็นพักๆว่าบ้านไกลโคตร ผมเลยบอกมันว่า ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้นะ เพราะแค่มาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลทุกวันก็รบกวนมันแย่แล้ว เลยบอกมันให้มาเฉพาะช่วงเวลาที่มันสะดวกมา อย่างวันหยุดอะไรแบบนี้แทน
ในที่สุดก็มาถึงครับ พี่สุทินตีโค้งเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่เปิดประตูรั้วรอเอาไว้อยู่แล้ว ตัวบ้านดูธรรมดา หลังไม่ใหญ่เท่าคฤหาสน์ แต่ก็ไม่เหมือนบ้านทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณบ้านที่กว้างมากๆ มีต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงาทุกพื้นที่ ทางด้านซ้ายของตัวบ้านมีสระขนาดใหญ่ เห็นดอกบัวจงกลนีขึ้นจับกลุ่มกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ผมมองเลยออกไปผ่านต้นพุทธรักษาตรงริมน้ำ เห็นบ้านไม้เล็กๆหลังหนึ่งตั้งอยู่…
“อ่าวๆ ไอ้นิด ถึงแล้ว มองตาค้างเลยนะ น่าอยู่ละสิ” ไอ้จิตพูดขึ้นตอนที่รถจอดเทียบลานหน้าบ้าน ใครคนหนึ่งลงไปแล้ว เห็นมันเปิดท้ายรถเอารถเข็นคนไข้ที่พับเก็บออกมากาง ก่อนที่จิตจะอุ้มผมไปวางบนรถนั่น ผมสำรวจตรงทางเข้าของตัวบ้านที่มีป้าเรืองยืนถือตะหลิวยิ้มตอนรับอยู่ ระดับพื้นภายในบ้านสูงกว่าพื้นนอกบ้านนิดหน่อย แบบนี้ผมคงออกไปไหนมาไหนด้วยรถเข็นเองได้ เพียงแต่ตอนเข้าบ้านอาจต้องเรียกคนในบ้านมาช่วยดันขึ้นหน่อย
“เห็นมึงได้อยู่ที่สบายๆแบบนี้กูก็เบาใจแล้ว...กูต้องไปทำงานต่อนะ แล้วจะมาเยี่ยมมึงบ่อยๆ” ไอ้จิตพูดแล้วเอามือยีหัวของผมไปมาจนผมยุ่ง แล้วขึ้นรถคันเดิมที่พี่สุทินติดเครื่องรออยู่
“ฝากดูด้วยนะครับป้า เดี๋ยวไอ้เชนจะเข้ามาตอนบ่ายๆ” ใครบางคนที่นิ่งเงียบมาตลอดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเอ่ยปาก มันหันมามองหน้าผมแต่ไม่พูดอะไร ก่อนจะผละไปขึ้นรถเหมือนกัน ผมมองจนรถออกไปพ้นนอกประตู สักครู่ป้าเรืองแกก็บอกจะเข็นผมเข้าไปในตัวบ้าน
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมขอไปดูรอบๆบ้านหน่อยนะครับ ป้าทำอาหารค้างไว้อยู่ใช่ไหม ผมกลับมาจะได้ทานอาหารฝีมือป้าพอดีไงครับ” ผมบอก ยิ้มให้แกตาแทบปิด
“เอาอย่างนั้นเหรอคุณนิด เอานี่ เอาโทรศัพท์ป้าติดไปด้วย มีอะไรให้โทรเข้าบ้านนะ” ป้าเรืองบอก แกคงรู้ว่าผมอึดอัดไม่น้อย สังเกตได้จากตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ป้าเรืองเลยค่อนข้างจะเป็นคนที่ตามใจผมเป็นพิเศษ แต่ก็ยังเป็นห่วงผมเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน
ผมรับโทรศัพท์มาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะออกแรงเข็นตัวเอง ถือว่าเป็นการฝึกเข็นด้วย จะได้คล่องๆ
ผมพาตัวเองมาอยู่ที่สระบัว อยากจะไปให้ถึงศาลากลางน้ำนั่น แต่ด้วยความที่ยังเข็นรถไม่คล่องดี เลยกลัวว่าจะตกจากสะพาน จึงเปลี่ยนใจเข็นรถมาเรื่อยๆจนถึงบ้านไม้หลังเล็ก ผมรู้สึกเหนื่อย เลยหยุดพัก แต่เห็นใครคนหนึ่งใส่หมวกบังแดดแต่งกายด้วยชุดม่อฮ่อม ผุดลุกผุดนั่งขุดดินอยู่ไวๆ
“สวัสดีครับคุณลุง” ผมตะโกนเรียกออกไป เห็นอีกคนชะงักแล้วมองมาทางผม ก่อนจะทิ้งจอบ กวักน้ำล้างมือแล้วเดินมาหา
“อ้าว สวัสดีพ่อหนุ่ม เป็นไงมาไงทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้” ลุงแกถามแล้วยิ้มให้ผม พลางตักน้ำในกระติกขึ้นมาดื่ม
“อะ...เอ่อ คุณฉกาจเขาพาผมมาครับ” ผมตอบเสียงอุบอิบ สีหน้าของผมมันคงบอกว่าผมไม่ได้อยากมาสินะ ลุงเขาถึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“อ้อ หนูนิดใช่ไหม เห็นป้าเรืองเขาเล่าให้ฟังแล้ว ไหนๆ ขอดูหน้าใกล้ๆหน่อย แหม หน้าตาน่าเอ็นดู” ลุงเขาบอก ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆให้
“ลุงชื่อทัช เป็นคนสวนที่นี่ พักอยู่บ้านไม้หลังนี้” คุณลุงแนะนำตัวแล้วเข็นรถของผมพาชมรอบๆบริเวณบ้าน
“สวนสวยมากเลยนะครับ” ผมบอกออกไปตามความรู้สึก
“จริงเหรอ ลุงดีใจที่ชอบนะ” ผมเงยหน้าหันไปยิ้มตอบลุงทัช แล้วหันมามองทางต่อ
“
แนะ! ไอ้โซ่ เล่นสกปรกอีกแล้ว เดี๋ยวจะโดนดี” ผมชะงักกับเสียงนั่น เห็นลุงแกหยุดมือ แล้วชี้ไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างหน้า เจ้าสี่ขากำลังเกลือกกลิ้งอยู่ริมสระ โคลนเกาะเกรอะกรังไปตามตัวของมัน
“
โฮ่ง!” มันเห่ารับหนึ่งที ก่อนจะวิ่งหนีหายไปอีกทางหนึ่ง
“ไอ้เจ้านั่นชื่อโซ่ เกเรที่หนึ่ง มันไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ดุมากด้วย อย่าไปเข้าใกล้เชียวนะ” ผมพยักหน้าเข้าใจ อืม...เห็นหน้าหมากวนตีนแบบนั้นกูก็ไม่ได้อยากเข้าใกล้นักหรอก หมาอะไรหน้าตาพิลึก
ลุงทัชพาผมชมรอบบ้านสักพัก แกก็เข็นมาส่งผมที่บ้านใหญ่ บอกว่าจะบ่ายแล้ว จะได้กินข้าว แล้วลุงแกจะไปเอาต้นไม้ลงดิน ขุดออกมาทิ้งไว้นานเดี๋ยวเฉาเสียก่อน ผมก็อือๆออๆกับแกไป พอมาส่งผมเสร็จแกก็ชิ่งเลย ผมเลยพยายามเข็นรถเข้าบ้านด้วยตัวเอง
“ฮึบ...” ไม่ได้แฮะ มันเข็นยากกว่าที่คิด ออกแรงอยู่นานจนเหนื่อย ตะโกนเรียกป้าเรืองดีกว่ามั้ง...
“อ้าว น้องนิด” ใครบางคนเรียก ผมจึงหันหลังกลับไปดู ยังไม่ทันจะเอ่ยปากตอบ ชายหนุ่มร่างสูงก็ก้าวเท้าเข้ามาเอามือมาแตะตรงที่จับรถเข็นของผมแล้ว
“เตรียมตัวขึ้นนะครับ ฮึบ...” พี่แกพาผมเข้ามาในตัวบ้านครับ
“ขอบคุณครับ” ผมตอบ ยิ้มให้เขินๆ
“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงยิ้มตอบ เมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไรพี่แกเลยพูดต่อ
“พี่ชื่อเชนนะ เดี๋ยวจะมาดูแลเรานั่นแหล่ะ” อ้อ...
“อ่า...สวัสดีครับคุณเชน”
“เรียกพี่เชนเถอะครับ พี่กับไอ้ฉกาจอายุมากกว่าเรานะ อีกอย่างจะได้ไม่ฟังดูห่างเหินด้วย คนไข้สนิทสนมกับผู้ดูแล จะทำให้หายไวยิ่งขึ้นนะ” พี่แกบอก ก่อนจะยิ้มใส่ตาผม
“ครับคุณ...เอ่อ พี่เชน” ผมตอบแก้เขิน เอามือลูบท้ายทอยตัวเองไปมา
“ดีมากครับ”
.
.
.
หลังจากทานข้าวฝีมือป้าเรืองเสร็จ ผมกับพี่เชนก็มานั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน อันที่จริงเรียกให้ถูกต้องบอกว่า ผมนอน แล้วพี่แกนั่งดีกว่า พี่เชนให้ผมนอนราบกับโซฟาพื้นเรียบ บีบนวด เคลื่อนไหวข้อต่อตรงส่วนขาให้ แล้วชวนคุยไปด้วย
“รู้สึกเจ็บบ้างไหม” ผมสั่นหัวหวือตอนที่พี่เชนถาม
“แต่มันรู้สึกเสียดๆตรงหัวเข่านิดหน่อยเวลาที่พี่ขยับ...ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะครับ” ผมบอก
“ไม่ได้รู้สึกไปเองหรอก ตรงหัวเข่าน้องนิดมีเหล็กดามอยู่นี่นา อีกอย่างการอัมพาตของเรามันไม่ได้เป็นโดยร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยมันต้องมีรู้สึกบ้าง ถ้าขยับแบบนี้ทุกวันๆ ต้องกลับมาเดินได้แน่” พี่เชนพูดให้กำลังใจ ผมนอนมองพี่เขางอข้อขาขึ้นลงไปมาซ้ำๆ เสียงนุ่มๆของพี่เชน ทำให้ผมนึกถึงคนที่ไปทำงาน...ทำไมมันไม่พูดจาดีๆกับผมเหมือนตอนที่มันปลอมตัวเป็นยามบ้าง
.
.
.
ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปนานขนาดไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่...
“นิด...นิดตื่น” ผมได้ยินเสียงเรียก ประกอบกับแรงเขย่าเบาๆทำให้ผมต้องปรือตาขึ้น ก่อนจะรีบปัดมือคนตรงหน้าออก มันก็ยังอุตส่าห์มาพยุงตัวผมให้นั่งได้ถนัด เหอะๆ อยากจะทำอะไรก็เชิญ กูไม่สนใจหรอกนะ... ผมมองออกไปข้างนอกเห็นท้องฟ้ามืดแล้ว นี่เผลอนอนไปนานเหมือนกันนะเนี่ย มองไปรอบๆไม่เห็นพี่เชน สงสัยกลับไปแล้ว...
“กินข้าวนะ” มันบอก พร้อมกับอุ้มผมขึ้น แล้วพาไปนั่งตรงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร ก่อนที่ตัวมันจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“พี่เชนละครับป้าเรือง” ผมถามป้าที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่ทันที่ป้าเรืองจะได้ตอบ คนตรงข้ามก็พูดแทรกอย่างไร้มารยาท
“
อ้อ...เจอกันยังไม่ครบวันดี นับญาติกันซะแล้ว ใจง่ายจริงๆ” มันพูด
“คุณหนู” ป้าเรืองเอ็ดเสียงเบา
“ใช่...ผมใจง่ายมากด้วย คุณน่าจะรู้ดีกว่าใคร ไม่อย่างนั้นตอนนั้นผมคงไม่ย้ายไปอยู่กับคุณหรอก นี่ผมกำลังคิดนะว่าถ้าพี่เชนเขาดีกับผมขนาดนี้ ผมน่าจะไปอยู่ที่บ้านพี่เขาเลยดีกว่า...”
“
นิด!”
“พอเถอะค่ะคุณหนู นู่น คุณท่านเดินมาแล้ว” ป้าเรืองบอก...จริงสิ ฉกาจมันน่าจะอยู่กับพ่อนี่นา ผมเลยมองตามสายตาป้าเรือง แต่ไม่เห็นใครจะมีลักษณะเหมือนอดีตท่านประธานที่ว่านอกจาก...ลุงทัช
“อ้าวพ่อ สวัสดีครับ” ฉกาจทักคนที่เดินมาหยุดตรงหัวโต๊ะ
“
อืม...ว่าไงหนูนิด เจอกันอีกแล้วนะลูก” ชายสูงวัยรับคำลูกชาย ก่อนจะหันมายิ้มทักผม
“คะ...คุณลุงทัช” ผมอ้ำอึ้ง สมองไม่ทำงานไปชั่วขณะ
“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ ผมไม่แนะนำแล้วกันนะ” คนตรงข้ามผมว่าแล้วตักข้าวเข้าปาก ผมหันไปมองหน้าลุงทัชอย่างหวาดๆ แกขยิบตาให้ผม ก่อนที่ผมจะหันไปมองพี่สุทินแล้วถามขึ้นว่า...
“พี่สุทินก็คงไม่ได้ปลอมตัวมาอีกคนใช่ไหมครับ...”
.
.
.
คำถามของผมทำเอาทุกคนบนโต๊ะฮาลั่น พี่สุทินแกก็ตอบเขินๆว่าแกเป็นคนขับรถจริงๆ ผมค่อยเบาใจหน่อย นี่ถ้าพี่แกปลอมตัวมาอีกคน กูคงหลอนกับครอบครัวนี้ไปอีกนาน... กินข้าวเสร็จ ลุงทัช เอ่อ...อดีตท่านประธาน ก็แยกตัวไปที่เรือนไม้หลังเล็กนั่น ส่วนมันก็อุ้มผมขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน กระชับตัวผมให้แน่นขึ้นก่อนจะใช้มืออีกข้างหมุนลูกบิด แล้วใช้เท้าดันประตูให้เปิดออก...ห้องนอนครับ และดูท่าว่าจะเป็นห้องนอนของมันเสียด้วย
“ผมอยากนอนแยก”
“ไม่ได้! เป็นอะไรดึกดื่นขึ้นมาใครจะดูแล” มันตอบขึ้นมาทันควัน ก่อนจะอุ้มผมไปที่ห้องน้ำในตัวห้อง
“
เฮ้ย! คุณจะทำอะไร” ผมร้องเสียงหลง เอามือเกี่ยวขอบประตูไว้ไม่ให้มันเดินเข้าไปได้ง่ายๆ
“อาบน้ำไง” มันบอกหน้าตาย
“ไม่ต้อง ผมอาบแล้ว!”
“อะไร ใครอาบให้
หืม ” มันเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ
“พะ...พี่เชน พี่เชนอาบให้ผมแล้ว!” ผมโกหก อ้างชื่อคนที่มาทำกายภาพให้ผมวันนี้ออกไป
“
อะไรนะ!” มันหัวเสีย เดินกลับไปที่เตียงนอนแล้ววางผมลง ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก เอาแล้วไงกู…
มันเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าผม สายตาจ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ และเมื่อคนปลายสายรับ มันก็กดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ได้ยินกันทั้งห้อง ที่มีเพียงผมและมันสองคน
“ไงวะ ไอ้ฉกาจ”
“ไอ้เหี้ยเชน วันนี้มึงอาบน้ำให้นิดเหรอ” มันถามเสียงขุ่น จ้องมองผมที่นั่งหน้าซีดอยู่ไม่วางตา
“เฮ้ย กูเปล่า...เอ๊ะ เดี๋ยว เออ อาบเว้ยอาบ มึงมีปัญหาอะไรวะ” เยี่ยมมาก! พี่เชน ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณพี่เลย แต่...
“ตกลงมึงได้อาบให้รึเปล่า” คนโทรหาถามเสียงเครียดกว่าเดิม ดวงตามันวาวโรจน์
“อาบ!”
“ไอ้เชน กูจ้างมึงมาให้ดูแลแค่เรื่องกายภาพอย่างเดียว เรื่องส่วนตัวอื่นๆของนิดเดี๋ยวกูจะเป็นคนดูแลเอง... เข้าใจตรงกันหมดทุกคนแล้วนะ”
“อะไรนะ...”
ปิ๊บ! พูดเสร็จไอ้คนเอาแต่ใจก็ตัดสายทิ้งทันที ก่อนที่มันจะมองมาแบบโกรธๆ แล้วเดินมาอุ้มผมอีกรอบ
“อะไร ผมบอกว่าพี่เชนอาบให้แล้วไง!”
“ก็อาบอีกรอบไง คนอื่นอาบให้สะอาดรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่เอา ผมไม่อยากอาบแล้ว...” ผมเงยหน้ามองมัน ส่ายหัวหวือ หน้าเราห่างกันแค่คืบ จนผมเป็นฝ่ายอายต้องก้มหน้างุด
“ผมง่วงแล้ว พาผมไปที่เตียงนะ” ผมหลอกมันออกไป จริงๆแล้วตอนนี้ไม่ง่วงสักนิด
“...”
“นะครับ...” ผมพูดเสียงเบา หลับตาแน่น แทบจะหยุดกลั้นหายใจ
“หึ...ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา” มันว่า พลางสาวเท้าไปที่เตียง ก่อนจะวางผมลงแผ่วเบา แล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวให้ เสร็จแล้วมันก็ถอดเสื้อผ้าหายเข้าไปในห้องน้ำ
ผมนอนหลับตาคิดอะไรอยู่นาน จนรู้สึกได้ถึงแรงยวบที่เตียง หวา...มันกลับมาแล้ว ผมได้แต่นอนนิ่ง ไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าขยับตัว ก่อนที่ผมจะรู้สึกเหมือนหยุดหายใจลงเอาดื้อๆ เมื่อมันเอาจมูกของมันมาคลอเคลียข้างแก้มผม แล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด จะขยับตัวออกก็ไม่ได้ เลยได้แต่นอนตามน้ำไป ผมนึกพลางถอนหายใจ...แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้วกู
....................................................................