ตอนพิเศษ 3 หวงกำลังสอง การที่ได้เฝ้าดูลูกของตัวเองเติบโตนี่มันมีความสุขมากเลยนะครับ ผมเองยังจำครั้งแรกที่อุ้มหนูเล็กได้ไม่ลืมเลือน แต่การที่ได้เห็นลูกของตัวเองเติบโตพร้อมกับแบ่งปันความรักให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนี่...มันเหมือนความสุขของผมลดหายลงไปครึ่งหนึ่ง ผมแทบอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ในตอนที่หนูเล็กเดินมาบอกผมกับคุณฉกาจว่า ‘หนูเล็ก...มีแฟนแล้ว’
“อะไรนะ” คุณฉกาจทำเสียงเครียด หน้ายู่จนเห็นริ้วรอยที่เป็นไปตามวัย
“หนูเล็กบอกว่า หนูเล็กมีแฟนแล้ว เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณยามไปส่งหนูเล็กที่โรงเรียน หนูเล็กอยากให้คุณยามเลิกหอมแก้มก่อนเข้าแถวสักที เพราะถ้าแฟนหนูเล็กเห็น เขาจะ...”
ตึง! ทั้งผมทั้งหนูเล็กสะดุ้งกับเสียงตบโต๊ะที่ได้ยิน ตายๆ ไอ้ยามผีเข้าอีกแล้ว
“รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” มันกดเสียงต่ำ กำมือเข้าหากันแน่น ผมที่นั่งอยู่ข้างๆโผเข้าไปลูบแขนมันเบาๆ ปากก็พร่ำบอกให้ใจเย็นๆ
“กะ...ก็ หนู...”
“สิบห้า...หนูเล็กเพิ่งจะอายุสิบห้า อยู่แค่ ม.สามแท้ๆ ริอ่านมีแฟนมันถูกแล้วเหรอ คุณยามรับไม่ได้หรอกนะ” มันพูดแล้วเบนหน้าหลบสายตาที่คุกกรุ่นไปอีกทาง
“แต่หนูเล็กโตแล้ว”
“ยังจะมาเถียง”
“หนูเล็กไม่ได้เถียง หนูเล็กแค่พูดความจริง” อ่า แบบนี้เขาเรียกว่าเถียงครับคุณลูก...
“ตอนนี้หนูเล็กควรจะสนใจเรื่องเรียนอย่างเดียว แฟนค่อยมีตอนทำงานก็ได้ ทำไมไม่ดูพ่อนิดเป็นตัวอย่างบ้าง” เอ่อ เดี๋ยวๆ...มันน่าดีใจอยู่หรอกนะที่พูดแบบนั้น แต่ให้ดูผมเป็นตัวอย่างจะดีเหรอ กูนี่เอากับยามเลยนะเฮ้ย
“เดี๋ยวพอหนูเล็กทำงาน คุณยามก็จะบอกว่าให้ตั้งใจทำงาน ห้ามมีแฟนอีกล่ะ” ดีมากลูก ดักคอมันไว้ก่อนแบบนี้ละถูกแล้ว
“หนูเล็ก!”
ผมกับหนูเล็กสะดุ้งกันอีกคนละระลอก ผมไม่ได้กลัวคุณฉกาจโมโหเท่ากับกลัวหนูเล็กร้องไห้หรอกนะ ผมตีมือลงกับแขนของคนด้านข้าง เจ้าตัวอึกอักเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไป
“ฮึก...ทำไมคุณยามต้องเสียงดังด้วย หนูเล็กไม่ชอบ โกรธ...โกรธคุณยามแล้ว หนูเล็กจะไม่พูดกับคุณยามเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง โป้ง!”
คนโป้งเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว ผมนี่หน้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูก แต่คนโดนโกรธนี่อาการหนักกว่า
“ผมขึ้นไปดูลูกนะ” ผมพูด เห็นมันพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย ซึมไปเลยละสิ…
ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู ออกแรงเคาะเบาๆเป็นสัญญาณให้คนในห้องรู้ตัว ก่อนจะเปิดแง้มเข้าไปช้าๆ ผมเห็นเด็กชายนอนเอาหน้าฟุบกับหมอน ตัวกระตุกตามแรงสะอื้นเป็นระยะ
“หนูเล็ก ขอพ่อนิดเข้าไปหน่อยนะลูก” ผมพูด ได้ยินเสียงอู้อี้ตอบรับกลับมาเบาๆจึงเดินไปนั่งลงข้างๆพลางยกมือลูบหัวปลอบคนขี้แย หนูเล็กยังเด็กอย่างที่ใครบางคนว่าไว้จริงๆนั่นแหล่ะ
“อย่าโกรธคุณยามเลยนะ คุณยามเขาเป็นห่วงหนูเล็กมากเลยรู้ไหม” ผมบอก ในขณะที่มือก็เช็ดคราบน้ำตาให้คนที่หันมามอง
“หนูเล็กรู้ แต่หนูเล็กไม่ชอบคุณยามเสียงดัง” เสียงเล็กๆติดขึ้นจมูกนิดๆตอบกลับมา เออนะ...พ่อนิดก็ไม่ชอบให้คุณยามเสียงดังเหมือนกันละ แต่ทำยังไงได้
“พ่อเขาแสดงออกไม่เป็นนี่นา”
“ก็...หนูเล็กไม่เข้าใจนี่” หนูเล็กตอบเสียงอู้อี้ เอาหน้าฟุบกับหมอนตามเดิม
“พ่อนิดก็ไม่เข้าใจหรอก คุณยามคงขี้อายมั้ง เลยแกล้งดุกลบเกลื่อน” ผมว่า ก้มลงทับแล้วหอมแก้มซ้ายแก้มขวาจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคัก...ในใจหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่าน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้คุณฉกาจเขาพยายามปรับตัวเองเยอะมากเหมือนกันนะ
ช่วงสองสามวันแรกที่พาหนูเล็กมาอยู่บ้าน ผมนึกตลกกับท่าทีของคุณฉกาจมาก อารมณ์ประมาณว่า อยากอยู่ใกล้ อยากเล่นด้วย แต่ก็กลัว...ตัวก็โตอย่างกับยักษ์ แต่ใจนี่เท่าเม็ดถั่วเขียว
‘คุณก็เข้าไปใกล้ๆหน่อยสิ อยู่ห่างแบบนั้นลูกมองไม่เห็นหรอกนะครับ’ ผมบอก นึกสงสารคนที่คอยเอานิ้วเขี่ยๆแขนเด็ก พอเขากระดุกกระดิกหน่อยก็ชักนิ้วกลับ มันจะกลัวอะไรนักหนา
‘หนูเล็กไปกินนมดีกว่าเนอะ พ่อนิดป้อนป้อนเลยเนอะ’ ผมว่าแล้วอุ้มตัวหนูเล็กขึ้นจากที่นอนหนีใครบางคน คุณฉกาจนี่มองตามตาละห้อย
อยากอุ้มละซี่...
‘หม่ำเยอะๆเลยนะเด็กดี’ ผมจับขวดนมให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ มือก็โยกตัวลูกไปพลาง...หนูเล็กเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย แถมยังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก ผมมองไม่เห็นปัญหาอะไรในการเลี้ยงลูกเลย เว้นเสียแต่ว่า...พ่ออีกคนชอบทำตัวยาก
คุณฉกาจเดินตามผมต้อยๆ คอก็คอยแต่จะยืดมองดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผม พอผมหันไปมองเจ้าตัวก็เสตาหลบ พอเริ่มเดินก็เดินตามอีก วนเวียนไปอย่างนี้ไม่รู้จักจบ...
‘เดินตามทำไมครับ’
‘แล้วเดินหนีทำไมล่ะ’ มันบ่นอุบ
‘ถ้าไม่หนีนี่จะทำยังไง ยืนดูอยู่เฉยๆเหรอ’
‘อะ...อืม’
.
.
.
“แล้วคุณยามเขาไม่อุ้มหนูเล็กเลยเหรอ” หนูเล็กถามเมื่อผมเล่าจบ
“อุ้มสิ หลังจากนั้นพ่อนิดก็สอนให้คุณยามอุ้ม ตอนแรกที่อุ้มหนูเล็กคุณยามนี่ตัวแข็งทื่อเลย เขากลัวทำหนูเล็กตก แต่พออุ้มเป็นแล้วก็อุ้มไม่ยอมวาง” ผมหยุดพูดเพราะนึกขำ หนูเล็กเคลื่อนตัวมานอนหนุนที่ตักแล้วเร่งเร้าให้ผมเล่าต่อ
“อย่างตอนที่ไปเที่ยวกัน พ่อนิดจะช่วยอุ้มช่วยถือของเขาก็ไม่ยอม ขาพ่อนิดไม่ดีด้วยละ คุณยามเลยไม่อยากให้ทำอะไร” ทุกวันนี้แม้ขาของผมจะหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วมันก็ยังไม่ยอมให้ผมทำอะไรอยู่ดี
“แล้วถ้าแอบทำคุณยามก็จะบ่นพ่อนิดใช่ไหม หนูเล็กรู้ คุณยามนะ ขี้บ่นจะตาย” หนูเล็กพูด ย่นหน้าเข้าหากันเพียงนิดแล้วคลายออก ผมหัวเราะเบาๆตามคำพูดและสีหน้าท่าทางนั่น
“ใช่ ขี้หวงด้วย ขนาดพ่อนิดจะส่งรูปหนูเล็กให้ลุงป้อมดู คุณยามเขายังหวงเลย”
ผมเองยังคงติดต่อกับพี่ป้อมตลอดครับ แต่เป็นทางจดหมาย...ครั้งแรกที่พี่เขาส่งมาคือส่งมาเพื่อแสดงความยินดีเรื่องขาของผม และพอผมส่งจดหมายกลับไป ก็เลยกลายเป็นว่าเราติดต่อกันทางจดหมายไปโดยปริยาย ผมเคยขอให้พี่ป้อมคุยกันผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ แต่พี่ป้อมไม่ยอม อีกอย่างพี่แกคงยุ่งเรื่องเรียน และเวลาที่อังกฤษไม่ตรงกับไทย เลยลำบากเขาด้วย
‘ทำอะไรนะนิด’
‘เขียนจดหมายตอบพี่ป้อมครับ’
‘แล้วทำไมต้องมีรูปหนูเล็กด้วย’
‘พี่ป้อมเขาอยากเห็นหน้าหลานนี่’
‘เหอะ มันเป็นญาติส่วนไหน ทำไมหนูเล็กถึงไปเป็นหลานมันได้’
‘ดูพูดสิ คนอะไรนิสัยไม่ดี’
‘ไม่รู้ล่ะ ห้ามส่ง ผมยึด’ หลังจากนั้นคุณฉกาจโดนผมโกรธอยู่หลายวันเลยล่ะ แม้เขาจะใหญ่ที่สุดในบ้าน แต่ถ้าผมลองได้เอาหนูเล็กเป็นพวกด้วยแล้ว...
‘เอาคืนไป อยากส่งก็ส่งไปเลย’
‘แฮ่ ขอบคุณครับ’
‘ผมให้ส่งแค่รูปหนูเล็กคนเดียว ห้ามส่งรูปตัวเองไปให้มันเด็ดขาด แล้วก็...ส่งรูปผมไปด้วย’
‘ทำไมต้องส่งรูปคุณไปด้วยละครับ’
‘ถ้ามันเห็นหน้าผม มันจะได้รำลึกได้ว่าเคยทำอะไรเอาไว้’
เออๆ โอเค กูจะทำตามนั้น... “คุณยามนี่ตลกจัง คิกๆ” หนูเล็กขำออกมา แล้วกลิ้งหัวไปมาบนตักของผม
“หนูเล็กจำได้ไหม ตอนที่พ่อนิดเอารูปลุงป้อมมาให้หนูเล็กดู แล้วหนูเล็กชมว่าลุงป้อมหล่อกว่าคุณยาม พ่อนิดนี่โดนคุณยามโกรธเฉยเลย” คนงี่เง่า ตอนนั้นผมต้องพูดว่ามันหล่อกว่าเกือบร้อยรอบถึงจะหายโกรธ
“แต่ลุงป้อมหล่อกว่าจริงๆนี่นา” จ้า...พ่อก็ว่าตามนั้น
“แต่หนูเล็กรักคุณยามมากกว่านะ รักพ่อนิดด้วย” หนูเล็กพูดเขินๆ
“ถ้าอย่างนั้น เราลงไปบอกคุณยามกันดีกว่าเนอะ” ผมบอกแล้วดันตัวลูกชายให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวกลับอิดออดเสียนี่
“หนูเล็กกลัว...คุณยามโกรธอยู่” ว่าแล้วก็กอดเอวผมไว้แน่น
“ไม่โกรธหรอก เชื่อพ่อนิดสิ นี่ครบหนึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”
“ไม่เอา หนูเล็กไม่กล้าอยู่ดี ถ้า...ถ้าลงไปคุณยามยังไม่หายโกรธ หนูเล็กคง...”
ผมอยากจะบอกหนูเล็กว่า ไม่ต้องกลัวเลยลูก สงสารไอ้คนที่อยู่ข้างล่างบ้าง ป่านนี้คงคอยชะเง้อมองบันไดจนคอแทบหลุดแล้วล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นหนูเล็กรอพ่อนิดที่ห้อง เดี๋ยวพ่อนิดไปเอาอะไรมาให้ รับรองคุณยามหายโกรธแน่นอน” ผมบอกลูกไว้แบบนั้นก่อนจะเดินออกมาเพื่อไปหาของในห้องตัวเองแล้วจึงกลับเข้าไปใหม่
“ฮ้า ชุดของใครกันครับ” หนูเล็กทำตาแวววาวเมื่อได้เห็น
“ชุดของคุณยามไงลูก” พอผมบอกออกไปแบบนั้นหนูเล็กก็ทำหน้าเหรอหรา ไม่เชื่อละสิ
“ตกลงคุณยามเคยเป็นยามจริงๆเหรอ” ผมกลั้นขำก่อนจะตอบออกไป
“จริงแท้แน่นอน...”
.
.
.
ผมค่อยๆจูงมือหนูเล็กลงมาข้างล่าง ชุดที่ใส่มองดูแล้วรุ่มร่าม เกรงว่าถ้าปล่อยให้เดินคนเดียวเจ้าตัวคงจะสะดุดหกล้มแน่ๆ
“พ่อนิดเดินช้าๆหน่อย หนูเล็กมองไม่เห็น” เด็กชายกระซิบ แหงละ จะมองเห็นได้ยังไง ใส่หมวกคุณยามปิดไปตั้งครึ่งหน้า...ผมค่อยๆเอามือจับหมวกที่ไม่พอดีกับหัวไว้ให้ หนูเล็กจะได้มองเห็นทาง
“ฮ้า...ตื้นเต้นจัง” หนูเล็กเดินมาซ่อนข้างหลังผมตอนที่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วเห็นใครนั่งหันหลังอยู่ ผมนึกว่ามันจะดูทีวีหรืออ่านหนังสืออะไรเสียอีก แต่นี่มันกลับนั่งนิ่ง...สงสัยลงโทษตัวเองอยู่แหง
ผมบุ้ยหน้าให้หนูเล็กเข้าไปหา เจ้าตัวยิ้มแย้มก่อนถลกชายกางเกงที่ยาวเกือบเท่าหนึ่งของขาตัวเองขึ้นแล้ววิ่งเข้าชาร์จคนที่นั่งหันหลังทันที
“คุณยำ!” หนูเล็กตะโกนเสียงดังจนคนที่โดนกอดรัดสะดุ้งสุดตัว มันดูตกใจตอนที่หันมาเห็น ริมฝีปากเกร็งแน่น...อยากจะยิ้ม แต่ยังกักไว้ละสิ
“คุณยามอ่า...ยังไม่หายโกรธเหรอ” หนูเล็กพูดแล้วอ้อมไปนั่งตัก ผมคอยมองพ่อลูกเขาคุยกันอยู่ห่างๆ
“ไปเอาชุดนี้มากจากไหน”
“ตอบไม่ตรงคำถามเลย” หนูเล็กทำแก้มพองลม ตีขาแล้วดิ้นแด่วๆอยู่บนตักของคุณยาม
“พ่อไม่ได้โกรธ พ่อแค่...ผิดหวัง” คุณฉกาจตอบออกมา แม้น้ำเสียงจะแผ่วไปในตอนท้าย แต่ผมก็ยังได้ยิน
“พ่อขอโทษนะ พ่อไม่ได้ตั้งใจเสียงดังใส่” มันบอก หนูเล็กไม่ได้ปริปากว่าอะไร แต่เอนตัวพิงอกของคนเป็นพ่อแทน คุณฉกาจโอบแขนกอดรัดร่างลูกชายไว้แน่น
“มีแฟนแล้วก็...พามาให้พ่อกับพ่อนิดรู้จักบ้างนะ”
“ไม่เอา ไม่พามาแล้ว ถ้าคุณยามไม่ชอบให้หนูเล็กมีแฟน วันนี้หนูเล็กจะเลิกเลย” หนูเล็กพูด พอจบประโยค ทั้งผมและคุณฉกาจที่ได้ฟังต่างพากันทำหน้าเหวอ
“หนูเล็ก...พ่อไม่ได้ห้ามนะ”
“เมื่อชั่วโมงที่แล้วคุณยามยังห้ามอยู่เลย” เจ้าลูกชายสวนกลับทันควัน
“กะ...ก็ถ้าหนูเล็กรักเขา พ่อก็จะรักด้วยไง”
“หนูเล็กไม่ได้รัก จะรักได้ยังไง ในเมื่อหนูเล็กยังไม่มีแฟน”
หา... “ก็หนูเล็กไม่ชอบที่คุณยามหอมแก้มหนูเล็กก่อนเข้าแถวนี่ เพื่อนๆเขาล้อหนูเล็กกันทั้งห้องเลยว่าไม่รู้จักโต หนูเล็กเลยถามลุงเชน ลุงเชนเลยให้มาบอกคุณยามแบบนี้...คราวนี้คุณยามไม่ต้องผิดหวังแล้วนะ หนูเล็กยังไม่มีแฟน คิกๆ”
หนูเล็กหัวเราะก่อนจะเงียบเสียงเมื่อโดนคุณยามของเขาอุ้มลงจากตัก
“อ้าว จะไปไหนครับ” ผมถามออกไปเมื่อเห็นอีกคนตั้งท่าจะออกจากบ้าน
“ไปบ้านไอ้เชนแปป” พูดเสร็จก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผมกับหนูเล็กนั่งมองหน้ากัน...ผมทำท่าประมาณว่า ลุงเชนตายแน่ใส่หนูเล็ก เจ้าตัวหัวเราะเสียงใสก่อนจะเดินมาคลอเคลียผม
อันที่จริงผมควรจะโทรไปบอกพี่เชนให้เตรียมตัวนะ แต่ช่างเถอะ คุณฉกาจเขาโดนแกล้งมาเยอะแล้ว พี่เชนควรโดนกับเขาบ้าง...ฮึ
....................................................
ตอนพิเศษถัดไปได้โปรดรออีกสองอาทิตย์นะคะ
